33th Lies
[The END Chapter]
: แค่มีเรา
ปราณันต์น้ำตานองทั้งสองแก้มเมื่อมองเห็นคามินไอออกมาเป็นเลือด ทำท่าจะหมดสติไม่หมดสติแหล่
“กรี๊ดดดดดดดดดดด”
ส่วนตัวพรวลัยก็กรีดร้องลั่นทันทีที่เห็นว่าคนที่ตัวเองทำร้ายกลายเป็นคามิน ทั้งที่คนที่เธอตั้งใจจะทำให้ตายคือปราณันต์ต่างหาก แต่มันกลับไม่เป็นอะไร นั่นยิ่งทำให้พรวลัยแค้นจนแทบกระอักยิ่งกว่าเดิม ผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นตัดสินจู่โจมเข้าหาปราณันต์อีกรอบ แต่ดีที่แทนคุณลงมาได้ทัน เลยพุ่งเข้าชาร์จตัวพรวลัยไว้ได้ก่อน
“ปล่อยฉัน ปล่อยฉันนน!! ฉันบอกให้ปล่อย ฉันจะฆ่ามัน ฉันจะฆ่าไอ้ปราณันต์”
แทนคุณล็อคแขนพรวลัยไว้แน่น ในขณะที่ปราณันต์กำลังมองมาที่พรวลัยด้วยสายตาตระหนกตกใจ เพราะไม่คิดว่าพรวลัยจะกล้าทำถึงขนาดนี้
ปราณันต์ที่ตอนนี้นัยน์ตากลมโตถูกกลบไปด้วยม่านน้ำตา เพราะเห็นเลือดที่แดงฉานของคามิน ที่ยังไหลออกมาไม่หยุด
“ฮึก... คุณ คุณเจ็บมากไหม” ปราณันต์กอดคามินที่นอนอยู่กับพื้นไว้แน่น
"ไม่.. ไม่ต้องร้องไห้นะครับคนดี ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก คุณปราณล่ะครับ... คุณปราณ เจ็บตรงไหนไหม"
และถึงแม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บ แต่คามินก็ยังคงเป็นห่วงปราณันต์มากกว่า และพยายามไล้มือข้างที่ไม่เจ็บลูบไปตามเนื้อตัวและใบหน้าของคนรักราวกับกำลังจะปลอบใจ
“ฮึก.. ฮืออ ผม.. ผมไม่เป็นอะไร” ปราณันต์พูดไปร้องไห้ไป เพราะตกใจที่ตอนนี้เลือดของคามินยังไหลไม่เลิก “แต่คุณ..คุณเลือดไหลเต็มไปหมดเลย ฮึก..”
ปราณันต์พยายามจะใช้มือเล็กๆ ของตัวเองกอดคามินไว้ แต่กลับกลายเป็นยิ่งทำให้คามินเจ็บหนักกว่าเดิม
“โอ๊ยยย” คามินร้องออกมาค่อนข้างเสียงดัง เพราะแรงกระแทกที่ถูกส่งมาตอนปะทะกับรถก็ไม่ใช่ว่าจะเบา ดังนั้นพอถูกปราณันต์สัมผัสแม้เพียงเบาๆ ก็ทำให้เจ็บร้าวไปทั้งตัวได้
ปราณันต์เองพอเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวลงเรื่อยๆ ของคามินยิ่งใจไม่ดี น้ำหูน้ำตายิ่งพาลไหลไม่หยุด จนสุดท้ายแม่บ้านคนที่ดูแลคอนโดของคามินก็วิ่งออกมาหลังจากที่ได้โทรแจ้งความและเรียกรถพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
“คุณปราณันต์คะ ดิฉันโทรแจ้งตำรวจและเรียกรถพยาบาลแล้ว คุณไม่ต้องห่วงนะคะ” เธอพยายามประคองปราณันต์ไว้ เพราะดูเหมือนคนรักของเจ้านาย จะดูตกใจ และทำอะไรไม่ถูกไปหมดทุกอย่าง
“ฮึก.. ให้เค้า ฮืออ ให้เค้ามาเร็วๆ ได้ไหมครับ คุณครามเลือดออกเต็มไปหมดเลย” ปราณันต์โวยวายเสียงดังเพราะทั้งใจเสีย ทั้งตกใจ กลัวคามินจะเป็นอะไรไปก็กลัว
และด้วยเสียงของปราณันต์ทำให้แทนคุณต้องหันมองเจ้านายตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบายใจอีกครั้ง เขาอยากจะเข้าไปหา ไปช่วยปราณันต์ดูแลคามิน แต่กลับเจอสายตาคมของคนที่เขากำลังเป็นห่วงปรามกลับมาว่าให้ทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น
“ฉัน.. ฉันไม่เป็นไร” คามินกัดฟันพูด “จับผู้หญิงคนนั้นไว้ อึก! อย่าให้พรวลัยเข้ามาใกล้คุณปราณได้อีก”
คามินสั่งคนสนิทเสียงกร้าว แม้จะเจ็บแค่ไหน แต่คามินจะไม่มีวันยอมให้พรวลัยมาทำร้ายหรือแตะต้องปราณันต์ของเขาได้อีกเด็ดขาด หรือต่อให้แม้คามินต้องได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้ เขาก็ทนได้ แต่ปราณันต์และฝาแฝดจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่งั้นเขาได้ขาดใจตายแน่ๆ
“คะ.. คุณคราม ฮึก..” ส่วนปราณันต์นั้นยังคงดูเหมือนว่าจะหยุดน้ำตาตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ในสายตาของคนตัวเล็กมีแต่ใบหน้าซีดเซียวของคามินที่ปรากฎอยู่เท่านั้น เขาได้แต่ภาวนาให้รถพยาบาลมาไวๆ เพราะยิ่งคามินเจ็บมากเท่าไหร่ หัวใจของปราณันต์ก็เจ็บจนเหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยเสียให้ได้
“คนดี.. ไม่ต้องร้องไห้นะครับ ผมยัง...ยังไหว” คามินข่มตากัดฟันกลั้นความเจ็บปวด เขาไม่อยากให้ปราณันต์เป็นห่วงไปมากกว่านี้
และทันใดนั้นเอง แสงไฟและเสียงไซเรนที่สะท้อนเข้ามาจากทางหางตา ก็ทำให้ปราณันต์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มอย่างดีใจทั้งที่น้ำตายังเปรอะเต็มสองแก้ม มือเล็กที่ชุ่มไปด้วยเลือดของคนรัก ยังคงกอดอีกฝ่ายไว้ไม่ปล่อย
“ฮึก.. รถพยาบาลมาแล้วครับ คุณอดทนหน่อยนะ”
“ทางนี้ค่ะทางนี้ คนเจ็บอยู่ทางนี้” แม่บ้านตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัย พลางโบกไม้โบกมือไม่หยุด โดยที่ปราณันต์ยังไม่ยอมละมือออกออกจากตัวคามินเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“มาครับ ขอทางให้ผมพาคนเจ็บขึ้นรถพยาบาลหน่อยครับ”
เจ้าหน้าที่ขอให้ปราณันต์หลีกทาง และส่งคามินให้พวกเขาดูแลต่อ แต่ดูเหมือนปราณันต์ยังลังเล แววตากลมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตกใจ และไม่ไว้ใจ ทำให้คามินที่เห็นท่าทางแบบนั้นของปราณันต์ต้องรีบพูดออกมา เพราะไม่อยากให้ปราณันต์ตกอยู่ในสภาพช็อคมากแบบนี้นานไปกว่านี้
“ไปกับผมนะ... คุณปราณ ไม่...ไม่ต้องกลัว ผมปลอดภัยแล้ว” คามินพูดพร้อมนิ่วหน้าเพราะเจ็บไม่น้อย ซึ่งภาพที่เห็นทำให้ปราณันต์ตัดสินใจวิ่งนำทุกคนไปขึ้นรถพยาบาลทันที
“เร็วๆ หน่อยครับ ผมไม่อยากให้แฟนของผมเจ็บไปมากกว่านี้”
ปราณันต์พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ เจ้าหน้าที่เองก็ดูงงๆ เพราะเมื่อกี้ปราณันต์ยังดูงกๆ เงิ่นๆ อยู่เลย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าอาการช็อคอาจทำให้สติที่ควรมีหดหาย เจ้าหน้าที่เลยจัดแจงยกคนเจ็บอย่างคามินขึ้นใส่เปลแล้วพาขึ้นรถ โดยมีปราณันต์นั่งรอท่าอยู่แล้ว ซึ่งทางฝั่งพรวลัย พอได้เห็นภาพปราณันต์ประคองคามินนั่งในรถก็แทบจะเหมือนคนเสียสติ เธอกรีดร้องลั่นด้วยความไม่พอใจ
“กรี๊ดดดด แกจะไปไหน! ไอ้ปราณันต์ กรี๊ดดดด แก! แกจะพาคามินไปไหน คามินเป็นของฉัน!! เขาเป็นของฉัน!! กรี๊ดดดดด”
พรวลัยดิ้นพล่านๆ ทำให้แทนคุณต้องข่มตากัดฟันแน่น ในการกักตัวพรวลัยเอาไว้อย่างแน่นหนา เพราะตอนที่พรวลัยทำจะพุ่งเข้าหาปราณันต์อีกรอบ
และก่อนที่แทนคุณจะจับพรวลัยไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขี้น
แทนคุณลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ตำรวจมาได้ทันเวลา
ตำรวจตรงเข้ามาล็อคตัวพรวลัยไว้ก่อนจะพาออกไป ในขณะที่รถพยาบาลเตรียมจะออก พรวลัยที่กำลังกรีดร้องเสียสติก็กำลังถูกตำรวจคุมตัวไปอีกทาง
แทนคุณทันได้วิ่งไปหาคามินที่รถพยาบาลก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออก
“บอสครับ..” แทนคุณพูดได้แค่นั้นก็โดนคามินตัดบทเสียก่อนเพราะรู้ดีว่าแทนคุณจะพูดอะไรต่อ
“ฉัน... ไม่เป็นอะไร” คามินสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อข่มความเจ็บปวด ก่อนสั่งแทนคุณอย่างเฉียบขาด “นายต้องไปดูแลฝาแฝด หรืออย่างน้อยก็ต้องทำ อึก! ให้แน่ใจว่าพวกเด็กๆ ปลอดภัย แล้วค่อยตามไป”
แม้ใจจะห่วงคามินมาก แต่แทนคุณก็ขัดคำสั่งเจ้านายไม่ได้ อีกอย่างตอนนี้มือข้างที่ไม่เจ็บของคามินก็มีมือเล็กๆ ของปราณันต์จับไว้แน่น และอีกเดี๋ยวถ้าถึงมือหมอแล้วก็คงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีก
“คุณแทนคุณ ผมฝากน้องด้วยนะครับ” ปราณันต์พูดทั้งที่ตาบวมช้ำ เพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ทำให้ดูน่าสงสารและน่าทะนุถนอมยิ่งขึ้นไปอีก แทนคุณไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้านายของเขาถึงได้รักพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้นัก
“ผมก็ฝากบอสด้วยนะครับคุณปราณันต์” แทนคุณก้มศรีษะให้คนทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะถอยออกมาเพื่อให้รถได้แล่นออกพาเจ้านายเขาไปโรงพยาบาลต่อไป
.
.
.
ระยะเวลาที่ใช้เดินทางมาโรงพยาบาลกินเวลานานจนแทบจะชั่วชีวิตสำหรับปราณันต์ เลือดของคามินหยุดไหลแล้ว เพราะได้รับการปฐมพยาบาลจากเจ้าหน้าที่ประจำรถฉุกเฉิน แต่ดูเหมือนว่าน้ำตาของปราณันต์จะยังไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆ
ปราณันต์ยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ ตอนมองไปที่ใบหน้าที่แทบจะไร้สีเลือดของคามินแล้วหัวใจของเขาก็เจ็บไปหมด ทำไมคามินต้องเสียสละตัวเองเพื่อเขาขนาดนั้น ถ้าคามินไม่เข้ามาขวางไว้ เขาคงโดนพรวลัยขับรถชนไปแล้ว แต่นี่เป็นเพราะคามินช่วยไว้ เขาเลยไม่เป็นอะไร แต่คามินดันต้องมาเจ็บตัวแทนแบบนี้ นั่นยิ่งทำให้คนตัวเล็กกว่ารู้สึกผิดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
มือเล็กเอื้อมไปจับมือใหญ่ที่อบอุ่นเสมอของคามินไว้ แม้ในเวลาแบบนี้มือของคามินก็ยังให้ความรู้สึกปลอดภัยไม่เปลี่ยนแปลง
ปราณันต์ยกมือของคามินมาแนบไว้กับแก้มตัวเองเบาๆ พร้อมกับกระซิบถ้อยคำขอบคุณซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ
“คุณคราม.. ขอบคุณคุณมากนะครับ ขอบคุณ”
.
.
.
ในที่สุดช่วงเวลาที่แสนทรมานของปราณันต์ก็จบลง คามินเดินทางมาถึงโรงพยาบาลและถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดโดยด่วน ปราณันต์เดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดอย่างเป็นห่วง จนกระทั่งอนาวิน กันต์กวี และนทนัชเดินทางมาถึงโรงพยาบาล เพราะรู้ว่าเกิดเรื่องกับปราณันต์ทันทีที่เดินทางกลับมาถึงกรุงเทพ
อนาวินวิ่งหน้าเริ่ดมาด้วยความกังวล เขากลัวว่าปราณันต์จะได้รับอันตราย คนอย่างพรวลัยไม่ธรรมดาเลยสักนิด และหลังจากที่เขาได้รู้คร่าวๆ จากปราณันต์ว่า การตายของคุณพ่อคุณแม่ของปราณันต์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นเขายิ่งกังวลไปใหญ่ ครั้นจะให้อยู่บ้านเฉยๆ เพื่อรอฟังข่าวคงไม่ไหว เลยต้องรีบออกมาหาเพื่อนสนิทกลางดึกที่โรงพยาบาลแบบนี้
และทันทีที่ปราณันต์และอนาวินเจอกัน ทั้งสองก็โผเข้าหากันทันที
“ไอ้ปราณ.. นายไม่ได้เป็นไรใช่ไหม” อนาวินถามเสียงหวั่นๆ เพราะกลัวเพื่อนจะได้รับบาดเจ็บ
“ฉันไม่เป็นไร แต่คุณคราม...” ปราณันต์ชะงักไปแล้วทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ นทนัชเลยต้องเข้ามาปรามไว้
“เขาไม่เป็นอะไรหรอกปราณ ถึงมือหมอแล้ว ไม่ต้องร้องๆ”
นทนัชพยายามพูดให้ปราณันต์คลายความกังวลใจแต่ดูเหมือนก็จะไม่ได้ผลมากนัก
“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำไมหมอถึงไม่ออกมาสักทีล่ะครับ” มือเล็กกำเข้าหากันแน่นด้วยความไม่สบายใจ จนกระทั่งประตูห้องผ่าตัดเปิดออก
“คุณหมอครับๆ คุณครามเป็นยังไงบ้างครับ”
ปราณันต์ถลาเข้าไปหาแพทย์ผู้ผ่าตัดคนแรก ซึ่งหมอไม่ตอบคำถามปราณันต์ แต่กลับถามคำถามปราณันต์แทน
“คุณเกี่ยวข้องเป็นอะไรกับคนไข้ครับ”
ปราณันต์อึกอักทันทีที่ถูกถามแบบนั้น แต่เขาอยากรู้ว่าคามินเป็นยังไงมากกว่าที่จะมามัวมานึกถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างพวกเขาสองคน
“ผมเป็นแฟนครับ ผมเป็นคนรักของคุณคราม คุณหมอบอกผมเถอะครับว่าเขาเป็นยังไงบ้าง”
อนาวินได้แต่เหลือบตามองกันต์กวีที่ซึมลงไปถนัดตาเมื่อได้ยินปราณันต์ตอบหมอแบบนั้น กันต์กวีเองก็มองกลับมา พร้อมกับรอยยิ้มเหนื่อยๆ รอยยิ้มที่พยายามจะบอกว่าตัวเองโอเคและไม่เป็นไร แต่ในความเป็นจริงคือตรงกันข้าม
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ มีรอยฟกช้ำนิดหน่อย อวัยวะภายในยางส่วนกระทกระเทือนบ้าง แต่ไม่หนักมาก อาจจะต้องพักผ่อนหลายสัปดาห์หน่อย เพื่อค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกาย”
คุณหมอร่ายยาว ปราณันต์ฟังรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง เพราะแค่ได้ยินว่าคนรักของตัวเองปลอดภัย ใจเขาก็ลอยไปอยู่ข้างเตียงของคามินแล้ว และเมื่อคุณหมออนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ ปราณันต์ก็แทบจะวิ่งเข้าไปคนแรกเลยด้วยซ้ำ
เวลานี้ปราณันต์นั่งเกาะขอบเตียงในห้องของโรงพยาบาลที่คามินนอนอยู่ไว้แน่น ตากลมที่กำลังบวมช้ำจ้องมองคนรักที่กำลังหลับเพราะเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดด้วยความเป็นห่วง ความรัก และความหวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรก็รวมอยู่ในนั้นทั้งหมด ปราณันต์เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองรักคามินมากขนาดไหนก็ตอนนี้ ตอนที่ความเป็นความตายมาอยู่ตรงหน้า
และเหมือนคามินจะรับรู้ถึงความเป็นห่วงที่ปราณันต์มีให้เขาได้ เพราะตอนนี้คนที่นอนเจ็บอยู่กำลังขยับตัวช้าๆ ทำเอาปราณันต์ผวาเข้าหาคนรักในแทบจะทันทีทันใด
“อะ.. อื้อ!” เสียงทุ้มที่เคยมีเสน่ห์ ครางออกมาต่ำๆ ด้วยความเจ็บที่ตรงเข้าจู่โจมคามินทันทีที่ได้สติและขยับตัว ดูเหมือนว่าฤทธิ์ของยาชาจะจางลงไปมาก นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าคมคายเหยเกเพราะความเจ็บ
“อย่าเพิ่งขยับนะครับ คุณเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดเอง นอนพักเฉยๆ ดีกว่านะ” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยถูกส่งมาจากปากอิ่ม คามินมองหน้าคนรักแล้วสงสารจับใจ ตอนนี้ใบหน้าสวยหวานของปราณันต์กำลังเศร้าหมองและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด น้ำใสทำท่าจะไหลออกมาจากตากลมที่บวมช้ำอีกรอบ จนคามินที่เห็นท่าไม่ดีจึงต้องรีบเอ่ยปลอบ
“ร้องไห้ทำไมครับ ไม่ดีใจหรอ ที่ผมไม่เป็นอะไรมาก” เสียงทุ้มถามเย้าๆ ด้วยริมฝีปากเปื้อนยิ้ม เขาไม่อยากให้ปราณันต์โทษตัวเอง
“ยังจะมา ฮึก! .. ตลกอีก” ปราณันต์ต่อว่าพลางกลั้นก้อนสะอื้น คนตัวเล็กรู้ดีว่าคามินจะเป็นห่วง ถ้าเห็นเขาร้องไห้ ปราณันต์ไม่อยากให้คนที่กำลังนอนเจ็บอยู่เป็นกังวล เลยพยายามห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดความสามารถ
“ผมตลกให้คุณปราณดู เพื่อที่จะบอกว่าคุณว่าผมไม่เป็นอะไร เจ็บแค่นี้ไกลหัวใจ คุณปราณก็เห็น”
ปราณันต์ไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยกมือใหญ่ของอีกฝ่ายขึ้นมาแนบแก้ม
“ขอบคุณคุณมากนะครับที่ปกป้องผม แต่คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกได้ไหม ผมขอร้อง” คนตัวเล็กกว่าพูดเสียงสั่น ครั้งนี้คามินอาจจะโชคดีที่บาดเจ็บไม่มาก แต่ถ้าครั้งต่อไปมันหนักหนากว่านี้ล่ะ...
ปราณันต์หลับตาลง พร้อมกับข่มความกลัวเอาไว้ลึกสุดใจ ถ้าคามินเป็นอะไรไป เขากับฝาแฝดจะอยู่ยังไง โดยเฉพาะตัวปราณันต์เอง เขาต้องอยู่ไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่มีคามิน
“คุณปราณครับมองหน้าผม” คามินพูดเสียงจริงจัง ดวงตาเรียวคมที่เต็มไปด้วยความเข้มแข็งแต่ก็อบอุ่น จริงจังแต่ก็ปลอดภัย มองสบกับตากลมของปราณันต์ที่ตอนนี้แววนัยน์ตาสั่นไหวจนยากที่จะควบคุม
“ผมรักคุณมาก และผมรับปากเรื่องนี้กับคุณไม่ได้” คามินใช้มือที่ปราณันต์จับไปแนบ ไล้เบาๆ ที่แก้มนิ่มของคนคิดมาก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม “ผมยอมตายแทนคุณ แทนฝาแฝดได้ แต่ผมอยู่โดยไม่มีคุณไม่ได้ เข้าใจผมใช่ไหมคุณปราณ”น้ำใสไหลออกมาจากตากลมอีกครั้ง คราวนี้ปราณันต์ไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะเสียใจ แต่มันเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความซาบซึ้งใจต่างหาก
“ผมให้สัญญาแล้วว่าผมจะปกป้องคุณ ปกป้องน้องๆ ของคุณ ผมก็ต้องทำ... และอีกอย่างถึงผมไม่สัญญา ผมก็คงยอมให้ใครมาทำอะไรหัวใจของผมไม่ได้หรอก เข้าใจใช่ไหมครับคนดี”
คามินร่ายยาว น่าแปลกที่เขาควรจะเจ็บแผล แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น สภาพการบาดเจ็บทางร่างกายทำอะไรคามินไม่ได้เลยสักนิด เพราะตอนนี้กำลังใจของเขาดีมาก แค่ปราณันต์เป็นห่วงเป็นใยเขามากขนาดนี้เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
“คุณคราม งั้นผมขอให้คุณให้สัญญากับผมอีกอย่าง สัญญาว่าคุณจะไม่เป็นอะไร คุณจะอยู่กับผมและน้องๆ ตลอดไป คุณสัญญาได้ไหมครับ”
คามินยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวทั้งสองข้างเมื่อได้ยินคนเอาแต่ใจ ขอให้สัญญาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดทั้งที่น้ำตาเปรอะแก้มไปหมด นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ็บตัวอยู่ จะลุกไปจับมาจูบให้หนำใจแน่ๆ แต่สุดท้ายคามินก็ยอมรับปาก พยักหน้าให้อีกฝ่ายที่ตอนนี้รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ครับ ผมสัญญา” พอจบคำตอบ ปราณันต์ก็ยื่นใบหน้าไปจนติดคนป่วยที่กำลังนอนอยู่อย่างงงๆ เพราะไม่รู้ว่าคนตัวเล็กกว่าจะทำอะไร พอรู้ตัวอีกที ริมฝีปากอิ่มก็ฉกลงมาจูบเบาๆ ที่ปากหยักของคามินเสียแล้ว
จุ๊บ~
“นั่นเป็นเพราะผมเองก็รักคุณมาก และคงอยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าไม่มีคุณ”เสียงหวานกระซิบบอก หลังจากผละริมฝีปากออกมา คามินยิ้มกว้างเมื่อได้ยินปราณันต์พูดแบบนั้น อีกฝ่ายที่เป็นคนพูดเองก็ยิ้มมีความสุขไปไม่น้อยกว่า และก็ได้แต่ช่วยกันภาวนาในใจให้เรื่องร้ายๆ หมดไปเสียที
.
.
.
คามินพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลได้สองสามอาทิตย์ โดยที่อาการดีขึ้นตามลำดับ แผลที่ผ่าตัดและอาการโดยรวมดีขึ้นมาก จนเกือบจะหายดี หมอลงความเห็นว่าน่าจะเป็นเพราะที่ผ่านคามินดูแลตัวเองอย่างดีทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ปราณันต์มาเฝ้าคามินทั้งวันทุกวัน บางวันก็เอาฝาแฝดมาด้วย ตอนแรกที่เด็กๆ มาแล้วเห็นคามินใส่ชุดโรงพยาบาลนอนอยู่เฉยๆ บนเตียง ไม่สามารถเล่นหรือลงจากเตียงมากอดมาหอมพวกแกได้เหมือนตอนที่ปกติ พวกเด็กๆ ก็ร้องไห้โยเยกันยกใหญ่ เพราะกลัวว่าคามินจะไม่สบายหนัก กว่าจะโอ๋ให้เข้าใจ ก็กอดก็ปลอบกันอยู่นาน ซึ่งมาสงบเอาจริงจังก็ตอนได้ที่ขึ้นไปสำรวจอาการพี่ครามเองบนเตียงด้วยตัวเองว่าพี่ครามไม่เป็นอะไรมากนั่นแหละถึงได้ยอมวางใจ และหยุดร้องไห้ได้
ส่วนอดีตท่านประธานแห่งเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้กับคุณแม่ของคามินก็มาเยี่ยมวันเดียวกับที่ฝาแฝดอยู่ด้วยพอดี เด็กๆ เลยดีใจกันยกใหญ่ที่ได้เจอคุณยายคนสวย ตรงกันข้ามกับปราณันต์เองที่ออกอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัด กับคุณแม่ยังไม่เท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่าท่านเอ็นดูเขาและฝาแฝดไม่น้อย แต่กับอดีตท่านประธานนี่สิ ปราณันต์ยังไม่เคยเจอกับท่านเลยสักครั้ง และอีกอย่างตัวปราณันต์เองก็คิดมากมาตลอดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้คามินเจ็บตัว ซึ่งคงไม่มีพ่อแม่ของลูกคนไหน ที่จะชอบคนที่ทำให้ลูกตัวเองเจ็บตัวอาการหนักขนาดนี้ แต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นแบบที่ปราณันต์คิดเลยสักนิด เพราะสิ่งที่อดีตท่านประธานพูดทันทีที่เห็นคามินนอนป่วยอยู่บนเตียงคือ
‘ดี! เอาเลือดของไอ้เด็กหัวดื้อนี่ออกบ้าง เผื่อมันจะได้อวดดีให้น้อยลงหน่อย’ส่วนคุณแม่เองก็พอกัน เพราะเธอพูดว่า
‘ถ้าน้องเจ็บตัวเพราะครามดูแลน้องไม่ดีล่ะก็ แม่จะเล่นงานให้หนักๆ เลย ปราณมาฟ้องแม่ได้นะลูก เข้าใจใช่ไหม’ปราณันต์เองก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ยิ้มเจื่อนๆ ตอนได้ยินคุณพ่อและคุณแม่พูดแบบนั้น ส่วนคามินก็ไม่ได้ดูเสียอกเสียใจเท่าไหร่เมื่อได้ยินบิดาและมารดาพูดแบบนั้น ซึ่งคนตัวโตทำได้แต่นิ่วหน้าเพราะพ่อกับแม่พากันหลงปราณันต์ไปหมด ตอนแรกคามินคิดว่าแม่นี่หลงปราณันต์หนักแล้ว แต่ปรากฎว่าพออดีตท่านประธานแห่งเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้เจอปราณันต์เข้าไป กลับเอ็นดูคนตัวเล็กหนักกว่าแม่เขาเสียอีก
ช่วงแรกที่เจอกันก็มีบ้างที่ปราณันต์จะเกร็งๆ เพราะคนตัวเล็กเองก็ไม่มั่นใจว่าบิดาของคามินจะมองเขาในแง่ไหน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปราณันต์คือสาเหตุที่ทำให้คามินเลิกกับพรวลัย คนที่อดีตท่านประธานหมายมั่นปั้นมือจะให้ลูกชายแต่งงานด้วย เพื่อธุรกิจที่รุ่งเรืองและความมั่นคงในอนาคต แต่ปราณันต์กลับเดินเข้ามาในชีวิตของคามิน แล้วทำลายความฝันของอดีตท่านประธานพังไม่เป็นท่า จะให้ปราณันต์มั่นใจได้ยังไงว่าคุณพ่อของคามินจะชอบเขา
ซึ่งพอพูดถึงเรื่องนี้ อดีตท่านประธานกลับพูดแค่ว่า
‘อย่าไปเอาเรื่องนี้มาใส่ใจเลย เรื่องแต่งงานเพื่อให้ธุรกิจมั่นคงน่ะมันแค่ผลพลอยได้ พ่อมั่นใจว่าต่อให้ไม่มีพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่น ครามมันก็คงดูแลเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้ได้เองอยู่แล้ว แต่เหตุผลจริงๆ ที่พ่อจับมันแต่งงานนั่นก็เพราะกลัวครามมันหาเมียไม่ได้มากกว่า เย็นชาก็เท่านั้น วันๆ ก็บ้าแต่งาน ถ้าไม่หาเมียให้ก็คงอยู่เป็นโสดไปจนตายไม่มีคนดูแลนั่นแหละ’ก่อนที่ท่านประธานจะตบท้ายด้วยหมัดเด็ด
‘
ใครจะไปคิดว่ามันจะหาคนที่จะมาอยู่ด้วยได้น่ารัก มารยาทดี แถมคุมมันได้อยู่หมัดขนาดนี้ ... ไอ้ลูกคนนี้นี่มันก็ร้ายไม่เบา หนำซ้ำมันยังพ่วงเอาไอ้เจ้าตัวน้อยทั้งสองนั่นมาให้กอด ให้อุ้ม ได้ชื่นใจอีก แล้วเรื่องอะไรพ่อถึงจะไม่ยอมรับปราณล่ะ หื้ม?’ปราณันต์หน้าแดงก่ำตอนได้ยินอดีตท่านประธานพูดแบบนั้น ส่วนแม่ของคามินเองก็ยิ้มหน้าบานเพราะปลื้มปราณันต์เป็นทุนอยู่แล้วและที่ดูเหมือนที่ลงตัวที่สุดตอนนี้ก็เห็นจะเป็นฝาแฝดปัณณธรกับปุณณกันต์นั่นแหละ
เพราะตอนนี้ปราณันต์ต้องมาอยู่เฝ้าคามินที่โรงพยาบาลทุกวัน ครั้นจะให้แทนคุณดูแลฝาแฝดตลอดก็ไม่ได้เพราะมีงานที่ต้องทำแทนคามิน คุณพ่อและคุณแม่ของคามินเลยรับฝาแฝดไปอยู่ที่คฤหาสน์เสียด้วยเลย สร้างความพอใจให้ท่านทั้งสองเป็นอย่างมาก คนแก่สองคนอยู่ด้วยกันเหงาๆ แต่พอมีเจ้าตัวน้อยที่ทั้งฉลาดทั้งพูดเก่งไปอยู่เป็นเพื่อน ก็แทบจะทำให้ผู้สูงวัยทั้งสองลืมลูกชายตัวเองไปโดยปริยาย และยิ่งช่วงนี้เด็กๆ ยังไม่เปิดเทอม ทำให้มีเวลาทุกวันไปอยู่กับพวกท่านได้ ซึ่งคามินเองก็ให้แทนคุณไปจัดการยกเลิกลาออกที่โรงเรียนเก่าของเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากพวกเด็กๆ หายไปแค่ช่วงปิดเทอมเลยไม่มีปัญหาอะไรยุ่งยากเท่าไหร่นัก
และตัวเด็กๆ เองก็ติดคุณยายกับคุณตาแจไม่ห่างเพราะอยู่ด้วยกันทุกวัน พักหลังฝาแฝดเลยไม่ค่อยร้องจะมาหาคามินเท่าไหร่นัก แรกๆ คามินถึงกับน้อยใจเลยทีเดียวที่ปัณณธรกับปุณณกันต์ไม่สนใจตัวเองเท่าเมื่อก่อน จนเจ้าตัวแสบมาง้อถึงเตียงคนป่วย โดยการระดมจูบแก้มซ้ายขวา พร้อมกับตะโกนแทบลั่นโรงพยาบาลว่ารักพี่ครามที่สุดในโลกนั่นแหละ คามินถึงยิ้มหน้าบาน เลิกคิดมากได้
และบ่ายวันนี้ปราณันต์ก็มาเฝ้าคามินตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ คามินสัมผัสได้ว่าปราณันต์เหม่อลอยเป็นพิเศษ และในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถามก็ดูเหมือนว่าพวกเพื่อนๆ ของทั้งสองฝ่าย ทั้งของฝั่งคามิน และฝั่งปราณันต์ จะเดินเข้ามาเยี่ยมเสียก่อน
ทั้งหกเดินเข้ามาพร้อมกัน นทนัช เมธัส อนาวิน สิปปกร เตชินท์ และกันต์กวี ซึ่งนั่นเรียกเอาสายตาประหลาดใจจากคามินและปราณันต์ได้ไม่น้อย
“นี่พวกคุณมาพร้อมกันหรอ?” ปราณันต์ถามขึ้นก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิท “นายมาพร้อมพวกเค้าหรอ”
อนาวินส่ายหน้าหวือพลางทำหน้าบูด “เจอกันข้างล่างโว้ย เห็นจุดหมายเดียวกัน เลยมาพร้อมกัน”
ปราณันต์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหันไปทางเมธัสและเตชินท์ที่ดูเงียบๆ และไม่ค่อยกล้าสบตาเขาเท่าไหร่นัก ตอนแรกปราณันต์ก็สงสัยว่าทั้งคู่เป็นอะไร แต่พอสักพักก็นึกขึ้นได้ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย สงสัยอาจจะเข้าหน้ากันไม่ติด
“คุณเมธัส คุณเตชินท์ ทำตัวตามสบายเถอะครับ เรื่องมันแล้วไปแล้ว” ก่อนที่ปราณันต์จะพูดขำๆ “ผมเอาความโกรธไปลงที่คุณครามหมดแล้วครับ”
ซึ่งการกระทำและคำพูดของปราณันต์แบบนั้นทำให้สถานการณ์ในห้องดีขึ้นมาทันตา
“เฮีย เอ๊ย ผม.. ผมต้องขอโทษคุณปราณันต์อีกครั้งจริงๆ นะครับ ทั้งๆ ที่ผมเป็นพี่ที่สุด แต่กลับไม่ห้ามน้องๆ แถมยังลงไปเล่นพิเรนทร์ๆ กับพวกมันอีก เฮีย เอ๊ย ผมนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”
เมธัสร่ายขอโทษยาว และโดยที่ปราณันต์ยังไม่ทันเอ่ยอะไร ก็มีเสียงใครบางคนดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“รู้ตัวก็ดี แก่จนป่านนี้ละยังเล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง” ทุกคนหันไปมองนทนัชเป็นตาเดียว ซึ่งเป็นคนที่ต่อว่าเมธัสขึ้นมานั่นแหละ
ทุกคนดูจะตะลึงๆ ไป แต่แล้วจู่ๆ ก็...
“ฮะ.. ฮ่าๆๆๆ ฮ่ะๆๆๆ” มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมากลางปล้อง และที่น่าแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ เสียงหัวเราะนี้เป็นเสียงหัวเราะของคามิน
และก็เหมือนเป็นโรคติดต่อ พอมีคนนึงเริ่มหัวเราะคนต่อๆ ไปก็หัวเราะตามๆ กันเรื่อย จนกลายเป็นว่าตอนนี้ในห้องพิเศษที่คามินนอนพักรักษาตัวนั้น ระงมด้วยเสียงหัวเราะของคนทั้งแปดคน ที่กำลังมีความสุข เหมือนกับที่มิตรภาพได้เบ่งบานออกมาพร้อมๆ กัน
.
.
.
(อ่านต่อด้านล่าง)