บทที่ 14
บทลงโทษ
หลังจากเสร็จภารกิจเมืองแมนก็นั่งเสลี่ยงกลับมาที่ตำหนักเล็กทันที ช่วงนี้เขาไม่เคยย่างกรายเข้าตำหนักใหญ่เลยสักครั้ง นั่นเพราะกำลังเห่อกับของเล่นชิ้นใหม่อยู่นั่นเอง เจ้าตัวไม่นึกเลยว่าการได้ตัวคำน้อยมาเป็นเมีย จะทำให้ลืมความต้องการอยากครอบครองแสงหล้าไปจากใจได้อย่างสนิท
เมื่อเข้ามาในห้องก็พบว่าชายาคนใหม่กำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง เห็นอย่างนั้นเมืองแมนก็รีบเดินตรงเข้าไปหาด้วยความตกใจ เมื่อมองเห็นเรือนผมที่ถูกหั่นจนสั้นเป็นตะกรันยิ่งทำให้เขายิ่งฉงนในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคำน้อยกันแน่
“ผู้ใดทำกับเจ้าเยี่ยงนี้คำน้อย” เมืองแมนนั่งลงข้างกัน โอบไหล่บางเอาไว้ทันที
“เจ้าพี่! ฮืออออ เจ้านางเครือแก้วเข้ามาทำร้ายข้าในตำหนัก แถมยัง....” คำน้อยรีบโอบกอดร่างกำยำทันที แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ยอมรับเมืองแมนมากนัก แต่วินาทีนี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เมืองแมนเกิดความสงสารและไปจัดการกับเครือแก้วให้จงได้
“บอกมาให้หมดว่านางทำอันใดเจ้าบ้าง” เมืองแมนเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห ในเมื่ออยู่ด้วยกันไม่ได้เขาก็จะลงโทษให้เข็ดหลาบ
“เจ้านาง ฮึก...ตบตีข้าอย่างไร้ความปรานี ตัดผมข้าจนสั้นโกร๋น แถมยังให้ทหารมาลวนลามข้าหมายจักเอาทำเมีย แต่ข้าเอาตัวรอดมาได้เจ้า เจ้านางยังกล่าวอีกว่าไม่เคยเกรงกลัวเจ้าพี่เลยสักนิด” ในเมื่อมาทำร้ายกันถึงเพียงนี้ เขาจะต้องเอาคืนเครือแก้วให้เจ็บกว่าเป็นเท่าตัว
“บังอาจ! ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าโดนรังแกเพียงฝ่ายเดียวแน่ ไปกับข้า!” เมืองแมนลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะดึงมืออีกฝ่ายให้ลุกขึ้นตาม
“ไปที่ใดเจ้า” คำน้อยแสร้งถาม แต่ในใจกลับยิ้มอย่างพอใจ เขามั่นใจว่าเมืองแมนจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้เขาได้
“ไปตำหนักใหญ่”
“แต้ข้ากลัวเจ้านางเครือแก้ว”
“อยู่กับข้าหาต้องกลัวอันใดไม่”
คำน้อยพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบผ้าขึ้นมาโพกศีรษะปกปิดเรือนผมที่ไม่ชวนมองเอาไว้ จากนั้นก็เดินตามหลังเมืองแมนไป
ณ ตำหนักใหญ่ คุ้มเจ้าราชวงศ์
“พวกเอ็งออกไปข้างนอกให้หมดทุกคน” เมื่อมาถึงแล้วเมืองแมนก็สั่งนางข้าไทที่อยู่ในตำหนักออกไป
“เจ้า / เจ้า”
“เจ้าพี่!” เมื่อเห็นสวามีเครือแก้วก็หน้าถอดสีด้วยความตื่นตกใจ เธอนึกว่าคำน้อยจะกลัวจนไม่กล้าบอกความจริงไป แต่เธอคิดผิดเพราะตอนนี้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้องมองมา พร้อมทั้งยิ้มมุมปากราวกับมีแผนร้ายในใจ
นางเขียนกำลังใช้ช่วงเวลานี้คลานหนีออกไปแต่ทว่าเมืองแมนกลับสั่งห้ามเอาไว้เสียก่อน
“มึงจักไปไหนอีเขียน!”
“ข้าเจ้าจักออกไปข้างนอกตามคำสั่งเจ้าราชวงศ์อย่างใดเล่าเจ้า”
“ไม่ต้อง! กลับไปหานายมึงบัดเดี๋ยวนี้” เมืองแมนชี้หน้าสั่ง
“เจ้า” นางเขียนทำหน้าหงอยก่อนจะคลานกลับไปนั่งข้างตั่งผู้เป็นนาย
“เหตุใดเจ้าถึงได้จิตใจโหดร้ายถึงเพียงนี้ ข้าอุตส่าห์แยกคำน้อยให้ไปอยู่ตำหนักเล็ก แต่เจ้ากลับไปตามราวีถึงที่” เมืองแมนตะโกนใส่หน้าชายา
“ข้าไม่ได้ทำอันใดมันเลยสักนิด เจ้าพี่หาควรใส่ความข้าเยี่ยงนี้” เครือแก้วเชิดหน้าไม่ยอมรับความผิด
“ยังจะปากแข็งอีกงั้นรึ หลักฐานที่เจ้าทำไว้มันอยู่บนตัวคำน้อยขนาดนี้” เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับเมืองแมนจึงเดินตรงไปหา ดึงแขนให้ยืนขึ้นก่อนจะง้างมือหนาฟาดเข้าที่ใบหน้าสวยเต็มแรงจนล้มลงกับพื้น
เพี๊ยะ!
“เจ้าพี่! ฮืออออ เหตุใดทำกับข้าถึงเพียงนี้ เจ้าพี่ทำร้ายข้าเพราะไอ้คนชั้นต่ำเยี่ยงนั้นงั้นรึ” เครือแก้วยกมือขึ้นมากุมพวงแก้มเอาไว้ ปล่อยโฮด้วยความเสียใจเป็นที่สุด
คำน้อยยิ้มมุมปากอย่างสะใจ นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น...
“ใช่! เจ้ามันต่ำยิ่งกว่าไอ้พวกข้าไทไพร่ราบเสียอีก เจ้าก็รู้ว่าคำน้อยเป็นเมียข้าแต่ก็ยังสั่งให้ไอ้ทหารนอกรีดสองคนนั้นมาทำมิดีมิร้าย ข้าอยากฆ่าเจ้าให้ตายเสียตอนนี้นัก”
“ไม่เป็นความจริง! ข้าไม่ได้ทำเยี่ยงนั้น มันใส่ร้ายข้า เจ้าพี่ต้องเชื่อข้า” เครือแก้วได้ยินก็ตกใจเป็นที่สุด นั่นเพราะเธอไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง
“เหตุใดข้าต้องใส่ร้ายเจ้าด้วย ในเมื่อสิ่งที่เจ้าทำกับข้ามันก็ชัดเจนเยี่ยงนี้ ข้ากลัวเหลือเกินเจ้าพี่ ข้ากลัวว่านางจะมาทำร้ายข้าอีก” คำน้อยเดินเข้ามาควงแขนเมืองแมนไว้แน่น แสร้งทำสีหน้าหวาดกลัว
“มารยาสาไถย! ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ”
“เจ้านั่นล่ะมารยา ในเมื่อไม่ยอมรับก็จงไปนอนในตรุสักสามวันสามคืน เจ้าจักได้สำนึกว่าทำผิดอันใดลงไป ส่วนเอ็งนังเขียน..” เมืองแมนชี้หน้านางข้าไทด้วยอารมณ์เดือดพล่าน
นางเขียนถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตื่นกลัว ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้สั่นปานเจ้าเข้า
“ข้าเจ้าผิดไปแล้ว อย่าทำอันใดข้าเจ้าเลยเจ้าค่ะ”
“เอ็งมันเป็นแค่นางข้าไทไพร่ราบ อย่าได้มาบังอาจดูหมิ่นเมียข้าเยี่ยงนี้ หากข้ารู้ว่าเอ็งยังสนับสนุนเครือแก้วให้กระทำผิดเยี่ยงนี้อีกข้าตัดหัวเจ้าแน่ จงไปนอนอยู่ในตรุให้สบายใจเถิด ครบสามวันแล้วหวังว่าเจ้าทั้งสองจักกลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่” เมืองแมนเอ่ยกับคนทั้งสองอย่างไม่ไยดี
“ไม่นะเจ้าพี่...ฮึก...ข้าสำนึกผิดแล้วอย่าทำเยี่ยงนี้เลยเจ้า ข้าสัญญาว่าจักไม่ย่างกรายเข้าไปเหยียบตำหนักเล็กอีกแล้ว ฮืออออ...” เครือแก้วคลานมากอดขาสวามีเอาไว้แน่นเพื่อขอโอกาสอีกครั้ง
“เจ้าจักว่าเยี่ยงใดคำน้อย จักยอมยกโทษให้เครือแก้วหรือไม่” เมืองแมนหันมาถามความเห็นจากคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“หากเจ้านางยอมกราบแทบเท้าขอโทษข้า ข้าจักยอมยกโทษให้”
“ไม่! ข้าไม่มีทางทำเยี่ยงนั้นเด็ดขาด!” เครือแก้วไม่มีทางยอมลดศักดิ์ศรีไปกราบเท้าคนชั้นต่ำอย่างนั้นแน่
“เช่นนั้นเจ้าจักต้องโดนจำตรุ ทหาร!” เมืองแมนตะโกนสั่งทหารที่ยืนอยู่ด้านนอกให้เขามาหา
“ไม่นะ! ฮืออออ เหตุใจเจ้าพี่ถึงใจร้ายใจดำกับเมียที่อยู่กินกันมานานเยี่ยงนี้ เจ้าพี่เห็นมันดีกว่าข้า ข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด” เครือแก้วร้องไห้ร้องห่มกอดขาเมืองแมนไว้แน่น
“จับสตรีสองนางนี้ไปจำตรุสามวันสามคืน ส่วนไอ้ทหารสองคนนั้นจับมันไปเฆี่ยนเอาน้ำเกลือราดให้ทรมานแล้วเฉดหัวมันออกนอกวัง”
“เจ้า / เจ้า...”
สิ้นเสียงคำสั่งทหารทั้งสี่นายก็เดินเข้ามาดึงตัวเครือแก้วออกจากขาเมืองแมน ส่วนนางเขียนยอมให้จับกุมโดยง่ายนั่นเพราะไม่มีทางหนีทีไล่
“เจ้าพี่ช่วยข้าด้วย! ข้าไม่อยากนอนในตรุ ฮืออออ ปล่อยกูบัดเดี๋ยวนี้! ปล่อยสิวะ!” เจ้านางพยายามดิ้นรนขัดขืน จ้องมองคำน้อยด้วยสายตาอาฆาตแค้น แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มมุมปากเยาะเย้ย ทำหน้ายียวนกวนประสาทเพื่อให้คู่อริเจ็บแค้นใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
“มึงอย่าคิดว่าจักเอาชนะกูได้ ไอ้เมียบ่าว ไอ้คนชั้นต่ำ” เครือแก้วชี้หน้าขู่ขณะโดนจับตัวไป
“ข้าไม่เคยคิดจักเอาชนะเจ้านางเลยนะเจ้า” คำน้อยแสร้งทำเป็นหวาดกลัวเมื่อเห็นท่าทีอีกฝ่าย
“อีตอแหล! กรี๊ดดดดดด!!! ปล่อยกูสิวะไอ้ทหารชั้นต่ำ....”
เมืองแมนรู้สึกเครียดเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพชายา แต่หากเขาไม่ทำอย่างนี้มีหวังคำน้อยได้โดนกลั่นแกล้งอีกเป็นแน่ หลังจากนี้เขาจะต้องสั่งทหารให้เฝ้ายามคุมเข้มยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นอีก
“ข้าซึ้งน้ำใจเจ้าพี่เหลือเกินที่ให้ความเป็นธรรมแก่ข้าเยี่ยงนี้” คำน้อยนั่งลงกับพื้นก้มกราบแทบเท้าทันที
“ลุกขึ้นเถอะข้าบอกแล้วอย่างใดว่าจักดูแลให้เจ้ามีความสุข กลับคุ้มกันเถอะวันนี้ข้าจักอยู่กับเจ้าตลอดทั้งวันไม่ไปไหน” เมืองแมนพยุงตัวให้ลุกขึ้นยืนตรงหน้า ใช้สายตาโลมเลียราวกับต้องการเรื่องอย่างว่าเหลือทน
“เจ้า” คำน้อยตอบรับสั้นๆ แสร้งทำเป็นเอียงอาย ทั้งที่ในใจกลับไม่ได้ต้องการเลยสักนิด
“วันนี้ข้าจักปลอบเจ้าจนถึงใจเชี่ยวล่ะหึๆ”
คำน้อยทำได้เพียงยิ้มรับอย่างเสียมิได้ จากนั้นเมืองแมนก็โอบไหล่พาเมียรักกลับตำหนักเล็ก ซึ่งเป็นสถานที่เริงรักที่เลอค่าสำหรับเมืองแมนไปเสียแล้ว
กึก! แกร็ก!
“ปล่อยกูออกไปบัดเดี๋ยวนี้ไอ้พวกทหารชั้นต่ำ ฮืออออ...” เครือแก้วใช้สองกำกรงเหล็กไว้ ตะโกนด่าทอเหล่าทหารที่นำตัวเธอเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาดเกือบเท่ารูหนูแห่งนี้
“ฮือออ...ข้าเจ้าไม่น่าไปที่นั่นกับเจ้านางเลย” นางเขียนนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ข้างกรงเหล็กอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“อีเขียน! เหตุใดมึงกล้ากล่าวโทษกูเยี่ยงนี้ อีไพร่! อีคนชั้นต่ำ ไม่ใช่มึงหรอกรึที่เป็นผู้วางแผนทุกเรื่อง จนทำให้กูต้องมาอยู่ในนี้”
เพี๊ยะ!
ด้วยความโมโหเครือแก้วจึงขยุ้มผมนางข้าไทให้เงยหน้าขึ้นมา ฟาดมือเรียวไปที่แก้มเต็มแรง จนนางเขียนนอนซบลงกับพื้นเลือดกบปาก
“หากข้าเจ้าเป็นคนชั้นต่ำ เหตุใดเจ้านางต้องเชื่อสิ่งที่อีนางข้าไทชั้นต่ำคนนี้บอกด้วยเล่า ต่อไปนี้อีเขียนจักไม่ออกความคิดเห็นใดๆ แล้ว ฮืออออ...” พูดจบนางเขียนก็ปล่อยโฮอีกรอบ เธอน้อยอกน้อยใจที่ผู้เป็นนายเอาแต่กล่าวโทษทั้งที่ตนเองไม่มีสมองคิดอะไรได้เองเลยสักเรื่อง
“อีบ้า! วันนี้กูจักตบมึงให้สาแก่ใจ ที่มึงเป็นต้นเหตุให้กูต้องมาอยู่ในนี้”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
“เจ้านางข้าเจ้าเจ็บ...ฮือออ...”
เครือแก้วใช้นางข้าไทคนสนิทเป็นที่ระบายความโกรธแค้นในใจจนสภาพแทบดูไม่ได้ ส่วนนางเขียนได้แต่ยอมทนรับความเจ็บปวดนั้นไว้ เก็บความเคียดแค้นไว้ในใจเพื่อรอเอาคืนในสักวันให้จงได้