ตอนที่ 52 ฝึกงาน
“เห้ย อาบน้ำนอนได้แล้ว” ผมสั่งไอ้แสบที่มันกำลังนั่งดูหนังโป๊อยู่ (ไปเอามาจากไหนว่ะเนี้ย)
“เดี๋ยวดิพี่ กำลังได้อารมณ์”
“อารมณ์บ้าอะไรของแก พรุ่งนี้กลับมหาวิทยาลัยไม่ใช่ไง” ใช่ครับ สัปดาห์แซนเรียนสัปดาห์แรก “ไปอาบน้ำได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านะ”
“โห่เรียนวันพฤหัส พรุ่งนี้วันจันทร์ ไปวันอังคารก็ทัน”
“แล้วตั๋วรถหล่ะ”
“เดี๋ยวยกเลิกได้ อีกอย่างผมไปรอบ 3 ทุ่ม”
“อ่าวไหนว่าไปจองรอบเช้า”
“พอดีขี้เกียจตื่น” มันหันมายิ้มแบบเจ้าเล่ห์
“แล้วไม่บอกเลยนะ” ผมนั่งมองมันอยู่บนเตียง “ไปอายน้ำได้แล้ว พรุ่งนี้พี่ออกจากห้องเช้านะ”
“ครับ” แซนปิดคอมลุกไปอาบน้ำ ก่อนอาบไอ้แสบเดินมาจูบผมหนึ่งที 555+ เริ่มชินแหละเลยเฉยๆ อยากจูบก็จูบ
“แซน” ผมเรียกขึ้นขณะที่แซนกำลังอาบน้ำ ผมฝึกงานช่วงกุมภาพันธ์ ผมว่าอากาศตอนนี้น่าจะกำลังดีนะ แต่ไหง๋ผมรู้สึกว่ามันร้อนมากมาย จะว่าไปหน้าหนาวปีนี้ไม่ได้หนาวเลย
“ครับ”
“พี่เปิดแอร์นะ”
“อือ” ผมจัดการปิดหน้าต่างเปิดแอร์ ตั้งปิด ตั้งนาฬิกา (มือถือ) ปลุก กว่าจะเสร็จแซนก็อาบน้ำเสร็จพอดี แซนออกมาในสภาพผมเปียกๆ กับบ๊อกเซอร์ตัวเดียว ใจสั่นทุกทีที่เห็นมันในลักเกือบเปลื่อยเปล่าทุกทีสิน่า
“ทำไมไม่ใส่เสื้อ”
“ใส่ทำไมยังไม่ชินเหรอ”
“ก็เปิดแอร์นะ อย่างน้อยก็กันลม”
“จริงเหรอครับ” แซนเดินมาจับมือผม ส่งสายตาแบบมีเลศนัย
“อืม” ผมแกล้งเปลี่ยนประเด็นโดยไปหยิบผ้าเช็ดตัว จับมันนั่งลงบนเตียงแล้วเช็ดผมให้ มันก็นั่งลงปล่อยให้เช็ดผมแต่โดยดี พอเสร็จกิจก็เข้านอนแต่โดยดีครับ คงมีแต่ผมที่นอนไม่หลับ ตื่นเต้นพรุ่งได้ฝึกงานครั้งแรกในชีวิต จะเจออะไร พี่พี่ที่ทำงานจะดีไหม จะมีเพื่อนมาจากที่ไหนบ้าง แล้วจะมีคนหล่อไหม 555+ (แอบนอกประเด็น) สุดท้ายผมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
...ผมรู้สึกตัวตอน 05.45 น.ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตื่นเช้าขนาดนี้ ยังไม่อยากตื่นเลยให้ตายเถอะพี่เขานัด 8 โมง ตื่น 6 ครึ่งโมงก็น่าจะทันนะเนี้ย ผมสะลืมสะลือลุกมาตั้งนาฬิกาปลุกใหม่ ผมรู้สึกเตียงมันสั่นๆ ผมรวบรวมสติได้เตียงก็หยุดสั่นแล้ว แต่สิ่งที่มาแทนคือเสียงครางครับ เหมือนเสียงร้องไห้ หอผมไม่มีใครตายนะ ผมเป็นเจ้าของแรกนะ ผมเริ่มหลอน หรือว่าเจ้าที่ท่านไม่พอใจที่ไอ้แสบมันเปิดหนังโป๊ ผมตั้งสติได้วิ่งไปเปิดไฟทันที ในห้องผมตอนนี้ปรกติครับ ไม่มีเสียงใดๆ อาจเพราะผมคิดไปเอง ผมกลับไปนั่งลงบนเตียง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เตียงผมเริ่มสั่นอีกครั้ง คราวนี้มีเสียงครางมาด้วย ผมนั่งทำใจอยู่พักหนึ่งก่อนหันไปดู ก็ไม่มีอะไร ผมไม่ไหวแล้วครับ ผมจัดการเปิดผ้าห่ม ในนั้นก็มีแต่ไอ้แสบที่หลับอยู่กับบ๊อกเซอร์ตัวเดียว ไม่นานนักผมก็ได้คำตอบ เพราะไอ้แซนเริ่มสั่นครับ ผมเลยไปปลุกมัน ทันทีที่ผมสัมผัสตัวแซน แซนตัวร้อนมากครับ
“แซน... แซน...” แซนไม่ตื่นครับ “แซน !!!”
“ครับพี่”
“แซนเป็นอะไร”
“ผมหนาว” แซนป่วยครับ มันใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวนอนไม่เท่าไร นอนตากแอร์แบบนั้น ไม่ยอมห่มผ้า แถมเพิ่งสระผมอีกผมจัดการเอาผ้าห่มห่มให้เหมือนเดิม แล้วเอาผ้าขนหนูไปชุบน้ำอุ่มมาเช็ดตัวแซน ก่อนเอาไปซักแล้ววางไว้ที่หน้าผาก กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จก็ 6 กว่าแล้ว ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปฝึกงาน
...ก่อนออกจากห้องผมจัดการปลอกส้มใส่จานวางไว้ขางเตียง พอดีผมซื้อส้มมาทานแซนทานบ้างไม่ทาน ต้องมีคนแกะเปลือกแล้วเอาใยขาวๆ ออกให้หมดถึงจะยอมทาน
...ผมนั่งวินมอไซค์ไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินก่อนเดินต่อไปอีกนิดก็ถึงที่ฝึกงานของผม เป็นองค์กรขนาดใหญ่ครับ เคยมีคนพูดว่าที่นี้สี... ความจริงเด็กฝึกงานที่นี้ก็มีแต่เด็กมหาวิทยาลัยชั้นนำเท่านั้น ผมมาทำได้เพราะพ่อผมทำงานที่นี้แหละครับ แต่สาขาย่อยที่ต่างจังหวัด พอดีท่านฝากเข้าให้ ถ้าทำงานกับพ่อก็ทำได้ แต่ผมกลัวคนมองว่าเป็นลูกพ่อไม่ยอมใช้ แบบนี้ความรู้ ประสบการณ์ก็ได้ไม่เต็มที่จริงไหม ผมมาถึง 7.30 กว่าๆ บอกตรงๆไม่รู้ไปไหนครับ เลยนั่งเล่นที่พื้นน่าสำนักงานมันนั้นแหละ ไม่กล้าเข้าไปห้องปฐมนิเทศ พนักงานที่เดินเข้าไปทำงานก็มองผมแปลก ผมไม่สนใจ ฟังเพลงสบายใจ จนมีคนมาแตะไหลผม
“ไง โอ๊ต”
“อ่าว ข้าว”
“อืม”
“มาได้ไง”
“เราก็มาฝึกงานนะ”
“ฝึกรอบนี้เหรอ”
“อืม...พอดีเรามากับเพื่อนเห็นนายนั่งอยู่”
“เหรอ”
“เข้าไปด้วยกันไหม”
“อืมได้สิ” ผมดีใจเล็กๆที่อย่างน้อยผมก็มีเพื่อนที่สนิท ฝึกงานที่เดียวกัน ผมไม่สงสัยหรอกว่าข้าวมาได้ไง เพราะข้าวอยู่หมาวิทยาลัยสีเดียวกับองค์กรนี้
“นี้เพื่อนเก่าเราสมัย ม.ปลาย ชื่อโอ๊ต” ข้าวยิ้มให้ผม ผมพยักหน้ากึ่งคำนับทักทาย “นี้เอ็ม (ผู้ชายขาวตี๋ ออกจีนๆ ไม่หล่อครับ แต่ดูไม่เบื่อ) นี้ก้อย (สาวสวยที่ดูจะโก๊ะๆ) และนี้น้ำ (สาวสุดท้ายที่ดูมั่นจนแมน กับทรงผมสั้นๆ ของเธอ)” ทุกคนยิ้มให้ผม แต่ก็ไม่มีบทสนทนาอะไรต่อ
“ข้าวจะไปไหนกันนะ” ผมถามขึ้นหลังจากเดินตาม เพื่อนใหม่ได้สักพัก
“ไปห้องปฐมนิเทศไง”
“ไปรอเลยเหรอ”
“อืมพี่เขาเตรียมขนมทานเล่นให้ตั้ง 7 โมงแล้ว ไม่มีใครบอกเหรอ”
“ไม่นิ...”
“พอดีรุ่นพี่เราบอกนะ” ข้าวรู้ว่าผมจะถามอะไร
...พอไปถึงก็ทานอาหารว่างที่ทางพี่พี่เขาเตรียมไว้ให้ ก่อนเข้าไปปฐมนิเทศ การปฐมนิเทศเป็นอะไรที่น่าเบื่อผมนั่งฟังไปง่วงไป ต้องพยายามฝืนไม่ให้หลับ หลังจากปฐมนิเทศเสร็จ ก็ไปทานข้าวกลางวัน หลังจากนั้นพี่เขาก็พาเยี่ยมชมองค์กรในส่วนต่างๆ และแนะนำเด็กฝึกงานให้แต่ละฝ่าย พอเลิกงานผมรีบจัดการโทรหาแซน ตอนนี้แซนดีขึ้นมากแล้ว แต่เสียงยังอู้อี้ ผมเลยให้แซนอยู่ต่อก่อน
“โอ๊ต”
“หืมห์ มีอะไรเหรอข้าว”
“รุ่นพี่เรา เขาจัดงานเลี้ยงรับเด็กฝึกงานนะ ไปด้วยกันไหม”
“เขาชวนเฉพาะนิสิต ม. ... ไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ แต่นายก็มาฝึกงานรอบนี้นิ เราถามพี่แล้วนายไปได้นะ”
“มันจะดีเหรอ” มันเหมือนสังค์สรร งานศิษย์เก่าเขารวมตัวกัน แล้วผมควรไปฐานะอะไร อีกอย่าง แซนอยู่ที่ห้องด้วย ยอมรับว่าห่วงมันนะ “เราไม่ไปดีกว่า”
“ไปเถอะสักนิดก็ดี เพราะเราขอแล้ว เดี๋ยวพี่เขาว่า” ผมมองไปยังกลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่ของข้าว เขามองผมแปลก เหมือนโดนไซโค
“อืมก็ได้ เราไปแป๊บเดียวนะ มีธุระต่อ”
“ได้ๆ” ข้าวยิ้มอย่างมีความสุข
...พอไปถึงที่ร้านอาหาร ที่นั้นมีพนักงานบางส่วนรออยู่แล้ว มีบางคนมีท่าทางแปลกใจที่ผมมาด้วย ผมเห็นพี่ๆ พนักงานกระซิบกระซาบกัน รู้สึกอึกอัดแต่ก็มาเป็นพิธี อีกไม่กี่นาทีผมจะขอตัวกลับอยู่แล้ว
“เอาละครับน้องๆ พวกพี่ได้เตรียมโต๊ะไว้ให้แล้ว พอดีมีแอซิเด้นท์นิดหน่อย น้องน้องนิสิต... เอ้ย น้องๆ ฝึกงานเดินตามพี่อิ๋วเข้าไปเลยนะครับ”
“ข้าว เรารู้สึกแย่ว่ะ” ผมพูดขึ้น หลังจากสังเกตุพฤติกรรมของคนรอบข้าง
“เห้ยคิดมากนะ”
“นายไปคุยอะไรกับเขาว่ะ”
“เปล่านิ”
“เปล่าอะไร เราเห็นพี่เขาคุยกันนะโว้ย”
“คิดมากน่า”
“เออ เดี๋ยวเราขอตัวกลับก่อนนะ”
“เห้ยน่าเกลียด นั่งสักพักดิ เดี๋ยวเราช่วย”
“เออ 5 นาที”
“ได้ ได้”
...ไม่นานพวกผมก็มาถึงโต๊ะ ผมจับเวลาทันที
“เล่นแบบนี้เลยเหรอ” ข้าวแซว
“อืม”
...อาหารทย่อยมาเสิร์ฟเรื่อยครับ เท่าที่ดูมีการสั่งอาหารไว้แล้ว แล้วมันมีปัญหาอะไร อาหารรสชาติอร่อยเลยที่เดียว แต่ผมเสียอารมณ์จนหมดความอร่อยไปแล้ว ผมนั่งดูนาฬิกาทุกทุกนาทีเลยก็ว่าได้ จนเกือบถึงเวลา ข้าวขอตัวเข้าห้องน้ำครับ ผมพยายามเรียก แต่ข้าวไม่ฟังผมเลย ไหนว่าจะช่วยไงว่ะ งานนี้ผมนั่งเซ็งกว่าเดิม
กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...
“มือถือใครเรียกครับน้อง แหม่ริงโทนที่เป็นเพลงมีนะครับ หรือโทรศัพท์รุ่นเก่า” พี่คนหนึ่งแซวขึ้น ผมไม่พูดอะไร หยิบลูกชาย (มือถือ) ของผมขึ้นมา ผมมองหน้าคนที่พูด เขาเงียบทันทีครับ มีคนหลายคนบอกว่าเวลาโกรธผมน่ากลัวมาก อต่พอดีผมไม่แคร์สื่อ เบอร์ที่โทรมาเป็นเบอร์แปลกครับ
“สวัสดีครับ”
“ไงโทษทีช้าไปนิด”
“เห้ย อยู่ไหน…”
“อย่าเพิ่งพูดอะไร ทำตามที่บอก นายแกล้งเดินออกมาคุยข้างนอก” ผมทำตามอย่างว่าง่าย ตอน ม.ปลายอยู่ชมรมการแสดงเอาสิ “เออ หลังจากนั้นแกล้งเดินวนให้พี่เขาเห็น” ผมไม่แกล้ง ผมเดินจริงหาข้าวนั้นแหละ มันเล่นบ้าอะไรของมัน “เอาหล่ะไปบอกพี่เขามีธุระสำคัญ ลุงโทรตาม”
“เห้ย”
“เอาน่า”
“เออก็ได้ว่ะ” ผมเดินไปที่โต๊ะอาหารต้องไปหาพี่คนหนึ่ง ใครดีหว่า เอาคนที่แซวผมแล้วกัน “พี่ครับ ผมมีธุระด่วนขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีลุงโทรตาม”
“ครับได้ครับ ไม่เป็นไรครับน้อง” โห้บอกว่าลุงตามเรียบร้อยเลยนะ ผมเดินไปเอากระเป๋า ก่อนเดินออกมา ข้าวอยู่ตรงนั้น
“นายบอกอะไรพี่เขา”
“หืมห์”
“บอกอะไร”
“บอกว่านายเป็นหลานคณะกรรมการ”
“เห้ยเล่นของสูง”
“ก็โอ๊ตรู้จักไหมหล่ะ เคยเจอไหม”
“เคยตอนงานเลี้ยงที่...” ผมเพิ่งนึกออกครับ บริษัทที่พ่อผมทำงานอยู่จะมีงานเลี้ยงงานสังค์สรรบ่อย ผู้ใหญ่จากกรุงเทพฯ จะขึ้นมาบ่อยมาก ผมก็ได้เจอ ได้รู้จักอยู่ ที่จะคุยสนิทๆกับพ่อก็มีอยู่หลายคน แต่ผมไม่สนิทด้วยเพราะเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วคนที่เขาให้ผมมาฝึกงานที่นี้จะว่าไปก็เพื่อนพ่อ แต่ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการ ข้าวรู้ว่าพ่อผมทำงานที่ไหน แล้วมีงานอะไรบ้าง ตอนเด็กผมเล่าให้ฟังหมด “ขอบใจนะ”
“อืมไปเถอะ”
“บาย”
“เดินทางดีดีหล่ะ” ข้าวตะโกนไล่หลังผมมา
...ผมออกจากร้านข้าวนั่งรถเมย์กลับหอ แวะซื้อยาก่อนขึ้นห้อง พอถึงห้องก็เห็นไอ้แสบนอนดูทีวีสบายใจเฉิบ
“สบายเนอะ”
“นิดหนึ่งนะครับ ฝึกงานเหนื่อยไหม” เสียงมันอู้อี้ เหมือนน้ำมูกอัดแช่เข็งในจมูก
“ไม่อะ วันแรกยังไม่ทำงาน แล้วกินอะไรยัง”
“ต้มมาม่ากินเมื้อบ่าย”
“แล้วส้มอ่ะ”
“นั่งกินทั้งวัน ภริยาปลอกให้ต้องค่อยๆกิน” ถ้ามันไม่ป่วยผมจะติดแก๊บมัน
“แล้วกินยาหรือยัง”
“ยังอาศัยกินน้ำอุ่น เจ็บคอ”
“งั้นวันนี้รีบๆนอน ใส่เสื้อผ้าด้วย”
“ไม่ใส่ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ต้องเลย”
“แล้วเย็นนี้อยากกินอะไร”
“หอยทอด”
“ป่วย ไอ เจ็บคอ จะกอินหอยทอด กินโจ๊กที่ตลาดนี้แล้วกัน”
“โห่”
...สรุปคืนนั้นมันได้กินหอยทอดสมใจมันครับ ผมละเซ็งจริงๆ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอนที่ 52
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------