บทที่ 46
ผูกมัด
“จะโทรมาบอกว่าคืนนี้จะไม่กลับบ้านอีกละสิ”เสียงของผู้เป็นแม่ดักคอผม ก็เห็นว่าจะต้องไปเจอภู่ที่บ้านเช่าที่เราเคยอยู่ ซึ่งผมก็กะว่าภู่ไม่น่าจะปล่อยผมกลับแน่ๆ เลยกะว่าจะโทรบอกที่บ้านไว้ก่อน นี่ผมก็เพิ่งจะแยกกับคุณพ่อคุณแม่ของภู่เมื่อสักครู่นี่เอง
“พอดีมีธุระนิดหน่อยครับแม่”ผมจำต้องยอมรับออกไปเพราะสิ่งที่แม่ผมคาดเดามันดันถูกนี่แหละครับ
“ใช่ซี้ แฟนมาก็ลืมบ้านเลยนะ”ใครคาบข่าวไปบอกแม่ผมละครับเนี่ย ผมว่าผมยังไม่ได้บอกใครเลยนะว่าผมเจอภู่ หรือวันนี้มีนัดกับภู่ เจ้ปอน่าจะยังไม่รู้แน่นอน ส่วนข้าวหอมอันนี้ไม่แน่
“ใครนินทาอะไรผมให้ฟังอีกละครับเนี่ย”ถามกลับไปอย่างไม่ได้จริงจังนักหรอกครับ
“เปล๊า ก็แค่พอดีลูกเขยคนเล็กเอาของฝากมาให้แม่”หืมลูกเขยคนเล็ก ลูกเขยคนเล็ก นี่ผมจะทวนคำพูดแม่ในหัวตัวเองทำไมเนี่ย
“ภู่ไปที่บ้านมาเหรอครับ”แม่ผมนี่ก็ใช่เล่นนะครับ แทนที่จะบอกมาตรงๆ มีแอบแซวผมอีก แล้วนี่ภู่ก็ไม่บอกผมมั่งเลยว่าจะแวะไปหาพ่อแม่ผม กลับมานี่ชักเอาใหญ่แล้วนะเนี่ย ทำอะไรไม่บอกกันมั่งเลย ผมคุยกับแม่อีกนิดหน่อยก่อนจะวางสาย และก็ได้รู้ว่าภู่เอาของฝากไปให้ทุกคนที่บ้านผม แล้วของผมละไม่เห็นได้มั่งเลย
ผมถึงบ้านเช่าที่เราเคยอยู่ตอนมืดแล้ว ผมยืนยิ้มมองที่ๆ คุ้นตา ที่ๆ เราสองคนได้รู้จักกัน ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมาช่วงนึง มันดูไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ เรื่องราวมากมายเหลือเกินที่เคยได้เกิดขึ้นที่นี่ ใครจะไปคิดละครับว่าเด็กตัวสูงๆ ท่าทางกวนๆ ในวันนั้นจะกลายมาเป็นคนรักของผมจนถึงวันนี้ ทุกอย่างมันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่นี่ก็ 5 ปีเข้าไปแล้วมั้งครับ
“มาแล้วเหรอครับ ไปล้างไม้ล้างมือก่อนแล้วมานั่งนี่นะครับ”พอผมก้าวเข้าบ้าน อีกคนก็รีบสั่ง ผมส่งยิ้มให้เค้าอย่างเป็นสุข บรรยากาศเก่าๆ กำลังจะกลับมาสินะครับ
“นี่จัดเต็มขนาดนี้ มีอะไรพิเศษหรือเปล่าน้า”ผมแกล้งแซวนิดหน่อยเพราะโต๊ะอาหารนี่ ถูกจัดออกมาอย่างกับภัตราคาร เป็นใครก็มองออกแหละครับว่ามันต้องมีอะไรพิเศษๆ แน่นอน
“อยากให้มีไหมละครับ”เค้าบอกกลับมายิ้มๆ นี่ตกลงจะเซอร์ไพรส์หรือไม่เซอร์ไพรส์กันแน่ครับเนี่ย ชักจะทำตัวไม่ถูกเสียแล้วสิ
“เห็นว่าเอาขอบฝากไปให้ที่บ้านพี่”แต่ผมเองก็เปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ ครับงานนี้
“อ่ะๆ พูดใหม่ครับ”คำพูดผมถูกขัดจังหวะ เหมือนกับว่าผมพูดอะไรผิด
“ตกลงกันแล้วไงครับ ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง ไม่มีลุงแล้วด้วย”นี่ผมตกลงด้วยแล้วเหรอทำไมผมไม่ยักกะจำได้
“ก็มันไม่ชิน แล้วถ้าไม่ให้แทนตัวเองว่าพี่จะให้พูดว่าไงละ”ผมเริ่มบ่น แต่ก็บ่นไปงั้นแหละครับที่จริงก็ไม่ติดหรอกถ้าสรรพนามระหว่างเราจะเปลี่ยนไป ต่อให้เค้าจะให้เรียกอะไรแปลกๆ ก็ยอมครับ แต่ต้องสงวนท่าทีไว้ก่อนนิดนึง
“ก็เรียกชื่อไปเลยไงครับ”ผมทำท่าคิดนิดนึง ก่อนพยักหน้าตกลง
“แล้วไหนของฝากแปงละ เห็นแม่บอกว่ามีของฝากให้ทุกคนที่บ้าน แต่แปงไม่เห็นได้เลย”พอพูดแบบนี้แล้วผมว่ามันไม่ค่อยจะเข้ากับผมสักเท่าไหร่เลยอายุผมก็ไม่ใช่น้อยแล้วด้วย เอาเป็นว่าไว้ค่อยตกลงกันอีกทีดีกว่า ว่าตอหน้าคนอื่นผมคงขอไม่มุ้งมิ้งอะไรกับเค้ามาก แต่ถ้าอยู่กันตามลำพังนี่จะยอมตามใจเค้าเต็มที่
“โหเล่นทวงกันแบบนี้เลยเหรออุตส่าห์ว่าจะทำซึ้งเสียหน่อย มันจะซึ้งไหมละเนี่ย”เค้าทำท่าเซ็ง แต่ผมว่าน่าเอ็นดูเชียวแหละครับ
“ทำไมนี่กะทำซึ้งขอแต่งงานหรือไง”ผมแกล้งแซวต่อเนื่อง เพราะนึกถึงคำที่คุณพ่อเค้าพูดขึ้นมาพอดี แต่เหมือนผมจะเล่นผิดเวลาหรือเปล่า เพราะอีกคนสีหน้าเปลี่ยน จากที่ยิ้มแย้มกลายเป็นหน้าเครียดเอาเสียดื้อๆ
“แปงอยากแต่งเหรอครับ แต่ผมยังไม่พร้อม แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากแต่งนะ แปงอย่าเพิ่งโกรธผมนะ นะครับ”เค้ารีบละล่ำละลักเข้ามาบอกกับผม จนผมเองต้องรีบปราม
“เดี๋ยวๆ ภู่ ใจเย็น แค่แซวเล่นเฉยๆ ทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้น”เค้ายังคงมองหน้าผมนิ่งอย่างเหมือนไม่ค่อยเชื่อ นี่คิดว่าผมอยากแต่งงานจริงๆ เหรอเนี่ย
“คือวันนี้คุณพ่อของภู่พูดเล่นๆ ขำๆว่าจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ท่านสู้เต็มที่ เลยกะเอามาแซวภู่เฉยๆ ไม่ได้อยากแต่งอะไร จริงๆ”ผมรีบย้ำ แต่ดูอีกฝ่ายจะยังไม่พอใจในคำตอบของผมสักเท่าไหร่
“แล้วแปงไม่อยากแต่งกับผมเหรอ”อ้าว เป็นงั้นไปอีกไหนเพิ่งบอกผมว่าไม่พร้อม กะนึกว่ากลัวผมไม่พอใจที่ไม่พร้อมแต่ง พอบอกผมยังไม่ได้อยากแต่งก็มามุมนี้อีก แฟนใครเนี่ยเอาใจยากจริงวุ้ย
“มันไม่ใช่แบบนั้น แต่คือแค่เราอยู่ด้วยกันมันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ส่วนเรื่องอะไรพวกนี้ ถ้าวันนึงภู่อยากให้มี พี่ก็จะไม่ขัด แต่ไม่มีพี่ก็ไม่ได้ซีเรียส”แม้จะรู้ว่าพอแทนตัวเองว่าพี่แล้วเค้าอาจจะไม่พอใจ แต่ผมก็ยังทำ อาจเพราะอยากให้เค้ามองในมุมที่โตขึ้นด้วยแหละครับ
“โอเคครับ วันนี้แปงอาจจะยังไม่ยอมรับเต็มร้อยว่าผมโตแล้ว แต่ไม่นานหรอกครับผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าผมจะเป็นหัวหน้าครอบครัวให้ได้ ส่วนเรื่องแต่งงาน สักวันนะครับ สักวันมันจะต้องมีงานของเรา ที่จริงพ่อผมก็ยินดีจ่ายให้ก่อนแหละ แต่ผมมองว่าถ้าจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และจะดูแลคนรักได้ ทุกอย่างผมก็ควรจะรับผิดชอบมันด้วยตัวเอง จริงไหมครับ”จริงสินะ ถ้ามองในมุมเค้ามันก็คงกดดันไม่น้อย
“งั้นพักเรื่องอื่นไว้ก่อน ตอนนี้กลับมาที่ภู่เตรียมไว้วันนี้ดีกว่าเนอะ ไหนมีอะไรจะทำซึ้งบ้าง รอจะซึ้งแล้วเนี่ย”ผมยิ้มให้เค้า ไม่อยากให้เค้าเก็บเรื่องพวกนี้มาเครียด อยากให้เค้ารู้ว่าที่จริงผมดีใจมากที่มีคนอย่างเค้าจะมาเดินเคียงข้างไปด้วยกัน
“แปงรักภู่นะ จากนี้ไปไม่ว่ามันจะมีปัญหา หรืออุปสรรคอะไร อยากให้ภู่รู้ไว้ว่าแปงพร้อมจะสู้ไปด้วยกัน”เมื่อเห็นว่าเค้ายังดูกังวลอยู่ ผมเลยบอกความในใจออกไปอีก เค้าค่อยๆ คลี่ยิ้ม และเข้ามาสวมกอดผม
“ขอบคุณ ขอบคุณที่รักกันนะครับ”แค่นี้แหละ แค่นี้ที่ผมต้องการจากเค้า
“ขอบคุณเหมือนกัน ขอบคุณที่เข้ามาทำให้แปงได้มีแฟน”พูดจบ เราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน เราต่างมองหน้ากัน นี่อาหารบนโต๊ะคงจะน้อยใจแล้วที่เราสองคนไม่สนใจเลย เป็นอันว่าเราเลยตกลงว่าทานอาหารกันก่อน ก่อนที่มันจะเย็นชืดเสียหมด
“ที่จริงวันนี้ที่นัดมา เพราะผมมีเรื่องสำคัญ แต่อย่างที่บอกว่าผมเองยังไม่พร้อมในหลายๆ อย่างแต่ก็อยากจะขอ ขอให้แปงมาใช้ชีวิตด้วยกัน ที่นี่”ผมจ้องมองเค้าด้วยรอยยิ้ม แต่ยังไม่ตอบอะไรออกไป ที่จริงเรื่องการจะใช้ชีวิตด้วยกันนี่ ถ้าเค้าไม่พูดออกมาก่อน ผมก็อาจจะเป็นคนพูดก็ได้
“ถ้าแปงตกลง ผมจะพาพ่อกับแม่ไปคุย ขออนุญาตกับคุณพ่อคุณแม่ของแปง นะครับ”
“แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่”ที่จริงผมก็ไม่ได้ติดขัดอะไรนะครับ แต่คือถ้าเมื่อไหร่ที่เจ้ปอแต่งงานไปตอนนั้นผมอาจจะต้องกลับเข้าไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นถ้าผมจะชวนเค้าไปอยู่ที่บ้านด้วย เค้าจะโอเคหรือเปล่า
“ก็ผมเพิ่งเรียนจบ ยังไม่มีเงินเก็บมากพอที่จะไปซื้อที่ดีๆ สำหรับอยู่ด้วยกัน แล้วที่นี่น้าปุ๊กก็ยกให้ผมแล้ว อีกอย่างที่นี่มันก็มีความทรงจำของเราสองคนด้วยไง ไว้ถ้าผมเก็บเงินได้พอแล้วเราค่อยย้ายไปอยู่ที่ดีๆ กว่านี้นะครับ”อย่างที่บอกว่าผมไม่ติดอะไรหรอกครับ ทั้งการจะย้ายออกมาอยู่กับเค้า หรือจะอยู่ที่ไหน แต่ตอนนี้อยากแกล้งเค้านิดหน่อย
“ถ้ายังไม่มีตังค์ก็หากู้มาก่อนสิ จะได้ไปอยู่ที่ดีกว่านี้”ผมแกล้งตีหน้านิ่งบอกออกไป แต่ดูว่าผมจะเล่นไม่ถูกกาลเทศะอีกแล้ว เค้ามองผมด้วยสายตาค่อนข้างผิดหวัง สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“แปงต้องการแบบนั้นเหรอ”เค้าบอกเสียงหม่น จนผมหมดสนุกที่จะเล่นต่อ
“เฮ้ย นี่เชื่อจริงๆ เหรอ แค่ล้อแล่นเฉยๆ ทำเหมือนไม่รู้จักนิสัยกันเลยเดี๋ยวก็งอนเสียเลยนิ”
“ใจหายหมดเลย นี่นึกว่าต้องไปขอเงินพ่อแล้วนะเนี่ย โม้กับพ่อไว้ตั้งเยอะว่าจะสร้างทุกอย่างเอง ถ้ากลับไปขอนี่เสียหน้าแย่”สองพ่อลูกนี่อะไรกันครับเนี่ย ต่างคนต่างกลัวเสียหน้ากันหรือไงเนี่ย
“งั้นต่อไปถ้าลำบากเรื่องเงินก็บอกนะ”ผมบอกไปอย่างไม่ได้จริงจังนักเพราะคิดว่าขนาดพ่อเค้าจะให้ยังไม่รับ แล้วกับผมมีเหรอที่เค้าจะรับ
“อย่าเพิ่งปฏิเสธ แค่บอกเผื่อไว้ ถ้าวันไหนมันจำเป็นจริงๆ อีกอย่างไม่ได้จะให้ฟรีๆ สักหน่อย”ผมส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับเค้า
“พูดแบบนี้จะเป็นสายเปย์ แล้วให้ผมชดใช้ด้วยเรื่อนร่างหรือเปล่าน้า”นี่ก็รับมุกแถม จะเล่นใหญ่กว่าผมเสียอีกครับ
“ก็ไม่ขนาดนั้น แค่จะให้อยู่ดูแลไปตลอดชีวิตแค่นั้นแหละ”สายตาของเราประสานกัน ก่อนเค้าจะลุกไปหยิบบางอย่างออกมา
“ไหนบอกไม่ได้จะขอแต่งงาน”ผมแกล้งแซวอีกครั้งเมื่อเห็นเค้ายื่นกล่องกำมะหยี่มาให้ผม แต่มองจากขนาดก็รู้แล้วละครับว่ามันไม่ใช่แหวนหรอก
“พูดบ่อยๆ แบบนี้ผมต้องรีบเก็บเงินไปสู่ขอแล้วมั้งเนี่ย”ผมค่อยๆ เปิดกล่องเล็กๆ นั่นออกดู
“ชอบไหมครับ ผมทำมา 2 เรือนไว้ใส่เหมือนกัน”มันคือนาฬิกาครับ ดูจากราคาก็คงแพงเอาเรื่องอยู่ แถมด้านในมีสลัก P&P ที่เป็นชื่อย่อของเราทั้งคู่ด้วย เค้าเป็นคนแกะออกมาสวยให้ผมก่อน แล้วยื่นแขนมาให้ผมเป็นคนสวมให้เค้า
