ตอนที่ 10
วันนี้อิฐย้ายมานั่งเรียนข้างๆผม คอยสอนเวลาที่ผมตามอาจารย์ไม่ค่อยทัน ทำให้ผมเข้าใจเนื้อหามากกว่าเมื่อวาน
เวลาที่ผมได้มาเรียนอีกหนึ่งวัน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เหมือนเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ผมรีบวิ่งเข้าห้องเรียนพึ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ ทั้งๆที่ตอนนี้ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว
ผมเก็บของเตรียมกลับคอนโดของท่าน บอกลาเพื่อนรุ่นน้องก่อนจะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า
ระหว่างทางกลับคอนโด ผมไถโทรศัพท์เล่นไปเรื่อยเปื่อย
พอดีกับที่วีส่งข้อความมา
V : พริ้มเป็นไงบ้าง วันนั้นเราขอโทษนะ เราถูกบังคับ
*Online Pimp : ช่างมันเถอะ
V : พริ้มยกโทษให้เราเถอะนะ
*Online Pimp : กูอโหสิกรรมให้มึง
V : พริ้ม วีขอโทษจริงๆ
V : พริ้มอย่าโกรธวีเลยนะ
V : วันนั้นวีถูกซ้อมแทบตาย ถ้าวีไม่ทำตามคำสั่ง พวกมันคงฆ่าวี
*Online Pimp : ไปตายซะ ไอ้เหี้ยยยยย! กูขอให้ญาติพี่น้องมึงโดนข่มขืนแบบที่กูเจอ
V : วีขอโทษ
V : วีอยากไถ่โทษให้พริ้ม วีจะคืนคลิปที่เคยอัดไว้ทั้งหมดให้พริ้ม
V : พริ้มอยู่ไหน วีจะเอาไปให้
ผมชั่งใจอยู่สักพัก ยังไม่ตอบแชทกลับไป
ไม่รู้ว่าการที่วีทักผมมาหลังจากหายไปหลายวันครั้งนี้จะมาดีหรือมาร้าย
ผมไลน์ไปบอกคุณชัยว่าวีทักมาจะเอาคลิปที่เคยอัดมาให้ ผ่านไป 10 นาทีคุณชัยก็ยังไม่ตอบ
ผมจะโทรหาท่านดีไหมนะ? แต่ผมไม่มีเบอร์ท่านนี่นา…
*Online Pimp : อยู่ไหน
V : หน้าปากซอยโรสคลับ
*Online Pimp : 5 นาทีเจอกัน
*Online Pimp : อยู่ไหน ถึงละนะ
V : พริ้ม เราหาที่จอดรถไม่ได้เลย
V : เจอกันลานจอดรถโรงหนังชั้น 2 ได้ปะ
V : พริ้มรู้จักโรงหนังใช่ปะ ใกล้ๆหน้าปากซอยอะ
*Online Pimp : เดี๋ยวเดินไป
ระหว่างทางที่ผมเดินไป ผมก็เข้าไปกดเช็คในไลน์ว่าคุณชัยตอบกลับมารึยัง
แต่ก็ยังไม่มีข้อความใดๆตอบกลับมา
ผมเลยไลน์ไปบอกเพิ่มเติมว่าผมนัดเจอกับวีที่โรงหนัง
ผมเดินเข้าไปที่ลานจอดรถโรงหนังผ่านทางเชื่อมรถไฟฟ้า
หันซ้ายหันขวาก็หาใครไม่เจอสักคน
บรรยากาศมันวังเวงแปลกๆ
*Online Pimp : ถึงละนะ อยู่ไหน?
ผมหันซ้ายหันขวามองหาวีอยู่นานก็ไม่เจอ
จนผ่านไปสักพักผมรู้สึกได้ถึงแรงรัดลำคอจากด้านหลัง
“ไอ้เหี้ยยยยย! ปล่อยกู ไอสัด”ผมพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนที่รัดแน่นทางด้านหลัง วีเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกผม ผมพยายามกลั้นหายใจแต่สุดท้ายก็ทนได้ไม่นาน
สติของผมค่อยๆลางเลือน…ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นคงมียาสลบ
สิ่งสุดท้ายที่รับรู้คือร่างของผมโดนลากครูดไปกับพื้น
.
.
.
