บทที่ 26
ซินเธียตื่นเต้นมากกับการไปโรงพยาบาลวันนี้ พวกเขาจะได้รู้กันแล้วว่า เด็กๆ ที่ซนอยู่ด้านในท้องของตนเหล่านี้จะเป็นคุณชายน้อยหรือคุณหนูน้อยกันแน่
อันที่จริงก็นึกตื่นเต้นทุกครายามถึงนัดประจำเดือน ซินเธียมักมีความสุขกับการไปตรวจมากเขาชอบที่จะได้ฟังคุณหมอเล่าว่าตอนนี้ลูกๆ มีพัฒนาการเป็นแบบไหน น้ำหนักตัวเท่าไหร่ โตขึ้นมากเท่าใดแล้ว
ทันทีเมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องตรวจคุณหมอสาวสวยก็ส่งยิ้มอ่อนหวานให้อย่างทุกครั้ง
“สวัสดีค่ะ คุณแม่สบายดีไหมคะ”
“สบายดีครับ เด็กๆ ก็ดูสดใสคึกคักมาก” ตอบในขณะลูบหน้าท้องนูนของตัวเอง พวกเขาดิ้นกันเก่งมาก ยิ่งเวลาได้ยินเสียงพูดคุยของคุณแม่ก็ยิ่งคึกคักเช่นเดียวกับตอนได้ทานขนมอร่อยๆ
เราเริ่มต้นด้วยการทักทายอย่างผ่อนคลาย สอบถามอาการเบื้องต้น ซินเธียเล่าให้เธอฟังว่าตลอดหนึ่งเดือนมานี้มีความเปลี่ยนแปลงใดบ้าง อาการแพ้ท้องหมดไปแล้วจากที่ทานมากก็ยิ่งมีความอยากอาหารบ่อยครั้งเพิ่มขึ้น แลกเปลี่ยนสอบถามกันในระหว่างตรวจร่างกายเบื้องต้น
“ผลเลือดปกตินะคะ ความดัน หัวใจก็ดีค่ะ” เธอจดข้อมูลลงในบันทึกประจำตัวของคนไข้คนสำคัญ ริมฝีปากอิ่มก็ขยับอธิบายโดยไม่ติดขัด “คุณแม่ทานได้มากขึ้น อืม เป็นเรื่องดีนะคะแต่ต้องระวังเรื่องน้ำหนักเล็กน้อย”
พอได้ยินแบบนั้นคนที่ระยะหลังมานี้มีความสุขกับการทานอาหารก็มีสีหน้าเจื่อนลง
“น้ำหนักตอนนี้นับว่ายังไม่เกินเกณฑ์มากค่ะ แต่หมอแนะนำว่าไม่ควรให้เพิ่มขึ้นเกินเดือนละ 2 กิโลกรัม เรื่องนี้จะส่งผลต่อเด็กๆ ด้วย หากพวกเขามีน้ำหนักมากและตัวใหญ่เกินไปจะมีปัญหาตอนคลอดได้”
วิธีการคลอดด้วยธรรมชาติย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่ที่สุขภาพแข็งแรงและอายุยังน้อย การฟื้นตัวหลังคลอดรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน คุณแม่บางรายคลอดคืนนี้ เช้ามาก็สามารถเดินได้คล่องรอบโรงพยาบาลแล้ว ยิ่งเป็นท้องแรกการคลอดด้วยวิธีธรรมชาติจะยิ่งดีสำหรับครอบครัวที่คิดจะมีทายาทคนต่อไป
การผ่าคลอดย่อมมีข้อดีแต่ข้อเสียก็มีไม่น้อย แผลจากการผ่าตัดต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ต้องดูแลตัวเองอย่างระมัดระวัง เช่น การออกแรงมากหรือยกของหนัก ไม่อย่างนั้นจะเสี่ยงต่อแผลผ่าตัดปริแตก อีกทั้งในครรภ์ต่อไปก็ต้องระวังมากขึ้น การดูแลก็จะต้องรัดกุมกว่าเดิมเนื่องจากมดลูกเคยได้รับการผ่าตัดมาแล้วโอกาสจะเกิดอาการแทรกซ้อนก็ย่อมมีมากกว่าวิธีธรรมชาติ และมันยากหากเคยผ่าตัดมาแล้วและในครั้งที่สองต้องการเลือกการคลอดด้วยตนเอง
ซินเธียรับฟังคำอธิบายเหล่านั้นด้วยความตั้งใจ จดบันทึกสั้นๆ ลงสมุดบันทึกประจำตัวลงไปด้วยโดยไม่ให้ตกหล่นถ้อยคำสำคัญแม้แต่คำเดียว ด้วยไม่ต้องพะวงเรื่องคำถามฝั่งตัวเองเนื่องจากผู้เป็นสามีได้ทำหน้าที่นั้นแทนเรียบร้อย เรื่องที่ควรถามก็ถามแล้ว เรื่องที่ควรรู้ก็ไขความกระจ่างสิ้น ฉะนั้นซินเธียเลยมีเวลาเต็มที่ในการจดบันทึก
“พักหลังมานี้เขาชอบทานพวกขนมหวานหลังอาหารทุกมื้อ ยังไม่รวมกับของว่างระหว่างเวลาน้ำชาอีก” แอชลีย์จัดการสาธยายตัวการที่ทำให้คุณแม่ตัวเล็กน้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบจะเกินเส้นแดงที่ขีดเอาไว้แล้ว
ที่ผ่านมาตนไม่คิดห้าม เห็นเจ้าตัวมีความสุขกับการทานอาหารของว่างมากมายก็มีความสุขตาม ก็เมื่อก่อนท่านชายวาเลนเธียเป็นคนทานน้อย ถึงร่างกายจะพอมีกล้ามเนื้ออยู่บ้างแต่ก็ยังดูผอมบางอยู่ดี คราวนี้นิสัยการกินเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ทานมากขึ้น อยากอาหารมากขึ้น การได้กินอิ่มนอนหลับสบายไม่นับว่าเป็นเรื่องดีหรอกหรือ ประเด็นนี้ชายหนุ่มมักถูกคุณแม่เน้นย้ำตลอดเวลายามได้พบหน้ากัน ท่านหญิงคิมจะแสดงความเกรี้ยวกราดแน่นอนหากพบว่าลูกชายคนนี้ไม่ดูแลลูกสะใภ้สุดรักให้อิ่มหนำสำราญใจ
แต่ใครจะคิดว่าการทานมากไปก็ชักเริ่มไม่ใช่เรื่องดี สงสัยคราวนี้กลับไปต้องบอกให้อีริคจัดการดูแลเรื่องอาหารของท่านชายใหม่เสียแล้ว พวกขนมหวานของว่างก็ควรลดลงตามที่หมอแนะนำมา
“แบบนั้นจะเสี่ยงเรื่องเบาหวานได้นะคะ” ประโยคนี้ยังกล่าวไม่จบแต่สีหน้าของท่านชายเสียนำไปก่อนแล้วพอได้ยินว่าการทานขนมหวานมากไปไม่ใช่เรื่องดี หญิงสาวเลยรีบเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้มใจดี
“ไม่ได้แปลว่าต้องงดเด็ดขาด แต่หมอแนะนำว่าควรลดจำนวนลงดีกว่าค่ะ อย่างพวกเค้ก ของที่มีครีมน้ำตาลมาก ลดลงเหลือวันละชิ้นจะดีที่สุด อาจจะเป็นมื้อบ่าย ส่วนมื้อเช้ากับเย็นลองเปลี่ยนเป็นผลไม้ดีไหมคะ”
“ทาร์ตผลไม้ได้ไหม”
“นั่นก็ของหวาน” คนตัวสูงหันมามองพลางขมวดคิ้ว “ต่างจากเค้กตรงไหน”
“แต่มันมีผลไม้นี่” คนที่นั่งตัวลีบบนเก้าอี้กล่าวอ้อมแอ้ม ทาร์ตผลไม้รวมที่แมรี่สาวใช้ในบ้านทำอร่อยมากจนจัดการไปหลายชิ้น ไม่ใช่ว่าตัวเองตะกละตะกรามขึ้นแต่ตอนนี้เขาต้องเลี้ยงเด็กถึงสองคนเลยนะ ปริมาณอาหารก็ต้องมากขึ้นสิ
มองแค่ตาก็พอจะดูออกแล้วว่าภรรยาตัวน้อยกำลังคิดอะไรอยู่ ก็คงยกเรื่องลูกมาอ้างนั่นแหละ แอชลีย์ส่ายหน้าอ่อนใจ เห็นชัดว่าตัวเองอยากทานเสียส่วนใหญ่ ลูกตัวแค่นั้นจะไปรู้ความอะไร ท่านชายวาเลนเธียถึงจะกิริยางามพร้อมวางตัวดีฐานะสูงส่งมากแค่ไหน สุดท้ายก็ยังเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งในสายตาของแอชลีย์อยู่ดี พออยู่ด้วยกันนานมากเข้าจนคุ้นเคย บ่อยครั้งเจ้าตัวมักจะเผลอแสดงด้านเด็กน้อยออกมาโดยไม่รู้ตัว
อัลฟ่าสาวได้แต่ยิ้มกับภาพตรงหน้า กว่าจะจบประเด็นเรื่องของว่างไปก็ใช้เวลาพอดูก่อนจะเปลี่ยนไปอีกหนึ่งประเด็นสำคัญเมื่อซินเธียนึกบางสิ่งขึ้นได้
“ปกติเราอยู่กับลูกตลอดเวลาเลยสัมผัสได้เวลาพวกเขาดิ้น แต่เวลาคุณพ่อเขาจะจับไม่ค่อยดิ้นเลยคุณหมอว่าแปลกไหมครับ”
“อืม ก็ไม่นับว่าแปลกเท่าไหร่นะคะ” คุณหมอวางปากกาในมือเปลี่ยนมาเป็นประสานกันเอาไว้หลวมๆ แทน “การพูดคุยกับทารกในครรภ์เป็นอีกวิธีในการเสริมสร้างพัฒนาการของพวกเขาค่ะ ในช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ทารกจะได้ยินเสียงชัดมากขึ้น การตอบสนองก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุครรภ์”
“เขาไม่รู้จะคุยอะไรนี่สิครับ” ซินเธียเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงของผู้เป็นสามี “เลยพูดได้แค่สวัสดี” นึกขำในใจกับเหตุการณ์ในคืนก่อน ตั้งแต่ชายหนุ่มกล่าวประโยคแสนน่ารักอย่างการสวัสดีออกมาจนตอนนี้ความสัมพันธ์ของสามพ่อลูกก็ยังไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่
“ระยะนี้หมั่นพูดคุยกับพวกเขาให้มากเด็กจะจดจำเสียงของคุณพ่อกับคุณแม่ได้นะคะ เวลาคุยเค้าก็จะแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง”
แพทย์สาวอมยิ้มส่งไปทางคุณพ่อผู้มีมาดเคร่งขรึม “คุณแอชลีย์ไม่ต้องเขินนะคะ ครั้งแรกมันก็ต้องมีติดขัดกันบ้างตอนนี้พวกเขาอาจจะยังไม่ค่อยตอบสนองแต่อย่าพึ่งหมดกำลังใจไป ลองเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องในชีวิตประจำวันก็ได้ค่ะ อย่างวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง มื้อเย็นเป็นอะไร หรือจะเล่านิทานก็ได้ ระหว่างนั้นก็ลองใช้วิธีสัมผัส ลูบท้องขณะเล่าไปด้วยจะดีมากเลยค่ะ”
สำหรับอัลฟ่าหรือโอเมก้า กลิ่นของพ่อและแม่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เด็กทารกสามารถจดจำและคุ้นเคยได้ว่าพวกเขาเป็นใคร สำหรับสายเลือดเดียวกันกลิ่นมักจะมีความคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้การเริ่มกระชับสัมพันธ์ตั้งแต่อยู่ในท้องจะเป็นเรื่องดีที่สุด เป็นการสร้างความผูกผันระหว่างพ่อกับลูก
“เป็นเด็กแฝดแบบนี้คุณแม่ดูแลคนเดียวคงไม่ไหวนะคะ” เธอหัวเราะพลางเย้าคุณพ่อมือใหม่ “เอาล่ะเรามาลองดูเด็กๆ กันดีกว่าค่ะ”
แพทย์สาวผายมือเชิญคุณแม่ให้เดินไปทางเตียงแสนคุ้นเคยเพื่อเริ่มการอัลตร้าซาวด์ เจลเย็นๆ ถูกทาทั่วหน้าท้องนูนก่อนเครื่องมือจะถูกวางทาบลงบนผิวท้องแผ่วเบา ค่อยๆ ลากวนไปทีละจุด จากนั้นก็เริ่มวัดขนาดตัว น้ำหนัก รวมถึงคลื่นเสียงหัวใจของทารกทีละคน
“เหมือนคนซ้ายจะตัวใหญ่กว่านิดหน่อยนะคะเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่บนจอเช่นเดียวกับคู่สามีภรรยาทั้งสอง “โตตามเกณฑ์ดี... อืม น้ำหนักก็พอดีค่ะ โดยรวมไม่มีปัญหา”
ลำดับถัดมาเป็นการตรวจเพศของทารกในครรภ์ ตรงนี้ค่อนข้างขลุกขลักเนื่องจากเด็กน้อยทั้งสองไม่ค่อยให้ความร่วมมือนัก เริ่มแรกก็นอนหนีบขาเสียมิด อีกคนก็หันไปอีกทางมองแทบไม่ออก ซินเธียต้องทำการกระตุ้นให้เด็กๆ เปลี่ยนท่าทางอยู่นานกว่าจะสามารถมองเห็นได้
“ซนกันจริงๆ อ๊ะ เห็นแล้วค่ะ” แพทย์สาวว่า กดขยายเฉพาะส่วนให้คุณพ่อคุณแม่ได้มองเห็นชัดเจนขึ้น “เป็นเด็กผู้ชายทั้งสองคนเลย ยินดีด้วยนะคะ”
“ตรงนั้นคือ...” ซินเธียรีบกระตุกแขนของคนตัวโตที่ชี้มือไปตรงส่วนแหลมเล็กซึ่งชี้ออกมาจากกลางลำตัวของเด็กน้อยในจอภาพเชิงห้ามก่อนอีกคนจะเอ่ยคำพูดน่าเกลียดออกมา แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือยังจะถามซ้ำให้ได้อะไรขึ้นมาอีก
แอชลีย์กระแอม จ้องมองสิ่งนั้นของลูกต่ออีกนิดคล้ายพิจารณาอะไรบางอย่าง “ไม่เลว” กล่าวออกมาสองพยางค์แล้วก็แสดงสีหน้าภาคภูมิใจออกมาอยู่คนเดียว ไม่อาจทราบได้ว่าในหัวของอัลฟ่าหนุ่มตอนนี้นั้นกำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่
---
นัดประจำเดือนจบลงด้วยดี ทั้งสองเดินทางกลับคฤหาสน์ในเวลาต่อมา ตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้จะเข้าเมืองไปเลือกซื้อสมุดนิทานตามคำแนะนำของคุณหมอ ส่วนวันนี้ก็กลับมาพักผ่อนก่อนดีกว่า ถึงการเดินทางไปจัตุรัสไวท์สแควร์หลายครั้งจะเสียเวลาแต่ยามนี้ซินเธียเริ่มขยับร่างกายไม่ค่อยถนัดนัก เดินมากก็ปวดขา นั่งรถนานก็ปวดหลังแถมยังเพลียง่ายกว่าปกติ แอชลีย์เลยตัดสินใจว่าค่อยกลับไปอีกทีวันรุ่งขึ้นดีกว่า เผื่ออีกคนจะอยากซื้อของเพิ่มเติมจะได้เดินเล่นอย่างสดชื่น
กิจวัตรก่อนเข้านอนพักนี้มีอีกหนึ่งกิจกรรมเพิ่มขึ้นมาคือการทาครีมบนหน้าท้องเพื่อป้องกันรอยแตกของคุณแม่ แอชลีย์ซึ่งพึ่งอาบน้ำเสร็จเดินเข้าห้องนอนมาได้จังหวะพอดี ดวงตาคมเหลือบมองแก้วนมอุ่นบนโต๊ะข้างเตียงครู่หนึ่งแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งข้างเด็กหนุ่มที่กำลังหยิบกระปุกครีมออกมาเปิดเตรียมทา
“ทำไมไม่ดื่มนม” การดื่มนมก่อนนอนก็เป็นอีกเรื่องที่เพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวัน เพื่อบำรุงให้ลูกๆ แข็งแรง
“เดี๋ยวเราขอทาครีมเสร็จก่อน” คนตัวเล็กว่า ก้มหน้าก้มตาตั้งใจหมุนฝากระปุกแต่เหมือนมันจะปิดแน่นเกินไป หมุนจนมือแดงแล้วดันขยับแค่มิลเดียว
“มันจะชืดหมดน่ะสิ” แอชลีย์ว่า ยื่นมือไปคว้ากระปุกครีมนั้นมาถือไว้ในมือเสียเอง ออกแรงหมุนเพียงหนึ่งในสี่ก็สามารถเปิดออกมาได้อย่างง่ายดาย “เธอรีบดื่มนมเสีย” กล่าวเพียงประโยคเดียวแต่ใจความมีถึงสอง ซินเธียเข้าใจจุดประสงค์ของคนตัวสูงในทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการให้ตนดื่มนม ส่วนเรื่องครีมตนจะเป็นคนทำเอง
เด็กหนุ่มไม่ทำตัวเรื่องมาก หันไปหยิบแก้วนมมายกดื่ม ดวงตาก็เหลือบมองสามีตั้งอกตั้งใจปาดเนื้อครีมบำรุงลงบนหน้าท้องนูนแล้วบรรจงลูบไล้ให้ทั่วอย่างเบามือ พอได้สัมผัสกับฝ่ามือใหญ่แสนอบอุ่นของคนตัวสูงแล้วพานให้รู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก ทั้งในใจก็มีความสุขอย่างมากกับการได้รับสัมผัสจากคู่ชีวิต
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเอาใจด้วยการช่วยทาครีม บางวันซินเธียก็รู้สึกเพลียมากจนอยากนอนเสียเดี๋ยวนั้น เกียจคร้านขนาดว่าแม้แต่ทาครีมก็ยังเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ ขาดไปวันสองวันคงไม่ส่งผลกระทบอะไรมาก ตัวเองไม่เดือดร้อน ดันไปเดือดร้อนสามีแทน แอชลีย์ไม่คิดปลุกแต่กลับเดินไปหยิบกระปุกครีมออกมาเปิดแล้วทาให้เขาเงียบๆ
เริ่มแรกก็จั๊กจี๋บ้าง แต่พอถูกปรนนิบัติหลายครั้งเข้าก็เริ่มชิน
คิดอะไรเสียเพลินไม่ทันรู้ตัว คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาลูบไล้ฝ่ามือบนผิวท้องนูนไม่พูดจา ทาจนใต้ฝ่ามือไม่มีเนื้อครีมแล้วแต่ก็ยังไม่หยุดลูบซ้ำยังผลุบหายเข้าไปใต้เนื้อผ้านุ่มลากขึ้นมาเรื่อยๆ ส่วนกระปุกครีมก่อนหน้าไม่รู้ปลิวหายไปอยู่ไหน
“อื้ม…”
ซินเธียส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเมื่อมือใหญ่ไต่ขึ้นมาจนถึงแผ่นอกก่อนจะบีบขยำเนินเนื้ออิ่มเรียกเสียงกระเส่าดังอยู่ข้างใบหู เป็นตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มพึ่งสังเกตว่าร่างกายของคนตัวโตได้บดเบียดเข้ามาจนชิดใกล้แล้ว
“ดะ เดี๋ยว อื้อ!” ริมฝีปากชื้นซุกไซ้ลำคอขาวสูดกลิ่นหอมเย้ายวนแบบไม่ตั้งใจของคุณแม่ ออกแรงดูดเม้มจนขึ้นรอยจางๆ
ร่างกายของคุณแม่ลูกแฝดในขณะนี้มีน้ำมีนนวลขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด จะจับไปตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือไปเสียหมด ไหนจะกลิ่นฟีโรโมนที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยนั่นอีก มันดูเย้ายวนใจอย่างน่าประหลาด
และเพื่อลูกๆ ที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาในอนาคต ยอดอกสีหวานค่อยๆ ขยายขนาดขึ้นไปตามวันเวลาของการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายช่วงตั้งครรภ์ แอชลีย์ประทับริมฝีปากไปทั่วลำคอระหงส่วนสองมือก็บีบเฟ้นเนินเนื้ออิ่มอย่างมันมือทำเอาคนในอ้อมกอดแขนขาอ่อนเปลี้ยแทบหมดแรง
ดอมดมจนพอใจแล้วถึงค่อยเปลี่ยนไปวุ่นวายกับริมฝีปากอิ่ม เลาะเล็มเก็บหยาดน้ำนมบริเวณมุมปากจนหมดสิ้น ทั้งที่เป็นนมสดรสจืดจนฝืดคอในยามปกติ แต่ไม่รู้ทำไมได้มาลิ้มรสจากปากของภรรยาแล้วมันถึงได้หอมหวานชวนให้อยากฉกชิมมากขึ้น และมากขึ้น
เด็กหนุ่มเอนตัวลงตามแรงดันจากคนด้านบนถูกกักขังเอาไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงด้วยความยิ่งกว่าเต็มใจ เปลือกตาสีอ่อนเลื่อนปิดลงโอบสองแขนรอบลำคอ กกกอดให้ร่างกายของพวกเขาแนบชิดกันมากขึ้นสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากผิวกายผ่านเนื้อผ้าบาง น้อมรับทุกความกระหายปล่อยให้อีกฝ่ายฉกชิมไปทั่วโพรงปากจนกว่าจะสาแก่ใจ
กลิ่นของฟีโรโมนฟุ้งกำจายอยู่ทั่วห้องผสมปนเปกับกลิ่นอายบุรุษเพศแสนดุดันของคนที่กำลังป้อนความเร่าร้อนให้ขณะนี้ บรรยากาศหอมหวานราวกับเราสองต่างตกอยู่ในห้วงของราคะ ดูดกลืนลมหายใจของกันและกัน สลับกันมอบสลับกันรับโดยไม่นึกตระหนี่
ดำเนินจวบจนอีกคนใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วนั่นแหละถึงได้ผละออกมาอย่างนึกเสียดาย ดวงตาของเด็กหนุ่มฉ่ำเยิ้มไปด้วยแรงอารมณ์เหลือบมองแอชลีย์ซึ่งกำลังลากริมฝีปากผ่านผิวเนื้อไล่ลงจนถึงแผ่นอก กระดุมเสื้อถูกปลดออกไปตอนไหนไม่อาจทราบ ริมฝีปากที่พึ่งป้อนจูบกันไปเมื่อครู่ครอบลงไปบนยอดอกสีหวาน ดูดดึงสลับไล้เลียชำนิชำนาญทำเอาคนไต้ร่างอยู่ไม่เป็นสุข สองเท้าจิกเกร็งกับผืนเตียงต่างระบายความเสียวซ่าน ริมฝีปากเผยออ้าสูดอากาศเข้าปอดอดกลั้นไม่อยากส่งเสียงน่าอายออกไป
ดื่มด่ำจนพอควรแล้วคนตัวโตก็ผละจากสองเนินอิ่มอย่างตัดใจ เขารู้ว่าช่วงนี้ซินเธียจะรู้สึกคัดหน้าอกเป็นพิเศษจากการที่ขนาดของมันเริ่มขยายขึ้น สัมผัสบริเวณนั้นจึงค่อนข้างอ่อนไหวมากกว่าปกติ วุ่นวายกับมันนานเข้าจากความเสียวกระสันน่าจะกลายเป็นเจ็บปวดแล้ว จึงเปลี่ยนเส้นทางเป็นไปชิมส่วนอื่นของร่างกายอันน่าหลงใหลนี้แทน
“อ๊ะ!”
สติของซินเธียใกล้จะกระเจิดกระเจิงไปตามแรงอารมณ์แล้ว ทว่า จู่ๆ ก็รู้สึกคล้ายแรงกระตุกจากผิวหน้าท้อง คนด้านบนเองก็สะดุ้งไปเช่นเดียวกัน เนื่องจากเจ้าตัวกำลังจูบซับไปบนผิวท้องนูนของภรรยาอยู่พอดี
เด็กหนุ่มนิ่วหน้าประคองตัวเองค่อยๆ ลุกขึ้นไปเอนพิงกับหัวเตียง มือก็ลูบผิวท้องไปมาแผ่วเบาคล้ายปลอบประโลมให้ความวุ่นวายด้านในสงบลง ทางด้านแอชลีย์ยังคงสติกลับมาไม่ครบถ้วนใบหน้าหล่อเหลามีความมึนงงอยู่หลายส่วน
“อะไรน่ะ” ความรู้สึกเมื่อครู่มันคล้ายมีอะไรบางอย่างมาดันตรงปากเขาพอดี
“ดูเหมือนลูกจะดิ้นนะครับ”
“ฮะ?” แอชลีย์เอ่ยออกมาแค่นั้นแล้วเงียบไป อะไรๆ ที่มันเคยลุกโชนขึ้นมาก็พลอยมอดดับลงไปภายในเสี้ยววินาที
“ดิ้นใหญ่เลย คุณลองจับดูสิครับ”
อีกคนว่ามาถึงขนาดนั้น อัลฟ่าหนุ่มซึ่งคิดจะล้มเลิกความพยายามในการสื่อสารกับลูกชั่วคราวเลยต้องลองทาบฝ่ามือลงไปบนหน้าท้องของภรรยาเป็นครั้งที่เท่าใดก็คร้านจะนับ ทว่าคราวนี้ไม่ได้มีแต่ความเงียบงันอย่างที่เคยเป็น แรงกระทุ้งน้อยๆ จากใต้ผิวท้องสะท้อนมายังฝ่ามือของตนนั้นทำเอาชายหนุ่มแข็งค้างไปเลยทีเดียว
“เป็นอย่างไรบ้างครับ” ซินเธียอมยิ้มพอเห็นคุณพ่อเขานิ่งไปหลังได้สัมผัสรับรู้การมีอยู่ของลูกเป็นครั้งแรก เจ้าตัวลองลากฝ่ามือไปทางซ้ายทีก็ตามมาถีบที ลากไปทางขวาทีก็ตามมาถีบอีกทีเป็นอยู่แบบนั้นหลายครั้งจนมั่นใจว่า นี่แหละ ไม่ผิดแน่ ลูกกำลังดิ้นอยู่จริงๆ
แอชลีย์ยืดตัวกลับมานั่งตัวตรง เขายกกำปั้นขึ้นบังริมฝีปากไม่พูดจานัยน์ตาอำพันจับจ้องไม่กะพริบ ถึงจะไม่เห็นว่าใต้มือข้างนั้นกำลังซ่อนสิ่งใดอยู่ไม่อาจรู้ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ซินเธียเห็นอย่างชัดเจนก็คือใบหูทั้งสองของคุณพ่อลูกแฝดซึ่งขณะนี้กำลังแดงแจ๋เลยล่ะ
ความรู้สึกแปลกใหม่ตีรวนอยู่ภายในอก นี่สินะสิ่งที่อัลฟ่าหนุ่มโหยหามาตลอดหลายวัน ตอนนี้เขาแยกแยะอารมณ์ของตัวเองไม่ค่อยถูกว่าควรจะต้องหัวเราะหรือร้องไห้ดี พยายามมาตั้งหลายวันไม่เห็นจะมีอะไรจากคนลูก พอวันนี้จะมีอะไรๆ กับคนแม่บ้างสักหน่อยดันแย่งกันแสดงตัวกันวุ่นวาย
นึกจะโมโห ก็ดันเป็นเรื่องที่มันไม่สามารถนำมาโมโหได้เสียนี่
ย่านการค้าของจัตุรัสไวท์สแควร์แวะมากี่คราก็ยังคงความครึกครื้นสม่ำเสมอ ยิ่งช่วงเทศกาลทั่วทั้งถนนถูกประดับไปด้วยของตกแต่งสีแดงสลับเขียว ทั้งป้าย ธง ไฟประดับพอรวมเข้ากับกองหิมะบนพื้นถนนแล้วก็ยิ่งให้บรรยากาศสดชื่น
ซินเธียกระชับผ้าพันคอสีแดงเบอร์กันดีเข้าคู่กับโค้ตตัวโตของคนข้างกาย ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยเป่าไล่ความหนาวเย็นจนเกิดเป็นไอจางลอยอยู่ในอากาศ ด้านบนศีรษะสวมเบเรต์สีเดียวกันปกป้องเกล็ดหิมะ
จุดหมายแรกของวันนี้คือร้านจิวเวอร์รี่มีชื่อเจ้าเดียวกับที่พวกเขาเคยมาเมื่อครั้งเลือกแหวนแต่งงาน การต้อนรับจากพนักงานยังคงเต็มไปด้วยความสุภาพนอบน้อม ซินเธียคงรู้สึกประทับใจกับการบริการคุณภาพยอดเยี่ยมมากกว่านี้หากเมื่อหลายเดือนก่อนเขาไม่บังเอิญเจอเหตุการณ์ชวนหมองใจเข้า
สองสามีภรรยาถูกเชิญไปนั่งยังส่วนรับรองสำหรับลูกค้าคนสำคัญเหมือนครั้งแรกที่เคยมา ผู้ดูแลร้านกำลังจะยกชามาเสิร์ฟตามปกติติดตรงถูกคนตัวสูงข้างกายเอ่ยปากปฏิเสธไปเสียก่อนแล้วขอเพียงน้ำเปล่ามาหนึ่งแก้ว เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรตอนบ่ายซินเธียก็ต้องกลับไปดื่มชาคู่ของว่าง เพื่อการปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งคัด น้ำชาวันละหนึ่งแก้วก็จะยังคงเป็นวันละหนึ่งแก้วไม่มียกเว้น
รอไม่นานของที่สั่งก็ถูกนำมาให้ ซินเธียรับกล่องกำมะหยี่ขนาดเท่าฝ่ามือสองกล่องมาถือไว้ ค่อยๆ บรรจงเปิดดูทีละกล่องด้วยความทะนุถนอม เป็นกำไลทองคำขาวขนาดเล็กสองวงฝังอควอมารีน เดิมอัญมณีชิ้นนี้เป็นสร้อยของท่านแม่ซึ่งเหลือทิ้งไว้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายสำหรับเด็กหนุ่ม เขานำมันติดตัวมาด้วยตอนเดินทางมาวินเทอร์ฟอล เก็บรักษาเอาไว้อย่างดีจนตอนนี้ได้นำมาเจียระไนใหม่เพื่อฝังในกำไลข้อมือสำหรับลูกๆ ทั้งสองคน
ขนาดของกำไลสองวงนี้พอดีสำหรับข้อเท้าของเด็กทารก เนื้อสัมผัสเบาไม่ก่อความระคายเคืองต่อผิว อีกทั้งยังถูกออกแบบมาให้สามารถปรับขยายขนาดได้ตามการเจริญเติบโตของพวกเขา ซินเธียตั้งใจทำออกมาเพื่อให้เป็นของขวัญต้อนรับลูกชายที่รักทั้งสองคน สำหรับอควอมารีน คนแดนใต้เชื่อว่ามันคืออัญมณีแห่งการอวยพร การปกป้อง อีกทั้งยังเป็นเครื่องรางให้ผู้สวมใส่พบเจอแต่ความสุขสงบ ด้านในตัวกำไลเมื่อพลิกดูแล้วจะพบตัวอักษรสลักเอาไว้ บ่งบอกผู้เป็นเจ้าของชัดเจน
Francis K.
และ
Faylyn K.
“สวยไหมครับ” เขาส่งกำไลเล็กๆ ทั้งสองให้คนข้างกายดู
แอชลีย์พยักหน้ารับ ใบหน้าฉายแววพึงใจออกมาไม่น้อย เรื่องนี้ซินเธียไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีทั้งหมด เด็กหนุ่มเพียงเป็นฝ่ายเสนอความคิดเรื่องนำสร้อยของท่านแม่มาเจียระไนใหม่และออกความคิดเห็นอีกเล็กน้อย ส่วนการออกแบบดำเนินการจัดทำทั้งหมดล้วนเป็นผลงานของชายหนุ่ม
เนื่องจากมีกรรมวิธีค่อนข้างซับซ้อนและใช้ความละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะข้อควรระวังว่าวัสดุที่ใช้ผลิตเหล่านี้จะไม่ทำอันตรายต่อผิวของเด็กทารกแอชลีย์เลยต้องเดินทางมาตรวจสอบด้วยตนเองบ่อยครั้ง กว่าจะออกมาเป็นของขวัญชิ้นนี้ได้ก็ใช้เวลาร่วมเดือนอยู่เหมือนกัน ส่วนมูลค่าไม่ต้องพูดให้มากแล้วเมื่อประเมินกับความรู้สึกทางใจก็นับว่าไม่อาจนำมาเทียบกันได้
“เธอลองสวมดูก่อนว่าชอบไหม” ไม่ถูกใจก็จะได้สั่งแก้มันเดี๋ยวนั้น ไม่ว่าเพียงอย่างเดียวแต่ช่วยกดตัวล็อคขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้ตัวกำไลเพื่อขยายขนาดให้พอดีกับข้อมือบางของผู้เป็นภรรยาแล้วจะสวมให้
สีเงินของทองคำขาววาววับอยู่บนข้อมือสีน้ำผึ้งให้ความรู้สึกสวยงามไปอีกแบบ ไม่ต่างไปจากแหวนแต่งงานบนนิ้วนาง ซินเธียพลิกข้อมือพิจารณาทุกด้านแล้วก็พยักหน้ารับ พึงพอใจกล่าวสรุปความไม่ต้องปรับเปลี่ยนสิ่งใดอีกแล้ว
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ตกลงชำระเงิน ซินเธียเดินกอดถุงกระดาษสีเข้มของร้านออกมาอย่างเบิกบานใจ มุ่งหน้าสู่จุดหมายที่สองของวัน
ร้านค้าสำหรับเด็กอ่อน ร้านนี้ได้รับคำแนะนำมาจากคุณแม่มือโปรอย่างคุณชายอิลลาเรียนและท่านชายมัวร์มาว่าของทุกอย่างล้วนคุณภาพดี มีครบครันตามต้องการทุกอย่างไม่ต้องไปเดินหาหลายร้านให้เหนื่อย
คำกล่าวนั้นฟังครั้งแรกอาจจะเกินจริงไปบ้างแต่เมื่อเข้ามาด้านในก็เป็นจริง แม้แต่หนังสือนิทานก็ยังมีให้เลือกหลากหลายประเภท เด็กหนุ่มเปิดดูเล่มนู้นเล่มนี้อย่างตื่นตาตื่นใจอยากได้ไปเสียทุกเล่ม
“เล่มนี้ดีไหมครับ” หยิบสมุดที่หน้าปกเป็นลูกแมวสามตัวแสนน่ารักขึ้นมาชูให้คนเป็นสามีดู ตัวเล่มมีสีสันสดใสดึงดูดสายตาของทั้งคุณพ่อคุณแม่ คิดว่าพวกเด็กๆ เองก็น่าจะชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน
คนตัวสูงไม่พูดออกความเห็นแต่ไม่ว่าจะเล่มไหนขอเพียงซินเธียเอ่ยปากชมแม้ไม่ตั้งใจหรือแค่ต้องการดูเฉยๆ ก็ถูกอีกคนคว้าไปถือไว้หมดโดยไม่ปริปากบ่น หันไปเจออีกทีก็ตอนจะเดินออกจากโซนหนังสือสำหรับเด็กนั่นแหละ ทำเอาคุณแม่ต้องเลือกออกไปวางคืนเสียหลายเล่ม
“เอาแค่นี้ก่อนก็ได้ครับ” เขาว่า เหลือหนังสือในมือของคนตัวโตแค่สามสี่เล่ม
“ทำไม” เล่มหนึ่งบางเสียจนอ่านไม่ถึงห้านาทีก็คงจบ ซื้อไปแค่นี้จะไปพออะไร แอชลีย์ขมวดคิ้วไม่ค่อยเข้าใจกับความคิดของภรรยานัก จะว่าอีกคนมัธยัสถ์หรือนึกเกรงใจก็ไม่น่าจะใช่ ถึงอย่างไรหนังสือเล่มไม่กี่เหรียญตระกูลคิมไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว
“เราค่อยๆ ทยอยซื้อก็ได้ อ่านสลับกันไปแบบนี้ดีกว่านะครับพวกลูกๆ ยังไม่รู้ความหรอก” เขายิ้ม “อีกอย่างคุณต้องเป็นคนอ่านนะครับ”
“ไม่” เอ่ยปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด เห็นแบบนั้นซินเธียเลยขยับเข้าไปใกล้คนเป็นสามีอีกนิด กอดแขนแข็งแรงเอาไว้หลวมๆ เป็นเชิงออดอ้อน
“ก็คุณไม่รู้วิธีคุยกับลูก เราว่าอ่านนิทานถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ”
เจ้าตัวยืนเงียบเม้มริมฝีปากเล็กน้อยคล้ายใช้ความคิด คำพูดของคุณหมอเมื่อวานหลั่งไหลเข้ามาพอให้ระลึกถึงว่าตัวของผู้เป็นบิดาเองควรจะหมั่นสร้างสายสัมพันธ์กับลูกเพื่อความคุ้นเคย สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
จะเห็นแก่ที่ภรรยาแสดงท่าทางออดอ้อนซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะได้เห็นบ่อยครั้ง เขาจะลองทบทวนเรื่องนี้ดูอีกครั้งก็แล้วกัน
อีกด้านหนึ่งจากดินแดนแสนห่างไกล
“ท่านครับ”
ชายหนุ่มผู้หนึ่งในชุดสีเข้มกระชับรูปร่างดูคล่องตัวเคาะประตูไม้สลักบานใหญ่สามครั้งก่อนเอ่ยเสียงเบา และเมื่อได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของห้องจึงเปิดเข้าไปด้านในพร้อมยื่นจดหมายประทับตาฉบับหนึ่งส่งให้
นัยน์ตาสีเงินเหลือบมองสิ่งนั้นเพียงชั่วครู่ เปิดผนึกหยิบกระดาษแผ่นบางออกมาด้วยท่าทางเกียจคร้านกวาดสายตาอ่านเนื้อความด้านในเพียงไม่นานก็เอนตัวพิงกับเก้าอี้บุนวม ปลายนิ้วข้างหนึ่งเคาะลงบนโต๊ะทำงานไม้สีเข้มเนื้อดีคล้ายกำลังใช้ความคิด
“จัดการซะ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเพียงสามพยางค์สั้นๆ แต่ได้ใจความ คนฟังเข้าใจความหมายทั้งหมดทันทีโดยไม่ต้องถามซ้ำให้รำคาญใจ
ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ไม่ได้นึกเกรงกลัวสิ่งใดทั้งนั้นเพียงแต่เขาก็ไม่อยากให้มันมีมารหัวขนที่ไหนมายุ่งวุ่นวายเหมือนกัน เรื่องในอนาคตจะเป็นเช่นไร เดินไปทิศทางไหนไม่อาจมีใครคาดคิดแต่สำหรับชายผู้นี้แล้วเขามีความคิดเดียวคือการกรุยทางให้ไร้ขวากหนาม แม้แต่ต้นวัชพืชเล็กๆ ก็ต้องถางออกให้หมด ปัญหาเล็กน้อยในวันนี้ก็อาจนำมาซึ่งความยุ่งยากในวันหน้าได้
ชายผู้รับคำสั่งถึงจะเข้าใจความนัยดี หากแต่ใบหน้าคมเข้มนั้นกลับมีแววกังวลใจอยู่หลายส่วน
เขาเอ่ยน้ำเสียงเกรงใจด้วยพยายามไม่ให้ผู้เป็นนายโกรธเคือง “บางทีเด็กนั่นอาจจะเป็นโอเมก้าก็ได้นะครับ ยังไงเรา...”
“หุบปาก” เสียงตบโต๊ะดังลั่นทำเอาคนฟังชะงัก ปิดปากสนิทตามคำสั่ง “มันจะเป็นตัวอะไรก็ตามฉันไม่สน จัดการตามนั้นก็พอ”
สำหรับคู่ที่เป็นอัลฟ่าและโอเมก้าแล้วโอกาสในการที่เด็กจะออกมาเป็นอัลฟ่านั้นมีสูง แต่ถึงจะไม่ใช่แล้วอย่างไร การป้องกันไว้ตั้งแต่ต้นย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
“เข้าใจแล้วครับ”
TBC