☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10  (อ่าน 83036 ครั้ง)

ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
กรีดร้องแบบเงียบๆเพราะกลัวคนข้างห้องออกมาด่า
แงงงงงงงงงงง น้องงงงงงง น้องงงงงงงงงงงง ต่ายน้อยของเราาาา กี้ดดดดดดดด ฮือ หัวใจแม่จาวายตัยแร้ว :jul1:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
กระต่ายร้ายจริงๆ ดูแบบไม่ได้ตั้งใจร้าย แต่หมีเกือบช๊อคตายเลยมั๊ยล่ะ.  :hao6:

ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
งุ้ย น่ารักน่าหยิก

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
เพื่อนค้าาา มีกระต่ายใจแตกค่าาาาาาาาาาาาาาาาาา  :hao7:

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
อ๊ากกก หนูเจจจ ยัยกระต่าย! ทำไมฮอตขนาดนี้

 :katai1:

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ้ยยยยยเจไดเราจะฟ้องเพื่อนดีมั้ยนี่ :pighaun:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ข้อที่ 9

เพื่อนกับหมี (100%)

 

             

(เพื่อน)

               

เกิดเป็นคนขี้รำคาญ แต่พระเจ้าดันประทานคนน่ารำคาญที่สุดในโลกมาเป็นเพื่อน

               

โทษพระเจ้าไม่ได้... ควรโทษตัวเอง

               

“หวัดดี ชื่อเจไดใช่ไหม”

               

“อือ”

               

ดันเอาตัวเข้ามายุ่งกับเจ้ากระต่ายวุ่นวายนี่เอง

               

เจไดเป็นเด็กหน้าห้อง ไม่ใช่เพราะเคร่ง คงแก่เรียนอย่างใครเขาหรอก แต่เพราะชอบนั่งมองกระรอกที่อยู่บนต้นไม้ตรงหน้าต่างข้างโต๊ะอาจารย์ ถ้าถามว่าคาบที่แล้วอาจารย์สอนอะไร จะทำหน้าแบลงค์ใส่ แต่ถ้าถามว่าวันนี้กระรอกกินอะไร จะทำตาลุกวาวสาธยายผลไม้ที่เจ้าตัวน้อยแทะให้เห็นตลอดทั้งอาทิตย์



ภายนอกดูเป็นคนนิ่งๆ เข้าถึงยาก... แค่ภายนอกน่ะนะ



และจะเงียบมากเวลาอยู่ต่อหน้าคนไม่รู้จัก และไม่อยากคุย... เอาแต่ใจขนาดนั้นเลยแหละ



เป็นเด็กโง่คนหนึ่งที่เอาตัวรอดได้ด้วยสกิลหายหัว ทำตัวไร้ตัวตนเก่งมาก เก่งขนาดที่ไม่มีใครเอะใจว่านี่คือน้องชายแท้ๆ ของดาวโรงเรียน

               

อือ ข้อดีข้อเดียวของเจไดคือมีพี่สาวสวยมากนี่แหละ

               

ผู้ชายทั้งโรงเรียนสนใจจีน... รวมถึงผมด้วย

               

แต่จะให้ไปแข่งจีบกับคนอื่นๆ ก็ยากเกินไป คิดว่าคงต้องตัดใจ... แต่แล้วผมก็เจอทางลัด

               

สารภาพตามตรงเลยว่าตั้งใจเข้าหาเจไดเพื่อจะได้เข้าใกล้จีน แต่ยิ่งได้รู้จักกระต่ายซื่อบื้อนี่ ก็ยิ่งรู้ว่านอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังเป็นตัวภาระขนานแท้

               

“เจ มึงทำยังไงถึงได้กาหลบข้อถูกได้หมดขนาดนี้วะ”

               

“...”

               

“เฮ้อ วันเสาร์นี้เอาหนังสือมาบ้านกู”

               

เหมือนมีลูก...

               

“เพื่อน ไม่กินผักได้ไหม”

               

“แดกๆ เข้าไปเหอะ มีประโยชน์ทั้งนั้น”

               

“โห่”

               

“จะกินดีๆ หรือให้จับยัดปาก”

               

เหมือนเลี้ยงกระต่ายโง่ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

               

“เจ ไม่ใช่ทางนั้น”

               

“...”

               

“มองทำไม”

               

“นี่เราจะไปไหนกันนะ”

               

“...”

               





แต่ยังไงกระต่ายก็ไม่เหมาะกับการร้องไห้

               

“พี่จีนจะร้องทำไมเนี่ย ไอ้เจเป็นคนถูกแกล้งนะ” นั่นคือประโยคแรกที่ได้คุยกับคนที่แอบชอบ เป็นการปลอบที่ห่วยมาก



แต่ช่างมันก่อน ประเด็นคือเจไดกำลังถูกบูลลี่อย่างหนัก ซุบซิบกันไปทั้งโรงเรียนว่ามันชอบผู้ชาย 

               

ไม่รู้ว่าต้นตอมาจากไหน แต่เพื่อพิสูจน์ความอยากรู้อยากเห็นบวกกับความคึกคะนองแบบเด็กๆ ไอ้เวรกลุ่มหนึ่งเลยวางแผนพนันกัน แกล้งให้เพื่อนมันมาทำทีเป็นตีสนิท เข้าหาทีละนิด แล้วพอเจไดเปิดใจให้ พวกแม่งก็เอาไปป่าวประกาศว่าเพื่อนผมเป็นพวกวิปริต

               

เจไดเป็นเกย์ ผมเองก็เพิ่งรู้พร้อมชาวบ้าน

               

แต่พวกแม่งก็ลงทุนเกินเบอร์มาก อยากรู้อะไรแค่ถามมันตรงๆ ก็ตอบแล้วป่ะ ซื่อบื้อขนาดนั้น

               

กลายเป็นว่าคนหันมาสนใจกระต่ายโง่เพราะมันชอบผู้ชายเนี่ยนะ โคตรไร้สาระ ขนาดไอ้เจมันยังงงเลยว่าเป็นประเด็นขึ้นมาได้ยังไง กระต่ายโง่แอบไปร้องไห้คนเดียวจนไม่สบาย เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงตีตัวออกห่าง แต่ไม่เข้าใจว่าชอบเพศเดียวกันประหลาดตรงไหน 

               

ก็จริง ประหลาดตรงไหน

               

“ก็พวกนั้นทำเจเสียใจ” จีนโวยวาย



ขอนอกเรื่องแป๊บ คนอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยชะมัด

               

“ขอโทษ ผมน่าจะดูแลเจได้ดีกว่านี้” ผมถอนใจ อยากปลอบแต่ไม่รู้ต้องทำยังไง ได้แต่ยกไม้ยกมือเก้ๆ กังๆ 

               

อยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ ใครไม่เขินก็บ้าแล้ว

               

“ไม่เกี่ยวหรอก เพื่อนไม่ผิด ไอ้พวกนั้นต่างหากนิสัยไม่ดี ฮึก” จีนส่ายหน้ารัว สูดน้ำมูกแล้วมองหน้าผมอย่างจริงจัง



“ถ้าพี่เป็นผู้ชาย หรือตัวใหญ่กว่านี้จะเรียกมาอัดเรียงตัวแล้ว” ผมมองพี่จีนที่สะอึกสะอื้นอย่างเจ็บใจ ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวเบาๆ 

               

“ไม่จำเป็นหรอก”

               

...เดี๋ยวผมอัดให้

 

               

☉ ------------------------------------------------------------ ☉





หลังจากนั้นผมกลายเป็นพวกหวาดระแวง ตั้งแง่ใส่ทุกคนที่เข้ามาหาเจได พี่จีนบอกว่าผมเป็นพ่อกระต่ายที่หวงลูกมากจนไม่ให้ใครเข้าใกล้ จากที่ตัวติดกันอยู่แล้วก็ห่างกันแค่เวลานอนกับเข้าห้องน้ำล่ะมั้ง  บวกกับที่ผมเอาเรื่องไอ้พวกที่แกล้งเจสุดชีวิตยิ่งชวนให้คนสงสัยว่าที่จริงแล้วพวกเราไม่ใช่แค่เพื่อนกัน



เออ เป็นอะไรก็ได้วะ แค่ช่วยให้ไอ้เจมันใช้ชีวิตโง่ๆ ของมันผ่านไปวันๆ ได้โดยไม่มีเหลือบไรมาตอมก็พอ



ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองทำเพื่อสร้างภาพกับสาวที่ชอบ พอพี่จีนเรียนจบก็คงพอ ปรากฏว่าพี่จีนเรียนจบก่อนหน้าพวกเราไปเกือบสองปีก็ยังเลิกไม่ได้



ไม่เป็นไร รอเรียนจบม.6 ผมก็คงหมดหน้าที่คนเลี้ยงกระต่าย



“เพื่อนจะเรียนต่อไหน”



“เภสัชม.XX” แอบใจหายนิดๆ อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงเวลาแยกย้าย



“อ๋อ ไปด้วย”



“ไปด้วยเหี้ยอะไรล่ะ ไปเรียนคณะที่ตัวเองชอบนู่น”



“ไม่มีอ่ะ”



“ดนตรีไง มึงชอบเล่นเบสไม่ใช่” เจไดเคยเล่นเบสให้ผมฟัง คนไม่สันทัดเรื่องดนตรียังดูออกว่ามันเล่นเก่งมาก แต่มันบอกว่าหาคนมาเล่นด้วยไม่ได้ จะโชว์เดี่ยวก็ประหลาด ไม่เหมือนกีตาร์ที่เล่นคนเดียวได้



“มึงจะตามกูไปได้ไง นี่อนาคตมึงนะ” พอผมพูดแบบนั้นกระต่ายก็ทำหน้างอ จนผมเหนื่อยใจ “แล้วพ่อกับแม่อยากให้เรียนอะไร”



“แม่บอกว่าเราจะเรียนอะไรก็ได้”



“...”



“ลองเรียนก่อนแล้วกัน เดี๋ยวก็รู้ว่าชอบไหม”



พูดง่าย...



“คิดว่ามันสอบเข้าง่ายๆ หรือไง มึงโง่จะตาย” ผมเบ้หน้าเอือมระอา จริงอยู่ว่าตั้งแต่รู้จักกันการเรียนของเจไดก็ก้าวหน้าขึ้นมาก ถึงขั้นก้าวกระโดดมาอยู่อันดับต้นๆ ของระดับชั้น พ่อกับแม่มันเลยปลื้มผมยกใหญ่ ได้คะแนนจากจีนมานิดหนึ่งด้วยที่ช่วยให้น้องไม่ต้องซ้ำชั้น



อันที่จริงเจมันไม่ได้โง่หรอก แต่ขาดแรงจูงใจ ทั้งระบบและอาจารย์ไม่เอื้อให้เด็กมีความกระตือรือร้นที่อยากจะเรียน



พอผมสอนให้มันรู้ว่าเรียนแล้วได้อะไร สร้างเป้าหมายชัดๆ เจมันก็ทำได้



...ผิดตรงเป้าหมายที่มันตั้งไว้นี่แหละ



‘ถ้ามึงโง่ก็ต้องย้ายห้อง จะไม่ได้นั่งข้างกูแล้วนะ’



เพราะไม่อยากย้ายโต๊ะเจไดเลยหันมาพยายาม ตั้งใจอ่านหนังสือจนไล่ตามผมทันจนได้



ตอนนี้ผมเริ่มกลัวว่ามันจะวางเป้าหมายเพี้ยนๆ อีก



“ไปด้วย ขี้เกียจหาเพื่อนใหม่” นั่นไง...



