มีอีบุ๊กที่ meb จ้า❤️:::::ทาสรักเชลยหัวใจ[พีเรียด]:::::❤️ EP.29 อวสาน [Up.01-09-2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มีอีบุ๊กที่ meb จ้า❤️:::::ทาสรักเชลยหัวใจ[พีเรียด]:::::❤️ EP.29 อวสาน [Up.01-09-2019]  (อ่าน 25387 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 27

รักมิเคยเปลี่ยน



เมื่อสายตาทั้งสองคู่ประสานกัน ราวกับทุกสิ่งรอบตัวหยุดการเคลื่อนไหว สำหรับแสงหล้ามันช่างเหมือนฝัน เมื่อได้มาเจอชายผู้เป็นที่รักอย่างไม่ได้ตั้งใจ น้ำตาแห่งความยินดีไหลหลั่ง ภาพใบหน้าคมคายที่สะท้อนเข้ามาในดวงตา ทำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงมากพอสมควร จักรคำดูโทรมกว่าเมื่อสิบปีก่อน หนวดเครารุงรังบ่งบอกว่าไม่ได้ใส่ใจดูแลตัวเอง แต่ทว่าสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนนั่นคือแววตาที่จ้องมองกัน มันยังคงชัดเจน ว่าความรักที่มีให้กันนั้นไม่เคยลดลงเลย

“ฮึก...เจ้าพี่”

“แสงหล้า”

หลังจากยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง คนทั้งสองก็วิ่งเข้าไปสวมกอดกันอย่างแนบแน่น ต่างก็หลั่งน้ำตาแห่งความยินดีออกมา การรอคอยที่แสนยาวนานได้สิ้นสุดลงแล้ว ช่วงเวลาอันสุดแสนน่าประทับใจนี้ ทำให้อินเหลาและเหนือคำต่างก็ยิ้มทั้งน้ำตา ดีใจเมื่อเห็นมุมที่สวยงามของความรัก

“พี่ดีใจเหลือเกินที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง”

“น้องก็ดีใจ มันเหมือนความฝัน น้องคิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้พบหน้าเจ้าพี่อีกแล้ว ฮึก” คนกล่าวน้ำตายังคงไหลพราก

“พี่บอกเจ้าแล้วเช่นใดเล่า ว่าสักวันเราต้องได้เจอกันอีก และพี่ก็ไม่เคยทำให้เจ้าผิดหวัง” ว่าแล้วก็จุมพิตกลางหน้าผากคนรักอย่างเสน่หา

“แล้วนั่นอินเหลาใช่หรือไม่”

“ข้าคิดถึงเจ้าน้าเหลือเกิน” อินเหลาก้มลงกราบแทบเท้า แล้วลุกขึ้นโผเข้ากอดแสงหล้า

“น้าก็คิดถึงเจ้ามาก โตเป็นหนุ่มแล้วเหตุใดจึงร้องไห้งองแงราวกับเด็กน้อยเยี่ยงนี้”

“ข้าไม่สน ใครจะว่าข้าเป็นเด็กก็ช่างปะไร”

“โตเป็นหนุ่มรูปงามเยี่ยงนี้แล้ว น้าว่าคงจะมีแม่หญิงเข้ามาต่อคิว อยากเป็นเจ้าของใช่รึไม่”

“เจ้าน้าตาถึงที่สุด ใคร ๆ ต่างก็สนใจข้ากันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่ง...” อินเหลาปรายตามองเหนือคำที่ยืนมองอยู่ เมื่อรู้ตัวจึงหลบตาแล้วเอียงหน้าหนีไปอีกทาง

แสงหล้ามองตามไปก็เห็นเด็กในปกครองทำหน้าบูดบึ้ง ทำให้พอจะรู้แล้วว่าอินเหลาหมายถึงใคร หากเดาไม่ผิดคงใช้วิธีมาตีสนิทเหนือคำ เพื่อจะได้เข้าถึงตัวเขาได้ง่ายยิ่งขึ้น และดูเหมือนว่าตอนนี้อินเหลาจะสนใจเด็กในปกครองของตนไม่น้อย

“เหนือคำงั้นรึ”

“ข้าเจ้าหาได้สนใจชายผู้นั้น ตอนนี้แผนของเจ้าก็สำเร็จแล้ว หวังว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีก” กล่าวจบก็ยืนกอดอกหันหลังให้

“เจ้าน้ากับเจ้าพ่อสนทนากันอยู่ที่นี่ก่อนนะเจ้า ข้ากับเหนือคำจะไปเดินชมป่าแถวนี้รอ”

“อย่าไปแกล้งเหนือคำนักล่ะ พ่อไม่ไว้ใจเจ้าเลยจริง ๆ”

“ข้าจะพยายาม” ว่าแล้วก็เดินไปดึงแขนเหนือคำให้เดินตามหลังไป

“ปล่อยข้าบัดเดี๋ยวนี้ เจ้าจะพาข้าไปไหน เจ้าอุปราชช่วยข้าเจ้าด้วย”

เหนือคำตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่ทว่าแสงหล้ากลับยิ้มกริ่ม เมื่อได้เห็นความน่ารักของเด็กหนุ่มทั้งสองคน

..........

เหนือคำถูกกึ่งลากกึ่งดึงเข้ามาจนถึงกลางป่า ก่อนจะเจอกับลำธารน้ำใสขนาดเล็ก อินเหลาจึงปล่อยมือให้เป็นอิสระ เหนือคำจะเดินหนีไปแต่ทว่ากลับถูกรั้งข้อมือเอาไว้

“จะไปไหน”

“ปล่อย ข้าจะไปจากผู้ชายปากหมาเยี่ยงเจ้า”

“ข้าไม่ให้ไป” อินเหลาดึงร่างบอบบางเข้ามาสวมกอดไว้อย่างแนบแน่น เหนือคำพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ จนทำให้คนทั้งสองเสียหลักล้มลงไปที่กลางลำธาร

ตู้ม!

ผั๊วะ!

เหนือคำใช้จังหวะนี้ซัดหมัดเข้าไปที่ใบหน้าหล่อ ๆ ของอินเหลา ก่อนจะว่ายน้ำกลับเข้าไปที่ฝั่ง แต่ทว่าอินเหลารีบตามขึ้นไปจับข้อเท้าเอาไว้ ใช้ความเร็วขึ้นไปคร่อมบนตัวที่ริมตลิ่ง

“ปล่อยข้าบัดเดี๋ยวนี้!”

“เมื่อครู่ยังชกหน้าข้าอยู่เลย แล้วตอนนี้จะกลัวอันใดเล่า” อินเหลาพลิกร่างบางให้นอนหงาย ตรึงข้อมือเอาไว้อย่างแน่นหนา

“ปล่อยข้าบัดเดี๋ยวนี้ ข้าเจ็บ”

“แค่นี้ทำเป็นเจ็บ แล้วทีเจ้าชกหน้าข้าล่ะ อย่างนี้มันต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว” อินเหลาโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มขาวเนียนซ้ำ ๆ เหนือคำได้แต่ส่ายหน้าไปมา ดูเหมือนรังเกียจแต่ทว่าในใจกลับเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

“จะ...เจ้าจะทำอันใด ขะ...ข้าไม่เล่นด้วยหรอกนะ”

“ใครบอกว่าข้าล้อเล่น แต่ข้าเอาจริงต่างหากล่ะ เจ้าเองก็ชอบข้าไม่ใช่รึ” น้ำเสียงหื่นที่ดังข้างหู ทำเอาเหนือคำขนลุกชันไปทั้งตัว ลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดพวงแก้ม ทำให้เลือดลมในกายไหลพลุ่งพล่านดีเสียจริง

“ข้าไม่เคยบอกว่าชอบเจ้า”

“แต่สายตาเจ้ามันฟ้องว่าชอบข้า”

“คิดเองเออเอง ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ หากไม่ยอมปล่อย ข้าฟ้องเจ้าอุปราชให้เล่นงานเจ้าแน่”

“หากได้เป็นเมียข้าแล้ว ดูซิว่าเจ้าจะกล้าไปฟ้องเจ้าน้าอยู่รึไม่ หึ ๆ”

“ไอ้คนลามก ไอ้ อื้อ...”

พูดยังไม่ทันจบอินเหลาก็ทำให้อีกฝ่าย สงบปากสงบคำด้วยการจูบ ส่งความเร่าร้อนผ่านการบดเบียดริมฝีปากอย่างดูดดื่ม ความมีชั้นเชิงทำให้คนที่อยู่ใต้ร่างเริ่มอ่อนกำลัง ลดดีกรีความดื้อรั้นลงจนกลายเป็นเพียงลูกแมวตัวน้อยไร้เดียงสา ยอมศิโรราบให้อินเหลาอย่างราบคาบ และนับจากวินาทีนั้น อินเหลาก็ทำให้เหนือคำกลายเป็นเมียโดยสมบูรณ์แบบ โดยที่อีกฝ่ายก็ยินยอมพร้อมใจแต่โดยดี

...........

หลังจากเด็กหนุ่มทั้งสองปล่อยให้มีโอกาสอยู่กันเพียงลำพัง ทั้งคู่จึงใช้โอกาสนี้นั่งพรอดรักกันใต้ต้นจามจุรี หันหน้าไปทางฝั่งแม่น้ำ จักรคำนอนหนุนตักอย่างสบายใจ สายตาทั้งสองคู่สอดประสาน จ้องมองใบหน้าของกันและกันอย่างหวานซึ้ง ให้สมกับที่รอคอยมาแสนนาน

“สิบปีที่ผ่านมา เจ้าพี่สุขสบายดีหรือไม่”

“พี่สุขสบายดี ใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนมาตั้งแต่บัดนั้น หาเลี้ยงชีพด้วยการทำปางไม้”

“เหตุใดเจ้าพี่จึงไม่กลับไปเชียงราชคำ ตอนนั้นเจ้าพี่แสงชัยปล่อยให้เมืองร้าง น้องนึกว่าเจ้าพี่จะกลับไปที่นั่น แต่ทว่าตอนนี้ได้ยินข่าวมาว่าคำป้อได้ขึ้นนั่งเป็นเจ้าเมืองเสียแล้ว”

“พี่ก็ได้ยินข่าวคราวมาเช่นนั้น คำป้อเป็นองครักษ์ที่พี่รักและไว้ใจมากที่สุด มีความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง จึงวางใจว่าจะดูแลบ้านเมืองให้มีความผาสุขได้ แล้วเจ้าล่ะเป็นเช่นไรบ้าง ในยามที่ไม่มีพี่ข้างกาย หัวใจของเจ้ายังคงคิดถึงพี่บ้างไหม” คนพูดเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสที่แก้มขาว ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ จนริมฝีปากสัมผัสกัน

“อืม”

การตอบรับรสจูบที่เร่าร้อนนั่นคือคำตอบ จักรคำตักตวงลมหายใจของชายาสุดที่รักอย่างบ้าคลั่ง ส่งลิ้นร้อนตวัดเลยในโพรงปากอย่างมิรู้เบื่อ เมื่อสมใจอยากแล้วจึงผละใบหน้าออกจากกัน

“รสจูบนี้เป็นคำตอบว่าน้องคิดถึงเจ้าพี่มากเพียงใด” แสงหล้ายิ้มหวาน นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ยิ้มอย่างมีความสุขเช่นนี้

“ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเพียงใด แต่ริมฝีปากเจ้ายังหวานเช่นเคย เจ้าคือสมบัติของพี่ ห้ามให้มันผู้ใดได้มาสัมผัสเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่”

“น้องไม่เคยให้สิทธิ์ผู้ใดนอกจากเจ้าพี่”

“พี่ดีใจที่ได้ยินเช่นนี้ นับจากนี้พี่จะไม่ยอมให้เราแยกจากกันไปไหนแล้ว เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

ได้ยินประโยคนั้นแสงหล้าก็หลุบตาลง เรื่องที่อินทร์แปงกล่าวก่อนหน้านี้ ทำให้รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง

“มีเรื่องอันใดไม่สบายใจงั้นรึ”

“หามีอันใดเจ้า น้องแค่คิดถึงช่วงเวลาที่ไม่มีเจ้าพี่ มันช่างอ้างว้างและเดียวดาย หาได้มีความสุขแม้แต่วันเดียว”

“พี่เองก็รู้สึกไม่ต่างจากเจ้า หากทุกอย่างลงตัวแล้ว พี่จะเข้าไปสู่ขอเจ้าจากเจ้าหลวงแสงชัย เจ้าจะว่าเยี่ยงไร”

“แต่...น้องกลัวว่าเจ้าพี่จะโดนทำร้าย น้องไม่อยากเสียเจ้าพี่ไปอีกแล้ว”

“หากไม่ทำเช่นนั้น เราจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันรึ แค่นี้พี่ก็ทุกข์ทรมานมากพอแล้ว ขอให้พี่ได้ทำเพื่อเจ้าบ้างเถอะนะแสงหล้า พี่ไม่อยากเป็นผู้ชายที่ขี้ขลาดตาขาว ให้เจ้าปกป้องชีวิตพี่อีกแล้ว” แววตาที่มุ่งมั่นทำให้แสงหล้าไม่กล้าที่จะห้ามปรามอะไรอีก

“หากมันไม่เป็นดังที่เราหวังไว้ เจ้าพี่จะทำเช่นใดเล่า”

“พี่ก็พร้อมจะรับโทษทัณฑ์จากเจ้าหลวง”

“เจ้าพี่!”

“หากไม่มีเจ้าข้างกาย ชีวิตพี่ก็ไม่มีความหมายอันใด เมื่อสิบปีที่แล้วเจ้าปกป้องชีวิตพี่ มาถึงตอนนี้พี่ขอเป็นฝ่ายปกป้องความรักของเราบ้าง เจ้าเชื่อใจพี่รึไม่”

“อื้ม น้องเชื่อใจเจ้าพี่ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น เราจะฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน”

“วันนี้พี่มีความสุขมากที่สุดในชีวิต คืนนี้เจ้าค้างคืนที่ป่าแห่งนี้กับพี่ได้หรือไม่”

“ได้สิ น้องเองก็อยากจะสนทนากับเจ้าพี่ไปตลอดทั้งคืน”

“เพียงแค่สนทนางั้นรึ” สายตาอันกรุ้มกริ่มที่จ้องมองมา ทำเอาแสงหล้าหน้าแดงก่ำทันที

“หากเจ้าพี่ต้องการสิ่งใด น้องก็พร้อมจะให้ได้ทุกอย่าง”

“พี่รักเจ้าที่สุดในโลก รักจนไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียบเคียงได้ แสงหล้าเมียพี่”

“น้องก็รักเจ้าพี่เช่นกัน” คนทั้งสองส่งยิ้มหวานให้กัน ก่อนที่แสงหล้าจะสะดุดตากับอะไรบางอย่าง

“ใบหน้าพี่มีอันใดผิดปกติงั้นรึ”

“เหตุใดเจ้าพี่จึงปล่อยให้หนวดเครายาวราวกับโจรป่าเยี่ยงนี้” ว่าพร้อมลูบมือตามกรอบหน้าคม แม้จะมีหนวดเครามาบดบัง แต่ทว่าความหล่อเหลายังคงเหมือนเดิมไม่ลดน้อยลงเลย

“เจ้าไม่ชอบงั้นรึ”

“น้องชอบเจ้าพี่คนเดิม หาใช่โจรป่าเยี่ยงนี้”

“หากไม่ชอบก็จัดการเอามันออกให้พี่สิ”

“อื้ม น้องจะจัดการให้ แต่เจ้าพี่ต้องให้ความร่วมมือกับน้องด้วยเช่นกัน”

“ร่วมมือเช่นใดเล่า”

“เจ้าพี่ต้องลงไปแช่ตัวในน้ำกับน้อง หาได้สวมอาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียว” แสงหล้ายิ้มกริ่ม ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้ม สื่อให้เขารู้ว่าตอนนี้กำลังต้องการสิ่งใด

“นี่เจ้ากำลังยั่วยวนพี่งั้นรึ รู้รึไม่ว่าหากพี่มีความต้องการแล้ว เจ้าอาจจะแหลกคามือพี่ก็เป็นได้” จักรคำหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เลือดลมในกายไหลพลุ่งพล่าน แก่นกายเริ่มตื่นตัวเมื่อมือเรียวเลื้อยมาสัมผัสที่กลางอก ลูบไล้เบา ๆ อย่างยั่วยวน

“ขอแค่เป็นเจ้าพี่ น้องก็หากลัวอันใดไม่” แสงหล้ายิ้มทั้งน้ำตา รู้สึกตื้นตันใจเป็นที่สุด ไม่นึกฝันว่าจะได้มีโอกาสเจอคนรักอีกครั้ง มือเรียวค่อย ๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ของจักรคำออก จนเผยให้เห็นเรือนกายกำยำ ไล้มือไปตามผิวกายสีแทนซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้ออย่างเสน่หา

“พี่ต้องการเจ้าเหลือเกินแสงหล้า พี่ต้องการเจ้า”

จักรคำไม่รอช้า รีบปลดเปลื้องอาภรณ์ของคนรักออกจนหมด เผยให้เห็นเรือนกายสะโอดสะอง ผิวขาวเนียนชวนสัมผัส สมกับเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน งามไปทุกสัดส่วนจนห้ามใจไม่อยู่

“อ๊ะ จะ...เจ้าพี่ ฮื่อ...” แสงหล้าร้องเสียงหลง เมื่อจักรคำไซร้ซอกคอขาว พรมจูบลงมาจนถึงยอดอก ละเลงลิ้นดูดเลียติ่งสีชมพูระเรื่อ แสงหล้าสั่นเทิ้มไปทั้งตัว วางมือไว้ที่ต้นคอลูบไล้ไปมาระบายความเสียว

ไม่นานหลังจากนั้นจักรคำก็อุ้มคนตัวเล็กกว่า เดินลงไปที่โขดหินขนาดใหญ่ริมตลิ่ง วางร่างบอบบางลงอย่างนุ่มนวล โน้มตัวลงไปทับทาบ จักรคำโน้มใบหน้าลงไปจนริมฝีปากสัมผัสกัน ตวัดลิ้นแลกเปลี่ยนความหวานอย่างไม่รู้เบื่อ สอดประสานมือไว้อย่างแนบแน่น ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไปจากชีวิตอีกครั้ง

“อืม...”

เสียงครางฮือในลำคอดังอยู่เนือง ๆ รสจูบที่เร่าร้อน ทำให้ร่างบอบบางอ่อนระทวย ยอมให้คนรักเสพสมตามอำเภอใจ ขาเรียวทั้งสองข้างถูกแยกออกจากกัน ก่อนที่จักรคำจะจับแท่งร้อนขนาดใหญ่ ถูกไถที่ปากทางเข้า

“อ๊ะ อื้อ เจ้าพี่ น้องสะ...เสียว”

จักรคำได้ยินก็พอใจ ตวัดเลียยอดปทุมถันอย่างบ้าคลั่ง ในวินาทีนั้นก็ยัดเยียดความเป็นชายที่ไม่เคยใช้งานมาตลอดนับสิบปี เข้าไปในช่องทางรักอันคับแคบ

“โอ๊ย จะ...เจ็บเหลือเกิน อื้อ” แม้น้ำใส ๆ จะไหลพรากจากหางตาด้วยความเจ็บปวด แต่ทว่าความสุขกลับมากกว่าเป็นร้อยเท่านัก จักรคำเห็นสีหน้าอันเหยเกของคนรัก ก็รู้สึกสงสารจะถอนมันออกมา แต่ทว่าแสงหล้ารีบจับมือ ส่งแววตาเป็นประกาย สื่อให้รู้ว่ามีความต้องการมากเพียงใด

“เจ้าไหวแน่นะ”

“น้องไหว มันคือสิ่งที่น้องรอคอยมาทั้งชีวิต” น้ำเสียงที่เจือความออดอ้อนนั้น ทำให้จักรคำยิ้มอย่างพอใจ โน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่กลางหน้าผาก ประสานมือทั้งสองไว้เหนือศีรษะ

“อ่าห์ ซี๊ด...”

จักรคำส่งเสียงเสียวขณะดันท่อนเอ็นเข้าไปอย่างช้า ๆ ความเสียวซ่านเพิ่มทวีคูณยิ่งขึ้น เมื่อแก่นกายถูกตอดรัดอย่างไม่เป็นจังหวะ

บลั่ก! บลั่ก! บลั่ก!

เมื่อทั้งสองกายเชื่อมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว จักรคำก็เริ่มจังหวะรัก กระแทกกระทั้นท่อนเนื้อใหญ่เข้าไปอย่างไม่ปรานี ส่งความเสียวซ่านให้เมียผ่านช่องทางรัก ด้วยไฟปรารถนาอันท่วมท้น บทรักอันเร่าร้อนดำเนินต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลง

“อ๊า ซี๊ด เจ้าพี่ของน้อง ละ...ลึกที่สุด อะ..อ๊า”

“พี่มีความสุขเหลือเกิน ซี๊ด แสงหล้าเมียรักของพี่ ตอดแน่นจนพี่จะทนไม่ไหวแล้ว”

แสงหล้ายืนโก้งโค้งค้ำมือไว้บนโขดหิน ปล่อยให้จักรคำจับขาข้างหนึ่งยกขึ้นพาดที่เอวสอบ ขยับสะโพกส่งความใหญ่โตเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ความสุขอันท่วมท้นที่เกิดขึ้นเป็นเวลานาน ทำให้ถึงควรแก่เวลาที่จะต้องปลดปล่อยความกำหนัดออกมา จักรคำเร่งจังหวะรักให้เร็วและแรงขึ้น จนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วบริเวณพื้นที่ ไม่ได้สนใจว่าเด็กหนุ่มทั้งสองจะกลับมาเจอ

“เจ้าพี่น้อง อะ...อื้อ ไม่ไหวแล้ว อ๊า”

“พี่ก็ไม่ไหวแล้ว โอ๊ย ซี๊ด แสงหล้าของพี่ เสียวเหลือเกิน อ๊ากก” อุณหภูมิรักขับให้เหงื่อกาฬผุดออกมาตามรูขุมขน จนใบหน้าและผิวกายของคนทั้งสองเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

กระตุกตัวสองสามครั้ง น้ำรักอุ่น ๆ ก็ไหลพุ่งเข้าไปในตัวแสงหล้าจนหมดทุกอยาดหยด จักรคำดึงร่างอันอ่อนแรงเข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง พรมจูบตามแผ่นหลังอย่างหื่นกระหาย ทั้งที่ร่างกายยังเชื่อมต่อกัน

“แฮ่ก ๆ น้องมีความสุขเหลือเกิน”

“พี่ก็ไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อน แทบยืนไม่ได้เยี่ยงนี้ เจ้าจะมีแรงโกนหนวดเคราให้พี่งั้นรึ” คนพูดเกยคางไว้บนไหล่ แสดงความออดอ้อนจนน่าหมั่นไส้

“ถึงอย่างไรวันนี้น้องก็ต้องจัดการกับหนวดเคราพวกนี้ให้ได้ รอให้น้องมีแรงกว่านี้อีกสักหน่อย เราได้เห็นดีกันแน่” คนพูดยกมือขึ้นมาลูบไล้ตามกรอบหน้าอย่างเสน่หา

“แช่ตัวในน้ำสักพัก เจ้าคงจะมีแรงขึ้นมาบ้าง” ว่าแล้วก็พลิกตัวให้หันมามองกัน ก่อนจะอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว พาคนรักลงไปแช่ตัวในน้ำที่เย็นกำลังดี

แสงหล้านั่งเอนหลังบนแผงอกแกร่งอยู่ในน้ำอย่างสบายตัว เรือนร่างบอบบางถูกโอบกอดอยู่อย่างนั้น มันคือช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ไม่นึกฝันว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองอีกแล้วในชาตินี้




ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ต้องมีดราม่ามาอีกแน่ๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เตรียมต้มน้ำร้อนรอตอนหน้าก่อนดีกว่า  :a2:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
โว้วววว~outdoor ตลอดดบุ้ย แซ่บซี้ด เจอกันที ก็นะ 10ปี จัดไปอย่าได้เสีย ทั้งพ่อทั้งลูก >.,< ฮ่าๆ //จะเอาไงต่อดีละทีนี้ มันจะมีทางบรรจบครบลงด้วยการอยู่ด้วยกันอย่างนิรันดร์ไหม? ถ้าคนพี่จะร๊ายๆอยู่แบบนี้ หาคนมาทำให้ใจคนพี่อ่อนโยนเข้าใจรักนี่จะมีป่าวอ่ะ ว่าแต่เมืองแมนตายจริงดิ?? แต่ก็ โอ๊ยย10ปี เห้ออ~~ //ไอ้เจ้าเมืองคู่หมายนี่จะแค้นไหมละเนี้ย แสงหล้าไม่ตอบรับรัก จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้บ้าง รอตอนต่อไปเลยค่ะ โอ๊ยยอ่านรวดเดียวเพิ่งเม้นต์ อ่านยาวๆสนุกกมากค่ะ ชอบบบ อ่านเพลินๆ นังเมียโจรนี่อึดดีจริงๆ ยอมรับในการรักษาชีวิตและความทนถึกของนาง  สู้ต่อไปเว้ย เลี้ยงลูก3 แอบตามดูชีวิตนาง  5555 ขอบคุณนะคะที่แต่งและอัพในนี้ให้อ่านกัน รรรเลยค่ะตอนหน้า

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ร้างลาไปนาน

ต้องกลับไปอ่านทวนอีกรอบ

 :mew1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อื้อหือ แซบแท้ ทั้งพ่อทั้งลูก ชอบธรรมชาติอะเนาะ
ชีวิตวนกันไปมา แบบไม่จบไม่สิ้น เริ่มใหม่กันบ้างแล้ว

แต่เหมือนจะวนกลับไปทีเดิม
เพิ่มเติมคืออินเหลากับเหนือคำ เป็นคู่ชู้ชื่นกัน

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 28

อุปสรรคครั้งใหญ่



เช้าวันต่อมาแสงหล้าไปหาเจ้าหลวงที่ตำหนักตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเจรจาเรื่องงานอภิเษกสมรสที่เจ้าตัวไม่รู้เห็นด้วยเลยสักนิด ดูเหมือนว่าผู้เป็นพี่ชายจะรู้ล่วงหน้า จึงได้มายืนทำหน้าถมึงทึงรออยู่เช่นนี้

“ถวายบังคมเจ้าพี่เจ้า”

“เมื่อคืนเจ้าไปที่ใดมาแสงหล้า เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเยี่ยงนี้” แสงชัยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

แสงหล้ายกมือไหว้สา “น้องขอสุมาที่ไม่ได้บอกกล่าวเจ้าพี่ เมื่อคืนน้องไปค้างคืนนอกเมืองมาเจ้า”

“เหตุใดจึงปล่อยให้เจ้าอินทร์แปงอยู่กลางตลาดเพียงลำพัง รู้รึไม่ว่าทำไม่ถูกต้อง เสียแรงที่พี่ฝากฝังเจ้าให้ดูแลแขกบ้านแขกเมือง”

“ที่เจ้าพี่ให้ความสำคัญกับเจ้าอินทร์แปง เป็นเพราะต้องการให้น้องอภิเษกกับชายผู้นั้นใช่รึไม่ เหตุใดเจ้าพี่จึงไม่ถามไถ่น้องเสียก่อน เจ้าพี่ก็ทรงทราบว่าน้องมิอาจมอบหัวใจให้ผู้ใดได้อีกแล้ว” แสงหล้าส่งแววตาผิดหวังให้พี่ชาย หวังว่าจะทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจได้

“ใช่! อีกไม่นานเจ้าจะต้องเข้าพิธีอภิเษกกับเจ้าอินทร์แปง หามีสิทธิ์ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว พี่ได้ตัดสินใจดีแล้ว”

“เจ้าพี่! ฮึก น้องผิดหวังในตัวเจ้าพี่เหลือเกิน ไยจึงไม่มีเหตุผลเยี่ยงนี้ ไม่ว่าอย่างไรน้องก็จะไม่ยอมอภิเษกกับเจ้าอินทร์แปงแน่นอน” น้ำตาแห่งความผิดหวังเสียใจไหลพรากลงอาบสองแก้ม จ้องมองใบหน้าพี่ชายด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

“ที่พี่ทำก็เพราะอยากให้เจ้ามีความสุข ป่านนี้ไอ้จักรคำมันคงล้มหายตายจากไปแล้ว นึกถึงความสุขที่กำลังจะเกิดขึ้นเถิดน้องรัก พี่ทำเพื่อเจ้าจริง ๆ หาได้มีเจตนาอื่น”

“เจ้าพี่จักรคำยังมีชีวิตอยู่ และยังอยู่สุขสบายดีอีกด้วย” พูดแล้วก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันที

“นี่เจ้าแอบไปเจอมันแล้วงั้นรึ อย่าบอกนะว่าที่ออกไปค้างคืนข้างนอกมา เพราะไปอยู่กับมัน”

“หาเป็นเยี่ยงนั้นไม่ น้องแค่...”

“เจ้าโกหกพี่ไม่ได้ดอกแสงหล้า เจ้าผิดสัญญา นับจากนี้พี่จะคุมตัวเจ้าไว้ในตำหนัก ห้ามมิให้ออกมาข้างนอกจนกว่าจะถึงวันอภิเษก”

“ไม่นะเจ้าพี่ อย่าทำเช่นนี้กับน้องเลย ฮึก น้องรักเจ้าพี่จักรคำ ถึงอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนใจได้”

“พี่จะเป็นคนเปลี่ยนใจเจ้าเอง” กล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด แล้วตะโกนสั่งทหารด้านนอก “ทหาร!”

เมื่อเจ้าหลวงเอ่ยเรียก ทหารหนุ่มก็รีบยกโขยงเข้ามาในห้อง “เจ้า”

“คุมตัวเจ้าอุปราชไปที่ตำหนัก จัดกำลังเฝ้าเวรยามให้แน่นหนา ห้ามให้ออกไปนอกคุ้ม จนกว่าข้าจะมีคำสั่งยกเลิก”

“เจ้า”

แสงหล้ายืนร้องไห้จ้องหน้าผู้เป็นพี่ชายอย่างไม่พอใจ ก่อนจะยกมือไหว้สาแล้วเดินออกไปแต่โดยดี ในช่วงเวลานี้เขาคิดหาทางออกไม่เจอจริง ๆ ว่าควรทำเช่นไร เหตุใดช่วงเวลาแห่งความสุข มันจึงมักมาพร้อมกับอุปสรรคเช่นนี้

เมื่อน้องชายออกไปจากตำหนักแล้ว แสงชัยก็มีท่าทีอ่อนลง สีหน้าที่เคยจริงจังฉายแววความกังวลออกมา หวังว่าสิ่งที่กำลังยัดเยียดให้น้องชายตอนนี้ จะทำให้ชีวิตในอนาคตมีความสุขได้อย่างที่ตั้งใจ

...........

เมื่อแสงหล้ากลับมาถึงแล้ว ทหารต่างก็ยืนเฝ้ายามล้อมรอบตำหนักจำนวนมาก แม้แต่หนูตัวเดียวก็แทบจะเล็ดลอดเข้าออกไม่ได้ นั่นทำให้เจ้าตัวนั่งกระวนกระวายใจ เพราะไม่รู้จะหาวิธีติดต่อกับจักรคำ

“เจ้าอุปราชจะทำเช่นไรต่อไปเจ้า หรือว่าเราจะหนีออกไปจากที่นี่” เหนือคำเสนอความเห็น

“ข้าจะไม่หนีไปไหนอีกแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”

“แต่หากไม่ทำอันใดเลย มันจะไม่ทันการนะเจ้า”

“เจ้าจงออกไปบอกเจ้าพี่ ว่านับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีก”

“อ้าว! เหตุใดเจ้าอุปราชจึงกล่าวเยี่ยงนี้ ทรงไม่รักเจ้าจักรคำแล้วรึเจ้า” เหนือคำตกใจเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ก่อนหน้านี้เขาเห็นแววตาที่มีความสุขของผู้เป็นนาย แต่ไม่นึกว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างนี้

“เพราะข้ารักจึงได้สั่งให้เจ้าทำเยี่ยงนี้ หากเจ้าพี่ทรงทราบว่าข้ากำลังจะอภิเษกกับชายอื่น คงจะต้องบุกเข้ามาหาถึงในคุ้มหลวงเป็นแน่ หากเป็นเช่นนั้นข้ากลัวว่า เจ้าพี่จะไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับไปได้ ข้าไม่อยากให้คนที่ข้ารักต้องตาย เจ้าเข้าใจข้ารึไม่เหนือคำ”

“ข้าเจ้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าอุปราช แต่ความรู้สึกของเจ้าจักรคำเล่า เจ้าอุปราชไม่ทรงห่วงเลยรึเจ้า”

“ความเศร้าโศกเสียใจ การพลัดพราก มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน ข้าจะยังมีความสุขมากกว่า หากเห็นเจ้าพี่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป เจ้ารีบออกไปแจ้งข่าวให้เจ้าพี่รับรู้ แล้วห้ามบอกเรื่องที่ข้ากำลังจะอภิเษกโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะทำโทษเจ้าแน่”

“ข้าเจ้าทราบแล้วเจ้า แต่จะออกไปได้เช่นไร ในเมื่อทหารเฝ้ายามคุมเข้มเยี่ยงนี้”

“เจ้าพี่กักบริเวณข้ามิใช่เจ้า คงไม่มีอันใดน่ากังวลดอก รีบไปเถิดแล้วอย่าลืมสิ่งที่ข้ากำชับ”

“เจ้า แต่เจ้าอุปราชตัดสินใจดีแล้วรึ ที่จะอภิเษกกับเจ้าอินทร์แปง”

“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีทางอื่นแล้ว” แม้จะแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่ยอมรับการอภิเษก แต่ทว่าความเป็นจริง ก็ไม่อยากทำให้พี่ชายต้องผิดคำพูดกับฝ่ายโน้น เพราะมันหมายถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างเมืองทั้งสอง

“หากมีรักแล้วมันต้องเจ็บปวดเช่นนี้ ข้าเจ้าเองก็หาได้อยากมีความรักไม่”

“บางทีความรักของเจ้า มันอาจจะไม่ได้มีอุปสรรคเช่นข้าก็เป็นได้ อย่าเพิ่งหมดศรัทธาต่อความรัก เจ้ารีบไปเถิด จะได้รีบกลับมาก่อนที่ใครจะสงสัย”

“เจ้า”

เหนือคำกราบแทบเท้าผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินออกไปจากตำหนักด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ เมื่อยามได้รักมันช่างมีความสุข แต่ทว่าการจากลาก็ทำให้เจ็บปวดยิ่งนัก ทำให้เจ้าตัวลังเลใจที่จะสานสัมพันธ์กับอินเหลาเช่นกัน

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

ออกมาจากคุ้มหลวงได้อย่างไม่มีอุปสรรคแล้ว เหนือคำก็รีบตรงไปยังที่พำนักของจักรคำ ระหว่างทางก็ลังเลใจว่าจะบอกความจริงดีหรือไม่ เพราะมันคือความหวังสุดท้าย ที่คนทั้งสองจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว

“ข้าเจ้าขอไหว้สาเจ้า”

จักรคำมองไปเลยด้านหลังเพื่อหาคนรัก แต่ทว่ากลับไม่เจอแม้แต่เงา จึงหันกลับมามองเหนือคำด้วยสีหน้ามีแต่คำถาม

“แล้วแสงหล้าไม่มาด้วยรึ”

“เอ่อ...เจ้าอุปราชให้ข้าเจ้ามาส่งข่าว”

“ข่าวอันใดรึ”

“เจ้าอุปราชให้ข้าเจ้ามาแจ้งท่านว่า...นับจากนี้ไปไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก ขอให้ความสัมพันธ์จบลงเพียงเท่านี้” จักรคำยืนอึ้งเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น ทั้งที่ก่อนหน้ายังแสดงความรักต่อกันอย่างดูดดื่ม แต่เหตุใดวันนี้จึงกลับตาลปัตรไป

“เจ้าช่างไม่รู้กาลเทศะเอาเสียเลย เอาเรื่องนี้มาล้อเจ้าพ่อข้าเล่นได้เยี่ยงไร” อินเหลาเดินเข้ามาถามใกล้ ๆ อย่างไม่พอใจ

“ข้าหาได้ล้อเล่น มันคือเรื่องจริง เจ้าอุปราชสั่งให้ข้ามาบอกเยี่ยงนี้จริง ๆ” เหนือคำยืนยันด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง

“เหตุใดแสงหล้าจึงสั่งให้มาบอกเช่นนี้ เจ้าพอจะบอกเหตุผลข้าได้รึไม่เหนือคำ” จักรคำพยายามไม่ฟูมฟาย เพราะรู้ว่ามันต้องมีเหตุผลที่มากพอ ไม่เช่นนั้นคนรักคงไม่ทำอย่างนี้

“ข้าเจ้าบอกไม่ได้จริง ๆ เจ้าอุปราชบอกเพียงว่า นี่คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”

“เจ้าน้าต้องโดนใครบังคับแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำเยี่ยงนี้ เจ้าพ่อห้ามยอมเด็ดขาด ต้องพาเจ้าน้ากลับมาอยู่กับเราเหมือนเดิมให้ได้นะเจ้า”

“พ่อรู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่เราจะบุ่มบ่ามมิได้ เพราะเรื่องนี้มันร้ายแรงจนถึงความเป็นความตาย แต่พ่อจะไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นเยี่ยงนี้แน่”

“ข้าพร้อมจะช่วยเจ้าพ่อเต็มที่ มีอันใดรับสั่งมาได้เลย”

“หากท่านเข้าใจแล้ว ข้าเจ้าขอตัวกลับก่อน” เหนือคำกล่าวด้วยใบหน้าเศร้า ไม่ยอมสบตาอินเหลาแม้แต่น้อย นั่นทำให้อีกฝ่ายเริ่มหงุดหงิด

“ขอบน้ำใจเจ้ามากเหนือคำ ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็อึดอัดกับเรื่องนี้เช่นกัน”

“ขอบน้ำใจที่ท่านเข้าใจ ข้าเจ้าขอไหว้สา” เหนือคำยกมือไหว้สา ก่อนจะเดินหน้าเศร้ากลับไป

อินเหลารีบเดินตามหลังไปติด ๆ ด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น เมื่อโดนเมินอย่างไร้คุณค่าเช่นนี้

“เดี๋ยว!” ว่าพร้อมรั้งมือเหนือคำไว้

“มีอันใดกับข้า”

“เจ้าเป็นอันใด เหตุใดจึงทำหน้าเยี่ยงนี้ ไม่พอใจข้างั้นรึ”

“หามีอันใด ข้าแค่รู้สึกเพลีย อยากรีบกลับไปพักผ่อน ปล่อยมือข้าเถอะ” เหนือคำพยายามบิดข้อมือ

“ไม่! จนกว่าเจ้าจะบอกว่าเหตุใดจึงเมินข้าเยี่ยงนี้”

“ได้! ข้าจะบอกเจ้าว่านับจากนี้ไป เราไม่ต้องมาเจอกันอีก ในเมื่อความรักของเจ้าอุปราชกับพ่อของเจ้ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เรื่องของเราก็เช่นเดียวกัน”

“ข้าไม่ยอม เจ้าเป็นเมียข้าแล้ว”

“แต่ข้าไม่ยอมรับเจ้า แค่ความหลงใหลเพียงชั่วข้ามคืน ข้าไม่นับว่ามันคือความรัก” เหนือคำพยายามข่มอารมณ์ให้ได้มากที่สุด กลั้นน้ำตาเอาไว้จนดวงตาสวยแดงก่ำ

“แต่ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้าได้ยินรึไม่” อินเหลาดึงร่างบางเข้ามาสวมกอด

“แต่ข้าไม่ได้รักเจ้า ปล่อยข้า เรื่องของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้”

“เป็นไปได้สิ ขอเพียงแค่เจ้ากับเจ้าน้าหนีออกมาจากที่นั่น แล้วไปอยู่กับพวกข้า รับรองว่าไม่มีใครตามตัวพบแน่”

“ข้าเกิดและเติบโตมาจากคุ้มหลวง ไม่มีทางออกไปจากที่นั่นเด็ดขาด หากตายก็ขอตายอยู่ที่นั่น ตัดใจจากข้าเสียเถอะ ชีวิตยังอีกยาวไกล เจ้าอาจจะเจอคนที่ถูกใจยิ่งกว่าข้าก็เป็นได้” ว่าแล้วก็ดันตัวอินเหลาออก

“ไม่มีผู้ใดเทียบเจ้าได้ เจ้าคือคนที่ข้าตามหามาทั้งชีวิต ได้โปรดอย่าทำเช่นนี้เลยเหนือคำ”

“ลาก่อนอินเหลา หากมีบุญวาสนาเราคงได้เจอกันอีก” น้ำตาที่กลั้นไว้หยดแหมะลงมา ก่อนที่เหนือคำจะหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้อินเหลายืนมองด้วยแววตาเศร้า หัวใจดวงน้อยที่ไม่เคยเจ็บปวดเพราะความรัก บัดนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว และเป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

..........

จักรคำนั่งเหม่ออยู่บนโขดหินริมแม่น้ำ ทอดสายตามองไปยังอีกฝั่งอย่างเวิ้งว้าง ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อนึกถึงใบหน้าอันงดงามของคนรัก หัวใจบีบรัดแน่นจนรู้สึกเจ็บปวด แม้ว่าจะน้อยใจในโชคชะตา ที่ไม่เอื้ออำนวยให้รักนี้ราบรื่น แต่ทว่าก็ไม่ยอมท้อถอย มาถึงขั้นนี้แล้วต้องสู้ให้ถึงที่สุด

“เจ้าพ่อคิดสิ่งใดอยู่รึ” อินเหลาเดินทำหน้าเศร้า เข้ามานั่งข้างผู้เป็นบิดาในท่าเดียวกัน มองไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าอย่างรู้สึกเหนื่อยหัวใจ

“พ่อกำลังคิดถึงน้าของเจ้า คิดถึงรอยยิ้มและใบหน้าอันงดงามที่มันเคยเป็นของพ่อมาก่อน” หันมากล่าวกับลูกชายสุดที่รัก ด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

“เจ้าพ่อจะยอมแพ้งั้นรึ”

“เจ้าคิดว่าพ่อควรทำเช่นไร”

“ข้าเห็นเจ้าพ่อต้องทุกข์ใจมาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่อยากเห็นภาพนั้นอีกแล้ว ถึงอย่างไรเจ้าพ่อก็ต้องสู้ต่อไป อย่ายอมแพ้เด็ดขาด ข้าจะสู้ไปพร้อมกับเจ้าพ่อเอง” อินเหลายิ้มให้กำลังใจบิดา

“ขอบน้ำใจเจ้ามากที่อยู่ข้างพ่อมาโดยตลอด ไม่ว่านับจากนี้จะเกิดอันใดขึ้น เจ้าต้องสัญญากับพ่อว่าจะต้องเข้มแข็ง และผ่านมาไปให้ได้”

“ข้าสัญญาว่าจะเข้มแข็ง เพราะข้าคือลูกชายของเจ้าพ่อ”

“ดีมากลูกพ่อ เห็นเจ้าเข้มแข็งเยี่ยงนี้ พ่อก็วางใจว่าในกาลข้างหน้า เจ้าจะสามารถยืนด้วยลำแข้งตนเอง หากแม้นไม่มีพ่อแล้วก็ตาม” จักรคำยิ้มอย่างภูมิใจกับลูกชายสุดที่รัก เข้มแข็งสมกับเป็นลูกหลานของตระกูลนักรบผู้อาจหาญ

“แต่หากมีเจ้าพ่อมันจะดีกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า และมันจะดียิ่งขึ้นหากมีเจ้าน้าด้วยอีกคน”

“พ่อก็หวังว่ามันจะเป็นเยี่ยงนั้น”

สองพ่อลูกกอดคอกัน ทอดสายตามองไปยังอีกฝั่งของท้องฟ้า ราวกับที่นั่นมันคือเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ส่วนผืนน้ำกว้างใหญ่ไพศาลนี้คืออุปสรรค และแน่นอนว่ามันจะต้องมีวิธี ที่จะก้าวผ่านมันไปได้ ไม่ด้วยวิธีใดก็ต้องวิธีหนึ่ง

หลังจากที่เหนือคำกลับไปยังคุ้มหลวงแล้ว ทางการก็นำแผ่นป้ายมาติดประกาศไปทั่วทั้งเมือง ถึงกำหนดการณ์อภิเษกสมรสของเจ้าอุปราช ให้ประชาชนได้รับทราบกันอย่างถ้วนหน้า และแน่นอนว่าข่าวนี้ได้มาถึงหูสองพ่อลูก นั่นทำให้ได้รู้ว่าต้นเหตุของการถูกปฏิเสธมันคืออะไรกันแน่





...........

เฮลโล ทักทายคร้าบบบ จะบอกว่าตอนหน้าก็จะถึงตอนจบแล้วน้า จุ๊บๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและสนับสนุนคร้าบบ

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
เฮ้อ

 หวังว่าคงไม่มีใครตายเน้อ

 :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แววจบยังบ่เห็น แต่หลานคนแต่งบอกจะจบ ขอให้จบด้วยดีเถอะ  :call:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตัวร้ายควรโดนกำจัด

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 29

อวสาน



พิธีอภิเษกสมรสของเจ้าอุปราชถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกเหรื่อจากต่างเมืองพร้อมใจกันเข้ามาร่วมงานอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ประชาชนต่างก็มาเฝ้ารอกเฝ้ารอที่หน้ากำแพงเมือง เพื่อชมพระบารมีของเจ้านายอย่างใกล้ชิด แม้ว่าวันนี้ทุกคนต่างก็ยินดีและตื่นเต้น แต่ทว่าแสงหล้ากลับรู้สึกตรงกันข้าม นั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องอย่างหมดหวัง

“อีกไม่นานก็จะต้องเข้าพิธีแล้ว ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะเจ้า” เหนือคำที่นั่งอยู่เบื้องล่าง กล่าวเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะไปเข้าร่วมพิธีตามธรรมเนียมราชประเพณี

“ข้าตัดสินใจดีแล้ว ไม่มีทางคืนคำเด็ดขาด”

“แล้วถ้าเจ้าจักรคำมาที่นี่ล่ะ เจ้าอุปราชจะทำเช่นไร”

“เจ้าบอกเรื่องนี้กับเจ้าพี่งั้นรึ”

“ข้าเจ้าหาได้บอกไม่ แต่งานอภิเษกครั้งนี้ใคร ๆ ต่างก็รู้ มีหรือที่เจ้าจักรคำจะไม่รู้”

“จริงสินะ ใคร ๆ ก็รู้เรื่องนี้ ป่านนี้เจ้าพี่คงจะโกรธข้าไปแล้ว แต่ก็ช่างเถอะถึงอย่างไร ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว” เอ่ยราวกับท้อแท้ในชีวิต ในค่ำคืนนี้เขาจะต้องเป็นของคนอื่นไปแล้วจริง ๆ หรือนี่ แสงหล้าได้แต่คิดในใจ

“หากเปลี่ยนใจตอนนี้ยังพอมีเวลานะเจ้า”

“มันสายไปแล้วล่ะเหนือคำ ถึงอย่างไรเราก็คงไม่ทำให้เจ้าพี่ต้องอับอายขายหน้าเป็นแน่ อย่างน้อยข้าก็ได้เจอกับเจ้าพี่แล้ว แค่นี้ข้าก็ดีใจที่สุดแล้ว”

เหนือคำพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“ถ้าเช่นนั้นเราไปที่หอคำกันเลยรึไม่เจ้า ป่านนี้แขกเหรื่อคงมาถึงกันหมดแล้ว” สีหน้าของคนพูดเองก็หาได้มีความสุข ไม่ใช่แค่เรื่องของผู้เป็นนาย แต่เรื่องของตัวเองก็หนักหนาสาหัสพอ ๆ กัน

“อืม” ว่าแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นจากตั่งอย่างอิดออด ชุดที่สวมใส่อย่างเต็มยศนั้นทำให้ยากลำบากต่อการเดิน แต่ถึงกระนั้นก็พยายามเดินออกไปจากตำหนัก โดยมีเหนือคำตามหลังไปติด ๆ เหมือนที่ผ่านมา

……….

มาถึงหน้าหอคำแล้ว แสงหล้าก็เดินตรงเข้าไปยังกลางท้องพระโรงอย่างสง่างาม เมื่อถึงบริเวณหน้าตั่งทองก็ก้มลงกราบแทบเท้าผู้เป็นพี่ชาย เงยขึ้นไปส่งยิ้มให้ แสงชัยประคองน้องชายขึ้นไปยืนตรงหน้า

“วันนี้พี่ดีใจเหลือเกิน ที่เจ้าจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แต่ก็รู้สึกใจหายที่เจ้าต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองเป็งเงิน เจ้ายังโกรธพี่อยู่หรือไม่ที่ตัดสินใจเยี่ยงนี้”

“น้องไม่เคยโกรธพี่ชายคนนี้เลย น้องรู้ว่าเจ้าพี่ทรงหวังดีต่อน้อง”

แสงชัยดึงตัวน้องชายเข้ามาสวมกอดอย่างรู้สึกผิด ที่ทำลายความรักของน้องชายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ทว่ามันยังจะดีกว่าต้องไปร่วมหอลงโรงกับคนอย่างจักรคำ

“ใกล้ถึงเพลาอันเป็นมงคลแล้ว เตรียมตัวต้อนรับว่าที่เจ้าบ่าวของเจ้าเถิด อีกไม่กี่อึดใจคงยกขบวนแห่ขันหมากมาถึงแล้ว”

“เจ้า”

แสงหล้ากลับไปนั่งบนตั่งประจำตำแหน่ง โดยมีเหนือคำนั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่เคยห่าง คนทั้งสองต่างก็นั่งรอเวลาด้วยสีหน้าและแววตาเศร้า เห็นอย่างนั้นแสงชัยก็พยายามไม่มอง เพราะกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนเข้าให้

หลังจากนั่งรอได้สักพักก็ได้ยินเสียงดนตรีดังเข้ามา เป็นสัญญาณบอกว่าตอนนี้ขบวนแห่ขันหมากเจ้าบ่าวได้มาถึงแล้ว ทุกคนที่อยู่ในหอคำจึงเตรียมพร้อม สำหรับทำหน้าที่ในพิธีสำคัญนี้อย่างพร้อมหน้า

แต่ทว่า...

“เจ้าหลวงเจ้า เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วเจ้า” ทหารองครักษ์รีบวิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์ภายนอกให้ทราบ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

“ตอนนี้ภายนอกหอคำเกิดการจลาจลขึ้น นั่นเพราะ...” ว่าแล้วก็หันไปมองหน้าแสงหล้า ราวกับว่าเรื่องมันเกี่ยวข้องกับเจ้าตัวโดยตรง

“เพราะอันใดรีบบอกข้ามา”

“เพราะมีขบวนเจ้าบ่าวแห่เข้ามาพร้อมกันสองขบวนเจ้า”

ได้ยินกล่าวรายงาน เสียงขุนนางในหอคำก็ส่งเสียงซุบซิบกันดังระงม แสงชัยหันขวับไปมองน้องชายตนเองทันที เพราะเข้าใจว่าได้วางแผนเตรียมการล่วงหน้า และรู้ว่าอีกขบวนนั้นคือใคร

“น้องมิได้รู้เห็นกับเรื่องนี้เลยนะเจ้าพี่”

“จริงรึ เจ้าไม่ได้โกหกพี่ใช่ไหม” แสงชัยหรี่ตามองน้องชายอย่างไม่เชื่อใจ

“น้องเองก็ตกใจเช่นกัน ไม่นึกว่ามันจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เจ้าพี่ทรงอย่าทำอะไรเจ้าพี่จักรคำเลยนะเจ้า” แสงหล้ารีบลุกขึ้นเดินเข้ามาหา แต่ทว่าแสงชัยไม่สนใจรีบเดินออกไปก่อน

แสงหล้าได้แต่มองตามหลัง ประสานมือไว้ตรงหน้าอกด้วยความกังวลใจ “ในที่สุดสิ่งที่ข้ากังวลใจก็เกิดขึ้นจริง ๆ”

“ข้าเจ้าว่ารีบตามไปดีกว่าเจ้า บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้”

“ข้าก็ได้แต่ภาวนาว่าคงไม่ใช่เจ้าพี่จักรคำ”

ทั้งสองรีบเดินออกไปดูให้เห็นกับตา ว่าจะใช่อย่างที่คาดการณ์เอาไว้หรือไม่

……….

เดินออกมานอกหอคำแล้ว แสงหล้าก็กวาดสายตามองหาชายผู้เป็นที่รัก และพบว่าตอนนี้จักรคำได้ยืนประจันหน้ากับอินทร์แปง โดยที่แสงชัยกำลังเดินเข้าไปหาพร้อมกับกำลังทหาร เจ้าตัวไม่รีรอรีบเดินเร็วเข้าไปหาพร้อมกับเหนือคำ

“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าเข้ามาเหยียบที่เมืองของข้าอีกครั้ง” แสงชัยกล่าวเมื่อเดินเข้าไปถึง จ้องมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญด้วยแววตาที่แข็งกร้าว

“ถวายบังคมเจ้าหลวง” บัดนี้จักรคำไม่ได้มาในฐานะนักรบเหมือนเมื่อก่อน แต่มาในฐานะผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เข้ามาต่อสู้เพื่อความรักของตน จึงยกมือไหว้สาตามมารยาท แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนให้เห็น

“คนเยี่ยงเจ้าหามีเกียรติพอที่จะมาไหว้สาข้า มาทางไหนกลับไปทางนั้น ก่อนที่ข้าจะสั่งตัดหัวเจ้า” แสงชัยชี้หน้าอย่างเดือดดาล

“มันผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดจึงกล้ามาทำลายพิธีอันสำคัญเยี่ยงนี้” อินทร์แปงถามแสงชัยด้วยความอยากรู้ซะเต็มประดา

“หาต้องกังวลอันใด ถึงอย่างไรวันนี้ท่านกับแสงหล้าจะต้องได้เข้าพิธีอภิเษกอย่างแน่นอน”

“ถ้าเช่นนั้นก็สั่งให้ทหารลากตัวมันออกไป ก่อนพี่ลูกชายข้าจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้” เจ้าหลวงอินทร์ถากล่าว ชำเลืองตามองจักรคำอย่างไม่เป็นมิตร

“เจ้าพี่รีบกลับไปเสียเถอะ ก่อนที่มันจะสายเกินไปกว่านี้” แสงหล้ารีบตะโกนบอก

“ไม่มีทาง! พี่เคยบอกแล้วเช่นใด ว่าจะมาสู่ขอเจ้าจากเจ้าหลวงแสงชัย บัดนี้พี่ได้ทำตามสัญญาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นพี่ก็พร้อมจะรับผลที่ตามมา”

“แต่น้องคงอยู่ไม่ได้ หากเจ้าพี่ต้องเป็นอันใดไป ฮึก”

คำพูดและแววตาที่คนทั้งสองส่งให้กัน ทำให้อินทร์แปงกระจ่างใจทันที ไม่นึกฝันว่าเจ้าอุปราชผู้นี้จะมีคนรักอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะไม่มีทางยอมให้พิธีการเป็นอันต้องล้มเลิกแน่

“ถึงอย่างไรก็ตาม วันนี้ข้าก็ต้องได้เป็นเจ้าบ่าวเพียงผู้เดียว” อินทร์แปงกล่าวอย่างมั่นใจ

“แต่ข้าไม่มีวันให้เจ้าแต่งกับเมียข้าแน่”

“หุบปาก! ทหาร! คุมตัวพวกมันทุกคนไปขังไว้ที่คุกหลวง รอรับการลงทัณฑ์จากข้า” แสงชัยตะโกนสั่ง นั่นทำให้ผู้คนที่อยู่ในขบวนขันหมากของจักรคำต่างก็ตื่นตกใจ

“เจ้า”

“ไม่นะเจ้าพี่ น้องขอร้อง อย่าทำพวกเขาเลย” แสงหล้าเอ่ยขอร้องทั้งน้ำตา

ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป จักรคำก็ตัดสินใจนั่งคุกเข่าลงตรงหน้า ยกมือขึ้นพนมตรงกลางอก ก่อนจะก้มลงกราบแทบเท้าอย่างช้า ๆ แสงชัยยืนอึ้งไม่นึกว่าจักรคำจะกล้าทำถึงเพียงนี้

“ข้าขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่เคยทำไม่ดีต่อเมืองผาพิงค์ ข้าไม่ได้อยากให้มันเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นเลย ข้าหาได้มีความสุขกับการเข่นฆ่าทุกชีวิต แต่มันคือหน้าที่ของเจ้าอุปราช ที่ต้องรักษาเอกราชของบ้านเมืองเอาไว้ ท่านน่าจะเข้าใจในจุดนี้ แต่ทว่าตอนนี้เวรกรรมได้ตามสนองข้าแล้ว ข้าสูญเสียบิดา สูญเสียน้องชาย สูญเสียประชาชนซึ่งเป็นที่รัก สูญเสียตั่งทองที่บรรพบุรุษเคยเสียเลือดเสียเนื้อรักษาเอาไว้ แค่นี้ข้าก็เจ็บปวดมากพอแล้ว ที่ไม่อาจรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ได้ แต่ตอนนี้ข้ายังมีโอกาสที่จะรักษาความรักของข้า ขอโอกาสให้ข้าได้ดูแลแสงหล้าได้รึไม่ เวลาสิบปีที่ผ่านมามันก็ทุกข์ทรมานมากแล้ว ขอให้เราทั้งคู่ได้มีโอกาสกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งได้รึไม่” จักรคำกล่าวทั้งน้ำตา ก่อนจะก้มลงกราบแทบเท้าอีกครั้ง

แสงชัยขยับเท้าออกมาเล็กน้อย ยังคงยืนอึ้ง คิดไม่ออกว่าจะเอายังไงต่อ มองไปยังน้องชายตนเอง ก็พบว่าตอนนี้กำลังนั่งพนมมือ จ้องมองมาด้วยแววตาเศร้า มองไปตรงหน้าก็เจอกับเจ้าบ่าวตัวจริงที่ยืนกอดอก รอฟังคำตอบจากปากตน นั่นยิ่งทำให้รู้สึกหนักใจมากขึ้น

“เจ้าหลวงรีบจัดการมันซะ เราจะได้เริ่มพิธีการต่อเสียที นี่ก็เลยเพลาอันเป็นมงคลมานานแล้ว” อินทร์แปงกล่าวอย่างไม่ได้สนใจใคร ยังคงต้องการเข้าสู่พิธีให้เสร็จโดยเร็ว

“ครานี้น้องจะยอมตามใจเจ้าพี่ หากเจ้าพี่สั่งให้พิธีเริ่มต่อไป น้องก็จะยินดีอภิเษกกับเจ้าอินทร์แปง เพราะถึงอย่างไรเราก็เหลือกันแค่สองพี่น้อง เจ้าพี่คือเจ้าชีวิตของน้อง” กล่าวจบแสงหล้าก็หลับตาลง รอฟังคำตอบ ยอมวัดใจผู้เป็นพี่ชายว่าจะตัดสินใจอย่างไร

จักรคำมองหน้าคนรักอย่างเจ็บปวด หากไม่เป็นอย่างที่หวัง ความทุกข์และทรมานคงจะถาโถมเข้ามาอีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ยอมรับการตัดสินใจของแสงหล้า หลับตาลงรอฟังคำตอบเช่นกัน

แสงชัยถอนหายใจเฮือกใหญ่ จ้องมองไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคน หลับตาลงใบหน้าของบิดาก็ลอยมา นึกถึงคำสั่งเสียก่อนจะจากโลกใบนี้ไป ให้ดูแลน้องชายเป็นอย่างดีและมีความสุขที่สุด

“เจ้าหลวงอินทร์ถา เจ้าอินทร์แปง ข้าต้องขออภัยพวกท่านด้วย ที่ต้องล้มเลิกงานอภิเษกในวันนี้”

ได้ยินอย่างนั้นทั้งแสงหล้าและจักรคำก็ลืมตาขึ้น มองหน้ากันด้วยความดีใจ แต่ทว่าสองพ่อลูกที่อยู่ตรงหน้า กลับแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดไม่พอใจ

“ข้าไม่ยอม! ท่านบอกว่าจะยกเจ้าแสงหล้าให้กับข้า แต่เหตุใดจึงกลับคำเยี่ยงนี้ แล้วไอ้เศษสวะผู้นี้มันเป็นใคร เหตุใดจึงต้องยอมมันด้วยเล่า” อินทร์แปงโวยวายเสียยกใหญ่

“ชายผู้นี้คือคนรักของแสงหล้า ข้าไม่อาจทนเห็นน้องชายเจ็บปวดได้อีกแล้ว ข้าจะให้สิทธิ์เมืองเป็งเงินทำสัมปทานป่าไม้เป็นเวลาหนึ่งปี แลกกับการที่ข้าต้องเสียคำพูด เจ้าหลวงอินทร์ถามีความเห็นว่าอย่างไร”

“ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง”

“แต่ข้าไม่ยอม!”

“หุบปาก! โอกาสดี ๆ เยี่ยงนี้ไม่ให้หาง่าย ๆ” เจ้าหลวงอินทร์ถาหันไปเอ็ดบุตรชาย

“หากไม่มีอันใดแล้ว ขอเชิญพวกท่านเคลื่อนขบวนขันหมาก กลับไปยังเมืองเป็งเงินเถิด”

“เอาไว้ข้าจะเข้ามาเจรจาเรื่องสัมปทานใหม่อีกครั้ง ข้าลาล่ะ”

“ขอให้เจ้าหลวงเดินทางโดยสวัสดิภาพ”

เจ้าหลวงอินทร์ถายิ้ม ก่อนจะหันไปดึงแขนลูกชายให้เดินกลับออกไป พร้อมกับขบวนขันหมากที่เคลื่อนออกไปด้วย เปิดทางให้จักรคำได้ทำหน้าที่เจ้าบ่าวอย่างสมบูรณ์แบบ

“ขอบพระทัยเจ้าพี่เหลือเกิน ที่ทรงทำเพื่อน้องถึงเพียงนี้” แสงหล้าคลานเข่าเข้ามากราบแทบเท้าพี่ชาย สวมกอดที่ขาทั้งน้ำตา ส่วนจักรคำก็ก้มลงกราบแทบเท้าเช่นเดียวกัน

“ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของเจ้าหลวงไปจนตาย”

“จริง ๆ แล้วข้าเองก็ผิด ที่ทำให้พวกเจ้าต้องแยกจากกันนานถึงเพียงนี้ หวังว่าพวกเจ้าคงจะให้อภัยข้าเช่นกัน” แสงชัยกล่าวด้วยรอยยิ้ม แววตาที่เคยแข็งกร้าวบัดนี้กลับอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ

“น้องไม่เคยโกรธเจ้าพี่เลยแม้แต่น้อย ที่ทำทุกอย่างเพราะเจ้าพี่หวังดีต่อน้อง ฮึก”

“ข้ายอมรับว่าเคยโกรธแค้นท่านมาก แต่เวลามันก็ล่วงเลยผ่านมานานแล้ว ถึงโกรธไปคงไม่มีประโยชน์อันใด ท่านคือพี่ชายของคนรักข้า ก็เปรียบดังพี่ชายข้าเช่นเดียวกัน”

ในวินาทีนั้นอินเหลารีบเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ เหนือคำ ซึ่งกำลังนั่งยิ้ม มองภาพแห่งความสุขของผู้เป็นนาย เมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกกุมมือ เหนือคำก็พยายามดึงมือออกแต่ก็ไม่สำเร็จ เห็นรอยยิ้มกวน ๆ ของอินเหลาเจ้าตัวก็ทำหน้าบูดบึ้ง ทำเป็นไม่สนใจ

“บัดนี้ข้ารู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก รู้สึกสบายใจมากขึ้น เจ้าไม่ต้องไปอยู่ที่ต่างเมืองแล้วนะแสงหล้า เราสองพี่น้องจะอยู่ที่นี่ด้วยกันตลอดไป”

“น้องรักเจ้าพี่เหลือเกิน” ว่าแล้วก็ลุกขึ้น โผเข้ากอดพี่ชายอย่างแนบแน่น สร้างความปีติยินดีให้กับประชาชนที่เข้าร่วมงานอภิเษกสมรสกันถ้วนหน้า

“เจ้ารีบเข้าไปเตรียมตัวในหอคำเถิด วันนี้เป็นวันอภิเษกของเจ้าไม่ใช่รึ”

“เจ้าพี่หมายความว่าเช่นไร”

“ก็หมายความว่า วันนี้จะเป็นวันอภิเษกของพวกเจ้าทั้งสองคนเช่นใดเล่า วันนี้เป็นวันมงคล เป็นวันที่เราต่างก็มีความสุข บัดนี้พี่พร้อมจะคืนความสุขให้กับเจ้าแล้วแสงหล้า”

“ขอบพระทัยเจ้าพี่ ฮึก น้องดีใจเหลือเกิน น้องดีใจเหลือเกิน” แสงหล้าโผเข้ากอดพี่ชายอีกครั้ง ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความตื้นตันใจ

“ขอบพระทัยเจ้าหลวง ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน” จักรคำยกมือไหว้สาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อความตั้งใจเป็นผลสำเร็จ อุปสรรคที่เคยกั้นขวางความรัก บัดนี้มันได้ถูกทำลายลงแล้ว

หลังจากนั้นพิธีอภิเษกสมรสได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อต่างฝ่ายต่างก็เข้าใจซึ่งกันและกัน บรรยากาศจึงมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ มองไปทางไหนก็เจอแต่ความสุข ความทุกข์ทรมานใจของทุกคนในช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมา บัดนี้มันได้หมดสิ้นไปแล้ว

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

สามเดือนต่อมา

“ที่ก็ออกกว้าง เหตุใดจึงมานั่งใกล้ข้าเยี่ยงนี้เล่า ออกไปเลย” เหนือคำผลักร่างกำยำของอินเหลาให้ออกห่าง ขณะนั่งอยู่ริมลำธารมองดูน้ำตกอย่างสบายใจ แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็เข้ามาอย่างไม่ให้สัญญาณล่วงหน้า

“พ่อเจ้าสร้างไว้รึไงกัน ข้าจึงนั่งไม่ได้” อินเหลาไม่ฟัง แถมยังเลื้อยมือไปรั้งเอวคอดไว้อีกต่างหาก

“ปล่อยข้า”

“ไม่ปล่อย ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปจากชีวิตข้าแน่” ว่าพร้อมส่งสายตาคมจ้องมองอย่างเสน่หา เห็นแววตาที่จริงใจ เหนือคำก็หลุบตาลงมองที่ผืนน้ำ ดวงหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อ

“ในฐานะใด...”

“เจ้าอยากอยู่ในฐานะใด ข้าให้เจ้าได้หมด”

“ข้าขอเป็นผัวเจ้าได้รึไม่” เหนือคำเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

“ไม่มีทาง! เจ้าต้องเป็นเมียข้าเท่านั้น ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าเอ่อ...” อินเหลาขึ้นเสียงใส่ทันที

“เหตุใดเจ้าต้องจริงจังถึงเพียงนี้ ข้าแค่ล้อเล่น” คนพูดหัวเราะออกมาเบา ๆ

“นี่เจ้าแกล้งข้างั้นรึ โดนดีแน่”

“เจ้าจะทำอันใดอินเหลา ไม่นะ!”

อินเหลาผลักร่างบอบบางลงบนพื้น ตรึงข้อมือเอาไว้เหนือศีรษะ สายตาทั้งสองคู่สอดประสานกันอย่างลึกซึ้ง

“พูดให้ชื่นใจหน่อยซิ ว่าข้าเป็นใคร”

“ถ้าข้าไม่พูดเจ้าจะทำอันใด” เหนือคำยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“ข้าจริงจัง พูดมาเดี๋ยวนี้เลย”

“หอมแก้มข้าก่อนสิ แล้วจะพูดให้ได้ยิน”

ฟอด! ฟอด!

อินเหลาโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มทั้งสองข้างทันที

“รีบพูดมาเร็ว”

“เจ้านี่ช่างเอาแต่ใจเสียจริง ข้าพูดแล้วก็ได้ เจ้า...”

อินเหลาตั้งใจมองด้วยสีหน้าจริงจัง กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“เร็ว!”

“เจ้าเป็นผัวข้า จะเป็นผัวคนแรกและคนเดียวตลอดไป ข้ารักเจ้านะอินเหลา”

ในที่สุดสิ่งที่อยากได้ยินมาตลอดก็เกิดขึ้นเสียที อินเหลายิ้มกว้าง โน้มใบหน้าลงไปจุมพิตริมฝีปากบางอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน ก่อนที่บทรักจะเริ่มต้นขึ้นและดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ

..........

ถัดจากนั้นขึ้นมาจนเกือบจะถึงน้ำตก จักรคำและแสงหล้านั่งคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพของคำน้อยและเมืองแมน ดอกไม้ป่าถูกนำมาวางประดับอย่างสวยงามด้วยฝีมือของคนทั้งสอง บัดนี้สองชีวิตที่พวกเขารักได้ดับสูญไปแล้ว แต่ทว่าความทรงจำดี ๆ ยังคงไม่เลือนหายไปจากความทรงจำ

“เจ้าพี่จะบอกน้องได้รึยัง ว่าเจ้าเมืองแมนสิ้นชีวิตด้วยสาเหตุใด”

“หลังจากที่เจ้าโดนพาตัวกลับไปเมืองผาพิงค์แล้ว พี่กับอินเหลาก็รีบกลับมาหาเมืองแมน ด้วยกลัวว่าจะโดนทำร้ายไปอีกคน แต่พอมาถึงก็พบว่าเมืองแมนได้ปลิดชีพตัวเองไปเสียแล้ว สิ้นใจตายบนหลุมศพของคำน้อย พี่จึงฝังร่างไว้ข้าง ๆ กัน ให้ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป”

“เจ้าเมืองแมนคงรักคำน้อยมากจริง ๆ ถึงได้ทำเยี่ยงนี้ อย่างน้อยคำน้อยมันก็ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว” เอ่ยพร้อมจ้องมองหลุมศพด้วยรอยยิ้ม ภาพที่คำน้อยเคยดูแลรับใช้และร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาฉายให้เห็น ทำให้น้ำตาของแสงหล้าไหลพรากลงมาเป็นทาง

“เหตุใดจึงขี้แยเยี่ยงนี้ ตอนนี้เจ้าไม่ได้เป็นเด็กเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ” จักรคำยกมือขึ้นมาเกลี่ยน้ำตาออกให้

“ก็น้องคิดถึงคำน้อย”

“พี่เชื่อว่าคำน้อยคงไม่อยากเห็นน้ำตาเจ้าเช่นกัน” จักรคำพยุงร่างบอบบางให้ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากัน เสียงน้ำตกดังให้ได้ยินอยู่เนือง ๆ แต่ทว่ากลับไม่ดังกังวานเท่ากับเสียงหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้เห็นแววตาคมที่เป็นประกายตรงหน้า

“เจ้าพี่...”

“มีอันใดรึ...” จักรคำยิ้มอย่างเอ็นดู

“น้องอยากให้เจ้าพี่อยู่กับน้องที่เมืองผาพิงค์ไปตลอดชีวิต”

“หากพี่บอกว่าคงทำเยี่ยงนั้นไม่ได้ น้องจะเสียใจหรือไม่”

“น้องไม่เสียใจ เพราะรู้ว่าเจ้าพี่มีภารกิจที่จะต้องดูแลคนงานอีกหลายร้อยชีวิตที่ปางไม้ น้องเข้าใจ...แต่ก็อยากให้มาอยู่ด้วยกันอยู่ดี”

“พี่รักเจ้ามากนะแสงหล้า รักจนสามารถตายแทนเจ้าได้ แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่พี่สัญญาว่าหากมีเวลาว่างเมื่อใด จะมาหาเจ้าที่เมืองผาพิงค์ หากในอนาคตอินเหลาสามารถดูแลที่นั่นได้ พี่สัญญาว่าจะมาอยู่กับเจ้าอย่างที่เจ้าต้องการ”

“ได้ยินเยี่ยงนี้น้องก็ดีใจมากแล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีใครสามารถแยกเราจากกันได้ ยกเว้นแต่ความตายเท่านั้น”

“หากแม้นชาติหน้ามีจริง เราจะเกิดมาครองคู่กันอย่างนี้ทุกภพทุกชาติ”

“รักกันอย่างนี้ตลอดไป”

กล่าวจบแล้วคนทั้งสองก็ส่งยิ้มหวานให้กัน ก่อนที่จักรคำจะโน้มใบหน้าเข้าไปจุมพิตที่กลางหน้าผากนุ่ม ปิดท้ายด้วยการสวมกอดกันอย่างแนบแน่น เป็นการสัญญาว่าจะไม่จากกันไปไหนจนตราบสิ้นลมหายใจ



จบบริบูรณ์

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อีพี่กลับตัวกลับใจให้อีน้องได้คู่กับคนที่รัก ยก 2  นิ้วให้เลย  :เหอะ1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ในที่สุดก็สมหวังสักทีเนอะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว ประทับใจ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ซาบซึ้งในความฟันฝ่าอุปสรรคความรักของจักรคำและเจ้าแสงหล้า ในที่สุดก็มีวันนี้ขอบคุณนะท่านเจ้าพี่แสงชัยที่ทำเพื่อน้อง คู่ลูกก็ไม่เบาเลย 555  ส่วนคู่คำน้อยและเจ้าเมืองแมนชาติหน้าฉันท์ใดก็ขอให้เกิดมาคู่กันจริงๆนะ //สนุกมากๆค่ะ ขอบคุณนะคะที่แต่งมาต่อจนจบ ชอบบ รอตามงานต่อไปเลยค่ะ :)

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ได้อยู่ด้วยกันแล้ว เย้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
น้ำตาท่วม กว่าจะสมหวัง

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
แจ้งให้ทราบ

นิยายเรื่อง ทาสรักเชลยหัวใจ มีวางขายในรูปแบบอีบุ๊กด้วยนนะครับ ใครสนใจอ่านรวดเดียวจบไปอุดหนุนกันได้น้า หรือใครอยากจะอุดหนุนไรท์ก็ไปตำได้ครับ ราคาเบา ๆ 179 บาทเท่านั้นเอง

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTU1NTgxOCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijk5OTQwIjt9

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด