บทที่หนึ่งในความทรงจำ:Primeira Neve de Nós (26/12/2010)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่หนึ่งในความทรงจำ:Primeira Neve de Nós (26/12/2010)  (อ่าน 172028 ครั้ง)

Mercy

  • บุคคลทั่วไป
อย่าพึ่งคิดมากนะทั้งคู่ กอบโกย เก็บเกี่ยว วันคืนดีๆ เอาไว้ก่อน
แค่ระยะทางไม่ทำให้ความรักมันจบลงหรอก อยู่ที่เราทั้งคู่ว่าจะประคับประคองมันให้ผ่านพ้นไปได้แค่ไหน

อินมากกกกก


สู้ๆๆๆๆ ทั้งคู่ และคุณนุ่นด้วยค่ะ

ออฟไลน์ aeyja55

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
จะจบแล้วเหรอ ไม่อยากให้จบเลย แล้วจะเศร้ามั๊ยเนี่ย ขนาดแคร่ตอนนี้ยังเริ่มรู้สึกกลัวการจากกันเลยอ่ะ

Rockstar

  • บุคคลทั่วไป
น่าร้ากกกแบบไร้คำบรรยายอ่ะ
หวานๆซึ้งๆ อนาคตอย่าเพิ่งไปสนมัน
เอาตอนนี้ให้มีความสุขก่อน โฮะๆๆๆ

ออฟไลน์ jaaeyboy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ไม่ได้อ่านตั้งหลายตอน เลยได้อ่านทีรวดเลย

ใกล้จะจบแล้วเหรอเนี่ย  แอบเสียดายถ้าไม่มีตอนพิเศษมาอีก

รอเรื่องยาวๆเรื่องหน้าน่ะค่ะ หวังว่าคงมี อิอิ

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
จะ จะ จบ แล้วหรอ T^T~~!!~  ผัดไทน้ำตาจะไหล (ล่วงหน้า)

ออฟไลน์ mimilove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
จะจบแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
รู้สึกผูกพันกับเรื่องนี้มากเลย เข้าใจความรู้สึกของอิสทั้งหมดนะ
เรามันพวกเดียวกัน (เด็กไทยในต่างประเทศ T_T)

เอาเพลงนี้ไปฟังเลยค่ะ !
คิดว่ามันเข้ากับตอนนี้และตอนหน้าดีนะ
http://www.youtube.com/watch?v=noR1EWl5_ko

hacen falta dos pa’ amar solamente soy yo
duele mucho pero vuela mi amor
lejos, lejos, muy lejos.
pero nadie te a amar como yo.

(ท่อนนี้เค้าบอกประมาณว่า)
รักต้องมีสองคนไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว
เจ็บปวดมากแต่คุณก็ต้องจากไป ที่รักของฉัน
ห่างไกล ห่างไกล ห่างไกลกันเหลือเกิน
แต่จะไม่มีใครรักเธอเหมือนฉัน

ชอบมากกกกค่ะ เพราะมากกก
ขอโทษนะคะ มีแต่เพลงสเปนง่ะ
หนูไม่รู้จักเพลงของบราซิลเลย แง่งงงงง

ปล.หนูอ่านเรื่องตัวป่วนกับพี่ฟ้า มาเกือบสิบรอบแล้ว ฮิฮิฮิ ><
หวานมากมาย ชอบมากเลย
ปล. ขอตอนพิเศษแบบเพ้อฝันได้ไหมคะ ?
ตามใจคนอ่านหน่อยนะ ฮือออออออออออ
หนูอยากได้ตอนที่แบบเอดูไปหาอิสที่ไทยง้ะ
ไม่งั้นก้เจอกันโดยบังเอิญที่ต่างประเทศไหนสักที

ปลล. สุดท้ายนี้ กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด พี่นุ่นน
รักษาสุขภาพด้วยนะฮะ ได้ข่าวว่าไทยฝนตก (จริงป่าว ? ฮ่าฮ่า)

V_we

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักอ่ะ
แต่มันแบบว่าปนๆ กันอยู่อ่ะคุณนุ่น
พอนึกว่าต้องจากมันก็รู้สึกเหวงๆ
เลยกลายเป็นหวานอมเศร้าไปซะงั้น
แต่ยังไงก็ขอให้ทั้งสองใช้เวลาให้คุ้มค่า
มีความสุขทุกวินาทีเพื่อจะได้เก็บสิ่งดีๆ เหล่านี้ไว้ให้คิดถึงยามต้องห่างกัน

pandaๅ123

  • บุคคลทั่วไป
5555 อ่านแล้วนึกภาพตาม แอบสงสารอิส โดนยักษ์เอดูจับโยนแก้ง่วง
'Eu quero um beijo de sabor a limão'
เปรี้ยวไหมล่ะ มะนาวเอดู กร๊ากกกก (เขินซะ :o8:)
ตอนนี้น่ารักแบบ หงอย ๆ หงิงๆ~~

ออฟไลน์ i1_to*pp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +683/-5

เอดูน่ารักที่สุด  :man1:
น่ารักหวานมากแต่แอบเศร้า เหงาอะพี่นุ่น
ตอนนี้ทั้งคู่คงต้องใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่า
ตอนหน้าจบแล้วไม่เศร้าแน่นะคะพี่นุ่น  :กอด1:
+1พี่นุ่นขอตอนพิเศษด้วยนะคะ 

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
รอตอนจบ แง ๆๆ จะจบแล้วอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ acorntan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +566/-34
รอ ร๊อ รอ รอ... ไม่เร่งพี่นุ่นนะ  ไม่เร่งจริง ๆ

ออฟไลน์ Cha Ris Ma

  • สาระไม่ค่อยมี...หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +670/-0
 :o8:
จูบรสมะนาว

น้องอิสพัฒนา
เนียนตลอด

pandaๅ123

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาวิ่งปาดหน้าเจ้าของเรื่อง หึหึ

แล้วก็นั่งฟังเพลงรอ ร๊อ รอ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
แหงะ ตอนอวสาน ยาวเกินโพส เดี๋ยวขอตัดแบ่งเป็นสองโพสนะคะ
ฮึบๆๆๆๆๆๆๆๆ  :กอด1:
..........................................

บทที่หนึ่งในความทรงจำ
: 10000 milhas = 16 mil quilômetros

“Hah…Como posso acreditar que você pode viver sozinho….”

“……Eu nunca vou viver sozinho.”

…………………………………………………..

“Nossaaaa!!”

“อ๊อยยยยย ซื้ดดดดด.....”

“Nossa Iss, o que você está fazendo?”


