### CHAPTER ONE ###
ทุกความรักย่อมมีอุปสรรค
นั่นเป็นสิ่งที่ผมสังเคราะห์ได้หลังจากนิยายประโลมโลกของพวกมนุษย์แก้เบื่อไปพลางๆ เพราะอายุของพวกแวมไพร์อย่างพวกผมอย่างต่ำคือห้าร้อยปี เราจึงว่างมาก ว่างแบบว้างว่าง ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร
แล้วผมก็ได้กระทำการปัญญาอ่อนอย่างการมาลงเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย ทั้งๆ ที่ผมเคยเรียนแล้วรอบนึงเมื่อตอนอายุร้อยกว่าแต่ตอนนี้ผมอายุสามร้อยปีแล้ว มันน่าเบื่อมากกับการนั่งหาเหยื่อแล้วก็กินเลือดแล้วก็จบวัน เป็นลูปชีวิตที่ช่างไม่เร้าใจเอาซะเลย
“เฮ้ย น้องหัวทองคนนั้นอ่ะ ลุกขึ้นมาเต้นเพลงเมียงูหน่อยเร็ว!”
ผมที่นั่งสัปหงกอยู่เงยหน้ามองคนเรียก พบว่าเป็นหญิงสาววัยละอ่อนที่ไม่พรหมจรรย์และไม่ใช่สเป็คของผม เธอแต่งตัวเปรี้ยวจ๋าจนผู้ชายที่นั่งข้างหลังผมนั่งมองตาเยิ้มกันเป็นแถบ
“อย่านิ่งน้อง โชว์หน่อย!”
อายุสามร้อยยี่สิบเอ็ดปีนี่เรียกน้องได้เหรอวะ
ผมโคลงหัวอืมๆ กับความคิดตัวเอง ต้องขอบคุณที่แวมไพร์ส่วนใหญ่หน้าเด็กและหน้าผมก็หยุดที่ประอายุยี่สิบปีจวบมาจนปัจจุบัน ประมาณหกร้อยปีรอยตีนการอยแรกถึงจะขึ้นหน้าผม
ผมลุกขึ้นยืนอย่างไม่อิดออดและเดินออกไปข้างหน้าตามที่พวกพี่ๆ (นับตามศักดิ์ตอนนี้) ต้องการ ผมยืนด้วยหน้านิ่งสงบไม่ดีดเท่าไหร่เพราะนี่คือเวลากลางวัน ท่ามกลางอากาศร้อนตับแตก รู้ไหมว่าเมื่อเช้าผมต้องโบกครีมกันแดดเป็นชั่วโมงกว่าจะออกมาจากบ้านได้ ไม่งั้นผมคงจะโดนแดดประเทศไทยเผาเป็นจุล
“ในฐานะที่น้องเป็นผู้โชคดีคนแรก พี่อยากให้น้องแนะนำตัวเองให้เพื่อนๆ ฟังหน่อย”
สาวคนเดิมพูดเจื้อยแจ้ว ดูเธอชอบผมไม่น้อยเพราะมองผมด้วยสายตาเอ็นดูสุดๆ
ฮ่า อย่าว่าอย่างงู้นอย่างงี้เลย ผมมั่นใจว่าตัวเองหน้าตาดีอยู่นะ
“ผมชื่อเล่นว่า ครูซ ครับ เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ ไม่ชอบกินกะเทียมครับ”
ไม่รู้จะพูดอะไร แต่ที่แน่ๆ ผมอยากให้ทุกคนรับรู้ไว้ว่าผมโคตรของโคตรเกลียดกะเทียม ไม่ต้องถามเหตุผล ผมเป็นแวมไพร์จบนะ
ระหว่างที่ยืนผมก็กวาดตามมองเหยื่อ ไม่สิ เพื่อนๆ ที่น่ารักของผม เฟ้นหาว่ามีใครเข้าตาสมควรจะเป็นเหยื่อของผมบ้าง แต่ก็เหมือนๆ กันไปหมด มีคนหน้าตาดีที่เป็นสเป็คผม แต่ผมก็เบื่ออ่ะ พวกนี้บางทีก็ขี้เก๊กเข้าหายาก ผมแค่อยากกินเลือดไม่ได้อยากได้เป็นรักนิรันดร์ซะหน่อย น่าเบื่อจริงๆ
ผมเอาลิ้นดุนแก้มไม่สบอารมณ์ ไม่มีใครเข้าตาเลยอ่ะ รุ่นเดียวกัน สงสัยต้องไปสอยพวกรุ่นพี่สินะ
แต่ยังไม่ทันสำรวจเพลงก็มา ทำให้ผมต้องเต้นอย่างอดไม่ได้ จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากเต้นหรอกแต่มันช่วยไม่ได้
มีเสียงผิวปากทันทีที่ผมเริ่มออกลวดลาย แน่ล่ะ ผมไปนั่งหาเหยื่อตามบาร์ตามผับเป็นร้อยๆ ปี คิดเหรอว่าสเต็ปผมจะน้อยกว่าชาวบ้าน บอกเลยผมนี่ไปเป็นหางเครื่องหมอลำไม่ก็แดนเซอร์ได้สบายๆ แต่ผมไม่ทำหรอก เสียชาติเกิดแวมไพร์ตายเลย
ผมหลับตาเต้นยิ่งมีคนกรี๊ดกร๊าดเพราะผมเต้นเกินเบอร์ไปมากสำหรับเพลงนี้ จากเพลงที่เต้นในวันกีฬาสีผมทำให้มันเป็นเพลงที่สามารถเต้นแบบฟูลเทิรน์ได้
แต่พอผมกำลังจะหยุดเต้นเพราะเพลงจบ เพลงอื่นๆ แม่งก็มา
โอ้โฮ ผมเริ่มคิดถึงชีวิตสงบสุขล่ะ อายุปูนนี้ (เทียบกับอายุพวกมนุษย์) ทำไมผมต้องมาเต้นแด่วๆ เรียกเสียงกรี๊ดด้วยวะเนี่ย โอ๊ย ถึงมันจะเพิ่มเปอร์เซ็นในการตกเหยื่อให้ผม แต่ผมก็ขี้เกียจเต้นนี่นา แดดก็ร้อน ง่วงก็ง่วง ผมคิดถึงตอนกลางคืนนน อย่าลืมสิว่าแวมไพร์เป็นสัตว์กลางคืนนะ
ผมเต้นไปอีกสองสามเพลงในที่สุดวิบากกรรมก็จบลง
ผมหอบแฮ่กเพราะแม่งร้อนมาก ครีมกันแดดที่ใช้กันในหมู่แวมไพร์เริ่มระเหยจนผมต้องรีบทาใหม่ก่อนที่ผิวจะไหม้และผมก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านนน
ว่าไปนั่น
แวมไพร์ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นครับ พวกผมก็แค่ไม่ชอบแดดเท่านั้นเอง มันทำให้พลังเราถดถอยและแสบตา ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นฆ่าแกงกันได้หรอก ไม่งั้นพวกผมคงจะสูญพันธุ์กันไปนานละ
“เต้นเก่งนะเนี่ย สนใจเป็นหลีดไหมคะน้อง”
ผมส่ายหัวหัวเราะแห้งๆ ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจโบกครีมกันแดด
หลังจากโดนชวนคุยอีกสองสามประโยคผมก็เป็นไท ได้รับการปล่อยตัวกลับไปนั่งที่เดิมและนั่งดูเพื่อนๆ ที่ซวยเป็นรายต่อไปออกไปเต้น ก่อนจะได้ทำกิจกรรมร่วมกันอีกสองสามอย่างที่สำหรับผมแล้วไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ผมไม่ได้อยากรู้จักคนอื่นมากขนาดนั้นนี่นา ถึงผมจะยิ้มโง่ๆ เหมือนเป็นมิตรกับทุกคนบนโลกก็เถอะ
“ต่อไป กิจกรรมกระชับสัมพันธ์พี่น้องครับ!”
ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่นั่งหาวถึงจะแอบหลับไปสองสามรอบก็เถอะ ผมกลอกตามองรุ่นพี่ปีสองไม่กี่คนที่ดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่เบื่อๆ ขนาดผมสำรวจครบทุกคนในนี้ ยังไม่มีใครโดนใจเลยอ่ะ
อยากได้แบบตรงสเป็ค แปลกใหม่ น่าอร่อย อะไรงี้อ่ะ โลตัสมีป่ะ ผมจะไปช็อปตอนเย็น
“น้องครูซออกมาเลยครับ!”
อืม แจ็กพอตแตก
ผมออกไปยืนที่เดิมอย่างไม่อิดออด สานสัมพันธุ์ทวดของทวดกับหลานน่าจะถูกต้องกว่า เพราะอายุผมเกินคำว่าน้องไปเยอะละ
“พี่จะให้น้องเต้นแมงมุมกับพวกพี่คนใดคนนึงนะครับ น้องเลือกมาเลย”
มีเสียงฮือฮาเพราะเพลงแมงมุมนี่ท่าค่อนข้างล่อแหลมพอตัว แต่ผมไม่ตื่นเต้น ก็เหตุผลเดิมอีกแหละ คนที่นี่มันไม่เข้าตา ไม่เร้าใจ ไม่ใช่สเป็ค ไม่อยากเลือกใครสักคนเลยอ่ะ
ผมกลอกตามองรุ่นพี่ผู้ชายที่แต่ละคนดูสนอกสนใจผมไม่น้อย แน่ล่ะ ผมรู้ตัวว่าหน้าตัวเองไม่ได้เหมาะกับเป็นพวกเดือนคณะหรอกเหมาะกับอย่างอื่นมากกว่า
ผมพยายามหาคนที่เข้าตาที่สุด คนที่ผมอยากเต้นด้วยที่สุด แง ไม่มีเลยอ่ะครับ โดนแต๊งอั๋งทั้งทีขอคนที่อยากได้หน่อยสิ
ระหว่างที่ผมอับจนหนทางในชีวิต
ในที่สุดก็มีคนที่เข้าตาผม
ตาผมลุกวาว เขี้ยวแทบโผล่
โอ๊ยยยย น่ากินนนน
ผมชี้เลยครับ ไม่สนอะไรทั้งนั้น กูต้องได้
“ผมอยากเต้นกับพี่คนนั้น”
พี่ปีสองมองหน้ากันเลิกลั่กเลยครับเพราะผมก็รู้เหมือนกันว่านั่นคือปีสี่ ผู้เข้าใกล้ปริญญาตรีเต็มทนและอดหลับอดนอนมามาก
“เอาคนอื่นได้ไหมน้อง พี่คนนี้ พี่ไม่แนะนำ” พี่ปีสองป้องปากกระซิบกับผม
ผมส่ายหัวดิก ไม่ ผมจะเอาคนนั้น จะเล่นแมงมุม จะเล่นแมงมุม เล่นแวมไพร์ก็ได้
เหมือนเป้าหมายผมสัมผัสได้ถึงแรงปรารถนาของผม จากที่จะเดินไปไหนก็ไม่รู้เบี่ยงเส้นทางตรงมาหาผมครับ
เปล่าหรอก ผมแอบสะกดพี่เขานิดหน่อยน่ะ แค่กระซิบนิดหน่อยว่ามาทางนี้เถอะน้า มีคนรออยู่
“…”
ผมว่าผมน่าจะเล็งมาผิดคนเพราะตอนนี้แม่งเงียบมาก เหมือนทุกคนหยุดหายใจโดยเฉพาะพี่ปีสองที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้กับอยากมุดลงท่อใกล้ๆ
อะไรกันเล่า ผมผิดเหรอที่อยากสานสัมพันธ์กับรุ่นพี่อ่ะ
“จะให้ทำอะไร”
แม้แต่น้ำเสียงที่พูดก็เย็นชามาก ทั้งๆ ที่ใส่แว่น ผมนึกว่าเป็นพวกเด็กเนิร์ดซื่อๆ ซ่อนความแซ่บซะอีก เฮ้อ แม่งไม่ใช่อ่ะ เหมือนผมจะเอาตัวปัญหาเข้ามาตัวเองซะแล้ว
เสียดายหน้าชะมัด ออกจะหล่อสันกรามใบหน้าชัดเหมือนพวกนายแบบฝรั่ง เห็นได้ชัดว่าเขาได้ชาติพันธุ์ยุโรปมากกว่าผม เพราะร่างกายก็สูงใหญ่ยืนเต็มความสูงผมยังต้องเงยหน้า แต่ผมบินได้ ฉะนั้นไม่นับ
“พี่เขาให้เต้นแมงมุม” ผมยิ้มโง่ๆ ให้พี่เขา “ผมเลยชวนพี่มาเต้นกับผม”
อย่าลืม อายุไม่ใช่ตัวเลข ผมแก่กว่าคนตรงหน้าสามสี่รอบและผมสามารถเขมือบคนตรงหน้าได้ถ้าต้องการ
ใบหน้านั่นก็ยังนิ่งไร้อารมณ์แต่แบบดูออกว่าแววตานั่นสนใจผมไม่น้อยที่กล้าต่อกรกับเขา
โห ก็นี่มันมหาลัย คิดว่าตัวเองเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหนกันเล่า ขนาดผมเป็นแวมไพร์ยังไม่วางท่าใส่ใครขนาดนี้เลย ถ้าให้เดาอย่างมากคนตรงหน้าก็เป็นลูกอธิบดีอะไรทำนองนั้นแหละ ไม่ก็ลูกดารา หรือถ้าไม่ใช่อีกก็ลูกนายก สักลูกแหละที่ไม่ใช่ลูกแวมไพร์เพราะผมสัมผัสกลิ่นอายอะไรไม่ได้เลย
“ได้”
อีกฝ่ายถอดแว่นตัวเองออกเสียบกับกระเป๋าเสื้อ
“ชื่ออะไร”
“ครูซ”
ผมยิ้มจนตาหยี แม่งน่ากินอ่ะ นิสัยดิบเถื่อนมาก บอกเลย ตอนเคยกำราบหมาป่ามาแล้ว กับแค่มนุษย์คนเดียวโดยเฉพาะคนตรงหน้าผมน่ะเหรอ ไม่คณามือหรอก
ไม่เกินสัปดาห์..
