•8•
ผ่านพ้นวันสอบไปด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อย คิดว่าทำได้เต็มที่แล้วจึงไม่เก็บมาเครียดอีก หลังจากที่ไม่ได้เจอคุณเกรย์มาร่วมอาทิตย์การสอบเสร็จครั้งนี้ถือเป็นอะไรที่ปลดปล่อยที่สุด
เพราะจะได้ไปหาคุณเกรย์แล้ว
เอาเข้าจริงก็ไม่เคยคิดหรอกว่าตัวเองจะเป็นคนรักสัตว์ได้ขนาดนี้ คุณเกรย์เป็นแมวตัวแรก เป็นสัตว์ตัวแรกที่ได้ใกล้ชิดสนิทสนม เจอกันแปปเดียวไม่คิดว่าจะผูกสัมพันธ์ได้นานจนถึงตอนนี้ อันที่จริง...เจ้าของก็อาจมีส่วน
คือ..ผมหมายถึง ถ้าเจ้าของไม่ใช่คนใจดีอย่างพี่ครามผมคงไม่ได้เจอคุณเกรย์ตั้งแต่ส่งคุณเขาเข้าโรงพยาบาลแล้ว อาจจะเป็นโชคดีเล็กๆ ของผมก็ได้
วันศุกร์ เป็นเวลาบ่ายสามโมง ผมที่เพิ่งเลิกสอบและออกจากห้องมาโดยที่ยังไม่รู้จะไปไหนเพื่อฆ่าเวลารอพี่ครามเลิกงาน สุดท้ายในความคิดก็เรียกร้องให้กลับหอไปงีบแทน เพราะใช้พลังงานมานานและมากเกินไป ผมยอมรับว่าง่วงและเพลีย กระนั้นก็อยากจะไปพบคุณเกรย์ให้ได้วันนี้อยู่ดี ถึงได้โทรไปบอกพี่ครามก่อนหน้านี้แล้ว
ถึงแม้ว่าภาพที่พี่แกจูบคุณเกรย์ที่เดียวกับผมยังทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ อยู่ก็ตาม
แต่คิดว่าตัวเองคงคิดมากไป เขาอาจจะแสดงความรักต่อคุณเกรย์แบบนั้นเป็นปกติอยู่แล้วก็ได้ อาจจะเป็นผมที่คิดมากไปเอง อันที่จริง...ก็พอรู้ว่าความสัมพันธ์ช่วงนี้ของผมกับพี่เขาดู...แปลก.. เพราะคิดว่าคนเพิ่งรู้จักกันไม่น่าจะพัฒนาความสัมพันธ์ได้เร็วขนาดนี้ ขนาดที่..ผมสามารถเข้าออกห้องเขาได้ตลอด รวมถึงไปหลับที่ห้องเขาได้อย่างนั้น
ทั้งบรรยากาศแปลกๆ นั่นอีก ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แต่รู้ว่าตอนอยู่กับเพื่อนหรือรุ่นพี่ผู้ชายสองต่อสองมันไม่ได้รู้สึกเหมือนกับตอนอยู่กับพี่คราม
จบความคิดด้วยคำว่า น่าจะคิดมากไปเอง
“ปาย ไปป่ะ”
“หือ?”
จมอยู่กับความคิดตัวเองจนลืมฟังเสียงรอบข้าง รู้ตัวอีกทีก็ตอนตั๊บมันเอ่ยเรียก
“พวกกูจะไปกินติมกัน ไปด้วยกันดิ”
“เอ่อ....ก็ได้” ล้มเลิกความคิดกลับไปนอนก็ได้ ไหนๆ ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับพวกนี้บ่อยๆ กลัวว่าเดี๋ยวจะไม่มีคนคบเอาสักวัน แถมยังถือว่าเป็นการฆ่าเวลาไปในตัวอีกด้วย
ไอ้ตั๊บหันไปชวนคนนู้นคนนี้ตามประสาคนเพื่อนมากอย่างมัน แต่พอดูกลุ่มคนแล้วเห็นน้ำหวานก็เลยรู้จุดประสงค์มันทันที ที่จริงๆแล้วอยากจีบสาวแต่ป็อดไม่กล้าไปคนเดียวมากกว่า ถึงได้หาเพื่อนไปด้วยเนี่ย
สรุปก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดิมๆ ไม่ได้แปลกใจอะไร ตกลงสถานที่เสร็จสรรพก็ออกตัวเดินทาง สารถีเจ้าประจำคือเมลล์ ผู้ชายในกลุ่มที่มีรถยนต์ส่วนตัวคนเดียว และด้วยความเห็นของทุกคนที่ขี้เกียจไปร้อนเบียดเสียดกับคนอื่นจึงพากันยัดไปในรถเมลล์กันทั้งหมด
ไอ้ตั๊บก็มีความสุขไป ได้นั่งข้างน้ำหวาน
พวกผมคุยกันเรื่องเรื่อยเปื่อย ทั้งเรื่องสอบที่ผ่านมาทั้งเรื่องอาจารย์ เพื่อน บ่นเรื่องราวในชีวิตประจำวันวนกันไป จนมาถึงร้านแล้วก็ยังคุยกันไม่เลิก ร้านที่ว่าอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เอาจริงๆก็แค่อยากตากแอร์หนีร้อน สุดท้ายก็มาจบที่ห้างเช่นนี้ทุกที
ผมไม่ค่อยได้มีบทพูดอะไรมากนัก ส่วนใหญ่เป็นไอ้ตั๊บที่พูด ชวนน้ำหวานและคนอื่นๆคุย พอนั่งนิ่งๆ นานเข้าก็เริ่มง่วง...
“แล้วมึงอ่ะไอ่ปาย ช่วงนี้กลับหอเร็วทุกวัน หรือว่ามีสาววะ”
“หือ? ไม่มี”
“จริงรึเปล่า” ไอ้ตั๊บว่าเสียงยาวเป็นเชิงล้อเลียน กะให้ผมเขินแต่อย่างที่รู้...สาวน่ะไม่มีหรอก มีแต่ตัวผู้...
ผมหมายถึงคุณเกรย์
พอไอ้ตั๊บเห็นว่าผมไม่เล่นด้วย ไม่มีประเด็นอะไรน่าสนใจให้น่าคุ้ยเขี่ยมันก็เปลี่ยนเป้าหมายต่อไป นั่งฟังมันคุยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งระบบสั่นของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงทำงาน
4.15
พี่คราม
ผมขอตัวเพื่อนๆ ออกไปรับโทรศัพท์ ไอ้ตั๊บหันมาทำหน้าสอดรู้สอดเห็นแต่ผมไม่ได้ใส่ใจมัน เดินออกไปหน้าร้านก่อนกดรับสาย
“ครับ”
“ปายอยู่ไหนละอ่ะ วันนี้พี่เลิกเร็วหน่อย จะมาเลยก็ได้นะ”
“อยู่ห้างXXกับเพื่อนครับ คงอีกสักพัก”
“อ้าวหรอ...ให้พี่ไปรับมั้ย”
“ไม่เป็นไร-”
“งั้นเดี๋ยวสักพักพี่ไปหานะ”
ได้ด้วยหรอ ถามแล้วไม่ฟังคำตอบอย่างงี้อ่ะ
“สักห้าโมงก็ได้พี่” ผมตอบอย่างจนใจเมื่อเดาว่าคนตรงหน้าไม่น่าพูดเล่นและทำจริงแน่ๆ
“โอเค ถ้าถึงเดี๋ยวบอกนะ”
“ครับ”
บางทีก็คิดนะว่าพี่ครามเป็นคนกวนตีน แต่การกระทำทุกอย่างที่พี่เขาทำกับผมกลับไม่ทำให้ผมรู้สึกรำคาญ กลับคิดว่าเป็นเสน่ห์แปลกๆของพี่เค้าเสียอย่างนั้น
รู้ตัวอีกทีก็นั่งจ้องนาฬิกาไปซะแล้ว
หลังจบภารกิจร้านไอศกรีม พวกผมพากันเดินดูโน่นนี่จนกระทั่งพี่ครามโทรมาผมถึงขอแยกตัวออกไป ไอ้ตั๊บถึงขั้นสงสัยว่าผมไปมีเพื่อนใหม่ที่ไหน เพราะด้วยบุคลิกแบบผมแล้วน่าจะไม่มีใครคบ ถึงจะหงุดหงิดแต่ก็จริงตามที่มันว่า ผมไม่ใช่คนคุยเก่ง ผูกมิตรไม่เก่ง ออกจะน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ สงสัยอยู่จนถึงทุกวันนี้เหมือนกันว่าพี่ครามไม่เบื่อผมบ้างหรือไง
“ปายอยู่ตรงไหนอ่ะ”
“พี่อยู่ไหนเดี๋ยวผมไปหาก็ได้”
พี่ครามบอกสถานที่นัดพบ และไม่นานผมก็เจอเขายืนสวมเสื้อกาวน์ของคณะสัตวแพทย์อยู่ พี่ครามพาผมไปหาอะไรทานก่อนกลับหอ ผมเออออตามที่แกไปเพราะขี้เกียจคิด สมองตื้อมากอยากนอนเลยรีบตอบไปให้มันจบๆ
ในที่สุด พี่ครามก็พาร่างผมมาจนถึงหอพี่เค้าจนได้ คุณเกรย์ที่ผมเฝ้ารอมาทั้งอาทิตย์ในที่สุดก็จะได้เจอกันเสียที
“สีเทามันเอาแต่มองประตูรอปายอีกแล้วน่ะ”
“จริงหรอครับ”
“อือ ไม่รู้ทำไมถึงติดปายได้มากขนาดนี้ แปลกแมว”
ผมหัวเราะขำ รู้สึกดีไม่น้อยที่คุณเกรย์รอผมอยู่เหมือนที่ผมเองก็รอที่จะเจอเขาเช่นกัน
เดินตามทางที่คุ้นเคยจนมาถึงหน้าห้อง พี่ครามไขกุญแจก่อนเปิดแง้มๆเข้าไป
“ฮั่นแหน่ ว่าแล้วว่าต้องอยู่ตรงนี้” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนก้มตัวลงคว้าวัตถุสีเทาที่พองฟู หันมาเปิดประตูให้ผมกว้างขึ้น ผมก้าวเท้าเข้าห้องพี่ครามพร้อมปิดประตู สายตาไม่ละจากก้อนขนฟูสีเทาที่ไม่ได้เจอมานานร่วมอาทิตย์
“ดูซิใครมา”
แง้ว
คุณเกรย์ร้องดังลั่นตอบพี่คราม ผมหัวเราะขำในความน่ารักของคุณเขา คุณเกรย์ดิ้นหลุดจากอ้อมแขนพี่คราม กระโดดลงมาตุบที่พื้น เงยหน้าจ้องมองผมไม่วางตาพลางร้องครางแง้วง้าวไปทั่ว
“คิดถึงกันมั้ย หื้ม” ผมถามคุณเกรย์พลางเอื้อมมือไปอุ้มคุณเขาไว้ในอ้อมแขน “คิดถึงคุณเกรย์ที่สุดเลย” ว่าพลางก้มหอมหัวนุ่ม คุณเกรย์อยู่นิ่งในอ้อมกอดผม
“คิดถึงเนอะ” พี่ครามพูด “...หมายถึงแมว” พลางกดยิ้ม ก่อนเดินไปคว้ารีโมทแอร์มาเปิด
ผมเรียกการกระทำแบบนี้ว่ากวนตีน ถึงจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาหลายครั้งก็ตามแต่ก็ไม่เคยชิน ผมปล่อยพี่ครามไปทำอะไรกุกกักอยู่ตรงมุมอ่านหนังสืออยู่คนเดียวไป ส่วนตัวเองกับคุณเกรย์พากันมานั่งที่ปลายเตียง ผมวางคุณเกรย์ลงบนเตียง เกาคางให้คุณเขาอย่างทุกที คุณเกรย์ครางครืดคราด เอาตัวถูไถกับผมไม่หยุด
จนสาแก่ใจคุณเขาแล้วถึงยอมนอนแหมะอยู่กับที่ ปล่อยให้ผมลูบหัวลูบหางคุณเขาตามสบาย แต่ลืมไปว่าที่เตียงเป็นจุดที่แอร์ลง เหมือนคราวแล้วที่ลมเย็นๆ ทำให้ผมเผลอหลับไป และครั้งนี้ก็เช่นกัน
ผมลูบตัวคุณเกรย์ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะมืดลงเรื่อยๆ ความง่วงและเพลียจู่โจมอย่างไม่ยั้งมือเมื่อเจอที่นอนนุ่มกับแอร์เย็น สุดท้ายภาพตรงหน้าก็มืดสนิท
.
ตื่นมาอีกทีห้องก็มืดแล้ว มีเสียงแอร์เบาๆ ลอยมาเป็นระยะ ผมสะดุ้งตื่น หันรีหันขวางแต่มองอะไรไม่ชัดในความมืด ควานหามือถือในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบออกมาดูนาฬิกาและพบว่า
ห้าทุ่มสี่สิบนาที!!
บ้าไปแล้ว ผมเผลอหลับไปนานขนาดนี้โดยที่ไม่รู้ตัวเลยหรือ ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงในความมืด ไม่เห็นถึงเงาของเจ้าของห้อง พอคลำๆดูก็พบว่าไม่มีร่างของพี่ครามนอนอยู่บนเตียงจริงๆ แต่กลับเจอขนนิ่มๆตรงหัวเตียงอีกฝั่งแทน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคือคุณเกรย์ และตรงหมอนข้างๆผมคงเป็นที่นอนประจำของคุณเขา
ก่อนผมจะหลับผมจำได้ว่านอนอยู่ปลายเตียง แต่พอตื่นมากลับเป็นว่าผมนอนอยู่บนเตียง ในระดับที่หัวหนุนหมอน ตัวห่มผ้าห่ม ชัดขนาดนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพี่ครามเป็นคนจัดการแน่ๆ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะละเมอมานอนได้ถูกที่เสียขนาดนี้
คิดได้อย่างนั้นจึงลุกออกจากเตียง ชะโงกไปยังโซฟาปลายเตียงและเห็นร่างที่คุ้นตานอนคุดคู้อยู่ ดูลำบาก พี่ครามตัวโตแต่ต้องมายัดตัวเองอยู่ที่โซฟาเล็กๆ แบบนี้คงอึดอัดไม่น้อย
“พี่คราม...” ผมสะกิดเขา “พี่คราม..”
“อืม..” คนตัวโตส่งเสียงงัวเงียกลับมาเป็นอันว่าสติเริ่มเข้าร่างแล้ว
“เดี๋ยวผมกลับแล้วนะ พี่กลับไปนอนที่เตียงเถอะ”
พี่ครามนิ่วหน้า เพราะเริ่มชินกับความมืดรวมถึงมีแสงไฟอ่อนๆ จากตรงระเบียงส่องมาทำให้เห็นใบหน้าพี่เขาลางๆ คนตัวโตขยับตัวยุกยิก คว้าโทรศัพท์เพื่อดูนาฬิกาก่อนเอ่ยตอบผม
“กลับยังไง? รถไฟฟ้าจะหมดแล้วไม่ใช่หรอ”
“ก็...ครับถ้ารีบหน่อยก็ทัน พี่ครามไปนอนบนเตียงเถอะเดี๋ยวผมไปละ”
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ นอนนี่ไปเถอะ”
“เห้ย ไม่เอาพี่ เดี๋ยวผมกลับ พี่จะได้ไปนอนเตียงดีๆ”
“กูนอนได้หน่า” พี่ครามพูดเสียงงึมงำ คำสรรพนามที่แปลกหูไปทำให้คิดว่าพี่ครามยังตื่นไม่เต็มที่ ผมที่ตั้งใจจะรีบไปก่อนที่รถไฟฟ้าจะหมดกลับเป็นต้องมาเจรจาเสียเวลากับเขาไปเรื่อยๆ
แต่ถึงอย่างนั้นก็หนีไปซึ่งๆ หน้าไม่ได้อยู่ดี เพราะคนตรงหน้าคว้าข้อแขนผมไว้ตอนไหนก็ไม่รู้
“ปายนอนนี่แหละ” พี่ครามพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง คงง่วง
“งั้นพี่ครามไปนอนเตียง ผมนอนโซฟาเอง” ผมว่า ต่อรองกับพี่ครามเพราะผมตัวเล็กกว่าพี่เขาเยอะ คิดว่านอนโซฟาไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับผม แต่กับคนตัวโตตรงหน้าที่นอนคับอยู่อย่างนี้น่าจะลำบากไม่น้อย
พี่ครามไม่ตอบแต่เริ่มยันตัวลุกขึ้นนั่ง หันหน้าทำตาปรือๆ มองมาทางผม ก่อนเพยิดหน้าไปที่เตียง “ไปนอน”
ผมส่ายหน้า
พี่ครามลุกขึ้นยืน คนตัวโตยืนตรงหน้าผมในระยะที่ใกล้จนจมูกแทบชนอกพี่เขา ผมถอยมาหนึ่งก้าว พี่ครามก็ก้าวตามมาหนึ่งก้าว ทำให้ผมต้องเพิ่มระยะถอยห่างมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าพี่แกก็ยังก้าวมาประชิดตัวกับผมอยู่อีก
เพราะประชันหน้ากับพี่ครามทำให้เดินถอยหลังมาเรื่อยๆ ไม่ทันเห็นว่ามาจนถึงขอบเตียงแล้ว ทำให้สะดุดลงไปนั่งบนเตียงเสียอย่างนั้น
พี่ครามก้าวขึ้นมาบนเตียง ที่เดิมกับที่ผมนอนไปเมื่อครู่ก่อนทิ้งตัวล้มนอน ผมกระเถิบตัวออก ว่าจะหมุนตัวไปออกอีกข้างของเตียงแต่กลับถูกมือใหญ่คว้าไว้ ดึงให้ล้มลงนอน
“พี่คราม...”
“ไม่ต้องเถียง นอนด้วยกันเนี่ย”
ว่าพลางดึงให้ผมขึ้นมานอนหมอนเดียวกัน จัดแจงท่าทางให้ก่อนนิ่งไป
มันปรากฏว่าผมนอนหันหลังให้พี่แก ส่วนพี่ครามนอนประกบหลังผมแถมยังเอื้อมมือมากอดอีก ดูก็รู้ว่ามันไม่ปกติชัดๆ! ใครที่ไหนมันจะมานอนกอดกันอย่างนี้ ผมถือโอกาสที่พี่แกนอนนิ่งกระเถิบตัวไปอีกฝั่ง พยายามเว้นระยะให้ห่างมากกว่าตอนนี้ แต่ทว่า..
แง้ว
พอเลื่อนตัวกลับเอาหัวไปถูกตัวคุณเกรย์จนคุณเขาร้องออกมาอย่างไม่พอใจซะงั้น
“หึๆ นั่นฝั่งของสีเทา อย่าไปกวนมันล่ะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูจนต้องย่นคอหนี คุณเกรย์นอนบนหมอนอีกฝั่งทำให้ผมหนีไปนอนฝั่งนั้นของเตียงไม่ได้ เพราะมันจะไปทับคุณเขา แต่พอจะขืนตัวลุกก็โดนพี่ครามคว้าเอวดึงกลับมานอนลงที่เดิม
คือพี่ช่วยคิดหน่อยว่ามันแปลก ผู้ชายที่ไหนเขามานอนกอดกันแบบนี้ ถึงจะเป็นพี่น้องก็ไม่ทำกันหรอก! น้ำก็ยังไม่ได้อาบแล้วยังจะเอาแขนมาพาดก่ายกันขนาดนี้ เอาอะไรมาพิศวาสผมนักหนาเนี่ย
ผมได้แต่ฟึดฟัดอยู่ในใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ พอนอนนิ่งๆ นานเข้าก็เริ่มง่วงขึ้นมา
“ฝันดีนะ...”
เสียงทุ้มดังใกล้หูอีกครั้ง
“แมวน่ะ..”
กวนตีน
⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹
ทีละนิด ทีละนิด
ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
#คุณเกรย์
(ปล.แก้ชื่อต็อบเป็นตั๊บค่ะ..)