แอบดูไรท่านแน๋ว คอมหายเจ๊งหรือยัง
พร้อมกลับมาทำหน้าที่หรือยัง
คิกคิก
......................
บทที่ 12
โอ๊ย เอาอีกแล้ว ผมทำผิดพลาดจนได้ เคนคงไม่ให้อภัยผมอีกแล้ว อุตส่าห์รับปากเขาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะปรึกษาก่อนทุกครั้งก่อนจะทำอะไรเกี่ยวกับห้องของเขา แต่ผมก็ยับยั้งชั่งใจไม่ให้ซื้อข้าวของเข้าห้องของเคนไม่ได้
เรื่องของเรื่องก็คือ วันนี้ ผมดันมีธุระพูดคุยกับลูกค้ารายหนึ่ง เขาติดต่อทำธุรกิจโฆษณากับบริษัทในเครือของเรา โดยติดต่อผ่านเพื่อนของผมมา ผมจึงต้องพาพนักงานฝ่ายการตลาด และครีเอทีฟของบริษัทไปพบปะพูดคุยกับเขา
บังเอิญลูกค้าทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องเรือน มีทั้งที่ทำจากไม้ยางพารา ไม้สัก และเหล็ก คุยไปคุยมาเกิดถูกคอกัน เขาตกลงทำโฆษณากับบริษัทของเรา และพาชมเครื่องเรือนของเขา ผมดันไปสะดุดใจเข้ากับชุดโต๊ะกินข้าวขนาดสองคนที่ดีไซน์สวยงาม มันทำให้ผมนึกถึงเคนทันที
นึกสภาพที่เคนต้องนั่งขัดสมาธิบนพื้นห้อง ทานข้าวบนโต๊ะพับ แล้วก็ให้สงสารเห็นใจ อยากให้เขาได้นั่งทานข้าวดีๆ และเผื่อว่าเวลาที่ผมร่วมวงทานข้าวกับเขาด้วย แล้วเกิดอยากจะโรแมนติกขึ้นมา มันจะได้มีอุปกรณ์ประกอบฉากที่ดูดีเพียบพร้อม
ด้วยความที่อยากเห็นเคนมีความสุข เลยทำให้ผมหยุดความคิดตัวเองไม่ได้ ตัดสินใจซื้อมา 1 ชุด แต่ก่อนหน้านั้น ผมก็ได้พยายามโทรติดต่อไปหาเคนตั้งสองครั้ง ทว่าติดต่อไม่ได้ สงสัยเคนจะไม่อยู่ที่โต๊ะ
มือถือเคนก็ไม่มี ทำให้ติดต่อลำบาก ผมไม่อยากรออีกแล้ว ภาพของเคนที่นั่งทานอาหารที่โต๊ะกินข้าวอย่างมีความสุข แวบไปแวบมาในหัวสมอง และกว่าจะรู้ตัวว่าผิดสัญญากับเขา ผมก็จ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่ผมแก้ต่างให้กับตัวเองว่า โทรไปบอกแล้ว แต่เคนไม่รับสายเอง
บอกให้พนักงานเอาของไปส่งตามที่อยู่ที่ให้ไว้แล้ว ผมก็ให้คนขับรถพาผมไปร้านจำหน่ายมือถือในห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะซื้อให้เคนสักเครื่องเคนจะได้เอาไว้โทรหาแม่และคนทางบ้านโดยไม่ต้องแอบใช้เครื่องของบริษัทโทรเรื่องส่วนตัว แล้วผมก็ยังสามารถโทรหาเขาได้ด้วย
พนักงานเอามือถือหลายรุ่น หลายสีมาให้ดู ผมเลือกที่มันสามารถเป็นได้ทั้งเครื่องโทรศัพท์ สามารถถ่ายรูปได้ และเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมให้เขา เพื่อให้เขาสามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ และเชื่อมต่ออินเตอร์เนตได้ด้วย ซึ่งเหมาะกับงานเลขาที่เคนทำอยู่ เวลาที่ต้องติดตามผมไปข้างนอก แล้วต้องการข้อมูลต่างๆ จะได้เรียกใช้โดยง่าย
มันอาจจะเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างซับซ้อนยุ่งยาก เคนอาจจะไม่สะดวกที่จะใช้มันในระยะเริ่มต้น แต่ฝึกหัดบ่อยๆก็คงใช้ได้ของ สนนราคาของมันก็แพงเอาการถ้าเทียบกับพนักงานกินเงินเดือนอย่างเขา แต่สำหรับผมแล้ว มันแทบไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะซื้อให้คนที่ผมรัก
และแล้วเครดิตการ์ดของผมก็ถูกรูดอีกครั้ง ด้วยความเต็มอกเต็มใจของผม ชำระเงินเสร็จว่าจะกลับบ้าน แต่สองขาของผมก็พาเดินเข้ามาในร้านเสื้อสูทจนได้ อยู่ในนั้น 1 ชั่วโมง ตอนกลับผมได้เสื้อสูทมาอีกสองตัวเพื่อให้เคนสวมใส่เวลาออกงาน เขาจะได้ไม่ดูมอซอจนเกินไป ได้สูทแล้วผมก็ซื้อกางเกงให้เขาต่อ ขนาดรูปร่างของเคนอยู่ในสมองผม แค่มองไปยังราวที่แขวนเสื้อผ้า ผมก็กะเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับตัวเขาได้แล้ว
.
