ตอนที่๑๕"เราต้องคิดถึงเธอแน่ๆ ดูแลคินให้เราด้วยนะ เมฆ"คุณแม่ของภาคินพูดขณะโอบกอดผม วันนี้เป็นวันที่ทั้งคู่ต้องเดินทางกลับอังกฤษแล้ว ผมกับภาคินมาส่งพวกท่านที่สนามบิน
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ"ผมกอดตอบเบาๆ
"ผมดูแลตัวเองได้น่า...แม่กับพ่อนั่นล่ะ ดูแลตัวเองกับน้องให้ดีๆ"ภาคินกอดทั้งคู่ก่อนจะถูกคุณแม่ดึงไปหอมแก้มสองฟอดใหญ่ ภาคินเบี่ยงตัวออกเล็กน้อย เพราะมันรู้ว่ามีนักข่าวถ่ายภาพอยู่ มันก็แปลกนะ ด้านดีๆ กลับไม่อยากให้ใครเห็นซะงั้น ภาคินยืนส่งทั้งคู่ก่อนที่นักข่าวสองสามคนจะเดินเข้ามาหา
"น้องคินคะ พี่ขอสัมภาษณ์น้องแป๊บนึงได้ไหมคะ"และภาคินก็ถูกดึงตัวไป ผมปลีกตัวมานั่งรออยู่แถวๆนั้นเพราะไม่อยากออกข่าวช่องไหน ผมเดาว่าคงจะถามถึงเรื่องสัญญาของมันแน่ๆ และผมก็เดาถูกเสียด้วยสิ
"เรื่องนี้ผมก็ยังตอบไม่ได้ เป็นเรื่องของอนาคตน่ะครับ ไว้ผมจะบอกพวกพี่อีกทีนะครับหากทุกอย่างลงตัวมากกว่านี้"ผมได้ยินภาคินตอบแว่วๆ นักข่าวอีกคนถามอะไรบางอย่างที่ทำให้มันชักสีหน้าขึ้นมา
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันครับ เขาก็อยู่ในที่ของเขา อย่าดึงมาเกี่ยวเลยครับ...อะไรนะครับ...อ๋อ คนจะมองแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอก เป็นแฟนกันมันก็ต้องห่วงกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวครับจะต่อหรือไม่ เป็นเรื่องที่ผมตัดสินใจคนเดียว"ผมเงียหูฟัง คงเอาผมมาเอี่ยวอีกแล้วแน่ๆ จะว่าไปภาคินมันก็น่าสงสารนะถูกกลุ่มนักข่าวรายล้อม แถมแต่ล่ะคนยื่นไมค์ถามจนจะทิ่มตาทิ่มปากมันอยู่แล้ว
ผมเลิกสนใจมันก่อนจะหันไปเจอกับกลุ่มเด็กมัธยมกลุ่มหนึ่งกำลังจับจ้องมาที่ผมและมีบางคนหันโทรศัพท์มาทางผม ผมยิ้มแห้งให้ ก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น ภาคินยังตอบคำถามไม่เสร็จ ผมหันกลับไปมองเด็กกลุ่มนั้นอีกครั้ง ผมขมวดคิ้วเมื่อยังเห็นว่ากล้องโทรศัพท์ยังจับอยู่ที่ผมอยู่ อัดวิดีโองั้นเหรอ
ผมลุกเข้าไปซื้อกาแฟในร้านที่อยู่ใกล้ๆเพื่อหลีกเลี่ยงเด็กกลุ่มนั้น แต่ก็มิวายตามผมมาอีกพร้อมอัดวิดีโอไว้ ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจ ดูดกาแฟของตัวเอง
แต่แล้วใครบางคนก็เบนความสนใจของผม น้ำเพชร นั่นเอง แต่ผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เจอเพชร เพราะได้ยินว่าพี่เขามีเรื่องด่วนจะคุยกับภาคิน เพชรเดินเข้ามาซื้อกาแฟระหว่างที่รอ ใบหน้าโดดเด่นนั้นถูกแว่นตาและหมวกบดบัง แต่ผมก็จำได้อยู่ดี เพราะเคยเห็นอีกฝ่ายในลักษณะแบบนี้มาแล้ว
เพชรกวาดสายตาไปรอบๆ จนเห็นผมเข้า ผมส่งสายตาว่าไม่ต้องเข้ามาหาผม เพราะเด็กกลุ่มนั้นยังอัดวิดีโออยู่เลย ผมไม่รู้ว่านั่นแฟนคลับหรือกลุ่มแอนตี้ แต่ดูเหมือนว่าเพชรจะไม่เข้าใจที่ผมสื่อร่างสูงในชุดปอนๆ เดินเข้ามาหาผมแล้ว
"รอไอ้คินมันใช่ไหม เมื่อกี้พี่เห็นนักข่าวเต็มเลย พี่เลยหลบเข้ามาในนี้ก่อน"
"พี่เพชรครับ มีคนอัดวิดีโออยู่ ...ท่าทางไม่น่าไว้ใจเลย อย่าหันไปมอง"ผมทำเสียงดุเมื่ออีกฝ่ายจะเหลียวไปมอง