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนค่อยๆปรือขึ้นจากฤทธิ์ยาสลบ
ผมกวาดสายตาสำรวจพื้นที่ที่อยู่ตรงหน้า...ตอนนี้ผมอยู่ในห้องนอนสีขาว ลักษณะเป็นห้องที่ไม่ได้เปิดใช้มานาน เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างถูกคลุมด้วยผ้าดิบสีครีม
ผมสะบัดศรีษะที่มีอาการมึนงงจากการโดนยา
วีเดินยิ้มร้ายเข้ามาหาผม “โง่เหมือนเดิมเลยนะมึง”
“ไอเหี้ย ไอ้จัญไร ไอเลวระยำ มึงปล่อยกูไอ้สัด”ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการแต่ก็ทำไม่ได้ ข้อมือผมทั้งสองข้างถูกพันธนาการไว้ด้วยกุญแจมือ แล้วผูกโยงกับเชือกที่ห้อยลงมาจากเพดานอีกที
“หึๆ กับกู…มึงกล้าปากดี แต่กับผัว มึงไม่กล้าแหกปากสักนิด”วีเดินมาบีบคางผมแน่นจนเจ็บร้าวไปถึงหน้าใบหู
“ถุย! เสือก”ผมถ่มน้ำลายใส่หน้าวี วีจิกหัวผมขึ้นมาก่อนจะตบผม หน้าผมชาไปหมด
“ถุย!”ผมถ่มน้ำลายที่มีรสคาวเลือดในปากลงพื้น
“คนแบบมึงมันก็ดีแต่เป็นหมาลอบกัด มึงปล่อยกูสิวะ แล้วมาสู้กันตัวๆ”
“กูไม่สู้กับมึงหรอก เสียเวลา เอาเวลามาเยมึงเล่นดีกว่า มันส์กว่าเยอะ”ไอ้สัตว์เดรัจฉานตัวผู้มันพูดไว้แค่นั้น ก็เดินไปหยิบขาตั้งกล้องมากาง เอากล้อง DSLR มาติดตั้ง
ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยย! จะถ่ายให้ชัดยันรูขุมขนเลยรึไง
หลังจากตั้งกล้องเรียบร้อยมันก็ย่างสามขุมเข้ามาหาผม “ผัวมึงหวงนักใช่ไหม? ดี!!! กูจะเยมึงให้รูบาน แล้วอัพไฟล์ลงอินเตอร์เน็ต”
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยย”ผมแหกปากดังลั่น เผื่อห้องข้างๆจะได้ยินแล้วมาช่วยผม
สองขาที่ไม่ถูกพันธนาการไว้ พยายามกระโดดเตะขาตั้งกล้องที่มันตั้งไว้
“พูดมากน่ารำคาญจริงมึง เก็บปากไว้ครางหน้ากล้องดีกว่า”มันพูดแค่นั้นก็วาดขาเตะหน้าท้องผมจนเจ็บจุก ผมงอตัวลงด้วยความเจ็บ อาการเจ็บยังไม่ทันทุเลา ฝ่าเท้าอีกข้างของวีก็ฟาดมาเต็มๆเข้าที่กลางหลัง
“มึงรู้ไหมว่าวันนั้นกูโดนกระทืบเละมากแค่ไหน แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องอยากรู้ เพราะวันนี้กูจะทำให้มึงได้รู้ซึ้งถึงรสชาติของการโดนซ้อม”ทันทีที่วีพูดจบ มันก็เดินไปใส่สนับมือ ฝ่ามือหนากำมัดแน่นก่อนจะรัวมัดมาที่หน้าผมไม่ยั้ง
ตัวผมตอนนี้เหมือนกระสอบทราย ทั้งหมัด ทั้งเข่า ทั้งฝ่าเท้า รัวเข้ามาที่ร่างกายผมเหมือนไม่ใช่คน
“มึงมันไร้น้ำยา ถุย!”ผมถ่มเลือดที่คาวในปากทิ้ง เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากขมับ หางคิ้ว จมูกของผม แทบไม่มีพื้นที่ใดบนใบหน้าที่ไม่บวมช้ำและเกรอะกรังไปด้วยเลือด
“เดี๋ยวก็รู้ว่ากูมีน้ำยารึเปล่า กูจะฉีดน้ำกูเข้ารูมึงจนทะลักออกมาเลย”
“ไปตายซะ ไอควายยยย”ผมแหกปากร้องเสียงดังด่ามัน สนับมือแข็งๆฟาดมาที่ริมฝีปากผมทันที
“แหกปากมากจริง”วีพูดแล้วเดินไปหยิบสายหนังคาดศรีษะที่มีลูกบอลสีแดงตรงกลางมาคาดปากผม พร้อมกับเอาผ้าปิดตาสีดำสนิทมาสวมให้
