ม่านราตรี
บทที่ 11
วิญญาณหนุ่มนิ่งอึ้ง เช่นเดียวกับตุลาที่ทั้งตกตะลึงทั้งสงสัยในคำพูดนั้นของอธิป
“คฤหาสน์หลังนี้ ...ไม่สิที่ดินผืนนี้ เป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยพลังอาถรรพ์ มันมีทั้งผลดีและผลร้ายต่อผู้อาศัย สำหรับมนุษย์ถ้าอึดไม่พอคงรอดยาก...”
กริชเงียบกริบ แล้วพึมพำเสียงแผ่ว
“นี่ฉันเกือบจะทำให้หลานตัวเองต้องตาย โดยไม่รู้ตัวเสียแล้วหรือนี่...”
ตุลาหันมาทางผู้เป็นอา เมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดเช่นนั้นเขาก็ต้องตกใจ แล้วเตรียมจะปลอบอาของตัวเอง แต่อธิปก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“ไม่เชิงหรอกนะกริช บางทีสำหรับเด็กคนนี้ ที่นี่อาจจะดีสำหรับเขาก็ได้”
อธิปบอกตามมา ทำให้กริชชะงัก และตุลาหันกลับมามองคนพูดอย่างสงสัย
“อืม...คอแห้งจังน้า นี่เจ้าหนู ฉันวานหน่อยสิ ช่วยไปเอากาแฟ แล้วก็น้ำเย็น ๆ มาให้อย่างละแก้ว อ้อ ถ้ามีขนมด้วยก็ดีนะ”
อธิปหันไปบอกกับตุลา ทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง ฟังดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะกันท่าเขาออกจากบทสนทนาชัด ๆ
“ช่วยจัดให้เขาตามนั้นด้วยนะตุล”
กริชเสริมตามมาอย่างพอจะรู้จุดประสงค์ของเพื่อน และเพราะเป็นคำขอของกริชทำให้ตุลาไม่กล้าที่จะขัด และจำต้องออกจากวงสนทนาไปอย่างจำใจ
“อธิบายมาเสียทีสิ!”
กริชบอกอย่างหงุดหงิดเมื่อตุลาเดินออกจากห้องไปได้สักพัก แต่อธิปกลับไม่บอกเรื่องที่เขาอยากรู้ในทันทีแต่อย่างใด
“แหม ๆ ใจเย็น ๆ สิ นายนี่ใจร้อนจริงนะ ขนาดเป็นวิญญาณไปแล้วแท้ ๆ”
อธิปหันมาบอกอย่างใจเย็นดังเช่นสีหน้า แล้วจึงเดินไปนั่งที่เตียงของตุลา
“ดูสิ ...บริเวณนี้น่ะ มันเป็นทางผ่านของพลังงานอาถรรพ์ซึ่งไหลเวียนรอบ ๆ ที่ดินผืนนี้ และหลานนายก็มานอนขวางทางของมัน ก็เลยรับผลกระทบตรงนี้มาเต็ม ๆ อ้อ! แต่ถ้าเป็นภูตผีอย่างพวกนายก็จะไม่มีปัญหานัก แถมยังจะช่วยเสริมพลังวิญญาณดีเสียอีก”
กริชมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาหลุดพึมพำขึ้นมาอย่างแผ่วเบา จนคนฟังเวทนา
“ที่นี่มันอันตรายกับตุลจริง ๆ สินะ...ฉันมัน...ไม่น่าเลยแท้ ๆ...”
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปตีความไป ฉันบอกแล้วว่ามันมีทั้งผลดีและไม่ดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกให้เกิดขึ้นแบบไหน”
อธิปแย้ง แล้วจึงเดินออกไปทางระเบียง พลางเปรยขึ้นเบา ๆ
“กระแสพลังอาถรรพ์ ของที่ดินผืนนี้ มันเป็นประเภทไม่คงที่ ไหลเวียนหมุนผ่านไปมา สุดแล้วแต่ว่ามันจะเปลี่ยนทิศทางไปที่ไหน...”
หนุ่มใหญ่บอก แล้วจึงหันมาทางกริชที่ยืนฟังอยู่
“การไปขวางทางของมันอย่างหลานนายทำอยู่ ย่อมไม่เป็นผลดีกับร่างกายมนุษย์แน่ แต่ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงได้ มันจะส่งผลตรงกันข้าม เพราะชีวิตของหลานนายอยู่ได้ด้วยคุณไสยของฉันและอายุขัยของนาย พลังของที่ดินผืนนี้มันมีส่วนช่วยเสริมอาคมที่ฉันทำไว้ให้แข็งแกร่งขึ้น ...จนบางทีหลานของนาย อาจจะอายุยืนยาวได้เท่ากับอายุขัยที่นายให้เขาไว้เลยทีเดียว”
ประโยคถัดมาของอธิปทำให้กริชตาเบิกกว้างด้วยความยินดี สีหน้าเช่นนั้นของวิญญาณหนุ่มทำให้อธิปยิ้มน้อย ๆ อย่างเศร้าใจ
“รู้ไหมกริช ...ฉันลังเลอยู่พอสมควร ว่าจะบอกเรื่องนี้กับนายดีไหม ...”
กริชนิ่งเงียบไปในทันที เขาพอจะรู้ความหมายในคำพูดของเพื่อนอยู่บ้าง เจ้าตัวนิ่งไปสักพัก แล้วจึงยิ้มให้อีกฝ่าย
“แต่นายก็ยังบอกฉัน...ขอบใจนะ อธิป”
“ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ฉันหลวมตัวมาคบกับคนแบบนายกันล่ะ!”
อธิปตอบยิ้ม ๆ เขาเงียบไปสักพัก แล้วจึงเอ่ยตามมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังผิดจากเดิม
“นายพอจะบอกให้หลานนาย รับฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยอีกคนได้ไหม ... เพราะดูเหมือนฉันคงต้องทำหน้าที่เป็นหมอดูฮวงจุ้ยแก้ขัดไปเรื่อย ๆ ให้หลานนายเสียแล้วล่ะนะ จนกว่าเขาจะมีภูมิต้านทานกับอาถรรพ์ของที่นี่มากพอ จนมันทำอันตรายเขาไม่ค่อยได้ ฉันถึงจะปล่อยเขาไว้โดยไม่ต้องคอยตามประกบได้นั่นล่ะ”
กริชนิ่งรับฟังแล้วจึงพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ
“ได้สิ ฉันจะช่วยพูดให้...แล้วก็ขอบใจนายมากอธิป ที่ช่วยเป็นธุระให้แบบนี้”
“ทำไงได้ ฉันมันคนบาปนี่ ...ก็ได้แต่ทำบาปเพิ่มไปเรื่อย ๆ แบบนี้ หาหนทางปลดปล่อยตัวเองไม่ได้สักที”
กริชชะงัก แล้วมีสีหน้าสลดลง จนคนมองต้องลอบถอนหายใจ
“เฮ้อ! ฉันล้อเล่นน่า อย่าคิดมากเลยกริช... บางทีการที่ฉันต้องมาช่วยนายแบบนี้ ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเวรกรรมที่ฉันต้องชดใช้คืนให้นายก็ได้...แต่อย่าลืมล่ะ ถ้ามันถึงที่สุด ทำยังไงคนเราก็ไม่อาจรั้งความตายไว้ได้อยู่ดี”
วิญญาณหนุ่มนิ่งรับฟัง แล้วจึงพยักหน้าอย่างรับรู้ ด้วยสีหน้าปวดร้าว
“ฉันเข้าใจแล้ว...อธิป...เมื่อเวลานั้นมาถึงจริง ๆ ...ฉันก็จะยอมรับมันให้ได้”
“อืม...ดีแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้เพื่อนสนิทของฉัน ต้องมายึดติดกับทางโลกแบบนี้ ทั้งที่เขามีโอกาสที่จะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีกว่าแท้ ๆ”
อธิปบอก แล้วจึงเดินกลับไปนั่งที่เตียงนอนในห้องนั้น โดยมีกริชยืนพิงกำแพงห้องมองเขาอยู่ห่าง ๆ
“ก็ไม่แน่ว่าที่ ๆ ฉันจะได้ไป มันจะดีกว่าที่ฉันอยู่เสียเมื่อไหร่”
หนุ่มใหญ่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“เชื่อฉันสิ ที่ ๆ นายจะไป ยังไงก็ดีกว่าที่นี่แน่...”
‘เพราะทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการให้ นายได้ให้ชีวิตของนายเพื่อต่อชีวิตของหลานชายตัวเอง นั่นถือเป็นกุศลอันสูงสุดแล้ว แต่เพราะกรรมที่ทำไว้ในชาติปางก่อน มันจึงทำให้นายเกิดห่วงและยึดติด จนไม่สามารถหลุดพ้นจากภพภูมิมนุษย์ได้สักที’ “ขอโทษครับ ...กาแฟมาแล้วครับ”
เสียงของตุลาที่ดังขึ้นหน้าห้อง ทำให้อธิปซึ่งกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ หัวเราะเบา ๆ แล้วจึงเดินไปเปิดประตูต้อนรับเจ้าของให้เข้ามาในห้อง
“เข้ามาสิ กำลังอยากคุยด้วยอยู่พอดี”
ตุลามองคนพูดอย่างงุนงง แต่เขาก็ยังคงนำถาดที่ใส่กาแฟและแก้วน้ำเย็น รวมไปถึงขนมขบเคี้ยวไปวางไว้บนโต๊ะทำงานในห้อง ซึ่งอธิปก็เอ่ยขอบคุณเบา ๆ แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้แถวนั้นพร้อมกับยกกาแฟขึ้นจิบอย่างใจเย็น
“พอดีฉันมีปัญหาทางการเงินนิดหน่อย จนตอนนี้แทบจะไม่มีบ้านอยู่แล้ว เลยอยากจะขอมาอาศัยอยู่กับเธอด้วยสักหน่อย...อ้อ! ไม่ได้พักฟรี ๆ หรอก ฉันจะดูฮวงจุ้ยตอบแทนให้ เห็นแบบนี้ ฉันก็พอมีความรู้เกี่ยวกับศาสตร์พวกนี้พอสมควรเหมือนกันนะ”
คนฟังนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้า เขาเหลือบไปมองกริชแล้วก็ได้รับคำยืนยันตามมา
“ให้เขาอยู่ด้วยจะดีกว่านะตุล ...ที่ดินผืนนี้มันมีอาถรรพ์มากเกินไปที่มนุษย์จะอยู่ไหว ...ดูอย่างราตรีสิ ขนาดวิญญาณอย่างหล่อน ยังเคยถูกอาถรรพ์ของมันครอบงำเข้าให้ได้เลย”
ตุลาหันไปมองอาของเขา จ้องมองชายหนุ่มสักพัก แล้วจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ถ้าอาว่าอย่างนั้น ผมก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ”
“ดี ๆ รับรองว่าจะไม่หาเรื่องก่อปัญหาให้เธอแน่”
อธิปบอกตามมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง ทำให้ตุลาต้องหันไปยิ้มน้อย ๆ ให้
“ยังไงคุณก็เป็นเพื่อนของอา อีกอย่างบ้านหลังนี้ก็เช่าด้วยเงินของอา ถ้าเป็นความต้องการของอาผมก็ไม่คิดขัดหรอกครับ”
หนุ่มใหญ่ฟังแล้วก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะดัง ๆ ตามมาอย่างถูกใจ ส่วนกริชนั้นมองหลานชายของตนด้วยแววตารักใคร่ และชื่นชม
“เด็กดี ๆ เอาเถอะ ฉันจะช่วยเท่าที่ตัวเองช่วยไหวแล้วกัน …”
อธิปบอกแล้วลุกขึ้นมาขยี้ศีรษะของตุลาอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปทางกริช
“งั้นฉันขอตัวกลับไปขนของตัวเองมาก่อนดีกว่า… ส่วนเธอก็เปลี่ยนห้องนอนซะ จะนอนห้องไหนก็ได้ ยกเว้นห้องนี้ เข้าใจไหม”
หนุ่มใหญ่สั่งความเจ้าของห้องทิ้งท้าย แล้วจึงขอตัวกลับโดยไม่คิดใส่ใจสีหน้าสงสัยของตุลาแม้แต่น้อย
และเมื่ออธิปจากไปได้พักใหญ่ ตุลาที่นั่งเก็บข้าวของตามคำสั่งนั้น ก็หันไปมองกริชเป็นระยะ ด้วยความสงสัยที่เก็บงำเอาไว้แต่ไม่กล้าปริปากถาม เพราะถ้อยคำก่อนหน้านั้นของผู้เป็นอา
“ขอร้องล่ะตุล อย่าถามอะไรอาเลย… เมื่ออาพร้อม อาจะเป็นฝายบอกกับตุลเอง”
และเพราะประโยคนั้นและใบหน้าเศร้า ๆ ของกริช จึงทำให้ตุลาไม่คิดจะซักถามชายหนุ่มต่ออีก
“อาครับ อาคิดว่าผมกลับไปนอนห้องเก่าดีไหม?”
ตุลาที่พับเสื้อผ้าของตนใส่ตะกร้าเก็บเรียบร้อยหันมาถามผู้เป็นอา กริชนิ่งคิดแล้วจึงพยักหน้าค่อย ๆ
“ก็คงได้ เพราะหมอนั่นไม่ได้ระบุห้องไว้ แสดงว่านอกจากห้องนี้แล้ว หลานจะนอนห้องไหนก็คงได้เหมือนกันหมดนั่นล่ะ”
“ครับ…งั้นผมกลับห้องเก่าแล้วกัน แต่น่าเสียดายนะครับ ห้องนี้เห็นวิวในสวนด้านหลังทั่วทั้งหมดแท้ ๆ”
ตุลาพึมพำด้วยสีหน้าเสียดายดังเช่นคำพูด ส่วนกริชนั้นได้แต่ยืนนิ่งมองหลานชายด้วยแววตาเศร้าสร้อย
“จริงสิ อาครับ แล้วจะเตรียมห้องไหนให้คุณอธิปดีล่ะครับ ผมจะได้ไปเปิดห้อง แล้วปัดกวาดไว้รอก่อน”
กริชชะงัก แล้วจึงนิ่งคิด ก่อนจะตอบออกไปง่าย ๆ
“ให้นอนห้องนี้ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเปิดห้องทำความสะอาดเพิ่ม”
คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ แล้วย้อนถามกลับไปอย่างไม่แน่ใจ
“เอ่อ แต่ว่า ห้องนี้มัน…”
วิญญาณหนุ่มหันมาสบตากับหลานชาย พลางยิ้มหวานอย่างอ่อนโยนส่งให้
“หมอนั่นน่ะอึดเสียยิ่งกว่าแมลงสาบอีก ไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่า”
ตุลาหัวเราะแห้ง ๆ กับคำตอบนั้น แล้วยกตะกร้าผ้าของตนไปเก็บอีกห้อง แต่พอยกเดินไปไม่เท่าไหร่ พาทิศที่จัดเตรียมข้าวกลางวันเสร็จ ก็ขึ้นมาช่วยชายหนุ่มขนข้าวของย้ายห้อง แม้ตุลาจะบอกปฏิเสธด้วยความเกรงใจ แต่ซอมบี้หนุ่มก็ยังหยิบตะกร้าที่มือเขาไปถือแทนอยู่ดี
ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาทีดี ตุลาก็ย้ายกลับมาห้องของตัวเองเรียบร้อย ด้วยความช่วยเหลือของพาทิศ จากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง อธิปก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าใบโตที่หอบหิ้วมาด้วย
“เอ่อ คุณอยากพักห้องไหนครับ ผมจะพาไปให้”
ตุลาบอกกับอีกฝ่าย เพราะยังไงก็ไม่อยากเสียมารยาทให้เจ้าตัวพักที่ห้องเดิมของเขาซึ่งมีปัญหาอยู่ดี
“ห้องหรือ? โอ๊ย ไม่ต้องเรื่องมากหรอก ฉันนอนพื้นแถวห้องรับแขกข้างล่างนี่ก็ได้!”
พอได้ยินอธิปบอกแบบนั้น แล้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างนั้นจริง ๆ กริชที่เฝ้ามองอยู่ก็สั่นศีรษะอย่างระอา แล้วจึงเปรยขึ้นเรียบ ๆ
“ไปนอนชั้นบนนั่นล่ะ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือตุลได้ทันท่วงที”
แม้คำพูดที่เอ่ยออกจะดูเย็นชานิด ๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจอันใดนัก แต่อธิปก็ยังคงยิ้มให้ แล้วพยักหน้ารับรู้
“งั้นก็โอเค… ส่วนห้องฉันนอนห้องไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ห้องที่เจ้าหนูย้ายมา ตอนแรกก็อยากจะเสี่ยงอยู่หรอก แต่กลัวสู้อาถรรพ์ที่ดินไม่ไหว จะกลายเป็นผีเฝ้าที่นี่เสียแทน”
ตุลากลืนน้ำลายลงคอ ส่วนกริชนั้นไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็คิดว่าห้องที่หลานชายพัก คงมีอาถรรพ์มากจริง ๆ เพราะขนาดคนมีวิชาอาคมอย่างอธิปเองยังออกปากไม่กล้าเสี่ยงแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นผมจะพาไปดูห้องนะครับ”
ตุลาบอกแล้วจึงเดินนำทางอธิปขึ้นไปบนชั้นสองของคฤหาสน์
“อืม...ขอบใจ”
หนุ่มใหญ่กล่าวขอบคุณสั้น ๆ แล้วจึงเลือกห้องพักตรงกันข้ามกับห้องของตุลา แต่พอชายหนุ่มเห็นอีกฝ่ายหยิบข้าวของส่วนตัวบางชิ้นออกจากกระเป๋า เขาก็ต้องนิ่วหน้า แล้วเอ่ยถามเสียงอ่อย
“เอ่อ ...นั่นอะไรหรือครับ”
อธิปชะงัก เขามองหน้าคนถามก่อนจะจ้องสิ่งของในมือของตน พลางตอบออกไปอย่างหน้าตาเฉย
“ก็หัวกะโหลกคนไง ไม่เคยเห็นมาก่อนเหรอ?”
ตุลากลืนน้ำลายลงคอ แล้วขอตัวออกไปจากห้องเงียบ ๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายจัดห้องของเจ้าตัวไป แล้วพอเดินออกมาได้สักพัก ชายหนุ่มก็พึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“อากริชครับ ...เพื่อนอาน่ะปกติแล้วเขาทำอาชีพอะไรหรือครับ?”
กริชที่อยู่ข้างกายหลานชายตลอดปรากฏกายขึ้น เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วตอบคำถามนั้นพร้อมรอยยิ้ม
“หมอผีไงล่ะ อานึกว่าตุลจะรู้แล้วเสียอีก”
ตุลาสั่นศีรษะไปมา แล้วมีสีหน้ากังวลหนักขึ้น
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ...แล้วนี่จะไม่เป็นไรหรือครับ ก็ในบ้านนี้น่ะ...”
ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงสมาชิกตนอื่น ๆ ของคฤหาสน์ม่านราตรีขึ้นมาทันที แต่กริชนั้นเปรยปลอบหลานชายของตนเสียก่อนที่อีกฝ่ายจะกังวลมากไปกว่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอก ถึงจะเป็นหมอผี แต่หมอนั่นไม่ได้บ้าปราบผี จับผี ตามอย่างละคร หรือหนังไทยทั่วไปหรอกนะ เขาแค่ศึกษาเรียนรู้วิชาอาคมเอาไว้ เพื่อช่วยเหลือและป้องกันคนที่เดือดร้อน เพราะศาสตร์พวกนี้แค่นั้นเอง”
พอได้ฟังคำพูดของผู้เป็นอาก็ทำให้ตุลาใจชื้นขึ้น เขายิ้มน้อย ๆ แล้วจึงบอกกับอีกฝ่าย
“ถ้าแบบนั้นก็ดีไปอย่างนะครับ บางทีผมอาจจะถามคุณอธิปเขาถึงเรื่องพวกนี้ จะได้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการเขียนนิยายของผมบ้างก็ได้”
กริชยิ้มตอบแล้วจึงเอ่ยตามมา
“ดีสิ งั้นเดี๋ยวอาจะคอยช่วยเป็นคนอ่านทวนให้เองดีไหม?”
ตุลาสะดุ้งแล้วจึงหน้าแดงนิด ๆ ก่อนจะตอบเสียงอ่อย
“ผมก็อยากให้อาช่วยอ่านทวนให้หรอกนะครับ ...แต่ฝีมือของผมมันยังมือสมัครเล่นมาก ๆ ...แบบว่า...”
กริชมองหลานชายแล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะบอกออกไปด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก คนเรามันก็ต้องมีครั้งแรกทั้งนั้น อีกอย่างตุลเองก็มีพรสวรรค์เรื่องขีด ๆ เขียน ๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว อาเชื่อนะว่านิยายของตุลมันต้องออกมาดีไม่แพ้ของอา...ไม่สิ อาจจะดีกว่าของอาเลยก็ได้”
พอได้ยินอาของตัวเองพูดแบบนั้น ตุลาก็ทั้งเขินและปลาบปลื้มไปในคราวเดียวกัน ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างยินดี แล้วจึงสะดุ้งเมื่อพาทิศตะโกนมาจากชั้นล่าง เรียกให้เขาและอธิปทานข้าวกลางวันได้แล้ว
“ครับ ๆ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ งั้นผมไปตามคุณอธิปก่อนนะครับอา”
“อืม ตามสบาย”
กริชบอกแล้วก็มองหลานชายเดินกลับไปเปิดประตูห้องเพื่อนของตน ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นตุลายืนอึ้งตาค้าง แล้วคอพับคออ่อน เป็นลมสลบล้มลงไปนอนกองอยู่แถวนั้น
“ตุล! เป็นอะไรไป!”
กริชพุ่งพรวดเข้าไปหาอย่างตกใจ ก่อนจะหันขวับไปมองในห้องของอธิป ภาพเบื้องหน้าที่เห็นทำให้เขาตกตะลึง แล้วจึงตามมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดโมโหเต็มที่
“นายทำบ้าอะไรน่ะอธิป!”
หนุ่มใหญ่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบ รอบตัวเขามีหัวกะโหลกนัยน์ตาเรืองแสงสีแดงลอยอยู่สามหัว ห้องนั้นก็ปิดทั้งม่าน ปิดทั้งไฟ จึงทำให้บรรยากาศดูชวนหลอนมากยิ่งขึ้น
“ก็นะ...แค่ลองวิชาเก่า ๆ ดูว่าจะสนิมกินหรือยัง จะไปรู้ได้ไงล่ะว่าเจ้าหนูนี่จะเปิดมา...ว่าแต่ก็น่าแปลกนะ อยู่ร่วมทั้งวิญญาณ ทั้งภูตผีแท้ ๆ แต่ดันกลัวกับอีแค่กะโหลกลอยได้ ตลกดีเนอะ นายว่าไหม”
อธิปบอกแล้วยิ้มกว้างให้ในประโยคหลัง ทำเอาคนฟังยิ่งหงุดหงิดโมโหหนักเป็นเท่าตัว หนุ่มใหญ่จึงได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วยกมือยอมแพ้ ขอโทษขอโพย พลางอุ้มตุลาเข้าห้องนอนปฐมพยาบาลให้เจ้าตัวฟื้น โดยมีเสียงบ่นของกริชดังขึ้นข้าง ๆ ตลอดเวลา ทำให้คนฟังนึกรำคาญ จนชักอยากจะจับอีกฝ่ายยัดใส่หม้อถ่วงน้ำขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว
--- TBC ---
มาต่อแล้วจ้า แหมมีหลายคนหันมาลุ้นนายอธิปแทน ...ลุ้นน่ะลุ้นได้ แต่ลุ้นให้กับนายกริชนะ ตุลเค้ามีคนจองอยู่แล้ว (ถึงตอนนี้จะไม่แสดงออกมากมายก็เถอะ หุๆ) ...อ๊ะ สปอยส์พระเอกไหมเนี่ย~ป.ล. ฝากแจ้งข่าวหน่อยค่ะ ช่วงนี้ปัดเปิดจองนิยายเรื่องที่เขียนจบไปแล้ว "ดวงใจจ้าวมังกร" ใครสนใจลองไปติดตามคลิกไปอ่านรายละเอียดได้ที่กระทู้บทความนะคะ คนละสไตล์กับเรื่องนี้ค่ะ (เรื่องนั้นพระเอกหื่นตลอด--)