.
.
.
.
เกือบสี่ทุ่ม ผมก็พาคนดีออกมาจากคอนโด แนนบ่นเสียดายเพราะกำลังคุยกันสนุก น้องบ่นว่าอยากให้อยู่นานๆ แต่เป็นผมเองที่เห็นว่าเขาควรจะพักผ่อนได้แล้ว
“ขอบคุณนะครับ”
เขาว่าในตอนที่รถผมจอกตรงรั้วบ้านเขา
“คนดีฝึกงานที่ไหน”
ผมถามเรื่องที่ควรจะถามมาสักพักแล้ว
“สตูดิโอแถวพระราม 9 ครับ”
ที่นั่นไม่ไกลคอนโดผมมาก แต่ไกลกับบ้านคนดีอยู่ดี
“แล้วไปกลับยังไง”
“รถไฟฟ้าครับ แล้วต่อรถตู้”
แม้การขับรถเข้าในเมืองไม่ใช่เรื่องสนุกแต่เดินทางหลายต่อแบบนั้นก็น่าจะเหนื่อยมากเหมือนกัน
“เริ่มฝึกตอนเปิดเทอมใช่ไหม”
ผมถามถึงระยะเวลาปิดเทอมหนึ่งเดือนหลังจากวันนี้
“ครับ”
เขาตอบ
“ปิดเทอมไปไหนหรือเปล่า”
คนดีส่ายหัวไปมา
“น่าจะทำงานอยู่ที่บ้านครับ ไม่งั้นก็ไปช่วยโต้ซังรับลูกค้า”
“ไม่ไปเที่ยวไหนเหรอ”
คนดีส่ายหน้าอีกรอบ ก่อนจะหันมาถามผม
“ครามไปเที่ยวไหนครับ”
“ครามว่าจะพาแนนไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน”
ผมมองหน้าเขาก่อนจะถามในสิ่งที่อยากรู้
“คนดี ไปด้วยกันไหม"
คนดีส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มให้
“เที่ยวให้สนุกนะครับ"
“นี่คนดี”
ผมยื่นมือไปให้ คนดีมองมือคู่นั้น มองหน้าผม เขาดูลังเลต่างจากเมื่อเย็นที่ยื่นมือมาจับกันไว้ ผมถึงได้เอื้อมไปจับมือเขาไว้แทน
“ครามอยากพาคนดีไปด้วย”
ผมบอกตามตรง
“แต่ผมไม่รู้จักใครเลย”
และคำตอบก็เหมือนอย่างที่คิดไว้
“รู้จักคราม น้องแนน แซม”
“แต่ว่า”
“ถ้าคนดีบอกว่าไม่ได้สนิทอีกรอบ จะใจร้ายมากเลยรู้ไหม”
ผมยังจำประโยควันนั้นได้ดีมาก วันที่ผมขอไปส่งแล้วเขาบอกไม่อยากไปเพราะไม่ได้สนิทกัน พอนึกย้อนไปถึงรู้ว่าเขาโกรธ
“วันนี้ขอบคุณนะครับ”
เขาเลี่ยงที่จะไม่ตอบ ผมลอบถอนหายใจ...ไม่ได้รู้สึกผิดหวังกับเรื่องแบบนี้มานานมากแล้ว
“ไม่เป็นไรเลย ครามอยากทำ”
ผมว่า เห็นเขารื้อของในกระเป๋าผ้าใบโตก่อนจะหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา
“เรื่องค่าน้ำมัน”
คนดีบอก ผมรู้รู้ว่าเขาขี้เกรงใจ รู้ว่าเขาเองมักจะเว้นระยะห่างกับผมในบางครั้ง
“ครามไม่รับเงิน”
ผมยิ้ม ก่อนจะชี้เข้าที่ปากของตัวเอง
“นะคะคนดี”
คนโดนแกล้งส่ายหน้า ผมขำพร้อมกับกดปลดล็อกประตูโดยไม่คิดจะรั้งเขา เพราะดูคนดีเหนื่อยมากแล้ว แต่คนดีกลับมองผมด้วยสายตารู้สึกผิด
เขามองออกไปนอกรถก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บที่แก้มผมเบาๆ
“พอไหมครับ”
เขาก้มหน้าถาม ผมที่เหมือนตบหัวแล้วลูบหลังเอื้อมมือไปช้อนคางเขาขึ้นมา
“ไม่พอครับ”
ผมโน้มหน้าเข้าไปจูบอีกคนทันทีที่พูดจบ ตอนแรกเขาผลักผมออก แต่ในตอนที่ผมสอดลิ้นเข้าไป คนที่ผลักไหล่ก็เปลี่ยนมาขยุ้มเสื้อกันไว้
“คราม…อย่า”
เขาว่าในตอนที่ผมระดมจูบซอกคอเขา มือสวยดันหน้าอกผมออก ผมสูดกลิ่นหอมของเขาก่อนจะวนมาจูบที่ปากสวยอีกรอบ ถึงถอนหน้าออก
“เดี๋ยวโต้ซัง...ออกมาเจอ”
ผมเอื้อมมือออกไปลูบแก้มแดงเบาๆ
“ไม่แกล้งแล้ว ไปพักผ่อนนะ”
คนดีพยักหน้าก่อนจะยิ้มให้อย่างเคย
.
.
.
.
“คนดี ทำงานสร็จยัง”
[ยังครับ]
ผมอมยิ้ม นึกถึงคนทีนั่งลงบนพรมพร้อมกับโต๊ะญี่ปุ่นหนึ่งตัว เขาคงกำลังตั้งใจทำงาน แค่คนดีตอบแชทของผมในเวลาไม่กี่นาทีแบบนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
“กินอะไรยัง ให้ครามสั่งอะไรให้ไหม”
คนดีเล่าให้ฟังว่าพ่อกับพี่ชายไปญี่ปุ่นกันสองอาทิตย์ ผมถึงได้กดสั่งเดลิเวอร์รี่ไปส่งให้เขาตอนดึกบ้าง เพราะรู้ว่าห้ามเขาให้ทำงานดึกไม่ได้
[วันนี้กินข้าวเยอะ ไม่เป็นไรครับ]
คนดีส่งสติกเกอร์กระต่ายตั้งใจทำงานมา ผมไม่อยากกวนเขาเลย แต่ก็ยังอยากคุย
“ครามคอลไปได้ไหม แค่แป๊ปเดียว”
เขาอ่านแล้วแต่เงียบไป ผมทำใจไว้แล้วแต่ไม่ทันไรก็ยิ้มกว้างเมื่ออีกคนวีดีโอคอลมาหาแทน
ผมมองผมที่ถูกมัดไว้ลวกๆของคนดี มองจิวตรงคิ้วสวย เห็นว่าเขาใส่ต่างหูยาวลงมาจนเกือบถึงไหล่ และตรงไหล่นั้น ถึงผมจะเห็นแค่เสี้ยววินาที แต่ก็รู้ว่าคนดีไม่ได้สวมท่อนบนอยู่แน่นอน
เราคุยกันแค่ไม่กี่ประโยคก็ต้องวางสาย
ผมมองรูปที่ตัวเองแคปไว้ เป็นรูปคนดีกำลังมองกล้องตาโต ผมอยากจะโพสต์บอกคนทั้งโลกว่าเมื่อกี้เราคุยอะไรกัน แต่อีกใจกลับหวง
...ผมอยากเก็บเขาไว้คนเดียว...
.
.
.
.
สำหรับผมคนที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ดูจากหน้าตา รูปร่าง อายุ แต่ดูจากความรับผิดชอบในงาน ความมีกาลเทศะและมารยาท ซึ่งสำหรับผม เวลาทำงานนั้น คนดีเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ ผมอยากปล่อยให้เขาทำงานในวันปิดเทอม แต่อีกใจก็อยากเจอ
ผมไม่ได้พึ่งจะเคยตกหลุมรัก แต่กับคนดีผมกลับรู้สึกต่างออกไป ผมคิดถึงเขาจนเกือบไม่เป็นตัวของตัวเอง
“สรุปแล้วเพื่อนแนนไปสามคนนะคะ”
น้องสาวผมบอก เราตกลงว่าจะไปหัวหินกันสองคืน แนนเลยได้ทีชวนเพื่อนๆไปด้วย ผมเองก็ชวนกลุ่มเพื่อนไปด้วย
“งั้นก็ต้องเอารถไปสองคันนะคะ”
ผมบอกเธอบ้าง ก่อนจะแชทหาแซมและกรว่าต้องเพิ่มรถอีกคัน
“กลุ่มพี่ครามใครไปบ้างคะ”
“น่าจะครบค่ะ แซม กร แอล ปัณณ์”
แนนมองหน้าผม
“แล้ว...”
ผมรู้ว่าแนนหมายถึงอะไร
“หนู ชวนให้พี่หน่อยได้ไหมคะ”
ผมที่ไม่รู้ต้องทำยังไงบอกน้องสาว แนนดูตกใจ
“ทำไมล่ะคะ”
“คนดีเขาไม่กล้าไปกับเราค่ะ”
ผมว่า
“พี่ครามคะ แนนถามจริง”
“คะ”
แนนทำหน้าเครียด พาลทำให้ผมคิดมากไปด้วย
“ใครสวยกว่ากันคะ”
ผมหลุดหัวเราะ ก่อนจะถามกลับ
“แล้วหนูว่าใครคะ”
แนนหน้าบูด เธอถอนหายใจ
“หนูส่งรูปให้พี่จอยดู พี่จอยบอกพี่คนดีสวยกว่าค่ะ”
ผมขำไม่หยุด แต่ผมเองก็ไม่เคยเห็นรูปของคนดีเลย
“รูปไหนคะ”
แนนยิ้มเหมือนเธอเหนือกว่าผม
“ไอจีพี่คนดีไงคะ แนนฟอลมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ที่แนนเคยบอกว่าชอบงานพี่เขามากๆ แล้วอยู่ๆพี่ครามก็พามาที่ห้อง แนนช็อคไปเลยค่ะ”
“ขอพี่ดูหน่อย”
ผมไล่ดูไอจีส่วนตัวของคนดีที่ส่วนมากเขาจะลงรูปงานของตัวเองบ้าง รูปของตัวเองบ้าง ผมพึ่งรู้ว่านอกจากที่บ้านเขาจะทำร้านสัก พี่คู้ยังทำแบรนด์เสื้อผ้าอีกด้วย ซึ่งนายแบบเสื้อโอเวอร์ไซต์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนดีเอง
“งานแบบนี้ เขาขายยังไงคะ”
ผมถามแนนถึงรูปวาดลายเส้น
“ก็ขายเป็นชิ้นค่ะ หรือใครจะจ้างออกแบบก็ได้ พี่คนดีทำขายมาตั้งแต่มัธยมเลย แนนเคยคิดว่าถ้าทำห้องอยากได้ภาพของพี่คนดีมาแต่งห้อง”
ผมมองหน้าแนน ก่อนจะถามน้องสาว
“พี่ทำงานบ้างดีไหมคะ”
“ตอนแนนบอกว่าเพื่อนที่อยู่นิเทศอยากจ้างพี่ครามถ่ายแบบพี่ครามก็ไม่เอา”
“ก็ตอนนั้นยังไม่อยากทำไงคะ”
แนนมองหน้าผมก่อนจะอมยิ้ม
“สำหรับแนนนะ ถ้าจะเป็นแฟนกัน ดูแลแนนให้ดีแบบพี่ครามได้ก็พอค่ะ ยังไม่ต้องเก่งมากหรอก”
แนนว่าพร้อมกับหัวเราะ แต่ผมไม่ขำไปด้วย
“โทรหาคนดีให้พี่เร็วค่ะ”
“ค่าจ้างคืออะไรคะ”
ผมมองยิ้มสวยของน้องสาวตัวเอง
“ได้หมดเลยค่ะ”
แนนหยิบมือถือไปจากมือผม เธอดูหน้าจอ
“พี่คนดีเป็นลูกเจี๊ยบเหรอคะ ลูกไก่ในกำมือเหรอคะ”
แนนยิ้มล้อ ผมเองว่าเขาเหมือนนกอินทรีย์ที่รักอิสระต่างหาก แนนเดินออกไปที่ระเบียงแค่ไม่กี่นาทีก็เดินกลับเข้ามา
“เรียบร้อย เจอกันวันไปเที่ยวค่ะ”
ผมอดแปลกใจไม่ได้
“หนูบอกว่าไงคะ”
“ก็ชวนค่ะ แล้วก็บอกว่าอยากเจอ พูดแบบที่ใจคิดเลย”
ผมยกนิ้วโป้งให้แนน
“ขอบคุณนะคะคนสวย”
“แน่นอนค่ะ”
แนนว่าพร้อมกับหันมายักคิ้วให้
.
.
.
.
.
สองอาทิตย์ที่ไม่เจอกันเหมือนเป็นผมที่กระวนกระวายอยู่คนเดียว คนดียืนยันว่าจะมาเจอกันที่จุดนัดพบเองไม่ยอมให้ไปรับ เขาให้เหตุผลว่าเพราะไม่อยากให้อ้อมไปอ้อมมา ผมนึกถึงคนที่ชอบหอบของพะรุงพะรังแล้วได้แต่เหนื่อยใจ
“รอใครวะ”
กรที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำตรงโถงคอนโดถามผมที่ยังไม่ขยับไปที่รถสักที
“แป๊ป”
ผมมองเห็นคนที่เดินกึ่งวิ่งอยู่ตรงฟุตบาทข้างหน้าตึก ก่อนจะรีบวิ่งออกไปหาเขา คนดีหอบเพราะน่าจะวิ่งมาตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ห่างกันหลายร้อยเมตร ผมมองใบหน้าชื้นเหงื่อใต้หมวกแก๊ปสีขาว ผมเขายาวขึ้นนิดหน่อย วันนี้คนดีสวมกางเกงผ้าสามส่วนกับเสื้อกล้ามตัวโคร่งสีดำที่ตัดกับผิวของเขา ผมไม่ชอบเลย...
“ขอโทษนะครับ คือรถไฟฟ้ามันเสียไปเกือบครึ่งชั่วโมง”
“มา ครามช่วย”
ผมดึงกระเป๋าใบใหญ่มาถือไว้เอง ก่อนจะแตะแขนให้เดินมาทางเดียวกัน
“สวัสดีค่ะพี่คนดี”
“สวัสดีพี่”
“ขอโทษที่สายนะครับ”
“ไม่เป็นไรพี่ ไอ้กรพึ่งขี้เสร็จ”
แซมว่าพร้อมกับขำ คนดียิ้มให้ทุกคนที่ลุกเดินขึ้นไปที่ลานจอดรถ
“เอาไง รถมีสองคัน”
แอลว่าพร้อมกับมองรถเก๋งสองคันที่จุได้แค่คันละ 5 คนเท่านั้น
“สาวๆไปกับไอ้คราม 5 คนพอดี พี่คนดีมากับเราก็ได้ ชายโฉด 5 คนนะพี่”
แอลว่าเพราะยังไงสาวๆคงไม่ยอมแยกกันอยู่แล้ว แซมมองหน้าผมก่อนจะรีบบอก
“เดี๋ยวกูไปขับคันของมึงให้ มึงขับคันของกู”
ผมมองแนน ปกติผมมักจะไม่ชอบให้ใครขับรถตัวเอง ยิ่งมีน้องสาวตัวเองอยู่ด้วย
“แวะแมคด้วยนะคะพี่แซม แนนกับบุ้งอยากกินเบอร์เกอร์”
แนนรีบบอกแซม พร้อมกับขยิบตาให้แล้วเดินไปที่รถอีกคัน
“ได้เลยครับ”
ไอ้แซมขำ ก่อนจะเดินออกไป คนดีแตะมือผมที่กำลังมองน้องสาว
“ผมอยู่อีกคันได้ ครามไปอยู่กับน้องเถอะครับ”
ผมมองรอยยิ้มบางๆของคนที่คิดถึงมาหลายวัน
“ไล่ครามเหรอ”
ผมก้มลงถามเขา คนดีส่ายหน้า
“เปล่านะครับ”
ผมรู้ว่าเขาหมายความอย่างที่พูดจริงๆ
“หนีไม่รอดหรอกคนดี เราต้องนอนห้องเดียวกันด้วยนะ”
ผมแกล้งขู่ แล้วก็ได้ผลเมื่อได้เห็นคนที่เขินจนไม่ยอมสบตาแล้วก็ไม่ดื้อที่จะไล่ผมอีก
.
.
.
.
อาจจะเพราะบอกออกไปแบบนั้น คนข้างตัวเลยไม่ยอมสบตากันสักที
“หิวยัง ให้แวะไหนไหม”
ผมถามทุกคนในรถเพราะตอนนี้เกือบเที่ยงแล้ว แต่เรายังไม่ได้แวะไหนกันเลย ผมมองคนที่นั่งข้างคนขับ คนดีหันมามองผมก่อนจะตอบ
“ผม หิวแล้วครับ น้องๆหิวกันยัง”
คนดีหันไปหาพวกที่นั่งอยู่ข้างหลัง พวกที่ดูเกร็งๆในตอนแรกพอถูกตามก็ดูตื่นเต้นกันขึ้นมา
“ทำไมถึงชื่อคนดีอ่ะพี่”
พอได้เริ่มพูดก็เริ่มถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ ผมเองลอบมองไอ้กรผ่านกระจกหลัง ตอนแรกยังบอกว่าคนดีดูเข้าถึงยากอยู่เลย
“พ่อบอกว่าจะได้เป็นคนดีครับ”
เขาตอบพร้อมกับขำ ผมชอบตอนที่เขาเรียกว่าโต้ซังมากกว่า ดูน่ารักดี
“ลายที่แขนอย่างสวยเลยพี่”
แอลมันว่าบ้าง
“ที่บ้านผมเป็นร้านสักนะครับ ไปได้ เดี๋ยวลดให้”
ผมมองคนที่ตอนแรกก็เขิน แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาขายของแทน
“มีเพจไหมพี่”
“มีครับ”
คนดียื่นมือถือตัวเองไปข้างหลัง พอพวกข้างหลังเห็นก็โวยวายกันใหญ่ว่าร้านใหญ่มาก
“ช่างเป็นคนญี่ปุ่นกับเกาหลีครับ ออกแบบลายให้ด้วย”
ผมอมยิ้มคนที่พูดเป็นต่อยหอย มิน่าโต้ซังถึงบอกว่าเวลาคนดีไปที่ร้านแล้วลูกค้าจะชอบ
“พี่มีกี่ลาย”
“น่าจะ 15 ลายมั้งครับ ส่วนมากเป็นลายเล็กๆ”
เขาว่า
“พี่ชอบลายไหนสุด”
คนดีทำท่านึก ก่อนจะตอบ
“นกอินทรีย์ที่หลังครับ”
“อยากเห็นว่ะพี่”
แอลว่าบ้าง คนดีสัญญาว่าเดี๋ยวถึงทะเลจะเปิดให้ดู
“กินข้าวก่อน”
ผมว่าตัดบทสนทนาก่อนจะแวะร้านอาหารรายทางไปทะเลหัวหิน คนดียกกล่องข้าวของตัวเองขึ้นมาจากถุงผ้าเป็นสลัดเต้าหู้ กับมะกะโรนีผัดท่าทางน่ากิน
“ทำเองเหรอคะ”
สาวๆที่ดูสนใจกับข้าวไร้เนื้อสัตว์ในกล่องถามเขา คนดียิ้มน้อยๆก่อนจะตอบ
“พี่ชายครับ ผมทำไม่อร่อย”
“พี่คนดีมีพี่ชายด้วยเหรอคะ”
แนนถาม เธอรีบหยิบมือถือขึ้นมา
“ใช่พี่คนนี้ไหมคะ แนนชอบเห็นในไอจีพี่คนดี”
“ใช่ครับ พี่คู้”
“พี่คู้อายุเท่าไหร่คะ”
“28 ครับ”
คนดียิ้ม เพื่อนๆแนนดูท่าทางสนุกกันใหญ่เมื่อพบว่าพี่คู้ยังโสด ผมมองคนที่ค่อยๆละเลียดกินอาหารของตัวเอง
“แซนวิชของพี่ครามเป็นหมันแล้ว”
“หนูคะ ไม่เอา”
ผมปรามคนที่อยากแซวเต็มแก่ คนดีมองน้องแนนสลับกับผมไปมา
“เมื่อเช้ามีคนลุกมาทำแซนวิชให้พี่คนดีค่ะ กลัวพี่คนดีจะกินข้าวข้างนอกไม่ได้”
พอแนนพูดจบทั้งโต๊ะก็เงียบ ไอ้แซมกับไอ้กรแอบยิ้มอยู่สองคน ผมถอนหายใจ ไม่ได้กลัวจะถูกแซว แต่ไม่อยากให้คนขี้เกรงใจคิดมาก
“ผมกินอีกได้นะ”
ผมมองตาสวยของเขา คนที่ปกติกินข้าวในปริมาณน้อยมากอย่างคนดีไม่มีทางกินข้าวกล่องไปพร้อมกับแซนวิชได้แน่นอน
“กินข้าวเถอะ ไม่เป็นไร ครามทำมาเผื่อเฉยๆ”
ผมบอกคนข้างตัว คนดีเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด ผมเดาว่าเพราะคนเยอะไปเขาถึงไม่สบายใจที่จะบอก
.
.
.
.
เรามาถึงทะเลในตอนบ่ายสอง ผมเช็คอินโรงแรมและว่าจะพักสายตาสักงีบก่อนออกไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆตอนเย็น เพราะตอนนี้แดดยังแรงมาก ผมมองคนที่ยืนมองเตียงคิงไซต์ด้วยสายตาอ่านไม่ออก
“ไม่ใช่แผนของคราม คนจองคือเพื่อนของน้องแนน”
ผมว่าพร้อมกับยกมือขึ้นสองข้างว่าผมบริสุทธิ์ใจ คนดีมองหน้าผมก่อนจะมองไปที่โซฟา
“ครามไม่นอนโซฟานะ ครามขับรถมาแล้วปวดหลัง”
“แล้วพวกแซม…”
ผมมองหน้าคนถาม
“ห้องแซมนอนสามคน แน่นมากแล้ว”
ผมถอนหายใจ
“ถ้าคนดีอึดอัด เดี๋ยวครามไปเปิดห้องใหม่”
ผมว่าพร้อมกับเก็บมือถือและกุญแจรถลงกระเป๋าแล้วลูบหัวคนที่ดูจะคิดมาก
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ”
ผมมองคนที่จับแขนกันไว้ นิ้วเรียวสวยเลื่อนลงมาจับที่มือผม ผมยกมันขึ้นมาจูบก่อนดันหลังให้คนดีนอนลงไปบนเตียง แล้วก้มลงจูบที่แก้มเขา
คนดีมองตาผมนิ่ง แววตาเขาดูสับสน
“แล้วคนดีคิดอะไรคะ บอกครามสิ”
ผมสัญญากับตัวเองว่าสองวันนี้จะเค้นเขาให้พูดให้ได้ ...ว่าเขาเองก็คิดถึงผมเหมือนกัน…
ผมสอดมือเข้าไปในเสื้อ จับสะโพกเขาไว้ ไม่ชอบเลยที่คนดีแต่งตัวแบบนี้
“ก่อนไปเล่นน้ำ เปลี่ยนเสื้อด้วยนะ”
คนดีแกะมือผมสองข้าง เขาหน้าแดงแต่ก็ทำหน้าเหมือนไปชอบใจ นึกถึงวันที่เขาโมโหโต้ซัง มุมปากหยักเหยียดตรง คิ้วสวยก็ขมวดแน่น คนดีโมโหได้ไม่น่ากลัวเลยในสายตาผม ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากแกล้ง
“ผมจะถอดเสื้อเล่นน้ำครับ”
นับว่าได้ผล เขาประชดใช้ได้
“ไม่เล่นแบบนี้นะคนดี”
“พวกแซมอยากเห็นอินทรีที่หลังครับ”
ผมกลั้นขำพร้อมกับเลิกคิ้วมองคนหน้าสวย แปลกดีที่ยิ่งมองก็ยิ่งหลง
“เดี๋ยวครามทำให้ถอดไม่ได้เองค่ะ”
TBC.
แหมมม คิดถึงเขาแล้วงุ่นง่านจังเลยพ่อหนุ่ม
ปล. เอามาแปะเร็วกว่าหนดแป้ปนึงค่ะ เพราะวันอังคารมีธุระตั้งแต่เช้าจนมืดเลยกลัวจะมาไม่ทัน อ่านให้สนุกนะฮะ