ตอนที่ 11“นั่นไง โต๊ะนั้น” มิคชี้ไปทางโต๊ะที่อยู่นอกชาน
ผมมองไปทางที่มิคชี้บอกเห็นกลุ่มคนที่คุ้นหน้าคุ้นตานั่งกวักมือเรียกอยู่ จึงจูงข้อมือบางของมิคไปทางโต๊ะนั้น วันนี้ที่ทำให้เพื่อนสนิททั้งกลุ่มผมและกลุ่มมิคมารวมตัวกันได้เพราะเป็นการเลี้ยงฉลองวันเกิดให้ไอ้วินรอบสอง ในรอบแรกที่จัดไปนั้นแฟมผมมาไม่ได้ต้องอยู่ทำงานแทนกัสแฟนวินที่เค้ามาเซอร์ไพรส์กันถึงกรุงเทพฯ วันนี้จึงเหมือนจัดขึ้นเพื่อให้มิคได้มาร่วมยินดีโดยเฉพาะ ก็วันนั้นคนอื่นสนุกกันแต่บ่นถึงคนตัวเล็กของผมตลอดเลยและวันนี้ก็สมใจล่ะที่มิคมาร่วมได้
“สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะวิน” มิคอวยพรยิ้มๆไปทางวินที่นั่งคู่กับกัส
“ขอบคุณครับมิค อ้าวไหนล่ะของขวัญ” วินยกยิ้มเจ้าเล่ห์มาแซวแฟนผม
“ไม่มีล่ะ ได้ข่าวว่าได้ของขวัญถูกใจไปแล้วไม่ใช่เหรอ เราคงหาที่ถูกใจมากกว่านั้นให้ไม่ได้น่ะ ฮิๆๆ”
“มิค! / ฮ่าๆๆ / ฮิ้ววว / ฮึๆๆๆ / มิคจ๋าแซวเพื่อนน้า”
เห็นมิคแบบนี้แต่อย่าได้มาคิดว่าจะแซวกันได้ง่ายๆนะครับ แค่ประโยคเอาคืนนี้เล่นเอากัสที่ไม่รู้เรื่องด้วยต้องเรียกชื่อเพื่อนอย่างตกใจและแก้มแดงปลั่งไปแล้ว ส่วนไอ้วินที่คิดจะแซวมิคก็กุมขมับส่ายหน้าให้กับประโยคที่ได้ยินเพราะโดนกัสค้อนให้และงอนไปตามระเบียบ เพื่อนคนอื่นที่นั่งอยู่ถูกใจกับคำตอบของมิคกันมากทั้งหัวเราะก้อง ทั้งโห่แซว ตบท้ายด้วยหมอมายที่เอ่ยปรามมิคแต่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์แบบน่ารักๆตามสไตล์สาวหวานให้กัสแทน
ผมที่นั่งฟังยังอดยิ้มและอดคิดไปถึงของขวัญที่พวกเราเพื่อนสนิทรวมตัวกันคิดแกล้งให้ไอ้วินมันไม่ได้ แต่มันกลับได้ใช้ประโยชน์จริงๆซะงั้น ถามว่าผมและเพื่อนๆรู้ได้ไงน่ะเหรอว่ามันได้ใช้จริงก็พอหลังจากงานเลี้ยงวันเกิดไอ้วินมันนั่นแหละแกล้งโทรมาโวยวายกลับเพื่อนๆว่าให้ของขวัญอะไรไม่รู้กับมัน แต่ไอ้ปรัชดักคอหลอกถามจนรู้ว่ามันเอาไปใช้แล้วแต่แกล้งโทรมาโวยเพื่อนก็เท่านั้น วันนี้กรรมเลยตามสนองมันไปนั่นไงง้อแฟนตัวเองใหญ่เลย เห็นแล้วก็ขำไอ้คน ‘กลัวเมีย’ แบบมันจะมีใครเหมือนมันมั้ยครับ ฮึๆๆ
“ฟินเป็นอะไรยิ้มอยู่ได้คนเดียว” มิคสะกิดแขนผมและคงสังเกตว่าตั้งแต่มาถึงผมยังไม่ได้พูดอะไรออกไปเลย
“ก็ฟินมีความสุขนี่ที่มีมิคมาอยู่ใกล้ๆแบบนี้” หยอดแฟนตัวเองให้หลงบ้างคงไม่ผิดนะครับ แต่เสียงที่ตามมานี่สิทำเอาบรรยากาศหวานๆที่ผมสร้างหายวับไปเลย
“ไอ้ฟิน มึงจะหวานก็เอาไว้หวานกันสองคน นี่พวกกูนั่งกันหน้าสลอนไม่คิดจะคุยด้วย” ไอ้ธีเพื่อนจอมยุ่งมันแทรกกลางความความของผมออกมาทันที ไอ้นี่ไม่มีแฟนแล้วยังขวางความสุขของคนอื่นอีก
“เออ มึงนี่นะ กูก็ขอหวานกับแฟนกูบ้างนานๆกูจะได้อยู่ด้วยกันที” เพราะมิคนั้นต้องทำงานที่ต่างจังหวัดนานๆถึงจะได้เจอกันอาศัยแค่การคุยโทรศัพท์เท่านั้น และตอนนี้ทั้งกลุ่มเพื่อนผมและมิคก็รู้แล้วว่าเราสองคนเป็นแฟนกันหลังจากที่ผมและมิคยอมรับกับกัสไปในวันนั้น จึงพูดได้แบบไม่ต้องมาเหนียมอายล่ะครับงานนี้
“ใช่ซิ กูมันคนไม่มีแฟนแบบพวกมึง” ไอ้ธีแกล้งงอนสะบัดหน้าไปทางอื่น มันทำแบบนี้เหมือนตุ๊ดมากจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยเอาเท้าถีบเบาๆไปที่ขามันทีหนึ่ง
“ฟินมึงถีบกู มนครับไอ้ฟินมันแกล้งธีอ่ะ” มันหันไปอ้อนเพื่อนผู้หญิงซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มผม
‘มน หรือ มนทิชา’ เป็นสาวสวยหน้านิ่งไม่ใช่หญิงหวานแต่เป็นสาวเท่ห์มาดนิ่งที่เป็นผู้หญิงคนเดียวของกลุ่มเรา และทนความห่ามและดิบของพวกเราได้ แม้ผมจะไม่เคยเห็นมนมีแฟนแต่ก็มั่นใจว่ามนไม่ได้เป็นทอม แค่เป็นผู้หญิงที่มั่นใจและมีสไตล์เป็นของตัวเองเท่านั้น
“เป็นกูนะ กูจะทำมากกว่าที่ไอ้ฟินทำไปแล้ว ธีมึงไปกวนมันทำไมนานๆมันจะได้อยู่กับที่รักมันสักที” เมื่อว่าเพื่อนเสร็จก็หันไปสนใจตักอาหารใส่จานตัวเอง เลิกสนใจไอ้ธีที่อ้อนผิดคน
ผมเห็นล่ะอยากหัวเราะเยาะมันดังๆนักแต่โดนมิคที่นั่งข้างกันจ่อแก้วมาถึงปาก และหลิ่วตาให้สัญญาณให้เงียบได้แล้วไอ้ผมรึจะกล้าแย้ง จึงเอื้อมมือรับแก้วยิ้มหวานเอาใจไปให้แทน ผมยกแก้วในมือขึ้นดื่มแล้วแทบสำลัก
“มิคครับ มันน้ำล้างจานป่ะเนี่ย ทำไมมันจางขนาดนี้ล่ะ” รสชาติเหล้านี่แทบเรียกว่าเหล้าไม่ได้เลยครับ เพราะมีแต่น้ำแข็งและโซดากลิ่นเหล้าแทบไม่มี
“ฟิน ถ้าเมาใครจะขับรถ หรือว่าจะกินเหล้าแล้วให้มิคกลับแท็กซี่เอง” มิคส่งเสียงเข้มตาดุมาให้ผม
มาแค่เสียงไอ้ฟินคนนี้ก็ยอมแล้วครับที่รัก ผมก็ได้แต่ยกมือยอมแพ้ก้มหน้ากินเท่าที่มิคให้มา เหลือบมองเพื่อนคนอื่นไล่ตั้งแต่คนที่นั่งถัดผมไอ้ธี มน หมอมาย ไอ้ปรัช ไอ้วิน และหมอกัสที่นั่งข้างที่รักผม ทุกคนนั่งเงียบแต่ปากยิ้มกว้างเชื่อได้ว่าพวกนี้เก็บทุกคำที่ผมกับมิคคุยกันได้แน่ๆ ยิ่งไอ้ธีที่ทำท่าหัวเราะหน้าหงายแต่ไร้เสียงมันยิ่งทำผมหมั่นไส้เพื่อนคนนี้จนอยากถีบมันตกเก้าอี้จริงๆ
“มิคอยากสั่งอะไรเพิ่มมั้ยเพราะเจ้ามือเค้าเต็มใจให้สั่งเต็มที่เลย”
กัสที่มุมปากยังมีรอยยิ้มแต่หาเรื่องชวนมิคคุยเรื่องอื่น เพราะดูท่าทุกคนยังเงียบรอฟังว่าผมกับมิคที่เป็นคู่รักคู่ใหม่นั้นจะแสดงอะไรให้พวกมันดู แค่แสดงว่าผมกลัว ‘ว่าที่เมีย’ ขนาดไหนเนี่ยก็เสียฟอร์มแย่แล้ว เอ๊ะ! คุ้นๆมั้ยครับว่าเมื่อกี้ผมแอบเหน็บใครไปนะเนี่ย ส่วนมิคผู้ที่ก้มดูเมนูอาหารที่กัสยื่นมาให้นั้นเจ้าตัวไม่รู้หรอกว่าตกเป็นเป้าให้ไอ้พวกนี้มันส่องอยู่
“อืม กัส มิคอยากกินกระดูกซี่โครงหมูอบซอส กับหอยเชลล์อบเนยน่ะ” คนน่ารักเงยหน้าบอกเพื่อน
ผมเห็นแบบนั้นก็เรียกบริกรที่ยืนอยู่เข้ามาสั่งตามรายการที่มิคอยากทาน ตอนสั่งอาหารยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากไอ้
ปรัชกับไอ้วินและเสียงแซวที่ตั้งใจให้ผมได้ยินจากไอ้ธีว่าผมเอาใจแฟนเว่อร์มากและแทบไม่ต้องให้มิคอ่ยปากบอกเลย ก็นะมันไม่รู้หรอกว่าขอแค่รู้ว่าที่รักอยากได้อะไรแทบไม่ต้องเอ่ยปากขอ ถ้าผมทำให้ได้ก็ยินยอมทำให้ทันทีอยู่แล้ว ส่วนมิคนั้นก็ยิ้มกว้างตาปิดเมื่อรับรู้ถึงการเอาใจเล็กๆน้อยๆของผม ผมจึงกุมมือบางบีบกระชับและส่งยิ้มเอาใจไปให้ถ้าไม่เกรงใจว่าอยู่กับเพื่อนในร้านอาหารแบบนี้นะจะรวบคนตัวเล็กเจ้าของมือนุ่มมากอดไว้ทั้งตัวเลย
บรรยากาศสบายๆภายในร้านอาหารที่มีเสียงเพลงคลอเบาๆจากวงดนตรีและอาหารที่ถูกปากทำให้การพูดคุยกับเพื่อนนั้นได้อรรถรส จนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วอยู่ๆไฟทั้งร้านก็ดับลงผมที่นั่งคุยเพลินกับไอ้บรรดาเพื่อนสนิทก็ตกใจหันมาหามิคที่นั่งข้างกันแต่มิคที่ต้องนั่งอยู่กับเหลือแต่เก้าอี้ว่าง
“เฮ้ย มิค ไปไหนเนี่ย”
ผมหันรีหันขวางพยายามมองหามิคภายในความมืด และดูท่ามิคจะหายไปพร้อมเพื่อนสนิทอีกสองคน ไอ้วินและไอ้ปรัชอาการไม่ต่างจากผมก็คนของพวกมันนั้นหายไปพร้อมกันด้วยนี่ แต่อาการกระวนกระวายของพวกผมก็หยุดลงเพราะเสียง
เพลงอวยพรวันเกิดที่ดังขึ้นพร้อมกับกัสที่เดินถือเค้กก้อนโตจุดเทียนสว่างขนาบข้างด้วยมิคและมายเดินตรงมาทางโต๊ะของพวกเรา ผมมองไปที่ไอ้วินที่หน้ายิ้มกว้างปากฉีกจ้องคนของมันตาเยิ้ม ผมก็กลับไปมองหน้าคนที่ทำให้ผมเป็นห่วง ใบหน้าภายใต้แว่นตาส่งยิ้มตรงมาทางผม จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับให้มายื่นข้างกันและก้มกระซิบข้างหูหอมอาศัยจังหวะที่ร้านยังไม่เปิดไฟนี่แหละ
“ฟินตกใจหมด นึกว่าแฟนหายไปไหน” เอาจมูกฝั่งแก้มนุ่มสูดกลิ่นหอมและรีบผละออก
ผมก็ไม่รู้ว่ามิคจะมีสีหน้าแบบไหนเพราะความมืดที่ยังปกคลุมแค่มิคไม่ฝืนตัวออกจากอ้อมกอดผมเท่านั้นก็พอแล้ว และความสนใจของเราร่วมทั้งคนอื่นในร้านก็ไปอยู่ที่คู่รักที่เป็นเพื่อนของเราทั้งคู่ กัสแฟนผู้น่ารักของไอ้วินยื่นเค้กไปตรงหน้ามันให้มันเป่าเทียน และเมื่อวินเป่าเทียนดับก็มีเสียงปรบมืออวยพรจากเพื่อนๆและคนทั้งร้าน ก่อนไฟจะติดผมแอบเห็นว่ามันก็ฉวยหอมแก้มกัสไปทีสมกับเป็นเพื่อนรักของผมจริงๆ เมื่อไฟสว่างเราทั้งหมดก็กลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม
“วินเป็นไงของขวัญจากมิคและมายเดียร์ถูกใจมั้ย เนี่ยกัสยังไม่รู้เรื่องเค้กเลยนะ” หนุ่มน้อยของผมยิ้มกว้างอวดฟันขาว
“ขอบคุณครับมิค วินถูกใจมากและจะยิ่งถูกใจกว่านี้ถ้าคืนนี้จะได้คนถือเค้กเป็นของขวัญด้วย” ไอ้วินมันพูดกับมิคแค่ต้นประโยค แต่ท้ายประโยคนี่หันไปมองกัสด้วยสายตาวาวเจ้าเล่ห์
“หยุดพูดได้แล้ว เอ้ากินเค้กไปเลย” กัสหนุ่มขี้อายหน้าแดงจากการกระเซ้าของวินยื่นช้อนที่ตักเค้กไว้ไปตรงปากเพื่อให้วินหยุดพูด ก็ได้ใจเพื่อนผมเลยสิครับงานนี้มันยิ้มกว้างอ้าปากกินเค้กมีความสุขไปแล้ว
ผมมองไปที่คู่ไอ้ปรัชกับมายที่นั่งตรงข้ามก็หวานไม่แพ้คู่ที่นั่งข้างกันเลย ปรัชที่ยื่นกระดาษทิชชู่ไปเช็ดครีมเค้กที่เลอะมุมปากให้ส่วนมายก็ยิ้มหวานเอียงอายหลบตาดูท่าอีกไม่นานผมคงได้ไปงานแต่งคู่นี้แน่ๆครับ ส่วนเพื่อนอีกสองคนธีกับมนก็นั่งคุยกันเบาๆไม่ได้สนใจคนรอบข้างผมก็อยากจะลุ้นให้ทั้งคู่ลงเอยกันนะแต่ดูท่าไอ้ธีคงต้องอ่วมก่อนจะได้ลงเอยกับมนเป็นแน่ ผมเลิกสนใจคนอื่นและหันกลับมามองมิคที่นั่งเงียบเพราะความสนใจทั้งหมดของมิคอยู่กับเค้กชิ้นโตตรงหน้า ก้มหน้าก้มตาตักกินไม่สนใจผมเลยไอ้ผมก็นิสัยเสียกลัวแฟนไม่รัก จึงยื่นหน้าและจับแขนของมิคไว้ก่อนที่จะตักเค้กเข้าปากและรั้งข้อมือข้างนั้นให้เค้กเข้าปากตัวเองแทน มิคหน้ามุ่ยที่โดนแย่งเค้กผมจึงยึดช้อนไปจากมือมิคและตักเค้กยื่นไปตรง
หน้าหวาน เจ้าตัวเลิกคิ้วหน้ามุ่ยแต่เม้มปากแน่น ผมเลิกคิ้วส่งยิ้มหวานและแกล้งคนรักด้วยการเอาเค้กคำนั้นเข้าปากตัวเองและตักอีกคำจะเข้าปากด้วยแต่โดนเสียงหวานห้ามซะก่อน
“อ๊ะ ฟินอ่ะนั่นเค้กมิคนะ อยากกินตัดชิ้นใหม่เลยด้วย” มิคยังพยายามแย่งช้อนคืนจากผมแต่ไม่มีทางซะล่ะที่ผมจะคืน
“ไม่คืนครับ ถ้ามิคอยากกินเดี๋ยวฟินป้อน อ่ะ” ยื่นเค้กไปตรงปากที่ผมรู้ว่ามันทั้งนุ่มและหวานแค่ไหน
สุดท้ายมิคก็ยอมรับเค้กที่ผมป้อนเข้าปากเคี้ยวตุ่ยแก้มพอง หมดคำก็อ้าปากรอให้ผมป้อนอีกและไอ้ผมมันก็คนตามใจแฟนอยู่แล้วตักป้อนไปเรื่อยไม่ได้สนใจว่าใครจะมองผมกับมิคแบบไหน ผมรู้แต่ว่าแค่ได้อยู่ใกล้มิคและทำอะไรแล้วมีความสุขก็ขอทำตามใจที่ต้องการ
เรานั่งกินเค้กวันเกิดไอ้วินกันแล้ว ด้วยความที่เค้กก้อนใหญ่จึงเหลืออยู่มากกว่าครึ่งก้อน กัสจัดการให้บริกรในร้านเก็บใส่กล่องและยื่นมาตรงหน้ามิคให้กลับมากินต่อเพราะดูก็รู้ว่าเพื่อนคนนี้ของตัวเองชื่นชอบแค่ไหน ส่วนมิคของผมน่ะเหรอไม่มีปฏิเสธและยิ้มกว้างคว้ากล่องเค้กยื่นส่งต่อมาให้ผมถือไว้อีกทอด ผมได้แต่ส่ายหัวยิ้มเอ็นดูให้คนตัวเล็กคนนี้ที่ยังมีนิสัยชอบกินแบบเด็กๆอยู่ เอื้อมมือขยี้หัวทุยจนเจ้าของผมยุ่งจากฝีมือผมโวยออกมา
“ฟินอย่า ผมยุ่งหมดแล้วเนี่ย” มิคพยายามปัดมือผมออกจากหัวตัวเอง แต่ผมก็ไม่ยอมหรอกแต่เปลี่ยนจากขยี้หัวเป็นลูบผมยุ่งให้เข้าทรงเหมือนเดิม
“อ่ะ มิคน่ารักเหมือนเดิมแล้วครับ” ยิ้มหวานส่งไปให้คนหน้ามุ่ย แต่ไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็มีเสียงหวานจากผู้หญิงดังขึ้นข้างโต๊ะ
“มิค นี่มิคใช่มั้ยคะ” ผมมองหน้าเจ้าของเสียงหวานซึ่งหน้าตาก็ไม่ได้ต่างจากน้ำเสียงเลย เป็นสาวหน้าหวานหน้าตาน่ารักความสูงน่าจะพอๆกับมิค เธอยืนอยู่ข้างหลังมิคที่ตอนนี้หันไปยิ้มกว้างเมื่อจำได้ว่าเป็นใคร
“อ้าว แพมมาได้ไงกันครับ”
“แพมมากับเพื่อนน่ะ ไม่ได้เจอมิคเลยตั้งแต่มิคไปทำงานต่างจังหวัด แพมคิดถึงมิคมากเลยไปหาที่บ้านก็ไม่อยู่ เบอร์ก็เปลี่ยนอีก แพมน้อยใจมิคแล้วนะเนี่ย” แพมยื่นมือมาจับแขนมิคเขย่าไปมา
ภาพตรงหน้าเหมือนสาวน้อยงอนง้อแฟนตัวเองแม้หน้าตาทั้งคู่จะน่ารักเหมือนกันก็ตาม และหนึ่งในนั้นเป็นแฟนผมจากที่อึ้งทำอะไรไม่ถูก ผมก็ต้องตกใจกับแรงถีบเบาๆที่ขาจากไอ้ธีใต้โต๊ะได้สติกลับมาและคว้าแขนมิคออกจากมือขาวนั่น มันส่งผลให้แพมหันมามองทางผมแทนและหันกลับไปมองมิคส่งสายตาคำถามไปให้
“แพมนี่ฟิน ฟินนี่แพมครับ”
ผมสบสายตานิ่งของสาวแปลกหน้า แวบแรกมีแววไม่พอใจส่งออกมาและแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิทเหมือนเดิม สัญชาติญาณของผมบอกว่าเธอคนนี้ไม่ได้คิดกับมิคแค่เพื่อน และเธอต้องดูออกว่าผมกับมิคมีความสัมพันธ์เกินกว่าเพื่อน
“ยินดีที่รู้จักครับคุณแพม” เสียงนิ่งข่มไว้ก่อนเพราะถึงยังไงผมก็เหนือกว่า
“เช่นกันค่ะ คุณฟิน” แพมส่งยิ้มมุมปากให้ผมและเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนั้นมิคก็แนะนำเพื่อนทุกคนที่นั่งอยู่ให้แพมรู้จักจนเพื่อนแพมเดินมาตามแต่ก่อนเธอจะเดินออกไปก็หันมาพูดกับมิคและจบที่ผม
“แพมไปก่อนนะมิคแล้วแพมจะไปหาที่บ้าน แล้วเจอกันอีกนะคะคุณฟิน”
หลังแพมเดินจากไปทั้งโต๊ะก็เงียบกริบ ผมหันไปมองมิคที่นั่งไม่รู้ไม่ชี้ จนไอ้วินมันพูดทำลายความเงียบขึ้นมา
“เรากลับกันดีกว่านะแยกย้ายได้เลยเดี๋ยวกูเคลียร์เอง มิค มาย วันนี้วินขอบคุณมากสำหรับเค้กและเซอร์ไพรส์นะครับ” วินหันไปบอกเพื่อนสนิทและบอกขอบคุณมิคและมาย
เมื่อไอ้วินพูดแบบนี้ผมก็ฉุดข้อมือบางเตรียมพาออกไปทันทีเพราะใจมันร้อนอยากรู้เรื่องแพมว่าเป็นใครมาจากไหน ดูก็รู้ว่าเธอคิดกับมิคมากกว่าเพื่อนและดูท่ามิคก็รู้มันต้องมีอะไรซิ แต่ก่อนที่ผมจะลุกจากโต๊ะก็มีมือมาตบบ่าหันไปก็เจอไอ้ธีเจ้า
ของมือมันมองหน้าผมส่งสายตามาว่าให้ใจเย็น ผมนิ่งและพยักหน้ารับหันไปมองหน้าเพื่อนคนอื่นก็ส่งสายตาไม่ต่างจากไอ้ธีมาให้ โดยเฉพาะเพื่อนสนิทของมิคสองคนนั้นทำหน้าตกใจกับอาการของผม ผมจึงส่งยิ้มบางไปปลอบใจแทนและได้รอยยิ้มอย่างเข้าใจตอบกลับมา ก้มมองใบหน้าของคนที่ผมกำข้อมือแน่นอยู่ มิคมีสีหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ว่าตกใจหรือโกรธให้ผมได้รู้ว่ามิครู้สึกยังไงตอนนี้ จากใจที่ร้อนรุ่มกลับเย็นลงจนเกือบหนาวเหน็บ ผมปล่อยข้อมือบางและสังเกตว่ามีรอยแดงที่เกิดจากแรงบีบของผมทำเอารู้สึกผิดขึ้นมาที่ทำให้คนที่เรารักเจ็บตัว
“ทุกคนครับมิคกลับก่อนนะ” มิคเอ่ยลาและลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ
ผมเห็นมิคเดินออกไปก็รนรานหยิบกล่องเค้กที่ลืมเอากลับไม่ได้ไม่อย่างนั้นงานงอกแน่ ลุกขึ้นเดินตามให้ทันร่างบางตรง
หน้าและยังได้ยินเพื่อนสนิทอวยพรตามหลังให้โชคดี ผมก็ยกมือโบกข้ามไหล่ให้พวกมันรู้ว่าผมรับรู้และขอบใจพวกมันไปด้วย และคืนนี้ผมจะได้คำตอบเรื่องแพมมั้ยครับเนี่ย
....................................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
ตอนนี้เป็นตอนที่งอกเพิ่มเพราะทิ้งเบ็ดไว้ในเรื่องของกัสวินคนที่ได้อ่านคงจำได้
ว่ามิคไม่ได้มาร่วมงานวันเกิดวินที่เรื่องนู้นตอนนั้นเลือดนอง555 เลยชดเชยให้มิค
เป็นตอนนี้แทน แต่ดันมีสาวน่ารักที่ไม่รู้ว่าเป็นใครโผล่มาทำเอางานกร่อย
และคงต้องรอตอนหน้าว่า “แพม” นั้นเป็นใครค่ะ ฮุๆๆ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ จะพามิคฟินมาอีกทีวันอาทิตย์ค่ะ
รวบกอดนักอ่านทุกคนเลยค่ะ