แผนกเครื่องกีฬา เป็นจุดมุ่งหมายต่อไปที่ผมเดินเลือกซื้อหาข้าวของให้กับเคน ผมตกลงใจที่จะซื้อจักรยานให้เขาคันหนึ่ง เพื่อใช้สำหรับขี่เวลาไปและกลับจากที่ทำงาน
เคนสามารถปั่นไปจอดไว้ตรงหน้าปากซอย ซึ่งทางเขตมาทำที่จอดรถไว้ให้ตรงทางเดินเท้า เวลากลับบ้านดึกๆ เคนจะได้มีรถกลับบ้านไม่ต้องพึ่งบริการรถแท็กซี่ให้เปลืองเงิน ที่จริงอยากซื้อรถให้เขาขับ แต่เคนก็ดันเป็นคนคิดมากเสียอีก จะลดลงเหลือแค่มอเตอร์ไซด์ เคนก็คงไม่ยอมอยู่ดี อีกอย่างก็อันตรายด้วย จักรยานจึงเหมาะสมที่สุด
กว่าผมจะออกจากห้าง ข้าวของฝากเคนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมด คนขับรถของผมถูกเรียกให้มาช่วยกันขนของขึ้นรถ จักรยานถูกผูกติดไว้อย่างแน่นหนาตรงท้ายรถ เพราะเอาเข้ามาใส่ไว้ข้างในไม่ได้ มันดูตลกมากมาย ที่รถเก๋งคันใหญ่หรูหรา มีจักรยานแบบแม่บ้านห้อยท้าย
ผมร่าเริงลัลลาด้วยความสุขใจ ทว่าหลังจากไขกุญแจที่ผมขโมยของเขาเอาไปปั๊มเข้าห้องได้เรียบร้อย และหยิบข้าวของขึ้นมาดูอีกครั้ง ผมก็สำนึกได้ว่าตัวเองทำความผิดมหันต์ ที่ไม่แจ้งให้เคนทราบล่วงหน้า แล้วยิ่งเห็นชุดรับประทานอาหารที่ตามมาส่งในภายหลัง ผมก็ได้สติ และเริ่มกลุ้มขึ้นมาทันที
เมื่อเช้านี้ เคนเดินไปหาผมเพื่อจะอาละวาด เขาคงไม่พอใจมากที่ผมทำแบบนี้กับเขา เพื่อให้เคนสบายใจ ผมก็รับปากว่าจะปรึกษาเขาก่อนที่จะซื้ออะไรไป แต่ผมก็มาบิดพลิ้วสัญญาเสียเอง เคนกลับมาก็คงจะทะเลาะกับผมใหญ่ ผมจะทำยังไงดีละเนี่ย ความปรารถนาดีที่มีต่อเคนกำลังจะทำให้ผมต้องเผชิญกับความไม่พอใจของเขา และไม่รู้ว่าคราวนี้พายุจะลูกใหญ่ขนาดไหน
ผมไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ เคนยิ่งคิดมากอยู่ด้วย ชอบคิดว่าผมเอาของเหล่านี้มาล่อเพื่อให้เขายอมเป็นของผม ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย ผมรู้ว่าเคนมีความหยิ่งพอตัว ถึงเขาจะจน แต่เงินก็ซื้อเขาไม่ได้
ผมจึงพยายามใช้ใจเพื่อซื้อใจของเขา ทุกอย่างกำลังจะไปด้วยดีอยู่แล้ว เคนเริ่มอ่อนลงให้กับผมในเวลาที่เราอยู่ด้วยกันที่บ้าน ยอมตามใจให้ผมล่วงเกินเขาได้ แต่ผมก็กลัวว่าหากเมื่อไหร่ที่เคนนึกโกรธขึ้นมา เขาอาจจะไม่ยอมให้ผมแตะต้องตัวเขาแม้แต่ปลายก้อย
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ในที่สุดผมก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเคนที่ทำงาน แต่ก็ติดต่อเคนไม่ได้เช่นเดิม ผมเหลือบดูนาฬิกา มันเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว เคนคงกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางกลับบ้าน อีกไม่นานก็คงถึง
