เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น
ตอนที่ 34 : ไหล่ข้างซ้าย
Mr.950 : เจ็บมากไหมครับไป๋
เขาก้มดูโปรแกรมแชตสีเขียวที่ร้องเตือนมาพร้อมกับตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเลื่อนสไลด์หน้าจอ เพื่อตอบคำถามนั่น
BAIBAI : ก็ไม่ค่อยเจ็บนะ แผลนิดเดียวเอง
Mr.950 : เหรอครับ ตอนผมเห็นไป๋ล้ม ผมอยากจะวิ่งเข้าไปช่วย ไป๋ไม่น่าไปลงแข่งเลย
BAIBAI : มันไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก ตกใจมากกว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร
Mr.950 : ยังปวดอยู่ไหมครับ
BAIBAI : นิดๆ อะ
Mr.950 : อย่าลืมกินยานะครับ นี่ไป๋ทานข้าวเย็นหรือยัง
BAIBAI : เออ ลืมกินเลยหวะ ขอบใจที่เตือน
เขาพึ่งนึกออกพอดีว่ายาต้องกินหลังอาหาร ตอนแรกเขาว่าจะกินยาแล้วนอนเลยจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแผน รื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาเติมน้ำร้อนรองท้องสักหน่อยก่อนกินยา
Mr.950 : อยากมีสิทธิ์ดูแลมากกว่านี้ แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้
BAIBAI : อย่าลิเก ถ้าลิเกอีกประโยคหนึ่งคือบล๊อค
Mr.950 : ขอโทษ มันอึดอัด มันไม่รู้จะพูดยังไง
BAIBAI : คอลไลน์มาสิ อยากพูดอะไรก็พูดมา แล้วก็บอกด้วยว่าคือใคร
Mr.950 : ผมไม่กล้าหรอกครับ
BAIBAI : ป๊อด...
Mr.950 : กับเรื่องไป๋ ผมก็ไม่เคยกล้าสักที
BAIBAI : นี่แอบสืบหาห้องกู เอาของมาวางหน้าห้องกู แอบตามกูโดยไม่กูรู้ อันนี้ยังไม่เรียกกล้าอีกเหรอวะ
Mr.950 : ผมแค่อยากดูแล
BAIBAI : เออ เรื่องของมึงเหอะ ลิเกจบแล้วใช่มะ กูจะไปนอน
Mr.950 : เดี๋ยวครับไป๋
BAIBAI : อะไรอีก
Mr.950 : จบงานประกวดเดือน ไป๋มาเจอผมที่ห้องชมรมถ่ายรูปตึกสโมกลางตอนทุ่มนึงได้ไหมครับ ผมมีของอยากให้ไป๋ดู
BAIBAI : เรื่องสิ ถ้ามึงดักปล้นกูทำไงหละ กูไม่ใช่เด็กอมมือเชื่อคนง่ายนะเว้ย
Mr.950 : สัญญาด้วยเกียรติลูกผู้ชายว่าจะไม่ทำร้ายไป๋แน่นอน
BAIBAI : เปลี่ยนเกียรติลูกผู้ชายเป็นชื่อมึงแทนได้เปล่าหละ
Mr.950 : โถ่ อาทิตย์หน้าผมก็จะบอกอยู่แล้ว
BAIBAI : เออ คิดดูก่อนแล้วกัน ถ้าว่างก็จะไป
Mr.950 : ผมจะรออยู่นะครับ
BAIBAI : ถ้าทุ่มครึ่งแล้วยังไม่เห็นหน้ากูก็ไม่ต้องรอ
Mr.950 : ไม่ครับ ผมจะรอไป๋อยู่ที่นั่น ถึงเช้าผมก็จะรอ
BAIBAI : อย่าลิเก กูรำคาญ
Mr.950 : มานะครับ
BAIBAI : กูไม่ไปอะ กูตัดสินใจละ มึงไม่ต้องรอละกัน
Mr.950 : ไป๋...
BAIBAI : มึงเป็นใครกูก็ไม่รู้อะ มึงจะให้กูไปได้ไง เกิดมึงดักกระทืบกู กูก็ฉิบหายดิ คือมึงก็ไม่ได้แย่นะเว้ย แต่กูก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนเปล่าวะ ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ มึงไม่ต้องรอหรอก มีของอะไรอยากให้ดูก็ถ่ายรูปส่งมาละกัน
Mr.950 : ผมบอกหมอว่านไปแล้วนะครับว่าผมเป็นใคร แล้วผมก็บอกไปแล้วว่าผมจะนัดไป๋ออกมาหลังแข่งเดือนจบ
BAIBAI : แล้วไปบอกมันทำไมวะ บอกกูนี่สิ
Mr.950 : บอกหมอว่าน ถ้าหมอว่านไม่ห้าม ไป๋จะได้สบายใจว่าผมไม่เจตนาร้าย
เขารีบกดออกจากหน้าแชตแล้วโทรหาไอ้ตัวปัญหาอีกตัวที่ถูกกล่าวถึงทันที ทำไมมันรู้แล้วไม่บอกเขาวะ ไอ้เชี่ยนี่มีลับลมคมใน
“โหล”
“ไอ้เชี่ยว่าน”
“ทักกูดีๆ ก็ได้นะ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วมึงยังขอให้กูไปช่วยทำงานประกวดเดือนของมึงอยู่เลย” ปลายสายตอบออกมาแบบบ่นๆ แต่ฟังดูก็รู้ว่ามันไม่ได้คิดอะไรหรอก มันก็บ่นไปงั้นแหละ
“ไอ้เก้าห้าศูนย์มันบอกกูว่ามึงรู้แล้วว่ามันเป็นใคร” เขาเปิดประเด็น
“เออ มันมาบอกกูตั้งแต่เช้าละ” อีกฝ่ายยอมรับง่ายๆ
“อ้าวไอ้เชี่ย แล้วทำไมไม่บอกกูวะ” เขาบ่น
“ก็มันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งบอก มันจะเซอร์ไพรส์มึงหลังแข่งเดือนเสร็จอะ”
“แล้วตกลงมันเป็นใครวะ” เขาถามแบบอยากรู้
“อ๊าว กูก็เพิ่งบอกว่ามันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งบอก มันจะเซอร์ไพรส์มึง”
“ไอ้เชี่ยว่าน นี่มึงเห็นคนอื่นดีกว่ากูแล้วเหรอ”
“ไม่ต้องมาดราม่าใส่กูเลย รู้วันนี้กับรู้อาทิตย์หน้า มันก็ไม่ต่างกันหรอก”
“กูอุตส่าห์ลงแข่งให้มึง ยอมเจ็บตัวจนมึงได้เหรียญทอง...” เขาทำเสียงเศร้า แกล้งมันให้มันรู้สึกผิด
“ไป๋”
“อืม”
“กูคบกับมึงมานาน กูรู้อันไหนเรื่องจริง เรื่องไหนมึงตอแหล” เชี่ย มันรู้ว่าเขาไม่ได้ดราม่าจริง
“สัด”
“มีไรอีกไหม” มันถามกลับมา
“มึงไม่บอกกู แล้วกูจะมีอะไรอีกหละ” เขาบ่น ไม่ได้ดังใจเลยสิ โธ่เอ๊ย
“เออ งั้นกูไปนอนละ”
“อย่าลืมเตรียมการแสดงด้วยหละ ที่มือกูใช้ไม่ได้ก็เพราะมึงนะ” เขาย้ำ
“เออ กูรู้แล้วน่า มึงจะให้กูทำอนุสาวรีย์ให้มึงเลยไหมหละ” มันย้อน
“ปากดีฉิบหาย” เขาด่า
“ติดใครมาหละ ด่ากูจนกูกลายเป็นคนปากหมาไปแล้วเนี่ย”
ไป๋วางสายจากไอ้ว่านแล้วก็หันไปกินบะหมี่กึ่งที่ทำไว้พร้อมกับเปิดเพลงฟังไปด้วยอย่างสบายใจ ดูเหมือนตอนที่เขาโทรไปหาไอ้ว่าน ไอ้เก้าห้าศูนย์อะไรนั่นก็ยังทักไลน์เขามาต่อ แต่ปล่อยมันไว้งั้นแหละ ตามใจมากเดี๋ยวมันเหลิง หาว่าไปให้ความหวังมันอีก
การแข่งขันกีฬาเฟรชชี่จบลงไปในที่สุด
ไอ้ว่านเล่าให้เขาฟังว่าฉากที่เดือนวิศวะอุ้มเดือนแพทย์ออกมาจากสนามเป็นที่ระบือลือลั่นกันมากในมหาวิทยาลัย แต่เอาเถอะ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่หรอก อิฐมันก็เพื่อน แล้วมันก็ไม่ได้ดูยี่หระอะไรกับข่าวอะไรนี่ด้วย โลกในทวีตเตอร์และไลน์ของเขายังปรกติดี ส่วนในเฟสบุ๊คไม่รู้ เขาแทบไม่เปิดเข้าไปดูเลย ยิ่งรู้ว่าตัวเองมีข่าวลือโน่นนี่มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่อยากจะไปเสพไปแบกไว้ให้ปวดหัว
ดูเหมือนปัญหาหนึ่งที่เขาลืมนึกไปคือไอ้โฟค
ตั้งแต่หลังแข่งบาสรอบชิง ไม่สิ ตั้งแต่หลังจากที่มันกลับบ้านกับไอ้เพียวไปก่อนวันนั้น มันก็ดูเงียบๆ ไปจนรู้สึกได้ มันบอกว่ามันหึงเขากับไอ้อิฐ ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ เดาว่าตอนที่เขาโดนอุ้มออกมาก็คงมีคนถ่ายรูปไว้ แต่พอมันไม่ถาม เขาก็ไม่คิดว่าจะเดินไปปฏิเสธอะไร ความจริง ยิ่งมันตัดสินใจอะไรได้ไวๆ ก็ยิ่งดี เขาเกรงใจมัน มันเหมือนน้องชายขี้อ้อนที่ชอบเกาะเราเป็นลูกลิงแล้วเราก็ต้องคอยป้อนขนม เขามองมันได้แค่นี้แหละ ช่วงหลังมันก็หายไปซ้อมกิจกรรมของมันมากขึ้น ตัวมันเองก็เป็นเดือน มันก็ต้องไปซ้อมการแสดงของตนเองเหมือนกัน เรื่องที่มันห่างออกไปเขาก็พอเข้าใจ เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากให้มันได้ใช้เวลากับตัวเอง สักวันหนึ่งเดี๋ยวก็กลับมาตบหัวกอดคอคุยกันได้แบบเพื่อนเหมือนเดิม
ช่วงโค้งสุดท้ายเขาแทบต้องไปซ้อมการแสดงกับไอ้ว่านทุกวัน
ตอนนี้มันยังขาเจ็บขับรถเองไม่ค่อยไหว เขาก็รับหน้าที่ไปรับไปส่งมันตอนเช้ากับเย็น การแสดงก็ซ้อมกันแถวหอมันบ้าง ใต้หอมันบ้าง บอกให้มันไล่เมทไปที่อื่นแล้วซ้อมในห้องมันบ้าง แต่ก็เอาแบบที่มันสะดวกที่สุด เดินทางให้น้อย เผลอแผลบเดียวก็เข้าใกล้วันงานเต็มที ตอนแรกว่าจะไม่ตื่นเต้น แต่พอซ้อมการแสดงเข้าทุกวันๆ ก็ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
คิดแล้วก็รำคาญความเป็นคนปากไวของตนเอง
ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากชนะไอ้อิฐอะไรมันมากนักหรอก สาบานเหอะ แต่ตอนนั้นมันโคตรกวนตีน เขาก็เผลอรับปากเพราะอยากชนะมันออกไป นี่ถ้ามันมาท้าตอนเริ่มสนิทกันขึ้นแบบนี้นะ ร้อยเอาหนึ่งเขาก็ไม่ยอมแข่งด้วยเด็ดขาด ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดตัวเอง เขาเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่เกี่ยวกับหน้าตามาก คือเขารู้ตัวว่าไม่ใช่คนหน้าตาดี พอต้องมาแข่งขันอะไรที่เกี่ยวข้องกับหน้าตาแบบนี้ยิ่งรู้สึกแย่ เฮ้ออออ อดทนอีกหน่อยสิวะไอ้ไป๋ เดี๋ยวแม่งก็ผ่านไปแล้ว
งานประกวดดาวเดือนจัดขึ้นที่หอประชุมที่พวกเขาแข่งบาสนั่นแหละ
การประกวดจัดขึ้นบนเวที ส่วนพื้นที่ที่เป็นลานกีฬาตรงกลางกับอัฒจรรย์รอบด้านก็เป็นพื้นที่สำหรับคนที่จะเข้ามาชม การแข่งขันดาวเดือนจัดขึ้นวันเสาร์ 2 อาทิตย์ก่อนสอบกลางภาค งานเริ่มสิบโมง แต่เขากับน้ำหอมต้องถ่อตัวเองมาตั้งแต่หกโมงเช้า น้ำหอมนัดช่างแต่งหน้าไว้ ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะไม่แต่งหน้าขึ้นเวที แต่พอเห็นรอยเขียวจ้ำที่ยังไม่หายตรงคิ้วตัวเองแล้วก็ตัดสินใจควักกระเป๋าตังหารครึ่งกับสาวเจ้าดาวคณะเพื่อขอยืมช่างแต่งหน้ามาช่วยกลบเกลื่อนร่องรอย
ไอ้ว่านตามมาสมทบด้วยตอนประมาณแปดโมงเช้า มันได้บัตรสตาฟมาหลังเวทีเพราะเป็นทีมการแสดงความสามารถพิเศษของเขา พอเห็นหน้าไอ้ว่านเขาก็ได้แต่ยิ้มอย่างสบายใจ ตอนแรกที่นั่งอยู่กับน้ำหอมเขาโคตรอึดอัด ต่างฝ่ายต่างไม่ค่อยสนิท แต่จะให้แยกกันนั่งก็กระไรอยู่ พอไอ้ว่านมา เขาจะได้แอบเนียนไปนั่งกับมันได้อย่างสบายใจ
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่การประกวดเฟรชชี่บอยแอนด์เกิร์ลประจำปีของมหาวิทยาลัยนววิวัฒน์ด้วยค่ะ”
เสียงเปิดตัวพิธีกรหน้าฉากดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือดังกระหึ่มในหอประชุมจนเขาเองตกใจ ฟังจากเสียงแล้วคนน่าจะมาดูเยอะมาก เขาได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างฝาดเฝื่อน ตอนนี้ดาวกับเดือนมาสแตนบายยืนรอหลังเวทีเป็นที่เรียบร้อย
ดาวเดือนทุกคนจะแต่งกายเหมือนกันด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบ
เขายืนกวาดตาไปรอบห้องอย่างตื่นเต้น ไอ้โฟคในชุดหล่อเต็มยศเซ็ตผมเต็มสตรีมยืนห่างจากเขาไปไม่ไกล มันส่งยิ้มกว้างมาให้เขาเป็นเชิงให้กำลังใจ ไล่สายตาไปเรื่อยก็ไปเจอกับไอ้อิฐที่วันนี้แม่งหล่อวัวตายควายล้มมาก เหมือนมันเพิ่งจะกลับไปไถข้างมาอีกรอบจบตอนนี้กลับมาเป็นลุคแบดบอยเหมือนเดิมแล้ว ถึงแม้ว่ากรรมการจะกำหนดให้แต่งกายถูกระเบียบแต่มันก็ยังคงใส่ตุ้มหูเสื้อกาวน์ตัวนั้นเหมือนเดิม (โดนกรรมการตัดคะแนนการแต่งกายแน่มึง)
ไอ้เพียวก็อยู่หลังเวทีด้วย มันน่าจะมาช่วยไอ้อิฐเรื่องการแสดง เขาคุ้นว่าเหมือนจะเห็นหน้าไอ้กาญแว็บๆ แต่ก็ไม่มั่นใจ ส่วนไอ้ว่านนี่ไม่ต้องสืบ กวาดตาไปเห็นก็เจอไอ้ว่านมองมาอยู่ก่อนแล้ว มันเอานิ้วทำท่าปาดคอเป็นเชิงคู่เขาจนเขาเผลอสบถด่ามันแบบไม่มีเสียงออกมา เมื่อมันเห็นผมด่ามันก็หัวเราะอย่างสบายใจ (ฝากไว้ก่อนเถอะมึง)
“ขอเชิญพบกับผู้เข้าประกวดทุกคนเลยครับ”
เสียงพิธีกรชายดังมาจากหน้าเวที พร้อมกันกับที่สตาฟของงานมาแตะแขนเป็นเชิงให้เขาเดินขึ้นเวทีได้เลย เขาเดินก้าวขึ้นไปตามบันไดไปด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ พอไปยืนเข้าตำแหน่งเลยเงยหน้าก็ต้องขนลุกซู่ไปทั้งตัว ห้องประชุมทที่เคยว่าใหญ่โตนั้นตอนนี้แน่นขนัดไปด้วยนักศึกษาจำนวนมาก ทั้งบนลานกีฬาตรงกลางและอัฒจรรย์โดยรอบ ประมาณคร่าวๆ ยังไงก็ไม่ต่ำกว่าพันคนแน่ ใจของเขาที่ไม่สู้ดีอยู่แล้วก็ฝ่อเหลือแค่นิดเดียว
เขารู้สึกถึงแรงหนึ่งมาบีบที่ไหล่ข้างซ้ายของเขา
หันไปมองก็เจอกับไอ้อิฐที่เพิ่งเดินผ่านเขาไปเข้าตำแหน่งที่อยู่ไม่ห่างกันออกไปไกลนัก มันลอบหันหน้ามาหาเขาพร้อมกับพูดแบบไม่มีเสียงเพื่อเป็นการสื่อสารกับเขา
“อย่า - ป๊อด”
เขาอ่านภาษาปากมันได้แบบนี้
นายพินต้า
ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่
www.twitter.com/ninepinta แอบมาลงไว้ก่อน พอดีพรุ่งนี้ไม่ว่าง (อีกแล้ว) คนอ่านจะได้มีอะไรอ่านตอนสุดสัปดาห์ ใครอยากให้มีภาคต่อเม้นให้ด้วยนะ ต้องการกำลังใจไปแต่งภาคต่อไป 555555