มันใช่เหตุผลเหรอวะ ไอ้กระต่าย!



“ไม่ต้องห่วง เราทำได้”





☉ ------------------------------------------------------------ ☉







แล้วเจไดก็ทำได้จริงๆ



“เพื่อน เราจะซิ่ว” แม้จะได้ยินคำนี้ตั้งแต่เข้าเรียนปีแรก



“เออ ซิ่วดิ” ผมก็คิดแล้วว่าเภสัชไม่เหมาะกับมันหรอก สมองเด๋อๆ จะไปจำชื่อ ประเภท หรือวิธีใช้ยายากๆ ได้ยังไง



“เพื่อนรั้งไว้หน่อยดิ”



“...”



“งั้นไม่ซิ่วแล้ว”



เวลาผ่านไปจนปีสองปีสามผมก็ยังได้ยินคำเดิมๆ จนชิน



“เพื่อนนน อ่านไม่ไหวแล้ว จะซิ่ว”



“จะซิ่วไปไหน”



“คิดไม่ออก”



“...”



“เพื่อนไม่เหนื่อยเหรอ”



“เหนื่อย แต่เรียนคณะไหนมันก็เหนื่อยทั้งนั้น ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าเรียนเหรอ”



“งั้นเราไม่เรียนแล้ว”



“...”



“ปะป๊าบอกว่าไม่เรียนก็มีตังค์ใช้แหละ”



ลูกคนรวยนี่น่ารำคาญจริงโว้ย





“กระต่ายโง่กูไม่คบ”



“โห่”



“อ่านไป”



“ครับ”

               





ถึงบ่นเหนื่อยบ่นท้อ เจได้มันก็อยู่รอดมากับผมจนถึงปีสี่จนได้



สี่ปีในมหาลัยเป็นอะไรที่ไวมาก สังคมของการข้ามเป็นผู้ใหญ่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเราโดยไม่รู้ตัว

               

ตอนนี้เจได้ที่ผมรู้จักโตขึ้นมาก เมื่อก่อนผมกับมันตัวติดกันตลอด อีกนิดหนึ่งก็เป็นแฝดสยามแล้ว กระต่ายโง่ไม่ทันคน ชอบทำให้เป็นห่วง ให้ผมคอยดูแล แต่เดี๋ยวนี้เจมันดูแลตัวเองได้ ไม่ตามติดผมแจเพราะมันรู้ว่าผมเหนื่อยกับเรื่องเรียนมากพอแล้ว หลายครั้งผมต้องให้มันเป็นฝ่ายดูแลด้วยซ้ำ 

               

ผมดีใจนะ... แม้ลึกๆ จะรู้สึกเหงา

               

คงเหมือนพ่อแม่เวลาส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาล ใจมันโหวงๆ เมื่อเห็นลูกน้อยเดินหันหลังผ่านรั้วโรงเรียนไป

               

“เพื่อน เรามีคนที่ชอบ”



...แต่เข้าอนุบาลไม่ทันไรก็แรดสนใจผู้ชายแล้ว



“ใคร” ผมถาม สัญญาณอันตรายในหัวดังขึ้นมา



ถูกหลอกอีกหรือเปล่าวะ



อย่าหาว่าผมเวอร์เลยที่หวาดระแวง ก็ไอ้เจมันดูคนไม่เป็น อีกอย่าง ผมรับปากจีนไว้แล้วว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบในอดีตอีก ทุกวันนี้ทุกคนรอบตัวมันคือคนที่ผมสกรีนให้ทั้งนั้น คบหาได้ ไม่อันตราย 



“ชื่อเจด เป็นหมียักษ์”



“ฮะ” ผมงงตาแตก มันเลยหยิบโทรศัพท์มาเปิดรูปให้ดู ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นก็คือ



หน้าเถื่อนสัด แถมตัวใหญ่ยักษ์ เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในรูปเดียวกัน



เหมือนหมีจริงๆ อ่ะ



แต่ผมไม่ควรตัดสินคนที่หน้าตา พอเจมันสาธยายคุณสมบัติให้ฟังก็รู้ว่าน่าจะเป็นคนดี... แค่น่าจะอ่ะนะ



แล้วจากที่ฟังมันเล่าไปหน้าแดงไปแบบนี้ก็รู้ว่าคงชอบจริงๆ... นั่นทำผมทึ่งยิ่งกว่า



ที่จริงแล้วเจไดเป็นคนหน้าตาน่ารัก ยิ่งเข้ามหาลัยออร่ายิ่งจับ พวกสาวๆ ชอบมาบ่นกับผมว่าอยากบีบอยากฟัด มีเพื่อนผู้ชายหลายคนปลื้มมันมากตั้งแต่มันยอมเข้าวงดนตรีคณะเภสัช หลายคนพอรู้ว่ามันชอบเพศเดียวกันก็พยายามเข้าหา แต่ที่ไม่มีแฟนสักทีไม่ใช่เพราะผมกีดกันนะ ส่วนใหญ่ถ้ารู้จักผมจะปล่อยผ่านแหละ แต่เจมันไม่เอา ไม่เห็นมีท่าทีสนใจใครกระทั่งวันนี้



“อันนั้นหมีสีน้ำตาล... หมีขั้วโลก หมีแพนด้า... มีหมีหมากับหมีควายด้วยแต่ไม่ได้หยิบมา เราว่าไม่ค่อยเหมือนเจดเท่าไหร่”



แต่ก่อนจีบ มึงต้องแยกคนกับหมีให้ออกก่อนป่ะ



“เจ...”



“อันนี้สารคดีคนกับหมี National Geographic ด้วย น่าจะช่วยได้ แล้วก็...”



ยัง ยังไม่หยุดอีก



“เจได”



“...”



“เอาเป็นว่ากูจะไปถามเพื่อนๆ ให้ว่าเค้าจีบแฟนกันยังไง ระหว่างนี้มึงจะทำอะไรต้องปรึกษากู โอเคไหม”



“...” ไม่ต้องมาทำตาแป๋วใส่เลยกระต่ายโง่เอ๊ย



“ไม่ต้องห่วง กูช่วยมึงเอง”









☉ ------------------------------------------------------------ ☉







ไม่รู้หรอกว่าต้องช่วยยังไงผมเลยเล่าให้จีนฟัง... หลังจากเจไดถูกเพื่อนแกล้งคราวนั้นผมกับจีนก็ยังติดต่อกัน ผมสารภาพไปแล้วว่าชอบ จีนแทบช็อกเพราะคิดว่าผมชอบเจได เลยเห็นว่าผมเป็นแค่น้องชาย



ผมเสียใจนะ แต่ก็ตอบไปว่าไม่เป็นไร เริ่มใหม่ได้ รู้ความจริงแล้วก็เลิกมองเป็นน้องชายซะ ให้มองผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง... ไม่ต้องรีบก็ได้ ผมไม่ได้เร่งรัดอะไร จีนสนุกกับชีวิตโสดมาก ผมรู้ เธอทำอะไรด้วยตัวเอง มีความสุขด้วยตัวเอง มีครอบครัวสมบูรณ์แบบ ได้ทำให้สิ่งที่ตัวเองรัก เป็นผมก็คงไม่มองหาความสัมพันธ์ยุ่งยากทีอาจทำให้ชีวิตเกิดปัญหาเหมือนกัน



แต่ผมรอได้ ผมชอบจีนคนเดียว มองจีนคนเดียว รอมาตั้งนานรออีกจะเป็นไร ระหว่างนี้ผมจะค่อยๆ พาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เป็นความสุขเล็กๆ ของจีนให้ได้ จนกว่าผืนดินที่ผมถมลงไปจะมั่นคง ตอนนั้นเราค่อยคบกัน 



จะว่าไป ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ดันไปรับปากจะช่วยกระต่าย





‘มึงชื่อเจดใช่ไหม กูเพื่อนเจไดนะ’





นี่ช่วยจีบหรือช่วยไล่วะ





‘ครับ ผมเห็นรูปคู่ในไอจี’





ระหว่างกำลังหาสติ๊กเกอร์ส่งเพื่อไม่ให้ประโยคดูห้วนเกินไป อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาพอดี





‘พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ’



‘เจเป็นไรหรือเปล่า?’





พอผมเงียบไอ้เจดเลยส่งข้อความต่อมา





‘เปล่า’





รู้สึกโล่งใจนิดๆ เพราะจากประโยคที่ถาม ดูท่ามันจะเป็นห่วงเพื่อนผมมาก





‘มันชอบมึง’





คราวนี้อีกฝ่ายถึงกับเงียบไปพักใหญ่ จนผมคิดได้ว่าเรื่องแบบนี้ผมไม่ควรเป็นคนพูดหรือเปล่าวะ



ปกติเคยคุยแต่กับคนที่มาชอบไอ้เจก่อนนี่ พอต้องเป็นฝ่ายเข้าไปทำความรู้จักเลยไม่รู้ต้องเริ่มยังไง





‘ผมรู้แล้วครับ’





แต่ไม่ทันคิดคำแก้ตัวไอ้เจดก็พิมพ์กลับมา





‘แล้วมึงว่าไง’





บทสนทนาเงียบไปอีกผมเลยพิมพ์ต่อ





‘จะเอายังไง’



‘ถ้าไม่ชอบก็บอกไป อย่าเล่นกับความรู้สึกมัน’





เจไดบอกว่าไอ้หมีเข้ามาชวนเข้าวง ผมจะรู้ได้ไงว่าหลังจากบอกชอบไปมันจะไม่ได้แค่รักษาน้ำใจไอ้เจไว้เพื่อผลประโยชน์เรื่องวงดนตรี



จะหาว่ามองโลกในแง่ร้ายก็ได้ แต่ผมจำเป็นต้องจริงจัง เพราะไม่อยากเห็นเพื่อนเสียใจอีก ตอนที่เจไดร้องไห้เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกทิ้งมันยังติดตา ให้มันร้องไห้เพราะฟ้าผ่าเป็นร้อยครั้งยังดีกว่าเห็นมันเสียใจเพราะถูกหักหลังอีก





‘ผมตอบตามตรงนะ’





นานทีเดียวกว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมา





‘เออ กูก็ต้องการแบบนั้น’





ชักหงุดหงิดแล้วที่ไม่ได้ไปคุยต่อหน้า ผมจะได้รู้ว่าไอ้หมอนี่มันจริงใจแค่ไหน





‘ผมชอบเจนะ เจน่ารัก น่ารักมาก’



‘แต่ผมกับเจเพิ่งรู้จักกัน ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจชอบผมได้ไง’





เออ เรื่องนี้ผมก็ยังสงสัย คนที่บ้านักร้องเพลงร็อกไปวันๆ ทำไมดันมาตกหลุมรักใครสักคนได้ง่ายๆ





‘ผมไม่ได้จะดูถูกความรักเจนะ แต่ผมก็เจ็บมาเยอะ ขอยังไม่เชื่อในรักแรกพบแล้วกัน’



‘แต่ถ้าพี่บอกว่าไม่ชอบก็ออกจากชีวิตเจไป ผมคงทำไม่ได้’



‘พี่อาจจะไม่เข้าใจ แต่ผมรู้ว่ากับคนนี้ผมพัฒนาได้’



‘ผมรู้สึกดีเวลามีเจอยู่ด้วย ยังอยากอยู่ด้วยเรื่อยๆ’





หลุดหัวเราะ ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ





‘ผมยังไม่แน่ใจว่ามันใช่ความรักไหม แต่พี่ให้โอกาสผมนะ ผมจะพยายามไม่ทำให้เจเสียใจ’



‘แล้วถ้าแน่ใจว่ารักเมื่อไหร่ ผมจะมาตอบคำถามพี่ใหม่ ว่าจะเอายังไง นะครับ’





พอเห็นผมพิมพ์ไม่ทันก็เอาใหญ่เลยนะ



แล้วเป็นหมีหรือมีด รัวคำคมใส่กูซะพรุนแล้ว...