ง่า.....ถามมาได้ว่าทำอะไร ก็เห็นอยู่ว่าทำน้ำร้อนลวกตัวเอง แล้วดูมันสิครับ สบถเสียงดังคับบ้าน
อย่ามาทำหน้าตาตื่นอย่างนั้นนะเว้ย น้ำมันไม่ได้แบบกำลังเดือดซะหน่อย โดนหลังมือนิดเดียวเองด้วย

“เจ็บมั้ย?”

“อืม แต่แค่นิดหน่อย”
ว่าแล้วผมก็เดินลากไอ้คนเป็นห่วงแต่ช่างเลือกวิธีปฐมพยาบาลมาได้น่ามอบมะเหงก ด้วยการดึงมือที่เริ่มแดงจัดของผมไปจ่อตรงปากมันแล้วเป่าซ้ำๆเหมือนกับจะไล่ความร้อน ให้ก้าวตามไปทางอ่างล้างจาน เปิดน้ำเย็นราดรดลงบนหลังมือโดยที่ไม่ได้ขอให้ไอ้คนจับมือไปกุมมันปล่อยก่อนแต่อย่างใด

แหะๆ คือสองสามเดือนหลังมานี่ ก็ตั้งแต่เรากอดกันวันไปกินไอศกรีมรสมะนาวนั่นแหละครับ ผมกับมันเห็นหน้ากัน อยู่ในระยะสายตากันและกันทีไร เราก็ต้องหาเรื่องให้มีส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายแตะกันไว้ตลอด

อย่างเวลาผมมาทำตัวเป็นเห็บขอกินข้าวฝีมือแม่ของเอดูมัน เราก็จะนั่งข้างกัน แล้วเอาหัวเข่า ไม่ก็ขาทั้งท่อนแตะแนบกันเอาไว้ ถ้าผมหอบหนังสือข้อสอบตัวอย่างเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกมาลองทำที่บ้านมัน แทนที่เราคนใดคนหนึ่งจะนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ แล้วอีกคนนั่งพิงเตียงอย่างเคยๆ เราก็เลือกจะนั่งบนพื้นกันคนละฟากของเตียง แล้วคนหนึ่งก็ส่งปลายเท้าไปวางแหมะไว้กับตักของอีกคน....

อันนี้ขึ้นกับว่าใครชิงความได้เปรียบสำเร็จ แต่ผมมักจะเป็นฝ่ายอุทิศตักครับ ไม่อยากจะตอกย้ำตัวเอง แต่เอดูมันได้เปรียบเพราะช่วงขายาวกว่า....
ไหนใครว่าอะไรเตี้ยๆนะครับ ฮะ? เตี้ยอะไรที่ไหน ไม่มี้!!


ผมปล่อยให้น้ำเย็นๆไหลผ่านหลังมือที่แสบร้อนสักพักจนรู้สึกดีขึ้น ก่อนจะปิดน้ำแล้วยื่นมือที่ยังมีอีกคนจับประคองอยู่ที่ข้อมือไม่ยอมปล่อยซับกับเสื้อเจ้าตัวลูกอีช่างจับมันหน้าตาเฉย พยายามกลั้นยิ้มไว้สุดความสามารถ ก็อยากจับไม่ปล่อยเองนี่นะ สมน้ำหน้ามัน ฮ่าๆๆๆๆ

แต่อย่าได้หวังครับว่าอย่างนายเอดูวาร์โด้จะสะเทือน แทนที่จะโกรธกับการกลั่นแกล้งของผม ไอ้บ้านี่กลับส่งเสียงหัวเราะเบาๆแล้วยกมือข้างนั้นแหละขึ้นไปแตะเข้าที่กึ่งจมูกกึ่งปาก ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกตอบโต้เป็นคำพูดไม่ได้ นอกจากขยับตัวเองเข้าไปใกล้ๆแล้วซบหน้าลงกับอกคนพูดแบบหมดอารมณ์จะแกล้งมันได้ทันที

“Aah…Como posso acreditar que você pode viver sozinho….” โคโม ปอสโส อะเครดิตา คิ โว้เส ปอเด วิเวร์ ซอซิงโหง่
.....เฮ้อ....จะให้เราเชื่อได้ยังไงเนี่ย ว่าอิสจะอยู่คนเดียวได้

ผมซบหน้าอยู่กับอกอุ่นๆที่ชื้นไปด้วยน้ำจากมือของผมเอง ลอบสูดกลิ่นประจำตัวยี่ห้อเอดูวาร์โด้เข้าไปเต็มปอด
จะให้ตอบได้ยังไง ว่าผมอยู่คนเดียวได้ อยู่ได้แน่ๆ....
มันก็แค่ ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ต่อไปแบบไหน รอยยิ้มของผมจะเปลี่ยนไปรึเปล่า.....ผมไม่รู้เลย




การสอบปลายภาคที่โรงเรียนผ่านไปแล้ว และอาจารย์ทั้งหลายก็เมตตากรอกคะแนนลงช่องให้ผมได้โล่งอกโล่งใจว่าจะได้กลับไปพร้อมกับสิทธิ์การสอบปลายภาคพร้อมเพื่อนๆที่โรงเรียนที่กรุงเทพบ้านเราแน่นอน คราวนี้ก็อยู่ที่เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนสอบแล้วล่ะครับ ว่าผมจะบรรจุความรู้ระดับชั้นม.๖ ที่ไม่ได้เข้าห้องเรียนเลยสักนิดเข้าเนื้อสมองได้เข้มข้นแค่ไหน

อย่าได้คิดเชียวครับว่าผมจะฉลาดล้ำลึก จินตนาการบรรเจิดยิ่งกว่าคุณไอน์สไตน์จนพอจะทำข้อสอบวิชาภาษาโปรตุกีสได้ ก็แค่ ข้อสอบมีสามข้อ แล้วผมก็เขียนตอบไปข้อครึ่งเท่านั้นเอง เข้าใจว่าอาจารย์ท่านให้คะแนนค่าความพยายาม เพราะไม่มีการเนียนตอบเป็นภาษาอังกฤษหลุดไปแม้แต่นิดเดียว

ส่วนไอ้คนที่เดินอยู่ข้างๆตอนนี้น่ะหรือครับ มันได้รับจดหมายตอบกลับจาก UNICAMP มหาวิทยาลัยคัมปินัสเรียบร้อยว่าผ่านการคัดเลือกรอบแรกแล้ว และกำหนดสอบรอบสองก็เป็นสาเหตุให้ทั้งผมทั้งมันหาเรื่องออกจากบ้าน แล้วพากันซ้อนจักรยานออกมานอกเมืองแบบนี้


อย่าครับ!! มันไม่ใช่แบบที่คุณคิดหรอก ที่ว่ากำหนดเดินทางไปขึ้นเครื่องกลับบ้านของผมจะตรงกับวันสอบของมันพอดี แล้วเราสองคนจะมีฉากอำลานองน้ำตาแบบเดียวกับละครหลังข่าว

แบบที่ว่าเอดูมันนั่งทำข้อสอบไปคิดถึงผมไป ส่วนผมก็ชะเง้อชะแง้อยู่ที่ช่องทางสำหรับผู้โดยสารขาออก รอว่าเมื่อไหร่จะมีเสียงฝีเท้าวิ่งตรงมาหา พร้อมกับเสียงเรียกชื่อ
‘อิส.......อิสสสสสส!!’

พอหันกลับไปมองก็พอดีกับร่างสูงใหญ่วิ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า เอื้อมแขนสองข้างมารวบเอวผมไว้แล้วยกขึ้นหมุนๆ ก่อนจะลดตัวผมลงให้ยืนกับพื้นส่งสายตาหวานซึ้งตรึงจิต แล้วเราสองคนก็มอบจุมพิตดูดดื่มให้กันต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน และผู้โดยสารอีกกว่าพันชีวิตกลางสนามบินนานาชาติเซา เปาโล เปลี่ยนให้บรรยากาศรีบเร่งรอบด้านกลายเป็นภาพสโลว์ขุ่นมัว และรับรู้ถึงการมีอยู่แค่เพียงกันและกัน.....

อา.......นั่นคือจินตนาการครับ แต่มันแย่ตรงที่ ความเป็นจริง ต่างจากจินตนาการนิดเดียว

กำหนดเดินทางกลับของผมคือ 21 มกราคม 2001 ส่วนวันสอบของนายเอดูวาร์โด้วันแรกคือวันที่ 22 มกราคม 2001ครับ
ความเป็นจริง.....โหดร้ายกว่าภาพในจินตนาการเสียอีก


“จะไปส่ง.....”

“ไม่ต้อง.....”

“ทำไม? ไม่อยากให้ไปส่งหรือไง?”

“อย่าพูดอย่างนั้น......อย่าพูด”

อย่าพูดด้วยอารมณ์แบบนั้นสิเอดู อย่าทำร้ายกันทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ ผมกระชับฝ่ามือข้างที่สอดประสานกันอยู่ของเราสองคนให้แน่นขึ้นอีก

“......ขอโทษ อิส....เราขอโทษ”
เอดูมันหยุดเดินแล้วรั้งตัวผมเข้าไปกอดไว้แน่นด้วยแขนข้างที่ว่าง โดยไม่ยอมปล่อยมือข้างที่ต่างคนต่างจับกันไว้

ผมรู้ที่มันถามออกมาสุ้มเสียงน้อยใจแบบนั้นก็แค่เสี้ยวอารมณ์พาไป
จะให้โกรธมันได้ยังไง ในเมื่อเวลานี้ตัวเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน......ผมอยากหยุดเวลา



เราสองคนเดินไปเรื่อยๆ ถึงจะเข้าหน้าร้อน แต่พอมาเดินบนถนนลูกรังเวลาแดดร่มลมตกที่มองไปทางไหนก็มีแต่เนินเขาสูงๆต่ำๆปกคลุมไปด้วยไร่ข้าวโพด สลับกับไร่อ้อย ภายใต้ท้องฟ้าสีฟ้าสดและขอบฟ้าสีเหลืองส้มแบบนี้แล้ว ผมก็ไม่รู้สึกร้อนเลยสักนิด
ไม่ได้อุปาทานหรอกนะว่ายิ่งเวลาผ่านไป เราทั้งสองคนยิ่งพยายามก้าวเท้าให้ช้าลง
แต่ถึงอย่างนั้น....ระยะทางที่เหลืออยู่มันก็น้อยลงทุกที

“เอดู....พักก่อนได้มั้ย?”
ผมกระซิบถามออกไปเบาๆ กลัวว่าถ้าเปล่งเสียงออกมาดังเกินไป จะทำลายภาพที่เห็นและสัมผัสอยู่ตอนนี้ให้พังครืนลงไม่มีชิ้นดี

เอดูมันก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา แต่มันดึงผมให้ก้าวตามไปที่โคนไม้ขนาดสูงกว่าเราสองคนไม่มากนักที่ขึ้นยืนต้นโดดเดี่ยวอยู่ริมทาง ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงพิงโคนต้นไม้แล้วให้ผมนั่งซ้อนลงบนตัก

“เหนื่อยเหรอ?”

“....อืม”
ผมพยักหน้าพร้อมกับทิ้งน้ำหนักลงพิงมันไว้ทั้งตัว แล้วกดแขนทั้งสองข้างของมันที่พาดวางอยู่รอบเอวให้แนบกระชับยิ่งขึ้น ยอมรับไปว่าเหนื่อย น่าจะง่ายกว่าบอกออกไปตรงๆว่าผมยังไม่พร้อมจะก้าวไปถึงสุดปลายทางที่เห็นอยู่ลิบๆนั่น

เรานั่งกันเงียบๆอยู่ในท่านั้น เดี๋ยวมันก็แตะปากแตะจมูกลงมาที่ซอกคอบ้าง ที่ขมับบ้าง นานๆทีผมก็จับมือมันมาแตะปากลงไปบ้าง จนแสงท้องฟ้าทางทิศตะวันตกเริ่มจะเป็นสีส้มจัดขึ้นทุกที

“อิส.....ปล่อยมือนิดสิ”
ผมหันไปมองหน้าเลิกคิ้วถามมันว่าจะเอามือคืนไปทำอะไร แต่ก็ยอมปล่อยโดยดี
แย่จังครับ.....พอไม่มีแขนหนาๆนั่นกอดอยู่ตรงที่ๆเคยแล้วมันรู้สึกโล่งๆโหวงๆยังไงไม่รู้ ร่ำๆอยากจะเผด็จการฉวยมือมันมาวางไว้ที่เดิมเสียเดี๋ยวนั้นเลย

“ใช่จริงๆด้วย หึๆๆ”
ผมเห็นมันหยิบอะไรสักอย่างสีดำๆขึ้นจากพื้นข้างๆที่เรานั่งกันอยู่ แล้วก็มองหน้าผม ทำสีหน้าเหมือนกับพึงพอใจกับอะไรสักอย่างมากๆ

“อะไรน่ะ?”

“Amora”


“อะมอร่า?”

ที่เอดูมันแบมือยื่นให้ผมดูคืออะไรสักอย่างที่แห้งๆสีดำคล้ำ ลักษณะเหมือนพวงองุ่นแต่เล็กกว่ามาก ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือเท่านั้นเองครับ น่าจะเป็นผลไม้ประเภทเบอร์รี่ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเบอร์รี่ชนิดไหน

“ลุกขึ้นยืนก่อน มีร่วงมาแห้งแบบนี้ แปลว่ากำลังสุกแน่เลย”
มันว่าอย่างนั้น แล้วก็ดันทั้งตัวเองทั้งผมให้ลุกขึ้นมายืนงงๆมองมันให้ความสนใจกับต้นไม้สูงไม่เกินสองเมตรที่เพิ่งจะใช้เป็นที่พิงหลังเมื่อกี้ แต่ผมไม่งงนานหรอกครับ เห็นมันทำหน้าตาอารมณ์ดีปลิดลูกที่มันเรียกว่าอะมอร่านั่นแล้ว ผมก็เลือกๆกิ่งที่อยู่ต่ำๆมองหาเป้าหมายแล้วปลิดมาบ้าง

ยังไม่ทันที่ผมจะเก็บอะมอร่าได้เต็มกำมือ ไอ้คนชวนมันก็ทรุดตัวนั่งลงที่เดิม แล้วบุ้ยปากให้ผมเข้าประจำที่
ผมก็เป็นผู้ตามที่ดีครับ นั่งลงบนตักมัน แต่คราวนี้นั่งหันข้าง จะได้มองด้วยว่ามันเก็บลูกสีม่วงเข้มจนเกือบดำพวกนี้มาทำไม

“อ้าปากสิ”
โอเคครับ ให้อ้าก็อ้า หวังว่าคงไม่วางยาให้เป็นเจ้าชายนิทราแล้วพาไปซ่อนใต้เตียงนะเว้ย
แค่ผมอ้าปากตามคำสั่ง เอดูมันก็จัดการหย่อนอะมอร่าหนึ่งลูกใส่ปากผม

“อร่อยมั้ย?”
ผมเริ่มเคี้ยว อา......หวานๆอมเปรี้ยว แถมยังมีกลิ่นหอมสดชื่นเสียด้วยสิครับ ผมพยักหน้าแล้วกลืนเจ้าอะมอร่านั่นลงคอ
พอจะหย่อนที่อยู่ในมือตัวเองลงปากตามไปไอ้คนชวนกินมันก็รั้งมือเอาไว้แล้วทำท่าลูกนกน้อยอ้าปากรอแม่มาป้อนอาหารบ้าง ผมก็เลยหย่อนอะมอร่าในมือลงปากมันไปตามคำขอ

มันเคี้ยวๆกลืนแล้วดึงผมเข้าไปจูบไม่ทันได้ตั้งตัวหนึ่งครั้งหนักๆ คาดว่าปากคงเจ่อแน่นอน
มือที่ยังมีลูกไม้สีม่วงเข้มอยู่ก็เผลอกำแน่นจนน้ำหวานสีม่วงไหลเยิ้มเต็มฝ่ามือและง่ามนิ้วไปหมด พอมันปล่อยให้ผมมีช่องว่างพูดได้ก็ส่งเสียงโวยวายทันทีครับ

“ไอ้บ้า!! เลอะหมดเลยดูซิ”
อ๋า.....อายครับ.....บ้าเอ๊ย อุทิศเสื้อให้เช็ดก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องเลียเลย
ผมอายครับ ถึงจะแน่ใจได้ว่าไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่ใกล้ๆมารู้เห็นแน่ๆ แต่ผมอายตัวเอง แถมยังอายไอ้คนหน้าไม่อายที่เลียกินน้ำหวานจากมือผมไปส่งสายตาวาววับให้ไปด้วยคนนี้มาก
เลยตัดสินใจซุกหน้าเข้าซอกคอมันซะ กะว่ามันไม่เห็นหน้าผม ผมไม่เห็นหน้ามัน จะได้ไม่ต้องอายนาน แหะๆๆ

สักพักจากที่รู้สึกถึงการขยับของลิ้นชื้นๆ ผมก็รู้สึกว่ามือข้างนั้นถูกประทับจูบลงกลางฝ่ามือก่อนที่จะได้ยินไอ้พนักพิงมันส่งเสียงนุ่มๆตั้งคำถามมา

“อิส.....รู้รึเปล่า อะมอร่า นอกจากแปลว่าผลที่เราสองคนเพิ่งป้อนให้กันเมื่อกี้ มันหมายถึงอะไร?”

“หึ....ไม่รู้” ไม่รู้อะไรเล่า.....เพราะตัวรู้มันผุดขึ้นมากลางความคิดน่ะสิ ถึงยิ่งอายจนไม่กล้าเงยหน้าขนาดนี้

“งั้นเอาใหม่ amor....อะมอร์ แปลว่าอะไรครับ?”

“ความรัก.....” กลั้นใจตอบมันไป แต่อย่าหวังว่าผมจะเงยหน้าจากซอกคอที่ลี้ภัยเชียวครับ ไม่มีทางหรอก

“เราตั้งใจป้อนให้อิส แล้วอิสล่ะ ที่ทำไปเมื่อกี้ เสียใจรึเปล่า?”

ผมแอบๆหรี่ตามองหน้ามัน ก็ดันเห็นมันกำลังจับตามองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว เล่นเอาหันหน้าหนีเข้าที่ลี้ภัยแทบไม่ทัน

“ว่าไง......ที่ป้อนอะมอร่าให้เราเมื่อกี้ เสียใจมั้ย?”
ไอ้บ้านี่มันเจ้าเล่ห์ จงใจเน้นคำนั้นซะชัดเชียว อาย อายสุดจิตสุดใจ
แต่ๆๆๆ ถึงอายยังไงผมก็ไม่ปฏิเสธหัวใจตัวเองหรอกครับ....ไม่มีทาง
“ว่างายยยยยยยยยย?”

“ไม่เสียใจ....ที่จริง....เต็มใจแล้วก็ดีใจมาก........”

“ชื่นใจ......”

มันพูดแค่นั้นแล้วก็ยันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนเราสองคนจะจับมือกัน แล้วเริ่มออกเดินไปตามทางที่ทอดไปข้างหน้าอีกครั้ง


.
.
.
(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2010 18:41:55 โดย anajulia »

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
(อ่านต่อเลยนะคะ)

.
.
.

สัปดาห์สุดท้ายที่ผมจะอยู่ที่ซาน โฮเซ่ มาถึงโดยที่ทั้งผมและทุกคนที่สนิทเตรียมพร้อมรอรับเป็นอย่างดี ผมเริ่มเก็บข้าวของลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
เหลือแค่หนังสือสองสามเล่มกับเสื้อผ้าอีกไม่กี่ชุดไว้ในตู้ที่ยึดเป็นของส่วนตัวมาตลอดเวลาเกือบหนึ่งปี

บอกลาเพื่อนในชั้นเรียนไปตั้งแต่สอบวันสุดท้าย เพราะต่างคนก็ต่างวุ่นวายทั้งเรื่องเรียนต่อ บ้างก็หางานทำ
แวะเข้าโรงเรียนไปกอดลาอาจารย์ที่เห็นหน้ากันมาจนบางท่านเป็นมากกว่าคนรู้จัก รับเอกสารแสดงผลการเรียนที่โรงเรียนออกให้เป็นภาษาอังกฤษตามคำขอ

ปาร์ตี้สุดท้ายเป็นปาร์ตี้ภายในครอบครัวที่มะเม้ยลงมือทำเค้กเองโดยมีผมและวิเวียนเป็นลูกมือช่วยทำให้วุ่นวาย
แต่ก็ได้เค้กก้อนใหญ่เท่าบ้านที่อร่อยไม่แพ้ซื้อตามร้านเบเกอรี่ชื่อดัง

วิเวียนจัดการลบสีทาเล็บที่ไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่เล็บเดียวที่แกล้งใช้ทั้งมือทั้งเท้าผมเป็นที่ลองสีออกเรียบร้อย แล้วเข้ามากอดแน่นๆ ขอโทษที่เคยแกล้งต่างๆนานา
ผมกอดตอบ แล้วก็บอกน้องว่า งั้นที่พี่เคยแกล้งมาก็ถือว่าเราหายกัน ฮ่าๆๆๆ

ผมกอดปะไป๊กับมะเม้ยแน่นที่สุดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วปล่อยให้ทั้งสองท่านจูบแก้มซ้ายขวา พร้อมทั้งขอสัญญาให้คิดถึงกันบ้าง
ผละออกมารับปากหนักแน่น พร้อมแซวปะไป๊ที่ทำตาแดงๆไปหนึ่งดอก ก่อนจะปล่อยน้ำตาตัวเองไหลออกมาหนึ่งหยดถ้วน


“ไป๊ เม้ย..... อิสขอไปค้างกับเอดูนะครับ”

“ไม่อนุญาตได้ไง มารออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

โดนมะเม้ยแซวดอกสุดท้ายจนได้สิผม ว่าแล้วก็เนียนๆโถมตัวกอดมะเม้ยแน่นๆอีกครั้ง ได้ยินเสียงหัวเราะจากสามคนพ่อแม่ลูก
ผมวิ่งปรู๊ดเข้าไปหยิบเป้ใบเล็กที่วางอยู่บนเตียงในห้อง แล้วออกมาโบกมือบ๊ายบายทั้งสามคน พุ่งตรงไปหน้าบ้าน
ไม่ทันสังเกตว่าน้องสาวตัวดีตามมาด้วย

กำลังยื่นมือไปแตะลูกบิด ก็มีเสียงถามหลอกหลอนตามเคย

“อิส พี่เอาคอนด้อมไปด้วยรึยัง?”

“พี่ไม่ต้องใช้สักหน่อย!”

“อ้อๆ ฉันรู้หรอกว่าเอดูเป็นคนต้องใช้”

“วี!! พี่หมายถึงเราไปนอน แบบนอนหลับ ไม่ได้จะมีเซ็กส์”
ผมจิ๊ปากให้ไอ้น้องสาวที่น่ารักไปหนึ่งครั้ง แล้วรีบเปิดประตูก้าวออกไปทันที ได้ยินเสียงหัวเราะของวิเวียนลอดประตูออกมาให้หน้าร้อนหนักขึ้นอีก


ไอ้คนมารอหน้าบ้านมันยืนหล่อในที่มืดพิงรถพี่ชายมันอยู่ตามเคย พอเห็นผมออกมาจากบ้าน มันก็เปิดประตูเข้าไปประจำตำแหน่ง
ส่วนผมก็เดินอ้อมไปอีกฝั่งเปิดประตูขึ้นประจำตำแหน่งตัวเองเหมือนกัน

ผมไม่ได้บอกไป๊กับเม้ยหรอกครับ ว่าเราสองคนไม่ได้นอนบ้านด้วยกันทั้งคู่ เพราะคืนนี้ เราจะไปโต้รุ่งดูดาวจริงๆด้วยกัน
ดูจากดาวที่เห็นตั้งแต่ออกจากบ้านมาก็แน่ใจแล้วครับ ว่าคราวนี้ไม่พลาดให้ต้องดูดาวจันทร์อีกแน่นอน

เป็นครั้งแรกที่เราคุยกันเรื่องความฝัน เรื่องอนาคตของแต่ละคน โดยไม่ยอมให้ความรู้สึกอื่นเข้ามาทำให้ดาวหม่น
ด้วยความรู้เกี่ยวกับแผนที่ดาวอันน้อยนิดทำให้มีแค่คำเดียวที่ผมสอนเอดูมันได้

“นั่นน่ะ สามดวงเรียงกันตรงนั้น ภาษาไทยเรียกว่าดาวไถ”

“ดาวท้ายยยยยยยยยย”

“ฮ่าๆๆๆๆ อื้ม....ก็พอได้อะนะ จำไว้แล้วกัน”

“โอเค แหงนหน้ามองฟ้าเห็นดาวไถเมื่อไหร่ เราจะคิดถึงอิส”
ผมพลิกจากที่นอนอยู่ข้างๆแกล้งเอาขาขวาพาดไปบนขามันอยู่ไปนอนทับมันเอาไว้ทั้งตัว เท้าแขนกับพื้นสองข้างคร่อมตัวไอ้ดาวท้ายยยยยเอาไว้

“ไม่เอาอ้ะ จากที่นี่ไม่ได้เห็นดาวไถได้ทุกวันซะหน่อย เอาเป็น....เห็นพระอาทิตย์เมื่อไหร่ก็คิดถึงเราดีกว่า”

“ได้สิ......ก็อิสเป็นเหมือนอาน่า จูเลีย ของเรา เป็นพระอาทิตย์ของเรานี่”
เฮ้อ.......ต่อให้อีกกี่สิบกี่ร้อยปี ผมก็ขอย้ำครับ ว่าเอดูมันน่ารัก ผมก้มลงจุ๊บเบาๆที่หน้าผากมัน แล้วก็ส่งยิ้มหวานๆให้มันเป็นรางวัลที่ยังจำได้ว่าเคยพูดอะไรเอาไว้ ก่อนจะพลิกตัวไปนอนที่เดิม

นอนนับดาวไปได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงทุ้มๆนุ่มๆของคนข้างๆร้องเพลงขึ้นเบาๆ
และคราวนี้มันไม่ต้องร้องคนเดียวตามเคย เพราะผมเอง ก็ส่งเสียงเหน่อๆร้องคลอไปกับมันด้วย......


“อิส.....อิส...หลับรึยัง?”

“เกือบแล้ว....”

“งั้นมาตรงนี้มา”

“อืม....” ผมเป็นคนหัวอ่อนครับ มันรั้งให้ไปหนุนอะไรซบอะไรก็ไปง่ายๆ


ไอ้ที่ตั้งใจว่าจะยืดเวลาอยู่ด้วยกันให้นานด้วยการโต้รุ่งไม่ยอมหลับยอมนอนก็พลาดไปครับ รู้ตัวอีกทีก็เพราะแสงแดดเช้าแยงผ่านเปลือกตานั่นแหละ

พอผมขยับตัว แข็งใจเปิดเปลือกตาขึ้น ถึงได้รู้ว่า ‘ตรงนี้’ ที่แว่วๆอยู่เมื่อคืน คือซอกไหล่ของนายเอดูวาร์โด้มันนี่เอง
กำลังยันตัวยังไม่ทันจะลุกขึ้นนั่งสำเร็จก็ถูกงูยักษ์มันดึงลงไปแหมะอยู่กับอกมันอีกครั้ง แถมคราวนี้ลดแลกแจกแถมส่งจูบมาทั่วทั้งหัวหูแบบนับไม่ทันกันเลยทีเดียว

เราสองคนยิ้มให้กัน หัวเราะให้กัน แล้วก็กอดกันอีกครั้งและอีกครั้ง

“เดี๋ยวไปส่งเราแล้วก็กลับบ้านไปอ่านหนังสือนะ”

“ครับ”

“ไป๊จะขับรถไปส่งเราที่สนามบิน ออกจากนี่ห้าโมงเย็น ถ้าอยากมาก็มา แต่เราว่าเอดูอยู่บ้านอ่านหนังสือดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ทำข้อสอบได้ดีๆ”

“.........”

“เป็นใบ้เหรอ?”

“หึๆๆ ตกลงครับ”

“ไหนยิ้มหน่อยซิ”
พอมันยิ้มตามคำขอ ผมก็จุ๊บเบาๆที่ลักยิ้มบุ๋มๆนั่นไปอีกที ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วฉุดมันให้ยืนขึ้นด้วย

เราสองคนช่วยกันขนของใส่รถ ระหว่างทางที่มันขับรถพามาส่งบ้าน เรากุมมือกันไว้ตลอดเวลา ปากก็คอยวิจารณ์คนเดินถนนที่เห็นประปรายอยู่ตามรายทาง แล้วช่วยกันหัวเราะไปเรื่อย
จนมันมาจอดเทียบหน้าบ้านนั่นแหละ ผมถึงกล้าหันไปมองหน้ามันเต็มตาอีกครั้ง พยายามส่งยิ้มที่สดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้มัน

อยากให้มันจดจำแต่สิ่งดีดี อยากให้ตัวเองในความทรงจำของคนคนนี้เป็นภาพที่ดีงาม ถ้าจะเป็นพระอาทิตย์ ผมก็ขอเป็นพระอาทิตย์ยามเช้าที่ฉายแสงอ่อนสุกใส ปลุกให้มนุษย์มีชีวิตชีวา และพระอาทิตย์ยามเย็นที่แม้จะกำลังลาลับ แต่ก็อบอุ่นและงดงาม

เรากอดกัน และมอบจูบเบาๆแต่ยาวนานให้กันอีกครั้ง
ก่อนผมจะตัดใจบอกคำลา และก้าวลงจากรถเปิดประตูเข้าบ้านโดยไม่ปล่อยให้ตัวเองเหลียวกลับไปมองมันอีก


........................
.
.
.
(มีต่อค่ะ)


(สองโพสก็ยังถูกตัด แบ่งสามโพสนะคะ)...........................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2010 17:10:56 โดย anajulia »

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
(โพสสุดท้ายแล้วค่ะ หวังว่าจะผ่าน ^^)

.
.
.

ผมบอกลาเตียง ตู้ หน้าต่าง แม้แต่ผ้าม่านที่อยู่ด้วยกันมานานอีกครั้ง แบกเป้ใบโตขึ้นหลัง แล้วก้าวออกมาจากห้อง ปิดประตู
แล้วพาหัวใจหนักอึ้งเดินออกไปขึ้นรถที่มีปะไป๊ประจำตำแหน่งคนขับ และวิเวียนกับมะเม้ยยืนรอจะขึ้นรถอยู่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว

กระเป๋าเดินทางถูกบรรจุในกระโปรงหลังรถเมื่อสิบนาทีก่อน พอผมออกจากบ้าน มะเม้ยก็จัดการล๊อคประตูหน้า แล้วขึ้นนั่งข้างคนขับ วิเวียนขึ้นนั่งด้านหลังมะเม้ย
และทิ้งที่ว่างให้ผมนั่งหลังปะไป๊

ผมกราดสายตาขึ้นลงไปตามถนนหน้าบ้านอีกครั้ง แล้วย้ำกับตัวเองว่าบอกลาไปแล้ว
ดีแล้วล่ะที่เอดูมันไม่มา พรุ่งนี้มันต้องออกจากบ้านแต่มืดเพื่อไปสอบข้อเขียนที่มหาวิทยาลัยคัมปินัสตอนเก้าโมงเช้า

ยัดทั้งตัวเองและเป้ใบใหญ่ขึ้นรถได้ผมก็รู้สึกถึงฝ่ามือเย็นเฉียบของน้องที่ดึงมือผมไปจับแล้วบีบจนแน่น

ผมยิ้มให้น้องสาวตัวแสบอีกครั้ง แล้วเมื่อไป๊ออกรถ ผมก็แนบตาไปกับกระจกหน้าต่าง ตั้งใจเก็บภาพความทรงจำไว้ให้แจ่มชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้

มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อปะไป๊จอดรถเทียบเข้าข้างทางทั้งๆที่ยังออกมาไม่พ้นทางเข้าเมืองซาน โฮเซ่ เลยด้วยซ้ำ
กำลังจะหันไปถามว่ามีใครลืมอะไรรึเปล่า ก็พอดีกับมีเสียงเคาะกระจกอยู่ข้างหู


“ออกไปสิอิส”
ผมไม่สนแล้วว่าเสียงกระตุ้นนั้นมาจากใคร การเปิดประตูรถมันยากที่สุดและไม่ทันใจก็คราวนี้เอง
พอเปิดประตูสำเร็จผมก็พุ่งตัวเข้าใส่อ้อมแขนที่เปิดรอของอีกคน แรงกระแทกมันมากจนคนอ้าแขนรอรับถึงกับต้องเซถอยไปสองสามก้าว


“ไม่ให้สัญญาก็จะไม่สัญญา แต่สักวันนะอิส สักวัน....เราจะไปหา....”

“.....อือ....อือ เข้าใจแล้ว.....ถ้าปล่อยให้เรารอนาน เราจะมาตามถึงที่นี่เลย”

“É só 16 mil quilômetros.”

“อื้ม....แค่หมื่นหกพันกิโลเอง ใกล้นิดเดียวเนอะ หึๆๆๆ”


“หึๆๆๆ”

“กลับบ้านไปเลย ตั้งใจอ่านหนังสือสอบนะ พรุ่งนี้ขอให้ทำได้......”

“อือ....ไม่ต้องห่วงเราหรอก อิสแหละ เดินทางดีๆนะ”

ผมทำได้แค่พยักหน้าก่อนจะหมุนตัวกลับจะเปิดประตูขึ้นรถ แต่กลับมีมือใหญ่ๆรั้งแขนเอาไว้
พอหันหน้ากลับไปเลิกคิ้วถาม มันก็บอกว่า.....

“อยากจูบ......แต่คงไม่ได้ กลับบ้านดีๆนะ meu bem”
ผมเหลือบตาดูสายตาอีกสามคู่ในรถ แล้วจึงตัดสินใจแตะนิ้วชี้ลงกับปากตัวเอง แล้วส่งไปแตะปากไอ้คนอยากจูบเร็วๆหนึ่งครั้ง
ส่งยิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้มันอีกทีแล้วรีบพาตัวเองเข้าไปในรถ




23.55 น. สนามบินนานาชาติเซา เปาโล

ตอนนี้ผมอยู่กับเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนอีกหกคน จับกลุ่มเล่าเรื่องราวที่แต่ละคนได้พบได้ทำมาระหว่างหนึ่งปีนี้ เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องดังขึ้นแล้ว

“เฮ้ย! ....พวกแกใครยังมีเหรียญอยู่บ้างวะ? ยืมหน่อยดิ จะโทรศัพท์”

พวกเพื่อนๆมันทำหน้างงๆนิดๆแต่ก็ช่วยกันล้วงหาเศษเหรียญที่เหลืออยู่รวบรวมมาให้ผม ได้แค่ไม่กี่เหรียญ
แต่เท่านี้ก็พอแล้วครับ กับบางคำที่ผมอยากจะพูดบอกออกไป


####ตื๊ดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดดดด####

//Alô, Qu……// ......ฮัลโหล ใคร...

“Edu, sou eu……” ......เอดู เราเองนะ

//Iss!! Da onc……// ......อิส!! อยู่ไหน...

“อย่าเพิ่งพูด แค่ฟังเราก็พอ......เอดู ถามใช่มั้ย ตอนที่เราหกล้ม ตอนที่เราทำน้ำร้อนลวกตัวเอง ตอนที่เราเมาด้วย
ถามมาตลอดว่าจะเชื่อได้ยังไงว่าเราจะอยู่คนเดียวได้.....”

“Aha…Como posso acreditar que você pode viver sozinho….” อาฮะ....เราจะเชื่อได้ยังไงว่าอิสจะอยู่คนเดียวได้

“……Eu nunca vou viver sozinho.” .....อืม....เราไม่มีวันที่จะต้องอยู่คนเดียวหรอกนะ
“Você vai estar aqui comigo, no meu coraçáo……” ......เอดูจะอยู่กับเรา อยู่ในหัวใจของเรานี่

“Para sempre?”

“อืม.....ตลอดไปสิ ตลอดไปแน่นอน”



โทรศัพท์ถูกตัดไปแล้ว และเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารที่จะเดินทางจากเซา เปาโล
ปลายทางไมอามี่ สหรัฐอเมริกาครั้งสุดท้ายก็ดังขึ้น ผมเดินกลับไปหาเพื่อนอีกหกชีวิตที่รออยู่
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกพลังให้กลับมาเพื่อการเดินทางอีกครั้ง

คราวนี้เป็นการเดินทางกลับบ้าน.....ความหนักในหัวใจตอนก้าวขาขึ้นรถไป๊ที่หน้าบ้านหมดไปแล้ว
ตอนนี้หัวใจของผมแข็งแรงพอที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมีความหวังและความฝัน


แน่ล่ะ เพราะไม่ใช่ว่าผมทิ้งหัวใจทั้งดวงไว้ที่ผืนดินนี้
แต่ผมแค่ยอมเสี่ยงแลกครึ่งหนึ่งของใจไว้
และรับเอาอีกครึ่งของหัวใจที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตของอีกคนกลับบ้านมาด้วยต่างหาก

คราวนี้ผมจะเดินทางเข้าหาดวงอาทิตย์ เอดูมันบอกไว้ว่าแค่....แค่หมื่นไมล์ หมื่นหกพันกิโลเมตรเท่านั้นเอง
ใกล้แค่นี้......แถมโลกใบนี้ยังถูกพิสูจน์แล้วว่ามีสัณฐานดั่งผลส้ม
หวังว่าสักวันที่ว่า......คงไม่นานเกินรอหรอกนะ.....เอดู


....................................
............อวสาน............




ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่ส่งกำลังใจให้กันสม่ำเสมอนะคะ
ในที่สุดก็จบลงอีกเรื่องแล้ว เรื่องนี้จะว่าสั้นก็สั้นจะว่ายาวก็ยาว ถือว่าเป็นเรื่องกึ่งๆ
ไว้ถ้ารวบรวมพลังงานได้จะเข็นตอนพิเศษมาให้อ่านกันค่ะ

จบแบบนี้ ดีออกนะคะ ไม่มีการบิดเบือนความจริง โฮะๆๆๆๆๆ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2010 21:22:24 โดย anajulia »

pandaๅ123

  • บุคคลทั่วไป
:กอด1: ในที่สุดก็สำมะเร็จ

เจเจ้...เรื่องมันแฮปฯ แต่ด้าว่ามันซึ้งน้ำตาพราก ๆ o7
แง้ ๆ เค้าจะจับทั้งคู่ผูกติดเอาไว้ด้วยกันซะเลยนิ
( :beat: นั่นมันชั่วฟ้าดินสลา่ย เอ็งมั่วแระ)


Rockstar

  • บุคคลทั่วไป
Re: บทที่หนึ่งในคŪ
«ตอบ #437 เมื่อ30-09-2010 17:20:01 »

ถึงจะจบแล้วแต่ก็ขอให้ได้เจอกัน
อ่านไปยิ้มไป เข้าใจอารมณ์เลยอ่ะ
เอดูน่ารักเนอะ ^^

หุ หุ หุ ในเมื่อบอกว่าจบแบบไม่บิดเบือน
แปลว่าคนเขียนกับเอดูก็แบบว่าแอบกิ๊กๆกันอ่ะดิคะ
แต่ชื่อผลไม้ Amora นี่มันฟังดูดีกว่า Mulberry เยอะเลยอ่ะ
ชอบกินนะโดยเฉพาะแยมรสนี้ แบบสดๆไม่เคยกินเหมือนกันแฮะ
เคยเห็นแต่ไม่เคยซื้อกินเลย แต่ต่อไปนี้คงต้องไปซื้อมากินบ้าง
เผื่อจะเจออะไรโรม๊านซ์บ้างอะไรบ้างอ่ะ
ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยค่ะว่า ถ้ามีตอนพิเศษจะเป็นแบบไหนน้า
เป็นแบบ 10 ปีข้างหน้ามานั่งนึกย้อนไป หรือว่าจะมีเอดูมาหาบ้างหรือเปล่าเอ่ย
แต่เอดูน่ารักจริงๆนะเนี่ย ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2010 20:57:43 โดย Rockstar »

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
:monkeysad: ซาบซึ้งมากมายค่ะ ..
แค่หมื่นหกพันกิโลเอง เหมือนจะไกล แต่ยังไงก็อยู่ใต้ท้องฟ้าที่มีดวงอาทิตย์และก็ดาวไถกลุ่มเดียวกันอยู่ดีอะเนอะ
รีบๆตามมาหาอิสไวๆนะเอดู ^^

กอดพี่นุ่นแน่นๆ ขอบคุณมากนะคะ อ่านไปยิ้มไปซึ้งไป หลายอารมณ์เลยทีเดียว อิอิ :กอด1:

wisa

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
แวะมาอ่านขอรับ :กอด1: อ่านจบแล้ว
+ 1 ไปโลดขอรับ :a1:

SJ

  • บุคคลทั่วไป
ซึ้งอ่ะ แต่ก้อเศร้านิดๆ จบแล้ว
รออ่านตอนพิเศษนะค่ะ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
น้องmimilove ขอบคุณสำหรับเพลงนะคะ
เพลงเพราะจริงด้วย ว่าแต่?
คนไหนชื่อดีลันด์ คนไหนชื่อ เลนนี่ อ้ะคะ?

แบบว่าตาคนร้องพระเอกเอ็มวีรึตาตัวโตใส่แว่น?

แบบว่าฟังไปหลายรอบเข้าชักอยากรู้จัก กร้ากกกกกกกกกกกกกส์

......................

เดี๋ยวหายเหนื่อยจะมาไล่ตอบเมนท์นะคะ ตอนนี้ขอบคุณรวมๆก่อนแล้วกัน
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน โดยเฉพาะท่านที่เข้ามาแสดงตัวนะคะ
คนเขียนอยู่ได้และมีแรงเขียนต่อเพราะทุกท่านจริงๆค่ะ ^o^

เรื่องนี้คนเขียนใช้พลังงานไปเยอะมากกับทุกบททุกตอน (สิบปีผ่านไปไวเหมือนโกหก)
บางอย่าง บางความรู้สึกที่ตอนนั้นอิสมันไม่เข้าใจ มันก็มาเข้าใจเอาตอนนี้
.....ความรู้สึกช้าได้น่าถีบและดีดเหม่งแรงๆจริงๆนะคะ

สำหรับตอนจบนี้มีผลไม้ชนิดหนึ่งได้รับบทเด่น
Amora
อะมอร่ามีอยู่จริงนะคะ ประเทศไทยเราก็ปลูกได้ เดี๋ยวนี้ชักจะบูม
เอามาแปรรูปได้เยอะเลยค่ะ แต่เมื่อสิบปีก่อนอิสมันไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นเอาจริงๆ

ขอเฉลยว่า Amora ผลไม้ชื่อโรแมนติคนี่คือ ลูกหม่อน
หรือภาษาอังกฤษเรียก Mulberry นั่นเองค่ะ

อีกครั้ง.....เอดู มันน่ารักเนอะ :m1:

ออฟไลน์ Papoonn

  • inspiration <3
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เขิลลลลลลลลลลลลล      !
อึ้ง กับ อึ้ง   555555
คู่นี้รักกันจริง ๆ รักกันมาก ๆ   ขอตอนพิเศษนิดนึงน่ะค่ะไรท์เตอร์    ><
ขอร้องงงง    TT   
ขอบคุณไรท์เตอร์มาก ๆ ค่ะที่แต่งนิยายดี ๆ ออกมาให้อ่านกัน  เราจะติดตามผลงานน่ะค่ะ
เอดู   โอ้ยยยยยยยยยยย    ~   แฟนแบบนี้คงไม่มีในโลกนี้แล้ว
อิส  น่ารัก น่ารักมากกกก     ><
ตลอดไป  และ ตลอดกาล   
อยู่ในหัวใจตลอดไป    อ๊ายยยยยยยย    ~
หวานนนนน  ๆ  เขิลจริง 
ตอนป้อน  Amora  เอิ่มมมมมม   !  เค้านั่งบิดไปบิดมา  เหมือนตัวเองเป็นอิสซะงั้น   555555
น่ารัก   อ่านแล้วมีความสุขค่ะ  จบแบบนี้ไม่เสียใจเลย 
แต่  ........     ขอตอนพิเศษน่ะค่ะ   นิ๊ดเดียว  ฮ่า ๆ     


ขอบคุณค่ะ   ขอบคุณจริง ๆ   

PEAK

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งมีโอกาสได้อ่าน  ...  ประทับใจมาก ครับ  o13

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ  :L2:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
จบได้ซาบซึ้งแต่ไม่เศร้า  แต่สำหรับเราแล้วยังอยากอ่านต่ออีก
ขอตอนพิเศษด้วยน๊า  น๊า ๆ ๆ  ๆ

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
นุ่น จบแบบแฮปปี้ของนุ่นนี่ คละเคล้าด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้งเลยนะ
ถึงตัวจะไกลกัน แต่ใจยังใกล้ วันเวลาที่ผ่านไปจะเป็นบทพิสูจน์
หวังว่า เอดูและอิส คงจะผ่านไปได้นะ
 :z13:บวก นุ่น  :กอด1:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
 :sad11:  :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:

ตอนแรกที่เรา (ไจฟ์ และ ที) อ่านเรื่องนี้ด้ัวยกันก็เลือกทีืื่จะข้ามๆๆๆๆภาษาต่างด้าวไปก่อน จนเมื่อกลับมาอ่านอีกรอบ อีกรอบ และอีกรอบ ก็พบว่า เราควรอ่านใหม่ทั้งหมดและไม่ควรข้ามภาษาต่างด้าวไปด้วย
พอเห็นที่พี่ๆ บอกว่าจะจบแล้ว อาการหมาหงอยก็เริ่มกำเริบ
จนมาถึงตอนจบจริงๆ ก็เฮ่อ....
ดีจริงๆเนอะ.. (นึกคำออกแค่นี้จริงๆครับ)

ขอบคุณพี่นุ่นครับ

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
 o13  ถึงจะเหงา ๆ ไปบ้าง แต่ ซาบซึ้งดีค่ะ แถมโรแมนติก ด้วย +1


พี่ชอบ "แค่อีกครึ่งของหัวใจของผู้ชายคนหนึ่งกลับบ้านมาด้วย" ชอบ ๆๆๆ

taem2love

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านตอนพิเศษค่ะคุณนุ่น(เพิ่งจะจบเจ้ทวงซะแล้ว)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด