บทที่ 20
.
.
.
.
ภายในบ้านรักษ์นทีนั้นเต็มไปด้วยความอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ภุมรินยังคงนั่งสะอื้นอยู่บนโซฟาโดยมีรัชพลนั่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่
บุรินทร์เข้าไปนั่งข้างๆลูกชายคนเล็กแล้วโอบเอาภุมรินมากอดไว้ มือหนาลูบที่หัวลูกชาย ภุมรินซบหน้าลงกับอกของบิดาแล้วสะอื้นไห้อีกรอบ
“รินไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องทำแบบเดียวกับพี่รัช” กำเสื้อตัวหนานั้นไว้แน่น
ตอนนี้เขาเป็นห่วงตะวันมากที่สุดแล้ว ตะวันโดนไปขนาดนั้นไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง
“รินจำได้มั้ย ตอนเด็กๆน่ะ...”
บุรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงปกติ เขาเว้นช่วงเล็กน้อย มือยังคงลูบที่หัวของภุมริน
“รินเคยปีนไปบนต้นไม้ รินตกลงมา หัวเข่าของรินเลือดออกเต็มเลย รินบอกกับพ่อว่ารินเจ็บ” บุรินทร์ผละออกจากภุมรินก่อนจะจับภุมรินให้เงยหน้ามามอง
ภุมรินมองเข้าไปในดวงตาของบิดาอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่บุรินทร์กำลังพูดอยู่ตอนนี้
บุรินทร์นั้นเป็นพ่อที่ดีของเขาเสมอ ทุกอย่างที่บุรินทร์ทำนั้นล้วนมีเหตุผลในตัวของมัน แต่การที่บุรินทร์ห้ามให้เขาเจอตะวันนั้นเขายังมองไม่เห็นเหตุผลนั้นเลย
“แต่รินรู้มั้ย ว่าน้ำตาของรินทำให้พ่อเจ็บยิ่งกว่า” บุรินทร์ปาดน้ำตาที่แก้มให้ลูกชาย
“ฮึก...พ่อ” ภุมรินโผกอดบิดาแน่น ซุกลงกับอกนั้น
“รินยังไม่ถึงขวบด้วยซ้ำ แม่ก็มาจากไป พ่อเลี้ยงรินมาตั้งแต่เด็กโดยไม่มีแม่ ตอนนั้นรินบอบบางมากแค่ไหนพ่อแทบไม่อยากจะจับรินเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวมือสากๆที่จับจอบจับเสียมในไร่จะทำให้ผิวรินระคายทั้งๆที่พ่ออยากจะอุ้มรินแค่ไหน” คำพูดของบุรินทร์ยังคงทำให้คนในอ้อมอกสะอื้นไม่หยุด
“มันเร็วมาก มาถึงตอนนี้รินกำลังจะมีคนอื่นนอกจากพ่อ นอกจากพี่รัช คนอื่นที่พ่อไม่รู้ว่าจะดูแลลูกของพ่อได้ดีเท่าที่พ่อดูแลมั้ย แล้วถ้าวันหนึ่งเค้าทำให้ลูกของพ่อเสียใจ คนที่เจ็บไม่ได้มีแค่ริน”
“แต่รินรักพี่ตะวัน” พูดเสียงอู้อี้อยู่กับอกของบุรินทร์
“รินบอกว่ารักตะวัน แล้วพ่อไม่รักรินเหรอ”
บุรินทร์ดึงให้ลูกชายขึ้นมาสบตาอีกครั้ง ภุมรินหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ดวงตาแดงก่ำ
“ริน วันหนึ่งถ้าตะวันไม่ได้รักรินแล้วอย่างที่เค้าพูดล่ะ” คำถามนั้นทำให้ภุมรินชะงัก
เขาเองก็เคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งตะวันเลิกรักหรือไม่ได้รักอย่างที่พูดไว้ วันนั้นเขาจะเป็นยังไง เขาบอกกับตัวเองเสมอว่าทำใจได้ แต่ถ้าเวลานั้นมาถึงจริงๆ เขาจะทำได้อย่างที่คิดหรือไม่ก็ไม่รู้เลย
“ถ้าวันนั้นมาถึง แล้วรินของพ่อต้องเสียน้ำตาพ่อยอมไม่ได้หรอกนะ พ่อไม่อยากให้ลูกของพ่อต้องร้องไห้ พ่อไม่อยากให้น้องรินของพ่อต้องเจ็บปวด ตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้ยังดีซะกว่า ในอนาคตตะวันเค้าจะต้องเจอผู้หญิงดีๆซักคน ฐานะทางบ้านเค้าก็เป็นคนมีหน้ามีตา แล้วการที่เค้ามาคบกับริน มันจะไปได้ไกลแค่ไหนกัน”
“แต่พี่ตะวันบอกว่ารักรินนะพ่อ” ภุมรินไม่อยากจะฟังอะไรที่บุรินทร์พูดเลยสักนิด
“นั่นมันก็แค่ตอนนี้นะน้องริน คนดีของพ่อ ที่พ่อทำทั้งหมดมันมีเหตุผล ทำตามที่พ่อบอก แล้วรินจะเข้าใจเอง” กอดปลอบลูกชายอีกครั้ง ลูบแผ่นหลังบางนั้นเบาๆ
“แล้วที่พี่รัชเค้าห้ามก็เพราะว่าตะวันเป็นเพื่อนของพี่รัช พี่รัชไม่อยากจะมีปัญหากับตะวันถ้าวันหนึ่งตะวันทำน้องรินเสียใจ พี่รัชเค้ารักทั้งน้องรินและตะวันนะ”
คำพูดของบุรินทร์ทำให้ภุมรินหันไปมองพี่ชายที่นั่งหน้านิ่งอยู่ไม่ไกล รัชพลทำเพราะรักเขาเหมือนกับที่พ่อของเขารัก ภุมรินเข้าใจในความรักที่ทั้งสองมีให้เขาเสมอ แต่ถึงอย่างนั้น เขาเองก็อยากจะตัดสนใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองอยู่ดี
“ไปอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาดีกว่านะ เดี๋ยวพ่อให้ป้าจันเอาข้าวขึ้นไปให้” ลูบหัวภุมรินเบาๆ
ภุมรินพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นไปบนบ้านตามคำสั่งของบิดา ตอนนี้เขาไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น มันหนักเกินกว่าที่เขาจะรับ และตะวันในตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง ทุกอย่างมันรุมเร้าในหัวให้คิดไปหมด
ร่างบางเข้าไปอาบน้ำอย่างเลื่อนลอยก่อนจะออกมานอนบนเตียงด้วยน้ำตาที่ยังคงอยู่ ตั้งแต่เล็กจนโตนั้นเขามีแต่พ่อและพี่ชายเท่านั้น หน้าแม่ก็ยังจำไม่ได้เลยสักนิด
บุรินทร์ดูแลเขาทุกอย่างและคอยให้ความรักอย่างไม่ขาด เขามีทุกอย่างที่เด็กคนอื่นๆมี เขามีครอบครัวที่มีความสุขได้แม้ไม่ต้องมีแม่อย่างคนอื่นเขา และบุรินทร์ก็ไม่คิดที่จะหาใครมาแทนที่แม่ของเขาเช่นกัน
ส่วนรัชพลนั้นเป็นพี่ชายที่แสนดีเสมอ ทุกเรื่อง ทุกปัญหาของเขารัชพลจะต้องรู้และคอยแก้ไขให้ มาวันนี้เขาต้องการใครอีกคนเข้ามาในชีวิต คนที่เขาคิดว่าดีพอเทียบเท่ากับพ่อและพี่ชาย มันทำให้บุรินทร์และรัชพลไม่พอใจ
เขาไม่รู้จะเลือกอะไร ภุมรินไม่อยากให้พ่อและพี่ผิดหวัง แต่เขาก็อยากจะยืนอยู่ข้างตะวัน...
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ภุมรินลุกขึ้นแล้วไปเปิดประตู พบป้าจันที่เอาอาหารเย็นมาให้ตามคำบอกของบุรินทร์ ร่างท้วมของป้าจันยิ้มให้ภุมรินเล็กน้อย เธอวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะข้างทีวีก่อนจะเดินเข้ามาจับมือภุมริน บีบเพื่อให้กำลังใจ
“เมื่อกี้ป้าโทรหาคุณเมฆ คุณเมฆบอกว่าคุณตะวันปลอดภัยแล้วนะคะ คุณรินไม่ต้องเป็นห่วง” ป้าจันบอกเพื่อให้อีกคนสบายใจ
เธอโทรหาเมฆาจริงๆนั่นแหละ อาการของตะวันตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว มีก็แต่เมฆาที่ร้องไห้พูดไม่รู้เรื่องกับคุณหนูรินของเธอที่เอาแต่ซึมอยู่แบบนี้
“รินอยากเจอพี่ตะวัน” นั่นคือสิ่งที่ภุมรินอยากทำมากที่สุดในตอนนี้ เขาอยากไปเห็นกับตาว่าตะวันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ
“ยังไปตอนนี้ไม่ได้นะคะ ตอนนี้คุณตะวันก็ยังหลับอยู่เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าป้าจะโทรหาคุณเมฆอีกรอบ ดีมั้ยคะ” ป้าจันลูบแขนภุมรินเบาๆ
ตั้งแต่คุณหนูรินของเธอโตมานี้ คนตัวเล็กแต่ใจเด็ดไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน เธอเองก็ใจเสียที่เห็นน้ำตาของภุมริน เธอเลี้ยงภุมรินมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่แม่ของภุมรินเสียใจ เลี้ยงทั้งรัชพลด้วย และเธอก็รู้ว่าบุรินทร์นั้นรักลูกมากแค่ไหน
“รินไม่รู้ว่ารินจะทำยังไงต่อเลยป้าจัน รินรักพ่อ รักพี่รัช แต่รินก็รักพี่ตะวัน”
“คุณพ่อและคุณรัชก็รักคุณรินเหมือนกันค่ะ รวมทั้งคุณตะวันด้วย แต่การแสดงความรักของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน คุณรินรู้มั้ยคะว่าคุณรัชน่ะโดนคุณพ่อด่ายกใหญ่เลยที่ไปทำกับคุณตะวันแบบนั้น ตอนนี้คุณรัชก็เจ็บไม่ต่างกับคุณรินหรอกค่ะ เพราะความหวังดีของเค้าทำให้คุณรินต้องร้องไห้แบบนี้” ป้าจันบอก
คนงานที่อยู่ในบ้านและที่อยู่ใกล้ๆนั้นได้ยินที่รัชพลถูกบุรินทร์ดุด่าทั้งหมด รัชพลที่เข้มแข็งและหนักแน่นถึงกับนั่งซึมไม่พูดไม่จาปล่อยให้บุรินทร์ด่าอย่างนั้น ก่อนที่บุรินทร์จะกอดลูกชายคนโตปลอบอีกคนหลังจากที่สั่งสอนและตักเตือนไปแล้ว
เธอเองก็น้ำตาคลอเพราะบุรินทร์นั้นไม่เคยดุลูกขนาดนี้มาก่อนเลย เธอเข้าใจรัชพล เพราะรัชพลรักภุมรินมากถึงได้ทำแบบนี้ และเธอก็เข้าใจภุมรินเช่นกัน แต่เธอก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เธอจึงแอบโทรหาคนที่คิดว่าจะช่วยได้ นั่นก็คือริลณี
“ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้มั้ยคะ คุยกับคุณยายดีไหมเอ่ย ไม่ได้คุยกันเป็นเดือนแล้ว” ป้าจันเสนอ
ริลณีเป็นยายของภุมรินและรัชพล คุณริลณีเป็นคนที่คอยโทรมาคุยกับหลานๆอยู่บ่อยครั้ง และหลานรักของเธอก็คือภุมรินที่ชอบอ้อนยายอยู่เสมอ
คุณริลณีนั้นเป็นคนที่มีอันจะกินไม่น้อย ตอนริลดาเสียเธอจะเอาภุมรินไปเลี้ยงที่กรุงเทพฯด้วยซ้ำ ติดที่ว่าบุรินทร์ไม่ยอม นั่นทำให้ทั้งสองแตกหักกัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็โทรมาหาหลานๆไม่ขาด วันไหนใครเข้ากรุงเทพฯก็จะแวะไปหาเธอเสมอ
“รินอยากคุยกับยาย” เวลาภุมรินมีเรื่องที่ไม่สบายใจ ริลณีมักมีทางออกที่ดีให้ได้เสมอ ตอนนี้เขาเองก็อยากคุยกับคุณยายเหมือนกัน
“งั้นเดี๋ยวป้าต่อสายให้ค่ะ” ป้าจันยิ้มให้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากเสื้อแล้วโทรออกหาริลณี
รอไม่นานริลณีก็รับโทรศัพท์ ป้าจันยื่นให้ภุมรินก่อนที่เธอจะขอตัวออกไป
“ว่าไงจ้ะน้องรินของยาย วันนี้ทำไมเอาเบอร์จันโทรมาเอ่ย” เสียงของปลายสายทำให้หัวใจของภุมรินอุ่นวาบ ทุกครั้งที่คุณกับริลณีเขาจะอบอุ่นหัวใจเสมอ
“รินคิดถึงยายจังเลยครับ” ไม่ตอบคำถามนั้น
“เฮ้อ... น้องรินครับ มีเรื่องไม่สบายใจใช่มั้ย” คำถามของริลณีทำภุมรินน้ำตารื้นเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาไมสบายใจอยู่
“รินอยากกอดคุณยาย” ภุมรินสะอื้นเล็กน้อย
“นี่ตาบูรเลี้ยงหลานฉันยังไงให้ร้องไห้แบบนี้ได้ จันบอกยายแล้วลูก เรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ” ริลณีพูด
ก่อนหน้านั้นป้าจันได้โทรหาเธอก่อนแล้ว ป้าจันมักเป็นคนที่คอยรายงานความเคลื่อนไหวของหลานๆมาให้เธอฟังอยู่เป็นประจำ รวมทั้งเรื่องเมื่อตอนเย็นด้วย
ครั้งแรกที่ได้รู้นั้นเธอก็นึกโกรธบุรินทร์ที่ทำให้หลานของเธอร้องไห้ น้องรินเป็นคนเข้มแข็งมาแต่ไหนแต่ไร แล้วต้องมาร้องไห้เพราะพ่อแบบนี้น่ะหรือ ถ้าน้องรินอยู่กับเธอตั้งแต่แรก ไม่มีทางที่จะเป็นแบบนี้แน่ๆ
“ฟังนะน้องริน พ่อหนูน่ะเค้ารักหนูถึงได้ทำแบบนี้” ริลณีพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“แต่รินก็รักพี่ตะวันนะครับยาย รินก็รักพ่อด้วย รักพี่รัชด้วย” ปาดน้ำตาที่ข้างแก้มเบาๆ ทำไมแม้แต่ยายที่เข้าใจเขามากที่สุดก็กลับคล้อยตามไปกับพ่อและพี่ชาย
“น้องรินรักผู้ชายคนนั้นจริงๆรึเปล่าล่ะลูก แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าเค้าก็รักหนูจริงๆ”
“รินรักเค้าครับยาย และรินก็เชื่อว่าเค้ารักรินจริงๆ รินไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้ยังไง เพราะพ่อกับพี่รัชไม่ยอม”
“เมื่อน้องรินพูดแบบนี้ยายก็จะเชื่อใจน้องริน เอาอย่างนี้นะลูก เดี๋ยวยายคุยกับพ่อเค้าเอง เดี๋ยวมะรืนนี้ยายขึ้นไปหา ตอนนี้น้องรินไม่ต้องคิดอะไร แล้วก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว ไม่มีใครเค้ารักน้ำตาน้องรินเลยซักคนนะคะ” คำปลอบโยนนั้นทำให้ภุมรินยิ้มออกมาเบาๆ
ริลณีบอกจะมาหาเขา นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เจอยายของเขา ครั้งล่าสุดก็คือตอนที่เขาไปรับปริญญาที่กรุงเทพฯ
ริลณีนั้นมีงานเยอะแม้จะมีลุงๆป้าๆของเขาช่วยก็ตามทีแต่ก็ยังไม่ยอมวางมือ และการที่บอกว่าจะขึ้นมาเขาถึงที่นี่ทำให้เขาดีใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อยเวลานี้ก็ยังมีคนเข้าใจเขาและคอยอยู่ข้างๆเขา
“รินรักยายนะครับ รินจะรอคุณยายนะ” ยิ้มทั้งน้ำตา
“ยายก็รักน้องรินครับ นอนนะคนดี ไม่ต้องคิดมาก”
ริลณีและภุมรินคุยกันอีกสองสามคำก่อนจะวางสายไป ร่างเล็กลุกไปล้างหน้าก่อนจะล้มตัวลงนอน เขาพยายามปล่อยความคิดเหมือนที่ริลณีบอก ไม่นานก็หลับไป
ที่โรงพยาบาลตะวันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันโดยมีเมฆาเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ภูผาเองก็นั่งอยู่เหมือนกัน ในรอบปีนี้ภูผาจำไม่ได้แล้วว่าลูกชายของตัวเองเข้าโรงพยาบาลครั้งที่เท่าไหร่แล้ว และทุกครั้งนั้นต้องมีภุมรินเข้ามาเกี่ยวข้องทุกครั้งไป
“...พ่อ” ตะวันเรียกเบาๆ เขาเจ็บที่หน้าอกอันเป็นที่ที่รัชพลถีบมาเต็มๆ ไหนจะตรงสันกรามที่ปวดร้าวขึ้นมาอีก
“ไงไอ้เสือ ไอ้เมฆโทรไปร้องห่มร้องไห้ให้ฉันฟังไว้ไอ้รัชจะฆ่าแก พ่อบอกแล้วไง เป็นยังไงล่ะ หยอดน้ำข้าวต้มขนาดนี้ แล้วนึกยังไงไปเอาน้องมันมาทั้งๆที่รู้ว่าไอ้รัชมันห้าม ค่อยๆเป็นค่อยๆไปสิตะวัน ทำแบบนี้มันไม่ดีรู้มั้ย” ภูผาเดินมายืนข้างๆเตียงของตะวัน พร้อมกับพูดวะยืดยาวทั้งๆที่ลูกชายเพิ่งตื่น
“เมฆผิดเองแหละลุงภู เมฆเป็นคนคิดให้พี่ตะวันทำแบบนั้นเอง” เมฆาสารภาพ เขารู้สึกผิดมากที่เรื่องเป็นแบบนี้ ไม่คิดว่ารัชพลจะทำกับตะวันได้ขนาดนี้ เหมือนทำเรื่องให้แย่ลงกว่าเดิมชัดๆ
“ไม่ใช่ความผิดแกหรอกไอ้เมฆ ยังไงซะมันก็ต้องเป็นแบบนี้ซักวัน เลิกคิดมากได้แล้วน่า” บอกเมฆาที่ทำหน้าจ๋อยสนิท เขาไม่อยากให้น้องอยู่กับความรู้สึกผิดนี้ เพราะเมฆาไม่ได้ผิดอะไร
“ฟังแล้วก็เลิกซึมได้แล้วนะเราน่ะ” ภูผากอดคอหลานชายพร้อมกับลูบหัวเบาๆ
“ส่วนแกนะตะวัน พ่อพอจะดูออกตั้งนานแล้วว่าแกคิดกับหนูรินยังไง แต่พ่อเค้าไม่ยอมอย่างนั้นพ่อว่าเรื่องนี้จบยากว่ะ ยิ่งแกไปเอาตัวลูกเค้ามาแบบนั้นนะ พ่อเองยังไม่อยากจะคุยกับไอ้บูรตอนนี้เลย เพราะแกก็ผิด” ภูผาว่าลูกชาย เขาไม่อยากจะไปสู้หน้าเพื่อนตอนนี้เลยจริงๆ
“แต่ผมรักรินนะพ่อ ผมทำแบบนั้นเพราะไอ้รัชมันไม่ให้เจอ” ตะวันโต้กลับ ทำไมทุกคนต้องคิดว่าเขาทำผิด
“ไอ้ลูกหมา อย่ามาเถียงพ่อแกนะ ยิ่งแกทำแบบนั้นเค้ายิ่งไม่ให้เจอ เรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป เอาไว้แกหายอีกทีค่อยคุยกัน”
ภูผาจบบทสนทนาแค่นั้น เขาไม่อยากจะพูดอะไรกับตะวันมากตอนนี้ อย่างน้อยก็รอให้ตะวันหายดีซะก่อน แล้วค่อยคุยกันอีกที
“ส่วนแกนะไอ้เมฆ ไปกินข้าวกับลุงเลย ไม่ยอมกินอะไรตั้งแต่เมื่อคืน” พูดจบก็ลากเมฆาออกจากห้องไป
ตะวันมองบิดาและเมฆาที่เดินออกไป ในใจตอนนี้ก็คิดถึงคนที่อยู่ไร่น้ำริน ภุมรินตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ เขาหวังว่าบุรินทร์และรัชพลจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับตัวเล็กของเขา
ตอนนี้เขาอยากจะเจอหน้าภุมรินที่สุดเลย
**************************************************************************
มาต่อแล้ว ทำไมไปๆมาๆดราม่า ไม่รู้เหมือกัน
เอาเป็นว่าฝากติดตามด้วยนะคะ อิอิ คุณยายจะมาแล้วววววววววววววว