“อึก…อ่อยอู อ่อยอู๊ววววววว ไอ่เอี้ยยยยยยยยย”ผลจากลูกบอลที่คาบในปากทำให้ผมพูดออกมาไม่ชัด ดวงตาฉายภาพสีดำสนิท ความรู้สึกกลัวคืบคลานเข้ามากัดกินใจ
“พูดห่าไรไม่รู้เรื่อง เก็บปากมึงไว้ครางดีกว่า”ไอสันดารเลวมันพูดแค่นั้นก็ฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกจากร่างกายผม ความรู้สึกเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศทำให้ผมขนลุกและตัวสั่น
มันจิกหัวผมให้มองไปที่กล้อง “จะได้เป็นนางเอกหนัง GV ทั้งที สู้กล้องหน่อยสิมึง”
“อื้ออออออ…”ผมร้องประท้วงพร้อมกับสะบัดตัวออก
“ร่อนตูดร่านKแรงๆให้ผัวมึงประทับใจเลยนะ กูจะส่งคลิปนี้ให้มันดู”มันพูดจบก็ตบตูดผม
“อ่อยอูวววววววววว”ผมพยายามสะบัดตัวหนีมันแต่ก็ไม่เป็นผล กุญแจมือสีเงินบาดผิวที่ข้อมือจนเลือดซึม
ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่โดนซ้อมทำให้ผมรู้สึกทรมาน
อาการหายใจลำบากเริ่มสำแดง
ผมได้ยินเสียงฉีกซองถุงยางก่อนที่เจ้าก้อนเนื้อนิ่มจะถูกจับแยกออกจากกัน ลำลึงค์ของมันดันเข้ามาสุดทีเดียวจนมิดลำในช่องทางรัก
“อ๊ากกกกกกกก!”ผมกรีดร้องอย่างเจ็บปวด น้ำตาใสหลั่งไหลรินออกมา
ความเจ็บปวดที่ช่องทางรักฉีกขาดเหมือนวันนั้นตีกลับมา
มันขยับสะโพกเข้าออกอย่างกักขฬะ มีแต่ความรุนแรง
“อา…”เสียงครางต่ำของมันน่าเกลียด น่าขยักแขยง
“รูมึงเยมันKจริงๆ อา… แน่นฉิบหาย ถึงว่าทำไมผัวมึงหวง”
น้ำขมๆไหลขึ้นมาถึงคอ ผมปล่อยให้ตัวเองอ้วกครั้งแล้วครั้งเล่า
มันเสร็จสุขสมในตัวผมไปไม่รู้กี่น้ำ
คราบน้ำกามขาวขุ่นผสมกับเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากช่องทางรัก ย้อยผ่านโคนขาด้านใน
ผมได้แต่ปล่อยน้ำใสในดวงตาให้ไหลรินออกมาอย่างย้อมแพ้ในชะตากรรม
ผมโง่เอง…โง่ที่คิดว่าคนอย่างมันจะยอมคืนคลิปให้ผมจริงๆ
ไม่เคยมีความสัจในหมู่คนใจหยาบ
ผมพยายามอ้าปากเพื่อรับอากาศเข้าปอด
อาการเจ็บหน่วงๆบริเวณช่องอกทำให้ผมหายใจลำบาก
ตอนนี้คุณชัยจะอ่านข้อความของผมรึยังนะ?
ได้โปรดอ่านข้อความแล้วมาช่วยผมที
“รูมังนี่เยมันKจริงๆ”มันเดินมาถอดผ้าปิดตาผมออก บีบคางให้ผมจ้องมองไปที่กล้องตัวใหญ่ที่ยังคงบันทึกภาพอยู่
“น่าเสียดายที่กูคงเก็บมึงไว้ไม่ได้”มันล็อคคอผมแล้วใช้เชือกรัดคอผมจากด้านหลัง
ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายสะบัดตัวมันออกไป แต่แรงผมที่ถูกทำร้ายมาอย่างสาหัสจะไปสู้แรงผู้ชายปกติได้อย่างไร ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดหายใจ ตาของผมเหลือกขึ้นด้านบนอย่างทรมาน
ผมยังตายตอนนี้ไม่ได้
ถ้าผมตาย…น้องผมใครจะดูแล
คุณท่านอยู่ที่ไหน? ได้โปรดช่วยไอ้พริ้มหมาโง่ตัวนี้ที
ผมสาบาน ถ้าคุณท่านช่วยผม…ผมจะอุทิศชีวิตที่เหลือให้คุณท่าน
ผมดิ้นรนอย่างทรมาน เหมือนลมหายใจเฮือกสุดท้ายกำลังจะหมด
คุณท่าน…ช่วยพริ้มด้วย
พริ้มขอร้อง
ปัง!
ผมได้ยินเสียงถีบประตูพร้อมๆกับเชือกที่รัดคอผมค่อยๆร่วงหล่นลงไปที่พื้น
“แค่กๆ”ผมกุมคอตัวเองที่มีรอยบาดสีแดงจากเชือก ผมหันหลังไปมองปรากฏภาพวีทรุดลงคุกเข่าที่พื้นพร้อมกับขาสองข้างที่มีกระสุนฝังอยู่ เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจนเจิ่งนองเต็มพื้น
บอดี้การ์ดจับมือวีไพล่หลังใส่กุญแจมือแล้วเหยียบแผ่นหลังวีจนหน้าแนบกับพื้น
คุณท่านเดินเลยผ่านผมไปที่กล้องตัวใหญ่ที่กำลังบันทึกภาพอยู่
รองเท้าคู่สวยถีบทีเดียว กล้องตกลงกระทบพื้น แตกออกเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ตัวเลนส์แตกกระจายเป็นเศษกระจกเล็กๆ
หลังจากพังข้าวของจนพอใจ คุณท่านเก็บเมมโมรี่การ์ดจากกองซากขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้วตวัดสายตามาที่ผม
ดวงตาของคุณท่านเหมือนเสือร้ายที่พร้อมขย้ำเหยื่อที่อยู่ตรงหน้า
ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น แววตาสั่นระริกด้วยความกลัว
คุณท่านเดินย่างสามขุมเข้ามาหาผมก่อนจะรับมีดยาวจากคุณชัย
ผมหลับตาหนีทันทีคุณท่านเงื้อคมมีดขึ้นสูง
เพียงคมมีดเดียว เชือกก็ขาดสะบั้น ผมเข่าอ่อน ทรุดตัวนั่งลงที่พื้นอย่างหมดแรง
ผมเงยหน้ามองคุณท่าน น้ำตาไหลรินจนภาพตรงหน้าพร่าเบลอ
ในที่สุดความปราถนาของผมก็เป็นจริง…เป็นคุณท่านจริงๆที่มาช่วยผม
คุณท่านหลับตาแน่นเหมือนคนกำลังสะกดกั้นอารมณ์ ก่อนจะเอ่ยคำพูดออกมา “ชัย!”
คุณชัยรีบวิ่งมาหาผมหลังจากคุณท่านเรียกแล้วไขกุญแจมือให้ผมก่อนจะดึงผ้าดิบมาห่อตัว
ผมดึงลูกบอลสีแดงออกจากปากแล้วขว้างทิ้งอย่างไม่ใยดี
ผมกอดเข่านั่งงอตัวอยู่ที่พื้น
ผมหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน อาการเจ็บบริเวณซี่โครงด้านซ้ายชัดขึ้นในความรู้สึก
“มึงนี่มันไม่เจียมกะลาหัวจริงๆ”ผมเงยหน้ามองคุณท่านใช้ฝ่าเท้าขยี้แผลของวีที่มีกระสุนฝังอยู่ ส่งผลให้เลือดไหลทะลักออกมาเหมือนก๊อกแตก
“ไอ้สัดดดดด!”วีสบถออกมา
ผมมองภาพความรุนแรงตรงหน้าด้วยความกลัวจับใจ
ผมกระเถิบตัวเองด้วยความยากลำบากทีละเล็กเพื่อเข้าไปใต้โต๊ะ
ใช้โต๊ะเป็นปราการคุ้มกันภัย…ปลอดภัยแล้วนะพริ้ม ผมได้แต่บอกกับตัวเองแบบนั้น
“กูบอกมึงแล้วไงว่าครั้งที่แล้วคือครั้งสุดท้าย คนที่มันไม่ฟังคำพูดกูมันต้องตายทั้งเป็น”คุณท่านเหยียบลงที่กลางหลังวีดังอั้ก ผมไม่รู้ว่ามีซี่โครงอันไหนบ้างที่หักไป
“จับมันนั่ง”สิ้งเสียงสั่ง บอดี้การ์ดดึงวีขึ้นจากพื้น
คุณท่านควงมีดในมือเล่น สร้างความสั่นประสาทให้วีที่มองอยู่ไม่น้อย
“มึงจะฆ่ากูก็ฆ่าสิวะ หรือว่าไม่แน่จริง”ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น
วีจะท้าทายใครก็ได้…แต่ไม่ควรท้าทายคุณท่าน
“ฉันจะทำให้นายตายทั้งเป็น”คุณท่านเหยียดยิ้ม ก่อนจะก้าวเข้าไปหาวี ผมรีบหันหน้าหนี
“อ๊ากกกกกกก~”เสียงร้องโหยหวนทรมานของวีดังขึ้น ผมหรี่ตามอง พบส่วนกลางลำตัววีขาดสะบั้นอยู่ที่พื้น
ผู้ชายบ้าเซ็กส์แบบวี ขาดแก่นกายไปก็เหมือนขาดเครื่องมือบำบัดความใคร่ของตัวเอง
โดยตัดKขาดครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการโดนตัดคอ…เหมือนตายทั้งเป็นอย่างที่คุณท่านว่าจริงๆ
“มึงเก็บไฟล์ของพริ้มไว้ที่ไหนบ้าง คายมาซะดีๆตอนกูยังปรานีมึงอยู่”คุณท่านส่งมีดคืนให้คุณชัยแล้วรับผ้าเช็ดหน้าที่คุณชัยเทแอลกอฮอล์ราดจนชุ่มมาเช็ดมือ
“กูไม่บอก”คุณท่านยิ้มเหี้ยมก่อนจะชักปืนออกมายิงที่หน้าขาด้านซ้ายของวี
“อ๊ากกกกกก”วีคำราม เสียงเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บ
“กูให้โอกาสมึงอีกรอบ”
ผมมองคุณท่านที่กำลังแสยะยิ้มร้าย
น่ากลัว…คนๆนี้น่ากลัวเกินไป
คุณท่านสามารถลั่นไกปืนได้โดยแววตาไม่มีความสั่นไหวสักนิด
ผมกอดเข่าตัวเองขุดคู้อยู่ใต้โต๊ะตัวสั่น
กลัว…กลัวแล้ว
ยอม…ยอมแล้ว
ผมหวังว่าคุณท่านจะไม่ลงโทษผมที่เชื่อคำพูดวีแล้วทำให้ท่านต้องเดือดร้อนมาเก็บกวาดเรื่องนี้ให้ผม
แค่โดนกระทำชำเราอย่างป่าเถื่อนจากอมนุษย์อย่างวีก็ทำผมบอบช้ำไปทั้งกายและใจ
“คุณท่านครับ ตรวจสอบคอมพิวเตอร์พบว่าไฟล์ถูกอัพโหลดไว้ในเว็บฝากไฟล์ครับ แล้วก็พบไฟล์แบ็คอัพไว้ใน external hard disk ครับ”ผู้ชายสวมชุทสูทสีเทาเดินมารายงานคุณท่านตอนที่ท่านกำลังจะลั่นไกปืนนัดต่อมา
“มึงเก็บไว้ที่ไหนอีก ถ้ามึงบอก...กูจะเว้นโทษตายให้”
“ไม่มี”สิ้นเสียง คุณท่านก็ลั่นไกปืนไปที่โคนขาอีกข้างโดยไม่ลังเล
“บอก…อึก...แล้ว กูบอกแล้ว อยู่ในไอแพดกับมือถือกู”
“พบไอแพดกับมือถือแล้วครับ”คุณชัยเดินเข้ามารายงานคุณท่านหลังจากหายออกไปไม่นาน
คุณท่านยิ้มเหี้ยมหลังจากที่ได้คำตอบจากคุณชัย
“มึงชอบข่มขืนคนอื่นนักใช่ไหม ดี! กูจะให้มึงได้รับรู้รสชาติเองบ้าง”
คนท่านพูดจบก็พยักหน้ากับพี่บอดี้การ์ด “หมดประโยชน์ก็เก็บมันได้เลย”
หลังจากวีถูกลากออกไปเหมือนหมูเหมือนหมา คุณท่านก็เริ่มมองหาผม
ผมพยายามซุกตัวหนีเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะมากขึ้น
ปล่อยผมไปเถอะนะ...อย่าจองเวรจองกรรมกันอีกเลย
คุณท่านโหดร้ายกับคนที่ทรยศท่านอย่างเลือดเย็น ถึงครั้งนี้ผมไม่ได้ทรยศท่าน แต่ท่านอาจจะเข้าใจผิด
อย่าทำผมเลย…
อย่าทำร้ายหมาโง่ๆที่ถูกหลอกตัวนี้เลย...
“เด็กดีของชั้น ออกมา”คุณท่านนั่งยองๆอยู่ระดับสายตา ท่านยื่นมือมาให้ผม
ผมส่ายหน้าอย่างกลัวเกรง ตัวผมสั่นเป็นลูกนกปีกหัก
ปล่อยผมไปไม่ได้เหรอ
ทำเหมือนมองไม่เห็นผมไม่ได้เหรอ
ให้ผมเป็นเพียงอากาศธาตุไม่ได้เหรอ
“เด็กดี ออกมาเถอะ”ผมกำมือแน่น จิกเล็บตัวเองลงบนฝ่ามือ
ผมกลัวคุณท่าน
“อยู่กับชั้น เธอจะปลอดภัย”ผมค่อยๆกระเถิบตัวออกมา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของผมจ้องมองคุณท่าน
“…”คุณท่านเอื้อมมือมาจับตัวผม ผมมองมือคุณท่านด้วยแววตาสั่นระริก ท่านไม่เอ่ยคำใดๆออกมากอีก ทำเพียงแค่ถอดเสื้อสูทคลุมตัวผม
ท่านเช็ดน้ำตาผมที่ไหลนองบนใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน
“ปลอดภัยแล้วนะเด็กดี”จบประโยคที่คุณท่านพูด ผมก็โผตัวออกไปกอดคุณท่าน สะอื้นไห้กับอกท่านเหมือนเด็กตัวเล็กๆ
ตอนแรกผมคิดว่าจะถูกฆ่าข่มขืนทิ้งไว้เหลือเพียงซากศพแล้วซะอีก
ถ้าคุณท่านไม่มาช่วย ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตเหลือรอดออกไปจากที่นี่หรือไม่
ผมซบหน้าลงกับอกอุ่นของคุณท่านที่โอบอุ้มผมอยู่
กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย ผมกอดคอคุณท่านแน่นไม่ยอมปล่อย
“โทรสั่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดของเราให้เตรียมพร้อมไว้ด้วย”คุณท่านสั่งผู้ชายในชุดสูทสีเทาคนนั้นทันทีที่ก้าวขึ้นรถ
“เจ็บตรงไหนบ้าง”ท่านถามผมที่นั่งอยู่บนตัก กอดคอท่านไว้ไม่ยอมห่าง
ผมชี้ไปที่ชายโครงตัวเอง ทุกครั้งที่งอตัวอาการปวดหน่วงๆจะมากขึ้น
ผมไม่แน่ใจว่าตอนที่โดนซ้อม กระดูกซี่โครงจะหักรึเปล่า
อาการหายใจหอบเหนื่อยทำให้ผมไม่อยากพูด
“คุณ…อึก ท่าน”ผมพยายามเปล่งเสียงออกมา แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน ยิ่งนาน…อาการหายใจหอบเหนื่อยก็ยิ่งมีมากขึ้น
“ไม่ต้องพูด พยายามหายใจไว้นะ”คุณท่านดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากเสื้อสูทเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าให้ผม
ทันทีที่ถึงหน้าโรงพยาบาลก็มีเตียงเข็นมารอรับอยู่แล้ว
คุณท่านอุ้มผมวางบนเตียงอย่างแผ่วเบา
ผมกำชายเสื้อคุณท่านแน่น
“ญาติหลีกทางด้วยครับ”บุรุษพยาบาลบอกคุณท่านเสียงร้อนรน
“มะ…”ผมพูดออกมาไม่เป็นคำ สั่นหน้าระรัว
อย่าปล่อย…อย่าปล่อยมือจากผม
“ขอผมไปด้วยนะครับ”บุรุษพยาบาลคงรู้ว่าไม่ควรเสียเวลาเถียงกับญาติผู้ป่วย ยิ่งเถียงกันยิ่งปล่อยเวลาช่วยชีวิตให้สูญเปล่า อัตรารอดชีวิตก็น้อยลงทุกวินาที
ผมถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน หมอพยาบาลเข้ามารุมตรวจผม
ผมหายใจได้ดีขึ้นจากเครื่องช่วยหายใจที่พยาบาลใส่ให้
ผมได้ยินหมอพูดอะไรสักอย่างกับคุณท่านก่อนที่ร่างผมจะถูกส่งต่อไปเอ็กซเรย์
ผมถูกยกจากเตียงคนไข้ขึ้นไปนอนบนเตียงเอ็กซเรย์
ความอึดอัดจะอ้วก หายใจไม่ออกที่ต้องนอนนิ่งในอุโมงค์ใหญ่ ดำมืดทำให้ผมทรมาน
เมื่อก่อนผมไม่เคยกลัวความมืด
แต่ผลจากการถูกปิดตาตอนวีข่มขืนทำให้ผมกลัว
หลังจากได้ผลเอ็กซเรย์ หมอก็เรียกคุณท่านไปคุย
ฤทธิ์ยาทำให้ผมหลับลง
.
.
.
“น้ำ”ผมเปล่งเสียงแหบแห้งของตัวเองขอน้ำทันทีที่ฟื้น
“คุณพริ้มค่อยๆจิบน้ำนะครับ”คุณชุดสูทสีเทาที่ผมไม่คุ้นหน้าส่งน้ำมาให้ ผมจิบน้ำได้นิดหน่อย คุณท่านก็เดินเข้ามาพร้อมคุณหมอ
“รู้สึกยังไงบ้างคะตอนนี้”คุณหมอหน้าตาสวยหวานถามผมด้วยน้ำเสียงนุ่ม
“จะ…เจ็บ หายใจลำบาก”ผมพูดด้วยความยากลำบาก จมูกก็มีท่อช่วยหายใจใส่อยู่
“จากผลเอ็กซเรย์ของคนไข้พบกระดูกซี่โครงหัก 2 ซี่นะคะ มีอาการแทรกซ้อน คือ พบจุดเลือดออกที่ปอด ทำให้มีอาการหายใจหอบเหนื่อยได้ หมอให้ยาไปแล้วขอดูอาการอีก 3 วันนะคะ ถ้าหายใจได้ดีขึ้น เราก็ไม่ต้องทำการผ่าตัด คนไข้สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้”
“ขอบคุณครับ”คุณท่านเอ่ยขอบคุณคุณหมอคนสวย
“อาการอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะคะ พี่กาลสบายใจได้”คุณหมอหันไปยิ้มกับคุณท่าน คุณท่านยกมือลูบผมคุณหมอเบาๆ ภาพความอ่อนโยนตรงหน้าทำให้ผมเบือนหน้าหนี
“พี่กาลอย่าลูบผมแก้วสิคะ เดี๋ยวผมเสียทรง”เสียวหวานกระเง้ากระงอดแบบไม่จริงจังนัก
“ขอบคุณแก้วนะครับที่ดูแลให้”
“สำหรับพี่กาล แก้วเต็มใจอยู่แล้วพี่กาลก็รู้”คุณแก้วดึงมือคุณท่านมากุม
ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาชิดคอ เบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า
ผู้ชายก็หล่อ ผู้หญิงก็สวย...สมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
ทำไมอีตัวไร้ค่า ไร้ราคาอย่างผมจะต้องมาเป็นสักขีพยานรักให้ทั้งคู่ด้วย
ผมตอนนี้เทียบกับคุณหมอคนสวยไม่ได้สักนิด
แม้เพียงปลายเล็บ…ยังเทียบไม่ได้
ร่างกายสกปรก แปดเปื้อนราคีคาวจากผู้ชายคนอื่น
คุณท่านคงไม่ต้องการผมอีกต่อไป
.
.
.
หลังจากวันนี้คงได้แต่นับถอยหลังรอวันที่ถูกเขี่ยทิ้ง
“พริ้ม หันมาคุยกับชั้น”คุณท่านสั่งผมเสียงเขียวหลังจากคุณหมอคนสวยขอตัวไปดูผู้ป่วยรายอื่นต่อ
น้ำเสียงที่คุยกับผมช่างต่างกับคุณแก้วราวฟ้ากับเหว
ผมยังคงนอนนิ่งไม่ขยับ
ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณท่านให้ช้ำใจ
“พริ้ม อย่าดื้อกับชั้น”
“พริ้ม ชั้นสั่ง”ถ้อยคำหนักแน่นของคุณท่าน ทำให้ผมยอมแพ้
ลองถ้าได้เอ่ยคำว่า ‘ชั้นสั่ง’ แล้วบังอาจแข็งข้อไม่ทำตามคงได้มีบทลงโทษกันอีก
“เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะความโง่ของเธอ รู้ตัวใช่ไหม?”ผมอ้าปากพงาบๆ อยากจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก
เป็นผมที่โง่เองที่คิดว่าวีจะให้ไฟล์
ความคิดไม่รอบคอบของผม ทำให้ผมลืมไปว่าหมาบ้าที่มีความแค้นอัดแน่นอยู่ในใจย่อมอยากจะแก้แค้น
ทำกับคุณท่านไม่ได้…ก็มาลงกับผม
“ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ชั้นจะเก็บกวาดสิ่งโง่เง่าที่เธอทำ ถ้ามีครั้งหน้าก็เตรียมตัวเก็บของกลับบ้านเก่าไปอยู่กับพ่อแม่เธอได้เลย ชั้นจะส่งเธอไปเองด้วยมือของชั้น เข้าใจไหม?”แววตาดุดันของคุณท่านทำให้ผมรู้สึกกลัว คุณท่านเป็นคน ‘พูดจริง ทำจริง’
บ้านเก่าที่พ่อแม่ผมอยู่…ไม่รู้ว่าจะเป็นนรกหรือสวรรค์ที่คุณท่านจะส่งไป
ผมกลืนน้ำลายเหนียวลงคอด้วยความยากลำบาก…การถูกขู่ฆ่าของคุณท่านในวันนี้น่ากลัวกว่าการขู่ฆ่าจากพวกทวงหนี้นอกระบบเสีย ตอนจ่ายเงินไม่ครบเสียอีก
คุณท่านมองหน้าผมแล้วถอนหายใจ เดินออกไปริมหน้าต่างแล้วจุดบุหรี่เพื่อสูบ
“คุณกาลครับ ถ้าอาการคุณพริ้มดีขึ้นใน 3 วันให้ผมรับกลับเลยไหมครับ”พี่สูทเทาถามคุณท่านที่สูบบุหรี่อยู่
ผมไอค่อกแค่กจากควันบุหรี่ของคุณท่าน
อาการเจ็บร้าวที่ซี่โครงแสดงอาการมากขึ้นเมื่อผมไอ
“ไม่ต้อง ให้นอนโรงพยาบาลไปก่อน 2 อาทิตย์”คุณท่านเท้าแขนกับขอบหน้าต่าง พ่นควันสีขาวออกมา
ผมไอค่อกแค่กจากควันบุหรี่
ปกติผมเองก็เป็นคนสูบบุหรี่ ต่อให้มีควันมากมายแค่ไหนผมก็ไม่เคยสำลักควัน
คุณท่านจะสูบบุหรี่วันไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่วันนี้ที่ผมป่วย!
“ผมอยากไปเรียน”ผมรีบแย้งคุณท่าน
“ไม่ต้องไป”คุณท่านพ่นควันสีขาวออกมาก่อนจะตอบผม
“คุณท่าน…”
“หมามันไม่มีสิทธิต่อรองหรอกนะ หัดเชื่อฟังเจ้าของบ้าง ไอ้หมาโง่”คุณท่านเดินถือบุหรี่มาหาผม บดขยี้ปลายไฟสีแดงก่ำลงบนผ้าห่มของโรงพยาบาลจนไหม้เป็นรู แล้วเดินออกจากห้องไป
“เฮ้ออออออ…”พี่สูทสีเทาถอนหายใจ ยกมือขึ้นมาลูบใบหน้า
ผมเงยหน้ามองพี่สูทเทาที่ยืนทำหน้าลำบากใจอยู่อย่างปลงไม่ตก
.
.
.
ทำไมโชคชะตาถึงนำพาแต่เรื่องร้ายๆมาให้ผม
โลกนี้ไม่ยุติธรรมเลย
สงสารน้องงงงงงงงงง
ฝากเอ็นดู #พริ้มกับdaddy ด้วยนะคะ