แล้วแบบนี้จะตอบอะไรได้วะ



‘เออ กูจะรอดู'





ถึงจะเป็นแค่แชท แต่ผมสัมผัสได้ตั้งแต่คุยครั้งแรกว่าไอ้หมีไม่ใช่คนเลวร้าย ยิ่งได้เจตัวจริง สายตาที่มันมองเจไดก็แสดงออกชัดเจนว่ามันเอ็นดูแค่ไหน



มันเสแสร้งไม่เก่งแน่ๆ เพราะแค่ไอ้เจยิ้มให้ ตาหมีก็เป็นประกายอย่างกับลูกหมาได้ของโปรดจากเจ้านาย แก้มแดงไปถึงหู ขี้อายอย่างกับสาวน้อยไม่เกรงใจเคราเลย



ผมคอยติดตามความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอยู่เงียบๆ เพราะเป็นห่วง แต่ไม่ได้คิดจะกีดกัน ไม่ได้ถึงขั้นจับตามองทุกฝีก้าวหรอก ไม่ได้ว่างขนาดนั้น



แต่ต่อให้ผมไม่ถาม ไอ้หมีก็แทบจะรายงานทุกสถานการณ์ให้ผมรับรู้



‘พี่เพื่อน ผมพาเจไปกินข้าวนะครับ’



กูรู้แล้ว ไอ้เจก็บอก



‘พี่เพื่อน วันนี้มีซ้อม เจกลับดึกได้ไหม’



นี่เห็นกูเป็นพ่อกระต่ายจริงๆ หรือไง



หลังๆ ผมเลยไล่ๆ พวกมันไปไหนก็ไป ไม่ต้องรายงานทุกอย่างก็ได้



แต่พอพูดแบบนั้น เลยไม่รู้ว่าพวกมันพากันก้าวกระโดดไปถึงไหนต่อไหน



ช่วงปิดเทอมผมกลับมาอยู่บ้าน ตั้งใจจะพักให้เต็มที่ก่อนกลับไปลุยเทอมใหม่ แต่ในวันที่ผมตั้งใจจะนอนโง่ๆ จนถึงบ่าย ดันมีสายเข้ามาขัดจังหวะการนอนเสียได้



[ พี่เพื่อนผมขอโทษ ]



“อะไร” ผมขมวดคิ้ว ตื่นยังไม่ทันเต็มตา จับต้นชนปลายไม่ได้ ยิ่งงงไปกันใหญ่เมื่อได้ยินประโยคต่อมา



[ บ้านพี่อยู่ไหน ผมจะไปหา ]





☉ ------------------------------------------------------------ ☉







ผมเดินลงมาจากบ้านในสภาพชุดนอน ไอ้เจดยืนพิงกระโปรงรถสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้าน มันทำท่าจะดับตอนเห็นผม แต่ผมยกมือห้าม



“ไม่เป็นไร”



ไอ้เจก็สูบ แต่ไม่ได้ติด ผมเลยไม่ห้าม เพราะรู้ว่ามันจะเลิกได้ เหมือนที่เจไดเรียนรู้จะเติบโต เรียนรู้ที่จะก้าวไปข้างหน้าในทุกๆ อย่าง แม้แต่เรื่องความสัมพันธ์ยากๆ



“ผมพาเจไปบ้าน” อัดควันบุหรี่เงียบๆ สักพักไอ้เจดก็พูดขึ้นมา เรายืนพิงกระโปรงรถข้างกันมองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย



“กูรู้แล้ว” เจไดบอกผมในแชท และผมก็ได้แต่พูดคำเดิมไป



กระต่ายแรด ยังไม่ทันจะเป็นแฟน เสนอหน้าไปเจอครอบครัวเขาแล้ว



ไอ้เจดหัวเราะแห้งๆ ดับบุหรี่ที่สูบจนถึงก้นกรองแล้ว “พ่อ แม่ แล้วก็พี่ชายผมชอบเจมาก เจน่ารัก”



“อือ” ผมอยู่กับมันมานาน ทำไมจะไม่รู้ว่ามันน่ารำคาญ... แต่ก็น่ารัก



ความใสซื่อไม่มีเงื่อนงำ ใครก็ชอบทั้งนั้น



“จริงๆ มันไวไปหน่อยที่พาไปเจอครอบครัว แต่ผมก็...ดีใจมาก” คนขี้อายยกมือเกาจมูกหน้าแดงไปถึงหู



“เรื่องแค่นี้ต้องมาขิงกูถึงบ้าน?" ผมทำหน้าหน่ายไม่จริงจัง แต่ไอ้เจดชะงัก หันมาสบตาด้วยแววตาอธิบายยาก



เหมือนรู้สึกผิด



"มึงทำอะไร" ผมเค้นให้มันสารภาพ อีหร็อบนี้มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ผมเดาได้



“ผม... ทำผิดกฎข้อห้า”



กูว่าแล้ว...



“ไอ้หมี!” ผมยืนขึ้นพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อมันอย่างลืมตัว



“ใจเย็นๆ พี่ มันยังไม่ถึงขั้นนั้น”



“ไม่ขั้นนั้นแล้วมันขั้นไหนวะ!”



“ก็...”



“ไม่ๆ มึงไม่ต้องบอก กูไม่อยากรู้แล้ว” ผมโวยวาย ปล่อยมือกลับมาปิดหูตัวเอง ส่ายหน้ารัวพลางสูดหายใจเข้าพยายามตั้งสติ



"ขอบุหรี่ตัว" ผมแบมือ



ไอ้เจดชะงัก ทำท่าประหลาดใจแต่ก็ยอมควักบุหรี่ให้



"ไม่รู้ว่าพี่สูบด้วย"



"กูเพิ่งเลิก"



ผมกับเจไดลองผิดลองถูกมาด้วยกันมาทุกเรื่องนั่นแหละ



“ขอโทษ” ไอ้เจดทำเสียงหงอยจนผมรู้สึกผิดที่โมโหเวอร์เกินไป บวกกับพอได้สูดหายใจลึกๆ ผมก็คิดได้ว่าไม่ใช่ความผิดของมัน



ไม่มีใครผิดทั้งนั้น ก็ผู้ชายทั้งคู่... อยู่ใกล้คนที่ชอบ ไม่แปลกหรอกที่จะติดไฟ



แต่ให้ตายเถอะโว้ย ความรู้สึกผมตอนนี้เหมือนพ่อที่จับได้ว่าลูกสาวใจแตกแอบหนีไปนอนกกผู้ชาย



อยากจะจับกระต่ายแรดตีให้หลังลาย



“พี่จะห้ามผมเจอเจไหม” ได้ยินคนตัวโตกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนเอ่ยถาม สีหน้ามันดูกังวลจนผมหลุดขำ



“กูมีสิทธิ์ห้ามด้วยหรือไง”



“ห้ามได้แน่ เจแคร์พี่จะตาย ถ้าพี่พูดคำเดียวว่าเลิกยุ่งกับผม เจต้องยอมแน่”



ผมหัวเราะ แกล้งหรี่ตาดุพลางพ่นควัน “เห็นกูใจร้ายขนาดนั้น”



“ผมเลยถามไง”



“จะห้ามได้ไง เจมันก็ชอบมึงจะตาย” ผมถอนหายใจ ส่ายหน้าคิดถึงคำพล่ามบ่นขอเจไดที่อวยหมียักษ์ของมันสารพัด



เอะอะอะไรก็เจด น่ารักงั้นงี้ กับคนที่พูดไม่เก่งแบบเจได ผมไม่เคยเห็นมันจ้อถึงใครเยอะขนาดนั้น ไม่เคยเห็นมันพยายามเพื่อใคร ไม่เคยเห็นมันซึมเป็นกระต่ายป่วยเพราะคิดถึงใคร



อาการหนักขนาดนั้นผมจะไปห้ามอะไรได้



“แล้วมึงมานี่เพื่อจะสารภาพบาปแค่นี้ใช่ไหม” ผมถาม ชักหวั่นใจว่าจะมีเรื่องอะไรให้ตกใจอีก



“เปล่าครับ มีเรื่องอื่นอีก”



นั่นไง ลางสังหรณ์ผิดที่ไหน



“เรื่องอะไร” ผมเลิกคิ้ว อัดควันเข้าปอดอีกครั้ง



“พี่จำได้ป่ะที่ผมเคยบอกไว้ว่าถ้าแน่ใจเมื่อไหร่ผมจะให้คำตอบว่าจะเอายังไงต่อไป”



“เออ จำได้” คราวนี้มันมองหน้าผม สบตาจริงจัง



“ผมว่าผมแน่ใจแล้วว่ะ”



“...”



“มันคือความรัก”



“...”



“ผมเลยตั้งใจมาขออนุญาตพี่”



“...”



“ต่อไปนี้ ผมขอดูแลเจแทนพี่นะ”



ผมเลิกคิ้ว มองสีหน้าจริงจัง เห็นความสัจจริงไร้ข้อกังขาก็หัวเราะ โยนบุหรี่ทิ้งแล้วใช้เท้าขยี้เบาๆ



"เออ เอาไปแล้วไม่ต้องเอามาคืนนะ รำคาญ"



ผมว่า ผมเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ที่เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วครับ





☉ -----------------------------Side Story 9------------------------------- ☉





[ อือ เพื่อน โทรมาทำไมแต่เช้า ]



"จีน"



[ หือ ทำไมไม่เรียกพี่ ]



"แม่กระต่าย"



[ อะไรเนี่ย ]



"ไอ้หมีมันเป็นคนดีนะ"



[ ก็เคยบอกไปแล้ว ท่าทางเขาดูเป็นคนจริงใจ ]



"อือ เชื่อแล้ว"



[ มีอะไรหรือเปล่า ]



"เปล่า แค่จะบอกว่าเดี๋ยวเจไดจะมีคนดูแลแทนผมแล้วนะ"



[...]



"ต่อไปคงเหงาแย่ ไม่ต้องคอยเป็นห่วงน้องจีนแล้ว"



[...]