ไม่สิ ไม่เกินวันนี้
บอกเลยว่าเขาอยู่ในสเป็คอันดับหนึ่งของผม
“ดิออน”
เขายิ้มมุมปากให้ผม
“เอ่อ พี่ดิออนจะร่วมกิจกรรมใช่ไหมครับ”
ผมว่าดิออนอะไรนี่คงใหญ่น่าดู พวกปีสองหงอไปเลย ถึงพวกสาวๆ จะมองกันตาเยิ้มก็เถอะ แต่ใครจะกล้าเข้าไปหาสิงโตที่ดุชิบหายตัวนี้เล่า ถ้าเป็นผมตอนอายุเท่าคนพวกนี้ก็คงกลัวจนหงอเหมือนกัน
แต่สำหรับผมมันท้าทาย มีอะไรสนุกๆ ฆ่าเวลาในช่วงอายุที่ยาวนานนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดละ
ผมอาจจะยอมเสียเวลาเล่นด้วยสักอาทิตย์หนึ่ง ถ้าผมเบื่อไปก่อน ก็แค่หายตัวไปซะ จบ ยังไงซะเอกสารทั้งหมดที่ผมสมัครเรียนที่นี่มันก็ของปลอมทั้งนั้น ผมเอาข้อมูลคนในนี้มาผสมๆๆ กันจนมั่ว แล้วผมก็ไปล่อลวงพวกเจ้าหน้าที่ธุรการให้ยัดชื่อผมใส่ในรายชื่อซะพร้อมทั้งแจ้งด้วยว่าผมจ่ายค่าเทอมหมดแล้ว
ช่วงชีวิตที่ยาวนานคือสิ่งที่มนุษย์ร้องขอและใฝ่หา
แต่สำหรับพวกผมแล้ว มันก็แค่เวลาที่ยืดยาวกว่าคนอื่นๆ เท่านั้น
ซึ่งเราก็ค่อนข้างชอบมันมากทีเดียว ใช้ชีวิตในสนุกกว่าพวกมนุษย์เป็นไหนๆ
“เต้นสิ”
ผมกระพริบตาปริบเมื่อพบว่าอีกฝ่ายลงไปตั้งท่ารอแล้ว
เอาจริงดิ
ผมช็อคแต่ก็ลงไปตั้งท่าเหมือนกัน แน่นอนว่าผมต้องเป็นแมงมุมตัวเมีย
เสียงกรี๊ดดังดื้ออึงตอนที่ดิออนยอมเต้นตามเพลงจริงๆ โดยเฉพาะท่อนขยุ้มๆ นี่ใส่เต็มรุนแรงจนน่ากลัว
ผมกลืนน้ำลายเอือก เริ่มกลัวๆ ขึ้นมาบ้าง โอเคผมเข้าใจความกลัวของพวกมนุษย์แล้ว
“แมงมุมมันมีแปดขา ขยุ้มๆ!”
กรี๊ดดด
หึ ผมก็ไม่ยอมน้อยหน้าหรอก อย่าลืมนี่ใคร น้องครูซซอยสี่ สก็อยเถื่อน ขามีรอยท่อ แค่ก ไม่ใช่ ผมไม่เคยเป็นสก็อยสักหน่อย เป็นแค่แวมไพร์เรียบร้อยคนนึงเท่านั่นแหละ
ยิ่งเราขยับเข้ามาใกล้กันเสียงกรี๊ดก็ยิ่งดัง ผมสัมผัสได้ถึงไทยมุงเหมือนมาดูของแปลก เออ เป็นผมก็ดูเหมือนกันแหละ ถ้าไอ้ของดีประจำคณะยอมลดตัวมาเต้นกับน้องเฟรชชี่สุดน่ารักอย่างผม
“ขยุ้มๆๆๆ!”
โอ มาย แวมไพร์
ฮือออ สุดว่ะ สุดจริง โอ๊ยยย
ทำไมต้องเน้นท่อนขยุ้มว่ะ ไอ้มนุษย์บ้านี่แม่งขยุ้มใส่ผมจนผมหน้าแดงก่ำไปหมด ผมสู้แรงมันไม่ได้โดยเฉพาะท่ามกลางอากาศร้อนระดับองศาไม่เป็นมิตรกับแวมไพร์แบบนี้
“เอาขาเกี่ยวเอวสิ”
มันกระซิบข้างหูจนผม
“เล่นแรงไปนะ”
ผมบ่นอุบเอาขาเกี่ยวแล้วแทบร้องลั่นเพราะขยุ้มอีกแล้ว!
กรี๊ดดด
นี่ถ้าผมเป็นแมงมุมคงบี้แบนตายแม่งตรงนี้แหละ
ผมโอบคอเจ้ามนุษย์งี่เง่านี้ไว้และพบว่าตัวเองไปแตะอะไรที่แสบร้อนเข้าจนเผลอปล่อยมือเกือบล้มกระแทกพื้นถ้าไม่ได้แขนโอบหลังเอาไว้ทัน
“อย่างที่คิด”
เสียงทุ้มพูดพร้อมหัวเราะในลำคอ นัยน์ตาสีเทานั่นวาวโรจน์
ผมหน้ายู่เพราะเริ่มรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายเป็นตัวอะไร
“แมงมุมมันมีแปดขา ขยุ้มๆๆ”
โอ๊ย ขยุ้มอยู่ได้ ทนไม่ไหวแล้วนะ
ผมเกาะมันทั้งตัวราวกับเป็นแมงมุม ขาตวัดใส่เอว แขนโอบรอบคอโดยพยายามเลี่ยงสร้อยเงินแบบสุดๆ เอาสิ หนักขนาดนี้ยังมีแรงขยุ้มอีกไหม
ไอ้พวกวาติกัน!
ฮือ ทำไมผมต้องซวยมาเจอพวกล่าแวมไพร์ด้วยนะ อุตสาห์เลือกประเทศที่วาติกันน้อยๆ แล้ว ก็ยังจะเจออีก แผนการกินไอ้ดิออน ล่มแล้ว ผมไม่เอาแล้ว เต้นเสร็จผมต้องหนีไป ไม่งั้นผมคงจะโดนพวกมันจับไปสับๆๆๆ ต้มกินแน่ แง แม่จ๋า ครูซ กลัวแล้ว
ใจจริงผมอยากเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวและบินหนีมาก แต่กฎสำหรับชาวเราในตอนนี้หรือก็คือโลกใหม่คือไม่ทำให้พวกมนุษย์ปัจจุบันล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเรา
ผมเลยต้องทนและทน ไอ้ดิออนนี่มันไม่กล้าฆ่าผมท่ามกลางคนเยอะขนาดนี้หรอก
แม่งทำไมผมโง่ขนาดนี้ ไปเรียกเพรชฆาตมาฆ่าตัวเองซะงั้น แงๆๆ ตอนนี้อยากกระซิบใส่หัวมันว่าไปซะ ชิ่วๆ ผมไม่น่ากินหรอก ไปไกลๆ ไป้
“กลัวเหรอ”
มันกระซิบผมตอนที่ขยุ้มใส่จนผมตัวแทบหลุดจากการเกาะกุม
“เออ”
ผมยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ยางอายของน้องครูซหมดไปตั้งแต่ร้อยปีแรกแล้ว ที่เหลือผมอาศัยความหน้าด้านในการอยู่กินล้วนๆ ผมเคยไปนั่งขอทานด้วยล่ะ (ผมขโมยเสื้อที่ตากมาใส่แล้วก็ไปนอนตามสะพานลอย ตื่นมาเงินเต็มเลย อาชีพนี้ดีมาก แต่ผมกลัวเจ้าถิ่นปาดคอจับย่างเป็นค้างคาวแดดเดียว)
ต้องขอบคุณที่สมัยนี้มีสมาพันธ์แวมไพร์ให้พึ่งพา เวลาผมตกทุกข์ได้ยากก็ไปขอพึ่งพิงได้เป็นพักๆ โดยแลกกับการทำภารกิจของสมาพันธ์อย่างการออกไปหาเลือดให้อะไรทำนองนั้น ไม่ยากหรอก ที่ใช้ก็มีแค่สมองอันชาญฉลาดของน้องครูซแล้วก็กำลังนิดหน่อยเท่านั้น
เอ้ เหมือนผมลืมอะไรไป
“ขยุ้มๆๆ”
โอเค ผมรู้ละ
“พี่ดิออนน หนูเขินนนน แงงง”
ผมกำลังโดนขยุ้ม อ้ากกกก
คือถ้ามันไม่เป็นวาติกันจะดีใจมาก แต่พอมันเป็นวาติกันแล้วเสียวสันหลับวาบๆ เลยอ่ะ
โดยเฉพาะตอนนี้ที่เปลี่ยนเป็นท่ายืน มันอุ้มผมแล้วขยุ้ม ผมก็เห็นสร้อยเงินเป็นรูปไม้กางเขนและรอยสักของพวกวาติกันที่คอมันได้อย่างชัดเจน
ซวยซ้วยซวย ทำไมกูซวยอย่างนี้
ผมน้ำตาแทบไหล ตัดพ้อชีวิต ฮึก ทำไมกูโง่ขนาดนี้นะ แม่จ๋า ช่วยครูซด้วย โดนปิ้งแน่
ผมรู้เลยว่าหน้าตัวเองตอนนี้ปลงโลกมาก เหมือนมนุษย์อายุมากที่ชอบออกมาพูดคำคมว่า ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ แต่ผมเป็นแวมไพร์ ผมยังไม่อยากปลงโลกโว้ย
“ผม ผมไม่เคยกินเลือดคนนะ”
ผมโกหกคำโต ไม่เคยก็บ้าแล้ว อยู่ยังไงมาถึงสามร้อยปี
“ฉันไม่สน”
แง มันฉลาดอ่ะ เออ เป็นผมก็ไม่เชื่อหรอก แวมไพร์ที่ไหนไม่กินเลือดคน บอกเลยว่าเลือดคนอร่อยที่สุดแล้วโดยเฉพาะเลือดบริสุทธิ์ของพวกวาติกันที่เขาเล่ากันว่าหวานอร่อยมาก ผมไม่รู้จริงเปล่าเพราะไอ้คนเล่ามันตายแล้วอ่ะ โดนวาติกันจัดการไปแล้ว
และผมก็ศพต่อไปไง แงๆๆ
ในที่สุดเวลาของผมก็หมดลง เพลงแมงมุมจบแล้ว ทุกคนปรบมือเกรียวกราวตอนที่ผมลงไปยืนข้างมัน
“พี่ขอตัวน้องแปปนึงนะครับ”
ผมกำลังจะเดินหนีเพื่อชีวิตน้อยๆ ของตัวเองก็โดนดึงคอเสื้อเอาไว้
ฮึก นี่สินะ ความรู้สึกของเหยื่อที่กำลังจะถูกกระทำ อะไรกัน ปกติผมก็กินเลือดมนุษย์แบบยุงนะ กินตอนหลับแล้วก็ไป เนี่ย สันติ ไม่มีใครตาย ทำไมต้องใจร้ายกับผมด้วยย
ทำไมมมม
แงงงง
ผมจะร้องไห้แล้ว แก่แล้วก็ช่าง ผมไม่สน ผมกำลังจะตายยย ม่ายยย
“อย่าปิ้งผมนะ ฮึก ผมยอมแล้ว”
ผมน้ำตาแตกตอนที่โดนลากคอออกมา แม่จ๋า ผมขอโทษที่ดื้อ ที่ผมไม่เชื่อฟังตอนที่แม่สอนว่าอย่าเก็บผู้ชายทุกคนที่หล่อ แง มันอันตรายมากจริงๆ ผมกำลังจะตายแล้ว
“มาที่นี่ทำไม”
“มาหาความรู้”
ปากไวไปหน่อย เจ้ามนุษย์นี่ทำหน้าเหมือนจะฆ่าผมเลย
แง ก็มันเป็นคำตอบปกติของพวกมนุษย์นี่นา
“ก็ได้ๆ มาหาอะไรกิน”
ผมนั่งตัวลีบทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยม
“มันหิวอ่ะ ยังไม่ได้กินอะไรเลยมาสองสามวันแล้ว ที่นี้เบื่อๆ เห็นมหาลัยพวกมนุษย์กำลังเปิด ก็เลยมาสมัครเรียนแล้วก็หาเหยื่อน่ากินๆ สักคน แต่อย่าเข้าใจผิดนะ! นายไม่รู้เหรอว่าชาวแวมไพร์กินเลือดกันแต่พอดีกันมาเกือบห้าร้อยปีแล้ว ไม่มีข่าวมนุษย์ขาดเลือดตายตั้งนานแล้วนะ!”
ผมพยายามหาเรื่องต่อชีวิตให้ตัวเอง ถ้ามันจะฆ่าผมจริงๆ ผมก็จะบินหนีตอนนี้เลยล่ะ ไม่สนกฎแล้ว ผมไม่อยากโดนปิ้ง ฮึก ผมยังอยากอยู่ต่อนะ
“นายสนใจฉัน?”
ผมหลับตาหยีพยักหน้าหงึกๆ ทั้งน้ำตา
“ก็ ก็นายน่ากินอ่ะ กลิ่นหอมด้วย”
“อายุเท่าไหร่แล้ว”
“สามร้อย! สามร้อย อย่าฆ่าฉันเลย ฉันยังอยากอายุยืนมากกว่านี้นะ”
ผมหดคอหนีเมื่อได้กลิ่นหอมเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
“ก็ได้”
ผมกำลังจะดีใจแต่ก็ไม่กล้าดีใจ อย่าลืมสิ พวกวาติกันเชียวนะ พวกนี้มันไว้ใจไม่ได้หรอก
“แต่ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน”
ผมมองหน้าดิออนที่กำลังยิ้มน่ากลัวใส่ผม
“นายต้องมาอยู่กับฉัน”
ผมอ้าปากค้าง
ข้อเสนอบ้าๆ ! เหมือนให้เนื้อสเต็กนอนกับหมาอ่ะ ตื่นมาหมดเกลี้ยง ไม่สิ ผมเปรียบเทียบแปลกๆ แฮะ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่นอนกับมันแน่ ผมยังรักชีวิตน้อยๆ ของผมอยู่ ที่ผ่านมาผมไม่เคยทำใครตายเลยนะ
“ไม่เอาได้ไหม”
ผมทำตาปิ้งๆ หวังว่ามันจะสงสารแวมไพร์ตัวน้อยๆ นี้บ้าง
“งั้นฉันจะฆ่าแกตอนนี้เลย”
ไม่ว่าเปล่ามันหยิบมีดเงินที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมออกมาควงให้ผมเห็น
ผมกลืนน้ำลายเอือกเหมือนมีน้ำตารวมอยู่ด้วย
“ก็ได้ นายชนะ เอาเลยๆๆ ฮึก ฮือออ”
ชีวิต.
แท่นแท้น
ตอนนี้ผมกำลังกลิ้งอยู่บนเตียงดิออนครับ นุ่มมาก จนเผลอหลับไปสามรอบ ลืมไปเลยว่าจะหนี โอเค ตอนนี้คิดออกแล้ว งั้นหนีเลยละกัน
พรึ่บ
ผมกลับร่างค้างคาวเพื่อสะดวกแก่การหลบหนี ตัวขนาดเท่าฝ่ามือ ผมบินพึ่บพั่บไปยังหน้าต่างที่เปิดออก ถึงตอนนี้จะยังเป็นเวลากลางวันแต่ใครสนล่ะ ผมจะไม่มีวันโดนปิ้งที่นี่แน่ๆ
บ๊ายบายยยย
เปรี๊ยะ
ผมกระเด้งกลับไปกองบนพื้น มีกลิ่นเหม็นไหม้
ใช่ ผมโดนช็อต ผมโง่เองที่ไม่ดูว่ามันคงไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ หรอก แม่งร่ายอาคมไว้ โอเค ตอนนี้ผมกลายเป็นค้างคาวปิ้ง แหง่กๆ อยู่บนพื้นละ
เออ กูมันโง่ เยาะเย้ยสิ นอกจากแก่แล้วยังโง่อีก ฮืออออ
ผมร้องไห้ทั้งร่างค้างคาว เสียงออกมาเป็นกี้ๆๆ นอนแปะอยู่พื้น ถ้าไอ้ดิออนเดินแบบไม่ดู ผมคงโดนแม่งเหยียบตายแบบโง่ๆ เลยล่ะ
แงงงง
“เป็นอะไร”
พูดถึงก็มา มันหยิบผมที่สภาพเหมือนผ้าขี้ริ้วมาวางบนมือมันด้วยสายตาสมเพชเวทนา
“ฮึก”
ผมร้องไห้ใส่มัน เอาเมนูอะไร ค้างคาวแดดเดียวหรือค้างคาวย่างเกลือ
“ขอร่างมนุษย์”
ฮือออ ผมงอแง กลัวแล้วว ยอมแล้ววว ทำไมในกลุ่มไลน์แวมไพร์ประเทศไทยไม่เห็นบอกว่ามีวาติกันอยู่มหาลัยนี้ ทำมายยยย
“ฮึก อย่าฆ่าฉันเลย”
ร้องไห้ไม่แคร์อายุเลย ผม แต่แบบโฮ ผมเข้าถ้ำเสือแล้วอ่ะรอสับแล้วหั่นกินอย่างเดียว
ผมตัวสั่นงึกๆ ผมเคยโดนพวกวาติกันจับไปรอบนึง เกือบตาย มันปลอมตัวเป็นเสี่ยขี้เมาแล้วหลอกผมว่าจะให้ตังค์ ผมก็เลยเออออตามมัน สรุปผมโดนมอมเหล้าแล้วตื่นมาก็โดนขึงอยู่บนไม้กำลังจะโดนเผา โชคดีมีแวมไพร์ใจบุญมาช่วยผมก่อน ผมเลยรอด
“แก่แล้วนะ ร้องไห้ก็ไม่น่ารักขึ้นหรอก”
“ฮึก”
ผมตัวสั่นยกมือขึ้นปิดหน้า
ตายแน่ ตายแหง๋ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
“…?”
ผมเบิกตากว้างเมื่อโดนดึงมือออกแล้วถูกอุ้มเหมือนลูกแมว คือช้อนใต้รักแร้ผมแล้วมันก็พาผมไปห้องน้ำซึ่งมีอ่างอาบน้ำที่ถูกเปิดน้ำใส่จนเต็ม มันลอกคราบผมภายในพริบตาแล้วจับผมลงน้ำ
คือยังไม่ทันขัดขืน รู้ตัวอีกทีก็ฟองเต็มหัว
มันทำเหมือนผมเป็นเด็กอาบน้ำไม่เป็นอ่ะ ตอนนี้ผมกำลังนั่งงงโดยที่มันดึงแขนผมไปขัดให้พร้อมพิจารณาตัวผมไปพลางๆ เหมือนแม่ครัวที่กำลังพิจารณาปลาสดว่าปลาตัวนี้เหมาะสำหรับทำอาหารหรือไม่ แน่นอนว่าผมไม่ใช่ปลา ผมเลยร้องแว้กเมื่อได้สติ
“ฮือออ อย่าฆ่านะ ขอโทษ ฉันจะอดเลือดเดือนนึงเลย เอ้า! แต่ แต่สองสามวัน ก็หิวแล้วอ่ะ อะลุ้มอล่วยหน่อยนะ ขอวันเดียวพอ”
แปลกที่มันไม่ตอบแต่ยื่นแขนของมันให้ผมแทน
“จะทำอะไร!”
ผมผวาเฮือกถอยกรูดหลังชนอ่างพยายามหนี มันจะบีบคอผม ช่วยด้วยๆๆ ผมเป็นแวมไพร์รักสันติ ต่อสู้ไม่เป็น เผ่นเป็นอย่างเดียว ที่ผมภูมิใจที่สุดในฐานะแวมไพร์คือผมหาเหยื่อเก่งมาก แค่นั้นแหละ ผมเลยไม่อดตายซะก่อน
“จะกินไหม”
มันทำหน้าเหนื่อยใส่ผม เฮ้ๆ ผมแก่กว่ามันตั้งสี่ห้ารอบเลยนะ!!! เคารพกันหน่อย
“อยากกินตรงคอ”
ผมช้อนตามอง จากการเป็นแวมไพร์สามร้อยปีจากคอคือมุมดีสุด
“ถ้าเยอะมากนักก็ไม่ต้องกิน”
“กินๆๆๆ”
ผมคว้าแขนที่ตอนนี้เป็นมื้อเที่ยงของผมไว้อย่างหิวโหย
“ให้กินแน่นะ”
ผมมองมันอย่างไม่ไว้ใจนัก แม่ผมสอนว่าอย่าไว้ใจคนง่ายโดยเฉพาะพวกวาติกัน แต่ท้องผมมันก็ร้องจ็อกๆ อ่ะ
“จะกินก็รีบกิน”
มันมองผมแบบเหนื่อยใจมาก จนผมรู้สึกผิดอ่ะ อะไรวะ
ผมหน้ามุ่ยคว้าแขนมันขึ้นมางับ
“!!!!”
นี่ถ้าเป็นพวกการ์ตูนของมนุษย์ คงมีสายรุ้งพุ่งออกจากปากผม
อร่อย! อร่อยมาก ผมว่าเจ้ามนุษย์นี่ตัวหอมแล้วนะ เลือดหอมกว่าแล้วยังอร่อยมาก
ผมดูดกินอย่างตะกละตะกลามก่อนจะโดนดีดหน้าผากจนต้องร้องโอดโอย ยอมอ้าปากปล่อยแขนออกจากปากไป เลือดที่เปรอะอยู่ตามปาก ผมใช้ลิ้นเลียจนหมดแล้วมองคอเจ้าดิออนนี่ตาวาว
อยากกินอ่ะ ยังไม่อิ่มเลย
“อย่าเยอะ”
“ทำไมถึงให้กินเลือดล่ะ ทำไมไม่ฆ่า”
อันนี้ผมสงสัยจริงเพราะดิออนอะไรนี่ ผมสัมผัสได้เลยว่าเลือดมันบริสุทธิ์มาก น่าจะมาจากพวกตระกูลนักบวชของพวกวาติกันเลยล่ะ มันสามารถข้าผมที่เป็นแวมไพร์ไร้สาระไปวันๆ ได้ง่ายมาก ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเลยล่ะเพราะผมไม่มีพิษภัยอะไร เป็นมิตรกับโลกใบนี้ที่สุด
“ก็แค่อยากลองเลี้ยงสัตว์เลี้ยงดูบ้าง”
มันตอบสบายๆ แต่หางคิ้วผมกระตุก
“เฮ้ๆ ฉันอายุสามร้อยปีนะ เป็นทวดของทวดนาย เคารพกันหน่อยสิ”
ผมเท้าเอวโวยวายทั้งๆ อยู่ในอ่างเนี่ยแหละแต่พอเหลือบไปเห็นปืนที่เหน็บตรงเอวดิออน ก็หดคอนั่งเจี๋ยมเจี๊ยมเหมือนเดิม
โถ ครูซ แกนี่มันกากจริงๆ
ผมน้ำตาตกใน ถ้าออกไปได้ผมจะไปฝึกต่อสู้อย่างจริงจังแล้ว!!!
===================
จริงๆ เรื่องนี้เคยเขียนเป็นแนวโรงเรียนแต่เอามาปรับใหม่