เพราะหากเคนกลับเลยเวลา เขาจะไม่มีรถเข้าบ้าน จากปากซอยใหญ่ มายังห้องเช่า ห่างกันไกลมาก หากรถหมดต้องเหมาแท็กซี่กลับอย่างเดียว ซึ่งเคนก็ไม่มีเงินพอ แต่หลังจากที่เขายอมรับจักรยานที่ผมซื้อให้ ต่อไปเขาก็ไม่ต้องพบกับความยากลำบากในการไปและกลับอีกแล้ว
............................................
ระหว่างที่รอเคนกลับบ้าน ผมก็ทำอาหารให้เขาไปพลางพร้อมกับคิดหาหนทางจะทำให้เคนยกโทษให้ผม แต่มันก็มืดแปดด้านไปหมด อาหารเสร็จแล้ว แต่ผมยังไม่รู้จะคุยกับเขายังไงดี
ประตูห้องเช่าถูกไขจากด้านนอกในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เคนกลับมาแล้ว ทำงานมาเหนื่อยๆ แล้วมาเจอผมทำอะไรโดยพลการไม่เชื่อฟัง เขาคงจะโกรธจนไม่พูดกับผมแน่ ผมว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเคนจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับผม หมางเมิน เย็นชา หรืออาละวาดใส่ ถ้าเป็นอย่างหลังผมพอรับมือได้ แต่ถ้าเป็นอย่างแรกผมต้องขาดใจตายแน่
ผมไม่มีเวลาได้คิดนาน เพราะเคนเข้ามาในห้องแล้ว เขาถอดรองเท้าวางเก็บไว้มุมหนึ่งของห้อง เนื่องจากยังไม่มีชั้นวางรองเท้าเป็นกิจลักษณะ ผมแอบคิดที่จะซื้อตู้มาใส่รองเท้าให้เขาอีกแล้ว หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ หนนี้ยังไม่รู้ว่าจะรอดพ้นจากการถูกโกรธหรือเปล่า แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา ก็ผมรักเคน และผมอยากให้เขามีความสุขเวลาที่อยู่กับผม
เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาทีมันช่างเชื่องช้าเสียจริง ใจของผมร้อนรนอยากให้ทุกอย่างมันเคลียร์ให้จบ จะโกรธก็ไม่ว่าแต่ขออธิบายให้ฟังถึงความตั้งใจจริงของผมที่มีต่อเขา ดูเหมือนเคนจะยังไม่รู้ตัวว่าผมรอเขาอยู่
เขาไม่ได้เหลือบแลมาทางผมเลย จึงไม่ทันเห็นว่าผมยืนรองเขาอยู่ พอถอดรองเท้าเสร็จ เคนก็ยืนเอาหัวและลำตัวส่วนหนึ่งพิงผนังไว้ พลางหลับตาลง ดูท่าทางแล้วไม่น่าไว้ใจเลย ผมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ท่าทางของเคนเหนื่อยอ่อนมาก เหมือนคนไม่สบาย และก่อนที่จะตั้งตัวได้ทัน เคนก็ค่อยๆรูดลงมากองกับพื้น
“เคน ....เคนครับ ....เป็นอะไรน่ะ”
ความตกใจทำให้ผมรีบถลาไปหาเขา แต่เคนหมดสติไปแล้ว ผมจับตัวเคนเขย่า แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อสัมผัสความร้อนจากร่างกายสุดที่รักของผม ไข้หวัดคงเล่นงานเขาเสียแล้ว ผมช้อนร่างของเคนขึ้นมาอุ้มจากนั้นก็พาไปวางลงบนเตียง
คนขับรถของผมถูกตามให้ไปรับตัวหมอมาส่งที่บ้านเช่าของเคน ดึกขนาดนี้คงจะไม่มีหมอคนไหนสะดวกมาตรวจให้ นอกจากหมอที่ดูแลรักษาให้กับครอบครัวผม พวกเราจ้างหมอเพราะไม่ชอบที่จะไปนอนโรงพยาบาลกัน มีความรู้สึกว่านอนรักษาตัวอยู่กับบ้านสะดวกกว่า ยกเว้นแต่อาการหนัก จึงจะยอมไปให้หมอรักษาที่รพ.
