บทที่ 7 คาดไม่ถึง
ผมหันไปมองพี่ไทจิ พี่อายากะโดนลอบทำร้ายตั้งแต่วันที่ออกจากบ้านไป แต่ทำไมพี่ไทจิบอกว่าพี่อายากะส่งเมลมา มันหมายความว่ายังไง
“เรื่องเมลใช่มั้ย ยูกิ”พี่ไทจิพูดเหมือนเขาอ่านสีหน้าผมออก พอเขาพูดออกมา ทุกคนก็หันไปมอง
“ครับ พี่บอกว่าพี่อายากะส่งเมลหาพี่ตลอดนี่”
“พี่ได้รับเมลจริงๆ ไม่เชื่อก็เอาไปดู”เขายื่นไอแพดมาให้ผม ผมเปิดเข้าเมลแล้วเลื่อนดู เห็นเมลที่พี่อายากะส่งมาประมาณ 3 วันครั้งรายงานเกี่ยวกับความก้าวหน้าของงานที่พี่ไทจิสั่งไป บางเมลก็บอกความเป็นอยู่เหมือนน้องคุยกับพี่ ผมไม่เข้าใจ.....
“พี่เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมเมลอายากะถึงส่งมาหาพี่ตลอด หรือคนร้ายจะใช้โทรศัพท์ของอายากะส่งมา”พี่ไทจิครุ่นคิด
“เขาก็ต้องมีรหัสสิครับ”พี่อายากะคงไม่เลินเล่อถึงกับใส่รหัสไว้หรอก
“พี่ก็คิดว่าอย่างนั้น หรือว่า แกโกหก”พี่เขาเบนเข็มไปหาบอดี้การ์ดของพี่อายากะ
“ไม่นะครับ เราถูกทำร้ายวันนั้นจริงๆ ผมสาบาน”เขารีบแก้ต่าง ส่ายมือเป็นพัลวัน
“พี่ว่าเราต้องสืบหาจากเมลนี่ เราไม่รู้ว่ามันจะสวมรอยแทนอายากะทำไม พี่คิดออกเรื่องเดียวคือมันกำลังถ่วงเวลาให้คิดว่าอายากะยังมีชีวิตอยู่ เมลที่มันส่งมาจะกลายเป็นหลักฐานสาวไปหาต้นตอของมัน”พี่ไทจิยิ้มเหี้ยม แม้จะเคยเห็นพี่ไทจิยิ้มแบบนั้นหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ผมกลับมองรอยยิ้มนั้นอย่างไม่สบายใจ ราวกับว่าพี่ชายคนเดิมได้หายไปแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น พ่อฝากด้วยล่ะ”แล้วพ่อก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง พ่อดูเหมือนคนจิตหลุด ผมเองก็รีบตามไปดูแลท่าน จึงไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มของพี่ชายผู้ที่ผมเคยคิดว่า แสนดี
“พ่อ”ผมเรียกเมื่อเห็นพ่อนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนอน พ่อดูแกลงสักสิบปีเลย
“ตอนแรกก็ลูก ตอนนี้ก็อายากะ พวกมันก็ยังหลบอยู่ในเงามืดเหมือนเดิม พ่อ......”น้ำตาของพ่อหยดลงบนฝ่ามือที่พ่อใช้ปิดหน้า ผมเดินเข้าไปกอดพ่อโอบให้พ่อร้องไห้บนไหล่ผม พ่อเจ็บปวด ผมรับรู้ได้แม้ว่าพ่อจะไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น
“พี่อายากะจะต้องปลอดภัย”
“อายากะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เกิดมาจากความรัก แต่พ่อก็รักเขานะ พ่อรักเขาเหมือนกับที่พ่อรักลูก”
“ครับ ผมรู้ครับ”
“พ่อไม่รู้ว่าอายากะโดนเพ่งเล็งด้วย ถ้าพ่อรู้ พ่อไม่มีวันให้เขาไป”
“ครับ ผมรู้ครับพ่อ พ่ออย่าโทษตัวเองนะครับ ผมจะไปตามพี่อายากะกลับมาเอง”
“ไม่ ไม่ ห้ามไปไหน ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น พ่อไม่อาจเสียลูกไปอีก”
“พ่อจะไม่เสียผมไป และจะไม่เสียลูกคนไหนไปทั้งนั้น พ่อไม่ต้องเป็นห่วงผม พี่อายากะเป็นคนเข้มแข็ง ผมเองก็เหมือนกัน ในเมื่อพ่อเป็นคนดึงผมกลับมาในวงการนี้ พ่อก็ต้องยอมรับว่าผมสามารถใช้ชีวิตในเส้นทางนี้ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ผมไม่ต้องการหลบใต้ปีกพ่อไปตลอดชีวิต และไม่หลบด้วย ผมพร้อมแล้วพ่อ และผมจะเป็นคนไปพาพี่อายากะกลับมาเอง”
ผมให้ยาสลบอ่อนๆพ่อ เพราะพ่อบ่นปวดหัวแต่ว่านอนไม่หลับ เมื่อพาพ่อเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินออกไปหาพี่ไทจิ
“พี่ครับ”พี่ไทจิกำลังอยู่ในห้องทำงาน มีลูกน้องจัดการเอกสารบนโต๊ะ รวมถึงคอมพิวเตอร์เครื่องยักษ์รวมถึงจอโปรเจคเตอร์ขนากใหญ่ที่กินพื้นที่ของฝาผนังด้านหนึ่งไปเลย ดูเหมือนกำลังถอดรหัสคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับเมลปริศนานั่น
“ยูกิ พ่อเป็นไงบ้าง”พี่ไทจิถามด้วยความเป็นห่วง
“พ่อไม่เป็นอะไรมากครับ ผมให้นอนไปแล้ว”
“เรื่องนี้คงสะเทือนใจพ่อจริงๆ”
“เกินจะบรรยายครับ แกะรอยไปถึงไหนแล้วครับ”ผมถาม ทั้งผมและพี่ไทจิตอนนี้เพ่งความสนใจไปที่คอมพิวเตอร์แกะรอย
“กำลังหาอยู่ เขาบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงน่าจะได้”
“ครับ”
ระหว่างนั้นพี่ไทจิสั่งให้ลูกน้องดูว่าโยชิทาเกะทำอะไรอยู่ที่ไหนในวันที่พี่อายากะโดนลอบทำร้าย ทาคุยะก็ด้วย นึกถึงเขาผมก็นึกฉุนขึ้นมาทันที โทระซึกิ ทาคุยะ ผมรู้ว่าเขารู้เรื่องนี้ไม่มากก็น้อย ถ้าเพียงแต่เขาบอกผมในสิ่งที่เขารู้ ถ้าเพียงแค่เขาบอกเรา เรื่องมันก็คงไม่ต้องมาถึงขึ้นนี้ พี่อายากะก็จะไม่ต้องโดนลอบฆ่า ถ้าเกิดว่ามีเบาะแสอะไรด็ตามที่ชี้ว่าเขาเป็นคนลงมือละก็ ผมจะให้เขาได้รู้ซึ้งถึงคำว่าทรมานจนตายเสียยังดีกว่า
“เจอแล้วครับ”คนที่นั่งแกะรอยเมลรีบหันมาบอกพี่ไทจิ ผมกับพี่ไทจิเลยรีบเข้าไปดู
“เมลส่งมาจากไหน”พี่ไทจิถาม
“ส่งมาจากในโตเกียวครับ”เขาบอก หน้าตาแปลกใจ
“ส่งมาจากโตเกียวเหรอ รู้มั้ยว่ามาจากคอมเครื่องไหน สามารถบอกได้มั้ยว่าเป็นของใคร แล้วระบุแหล่งที่มาให้มันแคบกว่านี้หน่อยได้มั้ย”พี่ไทจิสั่งรัวเป็นชุด
ชายหนุ่มคนนั้นรับคำและรัวคีย์บอร์ดย่างรวดเร็ว ไม่นานเราก็ได้คำตอบ
เป็นเขาจริงๆ ซากุรากะ โยชิทาเกะ เขาเป็นคนส่งเมลของพี่อายากะมาให้พี่ไทจิ ดังนั้นพี่อายากะจะต้องโดนพวกมันลอบทำร้าย ทำกันได้ลงคอ พี่อายากะก็เหมือนเป็นหลานของเขา เขาทำได้ลงคอจริงๆ สายเลือดเดียวกันแท้ๆ
ผมกับพี่ไม่รอช้า รีบพาคนทั้งหมดที่มี พร้อมอาวุธ ไปยังคฤหาสน์ฟูจิมิยะ ทางนั้นเองก็ดูเหมือนจะรู้ความเคลื่อนไหว เมื่อไปถึงผมก็พบกองกำลังติดอาวุธล้อมรอบคฤหาสน์ฟูจิมิยะไว้เหมือนกัน
พี่ไทจิกับผมลงจากรถ สักพักคนกลุ่มนั้นก็แหวกทางให้ผู้ชายผมขาวโพลนในชุดยูกาตะสีขาวเกินออกมา เขามีดวงตาที่คมดุเหมือนพ่อ มองดูรูปหน้าก็รู้ว่าตอนหนุ่มๆ เขาคงหล่อมากใจเลยทีเดียว หน้าตาก็เหมือนคนแก่ใจดี เขายิ้มนิดๆ ให้พี่ก่อนจะยิ้มให้ผม ถ้าคนดูไม่ออกก็จะมองว่าเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่น แต่สำหรับผม ผมว่ามันช่างเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งจนน่าอ๊วก
“คุณปู่โยชิทาเกะ”พี่ไทจิก้มหัวคำนับ ผมก็ทำตาม
“ไทจิ ไม่เจอกันนานเลยนะ แต่ไม่เห็นจะต้องมาทักทายกันแบบนี้เลยนี่ มาพร้อมปืนแบบนี้ เขาเรียกว่ามาหาเรื่องนะ ไอหลานชาย”เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม อย่างไม่สะทกสะท้าน
“ผมเองก็แค่จะมาคุย ทักทายคุณปู่ที่ออกจากบ้านไปนานเท่านั้นแหละครับ กลัวคุณปู่เหงา คุณปู่เลยอาจจะเรียกหลานๆ มาเที่ยวเล่นที่บ้านแบบผิดวิธีได้”
“อ้อ งั้นเหรอ แต่ฉันก็ไม่ได้เหงาขนาดนั้นหรอกนะ”
“งั้นเหรอครับ แต่ผมได้ข่าวว่าพี่อายากะโดนลอบทำร้าย ไม่ทราบว่าคุณปู่โยชิทาเกะ พอจะรู้เรื่องนี้บ้างมั้ยครับ”
“รู้เรื่องงั้นเหรอ ฉันไม่คิดว่าที่แกบุกมาถึงที่นี่ ก็เพื่อจะมาถามฉันหรอกนะ”
“ครับ ผมมาขออายากะคืน”
“มาขอคืน งั้นเหรอ คิดเหรอว่าจะได้คืน”
“งั้นก็แสดงว่าพี่อายากะอยู่กับคุณสินะ”ผมโพล่งออกไป ปู่โยชิทาเกะเลยเบนสายตามาหาผม
“ไง ยูกิจัง โตขึ้นแล้วสวยเหมือนแม่เลยนะ สนใจจะมาอยู่กับปู่อีกคนมั้ยล่ะ”
“เอาพี่อายากะคืนมา”
“คืนก็กลัวนะสิ แล้วก็อีกอย่างนะ ถึงอยากจะคืนจริงก็คงทำไม่ได้”
“ทำไม”หรือว่า......
“ก็โยนให้ฉลามมันกินไปแล้วน่ะสิ ฮ่าๆๆๆ”โยชิทาเกะหัวเราะอย่างสะใจ ผมกับพี่ไทจิหน้าซีด
กว่าผมจะรู้ตัว ปืนในมือผมก็ยิงก็ออกไปแล้ว ลูกน้องที่มายืนบังโยชิทาเกะไว้ทันก็ล้มลงไปนอนกับพื้น กระสุนปักทะลุกลางหัวเขา หลังจากนั้นการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น โยชิทาเกะถูกคุ้มกันให้กลับเข้าไปในบ้าน ผมกับพี่รีบฝ่าตามเข้าไป แต่ก็ไม่ทัน เพราะสมรภูมิตรงนี้ก็ดุเดือดพอกัน จะฝ่าเข้าไปง่ายๆ ก็ไม่ได้ ผมกับพี่และการ์ดอีกห้าหกคนที่คอยตามคุ้มกันเลยอ้อมเข้าไปทางหลังบ้าน แม้ว่าจะเจอพวกศตรูบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าข้างหน้า หลายครั้งที่ผมมีโอกาสยิง แต่ก็ไม่สามารถตัดใจยิงได้....
ผมพึ่งฆ่าคนเป็นคนแรก แววตาที่เขามองมาตอนสิ้นใจ มันช่างดูว่างเปล่า เขาแทบไม่ได้คิดอะไรเลยในตอนนั้น ผมยิงเข้าไปกลางหน้าผากเขาพอดี เขาคงตายอย่างไม่ทรมาน แต่ใบหน้านั่นกลับติดวนเวียนอยู่ในหัวผม ถ้าสมมติว่าเขามีลูกมีเมีย ถ้าเขามีครอบครัว แล้วครอบครัวเขาจะอยู่ยังไง เสี้ยววินาทีที่ลั่นไก เหมือนใจของผมจะติดไปกับลูกกระสุนด้วย ผมกลัว ผม...ผม...ผมอยากจะอาเจียน
อ๊วกกกกกกกกกกกกกก
ผมก้มลงอาเจียน ทุกคนหันกลับมามองผม พี่ไทจิรีบเข้ามาลูบหลังให้ผม ผมอ๊วกได้สักพักก็หยุด ผมต้องต้องหยุด ต้องรีบตามมันไป ต้องรีบตาม ผมไม่เชื่อว่าพี่อายากะตายแล้ว ไม่เชื่อ ไม่เชื่อเด็ดขาด
“ยูกิ!!”พี่ไทจิรีบเข้ามาประคองผม เอาชายเสื้อเช็ดปากให้ผม ผมขืนตัวยืนขึ้นแล้วรีบวิ่งตามไป ทุกคนก็ตามมา
“ต้องรีบไปช่วยพี่อายากะ”ผมบอก เราต้องรีบไป ก่อนที่มันจะหนี ไม่งั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาพี่จากไหน
เราวิ่งมาถึงทางเข้าคฤหาสน์ทางด้านหลัง ที่นั่นมีเฮลิคอปเตอร์จอดรออยู่คนหนึ่ง การ์ดคนหนึ่งของเรา ถ้าผมมองไม่ผิด น่าจะเป็นการ์ดของพี่อายากะ รีบวิ่งไปที่ฮอนั่นแล้วยิงนักบินทิ้ง ก่อนจะดับเครื่องฮอ ผมกับพี่และคนที่เหลือก็คอยซุ่มอยู่ตรงประตู รออยู่ไม่ถึงหนึ่งนาที โยชิทาเกะก็วิ่งมาติดกับ
ผมกับพี่จึงเดินออกไปดักหน้ามัน ก่อนชี้ปืนไปที่หัวของมัน ลูกน้องของมันที่ตามมาคุ้มกันมีห้าหกคนเท่าๆ กันกับเรา แต่ผมไม่กลัว ยังไงมันก็ต้องพาเราไปหาพี่อายากะ ต้องบอกทุกเรื่อง มันต้องบอกผมว่าทำไมถึงต้องคิดจะฆ่าพี่!!!
“คุณหนู เล่นปืนแบบนี้ไม่ดีเลย”มันหันมายิ้มให้ผม โดนปืนจ่อแบบนี้แต่กลับไม่กลัวเลยสักนิด จะประสาทดีเกินไปแล้ว คิดว่าผมไม่กล้ายิงรึไง
“คิดว่าผมไม่กล้ายิงรึไง”ผมถามเสียงเหี้ยม ผมยิงแน่ ไม่มีลังเลอีกแล้ว
“กล้าสิ เธอกล้าแน่ ทำไมไม่ล่ะ แต่ฉันไม่คิดว่าเธอจะทำอันตรายฉันได้หรอกนะ”
“อย่ามั่นใจหน่อยเลย”
“งั้นเหรอ เห็นแก่ความเป็นญาติกัน เธออยากรู้อะไรล่ะ ฉันจะตอบให้”อะไรกัน ท่าทีสบายๆ แบบนั้น
“ทำไม ทำไมต้องฆ่าพี่ แล้วคุณรึเปล่าที่คิดจะฆ่าผม”
“คิดจะงั้นเหรอ ฉันไม่ใช่คนคิดหรอกนะ ฉันเป็นคนทำต่างหาก”
“หมายความว่ายังไง”
“จุ๊ๆ อย่ารีบสิ ให้ฉันตอบทีละคำถาม”
“มันหมายความว่ายังไง!!! ไม่ต้องมาเล่นลิ้นกับผม ตอบคำถามผมมา”ผมไม่เข้าใจ บรรยากาศมันดูแปลกๆ ไป ทำไมกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงยิ้มแบบนั้น ทำไมถึงทำท่าทีสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
“หมายความว่าอย่างงี้ไง”คราวนี้พี่ไทจิเป็นคนพูด แต่เขาไม่พูดเปล่า เขาหันปืนมาทางผมอีกด้วย
“พะ พี่”ผมเรียก นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมพี่ต้องหันปืนใส่ผม!!!
“อ้าว เปิดเผยตัวซะแล้วเรอะ ฮ่าๆๆๆ”โยชิทาเกะหัวเราะอย่างชอบใจ พี่ไทจิยกยิ้มที่มุมปาก
การ์ดของเราที่ตามมาชี้ปืนใส่ผมและการ์ดของพี่อายากะ เราสองคนตอนนี้เลยตกอยู่ในวงล้อมของปืน ผมมองหน้าพี่ไทจิอย่างไม่เข้าใจ แววตาอ่อนโยนของพี่ มือที่เคยขยี้หัวผมอย่างอ่อนโยน คำพูดที่คอยสั่งสอนและปลอบใจ ตอนนี้เหลือเพียงรอยยิ้มของชายที่ผมไม่รู้จัก
“อึ้งเลยใช่มั้ย ยูกิจัง”พี่เดินเข้ามาบีบคางผมให้ผมหน้าเขา ทำให้ผมเห็นแววตาสะใจของเขาอย่างชัดเจน
“ทำไม ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้”
“ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ พวกแกสองคนไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ของฉันสักหน่อย”
“แต่ผมไม่เคยทำอะไรให้พี่”
“ไม่เคยงั้นเหรอ เฮอะ แค่แกเกิดมา นั่นก็ผิดมากแล้ว”
“หรือว่า.....พี่คิดว่าผมจะมาแย่งของของพี่ไปใช่มั้ย ผมก็เคยบอกพี่แล้วว่าผมไม่อยากได้ ทำไม ทำไมพี่ไม่บอกผมดีๆ ผมจะไม่ลังเลเลยถ้าจะต้องยกให้พี่ ผมไม่เคยอยากได้เลย มันเป็นของพี่ พี่เข้าใจมั้ย ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้!!”ผมตะโกนออกไปอย่างเหลืออด ทำไมพี่ต้องทำให้สถานการณ์มันแย่แบบนี้ ทำไมต้องฆ่าพี่อายากะ ทำไมต้องฆ่าผม!!!
“มันไม่ง่ายเหมือนเด็กเล่นขายของหรอกนะ ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษพ่อของเธอ เขาค้านหัวแข็ง บอกกับผู้ใหญ่ในตระกูลว่าคนที่จะเป็นทายาทของเขามีเพียงเธอเท่านั้น ส่วนอายากะ ฉันเองก็ไม่อยากให้เธอตายหรอกนะ แต่เธอดันเสือกไม่เข้าเรื่อง ก็เลยต้องไปอยู่ที่ก้นทะเลไงล่ะ”
“เป็นแกนั่นเอง ไอคนสารเลว นายท่านเลี้ยงแกมาอย่างดี เลี้ยงแกมาด้วยความไว้ใจ นายเองก็ได้ยกโรงแรมให้แกให้ตั้งหลายที่ ท่านไม่ได้ลืมแกเลย แล้วทำไมแกถึงตอบแทนท่านแบบนี้!!!”การ์ดของพี่อายากะตะโกนใส่หน้าพี่ไทจิ พี่ไทจิหันไปตบหน้าเขาจะหน้าสะบัดไปตามแรงมือ เลือดกบปาก แถมยังเปื้อนมาที่มือพี่ไทจิด้วย
“คุณมันสารเลว ผมจะไม่มีวันนับถือคุณเป็นพี่อีก”
“ฉันก็ไม่ได้อยากนับญาติกับเธอหรอกนะ ยูกิจัง ดวงแข็งแบบนี้ก็ดี แต่ดวงเธอก็คงหมดแค่นี้ ครั้งแรกมีพ่อ ครั้งที่สองมีไอทาคุยะ แต่ครั้งนี้เธอไม่มีใครมาช่วยแล้วหรอกนะ”แววตาที่เปลี่ยนไป เย็นชาและน่ารังเกียจ ผมรังเกียจ...
“ทำไมทำตาแบบนั้นล่ะ รังเกียจพี่มากเลยรึไง”
“อย่ามาแทนตัวเองว่าพี่ คุณไม่ใช่พี่ผม”ผมตะโกนใส่เขา แต่เขากลับหัวเราะ
“แล้วใครกันที่เรียกฉันว่า พี่ไทจิอย่างนั้น พี่ไทจิอย่างนี้ หึ หมาตัวไหนมันเรียกกัน”
ผมได้แต่กัดริมฝีปากด้วยความแค้นใจ
“ไอหลานชาย ไปกันได้แล้วมั้ง เดี๋ยวมันก็ตามมาทันหรอก”โยชิทาเกะพูดเตือนๆ พลางหันไปทางหน้าบ้าน
“นั่นสิ แผนล่อลูกแมวออกจากถ้ำเสือก็ผ่านไปด้วยดีล่ะนะ อ้อ ขอชมเชยที่แกฉลาดมากนะ โฮซึเกะ ที่ไปยิงนักบินทิ้งน่ะ แต่ว่า เสียใจด้วยที่ฉันขับเฮลิคอปเตอร์เป็น”พลัน ผมกับการ์ดของพี่อายากะที่ชื่อว่าโฮซึเกะ ก็หน้าซีด เขากำลังจะหนีกันแล้ว แล้วเขาจะทำยังไงกับผม หรือว่าจะฆ่าทิ้ง ไม่สิ เขาจะต้องฆ่าทิ้งเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะเขายึดอำนาจไม่ได้ ถ้ายังมีผมเป็นมารขวางทางเขาอยู่
“ไอหลานชาย แกจะยิงมันทิ้งเลยมั้ย หรือจะเก็บไว้ดูเล่นก่อน บอกตามตรง หน้าสวยขนาดนี้ฉันแอบเสียดายแทน ถึงจะไม่ใช่ผู้หญิงก็เถอะ”โยชิทาเกะมีสายตาโลมเลียอย่างจาบจ้วงจนผมแทบจะอ๊วก
“นั่นสิ ผมเองก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว พาไปด้วยแล้วกัน ส่วนอีกคน ยิงๆทิ้งไปซะ”
“อย่านะ!! อย่านะพี่ อย่าฆ่าใครอีกเลย แค่นี้ยังบาปไม่พอรึไง!!”ผมรีบเอาตัวบังโฮซึเกะไว้
“ใจดีจังนะ คนที่มีจิตใจที่ขาวสะอาดราวกับหิมะอย่าเธอ ไม่น่ากลับมาเลย”ไทจิมองดูอย่างสมเพช
“พี่ต้องปล่อยเขาไปด้วย ไม่งั้นผมไม่ไป”
“เธอมีสิทธิ์ต่อรองด้วยเหรอ”พี่ไทจิแสร้งทำหน้าครุ่นคิด ผมมองด้วยความแค้นใจ
“.........”ผมเงียบ ผมไม่มีจริงๆ
“ยิงทิ้งซะ”พี่ไทจิหันไปสั่ง พลันเสียงปืนดังลั่นพร้อมกับโฮซึเกะที่ล้มลง
“ไม่มมมมมมม”ผมกรีดร้อง ทำเกินไปแล้ว ทำไมถึงเลือดเย็นขนาดนั้น พี่ไทจิของผมหายไปไหน!!
พี่ไทจิ ไม่สิ ไทจิเดินมากระชากตัวผมให้เดินขึ้นไปในฮอ โยชิทาเกะกับลูกน้องอีกคนก็หาเชือกมามัดตัวผม ส่วนไทจิก็ขึ้นไปนั่งที่ที่นั่งคนขับ พร้อมกับลูกน้องอีกคนหนึ่ง
ผมถูกมัดมือ มัดเท้า ปิดปาก ไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย โยชิทาเกะหันมามองผมด้วยแววตาไม่น่าไว้วางใจ เขายิ้มให้ผมนิดๆที่มุมปาก ห่อนจะหันออกไปมองวิว บินมาได้สักชั่วโมงหนึ่งเราก็มาอยู่บนเรือสำราญขนาดใหญ่กลางทะเล ไทจิลงมาดึงผมเข้าไปข้างใน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรือของพวกเขา เพราะการ์ดชุดดำคุมเชิงอยู่เต็มไปหมด ไทจิพาผมเข้าไปนั่งในห้องรับแขกหรูหราของเรือ ผมถูกโยนลงบนพรมอย่างหยาบคาย ก่อนที่พวกเขาจะไปนั่งบนโซฟาอย่างสบายใจ พลางมองผมอย่างกำลังใช้ความคิดว่าจะทำยังไงกับผมดี แต่รอยยิ้มนั่น ผมมองทีไรก็เสียวสันหลังทุกที
แม้ผมจะหวาดกลัว แต่ผมก็แค้นเคืองไม่น้อย เมื่อก่อนความรู้สึกที่ผมมีต่อเขา เป็นเหมือนน้องชายกับพี่ชาย แม้จะไม่ใช่พ่อแม่เดียวกัน แต่ผมไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนอื่น เมื่อฟังจากโฮซึเกะว่าเมื่อพ่อประกาศให้ตำแหน่งผม เขาก็ยังได้โรงแรมหลายที่ ที่ที่จะให้เขาบริหารคงไม่ใช่โรงแรมต๊อกต๋อยแน่ๆ ทำไม เขาถึงต้องทำแบบนี้
“ยูกิของพี่ ทำไมมองพี่อย่างนั้นล่ะ”เขาหันมาพูดยิ้มๆให้ผม แต่ขอโทษเถอะ ผมจะไม่ยอมโดนหลอกด้วยรอยยิ้มนั่นอีกแล้ว
ผมอยากจะถามเขาเหลือเกินว่าเขาเคยรักผม เคยรักพ่อ เคยรักพี่อายากะบ้างมั้ย แต่ผมถูกปิดปากอยู่ พอเห็นอย่างนั้น เขาก็ดึงสก็อตเทปที่ปิดปากผมอยู่อย่างรวดเร็ว จนผมเจ็บจนชาปากไปหมด
“พี่เคยรักพวกเราบ้างรึเปล่า”
“รักเหรอ อย่างนี้รึเปล่า”แล้วเขาก็หยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมา ก่อนจะเขียนคำว่ารักลงไปแล้วยื่นให้ผมดู
ผมกัดฟันกรอด เขาไม่เคย เขาไม่เคยคิดว่าเราเป็นครอบครัว หัวของเขาคิดถึงแต่อำนาจ
“เป็นพี่มาตลอด ตั้งแต่ที่ไทยใช่มั้ย”ผมถาม น้ำตารื้อขึ้นมาแต่ผมจะไม่ยอมให้มันไหลเด็ดขาด
“ใช่ เรื่องปล่อยข่าวของแก ฉันก็ทำเหมือนกัน แต่ก็ได้แต่โยนไปให้ปู่โยชิทาเกะก็เท่านั้นเอง”
“แล้วพี่อายากะ ทำไมต้องฆ่าล่ะ พี่อายากะไม่มีหลักฐานซะหน่อย เธอแค่สงสัย ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น”
“ถ้าถึงขั้นสงสัย สืบต่อไปก็คงได้หลักฐาน ทุกสิ่งทุกอย่างต้องคิดอย่างรอบคอบ ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น ก็เลยตัดไฟแต่ต้นลมไงล่ะ”เขาตอบ ตลอดการสนทนา รอยยิ้มไม่เคยหายไปจากใบหน้าของเขาเลย
“งั้นเรื่องเมล ก็ตบตาสินะ”
“แน่นอน ฉันรอบคอบขนาดนั้น ถ้าไม่ตั้งใจปล่อยออกมา พวกแกก็ไม่มีวันหาเจอหรอกนะ หึ คิดแล้วตลกชะมัด ให้ฉันจัดการคนร้ายงั้นเหรอ ฮ่าๆๆๆๆ ฉันจะไล่จับตัวเองทำไม”เขาหัวเราะอย่างขบขัน โยชิทาเกะก็ขำนิดๆ อย่างเอือมๆ
“.........”ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะตลอดมา พ่อไว้ใจให้เขาจัดการเรื่องทั้งหมด เขาเลยมีโอกาสเบี่ยงประเด็นและคอยกำจัดหลักฐานไปเรื่อยๆ คนร้ายอยู่ใต้จมูกเราตลอดแต่เรากลับไม่รู้เลย
“ยูกิ จะไม่ถามต่อแล้วเหรอไง”
“ผมไม่อยากรู้เรื่องเลวๆ ของพวกคุณอีกต่อไปแล้ว ถ้าอยากฆ่าก็ฆ่าผมซะ”ผมสิ้นหวัง พี่อายากะ พี่ตายแล้วจริงๆ เหรอ พี่สาว พ่อ ผม....ผมสับสน ผมคิดอะไรไม่ออกเลย ทำไมถึงเป็นพี่ไทจิ ทั้งๆที่เขาบอกจะปกป้องผมแท้ๆ
“อย่าพึงรีบตาย พี่อยากเราเห็นนะ จุดจบของเราแล้วก็พ่อเรา”
“อะ...อะไรนะ พี่จะทำอะไร!!”พ่อเหรอ พ่ออยู่ที่นี่ด้วยเหรอ
“ล่อลูกแมวออกจากถ้ำ แน่นอนเพื่อฆ่าลูกแมวทิ้ง แต่เสือชราก็ปล่อยเอาไว้ไม่ได้เหมือนกัน หึๆ คนน้อยอย่างนั้น จะทำอะไรได้ คดว่าพี่มีคนแค่นี้เหรอ คิดว่าพี่มีแค่กองกำลังของตระกูลฟูจิมิยะงั้นเหรอ เราคิดว่าพี่จะไม่มีเป็นของตัวเองบ้างรึไง”เขาไขว่ห้าง จิไวน์อย่างสบายอารมณ์ แต่ผมกลับร้อนใจ
เขาล่อผมออกมา นึกแปลกใจอยู่แล้วที่เขาไม่ได้ห้ามผมเลยเมื่อผมขอจะมาด้วย ส่วนที่คฤหาสน์ก็เหลือคนน้อยมาก ผมให้ยาสลบอ่อนๆ กับพ่อ พ่อคงตื่นมาอีกทีก็รุ่งเช้า เขาคงอาศัยจังหวะนี้เขาไปฆ่าพ่อถึงข้างใน!!! ใจทรามหยาบช้าที่สุด เลวที่สุด!!!
“ไอสารเลว อย่างน้อยพ่อก็เลี้ยงแกมา รักแกเหมือนลูกแท้ๆ ทำไมแกถึงทำกับท่านแบบนั้น!!! แกทำร้ายคนที่แกเรียกว่าพ่อได้ยังไง พวกเราไปทำอะไรให้แก ทำไมถึงฆ่ากันได้ลงคอ!!!”
“หึ หุบปากสวยๆไว้ครางดีกว่านะ ยูกิจัง ถ้าคิดถึงคุณพ่อละก็ อีกเดี๋ยวคุณพ่อก็มาแล้ว”
พลัน ผมได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ ไทจิหันออกไปมองข้างนอก ก่อนจะยิ้มให้ผม
“คุณพ่อมาแล้วล่ะ”
ผมเสียวสันหลังวาบ รู้สึกเหมือนมีอะไรบีบแน่นอยู่ในอก หายใจไม่ออก เจ็บปวด จนเจียนจะขาดใจ นี่สินะเป็นความรู้สึกที่เห็นคนที่รักกำลังตกอยู่ในอันตราย พ่อก็คงรู้สึกแบบนั้นแต่คงจะมากกว่าผมหลายเท่า เมื่อรู้ว่าคุณโมโมโกะขู่จะฆ่าแม่กับผม จึงยอมส่งเราสองคนกลับไทย น่าขัน ผมพึ่งมาเข้าใจความรู้สึกของท่านอย่างแท้จริง ก็เมื่อวันสุดท้ายของชีวิตเราสองคน
“ปล่อยยูกิ”นี่เป็นคำแรกที่พ่อพูดเมื่อเข้ามาในห้อง พ่อโดนมัดมือ แต่ไม่โดนมัดเท้ากับปาก พ่อจ้องเขม็งไปที่พี่ไทจิกับโยชิทาเกะ แต่สำหรับไทจิ ผมมองเห็นแววตาเจ็บปวดของพ่อ
“ออกไปให้หมด”พี่ไทจิหันไปสั่งลูกน้อง ทุกคนออกไป เหลือเพียงผม พ่อ โยชิทาเก และเขาเท่านั้น
“สวัสดีครับ คุณพ่อ”
“ฉันไม่มีลูกอย่างแก”คุณพ่อตอบเสียงเรียบ
“งั้นเหรอครับ หึ ผมไม่แปลกใจหรอก คงจะเจ็บใจสินะ ที่โดนผมหลอกมาตั้งนาน”
“ปล่อยยูกิ อยากได้อะไรก็เอาไปให้หมด แล้วปล่อยเราไป”
“หึ ถ้าคุณพ่อที่รัก กับยูกิของผมตายไป ผมก็โยนความผิดให้โยชิทาเกะ หลังจากนั้น พวกบอร์ดบริหารก็จะให้ผมขึ้นแทน คนในแก๊งก็เคารพผมและไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน ส่วนคนที่รู้ ก็ตายไปหมดแล้ว ผมก็จะทำทีเป็นไล่ฆ่าล้างแค้นโยชิทาเกะ แล้วให้โยชิทาเกะแสร้งตาย ก่อนที่ผมจะเข้าไปครอบครองแก๊งฟูจิมิยะ แล้วบังเอิญว่าผมเจอญาติที่หายไปของผมโดยบังเอิญ และไม่อาจแบ่งเวลาคุมสองแก๊งได้อีกต่อไป ด้วยความเคารพ ผมจึงให้ญิคนนั้นของผมขึ้นครองฟิจิมิยะแทน เป็นไงพ่อ สมกับที่พ่อสอนมารึเปล่า”
“หึ ญาติผู้ใหญ่คนนั้น ก็คือโยชิทาเกะที่ปลอมตัวมาสินะ”
“แน่นอนครับ เพราะฉะนั้น ผมบอกไว้เลย ว่าตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของผมแล้ว”
“ทำไม ทำไมแกถึงต้องทำขนาดนี้ ทำไมต้องไปร่วมมือกับโยชิทาเกะ”
“เพราะคุณไงล่ะ เพราะคุณไม่เคยยอมรับผม คุณแม่ก็ใช้ผมเป็นเครื่องมือแก้แค้น ถ้าผมไม่แอบรู้โดยบังเอิญว่าความพยายามทั้งหมดของผม ต้องมาสูญเปล่าเพราะสักวันหนึ่ง คนที่จะมายึดความสำเร็จทั้งหมดไปกลับเป็นมัน ลูกลับๆ ของคุณ ผมพยายามเรียนรู้งาน ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณพอใจ เหนื่อยจนเลือดตาแทบกระเด็น แต่คุณก็ไม่เคยคิดว่าผมเป็นลูกของคุณ คุณมันเห็นแก่ตัว คุณคิดจะใช้ผม เสร็จแล้วก็ทิ้งใช่มั้ย มันไม่ง่ายนักหรอกนะ ผมจะไม่ยอมให้คุณเขี่ยผมทิ้งหรอก ไม่มีวัน!!!”พี่ไทจิไม่อาจรักษารอยยิ้มไว้ได้อีกแล้ว
“ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้น ฉันคิดมาตลอดว่าแกเป็นลูกคนหนึ่ง”
“โกหก ถ้างั้นทำไมไม่ให้ผมครอง”
“มันไม่ใช่ของแกมาตั้งแต่แรกแล้ว!!!”
“มันเป็นของผม!!!”
“งั้นก็ได้ อยากได้อะไรก็เอาไป ฉันสัญญาจะไม่มายุ่งกับแกอีก แต่แกต้องปล่อยยูกิไป แกจะฆ่าจะแกงฉันยังไงก็ตามใจ”พ่อพยายามต่อรอง
“ไม่นะ ไม่เอานะพ่อ พี่ปล่อยเราสองคนไปเถอะ ผมกับพ่อจะกลับไทย จะไม่กลับมาเหยียบที่ญี่ปุ่นอีก พี่ปล่อยเราไปเถอะ”ผมพยายามขอร้อง ไม่นะพ่อ เราจะไม่แยกจากกันอีกแล้วนะ
“โถๆๆ ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะยูกิจัง พี่ปล่อยแน่ ยูกิจังกับพ่อจะได้ไปอยู่ด้วยกันในนรกไงล่ะ แต่ก่อนหน้านั้น พี่จะทำให้เราขึ้นสวรรค์ก่อนเป็นไง”
“มะ ไม่ อย่านะ”
ผมกระเถิบถอยหลังด้วยความตกใจ พ่อพุ่งเข้ามาหาผม แต่ก็โดนโยชิทาเกะจับไว้ โยชิทาเกะซ้อมพ่อจนพ่อนิ่งไปเพราะความจุก พีไทจิย่างสามขุมเข้ามาหาผม แกะที่มัดเท้าของผมออก ก่อนประกบปากผมอย่างรุนแรงจนผมได้กลิ่นคาวเลือดที่แตกออกมาจากปากผม มันเป็นจูบที่น่าขยะแขยงที่สุด เขากำลังจะข่มขืนผมต่อหน้าพ่อ!!! ทำไมต้องทำกันแบบนี้ ผมหน้าตาไหลพราก ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เขาเอื้อมมือลงไปปลดกางเกงผม ก่อนจะดึงมันออกไป ผมหนีบขายื้อไว้สุดชีวิตและพยายามกัดลิ้นเขา แต่เขาก็ไหวตัวทันทุกครั้งจนเขาเริ่มรำคาญ
เพี๊ยะ
ไทจิตบปากผมจนเลือดกลบ หัวผมสะบัดไปตามแรงตบจนเสียหลักล้มลงกับพื้น เขาอาศัยจังหวะนั้นดึงกางเกงออกไปจากขาผม ทั้งกางเกงนอกและกางเกงใน ผมหุบขาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมกลัวมากจริงๆ ผมได้ยินเสียงพ่อร้องออกมาด้วยความตกใจ เสียงพ่อที่ตะโดนด่าไทจิปนขอร้องอ้อนวอนให้ปล่อยผมไป
แม่....แม่ครับ ผมกลัว ผมภาวนาในใจของให้มีใครสักคนมาช่วย เขาปลดกระดุมเสือเชิตของผมออกก่อนจะก้มลงเลียหน้าอกผมอย่างหิวกระหาย จนถึงวินาทีนี้ผมแทบจะอ๊วกออกมาด้วยความกลัวและขยะแขยง ผมใช้มือผมที่โดนมัดอยู่ดันหัวเขาออก เขาจึงเอามือข้างหนังจับมือที่โดนมัดของผมไว้เหนือหัว ก่อนจะไซร้ซอกคอเสียงดังน่ารังเกียจ ผมร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร ผมดิ้นจนเริ่มเหนื่อยและหมดหวังที่จะดิ้นอีกต่อไป ไทจิเห็นอย่างนั้น จึงยิ้มแล้วปล่อยผม ก่อนจะยันตัวเองขึ้นแล้วปลดกระดุมกางเกงของเขาออก ผมเบือนหน้าหนี พยายามหนีบขาสุดชีวิต แต่เขาก็กระชากขาผมให้อ้าออกจนได้ หึ สุดท้ายก็หนีไม่พ้น ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่กลับต้องมาโดนข่มจืนก่อนจะโดนฆ่าตาย ชีวิตผมมันช่างบัดซบจริงๆ
พ่อตะโกนร้องของความเมตตาตลอด ผมได้ยินเสียงโยชิทาเกะเตะพ่อเพื่อให้พ่อหยุดส่งเสียง ...ผมขอโทษครับพ่อ แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมหลับตาลงช้าๆ สติของผมเลือนรางเต็มทน อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ผมไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว
ท่ามกลางสติที่เลือนราง ผมได้ยินเสียงเปิดประตูอย่างแรงดังโครม และเสียงสุดท้ายในห้วงคำนึง เสียงคุ้นหูของคนที่ผมคาดไม่ถึงว่าเขาจะมา....
“กำลังสนุกกันเชียว ขอร่วมวงด้วยคนสิ”
ปัง!!!
-------------------------------------------------
สาวกไทจิของโทษด้วยนะค่ะ (
)
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่าาาาาาาา
จะไปปั่นตอนที่ 8 ให้เดี๋ยวนี้ละค่ะ พบกันใหม่ในตอนหน้านะค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