วันที่ 29/2
“คงไม่ว่านะถ้ากูจะขอดูลีลามึงหน่อย”ตอนนี้มือผมถูกพันธนาการด้วยเศษเสื้อเชิ๊ตของผมเองที่ถูกฉีกจนไม่เหลือชิ้นดี ผมเหลือบมองมาบด้วยสายตาที่ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก นี่เค้าคิดจะทำแบบนี้กับผมจริงๆ หรือ เพื่ออะไรกันละ เค้าจะทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ส่วนไอ้เกียรตินี่ผมว่ามันก็โรคจิตดีๆ นี่เอง
“อื๊อ...”ผมพยายามเบี่ยงหน้าหลบเมื่อริมฝีปากของไอ้เกียรติประกบลงมาที่ริมฝีปากผม มันช่างเป็นความรู้สึกที่ยากเกินจะบรรยาย ทั้งขยะแขยง ทั้งสมเพช แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะขัดขืนได้มากนักเมื่อมือก็ถูกมัดด้วยเสื้อของผมเอง ส่วนสองขาผมก็กำลังจะถูกมัดด้วยเน็กไทด์ ด้วยน้ำมือของคนที่ได้ชื่อว่าเคยเป็นแฟนผม
“เลือดของคนน่ารักนี่มันช่างหอมหวานเสียจริงๆ” ไอ้นี่มันต้องเข้าขั้นบ้าไปแล้วแน่ๆ และพอได้จังหว่ะที่มันถอนริมฝีปากออกจากผม หลังจากที่พยายามสอดลิ้นเข้ามาในปากผม แต่ไม่เป็นผล และตอนนี้ผมทำในสิ่งที่ผมพอจะทำได้ นั่นคือถุยน้ำลายใส่หน้ามัน แม้จะเป็นสิ่งที่อาจจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรมากนัก แต่มันก็เพิ่มความสะใจให้ผมได้ไม่น้อย
“โฮะๆๆ ชอบแบบนี้ก็ไม่บอกจะได้จัดให้”พอสิ้นคำพูดลิ้นสากๆ ของไอ้เกียรติก็เริ่มลากไปกับลำตัวผมก่อนจะมาวนเวียนที่บริเวณยอดอก ซึ่งมันอาจจะคิดว่าจะกระตุ้นอารมณ์ผมหรืออย่างไรไม่รู้ แต่มันได้สร้างความรู้สึกขยะแขยงให้ผมอีกเป็นทวีคูณ
“ไอ้โรคจิตเอ้ย”ผมสบถออกมาอย่างเสียไม่ได้ และก็ได้ผลซึ่งไม่รู้ว่าผลดีหรือผลร้ายต่อผมกันแน่ เมื่อสายตาของไอ้เกียรติที่ดูจะโรคจิตอยู่แล้ว มันกลายเป็นเหมือนพวกที่กู่ไม่กลับแล้วเข้าไปอีก
“มึงว่าใครไอ้โรคจิต”สองมือของไอ้เกียรติบีบกรามผมแน่นด้วยความโมโหนี่ผมคงไปกระตุ้นถูกต่อมมันเข้าให้แล้ว ตกลงว่าไอ้นี่มันโรคจิตขนานแท้เลยหรือไงว่ะเนี่ย แล้วมันยังอยู่ในสังคมปกตินี่ได้ยังไงกันนะ
“มึงว่ากูโรคจิตเหรอ”ฝ่ามือที่ฟาดลงบนหน้าผมจนหันกลับไปมาแทบไม่ทัน นั้นมันแทบจะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้ผมเลย เพราะตอนนี้หน้าผมมันแทบจะชาไปทั่วทั้งใบหน้าแล้ว นี่ผมไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้กันนะถึงต้องมาเจอไอ้พวกเดนนรกนี่
“เฮ้ยใจเย็นๆ เพื่อน เดี๋ยวก็ช้ำก่อนได้ลิ้มลองกันพอดี”ผมช้อนตาขึ้นมองเจ้าของคำพูดด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามเต็มที่ ผมไม่คิดเลยว่ามาบจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
“ขอถามสักคำถามได้ไหมมาบ”ผมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักเล็กน้อย เพราะปากผมก็บอบช้ำไปพอควร แถมมีเลือดซิบๆ อีกต่างหาก
“ได้สิจ๊ะที่รัก จะถามอะไรว่ามาเลย”ดูเค้าจะมีความสุขกับสิ่งที่กำลังทำเหลือเกิน ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ผมกำลังอยากถามเค้าว่า เค้าทำแบบนี้ทำไมกัน ผมเคยทำอะไรให้เค้างั้นหรือ แรกเริ่มทีเดียวเค้าบอกเลิกผม แล้วก็มาอ้างว่าแค่คิดจะลองใจผม แต่สิ่งที่ผมได้ยินเค้าพูดกับเพื่อนในเรื่องที่กล่าวถึงผม มันไม่ใช่สิ่งที่คนที่กำลังคบกันจะพูดถึงอีกฝ่ายเช่นนั้น และผมเองก็มีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอที่จะเลือกไม่สานสัมพันธ์กับเค้าต่อไป ถ้าเหตุผลเพียงแค่นี้มันทำให้เค้าต้องทำถึงเพียงนี้ ก็แสดงว่าผมเองนี่ช่างโง่เขลาหลวมตัวเคยคบกับเค้ามา
“ว่าไงละที่รัก”เมื่อผมไม่ได้ถามออกไปอย่างที่พูดออกไป เพราะมัวแต่คิดถึงสิ่งที่สองคนนี้กำลังจะทำเสียมากกว่าทำให้ เค้าต้องถามผมกลับมาอีกรอบ
“ทำแบบนี้ทำไม”ผมถามออกไปอย่างราบเรียบ จริงๆ ก็ไม่ได้อยากได้คำตอบอะไรมากนักหรอกครับ แต่แค่ต้องการยื้อเวลาไว้โดยที่ยังหวังว่าจะมีใครมาตามผมบ้าง
“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอที่รัก”น้ำเสียงที่เล่นทีจริงที่ไม่ได้ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เค้าทำต่อผมเลยแม้แต่น้อย มันทำให้เหมือนว่าความหวังว่าจะมีใครมาช่วยผมได้ทันมันลดน้อยลงไปอีก เพราะถ้าเค้ายังมีอะไรมาตอบในเรื่องที่ผมถามมากกว่านี้มันอาจจะยืดเวลาออกไปได้บ้าง แต่นี่เปล่าเลย
“จะให้กูได้ลิ้มลองหรือยังว่ะไอ้มาบ นี่กูแทบอยากจะขย้ำเหยื่อของกูให้แหลกคามือแล้วเนี่ย”น้ำเสียงหื่นกระหาย เหมือนกับพวกวิตถารในหนังโรคจิตไม่มีผิดเพี้ยนเล่นเอาผมแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองเสียให้รู้แล้วรู้รอดจะได้ไม่ต้องรับรู้เรื่องที่จะเกิดต่อไปนับจากนี้ นี่คงเป็นเรื่องที่อัปยศที่สุดในชีวิตผมที่ได้ประสพพบเจอมา
เข็มขัดผมค่อยๆ ถูกบรรจงแกะอย่างใจเย็น แม้จะไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะขัดขืนได้เลย พลันสายตาผมก็เห็นบางอย่างที่ไม่คาดคิดว่าสองคนนี้มันจะทำ ผมแทบอยากจะกรีดร้องออกมาเมื่อน้ำตาเทียนที่ร้อนแสนร้อน หยดลงบนผิวหนังของผม ไอ้พวกโรคจิตนี่มันเห็นผมเป็นอะไรกันเนี่ย
“ช่วยด้วย!!!!”ผมตะโกนออกแทบจะสุดเสียง นี่ทำไมผมโง่อยู่ตั้งนาน ปากก็ไม่ได้โดนมันปิดเสียหน่อย แล้วทำไมผมไม่ตะโกนขอความช่วยเหลือกันเล่า แต่ทว่าไอ้สองตัวนี่กลับหัวเราะเยาะในสิ่งที่ผมทำ นั่นเพราะห้องน้ำจุดนี้ค่อนข้างอยู่ในที่ลับตาไม่ค่อยมีใครมาใช้และนี่ยิ่งเป็นช่วงเย็นไม่ค่อยมีคนอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้วด้วย
“ร้องได้ร้องไปเลย เพราะคงไม่มีใครหน้าไหนตามมาช่วยได้หรอกมั้ง ฮ่าๆ”สองเสียงจากสองคนที่กำลังช่วยกันถอดกางเกงผมออกหัวเราะอย่างมีความสุข ซึ่งแตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง เพราะตอนนี้ผมเริ่มมองไม่เห็นทางรอดเสียแล้ว
“โอ๊ย”ผมร้องออกมาด้วยอาการเจ็บปวดพร้อมกับสะดุ้งแทบสุดตัว เมื่อรับรู้ได้ว่ายอดอกสีชมพูของผม โดนกัดเข้าอย่างแรง สมองผมเริ่มเบลอ พร้อมกับรู้สึกน้ำตามาคลอที่เบ้าตาเรียบร้อยแล้ว แต่ผมพยายามจะสกัดกั้นไว้ แม้ผมจะไม่มีทางสู้แต่ผมจะไม่แสดงออกให้สองตัวนี้มันเห็นเด็ดขาด ว่าผมอ่อนแอ
ผมไม่เข้าใจว่าการที่มันสองคนทำแบบนี้ มันไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาบ้างเลยเหรอ มันคิดว่าพอเมื่อทำกับผมไปแล้วอย่างที่มันคิดจะทำ พอสำเร็จเรื่องมันก็จะจบลงอย่างนั้นหรือ มันไม่คิดบ้างหรือไงว่าผมจะเอาเรื่องพวกมันหรือเปล่า หรือพวกมันไม่คิดว่าจะปล่อยให้ผมได้มีโอกาสรอดไป เอาผิดพวกมันได้ แต่ถ้าแบบนั้นมันก็จะเกินไปที่ มันจะทำร้ายผมถึงขั้นกับเสียชีวิต พวกมันคงไม่ทำขนาดนั้นหรอกมั้ง ตอนนี้ผมเริ่มปลอบใจตัวเอง เพราะเริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสองคนนี้จะบ้าได้ขนาดไหนกันแน่
“ไม่ดิ้นแล้วเหรอหือ”เมื่อเห็นผมไม่ได้แสดงอาการขัดขืนทำให้ไอ้เกียรติหันมาเริ่มสนใจอาการนิ่งของผมเล็กน้อย พร้อมกับปลายนิ้วที่ วนไล้ไปบนใบหน้าของผม
“ว่าไงละหือ”เมื่อผมไม่ตอบทำให้อีกฝ่ายต้องถามย้ำอีกครั้ง แต่ผมเลือกที่จะนิ่งเฉย และดูเหมือนการกระทำเช่นนี้ของผมจะไปกระตุ้นต่อมอะไรของไอ้เกียรติเข้าให้อีกแล้ว เพราะมันหยุดการพยายามถอดกางเกงผม แล้วหยิบเทียน มาวางบนตัวผมอีกครั้ง พร้อมกับค่อยๆ ให้น้ำตาเทียนหยดลงบนผิวหนังของผม ซึ่งแม้จะเจ็บปวดแสบปวดร้อนแต่ผมก็ยังพยายามทำเป็นนิ่ง ไม่แสดงอาการออกมา
“ไม่มีความรู้สึกหรือไง...ตายด้านแล้วเหรอจ๊ะที่รัก”มาบขยับมาพูดกระซิบข้างหูผม ด้วยน้ำเสียงที่ยังเย็นยะเยือกเหมือนเดิม
“ต่อเลยไอ้เกียรติอยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่างตี๊ฟ จะสวยงามขนาดไหนในเวลาที่กำลังมีเซกส์โดยเฉพาะการมีเซกส์ที่แตกต่างกับมึง”แม้จะพยายามไม่รับรู้แต่บทสนทนาทุกอย่างมันก็เข้ามาในโสตประสาทของผมทั้งหมด เซกส์ที่แตกต่างงั้นเหรอ มันก็คือการที่ผมต้องโดนไอ้โรคจิตสองคนร่วมมือกันสร้างตราบาปในชีวิตให้แก่ผมนั่นเอง
จากการกระทำแล้วไอ้เกียรตินี่คงไม่ใช่จะเพิ่งเคยทำร้ายใครแบบนี้เป็นครั้งแรกแน่นอน แต่ก็น่าแปลกที่มันยังอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ หรือว่าคนที่เคยโดนมันทำร้ายไม่มีใครคิดจะเอาเรื่องเอาราวกับมันเลยหรืออย่างไร แล้วผมละ หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป ถ้าผมไม่โดนฆาตกรรมหมกส้วมเสียก่อน เหมือนในหนังพวกแนวๆ พวกนี้ หากพวกมันยังปล่อยให้ผมมีชีวิตรอดต่อไป ผมจะทำยังไงกับชีวิตของผมหลังจากนั้น ผมจะไปแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดีกับพวกมันไหม ถ้าเรื่องถึงตำรวจก็เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตแน่นอน ซึ่งทางเลือกนี้ถ้าพ่อแม่ผมรู้ แน่นอนมันต้องเป็นทางเลือกนี้อยู่แล้ว
เมื่อก่อนกฎหมายที่คุ้มครองผู้ที่ถูกข่มขืนหรือทำร้ายร่างกายอาจจะเห็นชัดแค่ในส่วนของผู้หญิง แต่ทุกวันนี้ผู้ชายที่โดนข่มขืนก็สามารถที่จะได้รับความคุ้มครองในตรงนี้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าผมไม่เลือกทางนี้ละ ผมจะเลือกที่จะเงียบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไหม แล้วทั้งสองคนนี้มันจะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปพูดกับใคร ยังไงบ้างละ
คิดๆ ไปมันก็รู้สึกจุกที่อกขึ้นมาเฉยๆ ตอนนี้ผมคิดถึง พ่อ แม่ พี่ชายผม หากพวกเค้ารับรู้ว่าผมต้องพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนอย่างไรเสียเรื่องนี้มันคงลบไปจากใจผมได้ไม่ง่ายแน่ๆ แล้วพวกเค้าจะเป็นทุกข์ร่วมไปกับผมมากขนาดไหนกัน แค่คิดก็เหมือนน้ำตาที่ผมพยายามกลั้นไว้มันจะไหลออกมาเสียให้ได้
“ร้องเลย ไม่ต้องกลั้นไว้ รู้ไหมว่าหยดน้ำตามันสวยงามแค่ไหน มันช่างเป็นสิ่งที่สวยงามเหลือเกินมันเหมือนกับแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด ความเจ็บปวดมันเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้แก่กูเหลือเกิน มึงเห็นไหมไอ้มาบ”น้ำเสียงไอ้โรคจิตนี้พร่ำพูดพร้อมกับใช้ลิ้นสัมผัสกับน้ำตาผมที่เริ่มไหลออกมาอย่างสุดกลั้น
เสียงหัวเราะน้อยๆ ของมาบ เปล่งออกมาเบาๆ เหมือนเป็นการสมน้ำหน้าผม ตอนนี้ในใจผมเริ่มคิดถึงอีกคน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้เชษฐ์ อยู่ๆ ผมก็นึกถึงมันขึ้นมาก่อนมานี่มันเป็นคนอาสาจะมาเป็นเพื่อนผม นี่ถ้าผมปล่อยให้มันมาเป็นเพื่อนสถานการณ์ในตอนนี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กำลังจะเป็นก็เป็นได้
“ตี๊ฟ ๆ...อยู่ในนั้นหรือเปล่า”หนึ่งเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูด้านทางเข้ามาในห้องน้ำ ทำให้ทั้งไอ้เกียรติ มาบ และผมมีความรู้สึกและแสดงอาการไปกันคนละแบบ
และแล้วมาบก็กลับมาอีกครั้ง เหอๆ
ของวันที่ 29 แบ่งลง สองช่วงวันนี้และครึ่งหลังลงพรุ่งนี้นะครับ