หมอบอกว่าเคนป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ และมีอาการอ่อนเพลีย ควรจะพักผ่อนสักสองสามวันก็หาย ผมนึกโกรธตัวเองขึ้นมาอย่างจับใจ ที่เคนเป็นอย่างนี้ คงเพราะผมแน่ ผมใช้งานเขาอย่างหนัก บังคับให้ตื่นแต่เช้าเพื่อไปเรียนรู้งาน และกลับดึกๆเพื่อที่จะทำงานอย่างเต็มที่
ผมไม่ได้ให้เขาทำเพราะว่าตนเองเป็นเจ้านาย ต้องการเอาเปรียบลูกน้อง แต่มุมมองของผมคืออยากให้เคนเป็นงานไวไว ไม่อยากให้ใครดูถูกเขา จึงต้องเข้มงวดเอากับเคน หวังให้เขาสบายในวันข้างหน้า
สิ่งที่ผมทำ อาจจะดูโหดร้ายใจดำกับเคนไปเสียหน่อย จนเกินกว่าร่างกายเขาจะรับไหว ถึงผมไม่ได้ตั้งใจว่าจะให้ผลมันเป็นแบบนี้ แต่ผมก็หลีกเลี่ยงความารับผิดชอบไม่ได้ เคนป่วยเพราะทำงานหนักจนเหนื่อยล้า
ในฐานะหัวหน้าของเขาผมควรมีเมตตาให้เขาได้หยุดพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้แล้วค่อยกลับไปทำงานต่อ ส่วนหน้าที่ภรรยาของผมคือการต้องช่วยดูแลในยามป่วยไข้ เขาไม่เห็นใจผมตอนนี้ แล้วจะไปเห็นกันตอนไหนล่ะ ผมแอบคิดอย่างเจ้าเล่ห์
มันเป็นความโชคดีบนความโชคร้าย ในขณะที่ผมกำลังกังวลใจว่าเคนจะโกรธผม ที่เจ้ากี้เจ้าการกับของในห้องเช่าของเขา
แต่พระเจ้าก็ช่วยให้เคนมาป่วยเสียก่อน ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เห็นว่ามีสิ่งแปลกปลอมอะไรในห้องแห่งนี้ หากผมดูแลเขาอย่างดี เวลาเขาฟื้นคืนสติ หายไข้แล้ว เขาอาจจะเห็นใจผม และไม่ดุด่าว่ากล่าวผมก็ได้
หมอกลับไปแล้ว ก่อนกลับเขาฉีดยาให้เคนที่สะโพก ผมแอบเคืองหมอนิดๆที่ได้เห็นก้นของเคน
พยายามข่มใจว่านี่เป็นการรักษาของหมอ หากผมมัวแต่คิดมาก เคนของผมคงไม่หายป่วยกันพอดี พอลับตาหมอ ผมก็ขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วกอดเคนไว้แนบแน่น รู้สึกสงสารสุดที่รักของผมมาก
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะป่วยง่าย ดูท่าทางเป็นคนแข็งแรง อีกอย่างเป็นคนทางภาคอีสาน น่าจะทนทานสู้งานหนักนี่นา ไหงร่วงอย่างง่ายดายนักล่ะ
หรือว่าผมจะใช้งานเขาหนักจริงๆ แล้วเมื่อคืนวาน ผมยังฝืนไปมีอะไรกับเขาตั้งสองครั้ง มันอาจจะทำให้เขาพักผ่อนน้อย แล้วยังต้องไปเจองานหนัก เลยน็อคขึ้นมา
“ขอโทษนะครับ ที่ผมใช้คุณหนักมากไป คุณป่วยแบบนี้ ผมเองก็ทุกข์ใจ แต่ผมต้องฝืนใจดำ ใช้งานคุณมากมาย
