Episode 20: Kawin vs Brooklyn for Keith[1]
หลังจากรอดพ้นความหื่นกามของไอ้ซีเลนมาได้ ผมก็ไม่สนใจมันอีกเลยตลอดทั้งวัน ไม่สนใจแม้แต่จะถามบรูคลินว่ามันโดนซีเลนทำอะไรหรือเปล่าแต่อย่างใดเพราะผมรู้ว่ามันต้องโดนอยู่แล้ว และแน่นอนว่าผมไม่รู้สึกผิดที่โยนขี้อย่างซีเลนให้มันเก็บกวาดแม้แต่นิดเดียว
ก็มันอยากผูกพันกับคีธดีนักนี่หว่า ให้มันผูกพันซะให้สมใจ เอาให้ไอ้ซีเลนจัดหนักให้กระอักตายกันไปข้าง!
ฟังดูเหมือนผมเลวนะที่ทำแบบนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันหมั่นไส้นี่หว่า ถึงจะรู้ว่าพวกมนุษย์ต่างดาวพวกนี้มีคติว่าการได้ผูกพันกับชาวยูนิกม่าหรือมีลูกให้นั้นถือเป็นเกียรติอันสูงสุด แต่เสนอตัวถึงขนาดนี้มันก็ใช่เรื่องมั้ยวะ ทำซะผมนี่อายแทนมันเลย
และพอรอดจากปากเหยี่ยวปากกาของซีเลนมาได้ วันนั้นทั้งวัน ผมไม่ได้คุยกับคีธอีกเลย ...อย่าเรียกว่าไม่ได้คุย เรียกว่าผมไม่กล้าสู้หน้าหมอนั่นดีกว่าเลยทำให้ไม่ได้คุยกัน แม้ว่าคีธจะพยายามเข้าหาอยู่เนืองๆ แต่พอผมเห็นปุ๊บ ผมก็แสร้งทำเป็นยุ่ง ไม่ก็มีธุระปะปังต้องจัดการปั๊บ ก็จะให้ผมสู้หน้ายังไงได้ล่ะ เมื่อคืนมันเพิ่งจะปล้ำผมมาเองนะ ยิ่งตระหนักได้ว่าที่มันขอผูกพัน ขอมีลูกกับผม เป็นเพราะมันชอบผม ผมก็ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเข้าไปใหญ่ ล่าสุดที่ผมเห็นคีธพยายามเข้าหา ผมก็แกล้งทำเป็นว่ายังป่วยและยังมีอาการหนักอยู่ รีบหนีกลับไปที่เต็นท์พยาบาล คีธก็เลยไม่ตามมา ผมเลยรอดจากการเผชิญหน้ากับมันไปทั้งวันเต็มๆ
จนเช้าวันใหม่ ผมก็ยังไม่กล้าสู้หน้าคีธอยู่ดี เอาแต่หลบหน้าจนมันไปฟ้องริชาร์ด ริชาร์ดจึงเป็นหน่วยจู่โจมเข้ามาหาผมเพื่อไถ่ถามสาเหตุที่ผมไม่ยอมพูดกับคีธทันทีที่เจอหน้ากันในตอนเช้าที่เต็นท์สำหรับทำงาน
“ทำไมนายไม่คุยกับคีธฮะเควิน” มันเปิดฉากโดยไม่รอให้ผมได้ทักทายอะไร
ผมมองหน้ามันพลางจิบกาแฟขณะรอเริ่มงาน ก่อนจะสวนคืนนิ่งๆ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายวะ”
“ก็ไม่อยากจะเกี่ยวหรอก แต่คีธฝากมาถาม” มันว่าพลางเดินไปชงกาแฟบ้าง ผมนี่ย่นคิ้วยู่เลย
“นายไปเป็นพวกไอ้มนุษย์ต่างดาวพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะถึงต้องมาออกหน้าถามแทนมันเนี่ย”
“ตั้งแต่ที่สะโพกครากแล้ว” ริชาร์ดว่าหน้าตาเฉย เดินกลับมานั่งข้างผมให้ผมได้เบ้ปากใส่มัน
โถ... ไอ้เจ๊กมีผัวแล้วลืมกำพืด! อีกหน่อยถ้าไอ้แอสตันมันจะครองโลกขึ้นมา มึงคงเป็นแกนนำสนับสนุนผัวมึงเลยสินะ!
“ตกลงทำไมนายไม่คุยกับคีธ” มันถามขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าผมไม่พูด
“ก็ไม่มีอะไร แค่ไม่อยากคุย” ผมตอบเลี่ยงๆ ไปว่าที่ไม่อยากคุย จริงๆ เป็นเพราะไม่กล้าสู้หน้าหลังถูกปล้ำมาอย่างโชกโชนต่างหาก
ทว่าริชาร์ดไม่ใช่คนโง่ เห็นผมพูดอย่างนั้นมันก็จับผิดทันใด
“ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะคีธขอมีอะไรด้วย แล้วก็ขอมีลูกด้วยเหรอวะที่ทำให้นายไม่อยากคุยกับหมอนั่น”
มึงไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดี! กูอุตส่าห์ไม่พูดแล้วนะเนี่ย!