“มัดจำไว้ก่อนนะครับ ให้นาฬิกานี้เป็นสื่อว่าผมเป็นเจ้าของกันและกันแล้ว จากนี้ไปก็ห้ามไปทำตัวน่ารักกับใครเด็ดขาด ทำกับผมได้คนเดียว ใครมาจีบก็ต้องบอกไปด้วยว่ามีแฟนแล้ว แฟนหวงมากด้วย”
“ขอบคุณนะ ที่จริงแปงก็เตรียมของไว้ให้ตอนภู่กลับมาเหมือนกัน แต่พอดีมันอยู่ที่บ้านแม่ ไว้ค่อยเอาแล้วกันเนอะ”ผมรีบบอกเพราะกลัวเค้าจะน้อยใจว่าเค้าเรียนจบกลับมาแล้วผมไม่มีอะไรให้เค้า
“ได้ครับ แล้วนี่ตกลงว่าแปงจะย้ายมาอยู่กับภู่ที่นี่ใช่ไหม”อ้าวนี่ผมยังไม่ได้ตอบเค้าใช่ไหมครับเนี่ย
“ก็ต้องมาอยู่แล้ว แต่ว่า…”ผมหยุดคิดเมื่อนึกถึงว่าหากวันนึงเจ้ปอแต่งงานออกไป ภู่มองผมอย่างรอฟังคำอธิบายต่อเมื่อเห็นว่าผมเว้นช่วงไปนาน
“คือถ้าวันนึง เจ้ปอแต่งงานไป แล้วน่าจะย้ายไปอยู่บ้านเฮียต๊าฟ ตอนนั้นอาจจะต้องย้ายกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ที่บ้าน ภู่สะดวกไปอยู่ด้วยกันไหม”เค้านิ่งคิด คงเพราะอาจยังไม่เคยได้คิดถึงเรื่องนี้
“แบบนี้ผมก็ต้องแต่งเข้าบ้านแปงสินะครับ”
“ไม่ได้พูดเรื่องแต่งเลยนะเนี่ย วนไปวนมาถ้าเก็บตังค์ช้านักจะเป็นฝ่ายไปขอเองเสียเลยดีไหม”ผมบอกกลับไปขำๆ
“ไม่เอาสิครับ ผมเป็นสามีผมต้องเป็นคนไปขอ แต่ว่าสงสัยคงต้องไปแอบกระซิบเจ้ปอ ว่าอย่าเพิ่งยอมเฮียต๊าฟ”ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าต้องทำแบบนั้น
“ไม่ต้องงงครับ ก็ถ้าพี่ปอแต่งงานเร็ว ผมก็ยังเก็บตังค์ไม่พอไปขอแปงสิครับ”นี่ผมไม่น่าแซวเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเลยนะครับ ไปๆ มาๆ เลยเหมือนจะกลายเป็นกดดันเค้าไปเลย
“สรุปว่าอย่าเพิ่งคิดอะไรเลย แค่ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่นี่ก่อนก็พอแล้ว”ผมตัดบทเพราะไม่งั้นเดี๋ยวได้ตกลงอะไรกันยาวเหยียดอีกแน่
“งั้นวันนี้เราซ้อมเข้าหอกันไว้รอเลยแล้วกันนะครับ”นี่เมื่อผลจากเมื่อวานยังทำเอาผมเพลียๆ อยู่เลย นี่วันนี้ผมก็ยังจะไม่ได้พักเหรอเนี่ย แต่ไม่เป็นไรถือว่าชดเชยที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเสียนาน
TBC
— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —
มาต่อให้อีกนิด ว่าเค้าตกลงปลงใจจะไปอยู่ด้วยกันแล้ว