อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ
บทที่ 17
Anubis Lord of the Death
“หงุดหงิดอะไรหรือครับวินนี่”
สายตาของคีรีมองผ่านแว่นกรอบใสไปยังหญิงสาวแต่งตัวจัดที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่ใบหน้าที่มีเครื่อง
สำอางราคาแพงตกแต่งไว้กลับบูดบึ้งจนความสวยจืดจางลง กวินตราฝืนยิ้มตอบกลับขณะเขี่ยอาหารในจานเล่น
“ผู้ชายนี่บ้างานทุกคนหรือเปล่าคะหมอ ทำไมเวลาทำงานแล้วถึงลืมอย่างอื่นไปหมดแม้กระทั่งแฟน”
คีรีลอบยิ้มขณะสังเกตพฤติกรรมของกวินตรา ไม่ต้องใช้ความรู้ก็ดูออกว่ากำลังมีปัญหากับคนใกล้ชิด
“งานเป็นสิ่งที่สร้างความภูมิใจให้กับผู้ชาย แต่ถ้าเป็นผม ต่อให้งานเยอะขนาดไหนคนที่ผมรักต้องมาก่อน”
กวินตรายอมเงยหน้าขึ้นมอง หล่อนเห็นสายตาที่คีรีมองมาแล้วแต่ก็บอกไม่ถูกว่าเขากำลังสื่อถึงอะไรกันแน่
“ใครได้หมอเป็นแฟนก็โชคดีมากเลย เฮ้อ ช่างเถอะ มาพูดถึงงานดีกว่าค่ะ ตกลงหมออยากจะเริ่มต้นใหม่กับอะไรใหม่ๆหรือ
เปล่าคะ”
วูบหนึ่งที่ดวงตาหลังกรอบแว่นใสมีประกายลิงโลด แต่ก็แค่วูบเดียวและจางหายไปอย่างรวดเร็ว คีรีอมยิ้มก่อนตอบคำถามด้วย
คำตอบที่เตรียมไว้นานแล้ว
“ถ้าวินนี่คิดว่าที่ใหม่เหมาะกับผม ผมก็ไม่น่าปฏิเสธนะครับ”
“ดีเลยค่ะ ยินดีต้อนรับการมาร่วมงานกันนะคะหมอ หมอทำเรื่องลาออกจากที่เดิมได้เลยนะคะวินนี่จะสั่งให้ลูกน้องเตรียมเรื่อง
ให้หมอมาทำงานโดยเร็วที่สุด พ่อจะต้องดีใจมากแน่ๆ”
กวินตรากรีดรอยยิ้มที่หล่อนคิดว่าบาดใจที่สุดส่งให้
“อิ่มแล้วเราไปหาที่ฉลองที่ได้ทำงานด้วยกันดีไหมคะ วินนี่ยังไม่อยากกลับบ้านเลย”
“ถ้าวินนี่อยากไปผมก็ไม่ขัด วันนี้ผมไม่ได้อยู่เวร งั้นผมจะพาไปร้านที่ผมไปบ่อยๆ”
คีรีสั่งเช็คบิลและหลังจากนั้นเขาก็พากวินตราไปที่ผับแห่งหนึ่งที่อยู่ชานเมืองหลวง กวินตรากวาดสายตามองอย่างแปลกตา
กับความโอ่อ่าของสถานที่ แสงไฟระยิบระยับวิ่งวนไปมาอยู่ในความมืดสลัวและเพลงจังหวะกลางไม่ได้เร่งเร้ามากเกินไปนัก
“ไม่เคยรู้ว่ามีผับระดับนี้อยู่แถวนี้ด้วย วินนี่ไม่เคยมาเลย”
“ผับของเพื่อนน่ะครับ”
คีรีหันไปสั่งเครื่องดื่มมาให้กวินตราอย่างชำนาญ ไม่นานนักแก้วเครื่องดื่มสีสวยก็ตั้งอยู่หน้าหญิงสาว กวินตรามองคีรีอย่างนึก
ทึ่ง
“ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เป็นหมอจะเอาใจผู้หญิงเก่งด้วยนะคะ”
คีรีมองกลับสายตาท้าทายนั้นอย่างไม่ยอมแพ้
“หมอก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เรื่องเอาใจสาวนี่ไม่ได้นอกเหนือความสามารถหรอกครับ ลองดูสิครับ แก้วนี้รสชาติดีมาก เดี๋ยวสัก
พักจะมีวงดนตรีมาเล่น รับรองว่าวินนี่จะสนุกจนลืมเรื่องน่าเบื่อไปเลย”
กวินตราเพลิดเพลินไปกับการเอาอกเอาใจของคีรีและความสนุกสนานของบรรยากาศ ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงขึ้น
แปรผกผันกับสติสัมปชัญญะที่น้อยลงเช่นกัน และตอนนี้หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังโอนเอนซบอยู่ในวงแขนของนายแพทย์หนุ่มตั้งแต่
เมื่อไหร่
“วินนี่ครับ อยากจะสนุกขึ้นอีกนิดไหมเอ่ย”
“อะไรคะหมอ”
ปรือตามองอย่างไร้สติก่อนที่คีรีจะดันอะไรบางอย่างไว้ที่ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดของกวินตาและตามมาด้วยริมฝีปากของคีรี
เองที่จงใจกดแนบลงไปเพื่อให้กวินตรากลืนกินมันลงคอ คีรีล่อหลอกด้วยจูบหนักหน่วงจนกวินตราเผลอไผลเคลิบเคลิ้ม
“หมออออ”
เสียงอ้อแอ้พัวพันขณะหญิงสาวยกแขนขึ้นกอดเกี่ยวคล้องคอคีรีไว้อย่างไม่รู้สึกอับอายสายตาใครในผับซึ่งก็ไม่มีใครสนใจ
กันอยู่แล้ว คีรีกดยิ้มลึกที่มุมปากเมื่อรู้ว่าเหยื่อของเขาตกลงไปในหลุมที่ขุดไว้เรียบร้อยแล้ว
“ผมจะพาวินนี่ไปสนุกให้สุดเหวี่ยงเลยนะครับ”
ประคองร่างที่เดินโงนเงนขึ้นบันไดไปชั้นบน คีรีจ่ายเงินให้คนดูต้นทางก่อนที่เขาจะพากวินตราเข้าไปด้านในที่แบ่งเป็นห้อง
เล็กๆ ภายในห้องมีเพียงเตียงนอนและติดกระจกไว้รอบห้องไม่เว้นแม้แต่เพดาน คีรีเหวี่ยงกวินตราลงไปกลางเตียงทันที
จัดแจงตั้งโทรศัพท์มือถือไว้ในจุดที่มองเห็นเตียงนอนได้ถนัดถนี่ กวินตราดวงตาลอยคว้างราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ไร้ความ
เป็นจริง คีรีแสยะยิ้มสาแก่ใจจากนั้นเขาก็เปลื้องอาภรณ์ทั้งของตัวเองและกวินตราออกจนเหลือแต่กายเปล่าเปลือย
กล้องจากโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพอย่างต่อเนื่อง ภาพที่ชายหญิงทั้งสองกำลังโรมรันกันอยู่บนเตียงอย่างเมามันและขาดสติโดยสิ้นเชิง
เพราะฤทธิ์ของสารกล่อมประสาทที่คีรีประเคนให้แก่กวินตรา
เวทิศยืนคิดว่าเขาควรจะทำอย่างไรกับคนที่กำลังนอนแผ่เต็มเตียงของเขาในยามดึกเช่นนี้
คิดไปถึงเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมาที่เขาได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ของร.ต.อ.ปาล แต่เมื่อเวทิศรับสายกลับไม่ใช่เสียงของปาล
ที่พูดกลับมา
“ผมเป็นบ๋อยอยู่ที่ผับ...ครับ คุณพี่เจ้าของมือถือมาดื่มแล้วฟุบหลับปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เบอร์ของคุณเป็นเบอร์ล่าสุดที่เขา
โทรออกผมก็เลยโทรมา ช่วยมารับเขากลับหน่อยเถอะครับผับจะปิดแล้ว”
เวทิศไม่เคยออกไปไหนดึกขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะสถานที่อโคจรเยี่ยงนี้ แต่เขาก็ต้องยอมออกไปเพราะความห่วงใยที่
เกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
“ก็แค่ร่วมงานกันแหละน่า”
ทำความเข้าใจกับตัวเองเมื่อขับรถยนต์ไปถึงผับ เขาจ่ายเงินแทนปาลและวานให้เด็กในร้านหิ้วปีกปาลขึ้นรถ และเพราะไม่รู้ว่า
บ้านของปาลอยู่ที่ไหนเวทิศจำเป็นต้องพาปาลมาที่คอนโดมิเนียมของเขา กว่าจะพาขึ้นมาถึงห้องเวทิศก็ทั้งลากทั้งประคองร่างสูงของ
ปาลอย่างทุลักทุเล ในที่สุดเวทิศก็เทปาลไว้ที่เตียงก่อนจะยืนเท้าเอวหอบแฮกมองจากปลายเตียง
“แดกเข้าไปเหล้าน่ะ แม่งเหม็นชิบหาย”
เวทิศทนไม่ได้แน่ๆถ้าทั้งห้องจะอบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ ห้องพักของเขาเป็นแบบสตูดิโอ ไม่ได้แบ่งเป็นห้องนอนเป็น
สัดเป็นส่วน มีเพียงฉากกั้นที่ใช้ตกแต่งบังส่วนเตียงนอนไว้จากส่วนที่เขาจัดไว้เป็นส่วนอเนกประสงค์ ดังนั้นจึงจำเป็นที่เวทิศต้องกำจัด
กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไป
“ทำไมกูต้องทำถึงขนาดนี้วะ”
เวทิศยกกะละมังน้ำและผ้าขนหนูมาจัดการเช็ดหน้าเช็ดตัวคนเมา เขาดึงชายเสื้อยืดโปโลที่ปาลใส่และสอดมือเข้าไปเพื่อเช็ด
ตัวไล่กลิ่นเหล้าให้เหลือน้อยที่สุด
“ดิ้นทำพ่อง”
ชักจะหงุดหงิดที่คนตัวใหญ่กระสับกระส่ายไปมา ส่วนปาลนั้นเมื่อเจอความเย็นของน้ำช่วยให้ความสดชื่นเขาจึงค่อยปรือตา
ขึ้นมาอย่างยากเย็น
“อ้าว เวทิศ มา มาดื่มด้วยกัน”
“ดื่มเหี้ยไรล่ะไอ้ผู้กอง แหกตาดูก่อนว่าที่นี่ที่ไหน”
เวทิศกระแทกผ้าขนหนูใส่หน้าอย่างหมั่นไส้ ปาลจึงพอจะได้สติมองไปรอบๆห้องและวกกลับมามองเวทิศที่นั่งหน้าหงิก
“ที่ไหน คอนโดคุณเหรอ ผมมาอยู่นี่ได้ไง”
“ก็แม่ง คุณแดกเหล้าเข้าไปจนหลับคาผับ บ๋อยมันไม่โยนทิ้งที่ข้างถังขยะก็ดีเท่าไหร่แล้ว แล้วนี่ทำไมถึงดื่มหนักขนาดนี้ หือ
ผู้กอง”
ปาลยิ้มแห้งๆ เขาฝืนดันตัวเองลุกขึ้นมานั่งพลางสะบัดหน้าไล่ความมึนเมา แล้วจึงเล่าให้เวทิศฟัง
“เพื่อนผมที่เป็นสายตรวจมันส่งข่าวมาบอกว่าเห็นวินนี่ไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่นเมื่อตอนหัวค่ำ”
แปล๊บบบ
เวทิศไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมหัวใจเขาถึงเจ็บแปลบเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทงเมื่อเห็นปาลนั่งหน้าจ๋อยหลังจากบอกเหตุผลที่
ทำให้ไปนั่งดื่มจนเมาหนัก เวทิศแสร้งยิ้มเยาะราวกับเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับท่าทางของปาล
“ตอนทะเลาะกับเขาก็ทำเป็นเก่ง แต่พอเขาจะทิ้งไปหาคนใหม่จริงก็เสียดายใช่ไหมล่ะผู้กอง”
ปาลมองหน้าเวทิศแล้วถอนหายใจออกมา
“ยังไงก็ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกันอยู่นะโว้ยคุณ ถึงแม้จะคบกันบ้างทะเลาะกันบ้าง เฮ้อ...นี่ผมต้องโดนผู้หญิงเทอีกสักกี่คนถึงจะ
เจอรักแท้วะ ใครจะมาเข้าใจอาชีพตำรวจอย่างผมบ้าง”
“อย่ามัวแต่คร่ำครวญ” เวทิศก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าคว้าเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาโยนให้ปาล
“สร่างเมาก็ดีแล้ว ไป เข้าไปอาบน้ำเอากลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ออกไปให้หมด”
ปาลถอนหายใจ เขาลุกขึ้นยืนและก้าวเดินไปที่ห้องน้ำ ปาลหันกลับมาส่งยิ้มจริงใจให้เวทิศเป็นครั้งแรก
“ยังไงก็ขอบคุณนะที่ไปช่วยผม ไม่งั้นคงได้นอนข้างกองขยะจริงอย่างที่คุณว่า”
ใจสั่นทำเหี้ยอะไรวะ
เวทิศเบือนหน้าหนีพลางส่งเสียงอือออไปตามเรื่องเมื่อเห็นรอยยิ้มของปาลก่อนที่เขาจะเดินเข้าห้องน้ำ ความร้อนวูบวาบแล่น
ฉีดเป็นริ้วอยู่บนใบหน้าจนต้องรีบกระโจนขึ้นเตียงแล้วคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงไว้
“แม่ง อย่าหวั่นไหวเชียวนะไอ้ทิศ มึงเป็นผู้ชาย ไอ้ผู้กองก็เป็นผู้ชาย ต่างคนต่างมีช้างน้อย มึงจะเอามาทำยุทธหัตถีกันเรอะ
บรึ๊ออ”
ได้แต่กรอกตาไปมาอยู่ในโปงผ้าห่ม ข่มตาเท่าไหร่เวทิศก็นอนไม่หลับ เขาได้ยินเสียงทุกอย่างในห้องตั้งแต่เสียงสายน้ำจาก
ฝักบัว เสียงเปิดประตูห้องน้ำ หรือแม้แต่เสียงฝีเท้าที่เก้าเดินมาและแรงยวบที่เตียงนอนอีกฝั่งทำให้เวทิศรู้ว่าปาลอยู่ใกล้เขาแค่ไหน
“หลับแล้วเหรอ คลุมโปงอย่างนั้นหายใจออกหรือไง”
ปาลดึงผ้าห่มออกจากใบหน้าของเวทิศ เขาชะโงกหน้าไปดูเห็นเปลือกตาคู่นั้นปิดสนิท รอยยิ้มจึงผุดขึ้นอีกครั้ง ปาลนึกไม่
ถึงว่าคนที่เขาเคยเถียงเคยทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายที่สระน้ำในบ้านของกวินตราจะกลายมาเป็นคนที่ช่วยเหลือเขาไว้
เกือบสัปดาห์ที่ต้องทำงานร่วมกัน เวทิศไม่เคยบ่นถึงแม้ว่าปาลจะโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลดึกขนาดไหน ไหนจะเรื่องที่เวทิศใส่ใจเขา
ในเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว ปาลดูออกว่ามันเป็นอุปนิสัยของเวทิศที่คิดถึงใจของคนอื่น มันสร้างความประทับใจให้
เขาทีละนิดจนกระทั่งปาลยอมรับใจตัวเองได้ในวันนี้ว่าเขารู้สึกดีและสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ๆเวทิศ
“นอนคุดคู้เป็นเด็กไปได้”
ปาลเอนกายลงนอนเคียงข้าง เขาลืมตาโพลงอยู่ในความมืดสลัว มีเพียงแสงไฟริบหรี่จากภายนอกที่ลอดหน้าต่างเข้ามา
บ้าง ความเงียบและเหงาทำให้ปาลถอนหายใจ เขาหันไปมองเวทิศที่นอนตะแคงหันหลังให้เขา อะไรบางอย่างในหัวใจทำให้ปาลพลิก
กายตะแคงไปหาแผ่นหลังของเวทิศและทอดแขนพาดผ่านลำตัวนั้น
“ทำเหี้ยอะไรวะ”
คนในวงแขนตัวแข็งก่อนจะดีดผึงขึ้นมาและยกเท้าขึ้นถีบเข้ากลางลำตัวของปาลเต็มแรง ผู้กองหนุ่มที่ไม่ทันระวังตัวอุทาน
ลั่นเมื่อเขากระเด็นไปตามแรงถีบจนร่วงหล่นจากเตียงกระแทกพื้นห้องดังอั้ก
“สัส จะบ้าเรอะ คุณถีบผมทำไมวะ”
ปาลตะกายขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่เวทิศที่กำลังหน้าบึ้งกัดริมฝีปากจนแดงเห่อ
“ก็คุณเสือกมากอดผมนี่หว่า นอนนิ่งๆไม่ได้หรือไง”
“เตียงมันเล็กแค่นี้ นอนนิ่งแค่ไหนมันก็ต้องโดนกันบ้างแหละน่า”
ปาลโยนความผิดไปที่เตียง ความจริงก็ไม่ได้โกรธเคืองหรอก แต่ที่โวยวายเพราะตกใจที่เวทิศลุกมาถีบเขาเสียมากกว่า
“ทำไม แตะต้องไม่ได้เลยหรือไงตัวเนี่ย หือ พ่อหนุ่มเนื้อทอง นอนได้แล้ว หรือจะนั่งอยู่อย่างนั้นก็ตามใจ”
ปาลกลั้นยิ้มแล้วทิ้งกายลงนอนหงาย เขาดึงผ้าห่มมาห่มจนถึงคอก่อนจะหลับตาลง
“เฮ้ย เอาผ้าห่มผมไป แล้วผมจะห่มอะไร”
เวทิศโวยวายพลางยื้อแย่งผ้าห่ม ปาลลืมตามองพร้อมกับย่นหัวคิ้ว
“ผ้าห่มผืนตั้งใหญ่ หวงไปได้ ก็ห่มผืนเดียวกันนี่แหละ เอ้า นอนได้แล้วผมง่วง”
แล้วปาลก็หลับตาลงโดยไม่ได้สนใจเวทิศอีก เจ้าของห้องพักได้แต่มองตาคว่ำ
“ฝากไว้ก่อนเหอะ ไอ้ผู้กอง”
และแล้วเวทิศก็จำเป็นต้องใช้ผ้าห่มผืนเดียวกับปาล เขามองปาลอย่างไม่ไว้วางใจจนต้องขยับไปนอนหมิ่นเหม่อยู่ที่ริมเตียง
ฝั่งตัวเองและหลับตาลง
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบอกให้ปาลรู้ว่าคราวนี้เวทิศหลับแล้วจริงๆ ปาลจึงได้ตะแคงตัวไปทางเวทิศอีกครั้งก่อนจะวางแขน
พาดไปบนลำตัวและกระชับวงแขนให้เวทิศเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาภายในผ้าห่มอันแสนอบอุ่นของราตรีที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงนี้
มีต่ออีกนิด...