สวัสดีค่า zearet 17 ค่าา
แวะมาเปิดเรื่องใหม่ในปีใหม่ แม้เรื่องเดิมยังไม่จบก็ตาม 5555
เรื่องนี้ได้ inspiration มาจากหนุ่มรอยสักค่ะ ทั้งเจาะเยอะๆด้วย
ดูเป็นรสนิยมที่บางครั้งเราเองก็เข้าไม่ถึง แต่ก็เห็นว่ามีเสน่ห์ดี จนทุกวันนี้อยากไปสักแล้ว 55555
โทนเรื่องโดยรวม feelgood ค่ะ ไปเรื่อยๆ ไม่ดราม่าแต่ก็มีปมเล็กๆให้คิดตาม
ไม่รู้จะถูกใจรึเปล่าแต่ฝากอ่านมันด้วยนะฮะ
ถ้าเล่นทวิตเตอร์ฝากติดแท็ก #น้องคนดีมีรอยสัก ด้วยนะคะ เราจะตามไปป่วน :]
*ตอนแรกว่าจะลง #ผู้ชายในทินเดอร์ ให้จบก่อน แต่ทนความฟุ้งซ่านตัวเองไม่ไหวค่ะ 555555
*เรื่องนี้จะอัพอาทิตย์ละครั้งทุกวันอังคารนะคะ เพราะจะกลับมาเขียนเป็นนิยายตอนยาวแบบปกติ ไม่ได้สั้นกุดแบบผชในทินเดอร์ แบบนั้นเราเกรงใจคนอ่าน มันทำให้มาได้ไวก็จริงแต่ก็สั้นเกินTT ส่วนเรื่องนี้ประมาณ 15-17 ตอนจบค่ะ
*จริงๆคือชื่อเรื่องยังคิดไม่ออกค่ะ 55555
________________________________________________________________
Intro : กลุ่มดาวที่ไม่ได้อยู่บนท้องฟ้า...เขาดูเหมือนจะน่ากลัว โดดเดี่ยวและรักอิสระ แต่พอมองลึกลงไปเขากลับเปราะบางและเคยแตกหัก ถึงจะเป็นแบบนั้นลวดลายที่เคยแตกร้าวกลับสวยจนละสายตาไม่ได้....ผมนั่งมองผมสีน้ำตาลเข้มหนาที่ยาวประบ่า มันถูกตัดตรงเหมือนกับว่าเจ้าตัวจงใจให้มันเท่ากันเหมือนไม้บรรทัด หน้ารูปไข่ของเขาจ้องมองกระดานไวท์บอร์ดข้างหน้าอย่างตั้งใจ สิ่งที่ดึงความสนใจใครหลายคนจากห้องนี้คือจิลสีเงินที่แทงอยู่ตรงหางคิ้วซ้ายได้รูป
ภายใต้เสื้อนิสิตแขนสั้นตัวโคร่ง ผมมองเห็นลวดลายสีดำโผล่ออกมานอกชายเสื้อตัดกับแขนผอมบางขาวสว่าง ข้อนิ้วเรียวสวยมีลายตัวอักษรจีนตัวบางที่อ่านไม่ออกสักไว้ที่บางนิ้ว ในตอนที่ผมพึ่งนึกได้ว่าจ้องเขานานจนเกินไป เจ้าตัวก็หันกลับมามอง ตาสีน้ำตาลกลมโตจ้องที่ตาผมก่อนจะเสหลบไป
“กลุ่มสามคนว่ะ รู้แบบนี้ลากไอ้จินมาลงจิตวิทยาอีกคน กูแม่งไม่ชอบวิชาเรียนรวมต่างคณะแบบนี้เลย”
เพื่อนผมบ่น ผมถือกระดาษรวบรวมรายชื่อเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่คนเดียวมาตั้งแต่แรกแล้ว
“มีกลุ่มยัง”
เขาดูตกใจอยู่ในทีกับแต่ก็หันมาตอบ
“ยังครับ”
เสียงเขาดูธรรมดากว่าที่คิด ผมที่คาดหวังให้มันแหลมกว่าโทนผู้ชายสักหน่อยสลัดความคิดนั้นออกจากหัว
“เรียนคณะอะไร”
“สินกำครับ”
“มิน่า”
เพื่อนผมที่นั่งทายว่าเขาเรียนคณะไหนมาตั้งแต่ต้นคาบเรียนหลุดปากออกไป
“กูชื่อคราม อยู่รัฐศาสตร์”
ผมบอกก่อนจะยื่นกระดาษเขียนรายชื่อให้
“กูชื่อแซมอยู่รัฐศาสตร์เหมือนกัน”
เพื่อนผมบอก เขายิ้มน้อยๆก่อนจะตอบ
“ชื่อคนดีครับ”
“จริงเหรอวะ”
เพื่อนผมอดแปลกใจไม่ได้ ผมเองก็เหมือนกัน
“อ่า...ครับ”
“เลือกหัวข้ออะไรดีวะ ทำไมกูไม่เคยได้ยินสักอย่าง”
แซมว่า ผมหันไปมองคนที่กำลังมองไปที่กระดาน
“เลือกให้หน่อย”
ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นแต่ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรเมื่อเพื่อนผมพูดออกมาก่อน
“เรื่องที่ 3 ไหม พฤติกรรมนิยม น่าจะหาข้อมูลง่าย”
เขาพยักหน้ารับก่อนจะเขียนหัวข้อที่ต้องทำลงไป มือเรียวยาวของเขาจับปากกาแปลกดี ผมมองเล็บเรียวสวยที่ทาสีดำไว้บางนิ้วก่อนจะมองข้อมือบางที่มีรอยสักเล็กๆรูปสายรุ้งเจ็ดสีไว้ ถ้าศิลปะคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เขาอาจจะเป็นศิลปะหนึ่งอย่างที่ผมเห็นว่าสวย...แต่ก็เข้าไม่ถึง
“ปราชญ์ โอกาวะ ลูกครึ่งเหรอ”
ผมถามถึงชื่อที่เขียนไว้บนกระดาษ
“พ่อเลี้ยงเป็นคนญี่ปุ่นครับ ผมเป็นคนไทยแท้ บ้านอยูปากคลองตลาด”
แซมหัวเราะ ก่อนจะยกนิ้วให้
“มุขนี้ได้ๆ พวกไอ้กรมารอแล้ว”
มันว่า ท้ายประโยคบอกก่อนจะเดินออกไปนอกห้องเรียนรวมขนาดใหญ่เพื่อไปหากลุ่มเพื่อน
“ไม่ได้มุกนะ”
เขาว่า ผมมองนาฬิกาที่ได้เวลาจะห้าโมงเย็นแล้ว ได้เวลาที่นัดกับเพื่อนไว้แล้ว ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้เขา
“เบอร์หรือไลน์ก็ได้ ไว้ติดต่องาน”
มือผอมบางของเขารับมันไปก่อนจะพิมพ์ชื่อให้ ผมกดเพิ่มเพื่อนในโปรแกรมแชท อดไม่ได้ที่จะกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ของเขา...ที่มีแค่ท้องฟ้าเวิ้งว้าง
.
.
.
.
“พี่ครามคะ พรุ่งนี้แนนเลิกดึกนะ อยู่ซ้อมหลีด”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่มารับ”
ผมตอบรับคนที่นั่งอยู่ข้างกันก่อนจะหันไปมองคนที่พึ่งเจออยู่ตรงป้ายรถเมล์ ไม่ว่าจะมองจากตรงไหน...เขามักจะโดดเด่นออกมาเสมอ
“เพื่อนเหรอคะ”
“ไม่เชิงครับ เจอในคาบเรียนรวม”
“อ๋อ นั่นพี่คนดีนี่”
ผมมองคนข้างกาย
“รู้จักเหรอคะ”
“พี่เขาพึ่งได้รางวัลวาดภาพประกอบอะไรสักอย่างที่ฝรั่งเศส เห็นในเว็บม.ลงข่าว เพื่อนหนูชอบพี่เขามากเลย”
ผมยังจำท่าจับปากกาแบบแปลกๆของเขาได้ติดตา
“ถ้าไม่สักกับเจาะ พี่เขาจะดูเข้าถึงง่ายกว่านั้นนะหนูว่า”
ผมแอบเห็นด้วยกับที่เธอบอก
“แต่พี่เขาสวย เป็นผู้ชายแต่สวยจนน่าอิจฉา”
“ก็ไม่ได้สวยขนาดนั้นนะ”
ผมที่นั่งเขามองอยู่นานบอก ผมว่าเขาดึงดูด แต่ก็ไม่ได้สวยแบบที่แนนหรือเพื่อนแนนสวย เขาดูตัวบางแต่ไม่ได้ดูนุ่มนิ่มหรือบอบบาง
“แนนสวยกว่าใช่ไหมคะ”
เธอถามพร้อมกับยิ้มสวย ผมเลิกคิ้วก่อนจะตอบรับ
“ใช่ค่ะ”
“พูดแบบนี้อยากให้แนนค้างใช่ไหม คิดถึงเค้าเหรอ”
ผมหัวเราะคนรู้ทัน ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ
“รู้ก็ดีแล้ว”
.
.
.
.
ผมมองมือถือที่บอกเวลาเกือบตีสาม แซมกับกรแชทมาบอกให้ผมเข้าไปร่วมกลุ่มเพื่อเล่นเกมส์ ผมมองรูปท้องฟ้าก่อนจะกดเข้าไปแล้วพบว่าเขากดรับผมเป็นเพื่อนแล้ว จุดสีเขียวตรงหน้าบ่งบอกว่าเขายังไม่นอน
ผมกดสติกเกอร์รูปหมีสีน้ำตาลที่มีติดเครื่องไป เขาอ่านมันในทันทีและตอบกลับมาด้วยกระต่ายตัวสีขาว ที่ทำหน้างงๆ
“ทำอะไรอยู่”
ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าถามเขาทำไม แต่ผมนึกภาพไม่ออกว่าดึกขนาดนี้เขาจะทำอะไรอยู่ ทำแบบที่ผมทำอยู่หรือเปล่า
[ทำงานครับ]
“งานอะไร”
“ออกแบบให้ลูกค้า”
ผมกำลังจะถามเขาต่อว่างานออกแบบที่ว่าคืออะไร คนที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำก็เรียกก่อน
“พี่ครามคะ หยิบโลชั่นตรงนั้นให้หนูหน่อย”
.
.
.
.
ทฤษฎีกลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) นักคิดกลุ่มนี้มองธรรมชาติมนุษย์ในลักษณะที่เป็นกลางคือไม่ดีไม่เลว การกระทำของมนุษย์เกิดจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมภายนอก พฤติกรรมของมนุษย์เกิดจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้า (stimulus-response) การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง การเรียนรู้ของกลุ่มนี้ใช้การวัดและสังเกตุและทดสอบพฤติกรรม
“ทำไมกูไม่เข้าใจเลยวะ”
แซมอ่านสิ่งที่ตัวเองสรุปมาในสมุด ก่อนจะหันมาถามคนที่นั่งอยู่ใกล้กัน
“เข้าใจไหม”
“ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกรึเปล่าครับ”
พวกเรานั่งทำงานอยู่ที่บ้านของแซมที่ไม่ได้ไกลจากม.นัก ผมว่ามันสะดวกดี ถึงได้นัดเขามาที่นี่ แทนที่จะเป็นห้องสมุดของม.ที่คนเบียดเสียดกันแทบจะตลอดเวลา
ผมมองลายมือเป็นระเบียบของเขาในสมุดไม่มีเส้นก่อนจะถาม
“ทำถึงไหนแล้ว”
“เหลือยกตัวอย่างครับ”
เขายื่นสมุดเล่มนั้นให้ดู กลิ่นหอมอ่อนๆจากผมยาวของเขาปัดผ่านจมูกผม เขาดูตกใจ
“ผมขอโทษ”
เขาว่าก่อนจะใช้หนังยางอยู่ตรงข้อมือรวบขึ้นไป ในตอนที่ผมสีเข้มถูกรวบขึ้นไป ผมก็เห็นว่าตรงต้นคอขาวเนียนด้านหลังมีเส้นเรียวบางรูปร่างคล้ายหมาจิ้งจอกอยู่
“ไอ้เสือ หลุดฉิบหาย”
แซมว่า ผมหันไปเจอมันกำลังจ้องอยู่ ถึงได้ส่งนิ้วกลางให้ที
“ยกตัวอย่างแบบข่าวล่าสุดนี่ได้ไหมวะ ที่ลุงข่มขืนหลานแล้วเด็กก็กลับมาฆ่าเพื่อแก้แค้น”
แซมเสนอ อีกคนนิ่งไป ลิ้นของเขาเลียอยู่ตรงจิลสีเงินตรงมุมปากล่างเหมือนติดเป็นนิสัยเวลาที่ใช้ความคิด
“แล้วสิ่งเร้าของลุงคือตรงไหนครับ”
“เออว่ะ”
แซมว่าพร้อมกับถอนหายใจ
“สมมุติขึ้นมาก็ได้มั้งครับ”
“งั้นเดี๋ยวเขียนให้”
ผมว่าก่อนจะลองเขียนสมมุติฐานขึ้นมาหนึ่งอัน
“ลายตรงต้นแขนคืออะไร ถามได้ไหม”
แซมถามพร้อมกับชี้ไปที่ท่อนแขนข้างซ้ายด้านในของเขา
“เข็มทิศครับ”
“บนตัว มีกี่ลาย”
ผมถามบ้าง เขามองตรงมาก่อนจะตอบ
“จำไม่ได้เหมือนกันครับ”
“เริ่มสักตั้งแต่เมื่อไหร่”
แซมกับผมสลับกันถามเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้จะปิดบังอะไร ที่ผมเห็นตอนนี้คือรอยเล็กๆที่ต้นคอ เส้นเข็มทิศที่แขนซ้าย ตัวอักษรจีนที่ข้อนิ้วบางนิ้ว แปลกที่พออยู่บนตัวเขา ลายบางๆพวกนั้นไม่ได้ทำให้ดูรกแต่อย่างใด แต่ยังไง...แบบทีขาวสะอาดก็น่าจะดีกว่า
“ตั้งแต่จบม.หก สี่ปีพอดีครับ”
แซมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเขาบอกแบบนั้น
“อยู่ปีไหน”
“ปีสี่ครับ"
“ฉิบหาย”
แซมบอก ผมมองหน้าเพื่อนที่พึ่งขึ้นปี 3 มาด้วยกัน
“ไม่เป็นไรๆ ผมไม่ถือครับ”
เขาว่าพลางยิ้มในตอนที่แซมไหว้ขอโทษเขาหลายต่อหลายครั้ง
.
.
.
.
พวกเรานั่งทำงานกันตั้งแต่เที่ยง จนตอนนี้เกือบห้าโมงเย็นแล้ว แซมที่นัดกับเพื่อนในกลุ่มว่าจะไปรับเข้ามากินข้าวกันตอนเย็นลุกขึ้นเมื่อเห็นว่างานที่ตัวเองรับผิดชอบเสร็จหมดแล้ว
“ไปรับพวกเหี้ยกรที่ปากซอยก่อนนะ”
“ตกลงพวกมันจะมากินข้าวหรือกินเหล้า”
ผมถามถึงพวกที่ชวนกันในกลุ่มแชท
“เออ มันบอกจะมากินข้าวแต่แบกเบียร์มาสองลัง พี่เอาอะไรไหม”
ปลายประโยคแซมหันมาถามคนที่ยังนั่งทำงานอยู่ เขาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มให้
“ไม่เป็นไรครับ"
“จะกลับตอนไหน”
ผมถามคนที่ยังนั่งพิมพ์สรุปอยู่ ตรงนิ้วนางข้างซ้ายเขาผิดรูปแปลกๆ มันเลยทำให้เขาจับปากกาแปลกแบบที่ผมเคยเห็น
“ทำเสร็จ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
เขาว่า แต่ตาก็ยังมองตรงที่จอคอม ท่าทางนั่งขัดสมาธิหลังตรงของเขาทำให้ผมนึกถึงน้องสาวตัวเองเวลานั่งทำงาน
“นี่”
“ครับ”
เขาหันมามองผม
"ตรงข้อมือทำไมถึงเป็นรุ้งเจ็ดสี ตรงอื่นเห็นเป็นขาวดำ”
ผมมองมันมาสักพักแล้วถึงถาม เขาเสหลบตาก่อนจะตอบ
"คือผม...ชอบผู้ชายครับ”
เขาว่าพร้อมกับขยับนาฬิกาข้อมือที่ดูหลวมให้ปิดตรงข้อมือ
"มันน่าเกลียดใช่ไหม บางคนก็ไม่ชอบ”
ผมมองการกระทำแบบนั้นก่อนจะบอกออกไป
“ชอบสิ”
“หมายถึง...ก็สวยดี”
“อ่า ขอบคุณครับ”
ผมมองยิ้มสวยนั่นก่อนจะเบนสายตามาที่ตรงเอวเขาแทน ตอนที่เขายกมือขึ้นผมเห็นดาวหลายดวงตรงนั้น
“ที่เอว เป็นลายอะไร”
เขาเลิกเสื้อขึ้นนิดหน่อยให้เห็นก่อนจะตอบ
“ถ้าฝั่งนี้ เป็นดาวครับ”
“ขอดูได้ไหม”
ผมถาม เขามองตรงมายังผมก่อนจะค่อยๆเลิกเสื้อตัวโคร่งให้สูงขึ้น และใช้อีกมือดึงขอบกางเกงให้ต่ำลง
“มันลึกนิดหน่อย”
ดาวเล็กๆที่เป็นลายเส้นสีเข้มประปรายไล่ตั้งแต่ขอบชายโครงลงไปยังเอวและสะโพก ผมโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ไม่รู้ทำไมถึงแตะมือยังไปยังเอวบาง เขาสะดุ้งเล็กน้อย มือบางข้างหนึ่งกุมมือผมไว้เหมือนกำลังจะบอกให้ขยับออกไป แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
ผมมองจมูกเรียวโด่งกับตากลมสวยของเขานิ่ง มือที่แตะเอวเนียนเปลี่ยนเป็นจับมันให้แน่น ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปหาเจ้าของกลุ่มดาวเหล่านั้น
“นี่”
ผมเรียกในตอนที่ปลายจมูกของตัวเองชนกับปลายจมูกเขา ผมไม่เข้าใจตัวเองพอๆกับไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ดึงดูดนัก
“มาช่วยแบกของหน่อย"
เสียงดังเอะอะมะเทิ่งดังมาจากหน้าบ้านในตอนที่รถของแซมดับลง แลปกดีเหมือนกันที่ผมไม่ได้ยินเสียงรถมันเลย
“ขอเข้าห้องน้ำได้ไหมครับ”
เขาว่าในตอนที่ผมผละตัวออกมา
“เอาสิ เลี้ยวขวาตรงนั้น”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินออกไปหาพวกเพื่อนที่ขนกันมาถล่อมบ้านไอ้แซม
“ขนอะไรกันมาวะ”
“ของกินเล่น”
ผมมองเบียร์และขนมขบเคี้ยวที่เป็นกับแกล้มอีกจำนวนหนึ่ง ก่อนจะช่วยพวกมันขนเข้าไปในบ้าน เห็นใครบางคนเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว
“ใครวะ”
เพื่อนผมถาม
“พี่ที่เรียนวิชาเลือกด้วยกัน มาทำรายงาน”
แซมตอบให้ ก่อนจะหันมาถามผม
“เออแล้วพี่เขาจะกลับเลยไหวมะ เดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปส่งเอง”
.
.
.
.
“ตรงนี้ก็ได้ครับ”
เขาว่าก่อนจะชี้ไปที่ป้ายรถเมล์หน้าม.
“เมื่อเช้าแซมก็มารับที่นี่เหรอ”
ผมถามก่อนจะมองไปตรงป้ายรถเมล์ที่ไม่มีคนอยู่เลย ติดจะมืดมากด้วยซ้ำ
“ใช่ครับ”
“บ้านอยู่ไหน”
“แถวดอนเมืองครับ”
ผมขมวดคิ้วก่อนจะหันไปถามเขา
“แล้วเมื่อเช้ามายังไง”
“ก็มารถตู้แล้วต่อรถไฟฟ้ากับรถเมล์มา”
ผมที่กะว่าจะส่งเขาใกล้ๆรถไฟฟ้าเปลี่ยนใจหักเลี้ยวขึ้นทางด่วนที่อยู่ใกล้ๆ
“ทำไมไม่บอกว่าไกล”
“ไม่เป็นไรครับ”
เขาบอกพร้อมกับมองมือผมที่ส่งมือถือให้
“กด gps ให้หน่อย เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ส่งแถวนี้ ผมกลับได้”
“ฝนจะตกแล้ว”
ผมจ้องหน้าคนข้างตัวด้วยความไม่ชอบใจเท่าไหร่ ตัวก็แค่นี้ ใส่เสื้อตัวขาวบางๆ ในกระเป๋าผ้าใบบางนั้นก็ไม่มีร่มหรืออะไรที่ดูเหมือนจะฝ่าฝนไปได้เลย
“ผมเกรงใจ”
ผมมองมือถือตัวเองในมือเขาเพื่อบอกให้รีบหน่อย เพราะถ้าเกิดเข้าผิดเลนส์มันจะแย่เอา
“ถ้าเส้นนี้ ต้องวิ่งไปดินแดงครับ”
ผมมองฝนปรอยแล้วมองไปยังป้ายที่บอกว่าทางด่วนดินแดงต้องวิ่งไปเส้นไหน ก่อนจะบอกคนข้างตัว
“บอกทางด้วยก็แล้วกัน”
.
.
.
.
‘ขอบคุณอีกครั้งนะครับ’
[ไม่เป็นไร]
ผมมองโทรศัพท์ที่ปกติเอาไว้เล่นเกมส์ด้วยความรู้สึกต่างออกไป
“เป็นเหี้ยอะไร หายไปสามชั่วโมง ไอ้ห่า นึกว่าเสือครามกูไปส่งพี่เขาที่เชียงใหม่”
ไอ้กรที่เมาล่วงหน้าไปแล้วบ่น ก่อนที่แซมจะบอกบ้าง
“คนนี้ไม่ธรรมดามึง”
“ยังไงวะ”
ปัณณ์เพื่อนในกลุ่มอีกคนขมวดคิ้วแน่น
“ก็ทำให้ระดับพี่ครามที่ดาวอักษรจีบไม่ติดเสียอาการได้”
“เสียเหี้ยอะไร”
ผมหันไปหาไอ้แซมที่เริ่มสนุก
“พวกมึงต้องมาเห็นตอนที่มันมองพี่เขา”
กรหัวเราะก่อนจะหันมาหาผม
“เปลี่ยนมาชอบพวกติดเข็มเหรอมึง”
ผมจ้องหน้าเพื่อนตัวเองที่พอเมาแล้วจะปากไม่ดีเท่าไหร่ ก่อนจะเตือนด้วยความหวังดี
“พูดจาดีๆหน่อย”
.
.
.
.
TBC.
เห็นหลุมอะไรไหมคะ อ๋อ หลุมรัก 55555555555555