บทที่ 50 ไม่มีค่าพอ
‘เชษฐ์…’
‘เชษฐ์คะ…’
“ตื่นได้แล้วคนขี้เซา”
ธีรเชษฐ์ลืมตาตื่นขึ้นมาในความว่างเปล่า
นอกจากความว่างเปล่าที่ไร้จุดสิ้นสุดแล้ว มีหญิงสาวคนหนึ่งที่เขารู้จักที่นั่งไขว่ห้างถักไหมพรมอยู่ข้างๆเตียงของเขา ดวงหน้างดงามหวานละมุนเปล่งปลั่งและเอิบอิ่มอย่างที่ธีรเชษฐ์ไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ลูกชายคนเล็กลืมตาดูโลก เกศราอยุ่ในชุดเดรสลายลูกไม้สีม่วงอ่อนที่เขาคุ้นตาว่าเคยเห็นหญิงสาวสวมใส่ในบ้านอยู่หลายครั้ง เสียงติ๊กๆของเข็มถักไหมพรมที่กระทบกันเป็นจังหวะสะท้อนในความมืดมิดไม่มีจุดสิ้นสุด
“คุณเกศ?” ลำคอของเขาแห้งผาก นึกอยากเอื้อมมือไปแตะข้างแก้มของภรรยาผู้ล่วงลับ แต่แขนทั้งสองข้างกลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา
“คะเชษฐ์?” เจ้าของชื่อขานตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากไหมพรมที่ถักอยู่ ธีรเชษฐ์พินิจมองเสี้ยวหน้าของหญิงผู้เคยเป็นดั่งเจ้าของหัวใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ผมฝันอยู่สินะ”
“อะไรกัน...” เกศรายิ้มขำ เงยหน้าขึ้นถามสามีของตนด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “ไม่คิดว่าตัวเองจะตายแล้วมาเจอเกศบ้างเหรอคะ?”
อา…เขาเกือบลืมไปแล้วว่าภรรยาของเขาอารมณ์ขันร้ายเพียงใด
ธีรเชษฐ์นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีทาง” ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ “ถ้าผมตายไปแล้ว คงไม่ได้ขึ้นสวรรค์มาเจอคุณหรอก”
“มั่นใจจังนะคะว่าคนอย่างเกศจะได้ขึ้นสวรรค์” เกศราอมยิ้ม “ไม่ใช่ว่าน้องนิคเล่าทุกอย่างให้คุณฟังหมดแล้วหรอกเหรอคะ?”
การได้ยินหญิงสาวเรียกเจ้าพ่อมาเฟียที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาว่าน้องนิคทำให้ธีรเชษฐ์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“เล่า แล้วผมก็ไม่คิดว่าจากที่เล่ามา จะมีใครใจร้ายพอให้คุณไปที่ไหนนอกจากที่นั่นด้วย”
“ปากหวานไม่เคยเปลี่ยนเลยนะคะเชษฐ์” เกศราเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ
“แล้วคุณ…” แม้จะบอกว่าตนกำลังฝัน ชายหนุ่มยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามความเป็นไปของคนเคยรัก “เกศ คุณสบายดีมั้ย?”
“เกศสบายดีค่ะ” หญิงสาวหันไปหาความว่างเปล่าด้านหลังของตัวเอง ท่ามกลางความประหลาดใจของธีรเชษฐ์ ดวงไฟสีขาวก่อประกายในความมืด ปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชูทสูทสีน้ำตาลอ่อนคนหนึ่งที่ยืนส่งยิ้มให้กับพวกเขาทั้งคู่อยู่ห่างๆ ดวงเนตรสีม่วงล้อแสงไฟทอประกายอ่อนโยนแม้มองจากตรงนี้ เส้นผมยาวสีน้ำตาลถูกรวบเป็นหางม้าด้วยริบบิ้นสีแดงเส้นใหญ่
แม้จะเคยเห็นหน้าค่าตาเพียงไม่กี่ครั้งจากรูปถ่าย แต่ธีรเชษฐ์ยังคงจดจำได้ว่าคนคนนั้นคือพี่ชายของเกศรา เงาของผู้นำตระกูลอัลฟอนโซ่คนก่อน
กรรณวัชร เหลียน
“เกศมีความสุขดี เชษฐ์กับลูกทำใจให้สบายได้แล้วนะคะ” เกศราหันกลับมาหาสามีที่ยังคงมองมาที่ตนราวกับกลัวว่าหญิงสาวจะสลายหายไปกับอากาศได้ทุกเมื่อ “เกศน่ะ ดูคุณกับลูกๆอยู่ตลอดนะคะ เกศดีใจนะที่เห็นคุณกับลูกๆมีความสุข…”
แม้ว่าอายุจะมากขึ้นแค่ไหน แววตาหยอกล้อของหญิงสาวอายุมากกว่ายังคงเรียกริ้วสีชาดบนแก้มสากได้เป็นอย่างดี ธีรเชษฐ์ยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างเงอะงะขัดเขิน วางมือวางไม้ไม่ถูก
“คือ…ผม…เอ่อ…”
“คิก เด็กโง่…” มือเรียวยกขึ้นลูบศีรษะของสามีอย่างอ่อนโยน ธีรเชษฐ์เข้าหาสัมผัสที่คุ้นเคยอย่างโหยหา ขอบตาของร่างสูงร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ “ถ้าเด็กคนนั้นทำให้คนที่เกศรักยิ้มได้ทุกวันแบบนี้ คิดว่าเกศจะว่าอะไรคุณคะ”
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ใบหน้าคมคายซุกเข้ากับมือของภรรยา ออดอ้อนเป็นเด็กน้อยขัดกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง
“ค่ะ น้องเชษฐ์ไม่เด็กแล้วเนอะ” เกศราหยิกแก้มสากเบาๆอย่างมันเขี้ยว เรียกเสียงร้องโอดโอยจากคนถูกแกล้งได้เป็นอย่างดี “แต่เชษฐ์รู้มั้ย… เวลาที่คุณอยู่กับเด็กคนนั้น เกศเหมือนได้เห็นคุณสมัยที่ยังไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตของเกศกับลูกๆ สมัยที่คุณกับวีก่อเรื่องวุ่นวายให้น้องครามปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน เหมือนคุณกำลังใช้ชีวิตที่คุณไม่เคยมีโอกาสได้ใช้อีกครั้ง”
“บางครั้งผมก็รู้สึกผิดนะ…” ธีรเชษฐ์สารภาพด้วยสีหน้าสลดลง “เด็กคนนั้นยังมีโลกทั้งใบให้สำรวจ มีคนมากมายที่จะมีโอกาสได้พบ แต่เขาเลือกผม ทั้งที่ผมไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเขาเข้าใจว่าความรักคืออะไร”
“แล้ว…เด็กแก่แดดในชุดเครื่องแบบนักเรียนที่ขอเกศแต่งงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบนี่ คิดว่าตัวเองเข้าใจความรักแล้วจริงๆเหรอคะ?”
คนถูกย้อนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลสะอึก
หากจะให้ตอบตามตรง…เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเขาในตอนนี้เข้าใจความรักถ่องแท้แล้วแน่หรือ
“เสียใจมั้ยคะ ที่แต่งงานกับเกศ?”
“ไม่!” ร่างสูงปฏิเสธอย่างหนักแน่นในทันทีที่ได้ยินคำถาม “คุณกับลูกคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม ผมไม่มีวันเสียใจที่ได้แต่งงานกับคุณ ต่อให้ผมรู้ก่อนหน้านั้นว่าตัวเองเป็นแค่ใบเบิกทางให้คุณออกมาจากตระกูลบ้าๆนั่น ผมก็ไม่มีวันเลือกที่จะหันหลังให้คุณ”
ผู้หญิงคนนี้คือแสงสว่างในชีวิตของเขา ไม่มีสิ่งใดจะเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนั้นได้
“เกศขอโทษนะคะที่ปิดบังคุณมาตลอด…” เกศราถอนหายใจ ดวงเนตรเรียวสีอัลมอนด์ที่มีเพียงลูกชายคนกลางที่ได้รับสืบทอดหม่นลงเล็กน้อย “เกศรักคุณนะคะเชษฐ์ ถึงมันจะดูไม่เหมือนอย่างนั้น แต่ในชีวิตนี้คนที่เกศรักนอกจากพี่กรรณกับลูกก็คือคุณ คุณไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด แต่คุณมีค่าพอที่จะถูกรัก อย่าสงสัยในตัวเองอีก เข้าใจมั้ยคะ”
“ผมเกลียดตัวเอง…” สิ่งที่วนเวียนอยู่ในความคิด ในที่สุดก็ได้เอื้อนเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบพร่าสั่นเครือ “ผมเกลียดตัวเองที่ไม่อยากให้คุณเจ็บเพราะรักผม แต่ยังอยากให้คุณรัก…”
“เด็กน้อย…” อ้อมแขนเรียวรั้งร่างสูงใหญ่นั้นเข้ามาในอ้อมกอด โยกไปมาเบาๆราวมารดาที่กำลังขับกล่อมลูกน้อยให้หลับใหล “อะไรที่ผ่านไปแล้ว อย่าเก็บมันมาใส่ใจเลยนะคะ”
“ผมคิดถึงคุณ” ธีรเชษฐ์ซุกเข้าหาอ้อมกอดคุ้นเคยในอดีต กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้เมืองหนาวหวนให้เขานึกถึงความทรงจำของครอบครัวพร้อมหน้า “ลูกๆคิดถึงคุณ”
“เกศรู้…” หญิงสาวยิ้มอ่อนโยน “แต่น้องซันดูจะเข้ากับคุณแม่คนใหม่ได้ดีนะคะ”
“ไม่มีใครแทนคุณได้”
ต่อให้เขารักมีนาเพียงใด ธีรเชษฐ์ก็ยังรู้ดีว่ายังมีเสี้ยวหนึ่งในหัวใจของเขาที่ยังคงเก็บความรักครั้งแรกของตนไว้ เช่นเดียวกับลูกๆของเขาที่จะไม่มีใครมาแตทนที่มารดาบังเกิดเกล้า
“กับน้องอุ่น…เชษฐ์ให้เวลาเขาหน่อยนะคะ” คนเป็นแม่ยังคงไม่คลายกังวลเรื่องของบุตรชาย “เขาจะกลับมาในวันที่เขาพร้อม เด็กที่ชื่อแทนไทยคนนั้นดูแลอุ่นดีมาก คุณกับเมฆอย่าแกล้งเขามากนัก”
“ไม่สัญญาได้มั้ย” คนฟังทำหน้ามุ่ย หัวอกคนเป็นพ่อแค่คิดว่าเจ้าเด็กหัวทองนั่นกล้ามายุ่มย่ามกับลูกน้อยของเขาก็อยากจะตามไปแหกอกถึงที่ เกศราหัวเราะเบาๆ
“น้องซันกับคุณภัทรก็เข้ากันได้ดี…” ว่าแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “จะเหลือก็แต่พี่เมฆนี่ล่ะน้า ชอบไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งด้วย เหมือนพ่อเขาไม่มีผิด”
“ถึงหมอกเขาจะเข้าถึงยากไปบ้าง แต่ผมว่าเด็กคนนั้นก็เป็นเด็กดีนะ” ธีรเชษฐ์ขมวดคิ้ว อดปกป้องเลขาคนเก่งของตนที่เมฆาคอยตามเทียวไล้เทียวขื่อทุกวันไม่ได้
“อา…นั่นสินะคะ” คนฟังอมยิ้ม แววตาระยิบระยับนั้นทำให้ธีรเชษฐ์อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองพลาดอะไรไป “เชษฐ์ เกศรบกวนคุณได้มั้ยคะ”
“ได้สิครับ อะไรก็ได้ทั้งนั้น” ธีรเชษฐ์พยักหน้าแข็งขัน ไม่ว่าอะไรที่อีกฝ่ายต้องการ เขาจะหามาให้อย่างสุดความสามารถ
“เกศมีชุดจีนพิธีการชุดนึงที่เคยฝากไว้กับป้าแต้ว เป็นชุดพิธีการของเงาในวันที่เข้ารับตำแหน่งตอนอายุสิบหก” เกศราอธิบาย “มันเป็นชุดของพี่ชายของเกศ เกศอยากให้เชษฐ์เอามันให้เมฆ”
“เมฆ? เมฆจะเอาไปทำอะไร?” ธีรเชษฐ์ขมวดคิ้วอย่างงุนงง
“ซักวันลูกจะรู้เองค่ะว่าจะทำอะไรกับมัน” เกศราผละจากคนในอ้อมกอดแล้วลุกขึ้น เป็นสัญญาณว่าบทสนทนาของพวกเขากำลังจะจบลงในไม่ช้า หญิงส่วหันไปหาผู้เป็นพี่ชายที่ยังคงยืนรออยู่ที่เดิม “เกศต้องไปแล้วล่ะค่ะ”
“เกศ…”
“เกศว่าคุณก็ได้เวลากลับไปหาคนที่รออยู่แล้วเหมือนกันนะคะ” เกศรากล่าวยิ้มๆ “ดูแลตัวเองดีๆนะคะเชษฐ์”
“แล้วคุณ…จะไปอยู่กับพี่ชายเหรอ?” ธีรเชษฐ์อดถามไม่ได้ เขาไม่ค่อยมั่นใจว่าโลกหลังความตายนั้นมีการจัดการบริหารอย่างไร เกศราส่ายหน้า
“พี่กรรณเขา…ยังมีเรื่องที่ต้องสะสาง พี่เขาคงล่วงหน้าไปก่อนน่ะค่ะ”
สะสาง?ล่วงหน้า?
“ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข แล้วเจอกันใหม่นะคะ เชษฐ์”
นิ้วเรียวแตะลงที่กลางหน้าผากของสามีที่ยังคงสับสนกับคำตอบนั้น ก่อนที่ความมืดมิดจะกลืนกินชายหนุ่มเข้าไปทั้งตัว
ติ๊ด…ติ๊ด…
เปลือกตาที่หนักอึ้งปรือปรอยอย่างยากลำบาก สภาพแวดล้อมรอบกายที่พร่าเลือนทำให้ธีรเชษฐ์ไม่รับรู้ถึงสิ่งใดนอกจากความอึดอัดจากท่อพลาสติกที่สอดเข้ามาในทางเดินหายใจเพื่อช่วยส่งอากาศเข้าไปในปอดของเขาอย่างขันแข็ง
เขาไม่รู้สึกอะไรจากสะโพกลงไป ร่างทั้งร่างหนักอึ้งจนไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวร่างกายได้ ถึงอย่างนั้น โสตประสาทที่ยังแจ่มชัดจับเสียงที่แสนคุ้นเคยของคนรักที่กำลังคุยกับแพทย์เจ้าของไข้ข้างเตียงได้เป็นอย่างดี
“…เขาจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิมครับคุณหมอ”
“ในคนอายุเท่านี้เป้าหมายของการรักษาคือการฟื้นฟูให้กลับมาใช้งานได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ หลังการผ่าตัดจะมีเรื่องของกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องเข้ามามีบทบาท อาจจะเป็นหลักเดือนหรือหลักปีจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่หมอยังให้คำตอบไม่ได้ว่าคนไข้จะกลับมาเหมือนเดิมทั้งหมดมั้ย เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งสภาพร่างกายและความร่วมมือของคนไข้เอง ยังไม่อันตรายถึงชีวิต ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว ใส่สายระบายเลือดที่ออกในเยื่อหุ้มปอด ส่วนเรื่องกระดูกซี่โครงกับแขนที่หัก…”
ความอ่อนล้าดึงหนังตาของธีรเชษฐ์ให้ปิดกลับลงไปอีกครั้ง แต่ใจความสำคัญนั้นเขายังคงได้รับมันอย่างถี่ถ้วน
อยากเอื้อมมือคว้าร่างเล็กๆนั้นเข้ามาในอ้อมกอด คิดถึงจนแทบขาดใจทว่าร่างกายกลับไม่ฟังคำสั่ง
และจากที่ฟัง ร่างกายของเขาจะยังคงเป็นเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่ง
เขารู้สึกถึงมือเล็กๆที่สอดกุมประสานกับมือที่วางนิ่งของตน
“การทำกายภาพบำบัดและดูแลคนไข้ หลังจากออกจากโรงพยาบาลต้องใช้ความร่วมมือจากญาติพอสมควรนะครับ คนไข้มีผู้ดูแลหลักที่อยู่ดูแลเขาทุกวันมั้ยครับ?”
“ผม…ผมเองครับ” เสียงเล็กฟังดูอ่อนล้าคล้ายไม่ได้พักผ่อนมานาน ”ผมคุยกับคณะเรื่องหยุดเรียนแล้ว…”
หัวใจของคนฟังบีบตัวแน่นอย่างปวดร้าวกับสิ่งที่ออกมาจากปากของคนรัก
เอาอีกแล้ว…
เขาทำให้คนที่เขารักต้องลำบากเพราะเขาอีกแล้ว
สติสัมปชัญญะเริ่มล่องลอยด้วยฤทธิ์ของยาแก้ปวดหลายขนานในกระแสเลือด สิ่งสุดท้ายที่ธีรเชษฐ์รับรู้คือหยาดน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมาบนหลังมือของตน
ขอโทษนะมีน…
ขอโทษนะ ที่ทำให้ต้องร้องไห้อีกแล้ว…
ท่อช่วยหายใจถูกถอดออกไปหลังจากนั้น ธีรเชษฐ์นิ่วหน้ากับความแสบระบมในลำคอ เมื่อเขาตื่นมาก็ไม่พบร่างเล็กของคนรักเสียแล้ว แต่จากคำบอกเล่าของพยาบาล มีนาออกไปจัดการเรื่องเอกสารและแจ้งข่าวอาการของเขาให้กับคนที่รอฟัง ร่างสูงถอนหายใจ ก้มมองสภาพที่ไม่ต่างจากมัมมี่รอสายฟ้าฟาดชุบชีวิตของตนอย่างอดสู แขนขวาถูกผ่าตัดใส่เหล็กดามไว้จากภายใน ส่วนร่างกายท่อนร่างยังคงให้ความรู้สึกชาหนึบราวกับไม่ใช่ส่วนหนึ่งของร่างกาย
ประตูห้องถูกเปิดออก ทีแรก ธีรเชษฐ์คิดว่าคนที่กลับเข้ามาจะเป็นมีนา แต่ร่างที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำทำให้ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“พ่อ…พ่อครับ”
ก่อนที่คำเรียกที่ธีรเชษฐ์ไม่คิดว่าจะได้ยินอีกครั้งจะหลุดออกมาจากปากของธารธารา
“ธะ…ธาร…” เสียงทุ้มยังคงแหบพร่าโรยแรง ประกอบกับหน้ากากออกซิเจนที่ครอบไว้ทำให้เสียงของเขาอู้อี้จนฟังไม่ได้ความ เด็กหนุ่มทรุดลงข้างเตียงของเขา ดวงหน้าที่ถอดแบบมารดามามากกว่าแดงก่ำจากแรงสะอื้นก่อนหน้า
“อยากตายมากนักเหรอครับ”
“ธาร…”
“ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งพี่เมฆ ทำไมทุกคนที่ผมรักถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ทุกครั้ง ผมทำอะไรผิดเหรอ ทำไมทุกคนถึงอยากไปจากผม…”
หน่วยตาใสรื้นด้วยน้ำตาอีกครั้ง แม้อยากจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มใสแต่ทำไม่ได้ ดูเหมือนว่าธีรเชษฐ์จะมีความสามารถในการทำให้คนที่ตัวเองรักร้องไห้เสียเหลือเกิน
“ขอ…โทษ…” ผู้เป็นพ่อพยายามแค่นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ธารธารายกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ตีสีหน้าหงุดหงิดกลบเกลื่อนความอับอายที่ร้องไห้ต่อหน้าคนตรงหน้าเป็นครั้งที่สอง
“ไม่ตายก็ดีแล้ว” ลูกชายคนรองของเขาแสร้งกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ แม้แววตายังฉายชัดว่าเป็นกังวล ธีรเชษฐ์ขยับยิ้มอย่างอ่อนเพลีย “แล้วเด็กนั่นไปไหน ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องเลยทิ้งคุณไปแล้วหรอกนะ”
คนป่วยขยับศีรษะให้ธาราราโน้มเข้ามาใกล้ แม้ลำคอยังแห้งผากแต่เรื่องที่เขาจำเป็นจะต้องขอให้ธารธาราทำให้นั้นไม่
สามารถรอนานกว่านี้ได้
‘ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข...’
ขอโทษนะครับเกศ...
ไม่ทันไร ผมก็ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับคุณซะแล้ว
กาแฟที่ซื้อมาแทนอาหารเช้าแทบจะร่วงหล่นลงไปบนพื้นเมื่อมีนาได้ยินจากปากของคุณพยาบาลว่าคนรักฟื้นคืนสติโดยสมบูรณ์แล้ว เด็กหนุ่มที่อดหลับอดนอนตั้งแต่ลูกน้องของคุณนิโคไลพาเขามาส่งที่หน้าห้องผ่าตัดรู้สึกราวกับความอ่อนเพลีย
ที่สะสมมาทั้งวันปลิดปลิวหายไปทันทีที่ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มที่เหือดหายไปตั้งแต่ได้ยินข่าวอุบัติเหตุของคนรักกลับคืนมาสู่ใบหน้าอิดโรย
หลังจากที่หนีออกมาจากงานแฟชั่นโชว์ตามคำสั่งของคนรัก ชายหนุ่มชาวต่างชาติพาเขามาส่งที่รีสอร์ทขนาดกลางแห่งหนึ่งที่อีกฟากของตัวเมือง ทันทีที่ก้าวลงมาจากรถ กลิ่นดอกมะลิที่ลอยมาตามสายลมและเสียงน้ำตกรินเอื่อยให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด สุดสายตามีเพียงต้นไม้ร่มรื่นเขียวขจี ไม่คิดว่าใกล้ชายทะเลจะมีสถานที่ที่เหมือนกับบ้านสวนเช่นนี้อยู่
“คุณมีนา เชิญทางนี้ค่ะ” หญิงสาวในชุดผ้าไหมไทยที่ยืนรอรับเขาอยู่ด้านหน้าก้าวนำมีนามาจนถึงบ้านพักสีข้าวหน้าตาน่ารักหลังหนึ่งติดธารน้ำตก ภายในห้องตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยเตียงไม้ฉลุลายสีขาวหลังโปร่ง เฟอร์นิเจอร์ด้านในทำให้นึกถึงเรือนไทยประยุกต์ที่มีนาเคยเห็นผ่านๆในตัวอย่างบ้านที่ทินกรมักนำมาปรึกษาพวกเขาเรื่องการออกแบบให้ภรัณยูในอนาคต เด็กหนุ่มต้อองยอมรับว่ารีสอร์ทบรรยากาศร่มรื่นนี้ถูกจริตเขากว่าโรงแรมห้าดาวที่เพื่อนสนิทของธีรเชษฐ์เป็นเจ้าของอยู่มาก มีนายกน้ำใบเตยหอมที่รินไว้รับรองแขกขึ้นดื่มอึกใหญ่ แม้อยากจะโทรคนรักเพื่อสอบถามว่าอีกฝ่ายจะมาถึงตอนไหน แต่เมื่อธีรเชษฐ์เป็นฝ่ายขอให้เขารออยู่ที่นี่ มีนาจึงไม่อยากรบกวน
บนเตียงมีเสื้อผ้าชุดหนึ่งพับวางไว้พร้อมดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอกที่วางทับไว้ด้านบน เด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะคว้าเสื้อผ้าชุดนั้นแล้วก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่มีอ่างไม้ขนาดใหญ่รองน้ำอุ่นลอยดอกไม้เตรียมพร้อมไว้ให้แช่กาย นอกจากนั้นยังมีถังแช่น้ำสมุนไพรและแก้วแชมเปญเรียวเล็กวางเคียงคู่อย่างรู้ใจคนไม่ดื่มของมึนเมา
‘อาบน้ำแต่งตัวหอมๆเป็นเด็กดีรอฉันอยู่ที่นั่น ปิดโทรศัพท์ ตัดขาดจากโลกภายนอก ให้โลกนี้มีแค่เราสองคนทั้งวัน...ทั้งคืน...’
ดวงหน้าน่ารักขึ้นสีเรื่อเพียงแค่นึกถึงคำพูดของคนรัก ปล่อยอาภรณ์ตัวบางให้ร่วงหล่นลงบนพื้นกระเบื้องสีขาว รู้สึกว่าตนกลายเป็นเด็กน้อยแสนซุกซนดังที่ธีรเชษฐ์ชอบกล่าวหาเมื่อเขาปล่อยให้เสื้อผ้าของตัวเองกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
ทว่าหลังจากแช่น้ำอุ่นจนกล้ามเนื้อที่เขาไม่รู้ว่าปวดเมื่อยผ่อนคลายไปทั้งตัว จนนอนเกลือกกลิ้งรอคนที่สัญญาว่าจะตามมาหาบนเตียงอยู่นานสองนาน ธีรเชษฐ์ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมาถึง จนในที่สุดมีนาที่ทนไม่ไหวจึงหยิบรีโมทโทรทัศน์ขึ้นมาเพื่อเปิดหาอะไรดูฆ่าเวลา ทว่าทันทีที่หน้าจอสี่เหลี่ยมถูกเปิด สิ่งแรกที่เขาเห็นคือภาพของโรงแรมที่ตนจากมาโขมงคลุ้งด้วยควันไฟและเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ มีนารู้สึกว่าหัวใจของตนหยุดเต้นเมื่อเห็นผู้คนที่ิวิ่งหนีตายออกมาจากโรงแรมที่คล้ายจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ
"...มาต่อกันที่เหตุระเบิดที่โรงแรมธาราสาขาxxxกันนะคะ ขณะนี้เจ้าหน้าควบควมเพลิงไว้ได้แล้ว ยังไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากการก่อการร้ายหรืออุบัติเหตุ ทางด้านผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตยังไม่มีรายงานตัวเลขที่ชัดเจน ทั้งนี้จุดที่ระเบิดเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กับงานแฟชั่นโชว์ ทำให้มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก...”
มือที่สั่นเทาควานหาโทรศัพท์ของตัวเองแล้วรีบกดโทรหาคนรัก ทว่าปลายสายกลับไม่มีสัญญาณตอบรับ มือเรียวเล็กชื้นเหงื่อเมื่อเขาพยายามติดต่ออีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยังไม่สามารถละสายตาจากภาพเหตุการณ์สะเทือนขวัญตรงหน้าได้
เมื่อเห็นว่าความพยายามของตนไร้ผล เด็กหนุ่มรีบพุ่งตัวออกไปจากห้องเพื่อกลับไปยังสถานที่เกิดเหตุด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ทว่าร่างสูงใหญ่ของชาายหนุ่มชาวต่างชาติที่เขาคิดว่ากลับไปแล้วหลังจากมาส่งเขากลับก้าวมาขวางทางมีนาไว้ด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณมีนา...”
“ผมต้องรีบกลับไปที่โรงแรม คุณเชษฐ์...คุณเชษฐ์...” มีนาละล่ำละลัก ดวงเนตรกลมโตร้อนผ่าว ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลืนด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตา
เขาต้องไปหาคุณเชษฐ์
“คุณเชษฐ์ไม่ได้อยู่ที่โรงแรมแล้วครับ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กล่าว ดวงตาของอีกฝ่ายอ่อนลงอย่างเห็นอกเห็นใจ “ทำใจดีๆไว้นะครับ”
“คุณเชษฐ์อยู่ไหนครับ?! พาผมไปหาคุณเชษฐ์ที ขอร้องล่ะ คุณเชษฐ์...คุณเชษฐ์อยู่ที่ไหน....”
เขารู้สึกเหมือนคนเสียสติ ขยุ้มเสื้อของคนตัวสูงกว่าเป็นเท่าตัวเขย่าอย่างบ้าคลั่ง ความหวาดกลัวเกาะกุมจิตใจ ทั้งต้องการคำตอบและหวาดกลัวที่จะได้ยินมันในเวลาเดียวกัน
“อยู่ในห้องผ่าตัดครับ คุณนิโคไลสั่งให้ผมพาคุณไปที่โรงพยาบาล”
มือที่เขย่าร่างสูงใหญ่ของบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตายพลันหมดเรี่ยวแรงเอาเสียดื้อๆ
หลังจากได้ยินคำพูดจากปากของอีกฝ่าย ในที่สุดมีนาก็ได้เข้าใจ....
ว่าคำว่าโลกทั้งใบแตกสลายนั้นความจริงแล้วมันรู้สึกอย่างไร
==========(ต่อ)==============