#ญอผู้หญิงโศกา
ตอนที่ 18
อาการผิดปกติ (PART 1/2)
พอกลับถึงบ้านก็แทบเอาขาก่ายหน้าผาก จนถึงตอนนี้เรื่องเป็นฝ่ายเข้าไปนอนกอดเพื่อนก่อนก็ยังหลอกหลอนในความคิด มันย้ำซ้ำ ๆ ว่าที่ทำไปนั่นไม่ถูกต้อง เพราะถ้าเป็นเรื่องปกติก็คงไม่รู้สึกประหลาดแบบนี้
อยากอ้างว่า ‘เพราะห่างกันไปสิบปีก็เลยไม่ชิน’ แต่อย่างอื่นมันก็ยังดูเชื่อมต่อจากเดิมได้ไม่เห็นมีปัญหาอะไรกระทั่งเริ่มแตะต้องกอดก่าย เมื่อคืนนี้ก็โคตรชัดเลยว่ามันผิดปกติ
ขณะให้อาหารหมากับแมวก็ล่องลอยเป็นวิญญาณ ไอ้แจ็คจะไม่ชอบใจกับสิ่งที่เขาทำลงไปไหมวะ เมื่อเช้าตื่นไม่ทันด้วยมันไปทำงานก่อน เวรจริง ๆ อยากจะบ้าตาย พอตกดึกทีไรก็กลายเป็นคนอ่อนไหวจนเผลอทำอะไรโง่ ๆ อีกแล้ว
ถ้าถูกตีตัวออกห่างก็ไม่ต้องแปลกใจนะ ผู้ชายวัยใกล้สามสิบที่ไหนมันจะนอนกอดเพื่อนแล้วอ้างว่าหมอนข้างเลอะน้ำลาย คนฉลาดอย่างไอ้แจ็คคงรู้อยู่แล้วว่าเขาตอแหล แต่มันก็เป็นคนดีเกินกว่าจะหักหน้าเพื่อน
เดินวนไปวนมาในบ้านจนพี่ซันงง สุดท้ายก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาหดขาเข้าหาตัวเหมือนเด็กติดยาก่อนจะทึ้งผมสีอ่อนจนยุ่งเหยิง
“...”
แม้หน้าตาจะบึ้งตึงแต่เท็นกลับรู้สึกได้ว่ากำลังถูกอีมูนหัวเราะเยาะ ใช่สิ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพ่อมันเคยเท่มาตลอดไม่เคยหลุดฟอร์มเลยไง กระทั่งกลับมาอยู่กับไอ้แจ็คอีกครั้งเนี่ยแหละถึงได้ไม่หลงเหลือความดีให้เกรงขามอีก
แต่จะพูดอย่างไรดี เท็นรู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนว่าตอนนอนคนเดียวนั้นค่อนข้างหลับยากตื่นง่าย ผิดกับตอนนอนกอดไอ้แจ็คที่โคตรหลับลึก นอนสบาย ไม่มีจังหวะสะดุ้งตื่นเพราะใครขยับตัวเลย
‘ความผิดพวกกูงั้นสิ?’
สายตาอีมูนกำลังส่งสารมาอย่างนั้น ซึ่งเท็นก็จ้องตามองลูกรักก่อนจะพยักหน้าบอกให้รู้ว่าการกระโดดเหยียบพ่อมันกลางดึกนั่นไม่ใช่เรื่องที่น่ารักเลย
‘แล้วทีตอนไอ้แจ็คขยับล่ะ มันดีกว่ากูตรงไหน?’
ทำไม เขาไม่มีคำตอบให้คำถามนี้หรอก อยากรู้ก็ไปถามศาลพระภูมิเอาแล้วกัน
โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กระวนกระวายจนอยู่ไม่สุขแล้ว ใจมันเอาแต่คิดว่าไอ้แจ็คต้องรู้สึกไม่ดีกับกอดเมื่อคืน และเขาอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อให้รู้ว่าเพื่อนยังปกติดี
หันไปมองลูกทั้งสองตัวพร้อมตบขาเรียก ซึ่งพี่ซันก็แสนรู้รีบกระโดดขึ้นโซฟาขึ้นมานัวเนียพ่อ ผิดกับลูกสาวคนเล็กที่เอาแต่นั่งมองจากบนตู้อย่างหยิ่งจองหอง
“ได้มูนได้”
ว่าแล้วก็ยีหัวเจ้าขนทองแรง ๆ อย่างมันเขี้ยวแล้วตรงเข้าไปในครัวเพื่อเอาเหยื่อมาล่อลูก ซึ่งทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดฝากระป๋อง ความหยิ่งจองหองก็หายไปในพริบตาพร้อมสารร่างอ้วน ๆ ที่กระโดดลงมาจากบนตู้
“ทำตัวน่ารักก่อนแล้วพ่อจะให้กิน พี่ซันด้วย” ดีลเสร็จก็จัดท่าทางให้ลูกทั้งสองกอดก่ายกันก่อนจะหามุมถ่ายรูป แม้ว่าสีหน้ามูนจะขัดแย้งกับท่าทางที่ตวัดกอดพี่ชาย แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้ลูกสาวของเขาสวยขึ้นแม้ว่าร่างกายจะเหมือนหมู
พอได้รูปที่ต้องการก็เอาอาหารกระป๋องให้มูน ส่วนพี่ซันได้ขนมไปแทะเล่น เท็นนั่งใจจดใจจ่อกับแอปแต่งรูป เพิ่มสีเป็นโทนอุ่นแล้วกดส่งให้เพื่อนสนิทโดยไม่มีแคปชั่นประกอบ ให้อารมณ์ส่งไปงั้น ๆ ไม่ได้จริงจังอะไร แบบว่าถ่ายเสร็จ ส่งให้ แล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไปอะไรทำนองนั้น
แต่เสียงเข็มนาฬิกาก็ตอกย้ำว่าเขากำลังรอไอ้แจ็คตอบกลับทุกวินาที แต่รอเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น Read คราวนี้ยิ่งกระวนกระวายเข้าไปใหญ่
1. ไอ้แจ็คทำงานอยู่ มันยังไม่ว่างเปิดอ่านหรอก
2. มันเกลียดขี้หน้ามึงแล้วเท็น ลาก่อนนะ
ซึ่งถ้าเป็นข้อสองนี่บอกเลยว่าอาการหนัก เขาจะต้องหน้ามึนให้มาก ๆ ตอนแก้ตัวว่าเมื่อคืนก็แค่ติดหมอนข้างจริง ๆ ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่... ก็เออไง มันจะมีอะไรไปได้อีกล่ะ
ไม่ชอบเปิดเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ ทุกแอปต้องเงียบกริบยกเว้นเสียงโทรเข้า แต่วันนี้เขายอมเปิดให้เสียง ‘ไหล๊!!!’ ดังสักครั้งสองครั้งก็ได้แม้ว่ามันจะเป็นเสียงที่น่ารำคาญโคตร ๆ ก็ตาม
Line!!!
กำลังเหม่อ ๆ ถึงกับสะดุ้งจนแทบตกโซฟา เท็นรีบคว้าเอามือถือขึ้นมากดดูแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อญาติห่าง ๆ ส่งจดหมายลูกโซ่มาให้ แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขานัก เพราะหลังจากถอนหายใจและกะพริบตาไปเพียงครั้งเดียว ไลน์ของใครอีกคนก็เด้งแจ้งเตือนตรงแถบบนสุดของจอ
jjack: หน้าหมาเหมือนพ่อมัน
คนโดนด่าหลุดยิ้มแต่ก็ยังรักษาฟอร์มเอาไว้ได้ พอเห็นว่าเพื่อนยังอ่านและตอบไลน์ก็ถึงคราวสตันท์แดกเพราะไม่รู้จะเอาไงต่อ ตอบโต้แบบปกติงั้นเหรอ ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ แล้วการคุยแบบไหนล่ะที่มันปกติ?
ไม่สิ คำถามคือแล้วทำไมทุกอย่างถึงไม่มีความปกติอยู่อีกแล้ว?
jjack: วันนี้มาไหม?
เท็นรู้สึกว่าไม่ควรไปบ้านไอ้แจ็คติดกันบ่อยเกินไป เขาควรสร้างระยะห่างที่พอดีเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนเรื่องเยอะเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นไอ้แจ็คก็จะได้มีช่องว่างให้หายใจโดยไม่ต้องอึดอัดด้วย
เท็นจะไม่ทำพลาดซ้ำสองอีก โอกาสในชีวิตคนที่เคยทำตัวแย่ ๆ มาก่อนมันไม่ได้มีเยอะมากขนาดนั้น ถ้ามีสติมากพอเขาก็อยากเตือนตัวเองว่าควรหรือไม่ควรทำอะไร เท็นควรเป็นผู้ใหญ่ที่น่าคบหาเป็นเพื่อน ไม่ใช่ลูกแหง่ที่เอาตัวเองไปผูกติดกับคนอื่นจนใช้ชีวิตเองลำบาก
TEN1O: คงไม่ว่ะ กูจะสตรีม
ทั้งที่อยากไปทุกวันแล้วอย่างไร ไม่ได้เล่นบ้านลูกบอลวันนึงจะตายไหมก็ลองดูสิวะ
jjack: อ๋อ อืม
jjack: ที่ถามเพราะวันนี้กูจะไปซ้อมบ้านไอ้แหลม
เกือบไปแล้ว ถ้าตอบว่าไปคงได้หน้าแห้งแน่ ๆ เผลอ ๆ มันอาจจะหาเรื่องเบี้ยวนัดทีมเพื่ออยู่กับเขาด้วย เวรกรรมจริง ๆ เริ่มมีอาการคิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนี้แล้วนะ
TEN1O: เออ ไปซ้อมกับทีมบ้าง ยิ่งกาก ๆ กันอยู่ด้วย
แต่น่าหงุดหงิดจริง ๆ
ทั้งที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่เท็นกลับไม่พอใจกับการสร้างระยะห่างที่พร่ำบอกตัวเอง การอยู่ด้วยกันมันดีแค่ไหนเขาเองรู้ดีกว่าใคร แต่บทเรียนในอดีตก็เอาแต่ย้ำอยู่นั่นว่าถ้าไม่อยากให้คำว่าเพื่อนต้องตายก็อย่าทำตัวเยอะให้มันมากนัก
jjack: วันพุธกูเลิกเร็ว
แล้วไงวะ กลับบ้านไปนอนดูดโค้กเย็น ๆ อ่านการ์ตูนแล้วรอสตรีมพร้อมทีมตอนหัวค่ำดิ
jjack: ไปดูหนังกันไหม?
TEN1O: ไป
ไอ้ฉิบหาย ที่ถกเถียงกับตัวเองมาอย่างหนักหน่วงนั่นคืออะไร กูตอบตกลงไวยิ่งกว่าโปรแกรมช่วยเล่นในเกมอีก
*
“โห ผมล่ะเชื่อพี่เลย นอนนอกดีไหมอะวันนี้?”
“เราน่ะใจเย็นก่อน”
“ผมเย็นอยู่แล้วเว้ย แต่พี่ธีร์เนี่ยดิจะเย็นได้ไหม?”
“อย่าเพิ่งไปคิดแทนธีร์เลย ทั้งที่บางทีเขาอาจจะโอเคก็ได้”
“โอเคกับผีดิ ผมรู้จักพี่ผมดีโคตร แล้วพี่อะรู้จักพี่เท็นมากแค่ไหน?”
“เพิ่งรู้จักกันครับ แต่เชร์ก็ไม่ได้รู้จักเท็นเป็นการส่วนตัวนี่ เพราะฉะนั้นเราเสมอกันนะ”
“ไม่เสมอ”
“งอแงใหญ่แล้ว อย่าเถียงให้เหนื่อยเปล่าเลยครับ เอาเป็นว่าพี่อ่านเกมขาด มองเดี๋ยวเดียวก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร?”
“ใครเป็นอะไรไหนพูด?”
“นี่เราเดือดอะไรกัน แพ้เกมมาเลยกะจะลงกับพี่เหรอ เชร์ เราตกลงกันแล้วจำได้หรือเปล่า ห้ามเอาอารมณ์ในเกมมาระบายกับชีวิตข้างนอก เพราะพี่จะเสียใจมาก”
“อย่าพูดเลอะเทอะเข้าเรื่องในบ้านดิ พี่น้องนั่งหน้าหมาอยู่ตรงนี้อายมันบ้างก็ได้”
“...?”
แจ็คกับโซ่ชี้หน้าตัวเองหลังจากถูกพาดพิงโดยคู่รักโลกแตกที่สาดคำพูดใส่กันข้ามโซฟาอย่างไม่มีใครยอมใคร บอสยังคงนิ่งขณะที่ไอ้แหลมกลายเป็นหนูติดจั่นหลังจากรู้ว่าแฟนมันอ้าปากชวนไอ้เท็นไปเล่นสงกรานต์ด้วยกัน
“พี่แจ็ค มึงก็ด้วย”
“กู?”
“ใช่ ได้เพื่อนคืนแล้วชวนไปด้วยทุกที่เลยน้า”
“ก็เหมือนมึงได้บอสแล้วก็พาบอสไปทุกที่ ทีงี้ไม่เห็นยกมาเป็นประเด็นบ้างล่ะ?” โซ่นั่งเม้มปากกลั้นยิ้มมองพี่ชายข้างตัวที่ผายมือไปทางเจ้านายอย่างหน้าตาย ซึ่งพี่กันต์ก็เล่นละครแกล้งใสซื่อไปด้วย
“มันไม่เหมือนกันตรงที่ทุกคนโอเคกับเจ้านายมึงไง”
“...”
“...”
พอไม่มีใครพูดอะไรต่อกันต์กวินทร์จึงชำเลืองตามองลูกจ้างกับคนอายุน้อยสุด มันคงดีถ้าแจ็คจะอ้าปากหามุกมาแถกลับ ไม่ใช่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพหวาดระแวงแบบนี้
“มองแบบนี้หมายความว่ายังไงครับแจ็ค เหมือนคุณอยากบอกว่าที่จริงคุณฝืน แต่ต้องเงียบเอาไว้”
“สีหน้าผมชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอครับบอส...”
“นั่นไง ไล่แม่งออกเลยดิพี่กันต์ เก็บไว้ทำไมลูกจ้างทรยศองค์กรแบบนี้” ไอ้แหลมชี้นิ้วย้ำ เขาจึงเอื้อมไปตบเข่าเจ้านายเบา ๆ อย่างรู้กัน เดี๋ยวนี้เล่นได้บ้างแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงหงอเข้าไปในกะดองเพราะความเกรงใจมันค้ำคอ
“พี่แหลมอินแทนพี่ธีร์มากเลยนะครับ โซ่ดีใจแทนเลย”
“มึงกวนตีนกูเหรอจู๊กมาสเตอร์?”
“เราน่ะพาลไปทั่ว น้องก็พูดดี ๆ”
“ดี?! ไอ้เด็กนี่น่ะทำเป็นใส่ชุดลูกแกะ แต่จริง ๆ คือเสือซ่อนเล็บ คอยขบคอยเขื่อนคนอื่นตลอด!!!”
“ข่วน!!!” พอมีคนตบมุกให้ไอ้แหลมก็ทำท่าลิงทโมนจนบอสต้องกุมขมับ
“โซ่ดูร้ายมากเลยครับ ถ้าพี่ธีร์ได้ยินจะต้องดีใจแน่ที่มีคนเห็นความดาร์กในตัวโซ่”
“จริง”
“มึงไม่ต้องจริงเลยพี่แจ็ค พี่ธีร์เป็นห่วงมึงมากนะเว้ย แล้วดูมึงดิ” ไอ้แหลมมองมาพร้อมจิ๊ปาก ซึ่งเขาเข้าใจว่ามันกำลังคิดอะไร ไม่แปลกเลยที่เพื่อนฝูงน้องนุ่งจะเป็นห่วงเป็นใย แต่ถ้าจะให้ห่างไอ้เท็นเพราะตัดสินมันจากเรื่องในอดีตก็คงทำไม่ได้
“เชร์น่าจะหิวมาก แจ็ค โซ่ มื้อนี้ผมคงต้องรบกวนคุณสองคนแล้วล่ะ ขอเป็นส้มตำเผ็ด ๆ เจ้าเด็ดกับอะไรก็ได้ที่ทำให้เด็กแถวนี้หายตกมันทีนะครับ”
“พี่คิดว่าผมจะหยุดได้ด้วยของกินเหรอ?”
“แล้วได้ไหม?”
“ได้ดิ เอากล้วยบวชชีด้วยนะพี่มึง ในตลาดมีเจ้านึงโคตรเด็ด อร่อยจนน้ำตาไหลออกจากทุกรูบนหน้า”
แจ็คเดินไปรับเงินจากเจ้านายก่อนจะเขกกะโหลกน้องรักหัวฝีหัวหนองที่พูดอย่างไม่รู้จักเหนื่อยถ้าเป็นเรื่องไอ้เท็น โชคดีที่ไอ้ธีร์มันพาน้องชายไปซื้อของก็เลยมาช้า ไม่อย่างนั้นเขาคงไหม้เกรียมเป็นผุยผงเพราะโดนสองพี่น้องกลองแต๊กรุมยำ
“ห้ามดึงปลั๊กออก แบตกูเหลือสองเปอร์เซ็นต์เดียวไม่มีเหลือถึงบ้าน” ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ ไอ้แหลมทำท่าเอาตีนจีบปลั๊กพร้อมปั้นหน้าลิงใส่ เขาจึงยึกยักจะเข้าไปชาร์จแต่เด็กนรกก็พาตัวเองหนีจากโทรศัพท์มือถือเขาในทันที
ชายหนุ่มผมยาวตรงไปยังมอเตอร์ไซค์คันโปรดแล้วยื่นหมวกกันน็อกให้น้องเล็ก ก่อนสตาร์ทรถก็เห็นแววตาของอีกคนที่มองมาเหมือนกำลังตั้งคำถาม เขาจึงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามก่อนเจ้าจู๊กมาสเตอร์จะรับหมวกกันน็อกไปกอดไว้แนบอก
“นอยด์ไหมครับ ถ้าอารมณ์ไม่ดีพี่แจ็คจะลองเกรี้ยวกราดใส่โซ่ดูสักครั้งก็ได้นะ”
“เอางั้นเหรอ?” เขาหลุดขำ และอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับทันที “งั้นซ้อนท้ายมา เดี๋ยวจะพาเกรี้ยวกราดด้วยการขับปาดหน้ารถชาวบ้าน”
“หูย แบบนั้นไม่ดีนะครับ เสี่ยงตายไปอะ”
พอเห็นว่าพี่ชายยังหัวเราะได้ น้องเล็กจึงสวมหมวกกันน็อคแล้วก้าวขาขึ้นซ้อนท้ายก่อนจะเกาะเอวอย่างรู้งาน พอเป็นเรื่องพี่เท็นทีไรโซ่ก็กังวลทุกที กลัวว่าพี่แจ็คจะเก็บคำพูดทุกคนไปคิดมากจนต้องแอบไปกินยาเงียบ ๆ
*
“โซ่คงไม่บอกให้พี่แจ็คเข้าใจพี่ธีร์ เพราะในโลกนี้ถ้าจะมีคนเข้าใจพี่ธีร์ได้เก่งที่สุด พี่แจ็คก็คือเป็นหนึ่งในนั้น”
“แล้วบอกมันให้เข้าใจพี่แบบนี้หรือเปล่า?”
“ไม่ได้บอกเลยครับ พี่ธีร์ก็เหมือนพี่แจ็คที่ต่างคนต่างรู้จักกันและกันดี แต่อาจจะมีบางครั้งที่พี่ธีร์จะงอแงบ้าง เหมือนชื่อเพลงไงครับ เข้าใจนะแต่ก็ทำไม่ได้” เด็กเด๋อของเพื่อนสนิทว่าพลางหัวเราะ
ทั้งคู่กำลังเดินเลือกวัตถุดิบเพื่อเอาไปทำมื้อเย็นก่อนทำการซ้อมทีมในช่วงค่ำ และแจ็ครู้สึกดีที่ผู้ช่วยวันนี้เป็นจู๊กมาสเตอร์ผู้อ่านเกมขาดไปเสียทุกเรื่องมากกว่าจะเป็นไอ้เด็กปากมากอย่างไอ้แหลม
“พี่ธีร์อาจจะต้องการเวลาเยอะหน่อย แต่โซ่เชื่อว่าสักวันมันจะได้ผล เพราะพี่ธีร์ไม่ใช่คนแข็งกระด้างขนาดนั้น ที่ยังโกรธพี่เท็นอยู่ก็เพราะว่าไม่ค่อยได้เจอกัน ไม่ค่อยมีกิจกรรมร่วมกัน ไฟมันเลยยังคุอยู่”
“แต่เจอกันบ่อย ๆ ก็ใช่ว่าจะรอด”
“ก็จริงนะครับ โซ่มองจากตอนแข่งการกุศลน่ะ ตอนนั้นพี่แจ็ค พี่ตั้บ พี่แหลมก็ไม่โอเคทั้งนั้น แต่เพราะความจำเป็นที่ทำให้ต้องมาคลุกคลีกัน จากที่เคยเคืองก็เริ่มจางลงเพราะเห็นความเปลี่ยนแปลงของพี่เท็น”
“...”
“ไม่รู้สิครับ ถ้าพี่เท็นมาในรูปแบบแขวะทีมเราตลอดการแข่งเหมือนตอนนั้น โซ่เชื่อว่าพี่แจ็คก็คงไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ เหมือนกัน พอเห็นแบบนี้แล้วโซ่ก็เลยคิดว่าถ้าพี่ธีร์ได้เห็นมุมที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วของพี่เท็นบ้าง พี่ธีร์อาจจะยอมอ่อนลงก็ได้”
“ยาก ความสัมพันธ์ของสองคนนั้นยุ่งเหยิงกว่าพี่อีก แม้แต่ตอนเป็นเพื่อนกันก็ยังเรียกได้ว่าไม่ชอบขี้หน้า”
“พี่ธีร์เคยเล่าให้โซ่ฟังหลายครั้ง แต่มันก็เป็นมุมมองของพี่ธีร์คนเดียว โซ่ถามได้ไหมครับว่าพี่แจ็คมองสองคนนั้นยังไง?”
“คนนึงพูดไม่คิด อีกคนคิดแต่ไม่พูด เก็บไว้ในใจจนอึดอัด พออึดอัดก็โกรธเงียบ พอเริ่มโกรธก็แสดงอาการต่อต้าน ไอ้คนพูดไม่คิดก็ยิ่งไม่ชอบใจ พูดถากถางไปแล้วทุกอย่างก็วนลูป แต่เราจะไปชี้หน้าด่าว่าใครผิดก็ไม่ได้ ตอนนั้นอายุสิบเจ็ด-สิบแปดแล้วก็จริง แต่ทุกคนเติบโตมาจากการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน คิดอะไรไม่เหมือนกัน”
“ถ้าตอนนั้นพี่ธีร์ขอโทษก่อนพี่เท็นจะยอมใจอ่อนไหม แล้วถ้าพี่เท็นยอมระบายความในใจออกไปบ้างพี่ธีร์จะยอมปรับตัวเพื่อให้เข้ากับเพื่อนได้หรือเปล่า ถึงจะเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้วแต่โซ่อดคิดไม่ได้เลยครับ”
“พี่ว่าอาจเป็นไปได้ทั้งสองทาง”
“ขึ้นอยู่กับว่าใครจะยอมถอยก้าวหนึ่งก่อนเนอะครับ” แจ็คยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“สองคนนั้นคิดว่าไม่ได้รัก ไม่ได้ผูกพันกันเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ เพราะต่างฝ่ายต่างรู้สึกไม่ดีต่อกัน จนลืมคิดไปว่าช่วงเวลานั้นมันก็ยังมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นอยู่”
เพราะทิฐิบังตา ความโกรธที่ทำให้ลืมไปว่าตอนดีดกีต้าร์ ร้องเพลงไปด้วยกันบนท้ายกระบะระหว่างเดินทางไปเที่ยวทะเลนั้นมันดีแค่ไหน ตอนที่ทุกคนถอดเสื้อวิ่งหาน้ำที่สาดเข้าฝั่งโดยไม่กลัวอะไร ตอนโดดเรียนไปเล่นเกมเซนเตอร์แล้วเกรียนกันอย่างไม่อาย ตอนต้องยืนเรียงกันก่อนถูกทำโทษ ตอนแอบกินเหล้าในบ้านใครสักคนแล้วเล่าเรื่องผีกลางดึกก่อนจะออกไปลองของในบ้านร้างแล้ววิ่งหนีหางจุกตูดออกมา แต่สุดท้ายทุกคนก็หยุดยืนหอบหายใจแล้วหัวเราะกับเรื่องบ้าบิ่นที่เพิ่งทำร่วมกัน
ไอ้ธีร์กับไอ้เท็นยังจำได้บ้างไหม ว่าความจริงแล้วพวกมันไม่ได้เกลียดกันเข้าไส้จนแทบไม่หลงเหลือความทรงจำดี ๆ ต่อกันเลย
“แต่โซ่ดีใจที่พี่แจ็คไม่เมินพี่เท็นนะครับ” ชายหนุ่มหันไปทางน้องเล็กที่เงยหน้ามองเขาพร้อมรอยยิ้ม “โซ่ก็เหมือนคนอื่น ๆ ที่เห็นพี่เท็นแค่ในโซเชียล แต่พี่แจ็คน่ะรู้จักพี่เท็นมากกว่านั้น และโซ่เชื่อว่าถ้าพี่แจ็คคงไม่คิดจะหันกลับไปถ้าไม่รัก ไม่ผูกพันอะไรกับเพื่อนคนนี้เลย”
“...”
“หายไปเป็นสิบปี รูปร่าง หน้าตา โครงหน้า ลักษณะนิสัยมันต้องเปลี่ยนไปบ้างอยู่แล้ว แต่โซ่เชื่อว่ามันคงมีอะไรบางอย่างที่ยังเหมือนเดิมอยู่ ต่อให้ไม่เต็มร้อยแต่ก็ยังมีเค้าโครงเดิม” เด็กหนุ่มเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นไหมนะครับ แต่โซ่ไม่ได้เจอเพื่อนสมัยเรียนมอต้นนานแล้ว พอเจอกันอีกครั้งก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ทั้งที่มีอะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนไป”
“มันจะมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้นไหม ถ้าไอ้เท็นไปเล่นสงกรานต์กับเรา?”
“ถ้ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น พี่แจ็คยังมีโซ่นะครับ” จู๊กมาสเตอร์ป้องปากกระซิบพร้อมทำหน้าจริงจัง “เราจะช่วยกันรับมือ เพราะฉะนั้นทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้ด้วยดีแน่นอน”
“มีวิธีรับมือไอ้ธีร์แบบเด็ด ๆ เปล่าวะ กลัวมันไม่ฟังพี่แล้วเดินหนีอีก ขี้เกียจตามไปง้อ” นึกถึงหน้าเพื่อนรักแล้วก็ละเหี่ยใจ งอนทีอาการหนักยิ่งกว่าเมียอีก
“เดี๋ยวโซ่จัดการเอง โซ่มีไม้เด็ด”
“เหรอ อะไรล่ะ แชร์กันบ้างสิ”
“บอกไม่ได้หรอกครับ โซ่ใช้วิธีนี้ได้คนเดียว” จู๊กมาสเตอร์หลบสายตาตอนพูด ถ้ามาแบบนี้แสดงว่าต้องเป็นวิธีเด็ดและคงน่าอายอยู่ระดับหนึ่งไม่งั้นคงอ้าปากคายออกมาแล้ว
“โซ่”
“ครับ?”
“ย้อนแย้งกับตัวเองบ่อยไหม เช่นเวลาสมองสั่งว่าไม่ให้ทำแต่ก็รั้นที่จะทำ หรือไม่ก็คิดอย่างหนึ่ง แต่อีกไม่กี่วินาทีก็เปลี่ยนใจอะไรทำนองนี้น่ะ”
“บ่อยเลยครับ โดยเฉพาะตอนสับสนข้อสอบมาก ๆ” เด็กเด๋อตอบอย่างซื่อ ๆ
“...”
“พี่แจ็คมีอะไรหรือเปล่าครับ?” เจ้าของชื่อลดระดับสายตาลง มองเพียงขาของคนด้านหน้าที่มาเดินจ่ายตลาดเหมือนกัน ขณะที่เขากำลังทะเลาะกับความคิดตนเองว่าควรพูดดีหรือไม่
หันไปเห็นหน้าตาไม่มีพิษมีภัยของคนน้องแล้วก็เริ่มชั่งใจ ปกติแจ็คมักจะเก็บทุกอย่างไว้แล้วให้ความเงียบสงบตัดสิน แต่เรื่องนี้เขาร้อนรนเกินกว่าจะจัดการเองได้
พอรู้ตัวว่าคิดอะไรมากเกินกว่าเพื่อน ชีวิตก็เริ่มปั่นป่วนจนหาจุดศูนย์กลางไว้ยึดเหนี่ยวไม่ได้เลย ทั้งที่บอกตัวเองให้ทำตัวปกติ อย่าแปลกประหลาดมากไปนักเดี๋ยวไอ้เท็นจะกลัว แต่ยิ่งพยายามทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิมเขาก็ยิ่งอยากทำให้พิเศษมากขึ้น
เช่นกับข้าวที่จะทำให้ทุกคนแดกวันนี้ก็อยากขับหนีไปทำให้ไอ้เท็นแดกที่บ้าน ห่าเอ๊ย
“ช่วยตัดสินอะไรอย่างสิ”
“เอางั้นเหรอครับ?” โซ่เลิกคิ้วมองครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ
ในเมื่อใช้เหตุผลกับเรื่องของความรู้สึกไม่ได้ งั้นก็ให้ดวงพาไปแล้วกันวะ
“ผักชีกับถั่วฝักยาวเลือกอะไร?”
เหมือนบรรยากาศรอบข้างหยุดนิ่งไปคล้ายว่าไอ้โซ่จะสตันท์กับคำถาม ในเมื่อตอบรับว่าจะช่วยตัดสินงานนี้ชีวิตไอ้แจ็คก็ขึ้นอยู่กับน้องมันแล้ว ถ้าเลือกผักชีเขาจะกลับบ้านทันทีที่ซ้อมเสร็จโดยไม่ต้องสนใจว่าไอ้เท็นจะไลน์มาหรือไม่ แต่ถ้าไอ้โซ่เลือกถั่วฝักยาวเขาจะบิดมอเตอร์ไซค์ไปหาไอ้เชี่ยนั่นถึงบ้านแล้วยกเรื่องเฟรนด์ชิปมาตอแหลเพื่อให้ได้อยู่ต่อ
“ถั่วฝักยาวไหมครับ เมนูวันนี้ไม่น่าจะเข้ากับผักชี”
*
เป็นการเล่นเกมที่ตายบ่อยอย่างน่าหงุดหงิด เพราะเท็นเอาแต่ชำเลืองมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับสนิทโดยไม่มีข้อความไลน์แจ้งเตือนสักอันเดียว ตอนนี้ไอ้แจ็คคงสนุกอยู่กับทีมหรือไม่ก็ซ้อมออฟไลน์อยู่ แล้วนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้โทรศัพท์เขาเงียบแบบนี้ซึ่งมันก็เข้าใจกันได้
แต่เมื่อไหร่เวลาจะผ่านไป ทำไมตอนนี้เพิ่งหกโมง เมื่อไหร่จะเที่ยงคืน จะได้เนียนแกล้งส่งสติ๊กเกอร์ไปกวนตีนหาเรื่องให้มันด่าเล่นสักหน่อย
ไม่ได้สิวะ เวลาแบบนั้นไอ้แจ็คควรได้นอนพักถึงจะถูก ไหนบอกว่าจะสร้างระยะห่างที่พอดีไง?
“เดี๋ยวมาใหม่นะครับ ทำมื้อเย็นให้ซันกับมูนก่อน”
อ้างหมากับแมวแล้วปิดสตรีมดับความฟุ้งซ่าน ชายหนุ่มผมเทาถีบตัวเองออกจากโต๊ะจนเก้าอี้สไลด์ถอยไปกลางห้องแล้วเอนหลังพิงพนักพร้อมเงยหน้ามองเพดาน หลายครั้งที่มีความคิดโง่ ๆ ว่าไม่อยากให้พื้นที่ว่างอะไรนั่นแล้ว เขาอยากเห็นแก่ตัวเหมือนเมื่อก่อนซึ่งไอ้แจ็คอาจจะโอเคก็ได้
แต่ตอนนี้ TEN1O เป็นคนดีได้อย่างไร ความเกรงใจคนอื่นมันเกิดขึ้นกับคนอย่างเขาได้นี่โคตรปาฏิหาริย์
เอาไงดีวะ แกล้งโทรผิดดีไหม ไม่ดีกว่า เพราะไอ้แจ็คคงรู้ว่าโลกของเขานั้นแคบเกินกว่าจะกดโทรผิด งั้นเอางี้ แกล้งหาของไม่เจออาจจะดีก็ได้เพราะวันก่อนมันเพิ่งมาจัดบ้านให้นี่นะ
กดโทรออกแล้วเดินวนไปวนมา ในหัวก็เรียบเรียงบทพูดว่าควรอ้างอะไร สาบานเลยว่าถ้าเกิดมันซ้อมอยู่จะรีบวางสาย แต่ถ้าไม่ก็จะชวนคุยสักหน่อย
พอเห็นสภาพกระวนกระวายของตนเองในกระจกแล้วก็ได้แต่นึกย้อนถามว่าทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้วะ?
“ฮ... ฮัลโหล”
กลายเป็นไก่อ่อนเสียได้ แค่ไอ้แจ็ครับสายถึงกับเสียงหลงเลย น่าอายฉิบ
( พี่เท็นนี่แพรวน้า )
แพรว?
เกือบลืมไปว่าน้องก็เป็นหนึ่งในแก๊งนั้นเหมือนกัน ก็ไม่แปลกที่จะรับสายให้ แต่คนเรามันต้องมือไม่ว่างขนาดไหนถึงให้คนอื่นมายุ่งกับโทรศัพท์ตัวเอง หรือนับว่าสายนี้ไม่ได้สำคัญอะไรมากใครจะรับแทนก็ได้ ด่ามันสักทีดีไหม?
“อ้าวแพรวเหรอ เป็นไงบ้าง ไม่ได้คุยกันนานเลย”
( หนูก็เรื่อย ๆ ค่ะ พี่เท็นทำอะไรอยู่ กินข้าวยัง? )
“เรียบร้อย เออ แล้วไอ้แจ็ค --”
( ใครโทรมาอะ? )
( พี่เชร์ยุ่งอะไรด้วย? )
( ยุ่งดิ โทรศัพท์พี่ของพี่อะ )
( พี่แจ็คก็พี่หนูเหมือนกันปะ? )
( พี่จริงหรา โอ๊ะ ๆ ลืมไปว่าสนิทกันถึงขั้นจำพาสเข้าเครื่องได้ )
( พี่เชร์ก็รู้ แปลกอะไร? )
( แต่พูดก็พูดเถอะ ถ้าไม่มีสายชาร์จเสียบคาไว้พี่ก็คงคิดว่านั่นเป็นโทรศัพท์แพรวอะ แบบว่าใช้เคสเหมือนกันไรงี้ เคสคู่ซะหน๊อยยยยยย )
( หนูเห็นว่าซื้อสองอันมันถูกก็เลยแบ่งให้พี่แจ็คใช้เฉย ๆ มะ? )
( ไม่ใช่อยากใช้คู่กันหรา? )
( พี่เชร์อย่ามาปั่น เรื่องเยอะจังอะ )
( เหลือแต่เซ็ทหน้าจอโทรศัพท์เป็นรูปพี่แจ็คอะเนาะ เฮ้ย ๆ ใจเย็น อย่าปามาเดี๋ยวโดนกรอบรูปแตก – แพร๊ววววว )
กดวางสายแล้วเสยผมขึ้นค้างไว้กลางศีรษะ อยู่ ๆ ก็รู้สึกหายใจติดขัด หน้าอกข้างซ้ายเต้นตุบ ๆ มือไม้เย็นเฉียบจนต้องใช้เวลายืนนิ่ง ๆ อยู่เป็นนาทีกว่าจะสงบลงได้ ไม่อยากยอมรับว่ากำลังโมโหที่ได้ยินเสียงแซวในเชิงนั้นของไอ้เด็กลูกครึ่ง ที่สำคัญคืออารมณ์มันดีดขึ้นมากกว่าเดิมตอนที่รู้ว่าไอ้แจ็คกับน้องแพรวใช้เคสคู่กัน
ไม่ใช่แค่เกือบลืมว่าน้องอยู่แก๊งนี้ แต่เท็นเกือบลืมเรื่องสำคัญไปว่าครั้งหนึ่งเขาก็เคยเล่นงานไอ้แจ็คด้วยเรื่องแอบชอบน้อง ซึ่งแล้วยังไงวะ จะหงุดหงิดโมโหอะไรนัก จะงี่เง่าเรื่องเพื่อนมีความรักอีกแล้วหรือไงกัน หุบปากแล้วอยู่เงียบ ๆ ดีกว่า
หัดยินดีกับไอ้แจ็คเสียบ้าง ทุกคนไม่เหมือนบลูเสมอไป และต่อให้เหมือนแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเก็บมาคิดมากแบบนี้
แต่จะทำอย่างไรดี เขาไม่สามารถนั่งเฉย ๆ ได้อีกแล้ว ใจมันอยากจะเดินโง่ ๆ ไปที่ไหนก็ได้ขอแค่ไล่ความรู้สึกนี้ไปไกล ๆ ก็พอ
*
“กลับมาแล้วครับ”
“ไหนของกิน?”
“ทีงี้ล่ะเสนอหน้าก่อนใครอื่น เตรียมจานยัง?” แจ็คเขกกะโหลกไอ้เด็กเกรียนแล้วยื่นถุงส่วนหนึ่งให้มันเอาไปแกะกินรองท้องก่อน ส่วนที่เหลือกะว่าจะเข้าครัวทำสักสามเมนู และต้องเป็นเมนูไม่เผ็ดเผื่อบอสด้วย
“อย่างนานอะพี่แจ็ค”
“อ้าวแพรว มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“สักพักแล้ว อยู่กับพี่เชร์หนูเกือบเป็นบ้าตาย”
“เพราะทนความหล่อพี่ไม่ได้ บอกทุกคนไปเลย”
“แหวะ จะอ้วก”
“แพรวมายังไง กลับพร้อมกันได้นะเดี๋ยวพี่ธีร์ไปส่ง”
“เออ เราก็กะอยู่ว่าจะติดสอยห้อยกลับไปด้วย แล้วเมื่อไหร่พี่ธีร์จะมา กะว่าจะขอให้ช่วยติวภาษาอังกฤษก่อนซ้อมนี่จะได้เรื่องปะคิดว่า?”
“รายนั้นปล่อยไปก่อน ให้มันใช้เวลาอยู่กับน้องชายบ้าง” แพรวทำหน้าหงอยเขาจึงยื่นขนมครกให้ และเด็กตะกละก็รับไปกินทันทีโดยไม่ห่วงสวย
“งั้นโซ่ก็ได้ ติวให้เราหน่อยดินะ เงิบจริงจังอะ”
“เอาสิ เดี๋ยวตอนกินข้าวมานั่งข้าง ๆ เรานะ”
“จัดไปจ้าจู๊กมาสเตอร์” แพรวหันหลังวิ่งไปเอาหนังสือ แต่ยังไม่ได้เปิดกระเป๋าเป้ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อนึกบางอย่างออก “เออพี่แจ็ค พี่เท็นโทรมาอะ”
“...?”
“แต่หนูไม่ได้ถามว่ามีธุระอะไร คุยกันยังไม่ถึงไหนก็โดนพี่เชร์ป่วนก่อน”
“โทษพี่อีกละ แค่แซวเล่น ๆ เองเปล่าว่ารับสายแทนแควนงี้ ทำมาเปงหัวเสีย” ไอ้แหลมอ้อร้อล่อตีนจึงโดนแพรวฟาดไปหนึ่งดอก
“ก็นั่นแหละ พี่เท็นคงรำคาญมากอะถึงได้วางสายไปเลย”
“จ้า ทุกคนรำคาญไอ้แหลมไปหม้ดดดดด”
“...”
“พี่แจ็คครับ?”
โซ่มองรุ่นพี่พลางสะกิดท่อนแขนแกร่ง แต่พี่แจ็คกลับยืนนิ่งคล้ายว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนดวงตาคู่นั้นจะมองมาพร้อมยัดถุงวัตถุดิบมากมายที่ช่วยกันเลือกมาทำมื้อเย็นใส่มือเขา
“พี่แจ็ค? จะไปไหนน่ะครับ?”
เด็กหนุ่มมองตามแผ่นหลังกว้างของรุ่นพี่ที่กำลังออกไปนอกบ้าน หยิบหมวกกันน็อกสวมก่อนจะสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ยอดรัก ก่อนจะหันมาให้คำตอบที่ยากจะเข้าใจ
“ไปใช้โควตาถั่วฝักยาว”
(จบพาร์ทแรก)
บักแหลม มึ๊งงงงงงงงงง (อีกแล้ว)