จิมเดินผิวปากออกจากห้องอย่างสบายอารมณ์ กำลังจะก้าวลงบันไดก็ชะงักกับเสียงของทอมที่ดังแว่วออกมา รีบวิ่งกลับเข้าไปก็พบทอมยืนหน้าตื่นเรียกหาแม็กกี้อยู่กลางห้อง
“เกิดอะไรขึ้น ทอม.. แม็กกี้เป็นอะไร”
“แม็กกี้หายไป ฉันให้นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนเดินไปคุยกับนาย” ทอมชี้มือไปที่โซฟา
“ไม่หายไปไหนหรอก ห้องน้ำหาหรือยัง”
“หาแล้ว ไม่อยู่”
จิมเหลียวซ้ายแลขวามองหาเด็กชายแต่ไม่พบ เดินเข้าไปในห้องน้ำหาดูด้วยตัวเองอีกครั้ง ออกจากห้องน้ำเห็นทอมก้มลงมองใต้เตียงปากก็ร้องเรียกเด็กชาย ทำเหมือนกำลังหาลูกแมวยังงั้นแหล่ะ จิมนึกขำแต่ไม่อยู่ในสถานการณ์ที่จะหัวเราะได้ เขาไม่ตกใจเท่าไรเพราะคิดว่าแม็กกี้อาจจะนั่งซุกตัวอยู่ตรงไหนสักแห่งในห้องเหมือนที่ทำบ่อยๆ ตอนอยู่ที่บ้านคุ้มครอง แต่เมื่อมองหาจนทั่วแล้วก็พบว่าเด็กชายไม่ได้อยู่ในห้องจริงๆ
“จิม.. แม็กกี้หายไปไหน หายไปได้ยังไง ช่วยฉันหาลูกหน่อย..” น้ำเสียงทอมสั่นเครือ
“ใจเย็นๆ ทอม.. จะไปไหน.. หือ..”
จิมฉุดทอมไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“ไปหาข้างนอก ก็ในห้องไม่มี..”
“เรายืนกันอยู่ที่ประตู แม็กกี้ไม่ได้ออกจากห้องทางนั้นแน่ ยกเว้นเจ้าหนูหายตัวได้..” จิมพูดกับทอมแต่สายตาจับจ้องที่ระเบียงด้านนอก
“เมื่อเช้าออกไปที่ระเบียงหรือเปล่า ทอม.. ”
“เปล่านี่… อ๊ะ!.. หรือว่า..”
เร็วเท่าใจคิด!!.. ทอมวิ่งไปที่ประตูทางออกระเบียงซึ่งเปิดค้างไว้ ไม่พบเด็กชายบนระเบียง เหลียวซ้ายก็ไม่พบแต่เมื่อหันไปทางขวาก็ต้องสะดุ้งเฮือก อ้าปากจะร้องเรียกก็ถูกจิมเอามือปิดปากไว้
“ชูว์… อย่าตะโกน เดี๋ยวลูกตกใจ..”
แม็กกี้ปีนออกจากระเบียงไปนั่งอยู่บนหลังคา มือซ้ายยึดราวระเบียงไว้เพราะมือขวาเจ็บ ภาพที่เห็นคือเด็กชายกำลังพยายามจะเก็บอะไรสักอย่างด้วยเท้า ไม่อยากเชื่อเลย.. แม็กกี้ในสภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็แค่เด็กผู้ชายซนๆ คนหนึ่ง ไม่เหมือนเด็กที่มีอาการป่วยทางจิตเลย
“ย่องเข้าไปจับไว้ พยายามอย่าให้เห็นก่อนจะถึงตัว”
จิมกระซิบบอกเมื่อเห็นทอมยืนตะลึงอยู่
“ฉ.. ฉันเหรอ..”
“ใช่ซี.. แม็กกี้เห็นนายก็ยังไม่ตกใจเท่าเห็นฉัน ไปเร็วเข้า ทอม..”
“โอเค..”
ทอมผูกเชือกเสื้อคลุมให้กระชับขึ้นก่อนเดินย่องเข้าไปหาเด็กชาย จิมเดินตามมาห่างๆ เข้าไปใกล้จึงเห็นว่าสิ่งที่แม็กกี้กำลังพยายามเก็บคืออะไร ทอมใจเต้นแรงกลัวเด็กชายหันมาเห็นและตกใจปล่อยมือพลัดตก จะให้จับตัวโดยที่เด็กไม่ทันได้เห็นไม่มีทางเป็นไปได้เลย นอกเสียจาก...
ทอมทรุดตัวลงด้านหลังเด็กชาย ค่อยๆ ยื่นมือลอดราวระเบียงออกไปเพื่อรั้งตัวเจ้าหนูเข้ามา แต่เพียงแค่สัมผัสถูกร่างเล็กก็สะดุ้งเฮือก ส่งเสียงกรีดร้องและปล่อยมือซ้ายที่จับราวระเบียงไว้ทันที ทอมใจหายวาบคว้าร่างเจ้าหนูไว้แทบไม่ทัน
“อย่าดิ้นซี แม็กกี้.. นี่แด๊ดนะ.. เฮ้!.. จิมช่วยหน่อย เร็ว…”
เด็กชายพยายามดิ้นหนีเท้าสองข้างเตะถีบกระเบื้องไปมา ส่งเสียงครางสลับกับกรีดร้อง จิมปีนคร่อมราวระเบียงคว้าตัวเจ้าหนูไว้และบอกให้ทอมปล่อยมือ
ทอมลุกขึ้นรับร่างเล็กที่ดิ้นเร่าๆ อยู่ในอ้อมแขนแกร่งของจิม เหตุการณ์ วุ่นวายบนระเบียงห้องนอนของเจ้านายทอม ทำเอานายแก้วและนายเอ๊ดแหงนหน้ามองตาค้างอยู่ที่สนาม นี่แค่วันแรกหนุ่มน้อยแม็กกี้ซึ่งวันนี้กลับมาอยู่ในฐานะคุณหนูของบ้านแม็คกิลล์ ก็ประเดิมเรื่องที่น่าหวาดเสียวแต่เช้าแล้ว
จิมยืนกอดอกมองดูเด็กชายที่ยังอยู่ในอาการสะอื้นเล็กๆ หลังคลายความ ตกใจลงแล้ว ร่างเล็กนั่งซบอยู่กับอกทอม เสียงพร่ำปลอบอย่างอ่อนโยนฟังระรื่นหูอย่างไม่น่าเชื่อ
“ไม่กลัวแล้วนะแม็กกี้.. จะเก็บของทำไมไม่เรียกแด๊ดล่ะครับ ลูกปีนลงไปอย่างนั้นไม่ได้นะ มันอันตราย.. อยากออกมาเดินเล่นข้างนอกทำไมไม่บอกล่ะครับ ลูกพูดได้นี่นาแม็กกี้.. พูดอย่างที่เคยพูดซี เรียกแด๊ดสักคำ... คุณทอมก็ได้.. หือ…”
ทอมลูบศีรษะเด็กชาย เช็ดน้ำตาและจูบปลอบที่แก้มเบาๆ จิมเห็นแล้วอิจฉาเจ้าหนูนิดๆ ในมือเขาถือรถไฟฟ้าจำลองซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องน่าหวาดเสียวแต่เช้า เขาเดินเข้ามายื่นรถที่อยู่ในมือให้ แม็กกี้จ้องมองรถไฟตาเขม็งแต่ไม่ยอมรับจนทอมต้องกระซิบบอก
“รถไฟของลูกไง รับซีครับ คุณจิมเก็บรถให้ลูกแล้ว แม็กกี้..”
เด็กชายเหลือบสายตาขึ้นมองจิมแว่บหนึ่งก็เบือนหน้าหนีซบกับไหล่ทอม
“จำไม่ได้จริงๆ หรือ แม็กกี้.. ฉันคงรังแกเธอไว้เยอะซีนะ แกล้งจำไม่ได้หรือเปล่าน่ะ มองหน้ากันหน่อยซี ไอ้หนู เฮ้!..”
จิมทรุดตัวลงข้างทอมพยายามจะสบตากับเด็กชาย แม็กกี้เริ่มส่งเสียงครางจนทอมต้องรีบห้ามจิมให้หยุดกระเซ้า
“พอเถอะจิม แม็กกี้ยังจำฉันในฐานะ ทอม แม็คกิลล์ ไม่ได้เลย จะไปจำนายได้ยังไง.. ช่วยลงไปสั่งให้แววยกอาหารเช้าขึ้นมาที ฉันจะทานกับแม็กกี้บนนี้ นายจะทานด้วยมั้ย”
จิมเลิกแหย่เพราะเห็นว่าได้เวลาที่เด็กชายควรจะทานอาหารเช้าแล้ว เขาหยุดกระเซ้าลูกแต่หันมากระเซ้า คุณพ่อมือใหม่.. สุดที่รักของเขาแทน
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ชวนกระหม่อมทานอาหารเช้าด้วย แต่ตราบใดที่องค์ชายน้อยยังไม่ชอบหน้ากระหม่อม คนรักฐานะต่ำต้อยอย่างกระหม่อมเข้าใจดี เพื่อไม่ให้ฝ่าบาทลำบากพระทัย กระหม่อมขอจัดการอาหารเช้าของตัวเองแต่เพียงลำพังที่โต๊ะอาหาร..”
จิมยกมือทอมขึ้นจูบเบาๆ ก่อนตีหน้าเศร้าลุกขึ้นเดินจากไป ทอมนั่งอมยิ้มมองตามตาปริบๆ
...ดูละครเวทีมากเกินไปหรือเปล่า จิมมี่.. นายนี่มันทะเล้นจริงๆ...
จิมในชุดหล่อเนี้ยบกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดมา เสียงทีวีในห้องพักผ่อนเปิดดังลั่นโดยไม่เกรงใจใคร เทพบุตรสุดรักของเขาคงกำลังนั่งดูการ์ตูนกับลูกชายอย่างสบายอารมณ์ล่ะซี จิมระบายยิ้มก่อนออกไปข้างนอกต้องแวะกระเซ้า คุณพ่อมือใหม่ ซะหน่อย
จิมแปลกใจเมื่อพบทอมในสภาพที่ไม่ค่อยสดชื่น สีหน้าไม่สบายอารมณ์อย่างที่คิด เด็กชายนั่งนัวเนียอยู่ข้างกาย เขาเดินอ้อมไปด้านหลังโซฟาและก้มลงจูบแก้มทอมเบาๆ
“เป็นอะไรทอม.. ทำหน้าเหมือนถ่ายไม่ออก..” เขาอดกระเซ้าไม่ได้ทั้งที่รู้ว่าอาจทำให้อีกฝ่ายหัวเสีย แต่ทอมกลับตอบรับด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“อือ.. รู้ได้ไง..”
“หา!!.. ถ่ายไม่ออกจริงเหรอ.. ท้องผูกล่ะซี.. เครียดเกินไปหรือเปล่า..”
กลิ่นน้ำหอมโชยกรุ่นทำให้ทอมละสายตาจากทีวีเงยขึ้นมอง ไม่สบอารมณ์ทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสภาพหล่อเนี้ยบ เพราะแสดงว่ากำลังจะออกไปข้างนอก
“จะไปไหน..” ทอมถามกลับไปโดยไม่สนใจตอบคำถามของอีกฝ่าย
“เอ่อ..” จิมอึกอักเล็กน้อย “ไปสัมภาษณ์งานน่ะ”
ทอมชักสีหน้าไม่พอใจ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน อารมณ์ไม่ค่อยจอย อยู่ก่อนหน้าทำให้รู้สึกฉุนกับคำตอบที่ได้รับ
“สัมภาษณ์งานอะไร.. ใครอนุญาต คิดจะทำงานพิเศษโดยไม่บอกฉันสักคำยังงั้นเหรอ ฉันไม่ให้นายไปทำงานที่ไหนทั้งนั้น ถึงจะเป็นแค่งานพิเศษเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ไม่ให้!!..”
จิมอ้าปากหวอ นึกไม่ถึงว่าอาการถ่ายไม่ออกจะทำให้คนอารมณ์เสียง่ายๆ อย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้
“เฮ้!.. ทำไมต้องโมโหด้วย แค่ออกไปสัมภาษณ์เท่านั้น ยังไม่ได้งานทำสักหน่อย”
“ก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ ฉันไม่ให้นายไปสัมภาษณ์งานที่ไหนทั้งนั้น เรื่องอะไรจะต้องไปหางานทำทั้งที่นายยังทำงานกับฉันอยู่”
ทอมเสียงดังจนแม็กกี้หันมามองสีหน้าเลิ่กลัก จิมได้ทีรีบอ้างเด็กชายเพื่อให้ทอมคลายอารมณ์โกรธลง
“อย่าเสียงดังซี ลูกตกใจเห็นมั้ย…”
ทอมหันไปจูบปลอบและกระซิบเบาๆ 2-3 คำ เจ้าหนูก็หันกลับไปดูทีวีต่ออย่างว่าง่าย ทอมลุกขึ้นไปนั่งที่โซฟาอีกตัว ไม่อยากให้เด็กชายได้ยินการสนทนา จิมตามมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“ลืมหรือเปล่า ทอม.. นายเป็นคนอยากให้ฉันหางานใหม่ทำเองนะ”
ทอมกล่าวกระซิบเสียงขุ่น
“ฉันไม่ลืม แต่ข้อตกลงนั้นยกเลิกไปแล้ว นายไม่ยอมรับเงินเลิกจ้างจากฉันก็แปลว่านายยังเป็นลูกจ้างฉันอยู่ เพราะงั้นนายไม่มีสิทธิไปรับงานซ้ำซ้อนเวลางานของฉัน”
“ไม่เอาน่ะ ทอม.. นายงดรับงานก็แปลว่าไม่มีรายได้เข้ากระเป๋าแล้วนะ”
“แล้วไง.. กลัวฉันไม่มีเงินจ่ายให้นายเหรอ..”
“เหลวไหลน่ะทอม.. คิดว่าฉันอยู่กับนายทุกวันนี้เพราะเงินค่าจ้างยังงั้นเหรอ.. เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่วันนี้ฉันไม่คิดจะเป็นลูกจ้างนายอีกต่อไปแล้วนะ”
“จิมมี่!!..” ทอมถลึงตาใส่กัดฟันเรียกเสียงสั่น
จิมเห็นท่าไม่ดีรีบสวมกอดเทพบุตรของเขาไว้ก่อนที่อารมณ์โกรธจะระเบิดออกมาเพราะเข้าใจผิด
“อย่าให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแมลงปีกทองเลยนะทอม ฉันจะเหลือศักดิ์ศรีในตัวเองได้ยังไงถ้าต้องให้นายจ่ายเงินให้ทุกเดือน อยู่ในฐานะลูกจ้างก็ว่าไปอย่าง แต่ตอนนี้ฉันเป็นคนรักของนายแล้วนะ ลืมแล้วเหรอ…”
จิมกระซิบปลอบน้ำเสียงอ่อนโยน จมูกโด่งซุกไซ้และสูดดมความหอมที่แก้มไปด้วย
ทอมหน้าแดงอารมณ์โกรธมลายสิ้น แม้จะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย เขาก็ยังยืนยันความต้องการของตัวเอง
“ไม่รู้ล่ะ ฉันไม่ให้นายไปทำงานที่อื่น ถ้าไปข้อตกลงระหว่างเราก็ยกเลิก”
“ยกเลิก… ข้อตกลง ?.. เรื่องอะไรอ่ะ”
“เลิกคบกันอย่างคนรัก” จิมสะดุ้งโหยง
“ไม่นะทอม.. เพิ่งตกลงคบกันได้แค่ 2 วันเอง ฉันไม่ยอมนะ ฉันไม่ไปทำงานที่อื่นแล้วก็ได้ จะอยู่กับนายคนเดียว โอเค..” จิมอ้อนด้วยคำพูดไม่พอ ปากจมูกและมือไม้ยังซุกซนอยู่ที่ร่างกายของทอมด้วย
เด็กชายละสายตาจากทีวีหันไปเห็นทอมอยู่ในอ้อมกอดของจิม คิ้วขมวดมุ่นดวงตากลมจ้องมองอย่างไม่พอใจ ในขณะที่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าสร้างความขุ่นเคืองให้กับเจ้าหนูที่นั่งอยู่ข้างๆ ทอมนั่งนิ่งยอมให้จิมสัมผัสแต่โดยดี จิมยอมโอนอ่อนให้เขาทุกเรื่องจึงอยากตอบแทนความรู้สึกดีๆ กลับไปบ้าง
“นายไม่ต้องกลัวว่าอยู่กับฉันแล้วจะไม่มีงานทำ ช่วยฉันดูแลแม็กกี้แค่นี้ก็งานหนักพอแล้ว ถ้านายทำให้ความจำของแม็กกี้กลับคืนมาได้ ฉันจะมีโบนัสพิเศษให้ด้วย อยากได้อะไร ถ้าให้ได้ฉันจะให้ทุกอย่าง..”
“จริงเหรอ.. ขอให้หัวใจและร่างกายของนายเป็นของฉันคนเดียวตลอดไป ได้มั้ย..”
ทอมหน้าร้อนผ่าว คิดไม่ถึงว่าจิมจะขอเรื่องใหญ่แบบนี้ ถึงวันนี้เขาจะมีความรู้สึกที่ดีกับจิมฉันท์คนรักก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจว่าความรู้สึกที่ผิดธรรมชาติเช่นนี้จะคงอยู่ยืนยาวตลอดไปหรือไม่ ที่ยอมคบกับจิมวันนี้อาจเกิดขึ้นเพราะถูกตื้อและเซ้าซี้อยู่ทุกวันจนใจอ่อนก็ได้ เรื่องที่จิมขอจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่เขาไม่อาจรับปากได้ในเวลานี้
“ได้มั้ย ทอม..”
“เอ่อ…” ทอมอึกอักสีหน้าและสายตาอ้อนวอนของจิมทำให้เขาไม่รู้จะพูดปฏิเสธยังไง
“คือ.. ฉันยังไม่….. ”
ทอมตัดสินใจขอเวลาพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองก่อน แต่ยังไม่ทันจะพูดจิมก็ร้องอุทาน
“โอ้ย!!.. ไม่โอเคก็ไม่เป็นไร.. อย่าโมโหซี ทอม..” จิมกัดฟันกระซิบ
“โอย~~ เจ็บ..”
“เป็นอะไร จิม.. เจ็บตรงไหน..” ทอมตกใจจับไหล่จิมเขย่า
“โอย~~ พอแล้วทอม.. ปล่อยมือ..” จิมกัดฟันตอบ
ทอมปล่อยมือจากไหล่กว้างสีหน้าตื่น
จิมรู้สึกเจ็บมากขึ้น คิ้วเข้มขมวดเมื่อเห็นทอมยกสองมือไว้ข้างลำตัว
..เป็นไปได้ยังไง เขายังเจ็บอยู่เลย.. ไม่ใช่ฝีมือทอมหรอกหรือ.. ถ้างั้นก็..
จิมสะดุ้งเฮือกส่งเสียงร้องดังลั่นเมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือใคร..
“โอ๊ย!!.. เจ็บ~~ ช่วยด้วย ทอม.. แม็กกี้กัดฉัน.. โอย~~ ”
ร่างสูงไม่ยอมขยับตัวเอาแต่ร้องโอดโอยและซบอยู่กับไหล่ ทอมจึงเบี่ยงตัวออกใจหายวาบเมื่อเจอตัวต้นเหตุที่ทำให้จิมเจ็บแล้ว
เจ้าหนูแม็กกี้นั่งชันเข่ากับพื้น ร่างสูงใหญ่ของจิมบังไว้จนมองไม่เห็น เด็กชายกำลังจัดการกับมือใหญ่ที่ซุกซนอยู่บนหน้าขาของทอมด้วยการหยิกที่ท่อนแขนและใช้ปากกัดที่สันมือไปพร้อมๆ กัน.. “อย่านะ แม็กกี้.. ปล่อยมือคุณจิม”
ทอมพยายามแกะมือเด็กชายออกจนได้ เจ้าหนูถูกขัดใจจึงออกแรงกัดที่สันมือหนักขึ้นจนแขนของ จิมกระตุก จิมส่งเสียงร้องเบาลงแต่โหยหวนจนทอมใจเสีย มือบีบปากเด็กชาย ให้ปล่อย
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ แม็กกี้.. ลูกทำคุณจิมเจ็บ รู้มั้ย..”
“ปล่อยซี… แม็กกี้..”
จิมไม่หันไปมองเพราะกลัวระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ อาจดึงหรือกระชาก แขนออกทำให้เด็กชายบาดเจ็บฟันที่ขบกัดอยู่อาจจะโยกได้ เขาพยายามอดทนรอให้ทอมกล่อมแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล แม็กกี้กำลังอยู่ในภวังค์ร้าย แขนและมือของเขาตอนนี้คือแขนของเดนมนุษย์พวกนั้น
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ แม็กกี้.. แด๊ดบอกให้ปล่อย นี่คุณจิมนะ
ปล่อยเดี๋ยวนี้!!.. ”
ทอมเสียงดังใส่จนเด็กชายสะดุ้ง น้ำใสเอ่อรื้นคลอดวงตาแต่แววตากลับแข็งกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัวว่าจะ…จะ..
กึก!!! “โอ๊ะ!!..”
“อ๊ะ!!…”
เสียงอุทานของทอมและจิมดังขึ้นพร้อมกันแต่คนละอารมณ์ ทอมตกใจแต่จิมเจ็บปวดมากจนรู้สึกชาไปทั้งแขน
...โอ!.. พระเจ้า.. ทอมใจหายวาบเมื่อแม็กกี้ออกแรงกัดจิมจนได้เลือด เขาลืมตัวบีบปากเด็กชายอย่างแรงจนเจ้าหนูร้องและยอมอ้าปาก ทอมดึงแขนจิมออก เลือดไหลเป็นทางจากสันมือลงมาตามแขน นึกโมโหจิมที่นั่งนิ่งให้เด็กกัดโดยไม่ยอมดึงแขนหนี แต่เขาไม่กล้าบ่นว่าในเวลานี้ รีบหันไปดึงกระดาษทิชชูมาซับเลือดที่ไหลเป็นทาง
“ยกแขนไว้ จิม.. ฉันจะทำแผลให้” ทอมตะโกนเรียกสาวใช้ให้เอากระเป๋ายามาให้
จิมปัดมือทอมออก
“ฉันไม่เป็นไร ทอม.. ไปดูลูก..”
“ดูทำไม คนบาดเจ็บคือนายนะ” ทอมเป็นห่วงบาดแผลของจิมจึงไม่สนใจหันไปมองว่าเด็กชายกำลังอยู่ในสภาพตื่นกลัวเพียงใด
“ฉันไม่เป็นไร... ไปดูลูก ทอม.. เร็วเข้า แม็กกี้วิ่งออกไปแล้ว”
ทอมรู้สึกตัว หันไปเห็นหลังไวๆ ของเด็กชายวิ่งออกจากห้อง รีบลุกขึ้นวิ่งตามไปและสวนกับนายเอ๊ดที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“แววออกไปตลาดครับเจ้านาย ผมเห็นคุณหนูวิ่งออกไปจะให้ตามมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง ไปช่วยทำแผลให้จิม”
ทอมวิ่งไล่หลังเด็กชายออกมาที่สนาม ยิ่งเรียกเจ้าหนูก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้น ขนาดหกล้มลงไปแล้วยังลุกขึ้นมาวิ่งหนีต่อ ทอมหยุดวิ่งตามเมื่อเห็นว่าไม่มีที่ให้เด็กชายหนีต่อแล้วยกเว้นปีนกำแพงออกไป ซึ่งเจ้าหนูของเขาคงไม่คิดจะทำ
ทอมวางใจเมื่อเห็นร่างเล็กยืนหอบอยู่ คิดว่ารอให้หายตกใจก่อนแล้วค่อยเข้าไปปลอบ จึงเดินเลี่ยงไปนั่งพักที่เก้าอี้สนามซึ่งอยู่ห่างจากที่เด็กชายยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่แล้วก็ต้องผุดลุกขึ้นยืนในทันทีที่ทรุดตัวลงนั่ง เพราะแค่ไม่กี่วินาทีที่เขาละสายตาแม็กกี้ก็หายตัวไปแล้ว
“โธ่เว้ย!!..”
ทอมไม่สามารถใจเย็นอยู่ต่อไปได้ ตะโกนเรียกคนในบ้านให้ออกมาช่วยกันหา
“แม็กกี้.. ลูกอยู่ไหน แม็กกี้..”
ทอมชะงักเมื่อพบร่องรอยของเด็กชาย จึงย่องเข้าไปใกล้ๆ
..โอ!..พระเจ้า.. หัวใจเขาแทบสลายเมื่อเห็นร่างเล็กนั่งซุกตัวอยู่ในพุ่มไม้ ตัวสั่นงกด้วยความกลัว บาดแผลรอยเกี่ยวจากกิ่งไม้ตามแขนขาและใบหน้า คงไม่ได้ทำให้เจ้าหนูรู้สึกระคายเคืองเลย เพราะความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ร้ายที่ฝังลึกอยู่ในใจมากมายกว่าหลายร้อยหลายพันเท่านัก..
“แม็กกี้.. นี่แด๊ดนะ ออกมาเถอะลูก.. ออกมานะ เด็กดี…”
ทอมทรุดตัวลงยื่นมือเข้าไปหา เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นจนเขาสะดุ้งเฮือก แม็กกี้พยายามถดร่างหนีเข้าไปเรื่อยๆ ทอมใจหายเมื่อเห็นกิ่งไม้เกี่ยวแขนขาและใบหน้าเด็กชายจนเลือดไหลซิบๆ เจ้าหนูไม่ร้องเจ็บสักคำแต่เขากลับเจ็บปวดจนทนไม่ไหว หันไปเรียกนายแก้วซึ่งยืนรีรอเตรียมพร้อมอยู่ด้านหลังให้ตัดพุ่มไม้ออก