ตอนที่ 12วันนี้เผ็ดขับรถไปส่งดรีมที่มหา’ลัยเช่นเดิม จริงๆแล้วเผ็ดก็มีเรียนช่วงเช้าเหมือนกัน แต่วันนี้กะว่าจะโดดแล้วไปทำธุระที่ว่าซะก่อน เขาให้ลูกน้องสองแสบนัดนายแบบที่ชื่อมาร์ชนั้นไว้ กว่าจะติดต่อได้ก็ใช้เวลาอยู่หลายวันพอสมควร โทรหาทางผู้จัดการก็แล้ว ไม่มีการตอบกลับมาอย่างใด เข้าใจว่าความปลอดภัยของนายแบบต้องมาก่อนจึงเลือกที่จะไม่ให้เจ้าตัวรับโทรศัพท์จากคนแปลกหน้า แต่คนอย่างเสี่ยเผ็ดมีหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ ส่งลูกน้องไปตามสืบข้อมูลส่วนตัวของนายแบบคนนั้นมา ที่อยู่ก็ได้มา เบอร์โทรก็ได้มา เรื่องแค่นี้มันจิบๆ
“สวัสดีครับ คุณมาร์ชใช่หรือเปล่า”
“คุณเป็นใคร! มีเบอร์ผมได้อย่างไร ทำไมไม่ติดต่อผ่านผู้จัดการผม” เสียงห้าวใสของอีกฝ่ายตอบกลับมาผ่านโทรศัพท์
“เรื่องที่ผมเป็นใครเอาไว้ก่อน เดี๋ยวถ้าเจอกันแล้วจะบอกอีกที”
“เจอกัน? ผมไม่มีทางไปพบคุณหรอก โรคจิตหรือเปล่า!” พูดจบอีกฝ่ายก็วางสายไปซะเฉยๆ
“หึ ตามไปคอนโดมัน”
ณ คอนโดสุดหรูย่านกลางเมือง ร่างสูงเหยียดยิ้มมองเอกสารที่มีที่อยู่ของนายแบบหน้าใสในมือตัวเอง ก่อนจะก้าวฉับนำลูกน้องเข้าบุกทันที แต่อย่างว่าล่ะคอนโดหรูขนาดนี้ความปลอดภัยก็ต้องแน่นหนา เผ็ดบอกที่อยู่ห้องและชื่อนามสกุลของคนที่ต้องการจะพบให้กับพนักงานหน้าล็อบบี้ โดยอ้างว่าเป็นญาติของอีกฝ่าย และพนักงานก็ได้โทรขึ้นไปหานายแบบหนุ่มคนนั้น ซึ่งเจ้าตัวก็บอกให้ขึ้นมาได้เลย คงคิดว่าเป็นญาติตัวเองจริงๆ
เผ็ดกดออดหน้าห้องสองสามครั้งประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างโปร่งบางของอีกคน เจ้าตัวมีท่าทีตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพบคนแปลกหน้า เผ็ดดันตัวอีกฝ่ายเข้าไปในห้องก่อนจะพยักหน้ากรายๆสั่งให้ลูกน้องสองแสบยืนเฝ้าหน้าประตู
“คุณเป็นใคร!”
“เจ้าหนี้”
“อะไรนะ! ผมไม่เคยติดหนี้คุณ ละ..แล้วคุณรู้ที่อยู่ผมได้อย่างไร ผมจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก” ร่างบางเอี้ยวตัวจะวิ่งไปเอาโทรศัพท์แต่ก็โดนเผ็ดกระชากแขนไว้ก่อน
“ปล่อยนะ!”
“จะมาคุยเรื่องภูริช” พอได้ยินชื่ออีกคน มาร์ชจึงสงบลง
“ฉันเป็นเจ้าหนี้แฟนนาย”
“ระ..รู้ได้ยังไงว่าผมคบกับภูริช”
เรื่องนี้มาร์ชเองยังไม่ได้เปิดตัวกับสื่อ ไม่สิจะเปิดเผยได้อย่างไรกัน เขากับภูริชไม่ได้คบกันจริงจังขนาดนั้นซะหน่อย ก็แค่ต่างฝ่ายต่างถูกใจกัน
“นายให้เงินมันใช้หรือ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ!” ทำไมคนคนนี้ถึงรู้เรื่องระหว่างเขากับภูริชเยอะขนาดนี้ รู้ข้อมูลและที่อยู่ของเขาไม่พอ แถมยังรู้อีกว่าเขาให้เงินภูริชใช้
“เกี่ยวสิ ก็บอกแล้วไงว่าเป็นเจ้าหนี้ไอ้ภูริช”
“แล้วมันยังไงล่ะ”
“ไอ้ภูริชมันไม่ใช่คนดีอะไร เงินที่ได้มาจากนายมันก็เอาไปทำอย่างอื่น”
“คุณรู้ได้ยังไง ภูริชเขาบอกผมว่าเขาจะนำเงินไปจุนเจือครอบครัวเขาต่างหาก!”
“โง่สิ้นดี ไม่รู้ตัวเลยหรือว่ามันกำลังหลอก ภูริชกับกำลังหลอกเอาเงินนายเพื่อไปไถ่ตัวแฟนมัน”
“อะไรนะ”
มาร์ชได้แต่ทำหน้าฉงนไม่เข้าใจในสิ่งที่ร่างสูงพูด เอาเงินไปไถ่ตัวแฟนอย่างนั้นหรือ ก็แสดงว่าภูริชมีแฟนอยู่แล้ว แต่มาหลอกคบกับมาร์ชเพื่อหวังประโยชน์ ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ ครั้งก่อนที่ภูริชยืมเงินมาร์ชก็เพื่อไปรักษาพ่อที่กำลังป่วย และมาล่าสุดภูริชก็เอ่ยปากขอยืมอีกเพื่อจะเอาเงินไปผ่าตัดให้พ่อที่อาการทรุดหนักลง ทุกครั้งที่ภูริชเอ่ยขอยืมมาร์ชเองก็ไม่ได้หวังจะให้อีกฝ่ายนำเงินมาคืนเพราะเห็นว่านำไปรักษาพ่อ เงินแค่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งนายแบบอย่างเขาล่วง
“ไอ้ภูริชมันเล่นพนันจนหมดตัว จนมันได้เอาแฟนมันมาจำนำกับฉัน”
“มะ..ไม่จริง”
“อย่างนั้นก็ดูนี่ จะได้ตาสว่าง” เผ็ดโยนซองเอกสารสีน้ำตาลให้มาร์ช ก่อนเจ้าตัวจะรีบเปิดซองดู
เอกสารสัญญาการจำนำพร้อมกับรูปถ่ายตอนที่ภูริชเซ็นต์เอกสาร เหมือนบางมันจุกอยู่ที่คอจนพูดไม่ออก ยอมรับว่ามาร์ชเองก็ถูกใจภูริชตั้งแต่เห็นครั้งแรก และภูริชเองก็เป็นฝ่ายเข้าหา ทั้งสองเริ่มสานสัมพันธ์กันมาจวบจนจะครบเดือน จากที่ถูกใจก็กลายเป็นชอบ พอเห็นภูริชกำลังลำบากเรื่องครอบครัวมาร์ชก็อยากจะช่วย แต่ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะโดนหลอก คิดมาตลอดว่าเจอกันเพราะพรหมลิขิต มันไม่ใช่เลย...ภูริชจงใจเข้าหามาร์ชเพื่อหวังผลประโยชน์เท่านั้น
“ละ...แล้วคุณจะมาตามเก็บหนี้จากผมหรือไง” มาร์ชถามด้วยเสียงสั่นเครือ
“เปล่าหรอก ก็แค่อยากมาเตือน นายอยากจะให้เงินไอ้ภูริชใช้ต่อก็ได้นะตามสบาย” ร่างสูงยักไหล่ก่อนจะคว้าซองเอกสารที่มืออีกฝ่ายกลับคืนมา
“เอาล่ะ หมดธุระของฉันแล้ว ต่อไปนายก็จัดการเอาเองแล้วกันว่าจะทำอย่างไรต่อ หึหึ”
เผ็ดเดินถือเอกสารเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้อีกฝ่ายจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เชื่อเถอะว่ายังไงไอ้นายแบบหน้าใสนั้นต้องไม่ยอมให้ถูกหลอกอีก หลักฐานขนาดนี้คงทำให้ตาสว่างได้สักที แผนแรกก็ลุล่วงไปด้วยดี ต่อไปเผ็ดก็คงไม่ได้เดินเกมเอง แต่จะใช้หมากตัวใหม่ในการเดินเกมนั้นก็คือมาร์ช ถ้ามาร์ชตัดขาดกับไอ้ภูริช เงินล้านนึงที่มันได้พูดเอาไว้ยังไงก็หาไม่ทันภายในสองเดือนแน่ๆ จากนั้นก็เกมโอเวอร์
“ห้ะ แกพูดว่าอะไรนะดรีม”
“เราชอบคุณเผ็ด...ละ..แล้วคุณเผ็ดก็ชอบเราด้วย”
“ให้ตายสิ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย” ควีนเพื่อนสาวดรีมทำหน้าตกใจคล้ายได้ยินว่าอุกกาบาตจะชนโลกอย่างไรอย่างนั้น
หลังเรียนเสร็จดรีมก็มานั่งรอเผ็ดมารับเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้มีเพื่อนสาวมานั่งรอด้วยก็เลยถือโอกาสเล่าเรื่องทั้งหมดให้ควีนฟัง เพราะมีเพียงควีนเท่านั้นที่ดรีมสนิทใจมากที่สุด และควีนก็เป็นเพื่อนคนเดียวของดรีมตั้งแต่มาเรียนมหา’ลัย
“เป็นลูกหนี้กับเจ้าหนี้อยู่ดีๆ กลับกลายมาชอบพอกันซะอย่างนั้น พวกแกนี่ก็แปลก”
“นั้นสิ...ไม่รู้ว่าไปชอบคุณเผ็ดเอาตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็...”
“แหมๆ พูดถึงคุณเผ็ดทีไรแกนี่ก็เขินจนแก้มแดงเชียวนะ” หญิงสาวเอ่ยแซวเพื่อนสนิท ก่อนทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“แล้วเรื่องไอ้ภูล่ะ” ควีนถามขึ้น
“ก็ยังใช้หนี้อยู่”
“มันมีเงินมาใช้หนี้ด้วยหรือ แปลกจริงๆ คนอย่างไอ้ภูเนี่ยนะใช้หนี้ ถ้าหนีหนี้ก็ว่าไปอย่าง”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเอาเงินมาจากไหน หรืออาจจะทำงานก็ได้ เห็นมันใช้หนี้คืนคุณเผ็ดแบบนี้สงสัยจะคิดได้แล้วล่ะมั้ง”
“ฉันก็ขอให้มันคิดได้อย่างที่แกว่าแล้วกัน”
เวลาผ่านไปสักพักก็ไม่เห็นวี่แววเผ็ดจะมารับสักที จนควีนได้ขอตัวกลับก่อนเพราะจะไปเดินซื้อของที่ห้างใกล้ๆมหา’ลัย ดรีมได้แต่นั่งรออยู่ที่เดิมไม่กล้าไปไหน ถ้าเผ็ดมารับเดี๋ยวจะไม่เจอตัวเขา พอยกนาฬิกาข้อมือดูก็ปาไปหกโมงเย็นแล้ว หรือว่าเผ็ดจะลืมมารับเขากันนะ ไม่นานนักก็มีรถเบนซ์คันหรูมาจอดเทียบหน้าคณะ ก่อนจะปรากฏรูปร่างสูงของใครบางคนเดินลงจากรถ นั้นก็คือนายปรานลูกน้องของเผ็ด ดรีมได้แต่ทำหน้าฉงนแต่ก็ยอมลุกไปหานายปราน
“คุณดรีมครับ วันนี้เจ้านายให้ผมมารับคุณดรีมครับ”
“อ๋อครับ คุณเผ็ดติดธุระหรือครับ” ดรีมถาม
“ครับ เจ้านายฝากมาบอกว่าจะกลับดึกหน่อย ไม่ต้องรอครับ” ดรีมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินขึ้นรถไปกับลูกน้องคนสนิทของเผ็ด
เมื่อถึงคอนโดดรีมก็เข้าครัวทำอาหารตามปกติ แม้นายปรานจะบอกว่าเผ็ดติดธุระจะกลับดึก แต่ดรีมก็ยังคงทำอาหารเผื่ออีกคนไว้ด้วย กลับดึกเผ็ดอาจจะหิวจะได้เวฟกินทันทีเลย พอคิดแบบนี้ก็นึกถึงภรรยาที่ทำอาหารรอสามีกลับบ้านเลยแหะ ดรีมได้แต่อมยิ้มเขินๆให้กับความคิดของตัวเอง ในระหว่างนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากมือถือของเขา
Rrrrrrrrrrrrrrrrrr
“ฮัลโหลว่าไงควีน”
“แกกลับรึยัง”
“หืม เรากลับมาแล้ว ทำไมเหรอ”
“ใครไปรับแก” เพื่อนสาวเริ่มซักถาม ดรีมเองก็แปลกใจ ปกติควีนไม่ค่อยโทรมาถามเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญก็คงไม่โทรมา เพราะเรื่องปกติทั่วไปก็คุยกันผ่านทางไลน์
“ลูกน้องคุณเผ็ดมารับน่ะ”
“ว่าแล้วเชียว”
“มีอะไรเหรอควีน?”
“อะ..เอ่อ..คือว่าฉัน...ฉันเห็นคุณเผ็ดอะไรของแกอ่ะที่ห้าง” ก็ไม่แปลกสักหน่อยที่เผ็ดจะไปเดินห้าง อาจจะไปซื้อของใช้ส่วนตัวก็ได้
“แล้วทำไมเหรอ มีอะไรรึเปล่า”
“แกแน่ใจนะว่าคุณเผ็ดของแกไม่มีแฟนน่ะ”
คำถามของควีนถึงกับทำให้ดรีมชะงัก นั้นสินะ ถึงเผ็ดจะไม่เคยพาใครมาที่ห้องเลยก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่มีแฟนสักหน่อย อีกอย่างดรีมเองก็ไม่เคยถามว่าเผ็ดมีแฟนหรือยัง เขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะบอกหรือไม่บอกก็ได้ เผ็ดก็แค่บอกว่าชอบดรีม อาจจะมีหึงหวงบ้างแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเผ็ดจะมารักดรีม ขอดรีมเป็นแฟนอะไรเทือกนั้นสักหน่อย เขาเองก็เป็นแค่ของจำนำที่คิดเข้าข้างตัวเองไป
“ระ..เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ฉันเห็นคุณเผ็ดเดินกับหนุ่มน้อยที่ไหนก็ไม่รู้ กระหนุงกระหนิงกันเชียว ฉันสงสัยเลยแอบเดินตามไปที่ลานจอดรถ..แล้ว..ฉันก็เห็นสองคนนั้นจูบกัน ไม่อายฟ้าอายดินบ้างเลย!”
ควีนไม่เคยโกหกเขา และเขาก็รู้ดีที่ควีนพูดเป็นเรื่องที่ควีนเห็นมากับตาตัวเอง ถ้าไม่มีมูลเหตุหรือหลักฐานควีนก็จะไม่พูดอะไรส่งๆ ดรีมรู้สึกนิสัยตรงนี้ของเพื่อนดี เมื่อวานก่อนยังบอกว่าชอบเขาอยู่เลย ทำไมถึงได้ไปกับคนอื่น... ไม่สิ ดรีมไม่มีสิทธิ์พูดแบบนั้น เผ็ดอาจจะมีแฟนอยู่แล้ว ส่วนดรีมเองก็มาทีหลัง และที่เผ็ดบอกว่าชอบอาจจะแค่ชอบ
ชอบไม่ได้แปลว่ารัก...
“คุณเผ็ดอะไรเนี่ยก็อีกคน ยังบอกชอบเพื่อนฉันอยู่หยกๆ ทำไมวันนี้กลับมายืนจูบกับอีกคน บ้าจริงๆเลย”
“ค..แค่นี้ก่อนนะควีน เราทำกับข้าวอยู่อ่ะ”
“ฉันไม่กวนแกแล้วล่ะ แกไม่เป็นไรใช่ไหม”
“อะ..อืม ไม่เป็นไร”
หลังจากวางสายกับเพื่อนคนสนิทไป ดรีมก็ได้แต่ยืนเหม่อลอยกับความคิดตัวเอง ใจที่เคยพองโตในวันก่อนก็เหมือนจะเหี่ยวเฉาลงไปถนัด
-ติ๊ง-
เสียงข้อความไลน์แจ้งเตือนในโทรศัพท์ ดรีมยกขึ้นมาดูก็ปรากฏชื่อคนส่งคือควีน ร่างบางเปิดแชทที่เพื่อนส่งมาให้ รูปที่ถูกส่งมาทำให้ดรีมถึงกับขอบตาร้อนผ่าว มันเป็นรูปของผู้ชายร่างสูงที่ดรีมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขากำลังยิ้มร่าอยู่กับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักคนนึงที่กำลังควงแขนเขาอยู่ รูปต่อมาเป็นรูปร่างสูงโน้มหน้าลงหอมแก้มเด็กหนุ่มคนนั้นในร้านอาหาร และรูปสุดท้ายเป็นรูปที่ถ่ายเห็นเพียงด้านหลังของเผ็ด เด็กหนุ่มตรงหน้าเผ็ดเขย่งเท้าคล้ายกลับจะเอื้อมตัวขึ้นจูบร่างสูง ถึงจะโดนถ่ายในมุมนี้แต่ดรีมก็รู้ว่า...พวกเขาจูบกัน...
เจ็บชะมัด...
ไม่ว่าความรักครั้งไหนก็มีแต่เจ็บปวด
ทำไมพระเจ้าต้องกลั่นแกล้งดรีมด้วย
TBC.
talk ; อ้าวเสี่ย...เสี่ยมีกิ๊กเหรอออออ