ตอนที่ 2
แต่ถึงเขาอยากจะลืมไปนานแค่ไหน ความจริงก็ยังพุ่งเข้าหาอยู่วันยังค่ำ
เสี่ยโทรมาหาเขาในช่วงคาบบ่ายของวันศุกร์ บอกเป็นประโยคสั้นๆ แค่ว่า
" คืนนี้จะไปหา"
คืนนี้จะไปหา...
เขานั่งหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้ม จะขยับก็ขยับไปไหนไม่ได้ รู้สึกเหมือนตัวเองวิงเวียนหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม เพื่อนในกลุ่มที่เห็นเขาหน้าซีดก็สั่งให้เขานอนราบไปกับเก้าอี้ แต่ละคนวิ่งวุ่นหาพัด หาน้ำหวาน ยาดม ยาลม ยาหม่อง มาดูแลเขาอย่างเต็มที่ แต่ก่อนที่ใครจะทำเรื่องวุ่นวายถึงขั้นโทรเรียกรถพยาบาล เขาสบตากับไอ้ก้องเพื่อนสนิท บอกมันแต่เพียงว่าให้เอารถยนต์ไปส่งเขาที่หอพัก ส่วนคาบเรียนช่วงบ่ายเขาก็ขาดไป ยังดีที่วิชานี้ไม่มีเช็คชื่อ เขาเลยสามารถโดดได้ง่ายๆ
" ที่บ้านโทรมาบอกเรื่องหนี้เหรอวะ" ไอ้ก้องถามตอนที่กำลังขับรถ
ไอ้ก้องเองก็รู้เรื่องที่บ้านเขาติดหนี้ แต่มันไม่รู้หรอกว่าเขาแก้ปัญหาด้วยการเป็นเด็กเลี้ยง มันรู้แต่ว่าเขายืมเงินคนอื่นมาหมุนแทน
เงินสามแสน... จะว่ามากก็มาก จะว่าน้อยก็น้อย แต่ใครที่ไหนจะให้คนอื่นยืมเงินได้ง่ายๆ ตั้งสามแสนโดยเฉพาะกับเพื่อน แค่ออกปากขอยืมหน่อยก็เสียเพื่อนแล้ว จะให้ไปขอกู้จากที่อื่นมาทบหนี้ก็ไม่ได้ เขายังเป็นนักศึกษาอยู่ไม่มีอะไรใช้เป็นหลักค้ำ อีกอย่างฝ่ายเจ้าหนี้เองก็เร่งรัดเอาเงินเพราะอยากยึดที่ ตอนนี้ที่ทางในจังหวัดจันทบุรีกำลังมีราคา บ้านแม่เขาเป็นบ้านเก่าติดท่าน้ำ ถ้าปรับปรุงดีๆ ก็สามารถทำเป็นโฮมสเตย์ได้ แถมที่บ้านเขายังมีต้นมะม่วง ลำไย มังคุด ขนุน ทุเรียน อย่างละต้นสองต้น มีจำปี จำปา ดอกแก้ว ดอกพุด จัดอยู่เป็นพุ่มๆ เพราะแม่ชอบดอกไม้สีขาวทุกชนิด
สมัยที่คุณยายยังมีชีวิตอยู่แกก็ชอบปลูกกล้วยไม้แขวนไว้ที่หน้าบ้าน ไม่ก็เกาะกิ่งไว้กับต้นมะม่วง ทุกๆ ปีดอกกล้วยไม้จะออกดอกชูช่อสวย ลุงเขาต้องกลับมานอนเฝ้าทุกคืนเพราะชอบมีคนมาขโมย ไม่ก็มีพวกเด็กๆ ชอบมาเด็ดเล่น แล้วแบบนี้ลุงเขาจะยังเอาที่ไปจำนองเพื่อแลกกับเงินสามแสนอีกเหรอ ลุงเอาอะไรคิด!
เฮ้อ คิดแล้วก็อดปวดหัวไม่ได้ เขารู้ว่าลุงโดนหลอกจะด่าแกมากก็ใช่ที่ แต่บ้านหลังนั้นเขาอยู่มาตั้งแต่เกิด มีความทรงจำของเขากับแม่มากมาย เงินหาซื้อความสุขจากความทรงจำไม่ได้ แต่เงินสามารถพรากความทรงจำดีๆ จากเขาไปได้
ดังนั้นแค่ขายตัวจะเป็นไรไป เขาเองก็ไม่ได้คิดจะขายตัวไปตลอดชีวิต
แค่ตอนนี้เท่านั้น... แล้วพอเรียนจบเขาก็จะทำงานหาเงินแบบปกติ
ยังดีที่พี่ธนิตใจดีช่วยออกเงินใช้หนี้ให้ก่อนแบบไม่คิดดอกเบี้ย พี่รหัสของเขาเองก็เอาชื่อตัวเองช่วยค้ำ อย่างที่บอก เงินสามแสน จะว่ามากก็มาก จะว่าน้อยก็น้อย พี่รหัสเขาไม่ใช่นักบุญ แค่ช่วยติดต่อคนกับช่วยค้ำให้ก็ถือว่าใจบุญมากแล้ว ส่วนเรื่องหนีหนี้... เอาเป็นว่าวงการนี้มันไม่แคบ ถ้าลองหนีแล้วถูกจับได้ ได้เจอจุดจบที่แย่ยิ่งกว่าเป็นเด็กเสี่ยแน่นอน
เขาใช้เวลาอยู่ในรถไอ้ก้องเกือบสามสิบนาที ถามตอบและพูดคุยกันเป็นประโยคสั้นๆ พวกผู้ชายก็แบบนี้แหละไม่คุยอะไรกันมาก ลองเป็นพวกเจ้าแม่มาส่ง รับรองเลยว่านอกจากเรื่องหนี้ พวกเธอต้องขุดลากยาวไปยันญาติโกโหติกาเขาแน่นอน
" มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน ถ้าเงินไม่กี่พันกูช่วยออกเป็นค่าข้าวให้มึงได้" ไอ้ก้องบอกก่อนที่จะออกรถ เขาแค่บอกขอบคุณแล้วพยักหน้าให้ไม่ได้หลุดปากบอกอะไรเพิ่ม
พูดถึงเรื่องเงิน ที่จริงที่บ้านเขาก็ไม่ได้จนมาก แค่พออยู่พอกินแบบธรรมดา ลุงเขาทำสวนผลไม้แบบชาวบ้าน ไม่ได้มีเงินเก็บแบบเหลือกินเหลือใช้ ป้าสะใภ้ก็เปิดร้านขายของชำตรงหน้าบ้าน มีที่ดินจากมรดกคุณตาก็เอามาแบ่งให้คนอื่นเช่า
ลุงเขาตัดเงินจากตรงนั้นมาให้เขาใช้เดือนละ 10,000 บาท กู้กยศ.เพิ่มเพื่อเอามาจ่ายค่าเช่าห้องพัก เรียกได้ว่าถ้าใช้อย่างประหยัดๆ ก็พอกินพอใช้ มีเหลือก็เก็บแต่ก็ไม่มาก ถ้าเดือนไหนเกิดเงินไม่พอ ก็ต้องเอาที่เหลือจากเดือนก่อนๆ มาโปะ
สรุปคือเขาไม่มีเงินเก็บจริงๆ เลยซักบาท เรียนคณะบริหารแต่ก็บริหารเงินไม่เป็น มีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดก็คงเป็นแบบนี้
เขาส่ายหน้าให้กับความไม่เก็บออมของตัวเองแล้วไขประตูเปิดห้อง วางเป้ของตัวเองลง นอนแผ่อยู่บนเตียงเกือบหนึ่งชัวโมงก่อนทำใจลุกไปอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาขัดตัวไปแล้ววันนี้เลยไม่ต้องขัดมาก เอาแปรงมาถูๆ เล็บมือกับเล็บเท้าที่ดูเลอะๆ อีกหน่อย อาบน้ำเสร็จก็ออกมาตัดเล็บ ตะไบเล็บจนเป็นทรงมนโค้ง ทาครีมตลอดทั่วทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่ฝ่าเท้า เปิดแอร์ตากตัวให้แห้งก็ล้างมือเตรียมโบ๊ะหน้า
ใครว่าอาชีพขายตัวเป็นอาชีพที่สบาย แค่ดูแลบำรุงผิวตัวเองให้ดีๆ แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว เขาใช้เวลาทั้งหมดในการบำรุงตัวเองไปสองชั่วโมง เก็บเสื้อผ้าที่ต้องใช้เปลี่ยนยัดใส่เป้แล้วเดินออกจากห้อง โบกแท็กซี่แทนวินมอเตอร์ไซค์เพื่อปกป้องผิวจากมลพิษ กว่าจะถึงคอนโดเสี่ยก็เป็นเวลาเกือบสี่โมง
อันที่จริงเขาจะค้างที่คอนโดเสี่ยตลอดสี่เดือนเลยก็ได้ แต่ใครมันจะอยากนอนอยู่บนเขียงหมูกัน แค่คิดว่าตัวเองจะต้องถูกหั่น เสียบ เชือด เขาก็แขยงแล้ว สู้มาอยู่เฉพาะช่วงที่ต้องมาดีกว่า มีอะไรเกิดขึ้นก็จะได้เผ่นได้ง่ายๆ แถมไม่ต้องผูกพันมาก เขาเป็นพวกชอบยึดติด ไม่ค่อยชอบกับการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะพวกที่อยู่หรือบ้าน ดังนั้นเขียงหมูนี่... มาได้น้อยที่สุดเท่าไหร่ยิ่งดี แต่ไม่ต้องมาเลยจะดีที่สุด
คำว่า "คืนนี้จะไปหา" เป็นบริบททางเวลาที่กว้างมาก เพราะไม่รู้ว่าเสี่ยจะมาถึงกี่ทุ่ม
พี่ธนิต(อีกแล้ว) แนะนำเด็กใหม่แบบเขาว่า ว่างก็มาเตรียมตัวไว้ก่อน เวลาเหลือก็ฝึกบริหารเสน่ห์ไป อาหารเครื่องดื่มต้องมีให้พร้อมโดยเฉพาะของมึนเมา กับข้าวต้องเลือกแบบกลิ่นไม่แรงมาก อุ่นง่ายกินง่ายแต่ต้องดูดี (อีซี่โกหลบไป) จะสร้างบรรยากาศหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับความสามารถ แต่ถ้าไม่มีฝีมือก็อย่าประจานตัวเองให้เสี่ยเครียด เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด แต่สิ่งสำคัญสุดคือต้อง สด สะอาด ปลอดภัย และเชื่อถือได้
ซึ่งหมายถึงตัวเขาเองน่ะนะ พี่ธนิตย้ำกับเขาเป็นรอบที่สี่หมื่นแปดพันถ้วนว่า เสี่ยเป็นคนรักสะอาด ไม่ชอบให้เด็กรับงานซ้อน แถมเสี่ยจะหงุดหงิดง่ายถ้าอยากกินแต่เด็กดันไม่ยอมให้กิน
เขาเคยถามพี่ธนิตว่ามีเด็กที่เสี่ยเขี่ยทิ้งก่อนเวลาไหม พี่แกก็หัวเราะแล้วบอกเขาให้สยองขวัญว่า
" มีเด็กอยากลองดีคนหนึ่งแอบไปกิ๊กกับแฟนเก่า พอเสี่ยจับได้ก็ไล่ออกจากห้อง เสี่ยไม่ลงมือกับเด็กเองให้เสียมือแต่มาลงกับพี่ เพราะงั้นพี่เลยให้ไอ้เด็กนั่นไปรับแขกแบบหมู่แถวๆ ซ่อง เพื่อเป็นการขอโทษเสี่ย"
คนพูดๆ ไปแบบไม่หยุดหัวเราะ แต่เขานี่สิพูดอะไรต่อไม่ออก จากที่เคยคิดว่าพี่ธนิตใจดีก็ต้องเปลี่ยนความคิด ร่ำๆ คิดแต่ว่าไม่อยากเอาเงินไปใช้หนี้แล้ว
แต่พี่แกดันดักคอก่อนว่า "ตอนนี้เด็กแบบที่เสี่ยต้องการกำลังขาด ถ้าแกเบี้ยว...."
" ผมจะตั้งใจทำงานอย่างดีครับพี่!" เขาเป็นคนว่าง่าย รักษาคำสัญญา ดูแลเสี่ยแค่คนเดียวเรื่องจิ๊บๆ แต่ถ้ามาแบบเป็นฝูง....
คิดแล้วอยากจะเป็นลมจนต้องหายาดมมาดมเพิ่ม วันนั้นเขาออกจากห้องพี่ธนิตแบบเท้าไม่ติดพื้น สติหายไปหมดกับคำขู่ของพี่ธนิต และหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ไปหาพี่ธนิตอีกเลยเป็นเดือนๆ เพราะไม่อยากเจอตัว
เขาใช้เวลาที่เหลือเตรียมตัวทำความสะอาดภายในอยู่ในห้องน้ำอีกซักพัก ข้าวเย็นไม่ได้กินเพราะกลัวอ้วก เตรียมดูของที่ต้องใช้ กินเหล้าที่วางอยู่เรียงรายเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ ครั้งนี้เขาไม่ได้กินยาปลุกเพราะเข็ดจากครั้งที่แล้ว
เขานั่งรอเสี่ยที่โซฟานานมาก จนต้องลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวแล้วแปรงฟันอีกรอบ
ตอนที่หิวจนทนไม่ไหวกำลังจะออกไปหาอะไรกิน เสียงเปิดประตูที่ฟังคล้ายเสียงในหนังสยองขวัญก็ดังขึ้น
แอ๊ด...
เสี่ยมองเขา... ที่กำลังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู