ตอนที่ 20
เสียงประกาศข่าวสารดังก้องไปทั่วมหาวิทยาลัย อากาศร้อนยามเที่ยงวันทำให้เหล่าบรรดานักศึกษาที่รอเรียนคาบต่อไปพากันหลบร้อนใต้ร่มไม้ใหญ่รวมทั้งประวิชและไผ่ก็เหมือนกัน
“วิชขอน้ำหน่อย”
ไผ่นั่งขัดสมาธิบนพื้นหญ้าเขียว มือกำลังกดปุ่มเล่นเกมบนมือถือ มีประวิชนั่งอยู่ข้างๆพร้อมด้วยถุงขนม น้ำอัดลม วางอยู่ตรงหน้าร่างบาง
ร่างหนาเหล่ตามองแล้วหลับตานับหนึ่งถึงสิบก่อนจะเอื้อมหยิบขวดน้ำส่งให้ ไผ่รับไปดื่มแล้วส่งต่อให้เพื่อนตัวใหญ่ดื่มบ้าง
“ไม่ละ ไม่หิว”
“จริงสิ ยังไม่เห็นนทเลย วันนี้มาไม่ใช่หรอ” เมื่อประวิชส่ายหน้าไม่ดื่มเจ้าตัวจึงยกกระดกดื่มจนหมดเกลี้ยง
“เอารายงานไปส่งอาจารย์เดี๋ยวก็มา”
“หรอ…………ว่าจะชวนไปเที่ยวซะหน่อย”
“พอเลย…………ไม่ต้องคิดเลยนะ เดี๋ยวก็มีเรื่องอีกหรอก”
“นายนี่ขี้กังวลเป็นตาแก่ไปได้”
“แล้วมันเป็นอย่างที่พูดมั้ยละ”
“ฮึ………..”
ไผ่สะบัดหน้าหันมาจ้องมองเพื่อนหนุ่มติดจะฉุดนิดๆ
“ฉันจะชวนไปฉลองไม่ได้ชวนไปหาเรื่องใครนะ”
“มีอะไรให้น่าฉลอง เจ้านทมันยิ่งกลุ้มๆใจอยู่”
“หึ……..ป่านนี้หายกลุ้มแล๊วว…….นายที่มันบื้อชะมัด”
ประโยคหลังไผ่บ่นอุบอิบกับตัวเองเบาๆ
“รู้ดี”
“แน่นอน ……………ใครจะทึ่มเหมือนนายกันละ”
ดวงตาใสแจ๋วมองลึกลงในดวงตานิ่งสงบของอีกฝ่ายชั่วครู่ ก่อนจะอมยิ้มให้กับตนเองพลางสูดอากาศเข้าเต็มปอด ความรู้สึกช้าจริ๊ง
“แล้วจะไปมั้ยละ ถ้าไม่ไปฉันก็ไปกับเจ้านทสองคน ไปหาเพื่อนเอาข้างหน้าก็ได้ แล้วอย่ามาโอดครวญว่าไม่ชวน”
เจ้าของร่างเล็กขยิบตาล้อเลียนให้ประวิชได้ขุ่นใจเล่น ส่วนคนตัวโตได้แต่มองตาเขียวปั๊ด ด้วยถึงจะรู้จักกันมานาน เขาก็ยังคาดเดาอารมณ์คนตัวเล็กไม่ได้ซักที รู้แต่ว่าปล่อยให้ไปออกลิงออกข้างที่ไหนคนเดียวไม่ได้แน่ๆ เพราะคนที่จะต้องมาเก็บกวาดเช็ดถูตอนท้ายก็คือเขานั้นเอง เพราะฉะนั้นตามไปควบคุมดูแลตั้งแต่ตนเป็นดีที่สุด
“เฮ้……………….ไผ่”
ร่างสูงของปถวีส่งเสียงทักมาแต่ไกล และเดินตรงมาหาทั้งคู่
“ไง หน้าบานมาเชียว” คำทักตอบแกมเสียดสีทำให้ปถวีหุบยิ้มฉับ
“ปากหรอนั้น”
“หึ อิจฉาคนมีความสุขไม่เผื่อแผ่เพื่อนฝูงจริงโว้ย” เจ้าของแก้มนวลใสทำหน้าบูดเหล่ตามองเพื่อนมาใหม่ทรุดนั่งกับพื้นหญ้า
“พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง คนยิ่งร้อนๆ”
ร่างบางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางเอื้อมมือหยิบถุงขนม ควักของที่อยู่ภายในถุงเข้าปากคำใหญ่
“เชอะ………..” หน้ามันฟ้องชัดๆ
“แล้วนทละ ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอ” คนมาใหม่กวาดตามองรอบๆ ไม่เห็นคนที่ตนอยากพบ
“ร้อยวันพันปีไม่เคยถามถึง ถ้าพรุ่งนี้โลกจะแตกซะละมั่ง”
ปากบางๆยังคงจีบปากจีบคอกัดไม่ปล่อยด้วยไม่สบอารมณ์ในความสุขของอีกฝ่าย ในขณะที่ตัวเองยังมองไม่เห็นอนาคต
“นายก็พูดไปโน้น ฉันมีธุระจะคุยด้วย หาตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ไปส่งรายงาน เดี๋ยวก็มา”
สุดท้ายไผ่ก็ต้องยอมบอกเพราะชายหนุ่มทำท่าจะลุกไปเดินหาซะเอง จนเหลือบเห็นร่างโปร่งของนทนทีเดินเข้ามา
“มาพอดี”
“เรียบร้อยมั้ย” ประวิชขยับที่ให้ร่างบางนั่งลงใกล้ตน
“โอเค ผ่านฉลุย” นทนทีทรุดนั่งลงที่ว่างที่ประวิชเว้นไว้ให้ท่ามกลางสายตาสองคู่ที่มองมาด้วยอาการหลากหลาย
“งั้นเย็นนี้ไปเที่ยวกันนะนท” ไผ่ได้ทีหาเรื่องชวนเพื่อนทันที พลางหันไปชวนปถวีด้วยอีกคน
“นายก็ด้วยนะ”
แต่ปถวีกลับหันมองนทนทีเหมือนจะขอความเห็น ทำให้คนชวนต้องแก้มป่องอีกครั้ง
“ตัวติดกันไปซะแล้วเพื่อนเรา”
“ร้านนั้นนะหรอ” นทนทีทำท่านึกถึงร้านที่เคยไปคราวก่อน
“จะไปร้านอื่นก็ได้นะ” ไผ่รีบแสดงความเห็น
“ก็เอาสิ แต่คงแค่ครั้งนี้ละนะ เพราะเดือนหน้าจะสอบแล้ว”
“เออๆ” หน้าขาวๆรีบพยักหน้าตอบรับทันที
ท่าทางดีอกดีใจจนออกนอกหน้าทำให้ประวิชหมันไส้ แถมเจ้าตัวยังทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์ใส่เขาอีกต่างหาก
เพื่อนแสนรักไปแล้ว ดูสิจะยังไม่ไปอีกมั้ย
“งั้นเจอกันที่ร้านนะไผ่ ซักสามทุ่มละกัน” นทนทีนัดหมายเสร็จก็หันไปคุยกับประวิชต่อ
“ฉันจะไปชมรมหน่อยแล้วค่อยไปเข้าเรียน นายไม่ต้องรอฉันนะ”
ไม่รอให้เพื่อนตอบก็ลุกขึ้นเดินผละจากไป โดยไม่บอกกล่าวคนตัวโตอีกคนที่มองตาปริบๆ ก่อนจะลุกเดินตามไปด้วย ทิ้งให้คนที่เหลือมองตามคนที่พากันเดินจากไปด้วยอารมณ์ต่างกัน คนหนึ่งอมยิ้ม อีกคนขมวดคิ้วฉงนในท่าทีของคนทั้งคู่
“พวกนั้น………..”
“ฮึๆเขาญาติดีกันแล้ว อย่าทำเป็นพ่อหวงลูกสาวไปหน่อยเลย วันหนึ่งลูกมันก็ต้องออกเรือน ฮ้าๆ”
“พูดอะไรฟะ”
“เอาน่าๆ ฉันเป็นเพื่อนแก้เหงาได้นะ” ร่างบางทำหน้าเจ้าเล่ห์ให้ประวิชขนตั้งอีกครั้ง
“ขอบใจ…….แต่รับไม่ลงวะ”
ประวิชส่ายหน้าพลางรีบหยิบขวดน้ำอีกขวดยกดื่มปิดปากไม่ให้เผลอตัวบ่นใส่ตนข้างตัว เพราะถ้าพูดเป็นได้ยาว หึ เพื่อนแก้เหงาหรือตัวป่วนกันแน่วะ ชีวิตนี้เขาจะพ้นจากเจ้าตัวยุ่งนี่รึเปล่า เขายังคิดหนัก
***************************************************
“รอด้วยสินท” ร่างสูงของปถวีก้าวยาวๆจนทันร่างโปร่งที่ชะลอเดินไปพร้อมเขา
“มีอะไรหรอ”
ปถวีล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่เพิ่งซื้อมาสดๆร้อนๆตอนเช้าแทนเครื่องเก่าที่เขาปาพังไปคราวก่อนให้นทนที แต่ร่างบางกลับชักมือกลับ
“ทำไมละ”
นทนทียังคงก้าวเท้าเดินไปเรื่อยๆพร้อมทั้งส่งยิ้มน้อยๆให้คนตัวใหญ่ แต่ปถวีกลับไม่รู้สึกอยากยิ้มตาม ด้วยรอยยิ้มนั้นมันแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวมั่นคงอย่างคนที่ตัดสินใจให้กับตัวเองแล้ว
“ฉันจะไม่รับมันหรอก”
คำตอบของนทนทีทำให้ปถวีหน้าตึง
“ฉันคิดว่าเราเข้าใจกันแล้วซะอีก”
“ใช่ เข้าใจ”
“แล้วทำไมละ”
“นายรวย”
“แล้วไง ฉันผิดรึไงที่เกิดมารวย”
“ฮะฮ้า………ไม่ผิดหรอก นายก็คิดไปโน้น” ร่างบางเผลอหัวเราะออกมาเต็มเสียง
“จะพูดอะไรนท”
“ฉันอยากรู้สึกว่าตัวเองมีค่าน่ะ”
“นายมีค่าสำหรับฉัน” ปถวีรีบพูดต่อ
ร่างโปร่งไม่ตอบในทันทีกลับยังเดินไปเรื่อยๆ
“เรามีช่องว่างที่ห่างกันมาก ฉันไม่อยากให้ใครมาว่า ว่าฉันมาปอกลอกนายหรือจะอะไรก็แล้วแต่”
“นี่!”
“ฉันอยากจะย่นระยะทางนั้นให้ได้มากที่สุดก่อน” นทนทียังคงพูดไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทางร้อนรน บึ้งตึงขนาดไหน
“นายจะรอให้รวยเท่าฉันแล้วค่อยรู้สึกว่าตัวเองมีค่ารึไง”
“โฮ้………..ทำจนตายฉันก็คงไม่รวยเท่านายหรอก”
“งั้นถามหน่อย…………ตอนนี้เราคบกันอยู่ใช่มั้ย”
เท้าที่กำลังก้าวเดินสบายๆหยุดลง หันหน้าเข้าปะทะร่างสูง
“เปล่า”
“เฮ้ย! ได้ไง นอนด้วยกันโครมๆ แล้วมาพูดแบบนี้เนี่ยนะ”
“เพี๊ย!” เสียงมือเรียวตีแปะที่ต้นแขนกำยำ
“นี่! พูดจาน่าเกลียดที่สุด”
“ก็จริงนี่”
“นาย!”
ร่างโปร่งทำท่าฮึดฮัดใส่ชายหนุ่ม เขาอยากยืนเคียงข้างร่างสูงอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งตอนนี้เขายังทำตรงนั้นไม่ได้ ไว้วันหนึ่ง วันที่เขาสามารถจะเป็นกำลังให้คนๆนี้ได้ เขาจะตอบ yes ทุกอย่างเลย แต่วันนี้…………………..
“ทำไมคิดมากกันจัง ทำไมไม่ทำตามความรู้สึกของตัวเองละ” ปถวียังคงยื้อถามด้วยรู้สึกเหมือนว่าร่างโปร่งนี้กำลังจะห่างไกลเขาออกไป
“เพราะเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกไงละ”
“นท” เสียงครางอย่างอ่อนอกอ่อนใจของปถวีเรียกรอยยิ้มสวยจากร่างโปร่งบางได้ทันที
“เวลาจะพิสูจน์ความตั้งใจของเรา และวันนั้นถ้านายยังรักษาความรู้สึกนี้ไว้ได้ละก็นะ” ร่างโปร่งเว้นช่วงนิด
“ก็อะไร” ร่างสูงเริ่มทำหน้าเซ็งแกมหงุดหงิดเมื่อไม่ได้ดังใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาทะเลาะกันก็หาเรื่องจับกดหรือขู่ให้อีกฝ่ายยอมตามใจเขาได้สบาย แต่นี่ ร่างบางกลับยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ไม่เถียง ไม่โมโห แต่กลับยิ้มหวานให้ทำเอาเขารู้สึกไม่อยากฝืนใจอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แล้วจะให้เขาเอาไม้ไหนไปหลอกล่อให้คนๆนี้ยอมตามใจเขาได้ละ
“จะไปรู้เรอะ เรื่องของอนาคตใครจะไปรู้ได้ละ”
“เฮ้ย!อย่าพูดครึ่งๆกลางๆ ตกลงกันมาให้ชัดดิ” ปถวีเริ่มตีรวนไม่ยอมรับฟังอะไรแล้ว
“ก็ตกลงไปคนเดียวเถอะ ฉันจะไปชมรมแล้ว บาย”
นทนทีเริ่มก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังชมรมอีกครั้ง โดยมีปถวียืนมองคนตัวบางตัดบทเดินจากไปด้วยอาการงงๆ ไม่เข้าใจว่าร่างบางจะต้องการอะไรไปมากกว่าความรู้สึกที่เขามีให้กัน
“เอ..?…เดี๋ยวแล้วคืนนี้ละ นายจะไปกับฉันใช่มั้ย” ปถวีตะโกนถามด้วยระยะห่างเริ่มมากขึ้น
“ถ้าไม่รบกวนก็ดี”
“งั้นค้างที่คอนโดฉันเลยละกันนะ”
“ไม่”
“อ้าว! ดึกแล้วก็ค้างซะด้วยกันสิ”
“งั้นนายก็ไปคนเดียวเถอะ เดี๋ยวฉันไปกับประวิชละกัน”
“เฮ้ย! ประวิชมาเกี่ยวอะไรด้วยเล่า!”
นทนทีไม่อยู่รอให้ร่างสูงตามมาพ่นคำบ่นให้ยืดยาว เจ้าตัวรีบจ้ำเดินหนีแต่ร่างสูงก็รีบเดินตามไปติดๆด้วยหวังจะคุยกันให้รู้เรื่อง
“หยุดเลยนะ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน เจ้าประวิชนั้นก็ด้วย จะอะไรกันนักกันหนาห๊า” ปถวียึดแขนเรียวไปแน่น
“อะไรเล่า จะไปชมรม”
“ไม่ให้ไป”
“ปล่อย”
คนตัวเล็กกับคนตัวโตยังคงยื้อยุดจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองเป็นตาเดียว ด้วยเป็นคู่ที่ใครๆต่างก็ให้ความสนใจมาตลอด 4 ปี แต่อีกไม่นานทั้งคู่ก็จะจบจากสถาบันออกไปใช้ชีวิตนอกรั่วมหาวิทยาลัยแล้ว แล้วนกกระจิบนอกระจอกอย่างพวกเขาจะทำไงดีละ เหงาปากกันน่าดู คงต้องมองหาที่หมายใหม่ซะแล้ว
-------จบภาคที่ 1--------ขอบคุณทุกคอมเมนท์ น่ารักจังเลยทุกคน
รออ่านภาค 2 + ตอนพิเศษ กันนะคะ