ผมไม่ตอบ ได้แต่มองมันตาเขียวที่มันพูดแทงใจดำอย่างนั้น ทำให้มันโพล่งขึ้นมาอีก
“นายไม่ชอบคีธเหรอวะ”
ประโยคที่หลุดออกจากปากมันครั้งนี้ก็ทำให้ผมสำลักกาแฟที่กำลังกระดกเข้าปากทันใด
“แค่ก...พะ...พูดอะไรของนายเนี่ย”
“ฉันก็แค่ถามว่านายไม่ชอบคีธเหรอก็เท่านั้น จะตกใจทำไมเนี่ย”
ผมไอโขลก โบกมือปัดเป็นพัลวันเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร หากแต่ริชาร์ดมันไม่เชื่อ หรี่ตาที่เล็กอยู่แล้วให้เล็กลงกว่าเดิม พยายามจับพิรุธผมอย่างสุดความสามารถ
“นายชอบคีธแน่ๆ ฉันว่า”
“ชอบป้ามึงสิ” ผมสวนกลับเป็นภาษาไทยอย่างลืมตัว ทำเอาริชาร์ดย่นคิ้ว ผมเลยพูดเป็นภาษาอังกฤษขึ้นมา “ไม่ได้ชอบเว้ย”
“งั้นเหรอ” ริชาร์ดเชิดหน้าขึ้นราวกับไม่เชื่อ
“เออ ไม่ได้ชอบ”
“แต่คีธชอบนายนะ ชอบมากซะด้วย” แล้วมันก็ทำให้ผมแทบจะทำแก้วกาแฟในมือหล่นลงพื้น
“มัน...มันก็แค่พูดเล่นน่า อย่าไปสนใจ” ผมแสร้งทำเป็นไม่ยอมรับ ทว่าริชาร์ดก็ทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นมา
“หมอนั่นเพิ่งจะบอกกับฉันมาหมาดๆ เองว่าชอบนาย ฉันก็ดูออก ไม่งั้นคงไม่ขอให้ฉันมาคุยกับนายอย่างนี้หรอก”
ผมเงียบไปทันใด
กะ...กูรู้แล้วว่ามันชอบกู มึงก็ไม่ต้องมาย้ำก็ได้ กูก็อายเป็นหรือเปล่าวะ!
“แล้วนายล่ะชอบคีธหรือเปล่า” ได้ที มันก็ถามขึ้นมาอีก
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบ เลิกถามซะทีได้มั้ยวะ เห็นฉันเป็นเกย์หรือไง” ผมชักจะหัวเสียก็ตอนนี้ที่ถูกริชาร์ดคาดคั้นไม่หยุด แต่ริชาร์ดไม่สนใจ พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ถ้าชอบก็ลุยๆ ไปเลย เรื่องเป็นเกย์หรือไม่ได้เป็นเกย์มันไม่ใช่ข้ออ้างว่ะถ้านายจะชอบหมอนั่นจริงๆ ฉันเห็นนายลีลาท่ามากแบบนี้แล้วรำคาญว่ะ ลุยแบบฉันเนี่ย ลุยไปเลยจะได้จบๆ”
ก็กูไม่ได้เป็นคนใจง่ายแบบมึงนี่หว่าไอ้เจ๊ก! อีกอย่างนะ กูยังไม่รู้เลยว่ากูชอบคีธจริงหรือเปล่า หรือแค่หวั่นไหวชั่วครู่เท่านั้น มึงอย่ามากดดันกูได้มั้ย!
“ฉันไม่ได้ชอบ...” สุดท้ายผมก็ชักรำคาญกับการคาดคั้นของเพื่อนสนิทจนว่าเสียงแข็งออกมาอีกครั้ง
ริชาร์ดพยักหน้ารับส่งๆ แล้วว่าปิดท้าย
“โอเคๆ ก็แล้วแต่นายนะ แต่ถ้าชอบคีธล่ะก็ ฉันแนะนำให้รีบลุย ไม่งั้นล่ะก็เสร็จบรูคลินแน่ รู้ไม่ใช่เหรอว่าพวกสองพี่น้องนั่นกำลังจ้องแอสตันกับคีธอยู่ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน เดี๋ยวฉันไปทำงานก่อน” ว่าจบ มันก็ถือแก้วกาแฟเดินออกจากเต็นท์ไป
ผมมองตามหลังมันเงียบๆ พร้อมกับความรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาในอกเมื่อตระหนักได้กว่าเดิมว่าบรูคลินพยายามจะทำอะไร แม่ง คิดแล้วก็อยากจะตบหัวไอ้พี่น้องคู่นั้นให้คว่ำนัก พวกมึงจะกระสันอะไรกันนักกันหนาวะ!
ไม่เพียงแต่ร้อนวูบวาบในร่างกาย ยังหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลอีกด้วย ก่อนที่ผมจะรีบเก็บความรู้สึกนั้นลงไปเมื่อถูกด็อกเตอร์มาร์ตินตามตัวให้ไปช่วยงาน
บ้าชะมัด... ความรู้สึกนี้มันเหมือนกำลังหึงหวงคีธไม่มีผิด หรือผมควรจะต้องยอมรับว่าชอบคีธเข้าให้แล้วจริงๆ นะ?
ตลอดวันทั้งวัน ผมทำงานแทบไม่รู้เรื่องเลยก็ว่าได้เพราะในหัวมีแต่เรื่องของคีธเต็มไปหมด ยิ่งต้องมาทำงานคอยดูแลคิวนักแสดงและสตั๊นแมนในฉากที่มันเล่นด้วยแล้ว สมาธิของผมก็กระเจิดกระเจิงไปหมดเมื่อถูกสายตาคมคู่นั้นจ้องมองตลอดเวลา
มะ...มึงจะมองอะไรนักหนา กูก็อายเป็นเหมือนกันนะ โธ่เว้ย!
แต่จนแล้วจนรอดมันก็ได้แค่มองกันไปมองกันมาเท่านั้นแหละ เพราะผมก็ยังไม่กล้าคุยกับมัน มันเองก็คงจะเหนื่อยกับการพยายามเข้าหาผมล่ะมั้งถึงได้ปล่อยให้ผมทำงานโดยไม่เข้ามาก่อกวน จะมีก็แต่แอสตันกับริชาร์ดนี่แหละที่พอว่างเมื่อไหร่ ก็พากันจูงมือหายเข้าป่าบ้าง เข้าห้องน้ำบ้างอยู่เนืองๆ ผมรู้เลยว่าพวกมันหายไปทำอะไรกัน
พวกมึงนี่มันไม่เกี่ยงสถานที่กันเลยนะ!
ยอมรับว่าผมเห็นริชาร์ดยิ้มเล็กยิ้มใหญ่อย่างมีความสุขยามพูดคุยเล่นหัวกับแอสตันแล้ว ผมก็แอบอิจฉาระคนหมั่นไส้เหมือนกัน ล่าสุดนี่ถึงกับนั่งหวีผมให้แอสตันโดยไม่แคร์ฝ่ายคอสตูมแม้แต่น้อย เห็นแล้วผมก็แทบจะเดินไปถีบมันให้หายหมั่นไส้ แม่ง ทำเป็นคู่ข้าวใหม่ปลามันไปได้ อย่างมึงก็เป็นได้แค่เห็บหมาข้างเทพบุตรเท่านั้นแหละไอ้ริชาร์ด!
หงุดหงิดฉิบหาย หงุดหงิดจนทนอยู่ดูพวกมันกระหนุงกระหนิงกันไม่ได้! พวกมึงเลิกถ่ายหนังแล้วไปเช่าโรงแรมอยู่ด้วยกันเลยไป๊! พาลเว้ยพาล!
แต่ก็พาลหัวฟัดหัวเหวี่ยงในใจได้ครู่เดียวเท่านั้นแหละ เพราะพอเลิกกองปุ๊บ เบนที่รับปากกับแอสตันว่าจะมาหาก็ปรากฎตัวมาให้เห็นพอดี แน่นอนว่าหมอนี่โผล่มาในฐานะเด็กเสิร์ฟน้ำอย่างเคย พอริชาร์ดเห็นหน้าเบนที่เดินเข้าไปทักผัวตัวเองด้วยสีหน้าเริงรื่นปุ๊บ มันก็ทำหน้าเมากัญชาใส่เด็กนั่นทันที หากแต่เบนมองเห็นหมอนั่นเป็นอากาศธาตุ คุยกับแอสตันหน้าตาเฉย
“องค์ชายเสวยอาหารหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”
“ยังเลย” แอสตันว่ายิ้มๆ
“แล้วเมื่อวานองค์ชายได้เสวยมั้ยพ่ะย่ะค่ะ” เบนถามอีก ผมรำลึกได้ทันทีว่าก่อนหน้านั้นได้ยินเบนบอกให้แอสตันกินสารอาหารจากบรูคลินไปก่อนระหว่างรอตัวเองมา
“ไม่ได้กินหรอก”
พอแอสตันตอบ เบนก็ทำหน้าตกใจ
“ทำไมพระองค์ถึงไม่เสวยล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็บูลิโอเป็นโฮสต์ของคีทาเยนี่นา นายก็น่าจะรู้ว่าชาวยูนิกม่าไม่นิยมใช้โฮสต์ร่วมกัน มันเป็นธรรมเนียม”
“อย่างนี้พระองค์คงจะทรงหิวมากแน่ๆ” เบนทำหน้าจ๋อยๆ ทันใด ให้แอสตันได้ยกมือลูบหัวของเด็กนั่นเบาๆ
“นายก็มาแล้วนี่ไง”
ได้ยินเท่านั้น ริชาร์ดก็น่าตึงที่จู่ๆ ผัวตัวเองก็จะไปดูดปากกับเด็กในสังกัดซะอย่างนั้นขณะที่เบนยิ้มรับกว้างทันใด
“งั้นขอเชิญองค์ชายไปที่ลับตาพ่ะย่ะค่ะ พระองค์จะได้เสวยพระกระยาหารเต็มที่ วันนี้พระองค์ต้องวางไข่ด้วยนี่ หม่อมฉันเตรียมการสำหรับการคลอดไว้แล้ว ขอเชิญพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
แอสตันพยักหน้ารับ หันไปบอกริชาร์ดสั้นๆ
“เดี๋ยวเรามานะ”
“ไม่ให้ไป ถ้าจะกินก็มากินจากฉันนี่ วางไข่ก็วางที่ฉัน ไม่งั้นก็ปล่อยให้ตายไปเลย” ริชาร์ดว่าเสียงห้วน คว้าแขนล่ำของแอสตันไว้แน่น หน้าตาบอกบุญไม่รับสุดๆ ขณะที่เด็กเบนทำหน้างงงวย ส่วนแอสตันก็ยิ้มเผล่
“หึงเหรอ”
“เออ” ริชาร์ดว่ากระแทก
ผมเห็นแล้วก็หัวเราะก๊ากออกมาด้วยความสะใจเลย สมน้ำหน้ามึงไอ้ริชาร์ด ทำเป็นหวานแหววแต๋วจ๋า เป็นไงล่ะมึง พอเด็กผัวมึงมาแล้วฟีลเมียหลวงมาเต็ม เด็กผัวมึงมาทีก็จัดหนักจัดเต็ม แถมไม่มาเฉยๆ เอาดีดีทีมาฉีดมึงด้วย เห็บหมาช็อคเลยมั้ยล่ะมึง!
ใจจริงผมอยากจะดูนะว่าพวกมันจะทำอะไรกันต่อไป ไอ้นี่น่ะมันสนุกกว่าละครเมียหลวงเมียน้อยหลังข่าวอีกบอกเลย แต่ริชาร์ดก็จัดการลากแอสตันไปที่ป่าโดยมีเบนตามต้อยๆ ไปซะแล้ว ผมก็เลยอดดูไปโดยปริยาย หากแต่พอผมจะกลับไปที่เต็นท์เพื่อพักผ่อน เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เรียกให้ผมหันไปมอง
“กวินทร์”
คีธนั่นเอง
ผมที่ไม่ได้ตั้งตัวว่าจะได้ประจันหน้ากับมันถึงกับทำหน้าไม่ถูก แต่ครู่เดียวผมก็ตั้งสติได้ แสร้งปั้นเสียงแข็งถามกลับทันใด
“อะไร”
“กลับมาเป็นโฮสต์ให้ฉันมั้ย” จู่ๆ คีธก็ว่าออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยแทนที่จะพูดเรื่องอื่นอย่างเรื่องที่ทำกับผมเมื่อคืนก่อนอะไรเทือกนี้
ผมหรี่ตามองอย่างสงสัยกับท่าทางเหนื่อยอ่อนนั่น ทว่าก็ไม่ได้สนใจนักนอกจากสวนคืนไปโดยไม่หยุดคิดให้เสียเวลา
“ไม่”
“ไม่จริงๆ เหรอ”
“เออ ไม่ ไม่เอาอีกแล้ว นายถามฉันกี่รอบแล้ววะคำถามนี้เนี่ย น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วนี่หว่า” ผมว่าลอยหน้าลอยตาไปเรื่อย
สายตาของคีธประกายความผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น ผมไม่รู้เหมือนกันว่าหมอนี่จะส่งสายตาแบบนี้มาให้ทำไมทั้งที่รู้คำตอบของคำถามนี้ดีอยู่แล้วว่าไม่ว่าจะถามยังไง ผมก็ไม่ยอมตกลง
ทว่าครั้งนี้มันต่างกันเพราะพอผมปฏิเสธแล้วแทนที่คีธจะเลิกตอแย ทว่ามันกลับว่าขึ้นมาอีกครั้ง
“วันนี้ฉันจะต้องวางไข่เพื่อสร้างร่างใหม่ ถ้านายไม่กลับมาเป็นโฮสต์ให้ ฉันก็คงจะต้องพึ่งพาบูลิโอ”
ฟังแล้วผมก็เสียวแปลบขึ้นมาในใจขึ้นมา นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ก็ได้ยินเบนพูดเรื่องวางไข่เหมือนกัน และผมก็ยิ่งเสียวแปลบในใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อนึกได้ว่าบรูคลินมันจ้องจะทำอะไรกับคีธอยู่ ใจผมนี่อยากจะกลับคำพูดทันควัน ทว่าไม่ทันจะได้อ้าปาก คีธก็เดินไปหาบรูคลินที่กำลังขนข้าวของไปเก็บแล้วเรียบร้อย
“บูลิโอ ได้เวลาแล้ว”
คีธว่าเรียบๆ บรูคลินพยักหน้า ปล่อยข้าวของที่อยู่ในมือให้ทีมงานคนอื่นจัดการต่อ ก่อนจะเดินตามคีธไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก
ผมเห็นแล้วก็ร้อนวาบทั่วทั้งร่างกายทันทีที่เห็นสองคนนั้นหายเข้าไปด้านใน ผมรู้ตัวเลยว่าอาการที่เกิดขึ้นกับผมมันคืออาการหึง...
หะ...หึง... หึงชะมัดเลย!
ผมอยากจะหันหลังกลับแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นชะมัด แต่จิตใต้สำนึกดันสั่งให้ขาทั้งสองข้างของผมก้าวตามสองคนนั้นไปเร็วๆ โดยผมไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังทำอะไร พอมาหยุดหน้าห้องน้ำได้ ผมก็ไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปเต็มแรง โชคดีที่พวกมันไม่ได้ล็อคประตูห้องน้ำ ผมเลยเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
และพอแทรกตัวเข้ามาด้านใน ภาพของคีธที่มีสีหน้าอิดโรยกำลังประคองใบหน้าของบรูคลินเตรียมจะจูบก็ปรากฎสู่สายตาผมพอดี สองคนนั้นชะงักงันเมื่อจู่ๆ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญโผล่เข้ามา หันมามองผมเช่นกัน คีธมองผมด้วยสีหน้านิ่งเรียบอย่างเคยขณะที่บรูคลินมองอย่างมีคำถาม
ผมไม่รอให้ใครต้องถามผมออกมาว่าเสนอหน้ามาที่นี่ทำไม ตรงเข้าไปหาคีธแล้วจัดการกระชากคอเสื้อหมอนั่นให้ออกห่างจากบรูคลินพลางพาตัวเองเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั้นอย่างลืมตัว
“หมอนี่เป็นของฉัน” ไม่รู้อะไรบันดาลใจให้ผมพูดอย่างนี้ แต่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายผมสั่นเทิ้มไปทั้งตัว แถมหัวใจก็เต้นระทึกราวกับจะระเบิดออกมาให้ได้อีกต่างหาก
หึง... นี่มันคืออาการหึงจริงๆ ด้วย! ให้ตาย ทำไมผมจะต้องมาหึงมันจนตัวสั่นไปทั้งตัวแบบนี้นะ!
บรูคลินทำหน้าเอ๋อรับประทานไปทันทีด้วยยังตั้งตัวไม่ถูก ผมเองก็ไม่รอให้มันได้ตั้งตัวด้วย พูดจบก็หันไปหาคีธแล้วว่าเสียงกร้าว
“วางไข่มาเลย”
“หือ?” คีธเลิกคิ้วสูงให้ผมได้พูดซ้ำ
“วางไข่ใส่ฉันมาเลย ฉันจะเป็นโฮสต์ให้นายเอง”
“นายเป็นอะไรน่ะกวินทร์ ไม่สบายหรือเปล่า” คีธว่าเสียงเนือยๆ ให้ผมได้ย่นคิ้วยู่
“สบายดี วางไข่มาเร็วๆ” ผมเร่งเร้า กระชากคอเสื้อหมอนั่นเข้ามาทำท่าจะจูบปาก หากแต่คีธยกมือดันไหล่ผมเอาไว้
“เห็นเมื่อกี้เพิ่งจะปฏิเสธมาไม่ใช่เหรอ”
“นั่นมันเมื่อกี้ ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”
“แปลกแฮะ ปกติไม่เคยเห็นเสนอตัว ฉันว่ากวินทร์ป่วยแน่ๆ”
มึงนี่มันไม่ได้เข้าใจเลยใช่มั้ยว่าที่กูมาโผล่หน้าอยู่ตรงนี้เป็นเพราะอะไร! อย่ามาทำมึนตอนนี้ได้มั้ยโว้ย!
ตอนนี้ผมโคตรจะชัดเจนในความรู้สึกตัวเองเลยว่าผมชอบมันเข้าให้จริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่หวั่นไหวอย่างที่ผมคิดในตอนแรก ถ้าไม่ชอบมันก็คงจะไม่หึงจนควันออกหูอย่างนี้หรอก ถึงจะไม่อยากยอมรับสักเท่าไหร่ว่ารสนิยมทางเพศของตัวเองเปลี่ยนไปโดยไม่ทันตั้งตัวก็ตาม
“จะวางหรือไม่วาง อย่าเล่นตัวได้มั้ยวะ!” ผมชักจะหัวเสียที่คีธเอาแต่จ้องหน้าผมด้วยสายตาสงสัย
พอเห็นผมเริ่มออกอาการโมโห คีธก็พยักหน้าแล้วทำท่าจะจูบผม ทว่าก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อบรูคลินยกมือขึ้นมาแตะท่อนแขนของหมอนั่นเอาไว้
“เอ่อ...”
ผมตวัดหางตาไปมองขวับทันใด
มึงนี่มันไอ้ตัวขัดลาภจริงๆ!
“มีอะไร!” ไม่ใช่เสียงคีธ เสียงผมเองที่หันไปตวาดมัน
บรูคลินมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะว่าอ้อมแอ้มออกมา
“คือว่า... ถ้าท่านผู้พิทักษ์วางไข่ใส่เควินแล้ว เควินจะไปคลอดที่ไหนเหรอ ในกองถ่ายเนี่ยเหรอ?”
ผมนิ่งงันไปทันใด ลืมคิดถึงข้อนี้ไปเสียสนิทว่าถ้าต้องท้องคีธเพื่อสร้างร่างใหม่ ผมจะต้องอุ้มท้องมันเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง และถ้าจะต้องอุ้มท้องเพื่อรอคลอดในกองถ่าย รับรองเลยว่าคนทั้งกองถ่ายได้แตกตื่น เปลี่ยนจากถ่ายทำหนังฮอลลีวูดกลายมาเป็นถ่ายทำหนังสารคดีมนุษย์ต่างดาวแหวกสะดือแน่นอน เพราะดูท่าแล้วไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่น่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ได้จนครบยี่สิบสี่ชั่วโมงในสถานที่แบบนี้ เพราะไหนจะต้องทำงาน ไหนจะต้องอาศัยร่วมกับคนอื่น ยังไงก็ความแตกแน่นอน
แต่ถ้าคีธวางไข่ใส่บรูคลิน มันก็ต้องท้องในกองถ่ายเหมือนกันนี่หว่า แล้วมันจะต่างจากผมตรงไหนล่ะถ้างั้น!?
ทว่าไม่ทันที่ผมจะได้ถาม บรูคลินก็เปิดปากอธิบายออกมาราวกับอ่านสีหน้าผมออกว่าผมจะถามเรื่องอะไร
“ฉันเตรียมสถานที่สำหรับคลอดไว้แล้ว เป็นโรงแรมด้านนอก ฉันจองไว้ตั้งแต่ก่อนมาที่นี่แล้วเพราะฉันรู้ว่าคืนนี้ฉันจะต้องไปซื้อของจำเป็นสำหรับฝ่ายคอสตูมน่ะ ก็เลยอ้างกับผู้กำกับว่าให้ท่านผู้พิทักษ์กับองค์ชายไปช่วยขนของด้วย”
อ๋อ มิน่าล่ะ ไอ้เด็กเบนถึงได้บอกว่ามันเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ที่แท้พวกมึงก็วางแผนกันเอาไว้แต่เนิ่นๆ แล้วนี่เอง
“แต่ถ้าท่านผู้พิทักษ์อยากจะเปลี่ยนโฮสต์ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่คิดว่าเควินคงจะเดือดร้อนแน่ถ้ามีคนรู้” แล้วบรูคลินก็ว่าตบท้ายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้ฟังแล้วรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังเยาะเย้ยผมอยู่ก็ไม่รู้
“ท่านผู้พิทักษ์ตัดสินใจเถอะ” มันบอกกับคีธสั้นๆ
คีธมองหน้าผมเล็กน้อยพลันย่นคิ้ว ในใจผมรู้เลยว่ามันต้องไม่เลือกวางไข่ใส่ผมแน่ แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อมันพูดขึ้นมา
“งั้นกวินทร์เอาไว้ครั้งหน้านะ”
มึงเลือกมันใช่มั้ยไอ้คีธ! ใช่ซี่! กูไม่มีโรงแรมไว้คลอดมึงนี่!
ผมโคตรจะรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่เลย อุตส่าห์เสนอตัวให้มัน แต่ดูมันสิแม่ง! มึงเห็นกูเป็นของตายสินะ! ใช่ซี่มึง! ใช่ซี่!
ผมก่นด่ามันพึมพำทันใด ก่อนจะว่ากระชากเสียงใส่หน้ามันอย่างหงุดหงิด
“เออ! เชิญไปแหกสะดือกันตามสบาย!” ว่าจบ ผมก็ทำท่าจะออกมาจากที่ตรงนั้น
ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้นะ ผมไม่เดินตามมันมาหรอก
ทว่าไม่ทันที่ผมจะได้เปิดประตูห้องน้ำพาตัวเองออกไป คีธก็ตรงเข้ามาคว้าข้อมือผมเอาไว้
“กวินทร์”
ผมหันไปมองมันด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่คิดว่ามันคงจะไม่ได้เรียบเฉยอย่างที่ผมคะเนไว้ เพราะคีธมองแล้วก็ว่าขึ้นมาด้วยสีหน้าตาย
“อย่าโกรธ”
กูจะโกรธ! โกรธที่กูอุตส่าห์ถวายตัวถวายหัวเข้าปากมึงแต่มึงคายกูทิ้งเนี่ย!
ผมไม่พูด เอาแต่มองมัน มันก็เลยยกมือขึ้นมาวางบนหัวผมแล้วลูบไปมา
“อย่าโกรธนะกวินทร์”
กูโกรธหนักไปอีก! อย่ามาทำเหมือนกูเป็นหมานะเว้ย!
ผมสะบัดหัวออกจากมือมันทันใด ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ก่อนทำท่าจะออกจากห้องน้ำอีกครั้ง แล้วคีธก็ดึงผมไว้อีกครั้งเช่นกัน หากแต่ครั้งนี้ไม่ดึงเปล่า มันดันดึงเข้าไปกอดจากทางด้านหลังเสียอย่างนั้น
“อย่าโกรธนะกวินทร์ สัญญาว่าครั้งหน้าจะวางไข่ใส่นาย”
กูควรจะดีใจมั้ย! มึงคิดว่าคำพูดมึงคงจะโรแมนติกมากเลยล่ะสินะ!
“ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นโฮสต์ให้นายแล้ว เปลี่ยนใจ” ผมสวนกลับไป ไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าหล่อๆ นั่น
คีธคงสัมผัสได้ว่าผมเคืองชัดเจนแม้ว่าน้ำเสียงที่ผมพูดจะเป็นน้ำเสียงเรียบๆ ก็ตาม และนั่นก็ทำให้คีธผละออกจากผม แต่ยังไม่ยอมปล่อย ผละออกเพื่อหมุนตัวผมให้หันไปประจันหน้าต่างหาก
“กวินทร์...”
มึงเลือกไอ้บรูคลิน มึงไม่ต้องมากวินทร์เลย!
“อย่าโกรธนะ” แล้วมันก็พูดประโยคเดิมขึ้นมาอีก
ผมเบือนหน้าหนี คีธก็จับปลายคางผมให้หันมาสบตา ผมย่นคิ้วยู่พลัน
“อะไรนักหนา!” แถมเผลอตะคอกใส่ด้วย
แต่แล้วคีธก็ทำให้ผมสงบลงด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว
“นายเป็นโฮสต์คนแรกของฉันบนดาวดวงนี้ แล้วจะเป็นตลอดไป”
ผมใจเต้นระรัวพลัน ฟังแล้วเหมือนคำสาบานรักชะมัด แต่ขอโทษเถอะ เป็นโฮสต์คนแรกแต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนสุดท้ายนี่หว่า! กูไม่หลงกลกับคำพูดอะไรแบบนี้หรอกเว้ยเพราะกูก็เคยใช้ตะล่อมสาวๆ มาก่อนเหมือนกันเวลาจะนอนกับพวกนั้นน่ะ
ผมยกมือทำท่าจะผลักมันออก แต่มันก็ทำให้ผมใจอ่อนเมื่อมันว่าขึ้นมาอีกครั้ง
“นะกวินทร์ อย่าโกรธนะ” พูดอย่างเดียวไม่พอ ทำตาเป็นลูกหมาใส่ด้วย
สายตาแบบนี้ผมไม่ได้เห็นมาระยะนึงแล้ว พอเห็นปุ๊บ ความขุ่นเคืองก็ถูกทำลายไปทันตา
“เออ รีบไปวางไข่แล้วรีบๆ ไสหัวกลับมา” ผมตัดบทเอาดื้อๆ
คีธพยักหน้า ก่อนจะประทับจูบลงบนกลีบปากผมเบาๆ โดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว
“สัญญาว่าครั้งหน้าฉันจะวางไข่กับนาย” พูดจบ มันก็เดินกลับไปหาบรูคลินที่ยืนมองอยู่ด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในลำดับต่อไป แล้วก็ไม่อยากอยู่ดูด้วย แต่ก็ไม่ทันจะได้ก้าวไปไหน คีธก็จูบกับบรูคลินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว... ไม่สิ ไม่ใช่คีธจูบ เป็นบรูคลินต่างหากที่ดึงไอ้บ้าคีธเข้าไปจูบ
นี่มันสาสน์ท้ารบชัดๆ เลยนี่หว่า!
“ฝากด้วยนะบูลิโอ” คีธว่าหลังจากผละออกมาจากริมฝีปากของคนตรงหน้า
บรูคลินพยักหน้ารับก่อนค่อยๆ ประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของคีธลงไปนอนราบกับพื้น พลันหันมามองผมนิ่ง ผมเองก็สบตาคู่นั้นอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนที่บรูคลินจะพึมพำขึ้นมาเบาๆ
“น่าขยะแขยง”
“อะไรนะ”
“ฉันบอกว่าน่าขยะแขยง รสชาติของนายอยู่ในปากของท่านผู้พิทักษ์ตอนวางไข่ มันน่าขยะแขยง”
ฟังแล้วขมับก็เต้นกระตุกยิก ถึงท่าทางมันตอนพูดจะดูหน่อมแน้ม แต่ผมสาบานเลยว่ามันโคตรจะกวนโมโหผมเลย
ผมตั้งท่าจะสวนมันกลับว่า ‘ถ้าขยะแขยงมาก ทีหลังก็อย่าไปเสนอหน้าเป็นโฮสต์ให้ใคร’ ทว่าบรูคลินก็โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเสียก่อน
“ฉันเคยบอกนายแล้วนี่เควินว่าอย่ามายุ่ง นายเองก็รับปากแล้วนี่นา”
“แล้วจะทำไมวะ” ผมเอียงคอ สวนกลับอย่างเอาเรื่อง ท่าทางของผมตอนนี้บอกได้เลยว่าโคตรจะนักเลงอ่ะ
“ก็ไม่ทำไมหรอก แค่ฉันไม่อยากจะทำร้ายนายก็เท่านั้น เบนก็บอกไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าไม่ฟัง พวกเราจะทำอะไร” มันว่าเนิบๆ
บอกตรงๆ ว่าตอนมันพูดประโยคนี้ ผมไม่รู้สึกว่ามันดูหน่อมแน้มอย่างที่เคยเป็นเลยแม้แต่น้อย หากแต่ดูเจ้าเล่ห์และร้ายกาจอย่างน่าประหลาดแม้ว่ามันจะไม่ได้แสดงสีหน้าต่างจากที่เคยทำเลยก็ตาม
“มันก็สิทธิของคีธว่าจะเลือกใครเป็นโฮสต์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันหรือนาย” ผมว่าสวนอย่างไม่เกรงกลัว
โอเค... จริงๆ ก็กลัวนั่นแหละ กลัวมันจะแปลงร่างแล้วเอามือเปรตวัดสุทัศน์เท่าใบตาลของมันมาตบผมหัวหลุดกระเด็น
ทว่าบรูคลินไม่ทำอะไร เอาแต่พูดพล่ามเท่านั้น
“ฉันเฝ้ามองท่านผู้พิทักษ์มานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะอพยพมายังดาวของนายอีก แล้วก็รอคอยวันที่จะเป็นโฮสต์ให้เขามานานแล้วเช่นกัน ฉันจะไม่ยอมให้มนุษย์โลกอย่างนายชุบมือเปิบเด็ดขาด”
ชุบมือเปิบอะไรวะ เค้าเรียกว่าใครดีใครได้เว้ยของแบบนี้น่ะ!
ผมไม่ตอบอะไรกลับไป มองบรูคลินเดินเข้ามาหาผมนิ่งๆ พอมันเดินมาหยุดตรงหน้าผม มันก็ว่าขึ้น
“อย่ามายุ่งแล้วกันเควิน ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันใจร้าย” พูดจบก็เปิดประตูห้องน้ำแล้วทิ้งท้ายไว้ “ฝากดูแลร่างเก่าของท่านผู้พิทักษ์จนกว่าจะสลายด้วย เดี๋ยวมีคนมาเห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ ฉันไปที่โรงแรมก่อน”
สิ้นเสียง มันก็เดินออกไปเลย ผมมองตามมันด้วยอารมณ์แบบ... อะไรวะ! โดนมันขู่แล้วยังโดนมันใช้อีก กูนี่ใช่ขี้ข้ามึงมั้ยเนี่ย!
ผมอยากจะวิ่งไปกระโดดถีบมันเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าร่างที่แท้จริงของมันเป็นอุปสรรคล่ะก็ ผมคงจะไม่รีรอทำไปแล้ว และผมก็นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาด้วยที่ดันเชื่อฟังไอ้เปรตวัดสุทัศน์อย่างบรูคลิน ยืนเฝ้าศพไอ้เวรคีธอยู่เป็นชั่วโมงเพราะกลัวว่าจะมีคนอื่นมาเห็น
ตอนนี้รู้เลยว่าฟีลเมียหลวงที่ไอ้ริชาร์ดมันรู้สึกน่ะมันเป็นยังไง
พอร่างเก่าของคีธสลาย ผมก็จัดการเก็บเสื้อผ้าของมันแล้วพาตัวเองออกมาจากห้องน้ำด้วยอารมณ์บูดสุดๆ ออกมาก็เจอริชาร์ดที่ทำหน้าเป็นตูดลิงแบบประจวบเหมาะพอดี ในมือมันหอบเสื้อผ้าของแอสตันเหมือนกับผมเด๊ะ ผมเดาได้เลยว่าแอสตันมันก็คงจะเลือกวางไข่ใส่เบนเหมือนกัน และพอมันเห็นหน้าผม มันก็โยนเสื้อผ้าแอสตันทิ้งโครม ก่อนออกปากกับผมด้วยน้ำเสียงเครียด
“ขอบุหรี่คืนด้วย”
“เอ้า ไหนว่าจะเลิกแล้วไง” ผมเลิกคิ้วสูง รู้เลยว่ามันจะเอาไปดูดคลายเครียดเรื่องแอสตัน แต่มันไม่ยอมพูด นอกจากแบมือจะเอาบุหรี่คืนอย่างเดียว
“เอามาเถอะน่า ฉันอยากดูด”
“ไม่ดีต่อเด็กในท้องนะเว้ย บุรุษมีครรภ์ไม่ควรดูด” ผมแสร้งว่าเย้า
หัวคิ้วริชาร์ดกระตุกยิกทันใด ก่อนมันจะว่าเสียงดังเล็กน้อย
“ช่างแม่งเถอะ เอาบุหรี่มา!”
ผมพยักหน้ารับแล้วล้วงมือลงไปควานหาบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ก่อนส่งให้มัน พอได้บุหรี่ไปอยู่ในมือปุ๊บ ริชาร์ดก็มี่รอช้า จุดสูบๆ จนหมดไปหลายมวน ผมมองมันแล้วก็ส่ายหน้าน้อยๆ
ในที่สุดมึงก็กลับมาเป็นไอ้เจ๊กเมากัญชาเหมือนเดิมแล้วสินะ ดีละ เห็บหมาแอ๊บแบ๊วน่ะไม่เหมาะกับมึงหรอกกูพูดเลย
ถึงผมจะคิดอย่างนั้น แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้สนุกอะไรหรอกนะ ออกจะสงสารมันมากกว่าที่ต้องสละผัวไปให้เด็กอย่างจำยอม
มึงนี่ชะตากรรมเดียวกันกับกูแท้ๆ อุตส่าห์เสนอตัว โดนเทมาทั้งคู่ สมควรแล้วล่ะที่เป็นเพื่อนกู นี่แหละโบราณถึงได้เรียกพูดว่าเพื่อนแท้ต้องไม่ทิ้งกัน แต่ผมไม่บอกมันหรอกว่าผมก็โดนมาแบบมัน ไม่อย่างนั้นมันต้องล้อผมแน่ที่เมื่อเช้าเอาแต่ปฏิเสธว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคีธ
ไม่รู้สึกบ้าบออะไรล่ะ ชอบไปแล้วชัดๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาเฟลแบบนี้หรอก!