Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Mon Fiancé ไอ้เฉิ่มนั่น..คู่หมั้นผม ❤ butterfly lovers... END  (อ่าน 198745 ครั้ง)

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ค้างอ่ะ แต่บอกเลยตอนนี้น้ำตาคลอเลยอ่ะ ไม่ได้สงสารนาวาสักนิด แต่สงสารเพชรมากมาย   :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เค้ามารอทุกวันเลยยยย
ดีใจที่กลับมาต่อนะคะ

ขอบคุณคนเขียนมากค่าา

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ดีใจที่มาต่อแล้ววว ฮรืออออออออ  :heaven

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
เปิดตอนมาก็เสียน้ำตาเลยอ่ะ    :hao5:    :hao5:

รอตอนต่อไปค่ะ    :L2:    :L2:

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ดีใจที่กลับมา 

ตอนนี้แบบ :o12: :o12:


ออฟไลน์ Cockroach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาอ่านต่อ แปะไว้ก่อนถึงหน้า11ละ เดี๋ยวลืม5555

ปล.อยากแตะอิเติร์ก กับหญิงแม่พี่แกออกจากบ้านจริงว้อยยยยย :z3:

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ่านตอนนี้แล้วคือสงสารเพชรเต็มๆ ไม่สงสารนาวาเลย
เพชรตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแพ้ตั้งแต่เริ่มต้นเลยสินะ
คงจะเสียใจมาก เฮ้อ นาวาเอ้ย

ออฟไลน์ fahhee_zeze

  • Love you...YAOI~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ว้อททท มันเป็นการกลับมาแบบสั้นๆแต่อ่านไปแล้วอินสุดน้ำตาคลออ่ะบอกเลยสงสารเพชรมาก #มโนตอนอ่านว่าเป็นเพชรในอารมณ์นั้น #ตำลึงสกิลในการแต่งได้สุดมากสั้นๆแต่เจ็บ #ชอบ :katai1: :katai1: :hao5:

ออฟไลน์ หางนกยูง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีใจที่กลับมาแล้ว

ตอนนี้เศร้ามากอ่ะ น้ำตาคลอ รู้สึกว่าตรีเพชรมีชีวิตจริงๆเลย เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีความไม่มั่นใจในตัวเอง รู้สึกพ่ายแพ้ต่อจอมทัพที่ดีกว่า โถ่พี่เพชร... น่าสงสาร รีบมาต่อเร็วๆนะครับอยากอ่านต่อแล้ว

 :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
คนแต่งอย่าทิ้งคนอ่านนะคะ :mew2:

ออฟไลน์ Killian

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
    • Killian
Chapter 11 ผีเสื้อ...ปีกหัก
Part 1

 :L2: :กอด1: :L2:



ตื่นมาเช้านี้วิลาสินีรู้สึกเป็นกังวล หล่อนเดินวนไปวนมาในห้องจมอยู่กับความคิด คิ้วเรียวบางของเธอแทบจะขมวดเป็นปมด้วยความเครียด ตลอดชีวิตที่ผ่านมาหล่อนไม่เคยรู้สึกไม่มั่นคงขนาดนี้มาก่อน สายตากร้าวของไอ้เด็กนั่นทำให้เธอรู้สึกคุกคาม ทั้งๆที่มันเป็นแค่เด็กเมื่อวานซืนแท้ๆ ไม่ หล่อนจะไม่มีวันปล่อยให้เด็กที่ไหนมาลูบคม จะไม่ปล่อยให้คนที่ครั้งหนึ่งหล่อนจำจัดไปได้ทั้งแม่ทั้งลูกกลับมาทวงของของมันคืน วิลาสินีต้องการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างไว้แต่เพียงผู้เดียว หล่อนจะรักษาผลประโยชน์และความสะดวกสบายของตัวเองเอาไว้


สมองของหล่อนครุ่นคิดแผนการต่างๆนาๆ จะแค่ขู่ หรือจะทำให้มันหมั้นกับใครไม่ได้ตลอดไป? นั่นสิ ต้องปิดโอกาสของไอ้เด็กนั่นทุกทางเพื่อไม่ให้มันกล้าเสนอหน้ามาที่นี่อีก ริมฝีปากแต้มลิปสติกแดงเหยียดยิ้มเมื่อความคิดดีๆบางอย่างเล่นเข้ามาในสมอง หล่อนคว้าโทรศัพท์ส่วนตัว กดหาหมายเลขที่ลอยขึ้นมาอยู่ในใจ หล่อนรอสายอย่างใจเย็น แต่เมื่ออีกฝ่ายรับสาย น้ำเสียงของหล่อนกลับฟังดูร้อนรน วันหมั้นใกล้เข้ามาแล้ว…


“ฉันมีงานสำคัญให้คุณทำ…” วิลาสินีเอ่ยขึ้น


***************


นาวาปวดหัว ก็ดื่มไปซะขนาดนั้น คนคออ่อนแถมเมาง่าย อาการยามตื่นหลังสร่างเมาเลยออกมาเป็นเช่นนี้ แถมวันนี้ตื่นสายอีกต่างหาก ร่างบางพลิกตัวไปมาบนเตียงราวต้องการสะบัดไล่ความง่วงงุน มือบางชะงักเมื่อปัดป่ายไปอีกด้านหนึ่งของเตียง ที่ที่ตรีเพชรเคยนอนตอนนี้ว่างเปล่า เย็นเฉียบ จริงสิ ตรีเพชรออกไปแล้วตั้งแต่เช้า


ตอนเช้านาวารู้สึกตัวเพราะเสียงคุยโทรศัพท์ของคนคนหนึ่ง เขาตื่นมาเห็นตรีเพชรนั่งอยู่ตรงโต๊ะหนังสือ กำลังคุยโทรศัพท์สีหน้าจริงจัง


“นะครับเจ้ เร่งให้ผมหน่อยนะ” ตรีเพชรพูดกับปลายสาย ชายหนุ่มเลิกคิ้วทักทายนาวาที่กำลังขยี้ตาตื่น


“ผมไปเอาเองก็ได้ อยากได้ภายในวันนี้… ด่วนสิ… ครับ งั้นเดี๋ยวผมกลับบ้าน แค่นี้ก่อนนะครับ” ตรีเพชรวางสาย


“ตื่นแล้วเหรอ ปวดหัวไหม” ตรีเพชรนั่งลงบนเตียงข้างๆนาวา สายตาห่วงใยทอดมองใบหน้านวลผุดผ่อง นาวาพาลจะหน้าแดง
เอาซะดื้อๆ


“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หาย” นาวาตอบ


“เฮ้อ” ตรีเพชรถอนหายใจ มือหนาของเขาวางลงบนหัวของนาวา ชายหนุ่มโยกหัวเด็กน้อยเล่นแล้วพูดขึ้น “ต่อไปพี่จะไม่ปล่อยให้วาเมาอีกแล้ว”


“…ขอโทษ”


“ช่างมันเถอะ อะไรที่ผ่านมาแล้วเราอย่าไปพูดถึงมันเลย” ตรีเพชรยิ้มจริงใจ “หลับตาได้ไหม พี่มีอะไรจะให้”


“อะไรอ่ะ” นาวาสงสัย


“หลับตาก่อนเถอะ”


นาวาหลับตาลง ได้ยินเสียงตะกุกตะกักบางอย่างเพราะตรีเพชรลุกไปหยิบของที่โต๊ะหนังสือ


“คราวนี้ก็ลืมตาได้แล้ว” ตรีเพชรเอ่ยเสียงนุ่ม


กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินกรมท่าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีโลโก้ร้านเพชรชื่อดังประดับอยู่บนฝากล่อง มีริบบิ้นสีทองผูกเป็นโบว์ห่อกล่องทรงผืนผ้าเอาไว้ ตรีเพชรยื่นกล่องของขวัญให้นาวา เด็กน้อยตะลึงงัน กล่องของขวัญกล่องนี้ ชายหนุ่มจะเอามาให้เขาทำไมกัน


“อะไรน่ะ เอามาให้ทำไม” นาวางง


“อยากให้ เห็นว่าของขวัญวันเกิดคนอื่นเขาให้” พูดมาถึงตรงนี้ ตรีเพชรรู้สึกงอนนิดๆจนชายหนุ่มเผลอทำแก้มป่องใส่นาวา “พี่เลยอยากให้บ้าง ชดเชยวันเกิดวาทุกๆปี” ตรีเพชรรู้สึกร้อนผ่าวตรงแก้ม ชายหนุ่มเกาท้ายทอยแก้เก้อ “ไม่รู้ว่าจะชอบหรือเปล่า
เลยเลือกนานไปหน่อย ขอโทษที่ต้องทิ้งให้อยู่ที่ร้านไอศกรีมคนเดียว”


“ที่หายไปนานเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม” นาวาเอ่ยถามออกไป เขาจำได้ว่าตอนรอตรีเพชรตัวเองแอบหงุดหงิด แต่เขาไม่นึกว่าตรีเพชรจะหายไปเพื่อไปทำบางอย่างให้เขา


“อื้ม พอกลับไปที่ร้ายไอศกรีม เหมือนจะมีใครบางคนไม่พอใจด้วยแหละ” ตรีเพชรทำเสียงเย้าหยอก


“บ้า แค่สงสัยเฉยๆหรอก” นาวาบ่ายเบี่ยง


“เปิดดูสิ” ตรีเพชรเชื้อเชิญให้เด็กน้อยของเขาแกะกล่อง


นาวาแกะริบบิ้นสีทองออก มือบางเปิดฝากล่องกำมะหยี่ เผยให้เห็นสร้อยข้อมือทองคำขาวรูปผีเสื้อตัวเล็กต่อกันตัวแล้วตัวเล่าจนกลายเป็นสายสร้อยรูปผีเสื้อ ปีกผีเสื้อแต่ละข้างฝังเพชรเม็ดเล็กๆ สิ่งของแทนใจชิ้นนี้สวยงาม ไม่ฉูดฉาด เรียบแต่ดูดี ตรีเพชรหยิบสร้อยข้อมือออกมา ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงสวมที่ข้อมือซ้ายของนาวา การกระทำแผ่วเบาของเขาไม่มีคำพูด แต่มันถ่ายทอดผ่านความอบอุ่นที่นาวาสัมผัสได้จากผ่ามือหนา


“มันมากเกินไป วารับไว้ไม่ได้หรอก”


“ไม่มากเกินไปสำหรับวาหรอก” ตรีเพชรยิ้มสวย ยิ้มทั้งตายิ้มทั้งปาก


“แต่มันแพงไป รับไว้ไม่ได้จริงๆ” นาวาเอ่ย


“อย่าดื้อ” ตรีเพชรพยายามทำเสียงดุ “ใส่ไว้ ห้ามถอดนะ”


“แต่..”


“ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ไม่เตือนนะ” ตรีเพชรยื่นหน้าเข้าใกล้นาวา สายตาของเขาบ่งบอกให้รู้ว่าอยากจะทำอะไร


“ก็ได้ๆ” นาวาจึงต้องยอมรับของชิ้นนี้แต่โดยดี “แต่ใส่ตลอดไม่ได้หรอกนะ ไม่อยากเป็นตู้ทองเคลื่อนที่”


ตรีเพชรหลุดขำกับคำพูดของนาวา “สร้อยเส้นเล็กแค่นี้อ่ะนะ แต่เอาเถอะ ยังไงก็ใส่ให้พี่เห็นบ่อยๆละกัน”


“อื้ม..” นาวาพยักหน้า ก้มมองข้อมือซ้ายของตัวเอง


ตรีเพชรขยี้ผมที่เพิ่งตัดใหม่ของนาวาจนยุ่ง ผมสีน้ำตาลอ่อนของนาวานุ่มจนเขาไม่อยากออกห่าง “เดี๋ยวพี่จะกลับบ้านไปจัดการธุระกับเจ้พลอย วานอนต่อเถอะ แต่ก่อนไปพี่จะซื้อโจ๊กมาตั้งไว้ให้ ตอนตื่นก็อุ่นเอาละกัน”


เพราะตอนนั้นนาวาปวดหัวและยังรู้สึกง่วง เด็กน้อยจึงล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ตื่นมาอีกทีเกือบเที่ยง เตียงตรงฝั่งตรีเพชรว่างเปล่า ห้องทั้งห้องมีเพียงเสียงครางเบาๆของเครื่องปรับอากาศ นาวาเหลือบดูข้อมือซ้ายของตัวเองเพื่อย้ำว่าเรื่องเมื่อเช้าไม่ได้เป็นเพียงฝัน เด็กน้อยไม่ได้ดีใจที่ได้ของขวัญราคาแพง เครื่องเพชรของคุณย่ามีมูลค่ามากมายมหาศาลกว่านี้มากแต่เด็กน้อยกลับไม่หลงใหลได้ปลื้มตอนที่ทนายอ่านพินัยกรรม แต่เพชรเม็ดเล็กๆบนผีเสื้อตัวน้อยๆ เป็นเหมือนตัวแทนของคนบางคนที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย มูลค่าของของขวัญวันเกิดย้อนหลังชิ้นนี้จึงไม่ได้วัดด้วยจำนวนเงิน แต่มันเป็นมูลค่าทางใจที่สุขและอิ่มอุ่น


นาวาลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ กระจกในห้องร้าวและมีคราบเลือดเกาะกรัง เงาสะท้อนท่อนบนเปลือยเปล่าของเขาเผยให้เห็นรอยจูบตามส่วนสัดของเรือนกาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไหลกลับสู่สมองเขาราวน้ำหลาก นาวาซึมซับความจริงที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มมองเงาสะท้อนของตัวเองอย่างนิ่งงัน เขานึกย้อนไปแม้กระทั่งรสสัมผัสจากจูบของจอมทัพ…


นั่นสินะ… เมื่อคืนเขาทำผิด และทำร้ายคนถึงสองคน


บทสนทนาระหว่างจอมทัพกับตรีเพชรยังดังก้องในโสตของนาวา

“วาเป็นของกู กูดูแลมาตั้งกี่ปี เขาเป็นคนที่กูชอบ”


“แต่คนที่มึงชอบ มันเป็นคู่หมั้นกู!”



นาวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เด็กหนุ่มน้ำตาคลอ มือบางปาดน้ำตา เวลานี้เขาจำเป็นต้องเข้มแข็ง และจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองก่อ ไม่ใช่เวลามาปิดบังและทำร้ายคนรอบข้างที่เขาเป็นห่วงอีกต่อไปแล้ว คิดได้ดังนั้นนาวาจึงล้างหน้าและออกมาโทรศัพท์


“ฮัลโหลเก้า” นาวากรอกเสียงพูดกับปลายสาย


“ตื่นแล้วเหรอมึง” เสียงชินชาของเก้าทำให้นาวารู้ว่าเพื่อนกำลังอยู่ในอารมณ์โหมดไหน


“อื้ม เพิ่งตื่น”


“มีไร” เก้าพูดเสียงเรียบ


“คือ… กูอยากเจอพวกมึง มีเรื่องจะคุยด้วย” นาวาอ้อมแอ้มตอบ


“ไม่ว่างว่ะ กูกำลังจะไปคอนโดไอ้สา เอากระเป๋าไปคืน มันลืมไว้ในรถกู”


“เก้า… อย่าเพิ่งงอนฟังวาก่อน” นาวาพยายามอ้อน


“ใครงอน? สำคัญขนาดไหนกูถึงต้องงอน”


“เก้า…” นาวาเอ่ยเสียงอ่อน


“ถ้าไม่มีไรกูวางนะ”


“เดี๋ยวๆ” นาวารีบห้ามเพื่อน “กูไปหามึงนะ กูจะไปคอนโดไอ้สา มึงช่วยนัดเพื่อนเราให้ไปที่นั่นด้วยนะ”


“มึงเนี่ยนะจะมาคอนโดไอ้สา ไหนมึงบอกมึงจะไม่ขึ้นคอนโดนี้ไง” เก้าจำครั้งหนึ่งที่นาวาพูดได้ นาวาบอกว่าจะไม่ไปที่คอนโด
ของนิสาเด็ดขาดเพราะไม่อยากใจง่ายขึ้นคอนโดของสาวน้อย แม้จะเป็นคำพูดติดตลกแต่นาวากลับไม่เคยเหยียบย่างไปคนโดของนิสาเลย


“แต่วันนี้กูกล้าไปที่นั่นแล้ว นัดทุกคนให้ด้วย กูมีเรื่องสำคัญมากๆจะบอกกับพวกมึง”


“เอางั้นก็ได้” เก้ารับคำ


หลังจากวางสายจากเพื่อนไปแล้ว สายตาว่างเปล่าของนาวากลับมองเหม่ออกไปนอกหน้าต่างห้อง นาวาใจลอยไปถึงตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ ตอนนั้นนิสากำลังปรึกษาเพื่อนๆเรื่องที่อยู่ เพราะไม่อยากไปกลับระหว่างบ้านและมหาลัย เนื่องจากระยะทางไกลพอควรและไม่อยากกลับบ้านดึกเพราะช่วงนั้นมีกิจกรรมรับน้อง


“กูจะไปอยู่ไหนดีวะ อยู่หอแถวๆมหาลัย หรือจะไปเช่าคอนโดเพื่อนแม่กูดี” นิสาบ่นพึมพำให้เพื่อนได้ยิน


“อยู่บ้านแหละดีแล้ว ไม่ต้องมาเสียค่าเช่าหออยู่” นาวาออกความเห็นจากมุมมองของคนทำงานหาเงินจ่ายค่าหอเอง


“แต่มันกลับดึกนะเว่ย กลางคืนเดินทางก็อันตราย” นิสาท้วง ก็จริงของเธอ ผู้หญิงผุดผาดอย่างนิสา ถึงจะนิสัยห้าวไปหน่อย แต่อย่างไรก็ถือว่าเธอเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ความสวยนี้อาจจะเป็นภัยแก่ตัวเองก็ได้นาวาเลยพยักหน้าเข้าใจ


“กูว่าหอแถวๆมอเราก็มีเยอะแยะ เลือกเอาสักที่” แบงค์พูด


“เดือนที่แล้วพี่รหัสกูโดนงัดห้อง หอเขาอยู่แถวๆนี้แหละ” เก้าบอก


“แสดงว่าอยู่หอก็ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่” นาวากุมคางใช้ความคิด “งั้นก็ไปอยู่คอนโดดิวะ มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา มี
ยามเฝ้าตลอด มีกล้องวงจรปิด one way in and one way out.”


“นั่นสินะ งั้นกูว่าขอป๊าซื้อคอนโดดีกว่า กูเห็นในทีวีเค้ามีโครงการใหม่แถวๆมหาลัยเรา” นิสาทำตาลุกวาว


“อ๋อ ของดรุณเอสเทสบริษัทอสังหาดังๆนั่นใช่ไหม พี่กูว่าจะซื้ออยู่เหมือนกัน” เอ็มพูดขึ้น


“ตกลงเอาที่นั่นแหละเนาะ กูไม่อยากคิดอะไรเยอะแยะแล้ว ยังไงพวกมึงต้องไปเที่ยวห้องกูนะเว่ย ว่างๆเรามาจัดปาร์ตี้กัน” นิสาชักชวน


“เอาดิ/ กูไม่ไป” เพื่อนๆคนอื่นๆพูดขึ้น สวนทางกับคำพูดของนาวา


“ทำไมวะ” นิสาสงสัย


“เอ่อ… กูไม่อยากไปคอนโดมึงหรอกสา ไม่อยากขึ้นคอนโดผู้หญิงว่ะ กลัวโดนปล้ำ” นาวาขำกับมุกตลกของตัวเอง


“แทนที่จะระวังผู้หญิง มึงเอาสมองไประวังผู้ชายเถอะ” นิสากัด แล้วนาวากับนิสาก็แกล้งกันไปมาอย่างที่เคยทำเป็นประจำ แม้จะ
เป็นเพียงคำพูดเล่นๆที่เพื่อนๆได้ฟัง แต่นาวาไม่เคยไปคอนโดของนิสา ไม่เคยกลับไปเหยียบที่ที่เป็นของดรุณาทรสักครั้ง แต่คราวนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เขาจะไม่หลีกหนีตัวเองอีกแล้ว ของของเขาก็ย่อมจะต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว


ความเกลียดชัง และความแค้นที่นาวาสั่งสมมากำลังฉายแววโรจน์อยู่ในดวงตา


ฉันจะไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบได้อีก พอกันทีกับการเป็นคนที่โดนเหยียบย่ำ


ถึงเวลาเอาคืน ได้เวลาที่จะทำให้รู้ว่าคนอย่างนาวาไม่ใช่เหยื่อที่จะเล่นด้วยได้ง่ายๆ!


***************


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
จะเกิดเรื่องร้ายๆกับนาวารึเปล่า  :hao4:

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
ยังงงอยู่เลยว่าดีกันได้ไง

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ชื่อตอน แอบผวาาา จะเกิดอะไรขึ้นนะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
นาวาจะเป็นอะไรอีกหรือเปล่านะ

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
รอตอนต่อไปนะคะ :katai2-1:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ไม่อยากให้นาวาโดนทำร้ายเลย

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
พี่เพชรน่ารักจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
เห็นชื่อตอน ผมนี่รีบต้มน้ำร้อนเลย
 :laugh:

ออฟไลน์ หางนกยูง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หึหึ ชื่อตอนส่อเค้าเรื่องอันตรายจะเกิดขึ้น
จะรอลุ้นครับ เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
กลัววาเป็นอันตรายจังอ่ะ

ออฟไลน์ uttonne12

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Wtftt

  • โอกาสก็เหมือนไอติมถ้าไม่กินมันก็ละลาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกมากกกกก ชอบจัง

ออฟไลน์ Killian

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
    • Killian
Chapter 11 ผีเสื้อ...ปีกหัก
Part 2

 :L2: :กอด1: :L2:




คอนโดไฮไรส์ห้าสิบเจ็ดชั้นใจกลางเมืองเด่นสง่าอยู่ตรงหน้านาวา เด็กหนุ่มลงจากแท็กซี่และแหงนหน้ามองตึกระฟ้าแห่งนี้เพื่อซึมซับความยิ่งใหญ่ของสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยบอกกับตัวเองว่าไม่ใช่ของเขา นาวาสูดลมหายใจเข้าปอดและเดินตรงไปด้วยความมาดมั่น ผ่านประตูกระจกหรูหรา เข้าสู่ล็อบบี้ของคอนโดที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำทอง บนเพดานแขวนเชเดลเลียคริสตอลแพงระยับสมกับเป็นโครงการที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับบริษัทอังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่


นาวาโทรบอกนิสาตั้งแต่เช้าว่าหลังเที่ยงจะมาหาเพราะมีเรื่องอยากคุยกับเพื่อนๆ เด็กหนุ่มนั่งบนโซฟาบุหนังสีดำบริเวณใกล้กับเค้าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้วหยิบมือถือส่งข้อความไปบอกนิสาให้ลงมารับ ในขณะที่เงยหน้าออกจากหน้าจอมือถือ ดวงตาสีอำพันของเขาพลันสบเข้ากับแววตาเฉียบคมของศิวาที่กำลังเดินออกมาจากลิฟท์


ศิวาประหลาดใจเล็กน้อยในรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของนาวา ดวงตาสีอำพันไร้ซึ่งกรอบแว่นบดบัง เส้นผมสลวยที่เคยไม่เป็นทรงตอนนี้ถูกตัดและย้อมเป็นสีน้ำตาลอ่อนขับผิว นาวาดูดีขึ้นจนเขาแทบจำไม่ได้ รอยยิ้มอ่านยากฉาบบนในหน้าคมเข้ม ไรหนวดจางๆขับให้ชายหนุ่มดูดุดันเฉียบคม เห็นดังนั้นแล้วขายาวของเขาก็รีบตรงดิ่งเข้าหาเป้าหมายที่กำลังนั่งตาโตจ้องมองเขาอยู่ ศิวาเดินลิ่วไม่สนใจคนที่เดินตามเขามาแม้แต่น้อย


“ขอนั่งด้วยคนนะครับ” ศิวาเอ่ย วาดรอยยิ้มประดับแววตาคมกริบให้กับนาวา


“นั่งสิครับ ที่นั่งออกจะเยอะแยะ ผมไม่ได้ห้าม” นาวาไว้ตัว เด็กหนุ่มพยายามวางตัวออกห่างจากผู้ชายตรงหน้าให้มากที่สุด ลึกๆแล้วนาวาไม่ไว้ใจคนคนนี้ อันที่จริงเขาไม่ไว้ใจใครก็ตามในบ้านหลังนั้น


“ไม่ได้หรอกครับ พี่ต้องขอนุญาติน้องวาก่อน เผื่อเจ้าของเขาไม่อยากให้พี่นั่ง”


“หึ ผมใจกว้างพอครับพี่เติร์ก”


“เติร์กคะ มัวนั่งอยู่ตรงนี้ทำไม เสร็จงานแล้วรีบๆไปเถอะค่ะโซดาจะไปดูเสื้อผ้า” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดึงความสนใจของนาวาออกไป ถ้าเด็กหนุ่มจำไม่ผิดโซดาคนนี้เป็นนางแบบดาวรุ่งที่กำลังขึ้นปกนิตยสารผู้ชายด้วยภาพลักษณ์วาบหวิวร้อนแรง ดังนั้นดีกรีความสวยเฉียบจึงไม่ต้องพูดถึง เจ้าหล่อนทอดกายนั่งลงข้างๆศิวา มือบางสะบัดเส้นผมสลวย ดวงหน้านวลผ่องมองมาทางนาวาชั่วครู่และหันไปรอคำตอบจากคนข้างกาย


“น้องวามาทำอะไรแถวนี้ครับ” เติร์กไม่สนใจคำรบเร้าของโซดา สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เจ้าของนัยน์ตาประกายทอง


“ทำไมล่ะครับ ทำไมวาจะมาแถวนี้ไม่ได้”


“เปล่าครับพี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”


“ช่างเถอะครับ พี่เติร์กจะหมายความว่ายังไงก็เรื่องของพี่ วาแค่มีธุระแถวนี้นิดหน่อย”


“ธุระแถวนี้? มาดูห้องหรือเปล่า พี่พาไปดูได้นะ ห้องใหญ่ชั้นบนสุดยังว่างอยู่ วันนี้พี่มาตรวจงานที่นี่แต่ตอนนี้ว่างแล้วถ้าน้องวาไม่รังเกียจให้พี่พาไปนะ”


“แต่คุณมีนัดกับโซดานะคะ ให้คนอื่นพาน้องเขาไปเถอะค่ะ เป็นถึงผู้บริหารไม่จำเป็นต้องพาลูกค้ารายย่อยไปดูห้องหรอก” โซดาเรียกร้องความสนใจจากเติร์ก “ห้องแพงขนาดนั้นน้องเขาจะซื้อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้” ประโยคหลังเหมือนเธอจะพึมพำกับตัวเองแต่ทุกถ้อยคำกลับชัดเจนในโสตประสาทของนาวา


“โซดา” เสียงเรียบเย็นและใบหน้าตึงเฉยอ่านยากของเติร์กทำเอานางแบบสาวสงบปากสงบคำ


“นั่นสินะ เป็นถึงผู้บริหารพี่เติร์กคงไม่ต้องลดตัวลงมาสนใจผมหรอก”


“ได้ไงกัน พี่เป็นแค่ผู้บริหารไม่ใช่เจ้าของ ถ้าเจ้าของอยากจะดูห้องพี่ก็ต้องเป็นคนพาไปดูสิครับ”


“เติร์กคะ โซดาอยากไปดูเสื้อผ้าแล้วนะพรุ่งนี้ต้องใส่ออกงาน จะมาสนใจอะไรเด็กนี่นักหนา ถ้าเขาจะดูห้องก็ให้พนักงานพาไปดู น้องเขาเป็นแค่ลูกค้าเจ้าของก็ไม่ใช่ เจ้าของน่ะตายไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ ยัยคุณหญิงอะไรนั่นหัวใจวายตายไปนานแล้ว บริษัทของมันก็เป็นของเติร์กละด้วย”


ปัง! นาวาตบเบาะหนังเสียงดัง เด็กหนุ่มเหยียดยืนขึ้นเพราะไม่อาจทนฟังคำพูดจาบจ้วงเหล่านั้นได้ ในจังหวะนั้นนิสาก้าวออกมาจากลิฟท์พอดิบพอดี เธอรีบเดินมาหาเพื่อนเพราะเห็นสีหน้าโมโหฟิวส์ขาดกลัวว่ามีเรื่องไม่ดีอะไร


“พูดจาอะไรให้เกียรติคุณหญิงท่านบ้างนะคุณ หัดสำนึกเสียบ้างว่าที่ที่คุ้มกะลาหัวของคุณอยู่ตอนนี้หรือแม้กระทั่งโซฟาที่คุณหย่อนก้นนั่งก็เป็นสมบัติของคุณหญิงท่านทั้งนั้น คุณมีสิทธ์ถือดีอะไรมาเรียกคุณย่าผมว่ามัน รู้ใช่ไหมว่าวัยวุฒิของท่านมากกว่าแม่คุณเสียอีก ถ้าใช้ตรรกะไร้จริยธรรมของคุณผมคงเรียกแม่คุณว่ามันได้เหมือนกันสินะ แต่ทานโทษ บังเอิญว่าแม่ของคุณมันไม่ใช่เจ้าของที่นี่แล้วยัยนั่นก็ไม่ใช่เจ้าของบริษัทด้วย อ้ออีกอย่าง ผู้ชายที่คุณควงก็ไม่ใช่เจ้าของบริษัทอย่างที่สมองไร้ความฉลาดของคุณเข้าใจ ต่อไปก็หัดคิดให้ดีก่อนจะพูดอะไรพล่อยๆออกมา” ทุกคำพูดนาวาจ้องเข้าไปในตาของโซดาอย่างไม่กริ่งเกรง ดวงตาสีอำพันของเขาฉายแววกราดเกรี้ยวไม่พอใจ


“แก!” โซดาโกรธตัวสั่น เธอชี้หน้านาวาแล้วแผดเสียง “ต่ำ แต่งตัวด้วยของต่ำๆไร้ราคา คำพูดคำจาก็เลยต่ำช้าลงไปด้วย แกกล้าดียังไงมาว่าแม่ฉัน”


“แล้วเธอกล้าดียังไงพูดถึงคุณย่าแบบนั้น!” นาวาสวนกลับทันควัน นิสาแตะแขนของนาวาเอาไว้ เธอพยายามห้ามอารมณ์เพื่อนแต่เหมือนจะไม่มีประโยชน์ “จะแต่งตัวด้วยอะไรก็ไม่เกี่ยวหรอก เพราะอย่างเธอต่อให้ขนแบรนด์แนมมาทั้งกรุก็ไม่ช่วยอะไร จิตใจยังหยาบช้าสกปรกอยู่อย่างนั้นแหละ เผลอๆสถุลกว่าคนไม่มีเสื้อผ้าแพงๆใส่ซะอีก”


“อ๊าย เติร์กคะ ไอ้เด็กเวรนี่มันว่าโซดานะ คุณทำอะไรสักอย่างสิ ไล่มันออกไปจากที่นี่เลยสิคะ” โซดาเกาะแขนเติร์ก หล่อนสะบัดหน้าไม่พอใจ


“น้องวาอย่าถือสาคำพูดไม่คิดของคนอื่นเลยนะ พี่ว่าเราไปคุยกันตรงอื่นดีกว่า” ศิลาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง 


“ไม่ต้องไปไหนหรอกครับ วาไม่มีเรื่องต้องคุยกับพี่ วาแค่แวะมาหาเพื่อน ไม่ได้จะมาดูคอนโดหรืออะไร” นาวาคว้าข้อมือนิสาแล้วหันไปพูดกับเธอ “ไปกันเถอะสา”


“เดี๋ยวครับน้องวา” ศิลาคว้ามือของนาวาไว้ “เสร็จธุระแล้วให้พี่ไปส่งนะ”


“ได้ไงคะเติร์ก คุณต้องพาโซดาไปซื้อเสื้อผ้านะ” นางแบบสาวโวยวายขึ้นมาอีกรอบ “ไอ้เด็กนี่ให้ยามลากมันออกไปเถอะค่ะ"


“ไปดูแลแฟนพี่เถอะครับ เพราะยังไงวาก็จะกลับเอง ขอตัวนะ”


“ไม่ใช่นะ เขาไม่ใช่แฟนพี่” เติร์กพูด “นะน้องวา ให้พี่พากลับเถอะ เดินทางคนเดียวอันตรายนะ” 


“อะไรนะ! เติร์กพูดแบบนี้ได้ไง เราคบกันแล้วนะคะ” โซดาแผดเสียง หล่อนเกาะแขนของศิลาไว้


“คบ? ตอนไหนที่ผมคบกับคุณ” เติร์กใบหน้าเรียบตึง เสียงเฉียบเย็นของเขาเริ่มส่อเค้าความน่ากลัว


“แล้วที่ผ่านมาคืออะไร โซดากับคุณลึกซึ้งกันขนาดไหนคุณก็รู้ดีนิ แบบนั้นไม่เรียกว่าแฟนหรือไงเติร์ก”


ศิลาถอนหายใจรำคาญ “ย้อนดูดีๆโซดา คุณเข้าหาผมเพราะอะไร เราตกลงกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ”


“หรือเพราะไอ้เด็กนี่ คุณสนใจมันเหรอ ตลกน่าเติร์ก มันเป็นแค่เด็กผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะมองของแปลกราคาถูกแบบนี้ด้วย ถึงว่าฉันบอกให้คุณไล่มันออกไปคุณก็ทำเฉย” โซดารู้สึกโกรธ เสียใจ และเสียหน้า เธอหันมาแผดเสียงใส่นาวา “แกออกไปจากที่นี่เลยนะ ไม่ต้องมาหาเติร์กอีก แล้วเลิกทำตัวหน้าด้านแย่งของของคนอื่นซะที ออกไปสิ ฉันพูดแล้วยังทำเฉยอีก จะเดินหนีไปไหนห๊ะ”


“โซดาหยุด!” เสียงประกาศิตของศิลาประกาศกร้าว “อย่าโวยวายใส่น้องวาแบบนั้นผมไม่ชอบ จะพูดจาอะไรรู้จักคิดซะบ้าง คนที่จะเฉดหัวใครออกจากที่นี่ไม่ใช่คุณแต่เป็นเขา นาวาเป็นเจ้าของดรุณเอสเตส ประธานคนใหม่ของบริษัทผม หยุดทำตัวน่ารำคาญได้แล้ว อีกอย่างผมจะสนใจใครคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาว่า เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ขอโทษน้องผมซะ ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”


โซดาตะลึงงัน ศิลา ก้องการุณ ผู้ชายที่เธอหมายปอง แม้จะได้ยินกิตติศัพท์ความโหดโมโหร้ายของเขามาบ้าง แต่ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับตัว นางแบบสาวทั้งโกรธ เสียหน้า ตกใจระคนกัน แต่จะให้เอ่ยปากขอโทษเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้หล่อนไม่มีวันยอม


“ฉันไม่ขอโทษ” โซดาพูดกับเติร์กแล้วหันมาขึ้นเสียงใส่นาวา “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกต่างหากที่ต้องขอโทษฉัน แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นคนมีชื่อเสียง คนอย่างฉันอาจจะใช้สื่อเล่นงานแกก็ได้ นี่ไอ้เด็กเปรต ได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่าห๊ะ”


“ลากตัวออกไป” ศิวาสั่งบอดีการ์ดสูทดำของตัวเองเสียงเฉียบขาด โซดาโดนคนของเติร์กลากออกไปโดยทันที เสียงโวยวายของนางแบบสาวดาวรุ่งเรียกความสนใจของคนที่ผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี


“น้องวาพี่ขอโทษแทน…”


“ช่างเถอะครับ” นาวาตัดบท “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่เติร์กแล้ว ผมขอตัว”


“แต่พี่มี ไหนจะเรื่องบริษัท เรื่องดูแลงานอีก”


“เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะครับ”


“น้องวาพูดแล้วนะ วันหลังก็ได้ครับ แล้วพี่จะมารับไปคุยด้วย”


“ขอตัว” นาวาจูงมือนิสาเดินจากมา ทิ้งไว้เพียงสายตาคมกริบของศิลาที่มองตามจนร่างเล็กหายลับไป


*******


ต่อด้านล่าง...

ออฟไลน์ Killian

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
    • Killian
ต่อ...




คิ้วหนาของตรีเพชรขมวดเข้าหากันอย่างคนกำลังใช้ความคิด แววตาจริงจังของเขาฉายแววเครียดตัดสินใจไม่ถูก ชายหนุ่มลูบไล้คางอย่างเผลอไผล สักพักเขาก็ถอนหายใจออกมาเสียดื้อๆทำเอาคนที่นั่งข้างๆพาลเครียดไปด้วย


“ถ้าตัดสินใจยากนักก็ตามน้องวามาช่วยเลือก” พลอยลดาพูดกับน้องชายที่กำลังดูแบบการ์ดเชิญงานหมั้น ตรีเพชรนั่งเลือกอยู่
พักใหญ่แล้ว ไม่เห็นว่าจะมีอันไหนถูกใจเขาสักที


“ไม่ทันแล้วเจ้ ผมก็ลืมคิดว่าควรพานาวามาด้วย”


“โทรลากเจ้มาแต่เช้าเพราะจะเร่งพิมพ์การ์ดเชิญ แต่พอถึงเวลาเลือกแบบการ์ดดันคิดไม่ออกซะงั้น”


“มันต้องเลือกดีๆหน่อย ผมไม่อยากให้ใครมาว่าเอาทีหลังว่าจัดงานหมั้นทั้งทีการ์ดเชิญก็ไม่สวย”


“จ่ะๆ แล้วมานี่บอกนาวาหรือยัง ตกลงกันแล้วหรือไงว่าจะใช้ที่ไหนจัดงาน มันต้องพิมพ์แจ้งในบัตร” พลอยลดาถามน้องชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“ไม่ได้บอกหรอก ไม่รู้ตอนนี้ตื่นหรือยัง”


“งั้นที่เมื่อคืนไม่หายออกไปจากบ้านเพราะไปหอนาวามา? เพชรไปมาหาสู่กันน่ะเจ้ไม่ว่าหรอกนะ แต่ดูกาลเทศะบ้างออกไปหาดึกๆแบบนั้น น้องวาจะเสียหาย”


“เจ้หัวโบราญจังเลยว่ะ อีกอย่างผมไม่ทำอะไรน้องวาของเจ้หรอก” แต่ภาพการลงโทษและสัมผัสอุ่นวาบไม่เคยจางหายไปจากปลายนิ้ว ตรีเพชรสะบัดไล่ความคิดและภาพเปล่าเปลือยของนาวาออกไปจากสมองก่อนที่เขาจะไม่เป็นอันทำอะไร


“แน่ใจเรอะ เพราะแผลที่มุมปาก กับผ้าพันแผลที่มือขวามันเหมือนจะบอกอะไรเจ้บางอย่างนะ” พลอยลดาส่งสายตารู้ทันให้ตรีเพชร


“แผลพวกนี้ไม่เกี่ยวกับน้องวาของเจ้หรอกไม่ต้องห่วง แต่มันเกี่ยวกับเรื่องที่ผมต้องรีบพิมพ์บัตรให้เสร็จภายในวันนี้”


“ทำไม อะไรรบเร้าเราขนาดนั้นเหรอเพชร”


“เอาเป็นว่าเพราะน้องวาของเจ้มีคนมาหลงจนโงหัวไม่ขึ้น ผมเลยต้องเอาการ์ดงานหมั้นไปเตือนให้มันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร”


“ไม่แปลกหรอก นาวาเป็นเด็กน่ารักขนาดนั้น ทั้งนิสัย หน้าตา ชาติตระกูล ยิ่งพอได้คุยได้รู้จัก ใครๆก็ต้องเกิดความสนใจ ต้องมีคนชอบบ้างเป็นเรื่องธรรมดา”


“ชอบน่ะได้ แต่อย่าได้หมายมายุ่งยุ่มย่าม ผมไม่ปล่อยให้อยู่สุขแน่”


“หึหึ”


“เจ้ขำอะไร คนกำลังหงุดหงิด”


“ก็เจ้ขำคนที่ไม่อยากจะหมั้นน่ะสิ แถมยังเคยหนีหัวซุกหัวซุนอีกต่างหาก แล้วเป็นไงท้ายที่สุดก็มานั่งเลือกการ์ดอยู่เนี่ย”


“เหอะน่า” ตรีเพชรเริ่มรู้สึกอาย “ตอนนั้นผมแค่ตกใจ”


“แล้วตอนนี้ล่ะ ชอบเขาแล้วว่างั้น”


“เปล๊า” ตรีเพชรรีบปฏิเสธเสียงหลง “ใครชอบ ไม่ซหน่อย ผมแค่ไม่พอใจให้คนมายุ่งแค่นั้นเอง”


“หึหึ ปากแข็งจริงนะ เราน่ะทั้งชอบเขาทั้งหวงเขาออกขนาดนี้”


“เจ้พูดอะไรไม่รู้เรื่อง รีบๆช่วยเลือกการ์ดเลย ผมจะได้รีบเอาไปแจก”


“ก็ได้ๆ ปากแข็งให้มันตลอดนะ” พลอยลดาเหน็บน้องชายก่อนหันมาสนใจแบบการ์ดเชิญที่พนักงานเว็ดดิ้งสตูดิโอชื่อดังที่สุดของเมืองไทยนำมาวางไว้ให้ “แล้วตกลงจะจัดงานหมั้นที่ไหน”


“ผมเอาโรงแรมใหม่ในเครือตรงสุขุมวิท”


“โรงแรมตรงสุขุมวิทเหรอ แต่เลขาเจ้บอกว่ามีมาเปรยๆว่าจะขอห้องจัดเลี้ยงใหญ่ไปถ่ายละคร”


“แล้วไงผมต้องสนเหรอ? ใครจะจองแคนเซิลให้หมด ผมไม่ยกให้”


“ตกลงว่าจะจัดงานใหญ่ใช่ไหม นาวาเขาอยากได้งานเงียบๆนะ” พลอยลดาเอ่ย


“แต่มันเป็นงานหมั้นผมเหมือนกัน น้องวาของเจ้ก็ใช่ย่อยไปไหนคนมองตามกันเป็นพรวน จัดงานใหญ่ๆแหละดีแล้วคนเขาจะได้รู้ว่าคนนี้ยุ่งไม่ได้”


“จ้าๆ พ่อคนขี้หวง หึหึ”


ตรีเพชรเลิกสนใจพลอยลดา ชายหนุ่มหันมาคุยกับพนักงงานเว็ดดิ้งเพลนเนอร์ “คุณครับ แบบนี้สวยสุดแล้วเหรอ ผมอยากได้เรียบๆแต่ดูดี อ้ออย่างในแบบอันนี้น่ะ สีมันชมพูไปผมไม่ชอบ อยากได้เป็นสีเหลือบมุกละมุนตา ตัวอักษรพิมพ์ออกเหลือบทองก็ได้ ขอเป็นการ์ดเชิญภาษาอังกฤษแล้วกันจะได้เชิญแขกคู่ค้าของพวกเราได้ ส่วนเรื่องกระดาษผมอยากได้ที่มีกลิ่นกุหลาบจางๆ…..” แล้วตรีเพชรก็ร่ายยาวถึงการ์ดเชิญที่เขาอยากได้ ท่ามกลางรอยยิ้มของพี่สาว


*******


เก้านั่งกอดออก จ้องนาวาไม่วางตา เอ็มปั้นหน้าเมินเฉยมองเลยไปเหมือนนาวาไม่มีตัวตน แบงค์หน้างอแสดงอาการงอนขัดเคืองใจ นิสานั่งไขว่ห้างตะไบเล็บมือไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เห็นดังนั้นนาวาจึงเข้าใจได้ว่าเพื่อนๆทุกคนยังคงไม่พอใจ เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แล้วนั่งตรงฝั่งตรงข้ามเพื่อมองเพื่อนแต่ละคนได้ถนัด


“เอ่อ คือ… กูมีเรื่องจะบอกพวกมึงว่ะ” นาวาเริ่มพูดหลังจากเห็นท่าทีแล้วคงไม่มีใครยอมเอ่ยปากอะไรแน่


สายตาทุกคู่ของเพื่อนหันมาสนใจนาวา แต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไร


“กูกำลังจะหมั้น” นาวาบอก


“พวกกูรู้ พี่เพชรประกาศชัดขนาดนั้น” แบงค์พูด แต่สีหน้ายังคงงอนไม่พอใจ “ถ้าไม่รู้จากพี่เพชรก็คงจะเซอร์ไพรส์เอาตอนวันหมั้น มีอะไรมึงไม่คิดจะบอกพวกกูอยู่แล้วนิ”


“กูเปล่า…” นาวาพยายามคิดหาเหตุผล “กูแค่ไม่กล้าบอก กูอายนะเว้ยต้องหมั้นกับผู้ชาย แถมเป็นไอ้ตี๋อีกต่างหาก พวกมึงได้ล้อกูจนลูกบวชแน่ๆ”


“แน่ใจเหรอว่าแค่อายไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น ข่าวซุบซิบเขียนจั่วกันให้รึ่ม ‘ไฮโซ พ. อาจเตรียมสละโสดเพราะต้องหมั้นหมายกับทายาทตระกูลดังตามใจคุณหญิงย่าที่ไฟเขียวให้ว่าที่หลานสะใภ้ งานนี้ดันกันสุดๆวงในกระซิบมาว่าคุณหญิงย่าปลื้มหลานสะใภ้คนนี้มาก’ หึ ถ้าฉันไม่อ่านข่าวซุบซิบแวดวงไฮโซบ้างตอนอยู่ข้างล่างเมื่อกี้ก็คงเอ๋อรับประทาน” นิสาวางตะไบเล็บแล้วหันมาสนใจคำตอบจากนาวา


“ไอ้สาทำไม ตอนอยู่ข้างล่างเกิดอะไรขึ้น” แบงค์ถามนิสา


“ก็ไม่ทำไมหรอกค่ะคุณ กะอีแค่ฉันเพิ่งจะรู้ว่าเพื่อนแกเป็นท่านประธานใหญ่ของดรุณเอสเตส งานนี้รองประธานหนุ่มมาหาเพื่อนแกด้วยตัวเองเลยนะ แต่บังเอิญว่ามีเหตุแฟนสาวของท่านรองนิดหน่อยเลยได้ปะทะอารมณ์กันไปพอหอมปากหอมคอ” นิสาแจกแจงอธิบาย “พึงระลึกไว้เถอะว่าคอนโดนี้ก็ของเพื่อนแก บริษัทอังสังหาใหญ่โตนั่นก็ของเพื่อนแก คนที่ไม่เคยคิดจะบอกอะไรเลยน่ะ”


“มันไม่ใช่อย่างนั้นสา อย่าเพิ่งพูดแบบนั้นสิ” นาวาออดอ้อน


“ตอนม.ปลายพวกกูเคยถามเรื่องนามสกุลมึง จำได้ไหม” เอ็มย้อนถามนาวา “พวกเราอยากรู้เพราะมันคุ้นๆคล้ายๆกับของตระกูลเจ้าพ่ออสังหา แต่มึงเฉไฉตอบว่าไม่เกี่ยวกัน พวกกูเลยไม่ติดใจอะไรแต่นี่ข่าวก็บอกว่าพี่เพชรหมั้นกับทายาทตระกูลดัง อะไรกันวะ มึงเป็นใครกันแน่นาวา บอกพวกกูให้หายโง่สักทีเถอะ พวกกูห่วงมึงจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”


“กูขอโทษ” นาวารู้สึกไม่ดีที่มีอะไรไม่ยอมบอกเพื่อน


“นาวา” เสียงของเก้าเรียบจนน่าใจหายแต่น้ำเสียงนั้นก็แฝงความน้อยใจเสียใจไปในความนิ่งที่นาวาได้ยิน เด็กหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าเก้ากำลังเสียใจ เพื่อนคนแรกของเขากำลังน้อยใจ “มึงยังจำตอนพวกเราหลงป่าตอนม.สามได้ไหม ที่มึงบอกว่าพวกเราเหมือนเป็นครอบครัวมึงเพราะเราผ่านทุกข์ผ่านสุขมาด้วยกัน กูอยากรู้จริงๆว่าตอนนั้นมึงแค่พูดให้พวกกูหลงดีใจหรือมึงหมายความอย่างนั้นจริงๆ มึงรู้ไหมตั้งแต่วันนั้นมาสำหรับกู กูยิ่งห่วงมึงเข้าไปใหญ่ คิดว่ามึงก็เป็นครอบครัวของกูจริงๆ แต่พอมาวันนี้มีอะไรทำไมมึงถึงยังปิดบังกัน ถ้าพวกเราเป็นครอบครัวของมึงจริงๆมึงน่าจะบอกให้พวกเรารู้เป็นคนแรกๆไม่ใช่หรือไง บางทีกูก็อดน้อยใจไม่ได้ เพราะตั้งแต่พี่เพชรเข้ามา มึงเริ่มมีความลับกับพวกเรา รู้ไหมตอนที่รู้ว่ามึงโดนลอบทำร้ายพวกกูตกใจกันแค่ไหน คนปาอิฐใส่มันคงไม่ใช่แค่ขู่ เหมือนกับตอนม.ห้าที่มีคนตั้งใจทำร้ายมึง เรื่องใหญ่ขนาดนี้มึงยังเก็บเงียบไม่ปริปาก ที่อยากรู้เรื่องของมึงไม่ใช่เพราะพวกกูสอดรู้สอดเห็นหรอกนะเว่ย พวกกูแค่เป็นห่วง พวกกูอยากช่วยเหลือมึง เพราะอย่างน้อยๆสำหรับกูมึงคือคนในครอบครัว”


น้ำตาคลอเบ้าตาสีสวยของนาวา เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างจุกและหน่วงอยู่ตรงทรวงอก ความรู้สึกที่ว่าเพื่อนๆเป็นประหนึ่งครอบครัวไม่เคยจางหายไปไหน นับวันมันยิ่งทบทวีเป็นความผูกพันที่แสนแน่นแฟ้น แต่เรื่องราวผ่านมาที่เขาไม่พูดไม่ใช่เพราะไม่ให้ความสำคัญกับเพื่อนๆ แต่ไม่อยากให้มาเดือดร้อนด้วยต่างหาก ไม่อยากให้มากังวลในสิ่งที่เขาเองก็ไม่แน่ใจ


“เก้า… ทุกคน… กูขอโทษ” นาวาพยายามกลั้นน้ำตาไว้ “ที่กูมีอะไรไม่ยอมบอกพวกมึงเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง ไม่อยากให้ใครมาเครียดแทนกู แต่ตอนนี้กูเข้าใจแล้ว กูจะบอกพวกมึงทุกอย่าง”


“งั้นก็พูดมาพวกกูจะรับฟัง แต่ต่อไปนี้มึงต้องบอกพวกกูทุกอย่างนะวา อย่าให้พวกกูกังวลอยู่ฝ่ายเดียว” เอ็มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง


นาวาจึงเริ่มต้นเล่าที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟัง


“จริงที่กูเป็นทายาทตระกูลดรุณาทร พ่อกับแม่แต่งงานกันหลังเรียนจบใหม่ๆจากนั้นพวกเขาก็มีกู แต่แม่เล่าว่าหลังจากที่กูสองขวบ พ่อก็พาผู้หญิงอีกคนมาพร้อมกับเด็กทารก เขาบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกชายอีกคนของเขา แถมผู้หญิงคนนั้นยังมีลูกติดเป็นเด็กชายวัยราวๆเจ็ดขวบคนนึง คนในบ้านเล็กของพ่อก็เลยได้อยู่เรือนหลังเล็กของที่บ้าน ถึงคุณย่าจะไม่พอใจที่คุณพ่อทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาท่าน แต่ถึงอย่างไรเด็กคนนั้นก็เป็นหลานของท่านอีกคน คุณย่าเลยไม่ได้ว่าอะไรมากนัก เพราะงั้นตั้งแต่ที่กูจำความได้ก็เลยเห็นครอบครัวแตกแยกไปเรียบร้อยแล้ว


พี่เติร์กเป็นลูกติดของแม่เลี้ยงกู วรากรเป็นน้องชาย ทุกครั้งที่พวกเราสามคนเล่นด้วยกัน กูไม่เข้าใจมากนักหรอกว่าทำไมถึงชอบโดนน้องชายแกล้ง บางครั้งพี่เติร์กก็ช่วยไว้ทัน บางครั้งเขาก็ไม่เห็น พอเป็นแบบนี้มากเข้าพ่อกับแม่กูก็เริ่มทะเลาะกัน พ่อหาว่าแม่ถือข้างกูเกินไปบ้างล่ะ ว่ากูเป็นฝ่ายจงใจแกล้งวรากรบ้างล่ะ กูเป็นเด็กกูยังรู้สึกได้ว่าพ่อรักน้องมากกว่า ทั้งบ้านมีแค่แม่กับคุณย่าเท่านั้นที่ดูเหมือนจะสนใจกูจริงๆ จนในที่สุดเหมือนแม่จะทนไม่ไหวเลย เลยพากูออกมาจากบ้านหลังนั้นตอนเก้าขวบพอดิบพอดี พวกเราย้ายไปอยู่เชียงใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น


ตอนที่พวกมึงถามว่ากูเป็นอะไรกับคนบ้านนั้น แล้วกูบอกไปว่าไม่เกี่ยวข้องกันก็เป็นจริงตามนั้น เพราะกูกับแม่ออกมาจากที่นั่นแล้ว ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีก อีกอย่างพ่อกูเองยังไม่มาสนใจใยดีอะไรเลย มีแต่คุณย่าที่พอรู้ว่ากูย้ายกลับมาอยู่ในกรุงเทพก็หมั่นแวะมาหา คะยั้นคะยอให้กูกลับไป กูปฏิเสธทุกอย่างที่คุณย่าเสนอให้ คอนโด รถ เงิน ของฝากอะไรก็ตามที่คุณย่าหามาให้กูไม่เคยรับ กูสงสารแม่เพราะพ่อทำให้แม่เสียใจหลายครั้ง เพราะพ่อไม่เคยดูดำดูดีกู กูเลยตั้งใจตัดขาดกับคนที่นั่น จนกูบอกปัดไม่อยากเจอคุณย่า พยายามไม่ไปหา หลบหน้าไม่อยากเจอ


พอขึ้นม.ปลายเข้า หลายครั้งที่ไปเจอวรากรโดยบังเอิญตามที่เรียนพิเศษ คำพูดถากถางทุกครั้งที่เจอหน้ากันมันทับถมให้กูยิ่งเกลียดคนบ้านนั้นเข้าไปใหญ่ ทั้งแม่มัน ทั้งมันแย่งทุกอย่างที่ควรเป็นของกูไป พ่อสงเสริมให้พี่เติร์กเข้าทำงานในบริษัททันทีที่เรียนจบ ส่งวรากรไปเรียนไฮสคูลต่างประเทศ พาแม่เลี้ยงออกงานเป็นหน้าเป็นตา กูไม่เคยได้อะไรจากพ่อเลยสักอย่างนอกจากครั้งนั้นที่พ่อโทรศัพท์บอกว่าจะมาหา แต่พ่อก็ไม่เคยมาอีกเลย เพราะเขาประสบอุบัติเหตุแหกโค้งเสียก่อนจะได้มาเจอกู


แม่เลี้ยงกูรู้สึกจะไม่เสียใจที่พ่อตายด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่เธอเสียใจก็คงจะเป็นเพราะพ่อยังไม่ได้มรดกอะไรจากคุณย่าท่าน ทรัพย์สมบัติทั้งหมดยังอยู่ในนามของคุณย่า ย่าไม่เคยโอนอะไรนอกจากหุ้นบริษัทส่วนหนึ่งให้พ่อ เพราะลึกๆแล้วย่าเองก็รู้สึกผิดที่กูกับแม่ต้องออกมาเผชิญกับอะไรแบบนี้ จากนั้นย่ายังคงแวะเวียนมาหากูเรื่อยๆ กล่อมให้กูกลับไปอยู่กับท่าน พักหลังๆที่ย่ามาหากูรู้สึกได้ว่าท่านทรุดโทรมลงไป แต่กูไม่รู้หรอกว่าท่านเป็นโรคหัวใจ ครั้งสุดท้ายที่เจอท่านกูบอกท่านว่าไม่อยากได้อะไรของดรุณาทรอีก และไม่อยากรบกวนเจอท่านอีก นึกดูตอนนี้กูก็เสียใจพี่พูดกับท่านไปแบบนั้น


ไม่นานมานี้เป็นข่าวใหญ่ถึงการจากไปของคุณย่า กูรู้ข่าวเพราะบังเอิญเจอกับวรากรในห้าง มันมาหัวเราะเยาะ บอกว่าท้ายที่สุดทุกอย่างก็จะตกเป็นของมันคนเดียวซะที ตอนนั้นกูไม่สนเรื่องสมบัติอะไรนั่นเลย กูสงสารก็แต่คุณย่า ท่านป่วยอยู่คนเดียว คนพวกนั้นจะดูแลท่านหรือเปล่าก็ไม่รู้ กูไม่น่าปล่อยให้ย่าอยู่คนเดียวเลย


กูไม่มีโอกาสแม้จะไปงานเผาศพของคุณย่า เพราะพวกแม่เลี้ยงกูกีดกันทุกทาง ไปถึงวัดแต่โดนคนของเขากันออกมา แล้วอยู่ๆแม่กูก็ลงจากเชียงใหม่มาหา แม่บอกว่ามีคนมาคุยกับท่านเรื่องของกู แม่บอกว่าเพื่อนของคุณย่ามาสู่ขอกูให้หลานชายเขา บอกว่าคนคนนั้นคือตรีเพชร และทุกอย่างเกี่ยวข้องกับพินัยกรรมของคุณย่า แม่บอกว่ากูจะปลอดภัยถ้ามีพี่เพชร ตอนนั้นกูไม่รู้หรอกว่ากูจะอยู่ในอันตรายยังไง แต่พอเริ่มมีคนจงใจปาอิฐบล็อกใส่หัว กูเลยคิดได้ว่าชีวิตกูเริ่มไม่ปลอดภัย ต้องมีคนหวังร้ายอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นเพราะกูเป็นทายาทคนโตของตระกูล หรือเพราใครบางคนต้องการจะฮุบสมบัติมากมายของคุณย่าเอาไว้ ตอนนี้กูไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ากูต้องระวังตัวขึ้นกว่าเดิม


วันเปิดพินัยกรรมกูเลยกลับบ้าน ไปที่นั่นอีกครั้ง ไปรับฟังความประสงค์ของคุณย่าเป็นครั้งสุดท้าย คุณย่ายกมรดกเล็กน้อยให้กับพวกนั้น แต่สมบัติทุกอย่างที่เหลือ บริษัท หุ้นส่วนต่างๆ เครื่องเพชร ทอง เงินฝากธนาคาร บ้านดรุณาทร และที่ดินทุกแปลงในกรรมสิทธิ์ของคุณย่าทานยกให้กู แต่มีข้อแม้ว่ากูจะต้องหมั้นกับไอ้ตี๋จนกว่าจะเรียนจบปีสี่ เรื่องทั้งหมดก็มีอยู่เท่านั้น”


ความเงียบโรยตัวลงมาราวม่านปิดฉาก หลังจากจบเรื่องเล่าของนาวา เพื่อนๆแต่ละคนเหมือนจะจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เก้าเป็นคนแรกที่ดึงตัวออกจากภวังค์แล้วเดินตรงมาหานาวา เขาดึงตัวนาวาให้ลุกขึ้นแล้วสวมกอดนาวาเอาไว้ นาวากอดตอบเพื่อนอย่างงงุนงง แต่แล้วผ่ามืออุ่นของเก้ากลับลูบศีรษะของนาวาแผ่วเบา นาวาจึงซบลงบนไหล่กว้าง


เสียงนุ่มอบอุ่นของเก้าเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ เก้าอยู่ตรงนี้แล้ว”


เพียงคำพูดนี้เท่านั้น น้ำตาที่เคยเก็บกลั้นไว้พาลไหนราวทำนบเขื่อนทลาย นาวาซุกหน้ากับไหล่หนา ปล่อยน้ำตาไหลเป็นสายจนเสื้อของเก้าเปียกชื้น เก้ายังคงกอดปลอบนาวาอยู่อย่างนั้น มืออุ่นลูบหลังนาวาแผ่วเบา ปลอบประโลม


“ไม่เอาน่าอย่าอ้อนไอ้เก้าคนเดียวสิ” เอ็มพูดขึ้น ดึงนาวาไปกอด “อย่าร้องไห้ พอแล้วนะวา มึงมีกูอยู่ทั้งคน”


“ใครว่า” แบงค์ผลักเอ็มออกไป ฝ่ามือใหญ่ของเขาวางหมับลงบนหัวของนาวา ชายหนุ่มขยี้ผมนิ่มๆของเพื่อน “วามีแบงค์อยู่ไม่ต้องกลัวอะไรนะ” แบงค์ฉีกยิ้ม ยกนิ้วปาดน้ำตาออกจากแก้มนาวาอย่างเบามือ


“ฮะแฮ่ม” นิสาเรียกร้องความสนใจ “วา สาบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าให้ไอ้พวกนี้มันหลีเอา เห็นไหมน่ะแต่ละคนแอบกอดแอบลูบ มานี่มา มาหาสา วามีสาทั้งคนไอ้พวกหื่นกามทำอะไรวาไม่ได้หรอก” คำพูดติดตลกของนิสาเรียกรอยยิ้มของนาวาและเพื่อนๆคืนมาได้


“คร้าบ” นาวาขานรับสียงหวาน เด็กหนุ่มเดินตรงรี่ไปหานิสา เจ้าหล่อนคว้าแขนนาวาได้ ทันทีที่ได้ควงแขนนิสาซุกหน้าลงกับอกของนาวา ปล่อยให้เขาลูบหัวตัวเองเบาๆ


“ตลอดอ่ะไอ้สา มึงน่ะว่าพวกกู แต่ตัวเองชอบลวนลามไอ้เตี้ยมัน” แบงค์อดหมั่นไส้ไม่ได้เลยเขกหัวนิสาเบาๆหนึ่งที


“ใคร๊ ไม่มีซะหรอก กูแค่จะปลอบมันต่างหาก ไม่เหมือนพวกมึงแต่ละคนกลัดมันตาเยิ้มเชียวนะ” นิสาเหว


“พวกกูอ่ะตาเยิ้ม แต่หน้าฟินของมึงอ่ะใช่ย่อยที่ไหน” เอ็มมะเหงกนิสาเบาๆเหมือนกัน


แล้วสงครามน้ำลายของเพื่อนๆก็เริ่มต้นขึ้น เรียกเสียงหัวเราะของทุกคนให้กลับคืนมา ความรู้สึกอบอุ่นใจค่อยๆแผ่ซานไปในความรุ้สึกของทุกๆคน นาวามองรอยยิ้มของเพื่อนและฝังจำภาพประทับใจเหล่านี้เอาไว้ ไม่ว่าโลกนี้จะร้ายยังไง ไม่ว่าจะเจอเรื่องหนักหนาแค่ไหน นอกจากแม่ เขาก็ยังมีคนเหล่านี้คอยรับฟังและช่วยเหลือเสมอ เก้า เอ็ม แบงค์ นิสา ไม่ใช่แค่เพื่อน สำหรับเขาทุกคนเปรียบเหมือนหนึ่งครอบครัว เป็นความอบอุ่น ความจริงใจที่ยากจะหาไหนมาทดแทน


*******




TBC.

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด