บัวหลงจันทร์ ๐๙
ภายในห้องบรรทมที่ดูร้อนระอุขึ้นมาทันตาเพราะนายเหนือหัวทั้งสอง
“ฮื่อ..อื้อ”เจ้าบัวงามครางเครือยามพระชิวหาร้อนชื้นแตะแต้มลงบนเม็ดบัวสีหวาน แขนเล็กจิกกอดพระขนองพระภัสดา ลากเล็บระบายความซ่านกระสันจนพระฉวีเป็นรอยแดงพาดยาว
“ซี๊ดดด...เจ้าบัว เบาหน่อยเถิด พี่ช้ำหมดแล้วเจ้า”เย้าพระสุระเสียงกระเส่าแต่แทนที่น้องน้อยจักเบามือกลับจิกแรงกว่าเดิมด้วยความเขินอาย
“อื้อออ ฝ่าบาท”ระบายความเขินอาย แลความกระสันลงบนพระขนองพระภัสดาจนแทบจักกลายเป็นลายแทงสมบัติ
“อ่า...เจ้าบัว”องค์จันทร์รวบมือเล็กเหนือพระเขนยด้วยพระหัตถ์ข้างเดียว อีกข้างลูบไล้สะโพกกลมกลึง บีบนวดต้นขาเล็กจนแดงช้ำ พระนาสิกซุกไซร้ซอกคอหอม พระโอษฐ์จูบแต้มผิวเนื้ออ่อน ขบเม้มทิ้งร่องรอย
“อื้อ ฝ่าบาท”ช้อนนัยน์ตากวางมองพระพักตร์งามของพระภัสดา เผยอปากหอบหายใจน้อยๆ ยั่วยวนชายหนุ่ม ลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปากตนช้าๆ แสร้งเบือนหน้าซบพระเขนยเอียงอาย หากแต่เรียวขาเล็กกลับยกขึ้นสีกับพระปรัศว์ไปมาอย่างซุกซน
“ซนเหลือเกินหนาเจ้า”กัดพระทนต์ตรัส อารมณ์ดิบยิ่งพุ่งสูงเมื่อถูกยั่วยวน เจ้าบัวอมยิ้มน้อยๆมิให้พระภัสดาจับได้ ครางเครือเสียงหวานในลำคอ เชิดหน้าเงยให้องค์จันทร์ซุกไซร้ซอกคอ องค์จันทร์กดจูบที่ซอกคอขาวหอมกลิ่นดอกไม้ ไล้พระนาสิกลงมาที่ลาดไหล่เนียนสวย ลงมาที่หน้าอกเป็นกระเปาะซุกไซร้เม็ดบัวสีหวาน ลงมาที่หน้าท้องแบนราบ ปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระ พระหัตถ์ทั้งสองประคองเอวบางไว้แน่น พระชิวหาแตะวนรอบแอ่งสะดือ กดจูบซ้ำๆ ขบเม้มเบาๆ
“มาเกิดเสียทีลูกพ่อ พ่อรอเจ้านานแล้วหนา”ตรัสกับท้องแบนราบ เลื่อนพระพักตร์ต่ำลงอีก
“ฝ่าบาท อย่าหนาพระเจ้าค่ะ”ร้องห้ามเมื่อทรงซุกพระพักตร์กับซอกขาตน
“หืม..”
“อย่าหนาพระเจ้าค่ะ มิดีทำหนาพระเจ้าค่ะ...อ๊า”หวีดร้องเสียงหลงเมื่อพระชิวหาแตะตวัดเย้ากลีบบัวที่ปิดสนิท แม้นว่าจักเอ่ยปากห้ามแต่กลับแยกเรียวขาออกกว้างให้พระภัสดารังแกอย่างถนัดถนี่
“เจ้าบัว...งามเหลือเกินเมียข้า”ตรัสพลางกดจูบไปทั่วทั้งร่างงาม ทรงจับเจ้าบัวพลิกคว่ำ จูบวนทั่วแผ่นหลังขาว ขยับพระวรกายแนบชิดแผ่นหลังบาง พระหัตถ์นวดเฟ้นสะโพกกลมกลึง
“อึก อื้อ...อ่ะ อ๊า”เจ้าบัวหวีดร้องยามที่พระคุยหฐานลำโตสอดแทรกเข้ามาในกลีบบัว พระกฤษฎีสอบค่อยๆขยับจนแนบสนิทกับก้อนเนื้อกลมทั้งสองก้อน ประคองเอวบางไว้มั่น ไสพระคุยหฐานเข้าออก เสียดสีเสียจนกลีบบัวสีหวานชอกช้ำ
“อ่า เจ้าบัวงาม อื้ม”
“อ๊ะๆๆ ฝ่าบาท อื้อ”
“อืม...”
“อึก อึ๊”เจ้าบัวซบหน้ากับพระเขนย ปากบางอ้าครางไม่เป็นภาษา
ห้องบรรทมร้อนระอุด้วยไฟสวาท กลิ่นกามาเจือคลุ้ง เสียงหอบหายใจ แลเสียงเนื้อกระทบกันดังกึกก้อง ร่างงามแดงระเรื่อทอดกายใต้ร่างใหญ่กำยำของเจ้าหลวงหนุ่ม เสียงครางดังเคล้าเสียงจิ้งหรีดเรไร อากาศเย็นชื้นยามค่ำคืนไม่อาจทำให้สองพระองค์ลดทอนความเร่าร้อนของบทรัก มิจบเพียงแค่ครั้งเดียว ทรงกกกอด กระโจนเข้าหากัน สายธารจากองค์จันทร์รินรดใส่เจ้าบัวงามครั้งแล้วครั้งเล่า จวบจนยามสี่ไฟสวาทจึงได้มอดลง หลงเหลือไว้เพียงกลิ่นอายของกามาฟุ้งกระจายทั่วห้องบรรทม
.
.
.
“เฮือก...ฝ่าบาท หม่อมฉันมิไหวแล้วพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามสะดุ้งเฮือกเมื่อพระหัตถ์อุ่นแตะลงบนแขนตน
“พี่มิทำแล้วเจ้า ลุกขึ้นมากินยาก่อนเถิด”ประคองร่างบอบช้ำขึ้นพิงพระอุระ แผ่นหลังเปลือยแนบชิดพระอุระกว้างไร้อาภรณ์ เจ้าบัวกระชับผ้าคลุมพระองค์ให้ปกปิดยอดอกบวมช้ำที่ถูกดูดดึงตลอดทั้งคืน มือบางสั่นน้อยๆรับถ้วยโอสถของแม่เฒ่าจากพระภัสดาจรดริมฝีปาก ดื่มโอสถน้ำดำรสขมกลิ่นฉุนจนหมด เจ้าบัวไร้เรี่ยวแรงนั่งพิงองค์จันทร์ ผ้าคลุมพระองค์เลื่อนลงเผยให้เห็นเม็ดบัวช้ำวับๆแวมๆ
“อือ..ฝ่าบาท”ครางใส่เมื่อพระองคุลีลูบไล้เม็ดบัวช้ำ
“ขอพี่จับหน่อยหนาเจ้าบัวงาม”ตรัสพลางกอบกุม คลึงเคล้นอกน้อง
“ฮึก หม่อมฉันเจ็บพระเจ้าค่ะ...เจ็บไปหมด ฮึก”
“หืม...เจ็บหรือเจ้า”ตรัสถามพลางหยุดพระหัตถ์ที่รังแกถันช้ำ
“ฮึก..พระเจ้าค่ะ บัวเจ็บ ฮือออ”
“ตามหมอหลวงดีไหมเจ้า”
“มิต้องพระเจ้าค่ะ..ฮึก มิต้องตามหมอหลวง”
“เยี่ยงนั้นนอนหนาคนดี พี่มิกวนเจ้าแล้ว”ประคองน้องลงนอน แม้จักเสียดายที่มิได้ตอดเล็กตอดน้อย หากแต่เมียยอมสำคัญกว่า
“.....”
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น องค์จันทร์จึงออกว่าราชการ ซึ่งมีฎีกาด่วนจากทางชายแดนใต้ติดกับแคว้นการเวกเข้ามา จำต้องทิ้งน้องน้อยให้สายหยุดดูแล ส่วนองค์เองก็ออกว่าราชการกับเจ้าเหม องครักษ์คนสนิท
“เห็นทีข้าคงต้องไปเองเสียแล้ว”ทรงตรัสพลางขมวดพระขนง โจรจากทางฝั่งการเวกเหิมเกริมลุกล้ำอาณาเขตศศิมณฑลเยี่ยงนี้ พระองค์คงต้องลงไปปราบด้วยองค์เองเสียแล้ว
“เยี่ยงนั้นพระองค์จักทรงเดินทางเมื่อใดพะย่ะค่ะ”
“วันพรุ่งข้าจักเดินทางไปปราบโจรที่ชายแดนใต้ทิศที่ติดกับแคว้นการะเวก”
“พะย่ะค่ะ”
การเสด็จไปที่ชายแดนใต้คงใช้เวลาเดินทางร่วมสามวัน หากปราบได้เร็วก็ภายในห้าวัน ช้าสักหน่อยก็คงมิเกินสิบวัน เดินทางกลับวังหลวงอีกสามวัน รวมแล้วคงมิเกินสิบห้าวัน สิบห้าวันที่จักทรงทิ้งเจ้าบัวให้อยู่ที่วังหลวง สิบห้าวันที่จักต้องห่างเมีย สิบห้าวันนี้องค์จันทร์จักปราบโจรกระจอกให้สิ้นซาก!! กล้าดีอย่างไรมาสร้างความเดือนร้อนให้ศศิมณฑล แลยังทำให้พระองค์ต้องห่างเจ้าบัวอีก พระองค์จักมิปล่อยมันไว้เป็นแน่!!!!
.
.
.
ทางฟากเจ้าบัวงามที่มีคนสนิทอย่างสายหยุดคอยปรนนิบัติ เจ้าบัวลงสรงน้ำในอ่างไม้ขนาดใหญ่ มีสายหยุดคอยขัดถูผิวกายให้อย่างเบามือ สายหยุดมองพระวรกายของพระชายาแล้วก็หน้าแดงซ่าน หากตบแต่งเป็นเมียพี่เหม พี่เหมจักรุนแรงเยี่ยงองค์จันทร์รุนแรงกับพระชายาหรือไม่หนา หากแต่พี่เหมสุภาพสำรวมเช่นนี้ คงมิรุนแรงเท่าองค์จันทร์กระมัง
“พี่สายหยุด มิสบายหรือจ๊ะ”พระสุระเสียงหวานตรัสถามคนสนิทที่เหม่อลอย หากแต่ใบหน้างามกลับแดงก่ำเสียราวกับลูกตำลึง
“.....”
“พี่สายหยุด”
“.....”
“พี่สายหยุดจ๊ะ”
“.....”
“...พี่สายหยุด!!”
“เฮือก พะ พระชายา ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”
“มิสบายหรือจ๊ะ เหตุใดจึงได้เหม่อลอย แลหน้าแดงเยี่ยงคนจับไข้”
“หะ หามิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันมิได้เป็นกระไรพระเจ้าค่ะ”
“หรือจ๊ะ...”
“พระเจ้าค่ะ...หากแต่พระชายาทรง เอ่อ...เอ่อ”
“หืม”
“ทรง...เจ็บ เมื่อยที่ใดหรือไม่พระเจ้าค่ะ”ถามอ้อมแอ้ม
“...ขะ ข้ามิเป็นไรจ้ะ”เจ้าบัวหน้าแดงซ่าน ค่อยๆกระถดกายลงน้ำจนเหลือแต่ใบหน้าที่พ้นน้ำ
“......”
“...พะ พี่สายหยุดก็ต้องเตรียมใจไว้บ้างหนาจ๊ะ”
“พะ พระเจ้าค่ะ..ตะ เตรียมใจเรื่องใดพระเจ้าค่ะ”
“หะ หากตบแต่งไปแล้ว พ่อเหมคงรังแกพี่สายหยุดเสียยิ่งกว่าองค์จันทร์รังแก ขะ ข้าเป็นแน่”
“หะ หา”
“ถะ ถึงพ่อเหมจักดูสำรวม สุภาพ หะ หากแต่ เมื่อได้....นั่นแลจ้ะ พี่สายหยุดจักต้องเตรียมใจไว้บ้างหนาจ๊ะ”
“....พระชายา”เขินเสียจนหน้าดำหน้าแดง
“ขะ ข้าหวังดีหนา”ตรัสแล้วก็กระถดลงน้ำไปอีกจนเหลือแต่จมูกขึ้นไปที่พ้นน้ำ พระปรางแดงระเรื่อ
“.....”สายหยุดเมื่อถูกยุยงก็ขบคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย ทอดมองพระวรกายพระชายาที่มีแต่รอยพระหัตถ์เจ้าหลวงแล้วก็หน้าร้อน
ราวกับถูกไฟลวก เมื่อคิดว่าเหมจักทำกับตนเหมือนที่องค์จันทร์รุนแรงกับพระชายาก็เขินแทบจักกัดลิ้นตัว
“.....”
“พะ พระชายา ขึ้นจากน้ำเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักประชวร”
“จ้ะ”
.
.
.
เมื่อออกจากห้องสรงน้ำแล้ว สายหยุดก็มานั่งหน้าตัวเมียบผ้าอบบุหงารำไปจนหอมฟุ้ง เลือกผ้าแถบถวายพระชายาอย่างพิถีพิถัน จนได้ผ้าแถบสีฟ้าแลบ แลโจงกระเบนสีลูกหว้า ทรงสวมสร้อยทองเส้นยาวถึงกลางอก ประดับจี้เพชรซีก สร้อยข้อมือเส้นงาม แลแหวนทับทิมขององค์จันทร์ เมื่อสายหยุดแต้มน้ำปรุงตามแอ่งชีพจรให้เสร็จสรรพ องค์จันทร์ก็เสด็จเข้ามาในห้องบรรทมพอดี
“ฝ่าบาท”สายหยุดหมอบกราบ
“ลุกเถิดสายหยุด...เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าบัว”เข้าประคองร่างบางของเมีย
“หม่อมฉันมิเป็นไรพระเจ้าค่ะ”แย้มยิ้มให้พระภัสดา
“ออกไปคุยกันที่โถงเถิด จักได้คุยกับสายหยุดด้วย”
“คุยกับพี่สายหยุดหรือพระเจ้าค่ะ เรื่องใดกัน”
“ไปคุยกันที่โถงเถิดน้อง”
“พระเจ้าค่ะ”
เจ้าหลวงประคองพระชายาออกมานั่งที่ตั่งไม้หลังใหญ่ในห้องโถงของตำหนักหลวง โดยมีคู่หมั้นมาดๆอย่างเหม แลสายหยุดนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น
“เจ้าบัวงาม”
“พระเจ้าค่ะ”
“วันพรุ่ง พี่แลเจ้าเหมจักต้องไปปราบโจรที่ชายแดนใต้ติดแคว้นการเวก”
“...ไปปราบโจรหรือพระเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินก็เกิดอาการห่วงพระภัสดา จนคิ้วเรียวขมวดชิดกัน
“คงจักต้องไปเสียสิบห้าวัน”
“...หม่อมฉันเป็นห่วงพระองค์พระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางคลอน้ำ ขึ้นชื่อว่าโจรคงมิมีใครใคร่เจอ
“มิต้องห่วงดอก อย่ากังวลไปเลยหนาเจ้า”รั้งร่างบางหอมกรุ่นเข้ามากอดปลอบ
“จักมิให้ห่วง มิให้กังวลได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ”
“พี่สัญญาว่าจักปลอดภัยกลับมาหาเจ้า เจ้าบัวงาม”
“อึก...สัญญาแล้วหนาพระเจ้าค่ะ ฮึก”
“จ้ะ...มิไห้หนาคนดี”พระหัตถ์ลูบหัวไหล่มนเบาๆปลอบโยน
“ฮึก พระเจ้าค่ะ อึก”
“งอแงเยี่ยงนี้ มิสบายเสียแล้วกระมัง”
“ฮึก บัวสบายดีพระเจ้าค่ะ”
“หึหึหึ พี่จักให้ห้องเครื่องนำของว่างมาให้ดีหรือไม่”ตรัสถามเอาอกเอาใจ
“ฮึก บัวใคร่อยากกินผลอัมผวาดิบพระเจ้าค่ะ”
“จ้ะ...สายหยุด”
“พระเจ้าค่ะ”
“ไปบอกข้าหลวงให้นำผลอัมผวาดิบมาให้เจ้าบัวที”
“พระเจ้าค่ะ”
“เกลือด้วยพระเจ้าค่ะ”
“จ้ะๆ...เกลือด้วยหนาสายหยุด”
“พระเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ผลอัมผวามาแล้ว องค์จันทร์ก็หยิบจิ้มเกลือป้อนเมียรักที่ซบพระอุระมิห่าง ช่างออดช่างอ้อนนัก
“มิเปรี้ยวหรือเจ้า”แค่พระองค์ได้กลิ่นยังเข็ดฟัน แต่เจ้าบัวกลับเคี้ยวกรวมๆน่าอร่อย
“มิเปรี้ยวสักนิดพระเจ้าค่ะ อร่อยนัก หม่อมฉันโปรดพระเจ้าค่ะ”
“หากโปรดก็กินเยอะๆหนาเจ้า”
“พระเจ้าค่ะ”เงยหน้ามอบรอยยิ้มให้พระภัสดา
.
.
.
หลังจากนั้น องค์จันทร์ แลเจ้าบัวงามก็เข้าพักผ่อนในห้องบรรทม เหม แลสายหยุดจึงได้มีเวลาอยู่ร่วมกันก่อนที่วันพรุ่งเหมจักออกเดินทางปราบโจรพร้อมองค์จันทร์
“พี่เหม”
“จ๋า”
“พี่เหมไปปราบโจรเยี่ยงนี้ ต้องระวังตัวหนาจ๊ะ”
“จ้ะ..พี่มิให้สายหยุดเป็นหม้ายขันหมากดอก”
“ฮื้อ..พูดกระไรเยี่ยงนั้นพี่เหมล่ะก็”
“หึหึหึ...สายหยุดคนดี”
“จ๊ะ?”
“กลับมาจากปราบโจรเมื่อใด พี่จักให้พ่อเร่งหาฤกษ์แต่งให้เร็วที่สุดหนาจ๊ะ”
“พี่เหม...สายหยุดจักรอพี่เหมหนาจ๊ะ”
“จ้ะ..พี่..”
“จ๊ะ?”
“พี่รักสายหยุดหนา”
“.....”
“.....”
“...สายหยุดก็รักพี่เหมจ้ะ”
.
.
.
วันรุ่งขึ้นองค์จันทร์ แลเหม องครักษ์คนสนิท พร้อมด้วยกองทัพทหารนับสิบนายก็เตรียมพร้อมออกจากวังหลวง โดยมีพระมารดาศศิธร พระชายาบัวงาม แลสายหยุดส่งเสด็จเจ้าหลวง
“ลูกไปแล้วหนาพะย่ะค่ะเสด็จแม่”
“พระคุ้มครองหนาลูก แคล้วคลาดปลอดภัยกลับมาทุกคนหนา”
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท...อย่าลืมสัญญาหนาพระเจ้าค่ะ”
“จ้ะ...พี่จักกลับมาอย่างปลอดภัย”
“พี่ไปหนาสายหยุด”
“จ้ะพี่เหม...สายหยุดขอให้พี่เหม องค์จันทร์ แลทุกๆคนปลอดภัยกลับมาหนาจ๊ะ”
“จ้ะ”
“สายหยุด ข้าฝากเจ้าดูแลเจ้าบัวของข้าด้วยหนา”
“พระเจ้าค่ะ”
“เสด็จแม่ ลูกฝากเจ้าบัวด้วยหนาพะย่ะค่ะ”
“จ้ะ...แม่จักดูแลเจ้าบัวให้ มิต้องกังวลดอกเจ้า”
“พะย่ะค่ะ”
ล่ำลากันแล้วพระมารดาศศิธรจึงอยู่เป็นเพื่อนเจ้าบัวงามที่ตำหนักหลวงก่อน พระสัสสุปลอบใจสุนิสาที่ห่วงสวามีให้คลายกังวล หากแต่ก็มีเรื่องมิคลาดฝันขึ้น
“เจ้าบัวงาม!!”ทรงถลาเข้าประคองร่างของสุนิสาพลางตบปรางนวลเบาๆเรียกสติ
“พระชายา!!”สายหยุดตกใจ รีบเข้าบีบนวดปลีน่องเรียว
“ไปตามหมอหลวงมาประเดี๋ยวนี้”
“เพคะ”ข้าหลวงสาววิ่งกันจ้าละหวั่น
รอมินานหมอหลวงก็รีบมายังตำหนักหลวง ถวายการรักษาให้พระชายา โดยมีพระมารดาศศิธรนั่งกำกับ
“สุนิสาของข้าเป็นเช่นไรบ้างหมอหลวง มีกระไรร้ายแรงหรือไม่”
“ทูลพระมารดา พระชายาบัวงามมิได้ประชวรพะย่ะค่ะ..หากแต่เป็นข่าวดี”
“ข่าวดี?...หรือว่า..”
“พะย่ะค่ะ...พระชายาทรงตั้งพระครรภ์แล้วพะย่ะค่ะ”
“...ตั้งครรภ์ ขะ ข้าจะมีหลานแล้วหรือ”
“พะย่ะค่ะ...ยินดีด้วยพะย่ะค่ะพระมารดา”
“...ตั้งครรภ์?”เสียงหวานแหบเรียกให้พระมารดา แลหมอหลวงหันมอง
“เจ้าบัว ฟื้นแล้วหรือลูก”
“พระเจ้าค่ะเสด็จแม่..แลที่หมอหลวงท่านว่า..”
“.....”
“.....”
“ใครตั้งครรภ์หรือพระเจ้าค่ะ”
“...เจ้าบัว”
“พระเจ้าค่ะ”
“เจ้าตั้งครรภ์แล้วหนา...ในท้องเจ้ามีลูกเจ้าจันทร์นอนอยู่”ตรัสพลางลูบเบาๆที่หน้าท้องแบนราบของสุนิสา
“หมะ หม่อมฉันตั้งครรภ์หรือพระเจ้าค่ะ”
“ใช่...เจ้าตั้งครรภ์แล้ว”
“เสด็จแม่...”ใบหน้างามฉายแววความยินดี ริมฝีปากยิ้มกว้าง มือเล็กกุมมือพระสัสสุแน่น
“ยินดีด้วยพะย่ะค่ะพระชายา”
“....เสด็จแม่พระเจ้าค่ะ ลูกมีเรื่องจักขอ”
“กระไรหรือเจ้าบัว”
“อย่าเพิ่งแพร่งพรายเรื่องที่หม่อมฉันตั้งครรภ์ได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”
“.....”
“...หม่อมฉันใคร่อยากทูลฝ่าบาทก่อน จึงค่อยประกาศให้ภายนอกรับรู้พระเจ้าค่ะ”
“ได้สิเจ้า...ท่านหมอ”
“พะย่ะค่ะ”
“อย่าได้แพร่งพรายเรื่องเจ้าบัวตั้งครรภ์จนกว่าเจ้าจันทร์จักกลับมา”
“พะย่ะค่ะพระมารดา”
“มิมีกระไรแล้ว ขอบใจท่านหมอมาก”
“มิได้พะย่ะค่ะพระมารดา”
”ขอบใจท่านหมอหนาจ๊ะ”
“มิได้พะย่ะค่ะพระชายา เยี่ยงนั้นหม่อมฉันทูลลาพะย่ะค่ะ”
“จ้ะ”
.
.
.
“พระชายาเสวยหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ จักได้บำรุงองค์รัชทายาทในพระครรภ์”สายหยุดว่าพลางยกสำรับของบำรุงครรภ์ที่พระมารดาจัดหามาให้ถวายพระชายา
“ขอบใจหนาจ๊ะพี่สายหยุด”
“มิได้พระเจ้าค่ะ...หากฝ่าบาททรงทราบว่าพระชายาทรงพระครรภ์แล้วคงจักดีพระทัยมากเป็นแน่พระเจ้าค่ะ”
“.....”เจ้าบัวอมยิ้มพระปรางแดงระเรื่อ
“.......”
“...พี่สายหยุด”
“พระเจ้าค่ะ”
“พี่สายหยุดต้องรีบมีน้องหนาจ๊ะ จักได้มาเป็นเพื่อนเล่นกับลูกข้า มิเช่นนั้นลูกข้าคงจักเหงาแย่”
“..พระชายา ทรงตรัสกระไรเยี่ยงนั้นพระเจ้าค่ะ สายหยุดยังมิได้ตบแต่งกับพี่เหมเลยหนาพระเจ้าค่ะ”กล่าวพลางจิกโจงกระเบนตนไปมา
.
.
.
หลังจากนั้นพระมารดาศศิธรก็รับสั่งให้ห้องเครื่องเพิ่มพระกายาหารบำรุงให้เจ้าบัวทุกมื้อ แถมยังมีสายหยุดคอยประคบประหงมตามติดเจ้าบัวทุกฝีก้าว
“อ่อก อึก อ่อก”เช้าวันนี้อาการแพ้ท้องของพระชายาดูจักหนักหนากว่าทุกวัน ทรงอาเจียนเสียจนเสวยกระไรมิได้
“ตามหมอหลวงเถิดพระเจ้าค่ะพระชายา”สายหยุดที่คอยลูบพระขนองให้เอ่ยอย่างกังวล
“อ่อก อ่อก”เจ้าบัวอาเจียนจนน้ำหูน้ำตาไหล
“เจ้าไปตามหมอหลวงมาที”
“เจ้าค่ะคุณสายหยุด”
“รอประเดี๋ยวหนาพระเจ้าค่ะ หมอหลวงกำลังจักมา”สายหยุดว่าพลางประคองร่างบางพิงอกตน ถือยาหอมจ่อใต้จมูกโด่งรั้น
“ฮึก...ข้าเหนื่อยเหลือเกินพี่สายหยุด”
“ทนหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ”
มินานนักหมอหลวงก็เข้าถวายการรักษาพระชายา หากแต่มิใช่หมอหลวงคนเดิมที่เคยตรวจครั้งก่อน ครานี้เป็นหมอหลวงหนุ่มที่มิคุ้นหน้าคุ้นตา แปลกเสียจนเจ้าบัว แลสายหยุดลอบมองหน้ากัน
“พระชายาเป็นเยี่ยงไรบ้างท่านหมอหลวง ทรงอาเจียนมาตั้งแต่เช้าแล้ว แลเห็นทีจักไข้อ่อนๆเสียด้วย”เสียหยุดว่า
“...ขอข้าตรวจให้แน่ใจก่อนหนา”
“.....”
“.....”
“ทูลพระชายา...หม่อมฉันขอบังอาจกราบทูลพะย่ะค่ะ”
“มีกระไรหรือ”
“หม่อมฉันสมควรตาย”
“มีกระไรว่ามาเถิด”
“อาการที่พระองค์เป็นนี้....”
“.....”
“.....”
“.....ทรงเป็นโรคติดต่อร้ายแรงพะย่ะค่ะ”
“!!!!!”
“!!!!!”
เจ้าบัว แลสายหยุดต่างก็ตกใจเมื่อได้ยินที่หมอหลวงหนุ่มทูล
“ระ โรคติดต่อหรือ”
“พะย่ะค่ะ”
“แลมีกระไรอีกหรือไม่”
“...ทรงเป็นโรคติดต่อร้ายแรงพะย่ะค่ะ หม่อมฉันเห็นควรว่าพระองค์ควรย้ายออกจากตำหนักหลวงเพ่อมิให้โรคระบาดพะย่ะค่ะ”
“แลลูก..”เป็นห่วงเจ้าตัวน้อยในครรภ์จับใจ
“พระองค์ทรงเป็นโรคติดต่อ มิสามารถมีครรภ์ได้พะย่ะค่ะ”เมื่อจบประโยคก็หันมองหน้าคนสนิททันที เป็นไปได้อย่างไรในเมื่อตอนนี้ทรงครรภ์อยู่ มีกระไรมิชอบมาพากลเสียแล้ว
“.....เยี่ยงนั้น พี่สายหยุดจัดการทีเถิด ข้าจักย้ายไปอยู่ตำหนักท้ายวังหลวง”
“แต่พระชายา..พระเจ้าค่ะ”สายหยุดค้านเมื่อมิเป็นความจริง หากแต่พระชายาทรงพยักพระพักตร์ให้ตามน้ำจึงได้ออกไปจัดการตามที่รับสั่ง
“หม่อมฉันจักจัดโอสถถวายเพื่อระงับอาการมิให้ลุกลามหนาพะย่ะค่ะ”
“จ้ะ”
หมอหลวงหนุ่มจัดยาต้มกลิ่นฉุนจนเจ้าบัวเวียนเศียร สีของมันดำราวกับน้ำหมึกก็มิปาน
“ทรงเสวยเถิดพระเจ้าค่ะ”
“จ้ะ...หากมิมีกระไรแล้วท่านกลับไปก่อนเถิด”
“เอ่อ...พะย่ะค่ะ”
หมอหลวงหนุ่มออกจากห้องบรรทม สวนกับสายหยุด ดวงตาเรียวหวานจดจ้องหมอหลวงอย่างจับผิด
“พระชายา”ปิดพระทวารลงกลอนแน่นหนา
“พี่สายหยุดว่าแปลกหรือไม่”
“พระเจ้าค่ะ”
“แต่อย่าได้กระโตกกระตาก ประเดี๋ยวจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเสีย อย่างไรก็ตามน้ำไปก่อนก็แล้วกัน”
“พระเจ้าค่ะ”
“ส่วนโอสถนี่...นำไปให้สำนักหมอหลวงตรวจดูเสียว่ามันคือยากระไร”
“พระเจ้าค่ะ”