20
คุณหล่อ ดูดี ยิ้มร้ายๆ ของคุณทำให้ผมใจสั่น
คุณเพอร์เฟ็กต์ที่สุดสำหรับผมเลย
พิธีหมั้นเรียบง่ายผ่านไปหลังจากที่หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดสวมแหวนจองตัวหม่อมหลวงจิรา แหวนสีเงินวับวาวที่ฝังเพชรเม็ดเล็กรอบแหวนวงนั้นที่สวมนิ้วนางข้างซ้ายของเอ็นดู เป็นแหวนวงเดียวในโลกจากแบรนด์ Cartier
ที่บอกว่าเป็นวงเดียวในโลกเพราะด้านในของแหวนสลักคำว่า P’ Prod ♥ N-Doo
พร้อมกับจดหมายรักฉบับเล็กที่คุณชายเขาแอบหย่อนใส่กระเป๋าสูทของเอ็นดู แต่คนที่ได้รับจดหมายยังไม่เปิดอ่าน เพราะรู้ว่าถ้ารีบเปิดต่อหน้าผู้ใหญ่ตัวเองอาจจะซ่อนแก้มแดงๆ ไว้ไม่ได้
ของหมั้นที่หม่อมราชวงศ์ให้กับเอ็นดูมีอยู่แค่สองอย่าง อย่างแรกคือแหวนที่เอ็นดูสวมอยู่ตอนนี้...ส่วนอย่างที่สองคือใบโฉนดที่ดินตัวจริงบนเขาใหญ่ที่อยู่ห่างจากวังวงศ์ประดิษฐ์หลายกิโลเมตร จำนวนพื้นที่ทั้งหมดที่ระบุไว้ในโฉนดก็...หนึ่งพันห้าร้อยไร่
สินหมั้นแค่สองอย่างแต่มูลค่านับร้อยล้านที่คุณชายมอบให้คู่หมั้นไม่เท่ากับหัวใจทั้งดวงที่เอ็นดูมอบให้ทรงโปรดดูแล ต่อจากนี้พวกเขาเป็นเสมือนคนเดียวกันที่ต้องคอยแบ่งทุกข์แบ่งสุขไปเรื่อยๆ
ครอบครัวภัสร์ฤทัยและวงศ์ประดิษฐ์ร่วมทานอาหารเช้าด้วยกันหลังจากที่ทำพิธีหมั้นเสร็จแล้ว เป็นเช้าแรกในชีวิตที่เอ็นดูรู้สึกอิ่มทั้งที่แตะอาหารไปแค่นิดเดียว พอถูกคู่หมั้นตัวสูงถามว่าทำไมถึงกินเลยบอกเขาไปตามตรงว่าอิ่ม...แล้วคู่หมั้นของเอ็นดูก็สรุปอาการให้ง่ายๆ
‘สงสัยอิ่มความสุข’
‘ไม่คิดว่าเมื่อคืนผมอาจจะกินจนอิ่มถึงเช้าบ้างเหรอครับ’
‘ดูหน้าก็รู้ เรามีความสุขที่ได้หมั้นกับพี่จนกินอะไรไม่ลง’
อือ ก็ตามที่เขาพูดเลย ในเมื่อหน้าของเอ็นดูแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นจนถูกจับได้แล้วจะปฏิเสธไปทำไม เอ็นดูเป็นอย่างที่ทรงโปรดบอกจริงๆ อิ่มสุขจนแทบสำลักแล้วเนี่ย
พอเสร็จพิธีหมั้นในช่วงเช้า หม่อมราชวงศ์ภูมินทร์และน้องชายของเขาก็ขอตัวกลับกรุงเทพฯ คนพี่น่ะมีคนไข้ต้องไปผ่าตัด ส่วนคนน้องที่คุ้นเคยกับคุณแม่ของเอ็นดูก็ตามพี่ชายไปติดๆ เพราะไม่มีธุระอะไรแล้ว
ส่วนคนอื่นๆ น่ะยังอยู่กินลมชมวิวของเขาใหญ่ และพักอยู่ในรีสอร์ตของหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดที่อยู่ใกล้ๆ กับวังวงศ์ประดิษฐ์นี่เอง
“ขับรถดีๆ นะคะชายโปรด แถวนี้พอฝนตกแล้วถนนมันลื่น” คุณนภัสราลูบไหล่ทรงโปรดเบาๆ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฝนไม่ได้ตกลงมาเหมือนเมื่อคืนก็ตาม บรรยากาศครึ้มๆ อากาศดีแบบนี้ถนนก็ยังลื่นอยู่ดี
“ครับคุณแม่ ผมกับน้องขอตัวก่อนนะครับ อาจจะกลับมาอีกทีค่ำๆ เลย”
“ตามสบายเลยค่ะลูกๆ รักษาเนื้อรักษาตัวกันด้วยนะคะ”
คู่หมั้นข้าวใหม่ปลามันยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ยืนรอส่งอยู่หน้าวัง หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดมองน้องที่นอบน้อมพลางยกยิ้ม ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันกี่เดือน สิ่งที่ครอบครัววงศ์ประดิษฐ์พร่ำสอนเอ็นดูยังฝังลึกอยู่ในตัวน้องจนทำให้ครอบของเขาเกิดความประทับมากมาย
ทรงโปรดกุมมือขาวของน้องแล้วเดินตรงไปยังเบนซ์คันหรูสีดำคุ้นตาพร้อมกัน ก่อนที่คุณชายจะชะลอเท้าแล้วแสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าครอบครัวโดยการเปิดประตูให้น้องเข้าไปนั่ง
“ขอบคุณครับ”
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดไม่ได้ทำดีเอาหน้าผู้ใหญ่ แต่มันเป็นปกติของทรงโปรดที่มักจะเปิดประตูให้เอ็นดูเข้าไปนั่ง และเป็นคนเดียวที่เขาทำแบบนี้ให้
“เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นจูบสักห้านาทีดีกว่า”
“คุณนี่ก็เยอะตลอดเลย”
เขาไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่เข้ามาพูดให้ได้ยินกันแค่สองคนในรถหรูคันนี้ แถมยังยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ให้อีกต่างหาก
“ตอนแรกจะเอาสักสิบนาที”
“เว่อร์แล้วคุณ จูบอะไรตั้งสิบนาทีครับ”
สมใจเขาแล้วที่ทำให้เอ็นดูขมวดคิ้วได้ เพราะตอนนี้คุณชายทรงโปรดนั่งหัวเราะไหล่สั่นอยู่ในรถปล่อยให้เอ็นดูนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว
“ความเชื่อบ้านเราน่าสนใจดี หมั้นเสร็จแล้วก็ให้ขับรถเที่ยวได้ด้วย” เขาพูดตอนที่หักพวงมาลัยออกจากรั้วของวัง ทรงโปรดขับรถผ่านสนามหญ้า ผ่านหน้ารีสอร์ตหรูที่เขาเป็นเจ้าของโครงการ
“ถ้าไม่โอเคบอกได้เลยนะครับ เผื่อคุณอยากพักผ่อนมากกว่า”
“ของชอบเลยแบบนี้ จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน”
เอ็นดูลู่ไหล่ลงพร้อมกับคลี่ยิ้ม นึกว่าเขาจะอึดอัดกับธรรมเนียมความเชื่อเก่าแก่ของวงศ์ประดิษฐ์ที่เมื่อเสร็จสิ้นพิธีหมั้นหรือพิธีสมรสแล้วต้องพากันขับรถออกจากวังไปที่ไหนสักที่เพื่อความยืนยาวของชีวิตคู่ที่ต้องใช้ร่วมกัน
“ถ้าอย่างนั้นพาผมไปหาคุณพ่อได้มั้ยครับ”
“พาพี่ไปเปิดตัวใช่มั้ย”
“ใช่ครับ ให้คุณพ่อสแกนว่าคุณโอเคหรือเปล่า ถ้าไม่โอเคก็ให้ท่านหักคอคุณเลย”
ทรงโปรดหัวเราะให้กับปากจิ้มลิ้มที่ยู่ๆ ยื่นๆ ตอนพูด เอ็นดูใส่อารมณ์บนหน้าจนเขายิ้มกว้าง สาบานได้ว่าไอ้ท่าทางน่ารักๆ เหมือนเด็กแบบนี้เอ็นดูต้องไม่เคยทำให้ใครเห็น ก็แหม หม่อมหลวงจิราคีพลุคเก่งจะตาย
“เอ็นดู”
“ครับ” ขานรับพร้อมส่งยิ้มระรื่น เอ็นดูไม่ได้นั่งหันหน้ามองทางตรงๆ แต่กลับหันมาทางขวาเพื่อมองเจ้าของรถคันนี้แทน
“ดีใจมั้ยที่ได้หมั้นกับพี่”
ทรงโปรดมองคนข้างกายที่นั่งหลังตรงเป็นตุ๊กตาหน้ารถ ขณะที่เอ็นดูนั่งลูบแหวนหมั้นสีเงินพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า
“จะพูดยังไงดีครับ...ผมไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้”
ต่อให้เคยมีแฟนมาแล้วก็ตาม แต่ไม่มีใครพิเศษเท่าหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดเลยสักนิด คนที่เข้ามาค้นใจจนเจอความลับหลายๆ อย่างที่เอ็นดูซ่อนเอาไว้ ทรงโปรดคือคนที่ทำให้เอ็นดูทะลักทุกความรู้สึกออกมาอย่างไม่สามารถเก็บงำเอาไว้ได้อีก
“...ผมดีใจที่ได้หมั้นกับคุณนะครับ”
“แล้วดีใจมั้ยที่ได้พี่เป็นแฟน”
“หนักใจได้มั้ยครับ”
ทรงโปรดหัวเราะ
“สาวของคุณเยอะจริงๆ เมื่อคืนผมเห็นนะ...แชตหาคุณเต็มเลย”
“อือ แต่ก็โดนจับบล็อกหมด”
“...”
“เมียพี่โหดจริงๆ หึงโหดหวงโหด”
“ม...ไม่ใช่สักหน่อย ก็โทรศัพท์คุณสั่นทั้งคืน ผมรำคาญนี่ครับ”
ถูกจับได้แต่เอ็นดูก็ไม่ยอมรับหรอก...เมื่อคืนเอ็นดูไม่ได้จะตั้งใจละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเขา แต่ตอนที่หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดเข้ามากอด มาหอม แล้วก็กกเอ็นดูไว้ในอ้อมกอดจนคุณชายเขาหลับไป แต่คนที่ยังไม่หลับก็คือเอ็นดูนี่แหละ
ไม่หลับเพราะเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงมันสั่นครืดหลายครั้ง
มั่นใจว่าไม่ใช่ตัวเองแน่ๆ พอชะโงกหน้ามองก็เห็นหน้าจอไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีแสงสว่างวาบ อือ เอ็นดูก็เลยคว้ามาเพื่อตั้งใจจะปิดสั่นปิดเสียงไปให้หมด แต่นิ้วดันพลาดไปกดเข้าอ่านแชตพวกนั้นซะได้
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดไม่ได้ใส่รหัสสำหรับล็อกเครื่องอะไรไว้เลย ตอนนั้นหน้าเอ็นดูชาวาบเพราะเมื่อเข้าหน้าแชตมันก็ขึ้น Read ให้กับคนที่ส่งข้อความเข้ามาทันที พออ่านไม่ตอบก็โดนตื๊อไง ตื๊อทั้งๆ ที่เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว
ยอมรับว่าไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบที่กดบล็อกแชตผู้หญิงพวกนั้นไป ไม่ใช่แค่คนสองคนที่ส่งข้อความมาออดอ้อนขอเจอทรงโปรด แต่ที่เอ็นดูไล่ดูแล้วกดบล็อก...น่าจะเกือบๆ สิบคนเลยละมั้ง
ฮอตจริงๆ คุณชายทรงโปรด ไม่รู้ว่าไปร่ายมนต์อะไรไว้พวกสาวๆ ถึงได้ตามตื๊อขนาดนี้
“รำคาญแปลว่าหึง”
เอ็นดูมองคนที่พูดเองเออเอง หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดยกยิ้ม บังคับพวงมาลัยรถด้วยมือขวาข้างเดียว ส่วนอีกข้างวางบนตักนุ่มๆ คอยบีบนวดคู่หมั้นที่นั่งทำปากยู่
“แล้วแต่คุณจะคิดเถอะครับ”
เพราะไม่อยากเถียงกับเขาเพราะจริงๆ แล้วเอ็นดูนั่นแหละที่ขี้หึงขี้หวงมากกว่าหม่อมราชวงศ์ทรงโปรดตั้งหลายเท่า คนที่เพิ่งถูกจับได้ว่าไปบล็อกแชตสาวๆ ในสต็อกของทรงโปรดเลยนั่งกอดอกพิงเบาะ ตาหวานๆ มองถนนเลนเดียวบนภูเขาที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ เอ็นดูสอดนิ้วไว้กับนิ้วแกร่ง บีบเบาๆ ส่งกำลังใจให้คนที่ทำหน้าที่ขับรถพาเอ็นดูไปหาคุณพ่อ
ในตอนที่คุณชายทรงโปรดกำลังตั้งใจขับรถ เอ็นดูก็นึกขึ้นได้ว่ามีจดหมายน้อยๆ ที่ทรงโปรดหย่อนไว้ในกระเป๋าสูทที่ยังไม่ได้อ่าน ระหว่างที่คุณชายเขากำลังมองทางข้างหน้าและไม่ได้หันมาสนใจคนที่นั่งข้างๆ เอ็นดูเลยอาศัยจังหวะนั้นค่อยๆ หยิบจดหมายน้อยใบสีแดงขึ้นมาเปิดอ่าน
To my N-Doo
I would love to fall asleep with you wrapped up in my arms every single night.
Baby, you literally complete me.
Love♥
พออ่านจบแก้มกลมๆ ก็แดงปลั่ง เอ็นดูยิ้มกว้างพลางหันมองคนที่เป็นเจ้าของลายมือในจดหมายน้อยฉบับนี้ คนผิวขาวกัดริมฝีปากเบาๆ เอนศีรษะซบลงบนแขนแกร่งของหม่อมราชวงศ์ทรงโปรด อ่านจดหมายในมือซ้ำไปมา แล้วหน้าก็แดงซ้ำไปซ้ำมาด้วยเหมือนกัน
รู้ว่าเขาเป็นคนหวานจนเลี่ยน...แต่ก็ไม่คิดว่าคุณชายทรงโปรดจะเขียนอะไรเลี่ยนๆ แบบนี้ให้
อือ ก็นั่นแหละ ต่อให้เลี่ยนแค่ไหนเอ็นดูก็ชอบ…
ชอบที่เขาเป็นแบบนี้ เป็นทรงโปรดที่รักเอ็นดูคนเดียว
*****
ถึงแม้ว่าเช้าวันนี้ท้องฟ้าจะไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ ออกจะครึ้มๆ เหมือนฝนเตรียมโปรยลงมา แต่คนสองคนที่ถือดอกกุหลาบหอมๆ สีขาวกันคนละดอกก็ยังคงเดินขึ้นเนินเขาเพื่อไปหาคนสำคัญของเอ็นดู
“ลืมเตรียมร่มมาเลยครับ คุณรออยู่ตรงนี้มั้ย เดี๋ยวผมวิ่งไปที่รถแป๊บหนึ่ง”
“ตามใจครับ พี่ไม่กลัวเปียก แต่กลัวเราจะไม่สบายมากกว่า”
“อืมมมม งั้นไม่ไปแล้วครับ” คนที่เปลี่ยนใจกะทันหันฉีกยิ้มกว้าง เอ็นดูแกว่งแขนข้างที่จับกับมือของทรงโปรดก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อ
“รอตรงนี้ เดี๋ยวพี่เอาร่มให้”
“คุณณณณ ไม่ไปนะครับ คุณพ่อรออยู่นู้นแล้ว”
“เดี๋ยวฝนตกแล้ว เห็นมั้ยฟ้ามืดมานู่น”
“ถ้าฝนตกคุณก็ใช้มือบังฝนให้ผมสิครับ”
เอ็นดูกัดริมฝีปาก ช้อนตามองคนตัวสูงที่ก้าวเท้าตามพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“หรือเอาสูทมาบังหัวผมไว้ก็ได้ เดี๋ยวผมซุกอยู่บนอกคุณเอง”
“คุณพ่อจะรู้มั้ยว่าลูกชายคนนี้ขี้ยั่วมากแค่ไหน”
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดบีบแก้มกลมเบาๆ เขามันเขี้ยวน้องมากอยากฟัดให้จมพื้นแต่ติดที่สถานที่นี้เป็นวัดป่าที่เงียบสงบ
“ยั่วอะไรกันครับ”
อือ ไม่ยั่วเลย
เดี๋ยวก็กัดปาก เดี๋ยวก็ซบไหล่ แล้วไอ้ตาหวานๆ ที่ชอบช้อนมองคืออะไร...นี่คือคนปกติเขาทำกันเหรอวะเนี่ย
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดยกยิ้ม เขาเร่งฝีเท้าให้เดินไปยังสถานที่ที่เอ็นดูชี้นิ้วขึ้นไปตั้งแต่ยังไม่จอดรถ ตอนนี้เห็นทรงโปรดเห็นโครงสร้างที่ทำจากหินอ่อน ทรงสูงคล้ายเจดีย์ตั้งอยู่ใกล้ๆ กุฏิของวัด เขาไม่มั่นใจว่าต้องใช้คำเรียกว่าอะไร แต่ตอนอยู่อังกฤษเขามักจะเรียกว่าสุสานของชาวพุทธ
ทรงโปรดรีบเดินไปหาคุณพ่อของน้อง ให้น้องใช้เวลาอยู่กับคุณพ่อสักพัก จากนั้นเขาคงต้องรีบพาเอ็นดูกลับวัง หรือหาที่เงียบๆ ให้พ้นจากรัศมีของวัดแล้วฟัดน้องสักทีสองที
อือ นี่แหละ คุณชายทรงโปรดจะโดนคุณพ่อของเอ็นดูหักคอก็คราวนี้
“ถึงแล้วครับ”
ชะลอเท้าเมื่อเดินมาถึงหน้าเจดีย์ที่มีรูปของผู้ชายคนหนึ่งยิ้มให้ฝังใส่กรอบไว้ ทรงโปรดไล่อ่านบนข้อความบนหินอ่อนที่สลักชื่อนามสกุลของเจ้าของรูปชัดเจน
เขากับน้องนั่งคุกเข่าลง ทรงโปรดวางดอกไม้ไว้บนหน้ารูปภาพร้อมๆ กับน้อง เขาสังเกตเอ็นดูตลอด น้องกำลังพนมมือก้มลงกราบรูปภาพและเจดีย์ซึ่งเป็นที่อยู่ใหม่ของคุณพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว
“สวัสดีคุณพ่อหน่อยมั้ยครับ” ทรงโปรดพยักหน้าก่อนก้มลงกราบบนฐานหินอ่อนแบบที่เอ็นดูทำเมื่อกี้
เขาเป็นห่วงน้องเกินไปหน่อย คอยจับตาดูอาการจนลืมว่าต้องทำความเคารพคุณพ่อของน้อง อือ ก็ผิดคาดเลยแหละ ทรงโปรดคิดว่าว่าเอ็นดูคงจะร้องห่มร้องไห้เพราะคิดถึงคนที่จากไป แต่น้องกลับวาดยิ้มสวยๆ แถมยังทำตัวร่าเริงสดใสอีกต่างหาก
“คุณพ่อเคยบวชที่นี่ครับ ท่านชอบมาทำบุญที่นี่บ่อยๆ เป็นวัดประจำของครอบครัวเลยครับ”
เป็นวัดป่าที่ถูกธรรมชาติโอบล้อมอย่างสมบูรณ์ ทุกอย่างในวัดนี้เรียกได้ว่าต่างจากวัดที่เขาเคยเข้า กุฏิวัดยังความดั้งเดิมด้วยไม้สีซีด มีพระไม่ถึงสิบรูป แต่กลับรู้สึกสงบและผ่อนคลายมากกว่าการได้เข้าวัดใหญ่ที่คนแน่นเบียดเสียด
เอ็นดูส่งยิ้มให้เขาหลังจากที่พูดจบ แล้วละสายตากลับไปมองรูปภาพของคุณพ่อที่ฝังบนเจดีย์หินอ่อนลายสวย
“วันนี้ที่บ้านมีงานมงคลครับคุณพ่อ งานหมั้นของเอ็นดูเอง วันนี้เอ็นดูพา...คู่หมั้นมาหาคุณพ่อด้วยนะครับ”
เขาอมยิ้มตอนที่เห็นความสุขเต็มใบหน้าของน้อง เอ็นดูพูดกับรูปภาพของคุณพ่อ สลับกับมองเขาไปด้วย
“ผมโปรดครับคุณพ่อ แต่ก่อนเป็นผู้ชายร้ายๆ เดี๋ยวนี้หงอแล้วครับ กลัวเมีย โอ๊ย”
“พูดอะไรแบบนี้ครับ เดี๋ยวคุณพ่อก็หักคอคุณจริงๆ หรอก”
ปกติเอ็นดูจะตีเขาดังแปะ ตีเล่นๆ ไม่จริงๆ จัง แต่คราวนี้ตีดังเพี้ยะ...แขนจะแกร่งแน่นมัดกล้ามก็เจ็บเอาเรื่องเลยว่ะ
“ท่านพ่อบอกว่าคุณพ่อของเราเป็นคนอารมณ์ดี ตอนออกทริปบาหลีด้วยกันตอนสมัยหนุ่มๆ ท่านชอบดื่มเหมือนพี่”
“รู้ดีกว่าผมอีกนะคุณ”
อีกเรื่องที่เหมือนเป็นจุดไต้ตำตอก็คือ หม่อมราชวงศ์เทพพงศ์กับหม่อมเจ้าทรงยศเป็นเพื่อนนักเดินทางด้วยกันตอนสมัยยังหนุ่มยังแน่น อือ ก็เพิ่งรู้ตอนที่เอ็นดูไปเจอท่านพ่อครั้งแรกนั่นแหละ สืบสาวราวเรื่องกันจนรู้ว่าโลกใบนี้มันกลมแค่ไหน พ่อแม่รู้จักกันมาตั้งนาน แถมลูกๆ ยังรักยังชอบได้เกี่ยวดองกันอีกต่างหาก
“ขอโทษที่เสียมารยาทครับคุณพ่อ แต่เมื่อก่อนผมเป็นแบบนั้นจริงๆ” มือหนายกไหว้คุณพ่อของน้อง
“น่าจะยิ่งกว่านั้นด้วยมั้ง...”
“อะไรครับ จะฟ้องคุณพ่อเหรอ เอาใหญ่เลยนะเอ็นดู”
“คุณพ่อก็ต้องรู้สิครับว่าเมื่อก่อนคุณเป็นยังไง แล้วตอนนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหน” คนขี้ฟ้องอมยิ้มจนแก้มป่อง แม้จะอยู่ต่อหน้าคุณพ่อแต่สองมือก็กุมกันไว้แน่นตลอด แค่นี้ก็ไม่ต้องพูดอะไรเยอะแล้ว สายตาของทรงโปรดที่ใช้มองเอ็นดูแทนคำตอบทั้งหมดว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนจากเมื่อก่อนมากแค่ไหน
“ดอกไม้สดยังอยู่เลย มีคนมาหาคุณพ่อก่อนหน้านี้เหรอ” ข้างๆ กุหลาบขาวที่เขาวางเมื่อกี้มีสีกุหลาบขาวลักษณะเดียวกันวางอยู่ เป็นกุหลาบที่ถูกตัดหนามเหมือนกับที่คุณแม่ของเอ็นดูเตรียมให้พวกเขาเมื่อเช้านี้เป๊ะๆ
“คุณแม่มาที่นี่ทุกวันครับ ทำบุญตอนเช้าเสร็จก็มาทำบุญที่วัดต่อ แวะมาหาคุณพ่อด้วย เลยมีกุหลาบมาวางไว้ทุกวันครับ”
ทรงโปรดผงกศีรษะเบาๆ เขารู้แล้วว่าถึงครอบครัวของน้องจะเคร่งครัดในกฎบางอย่าง แต่ความอบอุ่นที่วงศ์ประดิษฐ์มีให้เอ็นดูไม่ได้น้อยลงจนทำให้น้องกดดันเสียผู้เสียคนหรือเป็นคนก้าวร้าว แต่กลับกัน เอ็นดูได้รับความรักและถูกดูแลเอาใจใส่มาเป็นอย่างดี น้องถึงได้น่ารักและมารยาทดีแบบนี้
เขาไม่รู้ว่าวิธีการสอนลูกหลานของวงศ์ประดิษฐ์เป็นยังไง แต่ที่บ้านเขาจะเน้นให้ลูกหลานใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ลุยน้ำลุยฝนตามใจชอบแต่ต้องไม่นอกลู่นอกทาง
อือ ก็ในเมื่อวิธีการอบรมสั่งสอนต่างกัน เขาเลยโตมาหล่อ ส่วนน้องก็โตมาน่ารัก : )
“คุณ”
โดนเรียกด้วยเสียงหวานๆ
“ว่าไงครับเอ็นดู”
ก็เลยตอบกลับด้วยเสียงหล่อๆ
“ผมไม่เคยพาใครมาหาคุณพ่อแบบนี้นะครับ ภูผาก็ไม่เคยมาที่นี่”
ทำหน้าหล่อๆ ระบายยิ้มฟังเสียงหวานๆ พูด
“คุณเป็นคนแรกเลยครับที่ผมพามา”
รอยยิ้มแสนอบอุ่นของหม่อมราชวงศ์ทรงโปรด ภัสร์ฤทัย
“ขอบคุณที่ให้พี่เป็นคนแรกครับเด็กดี”
เอ็นดูเป็นคนแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นจากเขา
“คุณเป็นคนเดียวและคนสุดท้ายที่ผมพามานะครับ”
“ขอบคุณครับเอ็นดู”
และเป็นคนสุดท้ายของชีวิตทรงโปรด
*****
ท้องฟ้าสีครามอมส้มนวลสวยงามที่ลอยอยู่เหนือภูเขาของพื้นที่เขาใหญ่ทำให้คู่หมั้นของเจ้าของโครงการรีสอร์ตแห่งนี้ต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายเก็บภาพความประทันใจเอาไว้
รีสอร์ต Ozone life ที่อยู่ใกล้ๆ วังวงศ์ประดิษฐ์กลายเป็นสถานที่ดินเนอร์เล็กๆ ของคู่หมั้นข้าวใหม่ปลามัน คุณชายทรงโปรดจัดพื้นที่บนระเบียงที่รับลมเย็นๆ และเห็นวิวสวยๆ ให้เอ็นดูโดยเฉพาะ รวมทั้งให้เชฟชื่อดังระดับโลกจัดแจงมื้อค่ำของพวกเขาอีกด้วย
ดินเนอร์เล็กๆ น้อยๆ ที่มีมูลค่าเกือบล้าน
ที่มีมูลค่าเว่อร์วังขนาดนั้นก็เพราะคาเวียร์เบลูก้าที่คุณชายเขาจัดให้เอ็นดูโดยเฉพาะ ราคาของเจ้าคาเวียร์เบลูก้านี่ก็ไม่เท่าไหร่หรอก รู้แค่ว่ามันเกือบเหยียบล้านบาทก็พอ : )
เอ็นดูกินคาเวียร์บ่อยเลยรู้วิธี เช่นเดียวกับคุณชายทรงโปรดที่เตรียมช้อนมุกสำหรับตักคาเวียร์เบลูก้า อือ นั่นแหละ คาเวียร์เป็นอะไรที่ Sensitive มาก ถ้าใช้ช้อนธรรมดาตักกินก็หมดรสชาติพอดี ต้องใช้ช้อนธรรมชาติเท่านั้น นั่นก็คือช้อนมุกที่คุณชายทรงโปรดเพิ่งวางมันลงบนจานเมื่อกี้
“เหนื่อยมั้ยครับ ขับรถพาผมตะลอนทั้งวัน”
“เหนื่อย ไหนเอาแก้มมาหอมให้หายเหนื่อยหน่อย”
คุณชายเขาไม่ยอมขาดทุนหรอก หมดไปเยอะกับคนผิวขาวที่นั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้ ยังไงก็ต้องได้ฟัดได้หอมให้หนำใจ
“ใจเย็นครับ เดี๋ยวคนอื่นคิดว่าคุณกำลังทำอนาจารหรอก” เอ็นดูหัวเราะ รู้อยู่หรอกว่าตรงนี้เป็นพื้นที่ค่อนข้างส่วนตัวพอสมควรเลย แต่ก็อยากแซวคู่หมั้นเล่นๆ ไง
“ทำอนาจารต้องเปลือย เอามั้ย”
“จริงๆ เล้ย”
ฝ่ามือขาวๆ ดันโครงหน้าหล่อเหลาที่ยื่นมาใกล้ให้ห่างออกไปหน่อยก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างประคองกรอบหน้าของคุณชายทรงโปรดเอาไว้
นี่เหรอคนที่ทำให้เอ็นดูหวั่นไหวได้ทุกครั้ง
นี่เหรอคนที่ทำให้วุ่นวายใจจนบางครั้งก็เกือบกินไม่ได้นอนไม่หลับ
เห็นตาคมที่เจ้าเล่ห์คู่นี้ทีไรก็อดนึกถึงวันแรกที่เจอกันไม่ได้เลย
คิดถึงใบหน้านิ่งๆ ที่เหมือนจะดุ
คิดถึงคำพูดคำจาร้ายกาจของเขาในงานเลี้ยงที่โรงแรม
คิดถึงเรื่องที่บังเอิญทำร่วมกันจนได้ผูกข้อมือ
คิดถึงน้ำเสียงเว้าวอนของเขาตอนที่เอ็นดูงอน...ทรงโปรดเป็นคนแรกเลยที่ใส่ใจเอ็นดูขนาดนี้
คิดถึงคนที่เป็นเจ้าของรอยจูบหวานๆ ที่อบอุ่นใจทุกครั้งเมื่อได้สัมผัส
คิดถึงอ้อมกอดที่ทำให้เอ็นดูรู้สึกปลอดภัย
คิดถึงหมดเลย...ทุกวันเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน
พิเศษ มีค่ามากกว่าอะไรทั้งหมดในโลกนี้
“มองขนาดนี้ลากพี่เข้าห้องเลยมั้ย”
“ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย”
“ไหนลองเรียกชื่อตัวเองหน่อยสิ ไอ้ผมๆ คุณๆ เนี่ยขอซื้อได้มั้ย ไม่ต้องใช้แล้ว”
“ก็ชินแบบนี้จะให้ทำยังไงล่ะครับ”
“เอ็นดูของพี่โปรด ไหนลองอ้อนหน่อยสิครับ”
“...”
“เป็นแฟนกันแล้ว หมั้นก็หมั้นแล้ว ที่เราเรียกแทนตัวดูห่างไกลเกินไปรู้มั้ย”
“รู้ครับ”
พยักหน้าหงึกๆ รับทราบตามที่คุณชายเขาพูดทุกอย่าง
เอ็นดูเลียริมฝีปาก อือ จริงๆ มันก็จะเขินๆ ยากๆ หน่อย ไม่รู้สิ คำพวกนี้เอ็นดูมักหลุดเรียกตอนที่กอดกันบนเตียงเท่านั้น พอจะให้เรียกแบบนี้หน้าก็แดงปลั่งขึ้นมาเลย
“เอ็นดู”
“อื้อๆ พี่โปรด พี่โปรดครับ...พอใจยังเนี่ยคุณ”
“แน่ะ”
“ขอเถอะนะครับ ผมจะเอาหน้าจุ่มดินอยู่แล้วเนี่ย”
คุณชายทรงโปรดหัวเราะพลางจูบริมฝีปากเอิบเบาๆ รู้ว่าน้องเขินเกินจะเรียกก็ไม่บังคับ ยังไงตอนอยู่บนเตียงทรงโปรดก็ได้ยินคำว่า ‘พี่โปรด’ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ดี
“คุณให้ของหมั้นผมตั้งเยอะแยะ แต่ผมยังไม่ได้ให้อะไรคุณบ้างเลย”
“เยอะที่ไหน แค่สองอย่างเอง”
“นับเป็นมูลค่าสิครับ”
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดหัวเราะในลำคอ มือหนาลูบผมนุ่มพลางจัดเส้นผมที่คลอเคลียหน้าผากสวยเบาๆ
“เป็นเด็กดีของพี่โปรดก็พอ”
“อันนี้ง่ายมากๆ เลยครับ”
“เอ็นดู”
“ครับ”
สบตากันหวานซึ้ง คาเวียร์บูเลก้าที่ว่าราคาแพงก็ไม่มีความหมายเมื่อดวงตาสวยๆ ของเอ็นดูน่าสนใจกว่าเยอะ
เอ็นดูชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้
ชอบที่กล้าสบตากับเขา และส่งยิ้มให้กันอย่างไม่เขินอาย
“ขอบคุณครับที่ให้โอกาสพี่ได้ดูแลเรา”
“ขอบคุณเหมือนกันครับที่รับผมไปดูแล ขอบคุณมากๆ เลยครับ...พี่โปรด”
ชอบที่ต่อจากนี้จะได้ดูแลกันไปเรื่อยๆ ได้จับมือกันไปนานๆ : )
The end
#ทำแบบนี้ขาดอากาศหายใจพอดี
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขียน the end แต่ก็ใจหายวาบๆ ทุกทีเลยค่ะ
เอ็นดู เป็นชื่อที่เราชอบมากๆ ตั้งแต่คิดชื่อนายเอกมาเลย หวังว่าทุกคนจะชอบเหมือนกันนะคะ
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนที่ 20
นิยายแล้วจบแล้วแต่เรายังไม่จบนะ รอสเปเชี่ยลอีก 1 ตอนกันดีกว่า^^
บะบุย : )