"ถ้าไม่ว่าอะไร... ต่อไป ผมขอเปลี่ยนไปเป็นห่วงจีนแทนได้ป่ะ"




☉ ---------------------------- 100 %-------------------------------- ☉



ลูกจะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วคุณพ่อจีบคุณแม่ติดหรือยังอ่ะ 5555



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ

ทุกคอมเม้นต์ทุกกำลังใจมีค่ามากๆ

เป็นแรงผลักดันให้มาถึงตรงนี้จริงๆ ค่ะ ^^

ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยน้า



รัก

-Martian-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2018 08:58:27 โดย makok_num »

ออฟไลน์ Zestful

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องเจจจจจจจ เป็นฝั่งเป็นฝาแล้วอ่าาาา เจดนี่แบบ โอ๊ยยยยยยยยยย น่าร้ากกกกกก

ออฟไลน์ CLShunny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
น่ารักกกกกกกเว้ยยยยย พ่อกนะต่ายน่ารักกกกกมากกกกก ชอบแบบนี้มีเพื่อนแบบนี่รักตายยยยย

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
พี่เพื่อนเป็นเพื่อนที่ดีมากกกกกกกกกกกกก เหมือนเป็นคุณพ่อกระต่ายจริงๆ
จากนี้พี่เพื่อนคงจะเหงาหน่อยๆนะ กระต่ายมีคนมาดูแลแทนแล้ว ลูกสาวโตแล้วววววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
คุณพ่อกระต่ายไม่ต้องห่วงน้องเจแล้ว หมีเจดเลี้ยงน้องดีแน่ๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เพื่อน หมดห่วงกระต่ายแรดเพราะมีหมีมาขอดูแลแล้ว   :katai2-1:
เลยตีเนียนขอดูแลแม่กระต่ายซะเอง  :m20: :laugh:

หมีเจด  เจได   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
คุณพ่อกระต่ายก็น่ารักลุ้นๆ :hao3:

ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อกหักจากเพื่อนอีกรอบ5555
ขอบคุณมากค่ะ คุณพ่อน่ารักมาก แงงงง เราชอบเขาาาา :hao5:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
คุณพ่อกระต่ายดูแลเจดีมากก ขอให้แม่กระต่ายยอมรับความรักเร็วๆนะ

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
การมีเพื่อนดีๆ เป็นมงคลกับชีวิตมาก

ออฟไลน์ tipppppp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คูมแม่กระต่ายใจอ่อนไวๆน๊าาา

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกับเจไดนี่เหมือนพ่อกับลูกสาวจริงๆแหละ 55555555555

 :hao7:

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เพิ่งเข้ามาอ่านค่า กระต่ายน้อยเจได น่ารักมาก ๆ 
คุณหมีเจดก็อบอุ่นเหลือเกิน ชอบความตรงไปตรงมาของคุณหมีมาก
พี่เพื่อนช่างแสนดี ชอบพี่เพื่อนมาก ตอนแรกก็ลุ้นให้พี่เพื่อนมีคู่กับเขา
สรุปพี่เพื่อนคู่พี่จีนสินะ รักเดียวใจเดียวจริง ๆ พ่อแม่กระต่ายก็เหมาะสมกัน พี่จีนใจอ่อนเร็ว ๆ


ออฟไลน์ Daryneisfine

  • Read to improve national statistics
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จะไม่พูดถึงกระต่ายกับพิหมีนะคะ เหมงฟามรัก
 
พี่เพื่อนนนนนอ้ะ ถ้าจีบพี่จีนไม่ติดดด เรารออยู่ค่ะะะะะ
ไม่ไหวววววววแล้ว แสนดีมากเลยอยากได้เค้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
โอ๊ยยยยย ชอบบบบบบ ชอบความเป็น daddy ของเพื่อนมาก / พี่หมีเจดก็น่าเอ็นดู เข้าตามตรอกออกตามช่องมาก พี่จีนช้าแบบนี้บอกเลยว่า เพื่อนต้องเป็นของเราค่ะ! Fighting!!!

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อยากเป็นเพื่อนกับเพื่อนเลยยยยย
แต่ชอบเพื่อนจีนมากกก น่ารักกกกก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ข้อที่ 10

หมีปีใหม่ (100%)

 
เราคิดว่าเจดกำลังโกรธเรา

               

ตั้งแต่คืนนั้น... พอเราทำเสร็จ... เจดก็มีทีท่าเปลี่ยนไป



อ้ำอึ้ง บอกให้เรานอนก่อนส่วนตัวเองออกไปสูบบุหรี่ แล้วไม่กลับมาเลยทั้งคืน



ตอนเช้าก็ไม่มีโอกาสได้คุยกัน คุณแม่บอกว่าเจดไปชกมวยที่โรงยิมกับเฮียเจคตั้งแต่เช้า บอกให้เรากินข้าวรอ แต่กว่าจะกินเสร็จเจดก็เดินเหงื่อท่วมตัวเข้ามาในบ้าน ยิ้มให้เรานิดหน่อย ก่อนหายขึ้นไปอาบน้ำ



ระหว่างกลับหอเราพยายามจะถามหลายครั้ง แต่เจดนิ่งมาก คิ้วขมวด แถมหน้าแดงแจ๋ เราเลยไม่กล้าถาม



เจดไม่ชอบเหรอ ที่เราทำ?



เจดอยากให้สัมผัสมากกว่านี้หรือเปล่า แต่ว่า เราทำได้แค่นั้น...     



เราไม่กล้าพูดสักอย่าง เพราะอาย... เรื่องแบบนี้ใครจะกล้าถาม



แต่ถ้าไม่ถาม จะรู้ได้ยังไงว่าทำไมเจดแปลกไป



“เจ เยลลี่ไหม” เราหายเหม่อเมื่อน้องพิชญ์มานั่งข้างๆ เอนตัวลงมาหนุนตักพลางยื่นซองขนมให้ “กินของหวานจะได้หายเครียด”



“เราเปล่าเครียด” เราเถียง แต่มือหยิบเยลลี่หมีออกมาเคี้ยว



หวังให้เยลลี่หนุบหนับทำให้อารมณ์ดีขึ้น



“เจเอาแต่ขมวดคิ้ว” น้องพิชญ์บอก ก่อนทำเสียงอ้อน “ป้อนๆ”



น้องอ้าปากจนเห็นเครื่องประดับแวววาวเตะตาที่ปลายลิ้น เราหยิบเยลลี่ออกมาป้อนให้ สายตายังจับจ้องที่จิวนั้น



ตอนเห็นผ่านๆ เราคิดว่ามันทำให้พิชญ์มีเสน่ห์อย่างประหลาด ยิ่งพอได้เห็นใกล้ๆ ยิ่งรู้สึก...อยากสัมผัส



งับ!



แต่ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อถูกเด็กซนแกล้งงับนิ้ว พอเห็นเราเบ้หน้าก็หัวเราะร่วน



“เจทะเลาะกับป๊าเหรอ” พิชญ์ลุกขึ้นมานั่งปากยังเคี้ยวเยลลี่พลางหารีโมตเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย



พอถูกถามแบบนั้นเราก็กลับมาหงอย ส่ายหน้าตอบงึมงำ “ไม่รู้เหมือนกัน”



เจดท่าทางแปลกๆ มาสองอาทิตย์แล้ว เหมือนจะตีตัวออกห่างก็ไม่ใช่ จะใกล้ชิดกว่าเดิมก็เปล่า รู้แต่ว่าไม่เหมือนเดิมแปลกๆ



เจดยังจูบ ยังหอม ยังกอด แต่แป๊บเดียวก็ผละออกห่าง



ทั้งๆ ที่เราชอบให้เจดจูบ อยากให้เจดกอดนานๆ เจดตัวหอม... และถึงจะไม่มีพุง แต่ตัวหมีก็อุ่นมาก



“เจดแปลกๆ”



“อืม แปลกจริง” พิชญ์พยักหน้า เห็นไหมล่ะ “ใกล้แสดงแล้วคงตื่นเต้นมั้ง”



อาจจะจริง อีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะถึงวันแสดง วงเราเล่นเป็นวงแรกด้วย เจดคงกังวล หลายวันมานี้เจดยิ่งซ้อมหนัก นิ้วมีพลาสเตอร์พันแผลเพิ่มขึ้นอีกแล้ว



“เวลาตื่นเต้นป๊าชอบกอดล่ะ” เห็นเรานิ่งคิดนานน้องพิชญ์เลยเอียงหน้ามากระซิบ เหลือบตามองเจดที่ยืนสูบบุหรี่อยู่กับเตวิชญ์ตรงระเบียง



“เอ๊ะ...”



“แบบนี้” แล้วพิชญ์ก็สาธิตให้ดู ด้วยการขยับเข้ามารัดเอวเราแน่น “แล้วก็เขย่าแบบนี้ๆ”



น้องจับเราโยกไปมาแรงๆ ตอนแรกก็อึดอัดแต่พอพิชญ์หัวเราะเราก็หลุดขำตาม ไม่นานน้องก็ปล่อยมือแล้วแกล้งกลอกตา



“พิชญ์โดนประจำ ป๊าจับเขย่ายังกะขวดยา”



เรายืนยันได้ เคยเห็นครั้งหนึ่ง ตอนเจอกันครั้งแรก เจดนั่งหน้าเครียดอยู่หลังเวทีประกวดดนตรีมหาลัย จนน้องพิชญ์เข้ามาหาเจดก็พุ่งเข้าไปอุ้มพิชญ์เขย่าๆ แล้วบอกว่าตื่นเต้น



เป็นวิธีระบายความเครียดแบบหมีๆ ล่ะมั้ง



“ลองดูสิ” ว่าแล้วก็ดึงเยลลี่ไปกินพลางเพยิดหน้าไปทางสองคนที่เดินกลับเข้ามา



“อุ้มป๊าไม่ไหว แต่แค่กอดแน่นๆ คงช่วยได้” เอ่ยขบขัน เรามองเจด ก่อนกลับมามองหน้าคนเจ้าแผนการ



เอายังไงดี... เราเคยบอกว่าจะไม่เชื่อคำแนะนำของน้องพิชญ์อีก เพราะคราวที่แล้วแผนของน้องดันทำให้ผีร้ายในใจเจดออกอาละวาด



แต่แค่กอดเองนะ



คงไม่เป็นไรหรอก...มั้ง







 
☉ ----------------------------------------------------------- ☉




“พรุ่งนี้เจอกัน” ไม่รู้ตัวเลยว่าเดินมาถึงหน้าห้องแล้วจนกระทั่งเจดบอก เราเงยหน้ามองเจ้าของแผ่นหลังที่หันกลับมายิ้มให้ ยื่นมือออกไปรับกระเป๋าเบสคืนพลางพยักหน้าหงึกหงัก



ในใจคิดหาจังหวะว่าควรกอดเจดตอนไหน



กอดเลยได้ไหม



“ฝันดีนะ” ไม่ทันตกลงกับตัวเองได้ฝ่ามือใหญ่ก็ขยี้หัวเราเบาๆ แล้วทำท่าจะผละออกไป



“เจด” เรารีบเรียกไว้ ขยับไปใกล้เจดหนึ่งก้าว แต่พอมองหน้าตรงๆ ก็ไม่กล้า อ้ำอึ้งก่อนพูดเฉไฉ “ฝันดีครับ”



โธ่ อยู่ๆ จะไปกอดเจดเฉยๆ ได้ไง

               

“ครับ” เจดเลิกคิ้วแปลกใจนิดหน่อยก่อนจะหัวเราะ โบกมือบ๊ายบายอีกครั้ง

             

เรามองแผ่นหลังเจดที่เริ่มไกลออกไป ทำไงดีๆ กอดเลยได้ไหม หรือว่าควรกอดพรุ่งนี้ ...แต่ถ้าพรุ่งนี้ไม่กล้าอีก คงไม่ได้กอดพอดีอ่ะ



ตัวร้ายดีในหัวตีกันหยุงเหยิงสักพัก ก่อนที่สุดท้ายเราจะฮึบหายใจ เลือกวางกระเป๋าเบสลงแล้วพุ่งออกไปกอดเจดไว้จากด้านหลัง

               

กอดแน่นๆ เจดจะได้ผ่อนคลาย หายกดดัน

               

“เจ...”

               

“เจดตื่นเต้นใช่ไหม” เราพึมพำใส่แผ่นหลังกว้าง ให้กำลังใจหนักแน่น “ไม่เป็นไรนะ เราทำได้แน่”

               

คนถูกกอดเงียบไปนาน ก่อนจะหลุดหัวเราะ ดึงแขนเราออกแล้วหันกลับมาโน้มตัวลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน



“ทำอะไรเนี่ย”

                 

“ก็...เจดแปลกๆ” เราอ้ำอึ้ง ไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม “น้องพิชญ์บอกว่าเจดคงตื่นเต้นที่จะแสดง”

               

“ไอ้พิชญ์อีกแล้ว” เจดหรี่ตาคาดโทษ

               

“เราเป็นห่วง” เราเลยรีบบอกเหตุผล ไม่อยากให้เจดโทษน้องพิชญ์ “น้องบอกว่าเวลาเจดตื่นเต้นจะชอบกอด”

               

คราวนี้เจดเลิกคิ้ว หัวเราะอีกครั้ง “อือ ชอบกอดจริงๆ แหละ"



เห็นไหม คราวนี้น้องพิชญ์ไม่ได้แกล้ง



"กอดแบบนี้” พูดจบเจดก็รวบตัวเราไว้ในอ้อมแขน ใช้แรงยกจนลอยจากพื้น รัดแน่นแล้วจับโยกไปมา



ถึงน้องพิชญ์จะทำให้ดูแล้วแต่เราก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ปล่อยให้เจดกอดอยู่อย่างนั้น ถ้ามันทำให้เจดสบายใจ

               

“แต่ไม่ได้ตื่นเต้นหรอก”



"อ้าว" เราเลิกคิ้ว มองใบหน้าคมที่กลับมาทำหน้ากังวลอีกแล้ว



“งั้น... เจดโกรธเราเหรอ เรื่องคืนนั้น” เราสบตาเจด เผลอเอื้อมมือออกไปประคองสองแก้มไว้ เกลี่ยเบาๆ แล้วถามเสียงหงอย 



เจดคงรู้ว่าคืนไหน คิ้วเข้มขมวดมุ่น แถมหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงแจ๋ “จะโกรธเจทำไม”



“ก็... เราคงทำไม่ถูกใจ” หน้าเราร้อนจัดที่ต้องอธิบาย เราเคยช่วยแค่ตัวเอง ไม่รู้หรอกว่าคนอื่นพอใจแบบไหน



“เวรแล้ว” เจดสบถพึมพำ ปล่อยเราลงจากอ้อมแขน ยกมือขึ้นกุมขมับเหมือนหนักใจก่อนสบตาเราอีกครั้ง



"เจด" เราเรียกเสียงหงอยเมื่อเจดถอนหายใจ จ้องหน้าเราด้วยสีหน้าลำบากใจ



“ขอโทษ ทั้งที่เคยสัญญาไว้ว่ารู้สึกอะไรจะบอก ไม่ให้เจคิดมากแท้ๆ แต่ความรู้สึกนี้มัน...” เจดหยุดแค่นั้น สบถพึมพำแล้วถอนหายใจหนักๆ อีกครั้ง



“ไม่ได้โกรธหรอก เป็นเพราะอย่างอื่นต่างหาก”



“อย่างอื่น?”



“เขินน่ะ” คงกลัวเราเข้าใจผิดอีก เจดเลยเฉลยออกมา หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงจัด พูดอึกอัก



“ก็...พอเห็นหน้าเจ ภาพคืนนั้นมันก็แวบเข้ามาในหัวซ้ำๆ ...เขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกตรงไหนแล้ว” ประโยคหลังเจดพึมพำจนไม่ได้ยิน ยกมือปิดหน้าอีกครั้งก่อนถอนหายใจคล้ายเหลืออด



"เจ" คราวนี้เจดเรียกเราเสียงจริงจัง มองหน้าเราด้วยสีหน้างุ่นง่าน



“อยากรู้ไหมว่ารู้สึกยังไง”



"...!!" ไม่ทันตอบคำถาม เจดอุ้มเราขึ้นมาอีกครั้ง แล้วจูบเรา

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

ปากเจดร้อน...ร้อนมาก ลมหายใจก็ร้อน... แตะโดนตรงไหนก็ร้อนไปหมด

               

จูบของเจดไม่อ่อนโยนแล้ว การกระทำก็ไม่อ่อนโยนเลย

               

ไม่ทันพ้นหน้าประตูด้วยซ้ำ เราถูกดันให้นอนราบบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ หลุดสะดุ้งตอนที่เท้าเจดยันประตูปิดดังปัง



แต่ไม่ทันไรก็ถูกริมฝีปากทาบทับลงมาอีกครั้ง บดเบียดจนไม่เหลือช่องว่าง รุกเร้าด้วยลิ้นร้อนที่กระหวัดซุกซนทั่วโพรงปากจนตามไม่ทัน ดูดดุนลิ้นเราที่กวาดสะเปะสะปะอย่างอ่อนหัดจนได้ยินเสียงน่าอาย



"อือ..." เจดเอาแต่จูบย้ำๆ จนสมองเรามึน ไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อถูกรั้งขึ้นมาตอนไหน กระทั่งริมฝีปากร้อนผละออกไปครอบครองยอดอกที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมา



ครางฮือกับความรู้สึกประหลาดที่เหมือนจะแล่นขึ้นมาจากปลายเท้าไปทั่วร่าง ได้ยินแต่เสียงหัวใจเต้นโครมครามกับเสียงริมฝีปากของเจดที่กำลังดูดดุนสลับไล้เลียหน้าอกเราเหมือนลูกกวาด สัมผัสที่ทำให้ร่างกายบิดเร่า แอ่นรับอย่างควบคุมไม่ได้



ยิ่งน่าอายเมื่อความร้อนทั้งหมดในร่างกายเหมือนจะไหลไปกองรวมกันอยู่ในกางเกงจนอึดอัด



“ฮื่อ...!” ร้องผวาอีกครั้งเมื่อเจดสัมผัสมัน สูดหายใจจนหน้าท้องหดเกร็งด้วยความรู้สึกวูบวาบ



“เจด...” เราพยายามร้องห้ามไม่ให้สัมผัส แต่เสียงกลับสั่น และฟังดูเชิญชวนมากกว่า



“หึ” หมีร้ายเงยหน้าขึ้นมาสบตา ยกยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยคำถามยียวน “ให้ช่วยไหม”



...เหมือนกับที่เราถามเจดในคืนนั้น



เรากัดริมฝีปาก ไม่อยากให้เจดช่วย แต่ความรู้สึกที่คั่งค้างอยู่ก็ยากที่จะต่อต้าน



เมื่อเห็นเราลังเลเจดจึงแกล้งก้มลงจูบหน้าท้องเราเบาๆ ทั้งที่ยังสบตากันอยู่อย่างนั้น



“เจ...”



ไม่เอา หยุดเรียกนะ



“ว่าไง... อยากให้ช่วยไหมครับ” ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนเลย



“ฮื่อ” สุดท้ายเราแพ้ราบคาบ ได้แต่ยกมือขึ้นปิดตาด้วยความอาย พยักหน้าตอบรับรัวเร็ว



เราไม่อยากเห็นตอนที่เจดสัมผัส แต่ไม่ทันคิดว่ามันกลับยิ่งดึงให้ความรู้สึกอื่นฉายชัด



"น่ารัก" ได้ยินเสียงทุ้มเจือเสียงหัวเราะเบาๆ พร้อมกับสัมผัสได้ถึงซิปกางเกงที่ถูกรูดลงไปอย่างช้าๆ ...ปลายนิ้วหยาบที่เกี่ยวรั้งขอบกางเกงในลง เปิดเผยส่วนที่อึดอัดอยู่ภายใน



เราเผลอเอามือลงไปปิดมันไว้ ไม่อยากให้เจดเห็นส่วนน่าอาย แต่เจดกลับหัวเราะ จูบหลังมือเราซ้ำไปซ้ำมา



"เจ ขอดูหน่อย" เสียงเจดออดอ้อน จนเราอยากจะร้องไห้



"ไม่...อ๊ะ!" พอเราจะปฏิเสธเจดกลับแกล้งกัดมือเบาๆ ก่อนดึงมือเราออกไปจูบปลายนิ้วซ้ำๆ   



เรายิ่งปิดตาแน่นไม่รู้ว่าเจดมีสีหน้ายังไง ไม่กล้าลืมตาออกมาดูว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพน่าอายขนาดไหน



“อึก!” ขณะที่กำลังชั่งใจว่าควรจะหนี หยุดทุกอย่างไว้เท่านี้ เจดก็กดเราไว้ใต้ร่าง ใช้มือข้างหนึ่งกอบกำส่วนแข็งขึงเอาไว้ ไล้นิ้วจากโคนสู่ปลาย แกล้งขยี้ส่วนอ่อนไหวเบาๆ



แค่นั้นก็ทำเราแทบคลั่ง ริมฝีปากร้อนที่กลับมาวุ่นวายกับหน้าอกทำเราหมดแรงต่อต้าน พยายามส่งเสียงห้ามแต่เสียงที่เปล่งออกมาก็กลับกลายเป็นเสียงครางน่าอาย เลยได้แต่กัดริมฝีปากอดกลั้นปล่อยให้ลิ้นซนลามเลียไปทั่วทุกส่วนที่สัมผัสได้ จากหน้าอกไล่ลงไปที่หน้าท้อง และไล้ต่ำลงเรื่อยๆ อย่างเอาแต่ใจ 



แล้วในความมืดเราก็รับรู้ได้ว่าเจดกำลังครอบครองส่วนนั้นไว้... ด้วยริมฝีปาก



“...!” เราผวาและแทบจะถึงปลายทางทันทีรับรู้ถึงความอ่อนนุ่มของกลีบปาก ความร้อนจัดและชื้นแฉะของน้ำลาย ความรู้สึกอึดอัดถาโถมจนเผลอจิกผมเจดไว้



ร้องไม่เป็นเสียงเมื่อถูกลิ้นไล้เลียจนทั่ว ขยับเข้าออกจนเกิดเสียงหยาบโลนดังก้อง



“เจด... ฮือ เจด...”



ไม่ทันไรเราก็ทนไม่ไหว ลมหายกระตุก ร่างกายบิดเกร็งและปลดปล่อยออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เราพยายามร้องเรียกและดันเจดออก แต่เจ้าของริมฝีปากร้อนก็ยังดื้อจะครอบครองมันอยู่อย่างนั้น...



ในขณะที่สมองขาวโพลนเราได้ยินเสียงดูดกลืนอย่างตะกละตะกราม



จนกระทั่งร่างกายเราหยุดเกร็ง เจดจึงถอนริมฝีปากออก มองตาเราพลางยกนิ้วโป้งเช็ดคราบขาวข้นที่มุมปาก แล้วไล้เลียปลายนิ้วที่เปรอะเปื้อนของตัวเองซ้ำ หลักฐานว่าเจดกลืนมันลงไปจนหมด...ทุกหยาดหยดที่หลั่งออกมา



เราไม่รู้ว่าควรพูดหรือทำอะไร ได้แต่นอนหมดแรงอยู่บนพื้น มองคนตรงหน้าอย่างสับสน สายตา และรอยยิ้มมุมปากดูร้ายกาจไม่เหมือนเจดที่เรารู้จัก



“เจได” แม้กระทั่งเสียงเรียกก็แหบพร่ากว่าทุกครั้ง แววตาที่มองมาทำเราร้อนวูบวาบ เผลอเว้าวอนออกไปโดยไม่รู้ตัว



“เจด... จูบ...” เมื่อได้ยินคำเรียกร้องสั่นพร่าคนตัวโตก็โถมร่างลงมาทับเราอีกครั้ง กดจูบที่ริมฝีปาก คราวนี้หวานจนเราเผลอครางรับด้วยความพอใจ



ก่อนริมฝีปากซุกซนจะเลื่อนลงมาที่ซอกคอ ดูดดุนฝากรอยไว้ แล้วไล้ลงไปพรมจูบบนผิวกายที่ยังไม่หายร้อนซ้ำไปซ้ำมา ฝ่ามือสองข้างลูบไล้ไปทั่ว สะเปะสะปะ บีบเค้นอย่างเอาแต่ใจ 



รู้ตัวอีกทีร่างกายก็เปลือยเปล่า ถูกปลดเสื้อผ้าทุกชิ้นโดยไม่ทันร้องห้าม



“ฮึก” น้ำตาเราไหลออกมาจริงๆ ตอนที่เจดโยนกางเกงเราทิ้งไป ทั้งที่ริมฝีปากร้อนยังวุ่นวายกับหน้าอกเราไม่ห่าง หัวใจเต้นตึกตักจนเจ็บไปหมด แต่หมดเรี่ยวแรงจะเอ่ยห้าม



แต่พอได้ยินเสียงร้องไห้เจดก็ชะงัก เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่นองน้ำตา สะอื้นฮักเป็นเด็กๆ



“เจ... เป็นอะไร” เจดเลื่อนตัวขึ้นมามองหน้าเรา หน้าตาตื่นตกใจ “ขอโทษ ไม่ชอบเหรอ”



เราส่ายหน้ารัว ปาดน้ำตาออกเพื่อให้เห็นหน้าเจดชัดๆ พยายามส่งเสียงตอบแต่ยิ่งสะอื้นหนัก



“เรา...ล่อนจ้อนแล้ว ฮือ”



“...”



“อาย...”



เรากำลังร้องไห้ แต่เจดกลับหัวเราะ รวบตัวเราไปกอดแน่นซุกหน้ากับซอกคอ ขบซ้ำๆ แล้วบ่นพึมพำ



“ไม่ไหวแล้ว หยุดน่ารักเดี๋ยวนี้”



เรากอดคอเจดแน่นบ้าง เบะปากถาม “เจด...จะทำเหรอ”



พอมาถึงขั้นนี้แล้วคงยากที่จะห้าม แต่ว่า...เรายังไม่พร้อม เพิ่งรู้ว่ากลัวจนตัวสั่นก็ตอนที่ร้องไห้ออกมา



“ยัง... ยังไม่ทำได้ไหม” เอ่ยขอร้อง ยังหยุดสะอื้นไม่ได้ ได้แต่เอาหน้าไถกับไหล่ ใช้เสื้อเจดเช็ดน้ำตา



“ครับ ไม่ทำ” เจดตอบทันทีพลางจูบขมับซ้ำๆ กระชับอ้อมแขนแน่นแล้วลูบหัวเราเบาๆ



“โอ๋ๆ พอแล้วครับ ไม่ทำแล้ว ขอโทษนะ”





☉ ------------------------------------------------------------ ☉







สุดท้ายเจดอุ้มเรามานั่งที่เตียง ห่อชีเปลือยไว้ในผ้าห่มจนเป็นก้อน ตาคมมองสภาพเราแล้วหัวเราะ ลูบหัวเราอยู่สักพักก่อนยืนขึ้นอีกครั้ง



“ไปนะ”



เราจ้องเจด กะพริบตาปริบๆ มองใบหน้าที่ยังเป็นสีแดงนิดๆ พลางยกมือลูบเคราเก้อๆ



“ฝันดีครับ”



“เจด” ก่อนที่เจดจะหันหลังกลับเราเรียกไว้ แต่พอเจดหันมาเลิกคิ้วถามเราก็ได้แต่มุดหน้าลงกับผ้าห่ม ทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าพูดสิ่งที่คิดออกไป “ค้าง...ไหม”



หัวใจเต้นดังมาก ดังเหมือนจะทะลุผ้าห่มออกมา



เจดเลิกคิ้วมองเรานิ่งสักพักแล้วเลิกคิ้วถาม เหมือนไม่แน่ใจ “ได้เหรอ”



เราพยักหน้าหงึก “อยากกอด”



เสียงเราเบามาก หน้าก็คงแดงมาก ถ้าเอาผ้าห่มออกเจดก็คงเห็นว่าตัวเราแดงมาก



เจดเลิกคิ้วแล้วแกล้งถามยิ้มๆ “ไม่กลัวเหรอ”



คงหมายถึงผีร้ายที่ออกมาตอนเจดตบะแตก



เรามองหน้าเจด สบตาอยู่นานแต่ไม่เห็นวี่แววผีร้ายแล้ว



“เจดไม่ทำ... ใช่ไหม” ยังอดถามไม่ได้เพื่อความมั่นใจ



เจดยิ้มบางๆ นั่งลงบนเตียงแล้วลูบหัวเราเบาๆ “อืม ไม่ทำ”



"งั้น... กอดนะ" เราขอ



คนตัวโตนอนลงข้างกัน จ้องตาเรานิ่งสักพักก็ยิ้มกว้าง ดึงเราที่อยู่ในก้อนผ้าห่มไปกอดไว้ กดจูบหนักๆ ลงมาที่หน้าผากแล้วกระซิบ



“พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”



เป็นคำพูดก่อนนอนที่ทำให้หัวใจพองยิ่งกว่าบอกฝันดี
           


(ต่อด้านล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2018 05:52:19 โดย makok_num »

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
(ต่อ)

 
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ในที่สุดวันแสดงก็มาถึง ทั้งที่ขึ้นเวทีมาหลายครั้ง คิดว่าไม่น่าตื่นเต้นก็ดันตื่นเต้น นั่งเกร็งอยู่ในห้องพัก นับถอยหลังรอเวลาเป็นเศษวินาที เจดก็เหมือนกัน นั่งขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ เราเงียบๆ ไม่พูดจาอะไรกระทั่งประตูเปิดออก



เป็นเตวิชญ์กับน้องพิชญ์เดินเข้ามา

               

“ไอ้พิชญ์! ช่วยด้วย” คนที่นั่งเงียบเป็นชั่วโมงผุดลุกจากที่นั่ง เดินเข้าไปคว้าหมับเข้าที่เอวน้องรหัสแล้วยกตัวขึ้นเขย่าๆ



เหมือนที่พิชญ์เคยบอก เวลาตื่นเต้นเจดชอบกอด



แต่ เราก็นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งนานอ่ะ... ทำไมเจดไม่กอดเรา



“ไอ้ป๊า! เดี๋ยวก็โดนฆ่าหรอก” น้องโวยวายพลางหัวเราะ ดุ๊กดิ๊กจนเจดยอมปล่อย พยักเพยิดไปทางเตวิชญ์ที่ยืนขมวดคิ้วมอง ท่าทางไม่พอใจเท่าไหร่



เป็นเราก็ไม่พอใจ อยู่ๆ ไปกอดแฟนคนอื่นเขาได้ไง



“โทษๆ กูชิน” เจดทำท่าเหมือนเพิ่งนึกได้ น้องพิชญ์หัวเราะ ลูบแขนเตวิชญ์เหมือนจะบอกว่าไม่มีอะไร ก่อนเบือนสายตามองมาที่เราแล้วอมยิ้ม

               

“วันหลังก็ไปชินกับคนนู้นนู่น” น้องพิชญ์แกล้งเอียงหน้ากระซิบแต่ได้ยินมาถึงนี่



แต่พอน้องพูดแบบนั้นเจดก็หันกลับมามองเรา เบิกตานิดๆ เหมือนเพิ่งเข้าใจ ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงพลางยกมือมาเกาท้ายทอย พูดพำพึม



“เออ กูก็ว่างั้น”



น้องพิชญ์ยิ้มขำ หันมาคุยกับเราบ้าง “เจ พร้อมยัง”



เราพยักหน้าน้อยๆ มองดูนาฬิกาเห็นว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาซาวด์เช็กเลยอุ้มเบสลุกขึ้นมา



“พวกมึงลงไปก่อนเลย” แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงประตูก็ถูกเจดคว้าแขนไว้ โบกมือไล่สองคนที่เพิ่งมา



ไม่มีใครสงสัยอะไร น้องพิชญ์แค่ยักไหล่แล้วจูงมือเตวิชญ์เดินออกจากห้องไป ส่วนเราเงยหน้ามองเจด ใช้สายตาถามว่ามีอะไร เจดเลยปล่อยมือจากแขน เกาจมูกที่เปลี่ยนเป็นสีแดงนิดหน่อย



“ตื่นเต้นอ่ะ” เจดว่า อมยิ้มพลางสบตาเขินๆ “ขอกอดหน่อยได้ป่ะ”



เราเขินตาม



โธ่ อยู่ๆ ก็มาขอ



“ทีน้องพิชญ์ไม่เห็นขอ” เราบ่นอุบอิบ ยังรู้สึกเคืองอยู่นิดๆ ที่เจดมองข้ามเราไป



“ก็... ไอ้พิชญ์เป็นน้อง”



ไม่รู้เหมือนกันว่าเกี่ยวอะไร เจดเองก็เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเหตุผลมันแปลกๆ เลยทำเฉไฉ ถามย้ำ



“แล้ว... กอดได้ไหม”



แล้วเราตอบอย่างอื่นได้ด้วยเหรอ



“อือ"



...เราก็อยากให้เจดกอดเราแทนน้องพิชญ์เหมือนกัน

 

               

“สวัสดีครับ พวกเราเตเจเจด” ชื่อวงที่ตั้งขึ้นตามชื่อสมาชิกทั้งสามคนฟังดูประหลาดจนเรียกเสียงหัวเราะจากคนในร้านได้ แม้แต่เรา



ทั้งที่ยังหัวค่ำ แต่ในร้านคนเยอะมาก คึกคักด้วยบรรยากาศงานปีใหม่ เสียงลูกค้าจอแจเงียบลงนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆ ของคนที่อยู่หน้าไมค์



ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งเราก็ยังชอบเสียงเจด เสียงที่เวลาพูดเฉยๆ จะทำให้บรรยากาศรอบตัวผ่อนคลาย แต่ถ้าเข้าสู่ท่วงทำนองเพลงร็อกดุดันเมื่อไหร่จะกลับกลายเป็นเสียงที่หนักแน่น สะกดอารมณ์ให้คนสนุกตามง่ายๆ



เป็นพรสวรรค์ที่นักร้องที่ไหนก็คงอยากมีติดตัวไว้

               

แถมท่าทางเขินๆ เวลาอยู่ต่อหน้าไมค์ที่ดูขัดกับหน้าตาภายนอกก็เป็นเสน่ห์ที่ใครเห็นก็อดยิ้มไม่ได้



เราอมยิ้มมองเจดที่หัวเราะเบาๆ เคาะไมค์สองสามทีแล้วเอ่ยเปิดการแสดงสั้นๆ



“เริ่มเลยเนอะ”



แค่นั้น... แล้วรอบตัวก็เหมือนจะเงียบสงัด



สายตาของเราจ้องตรงไปที่นักร้องนำ หัวใจที่เต้นด้วยความประหม่าเลือนหายเมื่อเจดหันกลับมาสบตา ยิ้มกว้าง แล้วพาเราไปอีกโลกที่มีแต่เสียงเพลงโปรดของพวกเรา

 





☉ ------------------------------------------------------------ ☉


พอได้แสดงจริงๆ ความตื่นเต้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนหูเราดับไปชั่วขณะ ไม่รับรู้อะไรนอกจากจังหวะที่กำลังบรรเลงจนเสียงเพลงสุดท้ายจบลงและเจดเดินเข้ามายีหัวเรา ดึงไปกอดแน่นพลางพูดขอบคุณซ้ำๆ



ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่ทันไรเราก็เปลี่ยนสถานจากคนแสดงมาเป็นผู้ชมนั่งเฝ้าโต๊ะอยู่หน้าเวที



และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่...เราถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว...



น้องพิชญ์กับเตวิชญ์กลับไปนานแล้ว เพราะตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะเคาท์ดาวน์ที่คอนโดฯ กันสองคน



ส่วนเจด... ตอนแรกนั่งอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้...เราไม่รู้ว่าหายไปไหนอ่ะ



เจดบอกว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่นี่มันนานเกินไปแล้ว ทิ้งเรานั่งแกร่วอยู่บนโต๊ะคนเดียวนานสองนาน



‘เจด อยู่ไหน’



‘จะเคาท์ดาวน์แล้ว’



สุดท้ายเราต้องไลน์ไปถาม เมื่อนักร้องวงที่เพิ่งเล่นจบประกาศว่าอีกห้านาทีจะเริ่มนับถอยหลัง เรามองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นเจดแม้แต่เงา คนในร้านเยอะขึ้นจนล้นทะลัก เราเริ่มอึดอัด



อยากกลับแล้ว



‘ดาดฟ้า'



รออยู่นานกว่าเจดจะตอบกลับมา เราขมวดคิ้ว เจดขึ้นไปดาดฟ้าได้ไง ชั้นสามกับดาดฟ้าเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของร้านไม่ใช่เหรอ ก่อนะคิดได้ว่าเจดกับพี่เจ้าของร้านสนิทกัน



‘ไปทำอะไรเหรอ’



เราถามต่อ คิดว่าเจดไปเข้าห้องน้ำแล้วจะกลับมา ทำไมอยู่ๆ ไปโผล่ที่ดาดฟ้าได้อ่ะ



‘ดูพลุบนนี้ชัดกว่า’



เราร้องอ๋อในใจ ก็คงจริง อยู่ในนี้คงดูพลุไม่ได้ โต๊ะที่สวนหน้าร้านตอนนี้คนก็แออัดเกินไป



‘เจตามมาเร็ว’



‘ครับ’



เราไม่อิดออดลุกจากที่นั่งฝ่าฝูงชนไปที่บันได แต่ไม่ทันได้ก้าวขึ้นไปก็ถูกใครบางคนรั้งไว้



“เจได”



เราขมวดคิ้ว นึกอยู่สักพักว่าเป็นใคร จนเขาแนะนำตัว



“ผมไง ที่เจอกันคราวก่อน เป็นนักร้องวงประจำของร้าน”



“เอ๊ะ” เราเลิกคิ้ว เริ่มรู้สึกคุ้นหน้า ก่อนนึกได้จริงๆ ว่าเราเคยคุยกันเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน



“คนที่บอกว่า... เป็นแฟนคลับ" เราอ้อมแอ้ม จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเขินไม่หาย เขามองท่าทางเขินอายของเราแล้วหัวเราะ



“ครับ ดีใจจังที่เจไดจำได้”



เราได้แต่เงียบ ไม่แน่ใจว่าต้องพูดอะไร แต่เขาก็ยังยิ้ม สังเกตว่าใบหน้าใสแดงกว่าปกติ ตาก็ดูเยิ้มๆ ท่าทางจะดื่มมาเยอะ



“คนอื่นๆ ไปไหนเหรอครับ เพื่อนร่วมวงเจ... ผมเรียกเจสั้นๆ ได้ไหม”



เราพยักหน้า ก่อนย้อนไปตอบคำถามแรก “กลับบ้าน”



เลี่ยงที่จะบอกว่าเจดอยู่ดาดฟ้า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน



“แล้วเจกำลังจะกลับเหรอ”



เราพยักหน้าอีก ไม่อยากอธิบายยุ่งยาก เขาเลยเบ้ปาก ทำหน้าเสียดาย



“โธ่ นี่ปีใหม่นะ จะรีบกลับไปไหนครับ อยู่เคาท์ดาวน์ก่อนสิ” แล้วอยู่ๆ ก็กลับมาร่าเริงอีกครั้งพร้อมกับพุ่งเข้ามาโอบไหล่เรา “โต๊ะผมกับเพื่อนอยู่หน้าร้าน มุมดีมาก ไปนั่งด้วยกันนะ”



เราพยายามจะดิ้นหนี แต่เขาจับไว้แน่นมาก



“เถอะน่า ไปนั่งด้วยกัน วันนี้วงเจเล่นเปิดโคตรดี เพื่อนๆ ผมปลื้มกันมาก” ว่าพลางทำท่าจะพาเราเดินออกไป แต่เราขืนไว้ ขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ



“ไม่เอา” 



ไม่ชอบเลยที่มาแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ได้อนุญาต



“โธ่ เจ ไปเถอะนะ นะครับ ให้ผมเลี้ยงเหล้า แค่แก้วเดียวก็ยังดี” คราวนี้ถือวิสาสะจับมือเราไว้ ส่งสายตาอ้อน



“ปล่อย” เราไม่ยอม แถมชักจะหงุดหงิดที่บิดข้อมือออกจากมือที่บีบแน่นไม่ได้



“ถ้าไม่ปล่อยจะตี” เราตาขวาง แต่เขาดูไม่สะทกสะท้าน แถมยังหัวเราะไม่เลิก



“เจขู่ได้น่ารักจัง”



เราเลยฟาดแขนเขาให้รู้ว่าไม่ได้ขู่ ใบหน้ายิ้มแย้มเลยบูดเบี้ยว



“เฮ้ย! เล่นตัวอะไรนักหนา บอกให้ไปด้วยกันไง” คราวนี้เสียงออดอ้อนเปลี่ยนเป็นดุ คนเมามองเราขัดขืนแล้วเริ่มไม่พอใจ โวยวายเสียงดังพลางกระชากให้เราเดินตาม



“โอ๊ย!” ด้วยความที่ไม่ตั้งตัวเลยสู้แรงไม่ไหว เกือบเซล้มคะมำ ถ้าไม่มีคนมาจับไว้



“เจด...” ไม่ต้องมองหน้าเราจำกลิ่นเจดได้



“มึงเมาแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยนิ่ง เราเงยหน้ามองก็เห็นคิ้วเข้มขมวดแน่น



“อ้าว... ไหนเจบอกว่า...” เพราะเจดตัวใหญ่กว่าเยอะ คนที่ดึงดันมาตลอดเลยยอมปล่อยมือจากแขนเราง่ายๆ แล้วโบกมือแก้ตัวพัลวัน



“ผมไม่ได้ทำอะไรนะ เห็นเจท่าทางเหมือนเมา เลยจะพากลับไปที่โต๊ะ”



ใครกันแน่ที่เมา



เราเบ้ปาก ลูบแขนตัวเองป้อยๆ เป็นรอยเลยอ่ะ แฟนคลับอะไรจับเราแรงมาก น่าจะฟาดให้แรงกว่านี้



“เออ ขอบใจ แต่ไม่ต้อง คนของกูกูพากลับเองได้” เจดพูดเรียบๆ แต่รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจ ฝ่ามือหนาเอื้อมมือมากุมมือเราไว้แล้วเอ่ยไล่ “ไสหัวไป”



ขนาดเรายังตกใจ ไม่เคยได้ยินเสียงเจดนิ่งและต่ำเท่านี้ ไม่แปลกที่คนนั้นจะรีบยกมือไหว้แล้วรีบหนี แต่ยังไม่วายหันมามองเรา ท่าทางหงุดหงิด



เราก็โกรธเหมือนกัน ถ้าเจดไม่เข้ามาห้ามเราจะกัดแล้วจริงๆ คนแปลกหน้านิสัยไม่ดีอ่ะ



"เวรเอ๊ย ไม่น่าปล่อยไว้คนเดียวเลย" แต่ความหงุดหงิดก็หายไปเมื่อได้ยินเสียงอีกคนสบถพึมพำ ก่อนถอนหายใจแล้วหันมามองเรา



“เคาท์ดาวน์ไม่ทันแล้วอ่ะ”



เราเบิกตากว้าง ไม่ทันสังเกตว่ารอบตัวมีเสียงเฮดังลั่น มัวแต่ยื้อยุดกับคนนั้นเลยไม่ทันได้ฟังว่าเขานับถอยหลังกันไปเรียบร้อยแล้ว



“ขอโทษ” เราคอตก รู้สึกผิดขึ้นมา



ถ้าเจดไม่ลงมาตามเราก็คงได้ดุพลุสวยๆ คงไม่พลาดวินาทีสำคัญ



"ช่างเหอะ" แต่เจดกลับหัวเราะไม่ถือสา พลางลูบหัวเราเบาๆ



“ขอโทษเหมือนกัน ถ้าลงมาตามเจเร็วกว่านี้เจคงไม่เจอไอ้หมอนั่น”



อันนั้นไม่ใช่ความผิดเจดสักนิด



“ไหน ดูแขนหน่อย” ว่าพลางดึงแขนเราไป พอเห็นเป็นรอยนิ้วเจดก็ขมวดคิ้ว ท่าทางกลับมาหงุดหงิดอีก “น่าจะชกแม่งสักหมัด”



แปลกใจที่เจดโกรธให้เห็น ปกติเจดใจเย็นจะตาย



“เราฟาดไปแล้ว” ถึงจะไม่ใช่สถานการณ์แต่เราก็ยังหลุดยิ้ม มุมงุ่นง่านของหมีก็ยังน่ารัก



“อือ เห็นแล้ว” เจดยิ้มตาม เอ่ยขำๆ “น่าจะตีให้แขนหัก”



“เอาไว้คราวหลังนะ” เรารับปาก แต่เจดส่ายหน้า



“ไม่เอาดิ อย่ามีคราวหลัง” ทำสีหน้าดุเราพร้อมกำชับ “ต่อไปจะไม่ให้ใครมาจับตัวเจแล้ว แค่แตะก็ห้าม”



เรามองหน้าจริงจังของเจดแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม พยักหน้ารับ



ต่อไป จะไม่ให้มาแตะตัวง่ายๆ แล้วเหมือนกัน






 ☉ ------------------------------------------------------------ ☉

               



จับได้แล้วว่าทำไมเจดถึงหายไปตั้งนานสองนาน... และทำไมมาโผล่ที่ดาดฟ้า



"จำได้ป่ะที่เคยบอกว่าปีใหม่มีอะไรจะให้"



"จำได้"



“กะจะทำเซอร์ไพรซ์ แต่ไม่เซอร์ไพรซ์แล้วมั้ง” คนตัวโตพูดอ้อมแอ้ม เกาจมูกตัวเองพลางหันมายิ้มเก้อๆ



เซอร์ไพรซ์สิ เราไม่คิดว่าเจดจะทำให้



“เหมือนโพรงกระต่ายป่ะ” พยายามตลกกลบเกลื่อน แต่น่าเอ็นดูมากกว่า



เราอมยิ้ม ยอมพยักหน้าก็ได้ ถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะไม่เหมือนโพรงกระต่ายตรงไหน



ดาดฟ้าที่เคยโล่งกว้างมีเพิงเหล็กสี่ขาประดับประดาด้วยใบไม้และไฟวิบวับ ส่วนหลังคามีไม้เลื้อยระโยงระยางลงมาดูรกแต่ก็สวยมาก คนทำคงตั้งใจให้เหมือนโพรงกระต่ายอย่างที่ว่า



ตรงกลางมีโต๊ะเล็กๆ ที่ปูด้วยผ้าผูลายตาราง บนโต๊ะเต็มไปด้วยขนม กาน้ำชา แล้วก็แจกันดอกมะลิ



“อลิซอินวันเดอร์แลนด์เหรอ” เราหัวเราะเบาๆ เพราะรู้สึกว่าการจัดวางเหมือนโต๊ะน้ำชาในนิทานที่เคยอ่าน



“อือ” เจดยิ้มเขินๆ ก่อนจับไหล่สองข้างเราแล้วดันไปข้างหน้า “เข้าไปดูใกล้ๆ ดิ”



พอขยับมายืนข้างโต๊ะตามที่เจดบอกก็เห็นว่านอกจากเซตน้ำชายามบ่ายที่ไม่เห็นจะเข้ากับการฉลองปีใหม่ตรงไหนยังมีสมาชิกตัวเล็กๆ ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งต่างๆ กระจัดกระจาย ข้างถ้วยบ้าง บนฝากาน้ำชา บนขนมเค้ก และข้างแจกันที่เต็มไปด้วยดอกมะลิ



กระต่ายตัวเล็กๆ รวมตัวกันเพื่อฉลองปีใหม่



“ทำอะไรไม่เข้ากับหน้าเลยว่ะ” เราเงยหน้าขึ้นมองเจดที่บ่นพึมพำ ยังดูเขินกับสิ่งที่ทำ



แต่ไม่ทันแล้วล่ะ



“น่ารักมาก” เราบอกอย่างจริงใจ



คนน่ารักเลยยิ่งเขินใหญ่ หัวเราะเก้อๆ เสมองไปยังท้องฟ้าที่ตอนนี้กลับมาสงบมีแต่แสงจากดวงจันทร์อีกครั้ง



“เสียดายมาไม่ทันพลุ”



เราพยักหน้าเห็นด้วย มองพลุจากตรงนี้คงสวยอย่างที่เจดว่า แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็น่ารักมาก



เราเดินมองรอบๆ ยิ้มไม่หุบ ก้มลงมองกระต่ายแต่ละตัวที่เหมือนจะมองตอบด้วยสีหน้าใสซื่อน่ารัก ก่อนจะเลิกคิ้วเอะใจถึงจำนวนกระต่าย



“มีแค่สี่ตัวเหรอ”



ถ้ารวมกับที่เรามีก็เป็นเก้า... ยังขาดอีกหนึ่งตัว



เจดหัวเราะเบาๆ ขยับเข้ามายืนข้างเราแล้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไร



กริ๊งงง



แต่ไม่ทันได้พูด เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังจนคนรอฟังอย่างเราสะดุ้งโหยง เจดชะงัก ก่อนขมวดคิ้วท่าทางหงุดหงิดนิดๆ ที่มีเรื่องขัดจังหวะ



"โทษที ลืมปิดเสียง" เจดหยิบมือถือขึ้นมา ทำท่าจะปิดเสียง แต่พอมองหน้าจอก็เลิกคิ้วประหลาดใจ “แป๊บนะ ไอ้เตโทรมา”



เราไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้เจดรับสาย แล้วก้มหน้าเล่นกับกระต่าย



“มึงโทรมาถูกจังหวะมากครับคุณเต” ลอบยิ้มเมื่อได้ยินเจดทำเสียงเอือมใส่โดยไม่มีคำทักทาย ก่อนจะเงียบไปจนผิดปกติ เราเงยหน้าขึ้นท่ามกลางเสียงจอแจของคนที่กำลังฉลองปีใหม่ เราได้ยินแต่เสียงปลายสายแว่วออกมา



เป็นเสียงความวุ่นวาย



เสียงหวอ...



"ครับ... ครับ เดี๋ยวจะไปเดี๋ยวนี้ครับ" น้ำเสียงของเจดเปลี่ยนไป ทุกสีหน้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนอยู่ในสายตาเรา



ตั้งแต่สีหน้าหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ สีหน้าตกใจ และสีหน้าเคร่งเครียด ไม่สู้ดีอย่างน่าใจหาย



“มีอะไรเหรอ” ทั้งที่เอาโทรศัพท์ออกจากหูแล้วแต่เจดก็ไม่พูดอะไร จนเราต้องเป็นฝ่ายถามคนที่ยืนนิ่งเหมือนสติหลุดลอยจึงหันกลับมาสบตาเราอีกครั้ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแผ่วเบา



“โรงพยาบาลโทรมา”



“...”



“ไอ้เตรถคว่ำ อาการโคม่า”

 






☉ -----------------------------Side Story 10------------------------------- ☉

 



คืนนั้น



เราจะตื่นเช้าได้ยังไง ถ้าผ่านมาค่อนคืนแล้วก็ยังนอนไม่หลับอ่ะ

               

อีกคนก็คงอยู่ในสภาวะเดียวกัน เจดกอดเราแน่นแล้วคลายหลายๆ ครั้ง สูดหายใจลึกแล้วถอนหายใจหนักๆ หลายรอบจนเราต้องเงยหน้าขึ้นมอง

               

“นอนไม่หลับเหรอ”

               

“อือ”

               

เราไม่กล้าถามว่าเพราะอะไร ในเมื่อที่เรานอนไม่หลับก็เพราะความรู้สึกตอนเจดสัมผัสยังตกค้าง ภาพที่เจดกลืน ‘สิ่งนั้น’ ลงไปยังติดอยู่ในหัวซ้ำๆ



เข้าใจแล้วว่าเจดรู้สึกยังไงตอนที่เราทำแบบนั้น



มันน่าอาย น่าอายมากๆ ต่อไปนี้เราจะไม่เขินตอนมองหน้าเจดได้ยังไงอ่ะ ฮือ



“หลับไม่ได้ เจน่ารักเกินไปอ่ะ” อยู่ๆ เจดก็โพล่งออกมา แถมยังจ้องหน้าเราจริงจัง “ยิ่งล่อนจ้อนก็ยิ่งน่ารัก”



“หยุดพูดนะ” เราเบ้ปาก หน้าร้อนจี๋และคงแดงจัด



เจดยิ้มขำ แกล้งเอาหัวมาอิงหัวเราแล้วกระซิบถาม “โกนหนวดดีไหม”



“ทำไม”



“เวลาเล่นกับกระต่ายล่อนจ้อนจะได้ไม่จั๊กจี้ไง” เราขมวดคิ้ว แกล้งโขกหัวทำโทษคนทะลึ่งไปหนึ่งที



เงียบไปเลยนะหมี!



“โอ๊ย!” เจดแกล้งร้องเสียงดังทั้งที่ไม่เจ็บสักนิด เรายิ่งหมั่นไส้เลยแกล้งงับไหปลาร้าที่อยู่ตรงหน้า งับๆๆ อยู่หลายทีจนหมีที่ส่งเสียงโวยวายเงียบลงผิดปกติเลยเงยหน้าดูว่าเราเผลอกัดแรงไปจนเจดโกรธหรือเปล่า



แต่กลับเห็นตาคมมองด้วยสายตาแวววาวไม่น่าไว้ใจ



“เจ ถ้าไม่อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวผีร้ายอาละวาดอีกนะ”



เราหดคอลงผ้าห่มจนเหลือแค่ครึ่งหน้าโผล่ออกมา



โอเค เรายอมแพ้ นอนเฉยๆ แล้วก็ได้ครับ






☉ ------------------------------100%------------------------------ ☉

เป็นตอนที่เขียนนานมากกกก แต่รีไรท์นานกว่า แงงงง

ยังแปลกๆ อยู่หรือเปล่าคะ ถ้าแปลกทักท้วงได้นะ จะรีบแก้ให้ค่ะ ;-;

จริงๆ เราคิดดราม่าเรื่องนี้ไว้หลายอย่าง แต่ด้วยคาร์แร็กเตอร์ทั้งสองคนเลยล้มเลิกหมด

เหลือดราม่านี้ที่ตัดออกไม่ได้  และคิดว่าเข้ากับคาแร็กเตอร์ตัวละครด้วยค่ะ (เรียกว่าดราม่าได้มั้ยเนี่ย กรุบกริบมาก)

เป็นส่วนที่เชื่อมกับเรื่อง #เกมท้ารัก เรียกว่าสปอยล์เรื่องนั้นเลยล่ะ 5555

ด้วยความที่เจดเป็นคนแคร์คนรอบข้างมากๆ เราเลยให้ปมมันวิ่งไปที่คนอื่นแทนที่จะพุ่งมาที่ตัวตรงๆ

อุบัติเหตุของพี่เตคราวนี้เลยกระทบความรู้สึกป๊า และกระทบไปถึงเจไดด้วย

แต่ไม่หนักหนาสาหัสอะไรเนอะ เดี๋ยวก็จบแล้วค่ะ



ฝาก #หมีแต่รัก เช่นเคยน้า

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ



- Martian -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2018 05:54:34 โดย makok_num »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เหมือนจะมีอะไรตามมาต่อจากนี้  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
แงงงงง กำลังหวานกันแท้ๆ มีเรื่องแล้ววว

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เจไดน่ารักมากกกกกกกกกกกกกก มากกกกกกกกกก อยากจะบีบๆๆๆ
ฮือ นึกถึงตอนพี่เตบอกจะไปเมกา แต่จริงๆคือไป... นี่เศร้ามาก ฮือ อ่านในมุมมองของเจดอีกรอบก็น่าจะร้องไห้อีก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด