บทที่ 11
.
.
.
.
.
รัชพลเดินเข้ามาพร้อมกับองุ่นหนึ่งกล่อง ตอนนี้ตะวันฟื้นแล้ว เจ้าตัวนั่งดูทีวีอยู่คนเดียวบนเตียง ข้างๆมีเสาน้ำเกลืออยู่
หมอบอกว่าตะวันต้องนอนที่นี่อีกสองคืนถึงจะกลับได้ โชคดีที่ไม่มีอาการช็อค และอาการโดยรวมตอนนี้ก็ถือว่าดีขึ้น
บนหัวของตะวันนั้นมีผ้าพันแผลอยู่ แผลเก่าก็เพิ่งจะหายได้แผลใหม่มาประดับหัวอีกแล้ว
“ไงไอ้ลูกหมา ซีดเป็นไก่ต้ม” ตะวันนั่งลงข้างๆเตียงพร้อมกับวางองุ่นไว้บนโต๊ะ
“มึนน่ะสิวะ แล้วน้องรินไม่มาด้วยเหรอ” ตะวันถามรัชพลเมื่อเห็นว่าภุมรินไม่ได้มาด้วย
บิดาของเขาบอกว่าบ้านรักษ์นทีจะมาเยี่ยมตอนเย็น แต่เห็นมีแต่รัชพลที่มาคนเดียว
“กูให้นอนอยู่บ้าน ขาก็ยังเจ็บอยู่ ทำไม ถามหาน้องกูทำไม” รัชพลรู้สึกตงิดใจ
เขารู้สึกไม่ชอบให้ตะวันถามหาภุมรินอย่างนี้ เมื่อก่อนอาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงสายตาของตะวันที่มองภุมรินทุกครั้ง มันไม่น่าไว้ใจ
“ก็เปล่า เห็นพ่อบอกว่าน้องรินจะมาด้วย เห็นมีแต่มึง” ตะวันเบี่ยงประเด็น
จริงๆเขาอยากเจอหน้าภุมรินนั่นแหละ อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนเห็นบ่นเจ็บขา ตั้งแต่ออกจากป่ามายังไม่เห็นหน้าเลย
“แล้วไป แล้วนี่ลุงภูไปไหน” รัชพลถามกลับบ้าง เขาเข้ามาก็เห็นตะวันหน้าซีดอยู่คนเดียว
“พ่อกลับบ้านตั้งแต่กูตื่นแล้ว กลับไปอาบน้ำน่ะ บอกจะมาอีกรอบแต่กูไม่ให้มาแล้ว บอกว่าเดี๋ยวมึงก็คงมา” ตะวันตอบก่อนจะเอนหลังไปพิงกับเตียง ตาก็มองสารคดีสัตว์โลกที่ฉายอยู่เบื้องหน้า
รัชพลย้ายตัวเองมานอนเหยียดขาบนโซฟาแล้วคว้าเอานิตยาสารบนโต๊ะมาอ่าน
ไม่นานนักพยาบาลสาวสวยก็เอาอาหารมาให้ตะวัน พร้อมกับยาก่อนจะเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้
กลางดึกคืนนั้นคนเฝ้าไข้หลับไปแล้ว ตะวันที่ยังคงนอนมองเพดานก็ได้รับข้อความจากโทรศัพท์
มือหนารีบควานหาก่อนจะเปิดอ่านเมื่อชื่อผู้ส่งนั้นเป็นใคร
‘รินไม่รู้ว่าพี่ตะวันจะได้อ่านมั้ย รินอยากขอบคุณพี่ตะวันเรื่องในป่า และขอโทษที่ไปเยี่ยมไม่ได้’
ตะวันยกยิ้มเล็กน้อยกับข้อความนั้น เขาอยากเห็นหน้าคนส่งตอนนี้จริงๆ
‘พรุ่งนี้ก็มาเยี่ยมพี่สิ พี่ก็อยากเจอรินเหมือนกัน’ ไม่อ้อมค้อมใดๆทั้งสิ้น
หากรัชพลตื่นมาเจอเขาตอนนี้คงคิดว่าเขาบ้าไปแล้วแน่ๆที่นอนยิ้มให้โทรศัพท์อยู่คนเดียว
ที่ไร่น้ำริน ภุมรินได้รับข้อความตอบกลับของอีกคนนั้นถึงกับหน้าขึ้นสี เขาไม่คิดว่าตะวันจะเปิดอ่านเร็วขนาดนี้ แล้วยังส่งข้อความแบบนั้นมาให้อีก
‘ยังไม่นอนรึไงพี่ตะวัน ดึกแล้วนะ’ กดส่งไปหลังจากลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
‘รินก็ยังไม่นอนเหมือนกันนั่นแหละ แล้วทำไมวันนี้ไม่มาเยี่ยม’
‘ก็พี่รัชไม่ให้ไป วันนพรุ่งนี้จะไปหา พี่รัชสัญญาแล้ว’
‘มาหาจริงๆนะ แล้วขาเป็นไงบ้าง’
‘ยังเจ็บอยู่ แต่ก็ดีขึ้นแล้ว พี่ตะวันนั่นแหละนอนเป็นผักอยู่นั่นแหละ เป็นลิงนอนมากไม่ดีนะ’
‘ตัวแสบ แล้วใครน้าร้องไห้ขี้มูกโป่งซบลิงอย่างพี่’
‘ไอ้พี่ตะวัน!’
ภุมรินเดาเสียงหัวเราะจากคนปลายทางออกเลยว่าตอนนี้ตะวันต้องหัวเราะเขาด้วยน้ำเสียงแบบไหน
ทั้งสองคนส่งข้อความคุยกันอีกครู่ใหญ่ทั้งคนป่วยหนักและคนป่วยน้อยต่างอมยิ้มเมื่อได้รับข้อความตอบกลับจากอีกคน
ปิดท้ายด้วยภุมรินถ่ายรูปของตัวเองส่งไปให้เพราะตะวันคะยั้นคะยอเหลือเกินว่าจะดูให้ได้
สรุปแล้วคืนนี้เป็นอีกคืนที่ตะวันนอนหลับฝันดี ภุมรินเองก็ไม่ต่างกัน
เช้าวันต่อมารัชพลตื่นแต่เช้าแล้วขับรถกลับไร่น้ำริน
พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เจอภุมรินที่นั่งรออยู่หน้าบ้าน ในมือมีตะกร้าหวายบรรจุกล่องข้าวสามสี่กล่องอยู่ในนั้น
วันนี้ภุมรินตื่นแต่เช้าและเข้าครัวเองเพื่อทำอาหารไปให้คนป่วยที่โรงพยาบาลโดยมีป้าจันเป็นลูกมือ
เขาพอจะทำอาหารเป็นอยู่บ้างเลยทำไปให้ตะวันเพื่อขอบคุณ เพราะคนตัวโตแอบบ่นให้ฟังเมื่อคืนว่าอาหารของโรงพยาบาลนั้นไม่ถูกปากเอาเสียเลย
“ตื่นเช้าจังนะตัวเล็ก แล้วนี่อะไร” ตะวันเดินมาลูบหัวภุมรินพร้อมกับถามถึงของที่อยู่ในมือ
“กับข้าวน่ะ รินทำไปให้พี่ตะวัน” ภุมรินตอบพี่ชาย รัชพลยกคิ้วขึ้น
“ทำไปให้ไอ้ตะวันเนี่ยนะ ร้อยวันพันปีพี่ไม่เห็นรินจะเข้าครัว”
“อยากจะขอบคุณพี่ตะวันเค้าน่ะ มาช่วยรินไม่พอยังจะเจ็บตัวเพราะรินอีก”
คำตอบที่ได้ทำให้รัชพลพอใจไม่น้อย เจ้าตัวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินนำภุมรินไปที่รถ
รัชพลและภุมรินมาถึงโรงพยาบาลในตัวจังหวัดเมื่อใกล้เที่ยงเต็มที
เมื่อทั้งสองคนเข้าไปในห้องก็เจอตะวันที่กำลังนอนดูทีวีอยู่ ให้รัชพลเดาตะวันนั้นคงเบื่อไม่น้อยที่ต้องมานั่งๆนอนๆอยู่อย่างนี้
“พี่ตะวัน” ภุมรินเดินไปนั่งข้างเตียง
อาหารที่นำมาถูกวางบนโต๊ะ ส่วนรัชพลนั้นปลีกตัวไปนั่งที่โซฟา
“ขาหายดีแล้วเหรอเรา” ประโยคแรกของตะวันนั้นถามถึงอาการเจ็บของภุมริน
เขาเห็นภุมรินเดินไม่ค่อยจะตรงเท่าไหร่เมื่อตอนเข้ามา
“ยังเลย แต่อีกไม่กี่วันก็คงหาย พี่ตะวันนั่นแหละรีบออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เปลืองข้าวเค้า วันนี้รินเลยทำกับข้าวมาให้ด้วย”
ภุมรินหยิบตะกร้ามาวางบนตักแล้วเปิดฝาออก กลิ่นผัดพริกแกงและกับขาวอีกสองอย่างหอมฉุยไปทั้งห้อง
“รินทำเองเหรอ” ตะวันถาม
“ทำเองสิ เข้าครัวแต่เช้าเลย” ตอบอย่างภูมิใจ
“ใช่ว่ากินแล้วอาการพี่ทรุดลงกว่าเดิมนะ ดูสีมันสิ ไม่เห็นน่ากินเลย”
ตะวันชี้ไปที่แกงฟักทองสีเหลือง ภุมรินชักสีหน้าใส่เมื่ออีกคนพูดแบบนั้น
“งั้นก็ไม่ต้องกินเลย อุตส่าห์ทำมาให้” คนตัวเล็กรีบปิดฝาทั้งหมดแล้วเอาตะกร้าไปวางไว้ที่เดิม
“อะไร เชฟรินน้อยใจซะแล้ว พี่ล้อเล่นหรอกน่า น้องรินตั้งใจทำมาให้ พี่ตะวันจะกินให้หมดเลย”
ตะวันยิ้มเมื่อเห็นอีกคนหน้าบึ้งตึง เริ่มด้วยการแกล้งภุมรินแบบนี้ ตะวันคงจะหายดีแล้วล่ะ
แต่คนที่นั่งอยู่บนโซฟานี่สิหนวดกระตุกเป็นว่าเล่น
รัชพลมองสายตากรุ่มกริ่มของตะวันที่มองภุมรินอย่างไม่พอใจนัก ร่างสูงของรัชพลทำได้เพียงแค่กระแอมเล็กน้อยพร้อมกับเรียกภุมรินให้ไปนั่งด้วย
“อะไรของพี่เนี่ยพี่รัช”
ภุมรินไม่เข้าใจพี่ชายที่กอดคอเขาไว้แน่นพร้อมกับจ้องหน้าตะวันไม่วางตา
ตะวันมองตาของรัชพลตอบ มุมปากนั้นกระตุกเบาๆอย่างยิ้มย่อง รัชพลขมวดคิ้วแน่น
ทั้งสองคนมองอยู่อย่างนั้นจนภุมรินทนไม่ไหวต้องทำลายความน่าอึดอัดลง
“อะไรของพวกพี่เนี่ย พี่ตะวันจะกินมั้ยข้าว จะกินก็กินเลย” ภุมรินพยักพเยิดให้ตะวันกินกับข้าวที่เตรียมมาให้ จึงเป็นตะวันก่อนที่ละสายตาไป
รัชพลเบือนหน้ามามองภุมรินเล็กน้อยก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาอีกรอบ สร้างความงุนงงให้ภุมรินไม่น้อย
ความเงียบอันน่าอึดอัดจบลงเมื่อภุมรินหมั่นไส้พี่ชายเลยจี้เอวของคนที่นอนเอกเขนกนั้น รัชพลหลบจ้าละหวั่นพร้อมกับจับมือน้องชายไว้
กว่าภุมรินจะกลับก็เกือบจะเย็นเข้าไปแล้ว คืนนี้เป็นภูผาที่บอกว่าจะนอนกับลูกชายเองแม้รัชพลจะบอกกว่ายินดีที่จะนอนเป็นเพื่อนตะวันอีกคืนก็ตาม
สุดท้ายก็ต้องยอมคนอาวุโสกว่า ภุมรินยิ้มให้ตะวันเล็กน้อยก่อนออกจากห้อง รัชพลต้องรีบดึงตัวน้องชายให้กลับบ้าน พรุ่งนี้ตะวันถึงจะได้ออกจากโรงพยาบาล
สองพี่น้องกลับถึงไร่ในตอนหัวค่ำ สองสามวันมานี้รัชพลไม่ได้เข้าโรงบ่มเลยเขาจึงปลีกตัวไปดูงานแม้จะมืดค่ำแล้วก็ตาม
ภุมรินบอกให้พี่ชายกินข้าวก่อนเจ้าตัวก็ไมยอม ส่วนเรื่องไวน์ที่แข่งขันนั้นเป็นไวน์จากไร่เพียงระพีที่ชนะอีกตามเคย แต่ถึงอย่างนั้นไวน์ภุมรินของรัชพลก็ได้รางวัลรองชนะเลิศมาครอบครอง
ไร่เพียงระพีนั้นเป็นไร่ของเพื่อนของบุรินทร์ที่เรียนมาด้วยกัน ลูกชายของไร่นั้นก็รุ่นราวคราวเดียวกับภุมริน
รัชพลรู้จักเพียงดินมาตั้งแต่เล็กๆเพราะเคยเจอกันอยู่บ่อยครั้ง เพียงดินคนนี้แหละที่จบด้านเดียวกับเขามาและเป็นคนคิดสูตรไวน์ทำให้ไร่เพียงระพีชนะมาสี่ปีซ้อน
รัชพลมีแผนว่าจะไปคุยเรื่องไวน์กับเพียงดินเพื่อที่ว่าไวน์ของไร่น้ำรินจะได้พัฒนาขึ้นบ้าง
การที่รัชพลเข้าไปในโรงบ่มไวน์นั้นทำให้ภุมรินมาบ่นกับป้าจันยกใหญ่ ก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าว จนถึงตอนนั้นรัชพลก็ยังไม่ออกจากโรงบ่มด้วยซ้ำ
จนภุมรินต้องให้นพไปตามนั่นแหละถึงจะยอมออกมากินข้าวกินปลา พี่ชายโดนคนตัวเล็กบ่นหูชา รัชพลก็เอาแต่ยิ้มพร้อมกับยีหัวคนตัวเล็กที่บ่นไม่หยุด
“ชาตินี้รินคงต้องมีพี่สะใภ้เป็นไวน์องุ่นแน่ๆ”
นั่นคือคำประชดของภุมรินก่อนที่เจ้าตัวจะขึ้นไปบนห้อง ทิ้งให้รัชพลหัวเราะตามหลังอย่างอารมณ์ดี
วันต่อมาตะวันกลับมาบ้านพร้อมกับภูผา ผู้เป็นพ่อแวะมาส่งตะวันก่อนจะกลับรถเข้าไปทำงานในตัวจังหวัด อาการของตะวันนั้นเริ่มดีขึ้นมาแม้จะยังไม่หายดีก็ตาม
เมื่อเข้ามาในบ้านก็ถูกสิ่งมีชีวิตบางอย่างพุ่งเข้าใส่ทั้งร่างอย่างจังจนคนตัวโตเซลงนั่งบนโซฟา
“พี่ตะวันนนนนนนนนนน~” เสียงลากชื่อของตะวันยาวๆนั้นทำให้ตะวันรู้ว่าอีกคนคือใคร
“ไอ้เมฆ” ตะวันยิ้มกว้าพร้อมยีหัวสีฟ้าสดนั้นแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว
เมฆหรือเมฆาเป็นลูกชายอาของตะวัน เมฆาจะมาบ้านของเขาทุกๆปิดเทอมแล้วตอนนี้ก็น่าจะเปิดเทอมแล้ว
เจ้าตัวป่วนถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ เมฆานั้นเรียนคณะแพทย์ปีที่ห้าแล้ว แต่ว่าที่คุณหมอกลับทำตัวไม่เหมือนหมอซักเท่าไหร่ ดูจากหัวสีฟ้านั่นก็น่าจะพอเดาได้ มาคราวที่แล้วเป็นสีส้มแจ๊ดจนภูผาต้องกุมขมับทุกครั้งเมื่อเจอหลานชาย
“ลุงภูบอกพี่ตะวันตกเหวเข้าโรงบาล เมฆคิดว่ามาคราวนี้จะได้ไม่ได้เห็นพี่ตะวันซะแล้ว”
เมฆาผละออกจากพี่ชายแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“ตกเขาโว้ย ตกเหวอะไรล่ะ แล้วนี่แช่งพี่รึไง”
ตะวันเขกหัวน้องชายไปเบาๆหนึ่งทีอย่างหมั่นเขี้ยว มาแช่งเขาได้ไง ไอ้ตัวป่วน
“เจ็บนะพี่ตะวัน ก็มันน่าคิดมั้ยล่ะ นายตะวัน ประสิทธานนท์ หนุ่มนักเรียนนอกจบใหม่ ไม่ทันมีเมียก็ตายซะแล้ว”
“ยังไม่หยุดใช่มั้ย” ตะวันโถมตัวไปทับน้องชายแล้วจี้เอวเล็กๆนั้นเมื่อว่าที่คุณหมอยังพูดไม่ยอมหยุด มันน่านัก
“โอ้ย มันหนักนะพี่ตะวัน เมฆขอโทษ เมฆจะไม่พูดแล้ว” เมฆาร้องลั่นบ้าน
ตะวันหัวเราะอย่างปีศาจร้าย รู้กันทั้งบ้านว่านายเมฆานั้นจุดอ่อนอยู่ที่เอว
“พี่ตะวัน” ก่อนที่ตะวันจะทำการฆาตกรรมหลานชายเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นที่หน้าประตู ทั้งคู่หันไปมองพร้อมกัน
“ริน” ทั้งตะวันและเมฆาเรียกชื่อผู้มาใหม่
ภุมรินมองหน้าตะวันเล็กน้อยก่อนจะเขม้นมองคนหัวฟ้าที่ยังถูกตะวันนอนทับ
“เมฆ!” เมื่อรู้ว่าอีกคนเป็นใครก็ตะโกนอย่างดีใจพร้อมกับยิ้มกว้าง
เมฆาผลักตะวันออกก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปกอดภุมรินสุดแรง
“ริน คิดถึงมากเลย” เมฆากอดอีกคนแน่น ภุมรินก็เช่นกัน
สองเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันเกือบปีดี๊ด๊ากันใหญ่ แต่เจ้าของบ้านที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลนี่สิกลับกุมขมับแน่น
ตัวแสบเจอตัวป่วนคงสนุกแน่ล่ะงานนี้
***************************************************************************************
ตอนที่ 11 มาส่งแล้วค่ะ อิอิ มีใครมาเพิ่ม
ฝากติดตามด้วยนะคะ