ผมอยากให้คุณมีความก้าวหน้า ไม่ถูกใครดุว่า ตำหนิเอาว่าไร้ความสามารถ ทนอีกนิดนะคนดี อีกไม่นานหรอก คุณก็จะสามารถพิสูจน์ตัวเองให้ใครต่อใครเห็น ว่าคุณเก่งจริง”
ผมพูดคุยกับเขา ทั้งที่เคนยังสลบอยู่ ไม่อยากบอกตอนที่เขาฟื้นแล้ว เพราะกลัวว่าเขาจะเหลิง ได้ใจ และทำตัวเหลวไหลไม่ได้ความ แต่ผมก็รู้สึกอึดอัดใจ ถ้าไม่ได้พูดออกมา ยิ่งเห็นเคนป่วยแบบนี้ ผมก็เลยระบายสิ่งที่คิดออกไป
คนในอ้อมกอดของผมขยับตัวยุกยิก สักพัก เคนก็ลืมตาขึ้นมา เขามองผมด้วยสายตาว่างเปล่าในทีแรก เหมือนว่าเขากำลังงงอยู่ ว่าทำไมเขาถึงต้องมานอนในสภาพแบบนี้
ทั้งที่ความทรงจำล่าสุดคือเขากลับมาจากที่ทำงาน ผมเลยเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น พอฟังจบสุดที่รักของผมก็ยิ้มให้ และกล่าวขอบคุณยกใหญ่ที่ผมช่วยตามหมอมาดูอาการเขา
“หิวข้าวไหมครับ ผมทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลย”
“แล้วเคลวินล่ะครับ”
ไม่เลวเลย เรียกชื่อผมแทนคำว่าประธาน แถมน้ำเสียงนั่นก็เจือไปด้วยความห่วงใย ที่ถ้าไม่เห็นว่าป่วยอยู่นะ ผมจะปล้ำจูบเขาให้หายคิดถึงเลย
“ยังเลย รอเคนอยู่ เคนอยากทานเลยไหมครับ เดี๋ยวผมจะได้ยกมาให้ คุณป่วยอยู่ ทานตรงนี้ก็ได้ ไม่ต้องลุกไปหรอก”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ปวดหัว รู้สึกมึนๆนิดหน่อยแค่นั้น แต่ยังพอลุกไปทานข้าวไหว ทานตรงนี้ เดี๋ยวมันเลอะเตียง มดจะขึ้นเอา ไม่ต้องนอนกันพอดี”
โถ เป็นห่วงกลัวว่าจะนอนกันไม่ได้ เคนนี่น่ารักดีจริงๆ แต่ผมจำเป็นต้องโน้มน้าวใจให้เคนยอมกินที่นี่ ยังไม่อยากให้เขาเห็นชุดทานข้าวที่ตั้งแอบๆอยู่ตรงมุมครัว ม่านที่กั้นระหว่างส่วนที่เป็นที่นอนกับส่วนที่เป็นครัว พรางตาเอาไว้ได้อย่างดี
“ไม่เป็นไรครับ เราคงไม่ได้กินเลอะเทอะกันหรอก เดี๋ยวผมหยิบโต๊ะพับมากางแล้วเอาหนังสือพิมพ์ปูทับอีกทีก็เรียบร้อย ทานเสร็จ ก็รีบทำความสะอาด มดคงไม่ทันมาเยี่ยมห้องเราแน่ครับ เคนไม่ต้องกังวลหรอก นอนพักก่อนนะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
โดยไม่รอฟังคำทัดทานจากเขา ผมก็รีบเข้าไปในห้องครัว หยิบโต๊ะพับมากาง จากนั้นอาหารที่ทำไว้รอเคนก็ถูกลำเลียงมาตั้งบนโต๊ะ รวมถึงน้ำอุ่นสำหรับเคนด้วย
คนป่วยลุกจากเตียงมานั่งบนพื้น โดยที่ผมจัดให้เขานั่งหันหลังให้ครัว จะได้มองไม่เห็นขาโต๊ะที่โผล่พ้นชายผ้าม่านกั้นออกมา ผมตักข้าวให้เขา และช่วยตักกับใส่จาน เพื่อเบนความสนใจ
เคนตักข้าวไปสองสามคำแล้วก็วางช้อน ทำท่าว่ากินต่อไปไม่ได้ ผมรู้ดีว่ามันเป็นอาการของคนไข้ที่ปากจะขม ลิ้นขมไปหมด ทานอะไรก็ไม่อร่อย แต่ถ้าผมตามใจยอมให้เคนทานอย่างที่อยาก ร่างกายเขาก็คงไม่ไหว เพราะไม่มีอะไรตกถึงท้อง รายการบังคับกึ่งขอร้องกลายๆจึงเกิดขึ้น
“พยายามหน่อยนะครับ ฝืนใจทานสักนิดก็ยังดี ไม่งั้นจะเป็นหนัก ไปทำงานไม่ได้นะครับ”
“มันไม่อยากกินเลย มันผะอืดผะอมไม่อยากกินน่ะ”
เขาบอกผม ท่าทางเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ผมลังเลใจว่าจะดื้อดึงบังคับให้เขาทานดีหรือไม่ หรือว่าจะยอมตามใจปล่อยเขาไปนอนดี ทว่าผมไม่ต้องคิดนาม เพราะเขาเป็นฝ่ายตัดสินใจเอง
“อย่าทำหน้าตาแบบนั้นสิครับ ผมรู้ว่าคุณตั้งใจทำอาหารให้ผม และหากผมไม่ยอมทานมันก็จะเหลือทิ้ง เสียเวลาเปล่า เอางี้ ผมจะพยายามฝืนใจทานมันเท่าที่จะทำไหวนะครับ ถ้าไม่หมด ที่เหลือก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้นะ ซื้อมาแล้วนี่ ยังไงก็ทำให้มันเกิดประโยชน์ซะ พรุ่งนี้ค่อยเอาอุ่นกินต่อก็แล้วกัน ผมอาจจะค่อยยังชั่วมากแล้วก็ได้”
น้ำเสียงพูดแหบแห้ง แต่ทว่ามันดูอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก เขายอมฝืนกินข้าวเพื่อผม ซึ้งใจจริงๆเลย นี่แปลว่าเขาแคร์ความรู้สึกผมใช่ไหมเนี่ย
“ครับ งั้นผมจะทานเป็นเพื่อนคุณนะ”
อาหารค่ำมื้อนั้นผ่านไปอย่างมีความสุข ถึงแม้คนที่ทานอาหารด้วยกันกับผมจะเป็นคนป่วยก็ตาม แต่เขาก็ทำตัวน่ารัก พยายามที่จะรับประทานอาหารที่ผมทำให้ ผมตักกับใส่จานให้เขาเท่าไหร่
เขาก็ทานมันจนหมด พอเห็นผมเอาแต่นั่งจ้องไม่ทาน เขาก็ดุ ผมก็เลยต้องทานตาม ในที่สุดอาหารที่ทำไว้ก็หมดเกลี้ยง ผมหน้าบานยิ้มไม่ยอมหุบ หลังจากเอายาให้เคนทานแก้ไข้แล้ว ผมก็เก็บกวาดจานชามเอาไปล้าง
เสียงประตูห้องน้ำเปิด ตามมาด้วยเสียงโก่งคออาเจียน และเสียงกดน้ำ ทำให้ผมต้องละมือที่กำลังเช็ดถูจานชามให้แห้ง ผมตรงไปที่ห้องน้ำอย่างรีบร้อน ภาพที่เห็นคือ เคนนั่งพิงผนังห้องน้ำอย่างอ่อนแรง
อาหารที่ทานเมื่อสักครู่คงออกไปจนหมดพุงแล้ว เพราะผมเห็นน้ำในชักโครกหมุนคว้าง ผมปราดเข้าไปประคองเคนทันที คำแรกที่เขาพูดกับผมคือขอโทษ
..................................
“แย่เลย คุณอุตส่าห์ทำกับข้าวให้ผมทาน มันออกไปหมดแล้ว”
ผมมองหน้าเคน นึกอยากร้องไห้ขึ้นมาทันที ดูสิ เคนทำเพื่อผมทั้งที่ร่างกายเขาไม่ยอมรับ ไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย ที่กินเข้าไปแล้วอ้วกออกมา เขาไม่สบายหนัก ผมต่างหากที่เอาแต่ใจตัวเองให้เขากินจนหมด รู้สึกสงสารเขาอย่างบอกไม่ถูกร่างของเคนถูกผมรวบเข้ามากอด ผมละล่ำละลักขอโทษขอโพยเขา
“ผมผิดเองครับ ที่พยายามยัดเยียดให้คุณทานเยอะแยะ คุณเลยอ้วกออกมา ผมน่าจะให้คุณกินแต่พอเหมาะ และพักผ่อนเยอะๆ คุณจะได้หายป่วย ผมนี่มันแย่จริงๆ”
“อย่าโทษตัวเองเลยครับ ผมเต็มใจที่จะทานมันจริงๆ แต่ผมอาจจะตะกละมากไปหน่อย เลยเป็นแบบนี้ ไม่เป็นไรนะครับ เอาไว้วันหลัง ตอนผมหายป่วยแล้ว ผมจะทานอาหารที่คุณทำให้จนหมดทุกมื้อเลยครับ”
เคนบอกผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แถมยังแสดงน้ำใจที่จะตอบแทนสิ่งที่ผมทำเพื่อเขาอีกด้วย มันทำให้ผมยิ่งปลื้มใจนัก ที่คนรักของผมห่วงความรู้สึกกันถึงเพียงนี้
“ขอบคุณครับ ผมดีใจนะ ที่ได้ยินคำนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองคิดถูก ที่ตัดสินใจเป็นภรรยาของคุณ เคนใจดีจริงๆ ไม่ถือโทษโกรธผมด้วย ต่อไปนี้ ผมจะระมัดระวัง ไม่เอาแต่ใจตัวเอง บังคับฝืนใจให้เคนทำอะไรอีกแล้วครับ”
ลั่นวาจาออกไปแบบนั้น เพราะผมตั้งใจแล้วว่าผมจะเลิกทำตามความต้องการของตนเองโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นเสียที ในงานผมอาจจะเผด็จการ เพราะความจำเป็นทำให้ผมต้องทำตัวแบบนั้น แต่เมื่อถึงบ้าน ผมควรจะเป็นภรรยาที่น่ารัก เชื่อฟังสามี จะทำตัวใหญ่กว่าเคนไม่ได้ ยิ่งสุดที่รักของผมดีกับผมเพียงใด ผมก็ควรดูแลเอาใจใส่เขามากเท่านั้น
“ไปนอนพักผ่อนดีกว่านะครับ จะได้หายไวๆ เดี๋ยวผมพาไปนะ”
ทันทีที่พูดจบ ผมก็ช้อนร่างของเคนขึ้นมาอุ้ม ถ้าเป็นยามปกติ เคนคงจะดิ้นหนี แต่นี่เขาป่วย อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เลยยอมให้ผมพาไปนอนบนเตียงโดยง่าย
ผ้าห่มผืนบางทอจากไหมพรมถูกนำมาคลุมร่างที่หนาวสั่นของเคน นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะเปลี่ยนแปลง ในเวลาแบบนี้เคนน่าจะมีผ้าห่มผืนหนามาช่วยขับไล่ความหนาวเหน็บ อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศแถวนี้คงจะเย็นยะเยือกเพราะอยู่แถบชานเมือง การทำให้ร่างกายตัวเองอบอุ่นอยู่เสมอ จะช่วยทำให้เคนของผมห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ สงสัยผมคงต้องขออนุญาตเคนเปลี่ยนผ้าห่มให้เสียแล้ว ........................................