•9•
ขนมปลาเส้นยี่ห้อทาโร่ถูกเคี้ยวอยู่ในปาก ไม่ได้กินมันมานานพอสมควรหลังจากเคยบริจาคสิ่งนี้ให้กับแมวตัวหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมนั่งกินปลาเส้นอย่างเอาเป็นเอาตายหลังจากล้างหน้าแปรงฟันอะไรเสร็จ นั่งอยู่บนเตียงของเขาโดยไม่สนว่าเศษขนมมันจะตกลงไปบ้างมั้ย ผมตัดสินใจจะไม่ทำตัวเกรงใจเจ้าของห้องอย่างจริงจัง
เมื่อเจ้าของห้องเองก็ไม่ได้เกรงใจผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
แต่ผิดที่ผมเองที่ไปเกรงอกเกรงใจเขา กลัวเขาลำบากใจอย่างนู้นอย่างนี้ ทั้งที่ความจริง พี่ครามนั่นแหละทำให้ผมลำบากใจ บ้าชะมัด
พี่ครามไม่ได้สนใจผมที่หงุดหงิดกับปลาเส้นบนเตียง พี่เขาเอาแต่ก้มอ่านหนังสือเรียนในมือทำให้ผมอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม แถมจะขอลากลับหอตอนนี้ก็ไม่ได้ คุณเกรย์นอนเฝ้าประตูห้องอยู่ พอผมเข้าไปใกล้ก็จะส่งเสียงร้อง ช้อนตามองเห็นแล้วใจอ่อนยวบ ไม่รู้ไปเรียนมารยามาจากไหน ไม่รู้ทำไมถึงติดผมขนาดนี้ด้วย ถึงมีทาโร่ในมือคุณเขาก็ไม่สนแล้ว อีกทั้งพี่ครามเคยบอกว่าอาหารคนไม่ดีต่อสัตว์เลยไม่ให้มันกินอีก
ลองอุ้มมันไปวางที่อื่น แต่ถึงอย่างนั้นคุณเกรย์ก็รีบวิ่งปรู๊ดมาหาผมอยู่ดี เห็นอุ้งเท้าอ้วนๆ กับพุงกลมๆ วิ่งดุ๊กดิ๊กมาหาผมก็ใจอ่อนแล้ว ยังจะช้อนตามองร้องแง้วง้าว เดินวนรอบตัวผมอีก ใครมันจะใจร้ายได้ลง แล้ววันนี้ผมจะได้กลับหอมั้ย
เลยต้องมานั่งใส่อารมณ์กินปลาทาโร่อยู่บนเตียง
คืนนั้น...มันไม่ควรจะเกิด เค้าไม่ควรจะมานอนกอดผมอย่างนั้น ส่วนผมก็ไม่ควรไปนอนให้เขากอดเช่นนั้นเหมือนกัน มัน..มันไม่ใช่สิ่งปกติที่คนทั่วไปเค้าจะทำกัน
คว้าทาโร่เท่ากำมือยัดเข้าปาก
ผมหงุดหงิดเขา แต่ก็หงุดหงิดตัวเองไม่แพ้กัน อย่างแรกคือทำไมถึงไม่ยอมปฏิเสธให้เสียงแข็งกว่านั้น ทั้งที่จริงพอลองคิดดูผมก็สามารถหาเหตุผลมาปฏิเสธพี่ครามไม่ให้มานอนกอดผมได้ง่ายๆ แต่ทำไมตอนนั้นถึงไม่ทำ ผมจะบ้าตายแล้วจริงๆ
อย่างที่สอง อับอายกว่าอย่างแรก พี่ครามนอนกอดยังพอมีข้ออ้างได้ว่าเพราะพี่เขาตัวโต ผมขัดขืนอะไรไม่ได้แถมยังง่วงเพลียอีก แต่...นอกจากผมจะนอนนิ่งให้พี่แกกอดก่ายแต่โดยดีแล้วผมยัง..กอดเขาคืนอีกด้วย
สาบานเลยว่าไม่รู้ตัวจริงๆ ตื่นมาก็นอนซุกหน้าอกพี่เขาไปแล้ว แถมพี่ครามก็ตื่นก่อนนานแล้วด้วยแต่ไม่ยักปลุกผมหรือดันผมให้ออกไป ทั้งๆ ที่ตอนนั้นคุณเกรย์ก็ไม่ได้อยู่บนเตียงแล้วแท้ๆ ทั้งที่เป็นอย่างนั้น...ก็ยัง..ปล่อยให้ผมกอด
“ติดหมอนข้างหรือเรา”
เป็นคำแรกที่ได้ยินแทนคำว่าอรุณสวัสดิ์
ผมตาเหลือก ดีดตัวออกจากตัวพี่เขา เพื่อพบว่าจริงๆ แล้วพี่ครามก็เอามือมาพาดเอวผมเหมือนกัน พอทำหน้าเลิ่กลั่กใส่พี่เขาก็ตอบแทนด้วยการหาวหวอดรอบนึงก่อนลุกจากเตียงไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผิดปกติแล้ว ผู้ชายที่ไหนเขาจะยอมให้ผู้ชายอีกคนมานอนกอดก่ายกัน
ทั้งผมทั้งพี่เขานั่นแหละ
คิดอย่างนั้นก็หงุดหงิด ทำไมผมไม่ปฏิเสธที่จะนอนเตียงเดียวกับพี่เขา แล้วทำไมพี่เขาไม่ดันตัวผมออกตอนผมเผลอไปกอดเขา
มีความคิดหนึ่งอยู่ในหัวที่ทุกคนน่าจะเดาออกว่ามันคืออะไร เสียแต่ผมเหยียบมันมิดไว้ อย่าได้ออกมาเชียว
ปลาเส้นหมดถุง ไม่มีอะไรเหลือให้ระบายอารมณ์หงุดหงิดในใจอีกต่อไป หันไปทางขวาก็เห็นพี่ครามนั่งอ่านหนังสือเรียนไม่ได้สนใจผม หันไปทางซ้ายก็เห็นคุณเกรย์นอนหงายยืดตัวขวางอยู่หน้าประตู
เลือกคนกับแมว แน่นอนผมเลือกแมว
ลุกขึ้นไปอุ้มคุณเขามาเล่นด้วยที่เตียง คุณเกรย์ทำท่าสะลึมสะลือ เมื่อเห็นว่าผมอุ้มมาวางไว้บนเตียงแต่ไม่ได้ลุกไปไหนต่อ จึงปล่อยให้ผมเกาคางเกาพุงขยำขนเล่นไป บรรยากาศในห้องเงียบมาสักพักหนึ่งแล้ว ไม่มีใครพูดกับใคร และผมก็ไม่อยากเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อนด้วย
ถึงจะพอเดาท่าทีของพี่ครามได้ตั้งแต่ต้นๆ แล้วว่าพี่แกต้องคิดอะไรมากกว่าที่คนปกติจะคิด ถึงรู้ แต่ทำใจได้ไหมนี่อีกเรื่อง ความน่ากลัวของมันคือ...ผมมีแววว่าจะทำใจได้...
แง้ว!
“ข...ขอโทษ”
เผลอออกแรงขยำขนคุณเขาแรงไปจนคุณเกรย์ร้องดุเสียงดัง คุณเขาดันตัวมานั่งมองผมอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ง้อด้วยการลูบๆ คลำๆ เกาคางนิดๆ หน่อยๆ คุณเกรย์ก็ลงไปนอนแผ่เช่นเดิม
“คึ”
หันไปมองต้นเสียงที่หลุดหัวเราะออกมา จะเป็นใครได้อีกนอกจากคนตัวโตที่นั่งกลั้นขำอยู่มุมห้อง เห็นนะพี่คราม แล้วก็หงุดหงิดมากด้วย!
ผมอุ้มคุณเกรย์ไปหาพี่คราม คนกลั้นหัวเราะจนหน้าตาบิดเบี้ยวพยายามกลับมาทำหน้าปกติหันมามองผมพร้อมเลิกคิ้วสงสัย ผมเอาคุณเกรย์ในมือส่งให้พี่เค้า โดยอัตโนมัติ พี่ครามรับไป
“ผมกลับแล้วนะ”
พี่ครามทำหน้าสงสัย เอียงคอหน่อยๆ ให้เค้ากับบรรยากาศ ก่อนส่งเสียงผ่านลำคอ “อือ”
ผมหน้าบู้ เออ ที่จริงก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม แต่เพราะคุณเกรย์ไม่ยอมให้ออกแถมคนก่อเรื่องให้น่าหงุดหงิดก็ไม่ยอมพูดอะไร เล่นสงครามประสาทกันไปมาจนสุดท้ายผมแพ้เพราะดันไปขอโทษคุณเกรย์เลยหนีกลับแม่ง พอดูท่าทีแล้วคนตรงหน้าก็ไม่ได้ติดใจอะไรทำให้หงุดหงิดกว่าเดิม
ก็ถ้าอย่างนั้นจะมานอนกอดกันทำไม ถ้าอย่างนั้นทำไมต้องทำตัวให้ผิดปกติด้วย
ตอนแรกๆ อาจจะคิดไปเองแต่หลังจากเมื่อคืนเลยกระจ่างแล้วว่าพี่ครามแม่งกำลังเนียน คิดอ่ะน่าจะคิด แต่ติดตรงที่พี่มันไม่แสดงออกให้ผมรู้หลังจากจับผิดเขาได้ ก็เลยหงุดหงิด
หรือว่าผมจะคิดไปเองจริงๆ
ควรจะคิดว่าปกติผู้ชายเขาก็นอนกอดกันเป็นปกติอย่างงี้หรอ มันใช่หรอ
ก็แม่งไม่ใช่ยังไงล่ะ ละไอ้ตัวต้นเหตุก็มานั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ซะจนอารมณ์เสีย ผมไม่สนแล้ว จะกลับหอ ช่างแม่งพี่คราม ผมสะบัดหน้าหนีเดินปึงปังออกจากห้องไป อันที่จริง..เดินปึงปังที่ว่าคือเดินในใจ ในความจริงแล้วผมก็แค่เดินออกไปเฉยๆ เท่านั้นเอง หงุดหงิดอ่ะ
“ปาย”
เสียงดังขึ้นมาทันทีที่ผมเดินออกจากประตูห้องพี่ครามได้ไม่กี่ก้าว รีบหันขวับไปทันที มีอะไรจะอธิบายใช่มั้ย ต้องเรียกให้ผมกลับไปคุยกันก่อนใช่ไหม
“...ลืมกระเป๋า”
ความคิดพังครืน ผมหน้าเบ้มากกว่าเดิม เดินไปหยิบกระเป๋าที่พี่ครามส่งให้ก่อนเดินออกมา ไม่หงุดหงิดแล้วแต่รู้สึกไม่เข้าใจเอามากๆ เท่านั้นเอง
ถ้านี่เป็นการแกล้งกัน..ไม่คิดว่ามันรุนแรงไปหน่อยหรอ อีกทั้ง..แกล้งทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานเนี่ย...ไม่เกินไปหน่อยหรอ
อย่างน้อยอธิบายกันหน่อยก็น่าจะดี ถ้ากอดเพราะไม่อยากให้ผมไปเบียดคุณเกรย์ก็น่าจะบอกกันเฉยๆ ก็ได้ แค่กระเถิบมานอนใกล้ๆ พี่ครามมากขึ้นอาจจะเข้าใจง่ายกว่าโดนกอดหลังเสียแน่นขนาดนั้น...ไม่เข้าใจโว้ย
ผมเดินจนมาถึงประตูหอ คิดในใจว่าถ้าเปิดออกไปจะกลับเข้ามาไม่ได้อีก เพราะไม่มีคีย์การ์ด แต่ดูจากการกระทำของพี่ครามแล้ว ผมว่าผมควรอยู่ห่างจากเขาสักระยะ..
ถ้าเพื่อไม่ให้พี่ครามมาทำแบบนี้กับผมอีกก็เพื่อไม่ให้ผม...รู้สึกอะไรไปมากกว่านี้อีก
คงต้องลาคุณเกรย์สักพัก
คิดพร้อมกับดันประตูออกไป
.
“ปาย เหม่อไรวะ ไปเรียน” สิ้นเสียงเรียกสติ สมุดโน้ตบางๆ ถูกตบลงมาโดนหัวผมดังปุ ไอ้ตั๊บตีหัวผมด้วยสมุดสองสามครั้งก่อนพเยิดหน้าให้ผมลุกขึ้นไปเข้าเรียน
“ปาย ตะกี้อาจารย์พูดว่าอะไรวะ”
“หือ?”
“เมื่อกี้อ่ะ กูจดไม่ทัน”
“...อ่า...ไม่ได้ฟังอ่ะ”
ไอ้ตั๊บค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้นจนถลน ใบหน้าจากที่น่าเกลียดอยู่แล้วกลายเป็นอุบาทว์ไปเลย “เชี่ย มึงเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย ไม่สบายหรอ หรือหิว?”
“เปล่า ปกติ”
“ไม่ปกติแล้วเพื่อน น้องปายไม่เคยวอกแวกเวลาเรียน เนิร์ดไม่เหมาะกับหน้าขนาดนี้จู่ๆ ก็มาทำตัวเหมือนนักศึกษาปกติ นี่มันผิดปกติชัดๆ !”
ไอ้ตั๊บว่า ผมกลอกตาไปทั่วห้องอย่างระอา มันทำยังกับว่าการที่ผมไม่ตั้งใจเรียนเป็นเรื่องร้ายแรงราวกับโลกจะถล่ม ถึงจะจริงอย่างที่มันว่าครึ่งนึง คือผมค่อนข้างให้ความสำคัญกับการเรียน ทุกประโยคของอาจารย์จดได้ไม่เคยพลาด ถึงจะเคยหลุดไปบางช่วงแต่ก็ไม่ถึงกับจับใจความไม่ได้ เพราะงี้แหละมั้งไอ้ตั๊บถึงทำหน้าโอเวอร์เสียขนาดนั้น
“โดนแฟนทิ้งป่าว อกหักอ่ะดิ ใจลอย ใจลอย~” ไอ้เมลล์ว่าเป็นคู่หูลูกกรอกคู่กับไอ้ตั๊บ
“ไม่มี” ผมเอ่ยเสียงขุ่นอย่างรำคาญใจ
“แน่ๆ เลยว่ะไอ้ตั๊บ น้องปายหงุดหงิดขนาดนี้กูว่าใช่”
“เออ กูก็ว่าใช่ ไม่โดนหักอกก็ถูกสลัดรัก”
“ไม่ใช่!”
“นักศึกษาครับ ถ้าไม่ฟังก็กรุณาออกไปคุยกันข้างนอกครับ”
สิ้นเสียงอาจารย์ พวกผมสามคนก็ก้มหัวหงอยๆ ปิดปากไม่พูดอะไรอีก ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้ตั๊บอย่างอารมณ์เสีย มีที่ไหนเคยโดนอาจารย์ดุในห้อง เพิ่งมีครั้งนี้ครั้งแรกเพราะไอ้พวกนี้เลย
“แล้วสรุปมึงเป็นอะไรวะ”
“ไม่เป็น” ผมว่าหลังจากจบคาบเรียนตอนบ่าย เดินออกห้องกันมาแล้วไอ้พวกนี้ก็ยังไม่จบ สานหาเรื่องราวมาคุยกับผมต่อ
“แน้ะ ไม่เชื่ออ่ะ น้องปายดูหงุดหงิดนะจ๊ะ เป็นอะไรไหนบอกพี่ซิ” ไม่ว่าเปล่ามีการเอามือสกปรกมาเกาคางผมอีก ผมเบือนหน้าหนีอย่างรำคาญไอ้ตั๊บมัน
“โดนใครหักอกมารึเปล่า หรือไปแอบชอบใครละเค้าไม่รับรัก หรือออ..เจอคู่แข่งปรากฏกาย”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น!” ผมขึ้นเสียงเมื่อไอ้เมลล์มันเริ่มกวนตีน พากย์เสียงเหมือนอยู่ในรายการอะไรสักอย่าง
เมลล์กับตั๊บหันไปมองหน้ากันข้ามหัวผม ส่งสายตาเหมือนกับไม่เชื่อที่ผมพูด เอาจริง..ถ้าเป็นสองคนนี้ยังไงก็ดูออก เพราะผมไม่ค่อยแสดงสีหน้าอารมณ์อะไรเท่าไหร่เนื่องจากไม่มีเรื่องอะไรมากวนใจนานแล้ว ครั้งนี้ผมเองยังรู้สึกเลยว่าตัวเองทำหน้าบึ้ง..
สาเหตุเพราะผ่านมาสองอาทิตย์แล้วแต่ยังไม่ได้ไปหาแมว คิดถึงแมวอ่ะ
“เออ มีอะไรก็บอกกันได้นะเว้ย”
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้ตั๊บที่โอบไหล่ผมเป็นเชิงปลอบใจอะไรก็ไม่รู้มัน เอ่ยถาม
“คิดถึงแมว..อยากกลับไปหาแมวจะได้มั้ยอ่ะ”
“อะไรวะ เรื่องนี้หรอ แมวที่มึงไปช่วยมาอ่ะนะ”
“อือ”
“ก็ไปดิ มามัวซึมกะทืออะไร เจ้าของเค้าก็อนุญาตอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”
“อือ”
“หรือว่าทะเลาะกับเจ้าของ?”
“เปล่า...กลัวไปรบกวนเค้า” ผมตอบเลี่ยงๆ อันที่จริงคนที่ทะเลาะอาจจะเป็นผมคนเดียว..
“ไม่หรอกมั้ง ก็เค้าให้มึงไปได้ตั้งบ่อย แถมครั้งนี้ก็ไม่ได้ไปหาตั้งนานไม่ใช่หรอ”
“ก็...อืม”
“หรือเค้าทำอะไรไม่ดีกับมึง”
“เปล่า!”
ไอ้ตั๊บไม่ตอบส่วนเมลล์ก็จ้องผมนิ่งๆ ผมรู้ผมควบคุมอารมณ์ไม่เก่ง ถึงจะไม่ค่อยแสดงสีหน้าแต่เวลามีเรื่องอะไรต้องปิดบังผมจะลุกลี้ลุกลน รู้สึกมือไม้เกะกะ ไม่เป็นตัวของตัวเอง อย่างตอนนี้ที่จู่ๆ ผมก็ขึ้นเสียงเสียอย่างนั้น
“โอเค มีอะไรก็บอกแล้วกัน”
“คิดถึงมากนักก็ไปหาเถอะ ถ้ามันไม่ได้ลำบากอะไร”
ผมพยักหน้าให้พวกมัน พากันเดินออกจากตึกเรียนแยกย้ายกันกลับหอกลับบ้าน เนื่องจากไม่มีใครอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษในเย็นนี้ กลับห้องไปก็เจออาหารกระป๋องที่เคยซื้อให้คุณเกรย์วางเป็นอนุสรณ์อยู่ให้คิดถึงไปวันๆ ผมยืนคิดกับตัวเองสักพักก่อนเริ่มออกเดิน
มาสู่หอพักที่ไม่ได้เหยียบมานานราวสองอาทิตย์
ป่านนี้คุณเกรย์จะลืมผมไปรึยังนะ
แล้ว...ผมจะเข้าไปได้ยังไง...
นั่นสิ ลืมคิด
ผมกำมือถือในกระเป๋ากางเกงแน่น ไม่อยากโทรไปหาเลยให้ตายสิ... เงยหน้ามองหอพักที่คุ้นตา พลางเริ่มเข้าใจคำที่ว่า ‘แม้ไม่ได้เห็นหน้า เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี’ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง คุณเกรย์คงมีความสุขอยู่ข้างในนั้นสินะ...
เอาเถอะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไว้ค่อยมาใหม่ก็ได้
หมุนตัวหันหลังกลับ พลันสบตากับคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ
“ปาย..”
“พี่..คราม..เห้ย!”
ยังไม่ทันได้เรียกชื่อให้จบดีด้วยซ้ำ พี่แกเล่นพุ่งเข้ามาคว้าไหล่ผมไว้ทั้งสองข้าง สะดุ้งตัวโยน สีหน้าพี่ครามดูตกใจ ดวงตาคมเบิกกว้างจ้องผมเขม็ง
ผมเตรียมตอบคำถามเขาที่ว่ามาทำอะไรหรือทำไมมาไม่บอกหรือหายไปนาน อะไรทำนองนี้ แต่ทว่าพี่ครามกลับเอื้อมจับข้อมือผมก่อนดึงให้เข้าไปในตัวอาคาร ผมลอยหวือตามแรงคนตัวโต ครั้นจะห้ามก็ไม่มีจังหวะ พี่ครามลากผมขึ้นชั้นสามไปอย่างรวดเร็ว แทบไม่เปิดโอกาสให้หายใจด้วยซ้ำ
ปัง
เสียงปิดประตูห้องดังขึ้นหลังจากที่สองร่างของพวกผมก้าวเข้ามาในห้องแล้ว พยายามมองหาคุณเกรย์ไม่ทันครบรอบห้องก็ถูกร่างของคนตัวโตโถมเข้ามาใส่จนมิด สองแขนแกร่งโอบไว้รอบตัวผมจนสะดุ้งอีกครั้ง
“พี่คราม!”
พอรู้ว่าพี่ครามเกินเลยไปกว่าที่ควร กระทำไปเกินกว่าความคิดจึงส่งเสียงเรียกเพื่อตั้งสติเขา
“ปาย...คิดถึง..”
“...แมวหรอ”
“เปล่า...พี่เนี่ย”
“...”
สะอึก นึกว่าจะเล่นมุกซ้ำๆแบบที่ชอบอ้างแมวบ่อยๆ เสียแต่ครั้งนี้กลับสารภาพออกมาตามตรงทำให้ผมเป็นใบ้ พูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ สัมผัสที่ขาช่วยดึงสติผมกลับมา ได้ยินเสียงคุณเกรย์ร้องแง้วดังมาจากพื้น คาดว่ากำลังเดินวนรอบตัวผมอยู่ หางฟูสะบัดโดนข้อขาผมไปมาช่วยแสดงถึงตัวตนของสัตว์เล็ก ทว่ากลับไม่สามารถดิ้นหลุดจากอ้อมกอดนี้เพื่อลงไปทักทายคุณเขาได้
“พี่คราม...”
ผมร้องเรียกให้คนที่กอดผมแน่นจนจมหน้าอกพี่เขากลับมามีสติ ช่วยปล่อยผมออกก่อน พี่ครามตอบแทนความคิดผมโดยการกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น จนใจจะเอ่ย…
ปล่อยให้เขากอดต่อไป
แม้หัวใจจะสั่งระรัว สมองจะสั่งการให้ปฏิเสธ หากแต่ร่างกายไม่คิดขยับฝืนตัว
คงเป็นบ้าไปแล้ว ที่รู้สึกดีกับอ้อมกอดอุ่นนี้
ทั้งที่ก่อนหน้าจะเป็นจะตายเพราะพี่เขานอนกอดแท้ๆ..
สักพัก พี่ครามก็คลายอ้อมกอด เว้นที่ว่างระหว่างผมกับเขาเล็กน้อยให้พอหายใจ ผมไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเค้า จึงเลือกก้มหน้ามองก้อนขนสีเทาที่เดินวนไปวนมาแทน
“พี่ขอโทษ..”
เพราะคำพูดเบาๆ นั่นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับพี่เขาจนได้ หางตาคมเข้มตกลงเล็กน้อย คิ้วตก แววตาแสดงถึงความเสียใจอย่างเห็นได้ชัด
“..เรื่องอะไร”
“ทุกอย่าง...ที่ทำก่อนหน้านี้ จนถึงตอนนี้...”
ผมพยักหน้า ไม่โกรธแล้ว...
“รวมถึงเรื่องที่จะทำต่อจากนี้ด้วย...”
เงยหน้าไปมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ พี่ครามขยับหน้าเข้ามาใกล้
“จูบนะ...”
จนกระทั่งริมฝีปากของเราสัมผัสกัน
⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹
พี่ครามจะไม่ทน
อยากยืดความสัมพันธ์ของสองคนนี้ออกไปอีกหน่อย แต่พี่ครามบอกไม่ไหวแล้วว
แอบเปลี่ยนชื่อเพื่อนต็อบเป็นเพื่อนตั๊บนะคะ เผื่อใครงงๆ
ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