"เดี๋ยวพี่เข้าไปจัดการเอง ไม่รู้เวล่ำเวลาเอาซะเลย"ผมห้ามไม่ทัน พี่เพชรเดินดุ่มเข้าไปหากลุ่มเด็กพวกนั้นแล้ว
"ขอโทษนะครับน้องๆ แต่ช่วยหยุดถ่ายด้วยนะครับ"
"หนูไม่ได้ถ่ายพี่เสียหน่อย"
"ถึงจะไม่ได้ถ่ายพี่ แต่ควรจะมีมารยาทหน่อย แบบนี้มันก่าวก่ายความเป็นส่วนตัว แล้วก็หยุดอัดซะที"พี่เพชรเหมือนจะมีน้ำโห ผมเห็นท่าไม่ค่อยดี เมื่อเด็กคนนั้นจงใจถ่ายหน้าพี่เพชรและพี่เขาพยายามดึงโทรศัพท์ไปจากมือเด็กคนนั้น
"น้องๆใจเย็นๆกันก่อนนะครับ"
"ทำไม ถ่ายแค่นี้ก็ไม่ได้ หยิ่งเหรอ ใช่ว่าจะดัง"ผมไม่สนใจประโยคหลัง
"หยิ่ง กับต้องการความเป็นส่วนตัวมันต่างกันนะครับน้อง"ผมพูดเสียงนุ่มพยายามไม่ให้ฟังเหมือนต่อว่า
"เหอะ!"เด็กคนนั้นมองหน้าผมกับพี่เพชรก่อนจะเดินออกไป ผมเห็นว่ามีบางคนถ่ายรูปไว้ด้วย ไม่รู้ว่าจะเอาหตุการณ์นี้ไปเม้าท์ต่อหรือเปล่า
"ให้ตาย เจอเรื่องแย่ๆแต่เช้าเลย เมื่อวานก็ทีนึงแล้ว"พี่เพชรเท้าเอวพึมพำอย่างหงุดหงิด
"ไม่รู้ป่านนี้ไอ้คินมันจะสัมภาษณ์เสร็จรึยัง"พี่เพชรดูร้อนใจแปลกๆ มีเรื่องอะไรนะ ถึงอยากปรึกษาภาคิน
"ถ้ามันเสร็จเดี๋ยวมันคงโทรมาหาผมล่ะมั้ง แต่พี่เพชรดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ"ผมทัก จะเกี่ยวกับเรื่องที่ภาคินบอกรึเปล่านะ ที่มีนักข่าวจ้องเล่นงานพี่เขาอยู่
"ช่วงนี้พี่ทำงานหนักไปหน่อยน่ะ"พี่เพชรตอบเสียงเบา ผมพยักหน้า โกหกได้ไม่เนียนเลยจริงๆ คนอย่างพี่เขาถึงจะโหมงานหนักแค่ไหนคงไม่ปล่อยให้ตัวเองโทรมหรอก
รออยู่สักพักภาคินโทรมาหาผมจริงๆด้วย พี่เพชรตามมาอย่างระแวดระวัง กลัวเจอกับนักข่าวเข้า พี่เพชรมีเรื่องด่วนมากถึงต้องมาคุยกับตัวเลยเหรอ ภาคินดูจะขำกับเพื่อนตัวเองที่ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี
"เดี๋ยวฉันกลับก่อนดีกว่า เชิญคุยกันตามสบาย"ผมไม่ได้ประชดแต่อย่างใด แต่ดูท่าทีของพี่เพชรแล้วอยากคุยกับภาคินแค่สองคนมากกว่า และผมก็ไม่อยากรู้เรื่องฉาวของพี่เพชรสักเท่าไหร่
"เอางั้นเหรอ งั้นก็กลับดีๆ แล้วฉันจะโทรหาทีหลังนะ"ผมยิ้มขำพี่เพชรที่ทำหน้าล้อเลียน
"เดี๋ยวเหอะ ไอ้เพชร "ภาคินยกขาหมายจะเตะเพื่อนแต่อีกฝ่ายไหวตัวหลบได้ทันเสียก่อน
ผมกลับไปช่วยแม่ดูร้านในตอนเย็น คนเยอะตามปกติ ผมไปช่วยเสิร์ฟบ้างแต่แม่ก็ไล่ให้ผมไปช่วยงานในครัวเพราะลูกค้าหน้าม้อนั้นมีเยอะและพยายามหาเรื่องแตะเนื้อต้องตัวผมอยู่เรื่อย
“ก็เด็กเสิร์ฟ เสิร์ฟไม่ทันนี่ครับ ผมก็อยากช่วย เดี๋ยวลูกค้าจะรอนาน”ผมพูดขึ้นหลังจากโดแม่เทศน์ไปหลายยก
“เฮ้อ นี่แม่มีลูกชายนะเนี่ย ถ้าเมฆเป็นผู้หญิงแม่คงหัวหมุนกว่านี้แน่”แม่ครัวที่ได้ยินประโยคนี้หัวเราะกันยกใหญ่ ผมได้ตรวจดูบัญชีของผมแล้วและพบว่ามีเงินจำนวนมากถูกโอนเข้ามา เป็นเงินค่าตัวของผมสำหรับพรีเซ็นเตอร์ฟีโน่ ที่เซ็นไปเมื่อวานก่อน ระยะเวลาทั้งหมดสามปี เงินในส่วนนี้ ผมกะจะแบ่งให้แม่และเก็บไว้ใช้เป็นค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ตอนเย็นภาคินแวะมาที่ร้านตอนใกล้ปิดพอดีก็เลยอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน คนงานก็กลับไปหมดแล้วเหลือผม ส่วนแม่ไปเช็คของในครัว ปล่อยให้ผมอยู่กับภาคินสองคน
“เออเมฆ จำกิ๊กเก่าฉันได้ไหม ที่ชื่อไอลีนน่ะ"ผมกลอกตาไปมองมัน จู่ๆมันก็พูดขึ้นมาแสดงว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
“ก็พอจำได้ลางๆ ทำไมเหรอ”ไอลีนเคยเป็นนางแบบฮอตอยู่ช่วงหนึ่งแต่เดี๋ยวนี้ดรอปลงไปมาก ภาคินดูลำบากใจที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมได้แต่เลิกคิวรอฟัง
“คือเรื่องนี้มันเกี่ยวเนื่องกับปัญหาของไอ้เพชรมัน ตอนนี้เพชรมันกำลังลำบากเพราะฝ่ายนั้นจะแบล็กเมล์มัน”ผมจิบน้ำก่อนขมวดคิ้ว
“แบล็กเมล์เหรอ”ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวเท่าไหร่
“ก็ก่อนที่ไอ้เพชรจะเข้าวงการ ไอลีนช่วงนั้นดังมากและคั่วกับฉันอยู่ แล้วทีนี้ตอนนั้นเพชรมันก็สนใจอยากเข้าวงการบันเทิง ไอลีนรู้เข้าก็อยากช่วยดันเพชร แล้วช่วงนั้นฉันก็มีปัญหากับยัยนั่นพอดีก็เลยเลิกกับไอลีนไป แล้วจากนั้นไอ้เพชรก็ได้ถ่ายแบบกับไอลีนจนมีแมวมองจากค่ายแมกซ์สนใจไอ้เพชรและดึงมันไปเป็นเด็กในสังกัด”ภาคินเล่าให้ฟัง ผมพยักหน้าไปด้วย เริ่มเข้าใจเรื่องราวลางๆ ผมเห็นร่องรอยความกังวลในน้ำสียงของมัน
“ตอนนี้ฝ่ายนั้นไม่มีอะไรจะเสีย และไอลีนตั้งใจจะแฉทั้งเรื่องของไอ้เพชรและก็เรื่องของฉัน”
“เรื่องที่นายเคยคั่วกับเธอน่ะเหรอ”
“แต่ฉันไม่คิดว่าเธอจะพูดแค่นั้นน่ะสิ มองจากภายนอกถ้าเรื่องนี้หลุดไปล่ะก็มันก็จะดูเหมือนไอลีนช่วยดันทั้งฉันทั้งไอ้เพชร”
“ดันแบบไหนเหรอ”ผมถามน้ำเสียงล้อเลียน อันที่จริงก็พอจะรู้ลางๆ ไอ้ภาคินรีบพูดขึ้นมาทันที
“ฉันไม่อยากให้นายเข้าใจผิด ไอลีนไม่ได้ช่วยดันฉัน เอ่อ ถึงจะดูไม่น่าฟังเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วฉันต่างหากที่ช่วยดันเธอ”ภาคินขยี้ผมอย่างว้าวุ่นใจจะอย่างไหน ผมก็แอบสะเทือนใจเล็กๆอยู่ดี แต่ก็นะ…เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว แถมก็เกิดขึ้นนานหลายปีแล้วด้วย ไม่คิดเหมือนกันว่าพี่เพชรจะเข้าวงการเพราะพี่นาวแบบแซ่บช่วยดัน ถ้าเป็นข่าวออกไปล่ะก็แซ่บแน่ๆ และที่สำคัญเรื่องนี้อาจจะกระทบกับงานเพลงและภาพลักษณ์ที่เริ่มดีขึ้นของภาคินแน่ๆ
“นายกังวลว่าจะมีเรื่องฉาวอีกงั้นเหรอ”เพราะที่ผ่านมาผมก็ไม่เห็นว่ามันจะกังวล ออกจะชอบด้วยซ้ำ
“ตัวฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว นายก็รู้ว่าฉันแคร์ที่ไหน แต่เรื่องนี้มีไอ้เพชรเข้ามาเกี่ยวด้วย มันเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของฉัน …นายคงนึกภาพออกนะว่าถ้ามีข่าวแย่ๆของมันออกไป ไอ้เพชรจะเสียหายมากทีเดียว”นั่นสิ เทพบุตรสุดหล่อ พระเอกหนุ่มผู้โด่งดังดันมีประวัติเสียๆแบบนี้
“แล้วนายจะทำยังไง”
“คือไอลีนได้ยื่นข้อเสนอมาให้ฉันกับไอ้เพชรเพื่อแลกกับการไม่พูดเรื่องนี้”
“เธอต้องการให้ฉันกับไอ้เพชรไปถ่ายแบบชุดว่ายน้ำกับเธอ”
“อ้อ”ผมอมยิ้ม ก็เป็นที่รู้ๆกันว่าไอลีนเป็นนางแบบที่ขายความเซ็กซี่ ผมนึกภาพออกเลยว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ผมว่ามันคงกระตุ้นยอดขายได้แน่ๆ
“แล้วนายว่าไง”
“อะไร ว่าไง”
“ก็เรื่องที่ฉันต้องถ่ายแบบกับยัยนั่นไง”
“ก็ไม่ว่าอะไรนี่ ขอบใจที่มาบอกฉันเรื่องนี้นะ”
“ฉันไม่อยากปิดนาย ฉันพูดแล้วก็สบายใจ เห็นไหมฉันเป็นคนดีจะตาย”
“หลงตัวเองไปรึเปล่า”ผมยกยิ้มมองมัน ชมตัวเองก็เป็น ภาคินไหวไหล่ ก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้ๆ
“อีกสองวันจะมีการถ่ายแบบ นายจะไปกับฉันไหม”
“ไปสิ”ผมตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด เรื่องอะไรผมจะต้องให้ภาคินไปคนเดียว คราวนี้คนร่วมงานคือไอลีนสาวแซ่บ ผมคงปล่อยให้มันไปคนเดียวไม่ได้หรอก ใครจะรู้ไอลีนอาจจะพยายามจุดถ่านไฟเก่าให้ภาคินก็ได้ ถึงคราวที่ผมต้องเป็นเสือบ้างแล้ว
“คิดอะไร ทำหน้าตาตลก”
“หืม เปล่านี่”ผมปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะนึกถึงเรื่องพี่มิวขึ้นมา
“เออ จะว่าไปผู้จัดการส่วนตัวนายเขารู้เรื่องงานนี้รึเปล่า”พี่มิวค่อนข้างจะจู้จี้จุกจิกเรื่องแบบนี้เสียด้วย ภาคินทำหน้าเบื่อหน่ายขึ้นมาทันที
“ค่อยบอกทีหลังก็ได้”
“เดี๋ยวก็เป็นเรื่องขึ้นมาอีกหรอก”ผมเอ่ยปราม ถึงจะมีเรื่องผิดใจกันมาก่อน แต่นี่เป็นเรื่องงาน แต่ก็นะ…ภาคินคงไม่ชอบใจหรอก
ถ้าหากผมไปพุดเหมือนสอนมัน ผมก็เลยเลือกที่จะเงียบดีกว่า
“ก็สนุกดีออก บอกแล้วว่าฉันโรคจิต”มันไหวไหล่ ผมเม้มปาก ลังเลใจว่าจะถามเรื่องนี้ออกไปดีไหม เหมือนภาคินมันสังเกตท่าทีของผมได้
“มีอะไรจะพูดรึเปล่า”
“ก็…ฉันแค่คิดน่ะ สมมุติว่าเรื่องที่นายเคยคบกับพี่มิวถูกเปิดเผย คงจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่”ยิ่งตอนนี้พี่มิวเป็นผู้จัดการส่วนตัวของไอ้ภาคินด้วยแล้ว การจะเล่นประเด็นฉาวๆก็เป็นไปได้ง่าย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ทางนั้นก็ห่วงหน้าห่วงตาตัวเองเหมือนกัน ส่วนมากมีคนรู้แค่ไม่กี่คน ทางนั้นก็ออกจะลำบากกว่าจะไต่เต้าขึ้นมาเป็นผจก.ได้ก็เสียแรงเสียเหงื่อไปไม่ใช่น้อย”น้ำเสียงของมันออกแนวประชดประชันเต็มพิกัด
“นายเชื่อข่าวลือเรื่องพี่มิวเหรอ”ผมตัดสินใจพูดขึ้นมา ภาคินมุ่นคิ้วหันมามองหน้าผม
“ข่าวลือ…แบบไหนล่ะ”คนตรงหน้ายกยิ้มขึ้นมา เห็นสีหน้าภาคินแล้วผมก็พูดไม่ออก เกรงมันนิดๆ
“ก็…ฉันได้ยินมาว่าพี่เขาได้เลื่อนขั้นมาเพราะเฮียเปรม”
“หึ จะจริงหรือไม่จริง ฉันก็เชื่อ เพราะมันทำให้ฉันสบายใจที่ได้เกลียดเขา”ผมมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่สบายใจนัก ภาคินมันเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้เลยเหรอ ผมเองก็ไม่มีสิทธิพูดอะไรมากเพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาค้างคาของมันกับพี่มิว ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะเข้าไปแทรกแซงได้ ภาคินมันก็โตแล้ว ผมคงทำได้แค่คอยดูเขาอยู่ห่างๆ
☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉
ช่วงนี้ผมใจจดใจจ่อกับข่าวบันเทิงมากกว่าปกติ ผมกลัวว่าจะมีข่าวไม่ดีๆเรื่องภาคินกับพี่เพชรออกมาให้ช็อควงการ แต่ก็โล่งอกที่ไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น ผมมัวแต่จดจ่อเรื่องคนอื่นจนบางที…ก็ลืมเรื่องของตัวเองไปซะสนิท
กลุ่มแอนตี้ของผมเริ่มผนึกกำลังอย่างดุเดือด มันถึงจุดร้อนเพราะคลิปและรูปถ่ายบางส่วนที่เด็กวัยรุ่นที่สนามบินกลุ่มนั้นเอาลงโซเชี่ยลและถูกแชร์กันว่อนเน็ต ราวกับไฟลามทุ่ง เพราะฉะนั้นวันนี้ที่รถฟีโน่น้อยกลอยใจของผมจึงเต็มไปด้วยข้อความโจมตีและของขวัญจากผู้ไม่หวังดี ไอ้เชษถึงกับปรี๊ดแตกเมื่อเห็นสภาพรถของผม
“ใจเย็นน่า”
“เย็นได้ไงวะ ดูนี่ ลามไปถึงแม่มึงเลยนะเว้ย”มันชี้ไปที่ข้อความหนึ่งที่ถูกปากกาเมจิกสีแดงเขียนไว้
“เออน่า กูเห็นแล้วไว้ค่อยจัดการทีหลัง”
“จัดการยังไงวะ ยามแถวนี้ไม่เห็นเหตุการณ์รึไงว่าใครเป็นคนทำ”ไอ้เชษยังเดือดไม่หาย ผมไม่ใช่นางเอกที่ยอมคนเหมือนในหนังในละครอะไรหรอก แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะชินกับอะไรพวกนี้แล้วจึงไม่ค่อยขวัญเสียเหมือนแต่ก่อน เพราะคลิปนั้นถูกตัดออกเหลือแต่ช่วงที่ผมกับพี่เพชรเข้าไปตักเตือนมันก็เลยทำให้ผมดูแย่หน่อยๆ
ส่วนทางด้านเพชรนั้นก็คงโดนโจมตีบ้างล่ะมั้ง โทษฐานที่ใจร้อน พยายามแย่งโทรศัพท์ไปจากมือเด็กคนนั้น
“มึงไปแจ้งความไว้ก่อนดีไหม”ไอ้เชษพูดขึ้น
“แจ้งไปก็ไม่มีอะไรหรอก เชื่อกูเถอะ ตราบใดที่ไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย กูก็ปล่อยไปก่อน”แต่ผมคิดว่าคงไม่มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นหรอก
“เออมึงรู้ไหม พวกแม่งนั่งเทียนเขียนข่าวกันใหญ่ สงสัยว่าไอ้เพชรไปเจอกับมึงที่สนามบินได้ไง มึงไม่ต้องห่วงนะ ถ้าข่าวไหนบิดเบือทำให้มึงแย่มากๆกูจะให้พ่อกูฟ้องให้หมด”ไอ้ปอยโพล่งขึ้นมาอย่างอินจัด
“ขอบใจว่ะ”โชคดีที่ผมมีเพื่อนดีๆแบบพวกมัน ผมก็เห็นประเด็นที่นักข่าวพยายามจะเล่นว่าผมกับเพชรมีซัมติงกัน ซึ่งมันก็ตลกเอามากๆเพราะคนที่พี่เพชรไปหาไม่ใช่ผมแต่เป็นไอ้ภาคินต่างหาก
“ว่าแต่ในคลิปนั่น มึงไปเจอกับมันได้ไงวะ”ไอ้บอร์ทช่างสงสัยถามขึ้นมา
“พี่เขาไปหาไอ้ภาคิน”ผมไขความกระจ่างไปให้มันแค่นั้น เพราะโทรศัพท์สั่นครืดๆอยู่ในกระเป๋า ผมแปลกใจที่เห็นไอ้ภาคินโทรมา
“ว่าไง”
[ฉันเพิ่งเห็นข่าวนาย ไม่คิดว่าพวกนักข่าวจะเล่นประเด็นนี้] น้ำเสียงมันดูโกรธ ผมไม่คิดว่ามันจะโมโหกับเรื่องชวนหัวเราะแบบนี้
“ก็แบบนี้แหละ นักข่าวจะเขียนอะไรก็เขียนได้”
[เหอะ คิดจะทำให้ฉันกับไอ้เพชรทะเลาะกันล่ะสิ]
“ไม่ต้องหงุดหงิดไปหรอกน่า ข้าวไร้สาระ”
[ก็รู้ว่าไร้สาระ แต่นายไปเจอกับไอ้เพชรตอนไหน] ผมขมวดคิ้ว นี่มันความจำเสื่อมหรือแกล้งโง่กันแน่เนี่ย
“เอ้า ก็วันนั้นที่สนามบินไง พี่เพชรเขาเห็นนักข่าวเยอะเลยมาหลบในร้านก่อน ก็แค่นั้น”
[เรื่องนั้นฉันรู้น่า] น้ำเสียงมันหงุดหงิด
“แล้วเรื่องไหนล่ะ”ผมพูดเสียงนุ่มใส่มัน พยายามไม่หงุดหงิดตามมันไปด้วย จู่ๆก็เป็นบ้าอะไรของมันวะ ผมหันหน้าหนีสายตาสอดรู้ของเพื่อน
[ก็ที่นายขึ้นรถไปกับเพชรมันไง] ผมยิ่งงงหนักเข้าใหญ่สรุปมันคุยเรื่องเดียวกันกับผมหรือเปล่าวะ
“เดี๋ยวนะ นี่พูดถึงเรื่องไหน”
[มีหลายเรื่องเหรอ]
“ภาคิน”ผมทำเสียงดุ ได้ยินเสียงมันถอนหายใจ
[ขอโทษ พอดีฉันหงุดหงิดนิดหน่อยกับข่าวนี่]
“ข่าวไหน”ผมไม่แน่ใจว่ามันคุยถึงข่าวไหน
[อ้าว ยังไม่เห็นเหรอ]
“ยัง เพิ่งรู้ก็ตอนที่นายมาโวยวายใส่เนี่ยล่ะ”มันเงียบไปอีก
[ก็…มีรูปหลุดที่นายไปกับไอ้เพชร ขึ้นรถตู้ไปด้วยกัน ไปส่งนายที่บ้านไง มันรู้จักบ้านนายด้วยเหรอ] ผมนึกอยู่นานว่ามันเรื่องไหนกันแน่ ที่แท้ก็เมื่อตอนที่ผมไปดูภาคินออกงานที่ห้างแล้วเจอกับพี่เพชรเข้าพอดี
“อ้อ ก็ไม่มีอะไรหรอก บังเอิญเจอกันแล้วพี่เขาก็ไปส่ง ทำไม นายคิดมากเหรอ”ผมคิดว่าเรื่องประเด็นมือที่สามหรือหักหลังคงเป็นประเด็นอ่อนไหวกับภาคิน
[ก็…เปล่า] มันเงียบไปนานกว่าจะตอบ
“นี่บอกไว้เลยนะ อย่าคิดอะไรบ้าๆแบบนั้น เป็นคนบอกฉันเองแท้ๆว่าอย่าเชื่อข่าวซุบซิบ กลับมาเป็นเองซะงั้น นายอยู่ในวงการมานานนายก็น่าจะรู้ดีนี่ คราวหน้าคราวหลังก็ถามไถ่ก่อนจะโวยวายรู้ไหม--”แต่ผมยังไม่ทันพูดสิ่งที่คิดอยู่ในหัวดี สายก็ตัดไปเสียก่อน
อะไรนะ มันตัดสายผมเหรอ!ผมจ้องโทรศัพท์อย่างมึนงง ผมกดโทรไปอีกครั้งก็ไม่ติด ผมก็เลยส่งข้อความเสียงไปเทศน์มันแทน
ผมอารมณ์บูดตลอดวัน ไม่ใช่เพราะมันมาโวยวายเรื่องข่าวไร้สาระ แต่เพราะมันกล้าตัดสายผมทั้งๆที่ผมยังพูดไม่จบต่างหาก จนสามทุ่มกว่ามันถึงโทรมาหาผม ผมปล่อยให้มันโทรไม่ติดไปหนึ่งครั้ง กะจะดัดนิสัยมันโดยการตัดสายมันทิ้งบ้าง แต่ผมก็ไม่ชอบให้อะไรมันค้างคาอยู่แล้วก็เลยรับสายเมื่อมันโทรมาเป็นครั้งที่สอง
“กล้าตัดสายฉันเหรอ ภาคิน นายทำฉันโกรธนะรู้ตัวไหม”
[โทษที แบตหมด แล้วก็มีงานต่อพอดีเลยไม่ได้โทรตอนนั้น ใจเย็นๆน่า เมฆ] มันทำเสียงอ่อน ผมสูดลมหายใจลึกๆ
“นายฟังถึงตอนไหน”
[อะไรตอนไหน] เสียงมันงุนงง
“ก็ที่ฉันบ่นนายไปไงก่อนที่สายจะตัดไง”ผมยังพูดไม่จบเลย
[อ้อ…] ภาคินหัวเราะแห้งๆ
“อยากฟังอีกไหม”
[น่า…พี่ขอโทษ พอดีพี่หงุดหงิดเพราะนอนไม่พอเห็นข่าวนี้เลยปรี๊ด] ผมถอนหายใจ
“อืม นี่ถามจริงไม่เชื่อใจน้องเมฆคนนี้เหรอ”ผมแกล้งทำเสียงอ่อนใส่มันบ้าง
[หืม ฉันเชื่ออยู่แล้ว แต่บางทีฉันก็ห้ามตัวเองไม่ได้ หายโกรธนะ]
“ก็ไม่ได้โกรธอะไรมากหรอก แล้วนี่เลิกงานแล้วเหรอ”
[ยังน่ะ แต่ฉันกลัวนายจะโกรธเลยโทรมาก่อน]
“เออน่า ฉันไม่ได้โกรธแล้ว ไปทำงานเถอะ สู้ๆล่ะ”
[อย่างนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย แล้วจะหลับยัง]
“ยัง อีกพักหนึ่ง”
[อย่านอนดึกนะ งั้นก็ฝันดีล่วงหน้าล่ะ]
“ฝันดี”
ผมวางสายก่อนจะมองโทรศัพท์อยู่นาน พรุ่งนี้แล้วสินะที่ภาคินต้องไปถ่ายแบบกับไอลีน น่าติดตามจริงๆ
ตอนเช้าภาคินมารับผมด้วยรถตู้ของบริษัท ผมอึดอัดกับสายตาของพี่มิวเล็กน้อยแต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะภาคินมันประชดให้ผมใส่แว่นตากันรังสียูวี
…ในรถ
ซึ่งทำให้พี่มิวไม่พอใจอยู่เหมือนกัน แต่พี่แต้วช่างแต่งหน้าคนสวยหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ
“ไอ้เพชรมึงมาถึงยัง”ผมสังเกตว่าน้ำเสียงของภาคินบั้นบึ่งเล็กน้อย
“เออ เป็นไง หนาวเลยสิ หึๆ สมน้ำหน้า”แล้วภาคินก็วางสายด้วยท่าทางสดชื่น ผมเกาะติดพี่แต้วไว้ไม่ห่าง ส่วนพี่มิวก็วุ่นวายอยู่
กับภาคิน ผมก็ทั้งสงสารและสะใจปนกันที่พี่เขาคุมไอ้ภาคินตัวร้ายไม่ได้เสียที
“เราตกลงกันแล้วไง”
“ตกลงตอนไหน ไม่เห็นจะจำได้เลย”ภาคินทำหน้าใสซื่อกวนประสาท
“ภาคิน พี่ขอร้อง อย่าทำตัวเป็นเด็กได้ไหม นี่มันเรื่องงานนะ”ภาคินหัวเราะและเดินลอยชายไปหาพี่เพชรที่กำลังแต่งหน้าบางๆอยู่ ตอนนี้ผมยังไม่เห็นแม้แต่เงาของนางแบบสาวเลย
“พี่แต้วรู้จักพี่ไอลีนไหมครับ”ผมแอบเลียบๆเคียงๆถาม
“ไม่ค่อยคุ้นนักหรอกค่ะ แต่เจ้าคินคบด้วยช่วงนึง พี่ว่าก็ไม่น่าจะใช่คนเลวร้ายอะไร นั่นไงมาแล้ว”พี่แต้วกระซิบบอกผม
“สวัสดีค่ะ ทุกคน”ไอลีนเดินเข้ามาในสตูอย่างกระฉับกระเฉง ผมแอบชื่นชมกับหุ่นเซ็กซี่นั้น ขาเรียวยาว เอวคอด เป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง สายตานั้นกวาดปราดมามองผมก่อนจะฉีกยิ้มซุกซนมาให้
“ว่าแล้วเชียวว่าคินต้องพาแฟนมาด้วย”เธอเดินมาทำความรู้จักกับผม ภาคินที่กำลังวุ่นวายกับช่างแต่งหน้าหันมามองผมบ่อยๆ
“สวัสดีจ๊ะ พี่ชื่อไอลีน เรียกว่าพี่ไอเฉยๆก็ได้นะ น้องเมฆ”
“ครับ พี่ดูดีกว่าที่ผมคิดซะอีก”ผมพูดจากใจจริง นางแบบสาวยิ้มอย่างภูมิใจ
“แน่นอน พี่สวยเสมอแหละค่ะ ถึงพี่จะตกกระป๋องแล้วก็เถอะ อันที่จริงหลายๆคนชอบคิดว่าพี่เป็นสาวมั่น สาวแรง แต่นั่นก็แค่คอนเซ็ป ตัวจริงพี่ออกจะเฟรนลี่ ถ้าเมฆไม่เชื่อล่ะก็ พิสูจน์ได้นะ”พี่ไอลีนขยับตัวเข้ามาหาผมพร้อมเสียงหัวเราะ ผมรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มบริเวณแขนของผม
“ดูสิ มองตาถลนเชียว”พี่ไอลีนเหลือบมองภาคินด้วยสีหน้านึกสนุก
“เมฆไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าถ่านไฟเก่าจะลุกพรึบ ภาคินเป็นพวกไม่กินของเก่า แล้วพี่ก็เบื่อเขาแล้ว รู้ไว้นะว่าเขาน่ะร้ายกาจ”ผมได้แต่ยิ้ม พยายามงัดแงะตัวเองออกมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย และจู่ๆแววตาของเธอก็เปล่งแสงวิบวับ
“คือไอมีข้อเสนอน่ะค่ะ คิดว่าพี่ๆต้องสนใจแน่ๆ”นางแบบสาวเดินไปกลางสตูดิโอ ภาคินกับเพชรขมวดคิ้วมุ่นเหมือนจะรู้ว่ามีอะไรผิดปกติ
“ไออยากถ่ายคู่กับเมฆด้วย”ผมทำตาโตทันที
“ไม่ได้!”และเสียงเข้มของภาคินก็ดังก้องทั้งห้อง
“ไอว่าน่าสนใจออก”ทีมงานหลายคนดูเหมือนจะเออออตามด้วย แต่ก็มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วย
“นี่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง”พี่เพชรพูดขึ้นมา
“ก็เพิ่มเข้าไปสิ น้องเพชรไม่พอใจตรงไหนเหรอคะ”พี่ไอลีนหันไปหาพี่เพชร แน่นอนว่าพี่เขาจะมีปัญหาอะไรได้ พี่เพชรไม่มีทางคัดค้านเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว พี่เขาดูลำบากใจ
“ผมนี่แหละที่ไม่พอใจ พี่ไม่ใช่นางแบบดังที่จะเรียกร้องนู่นนี่ได้ หวังว่าพี่คงเป็นมืออาชีพพอที่จะทำตามข้อตกลงนะครับ”ภาคินพูดขึ้นมาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น คนภายนอกอาจจะคิดว่าพูดกันถึงสัญญาเรื่องถ่ายแบบ แต่ความจริงมันไม่ใช่
“ขอโทษนะครับ คือผมไม่ได้สนใจเรื่องถ่ายแบบ พี่อย่าดึงผมไปเป็นตัวถ่วงเลยครับ”ผมพูดขึ้นมาบ้าง พี่ไอลีนฉีกยิ้มให้ผม ความจริงแล้วผมว่าเธอแค่พูดเล่นเอาสนุก แต่ไม่คิดว่าภาคินมันจะจริงจังขนาดนี้ ผมเองยังตกใจเสียงตะคอกของมันเลย
“โอเคค่ะ ไอแค่ลองเสนอดูก็เท่านั้นเอง”พี่ไอลีนไหวไหล่ก่อนจะไปนั่งที่เก้าอี้เตรียมแต่งหน้า ภาคินถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
“ยัยนั่นเหมือนจะกินน้องเมฆเลยนะคะ สงสัยจะอยากยั่วโมโหภาคิน”พี่แต้วที่นั่งอยู่ข้างๆผมพูดขึ้นมา และพี่เขาก็ทำได้ผลซะด้วย เพราะภาคินหน้าบูดมากกว่าเดิมและเริ่มอารมณ์เสียเร่งให้การถ่ายเริ่มเร็วๆ
สตูดิโอจัดฉากเสร็จเรียบร้อยและพี่ไอลีนที่อยู่ในชุดน้อยชิ้นก็ยืนอยู่ระหว่างหนุ่มหล่อสองคนที่พยายามปั้นหน้าตามคอนเซ็ป แต่ผมเห็นว่าภาคินมันหงุดหงิดมากเพียงไหน พี่เพชรก็ออกจะเงียบกว่าปกติ อาจจะเพราะว่าเป็นเพราะพี่ไอลีนก็ได้
ผมนั่งตัวเกร็ง ภาวนาให้การถ่ายแบบนี่เสร็จเสียที เพราะรู้สึกว่างานนี้ภาคินมันเปลืองตัวเอามากๆ อาการหวงเริ่มมาทักทายผม
“เสร็จรึยัง”ผมถามเมื่อภาคินเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆผม ท่าทางเหนื่อยๆ
“ใกล้แล้ว”
“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”ผมถามเสียงตกใจ ภาคินหัวเราะเบาๆ
“ล้อเล่น เสร็จแล้ว เป็นไงฉันร้อนแรงไหม”ผมเหลือบมองมันทันที มันกำลังใช้สายตาแผดเผาผมอยู่
“ก็งั้นๆ”ผมรีบเบนสายตาไปทางอื่น พี่ไอลีนกำลังเดินมาทางนี้
“หวัดดี ภาคิน ต้องล่ำลากันแล้วสิ แย่จัง ครั้งนี้ฉันสำนึกในน้ำใจของคินมากเลย ขอบคุณ”พี่ไอลีนพูดด้วยน้ำเสียงจิกกัด จิกตามองภาคินที่หัวเราะหึ
“หวังว่าจะหายแล้วต่อกันนะ ผมไม่อยากเจอพี่บ่อยนักหรอก”พี่ไอลีนยังยิ้มกว้างรับคำพูดของภาคิน
“ถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน ดูแลเมฆดีๆล่ะ อย่าให้มีเหยี่ยวมาคาบไปกิน พี่เป็นห่วงนะ ไม่อยากให้คินต้องช้ำกับเรื่องเดิมๆ”ภาคินยกยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ แต่พี่เอาเวลาไปห่วงตัวเองดีกว่า”
“เห็นไหมว่าเขาน่ะร้ายกาจ”พี่ไอลีนหันมายิ้มแล้วขยิบตาให้ผมก่อนจะเดินตามผู้จัดการออกไปสวนกับพี่เพชรที่มีสีหน้าโล่งอกขึ้นเยอะ
นิตยสารฉบับนี้ต้องขายดีแน่ๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่เพชรถ่ายแบบแนวเซ็กซี่เปลือยอกแบบนี้ เพราะอย่างนั้นผมเลยไม่ปฏิเสธเมื่อพี่ทีมงานถามผมว่าอยากได้เก็บไว้สักเล่มไหม ทางทีมงานจะจัดส่งไปให้
“จะเอาเก็บไว้ทำไม”ภาคินถามเสียงขุ่น
“เอ้า ก็อยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกไง”
“เหอะ”มันเหมือนอามรมณ์เสียกับอะไรสักอย่าง
“ทำไม ฉันเก็บไว้ไม่ได้เหรอ ผลงานของนายเชียวนะ”ภาคินไม่ตอบแต่เดินไปรอในรถตู้ก่อนคนแรก ผมได้ยินพี่แต้วกระซิบกระซาบทีเล่นทีจริงกับพี่เพชรว่า ภาคินมันหงุดหงิดที่พี่เพชรหุ่นดีกว่ามัน ไม่ว่าภาคินมันจะหงุดหงิดอะไร แต่ผมจะไปบอกมันว่า ตอนที่ถ่ายทำผมมองแต่มันคนเดียวนี่ล่ะ ภาคินนี่น้องๆของไอ้บอร์ทชัดๆ โตแต่ตัว
TBC.
ตอนหน้าเป็นพาร์ทของภาคิน และจะมีเรื่องของเจน-ปอยแทรกมาเล็กน้อย
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ป.ล.มาม่ามีไม่เยอะ