พิมพ์หน้านี้ - My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: tae ที่ 06-01-2007 20:40:23

หัวข้อ: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 06-01-2007 20:40:23
My Wife Is A Big Boss

1.เคลวิน หรือ เคล หนุ่มรูปหล่อ หุ่นเพอร์เฟค รวยระดับมหาเศรษฐี การศึกษาระดับปริญญาโท เขาเป็นชาวอเมริกัน วัย 30 ปี ผู้มีความใฝ่ฝันแปลกประหลาดที่อยากจะเป็นเจ้าสาวของใครสักคน แต่งงานและมีชีวิตที่มีครอบครัวที่มีความสุข พ่อแม่ของเขาอยู่เมืองไทย เพราะมีกิจการขนาดใหญ่อยู่ที่นี่ การมารับตำแหน่งประธานของบริษัทแทนพ่อของเขาทำให้เขาได้เจอว่าที่เจ้าบ่าวของเขา คนที่เขาอยากใช้ชีวิตด้วยอย่างที่สุด แต่หนุ่มผู้โชคดี (หรือโชคร้าย) คนนั้น ไม่ทันได้รู้ตัว และเขาไม่ได้เป็นเกย์ แถมซ้ำยังเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวในบริษัทของเขาด้วย เรื่องยุ่งยากจึงเกิดขึ้น เมื่อประธานบริษัทคิดจะเคลมสวาทลูกน้องของตัวเอง

2.เคน หรือ บักเคน หนุ่มซื่อๆจากที่ราบสูง อายุ 22 ปี เรียนจบรามแล้วมาได้งานในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง แต่ทำงานเป็นแค่เด็กลูกจ้างชั่วคราว กินค่าจ้างรายวัน ยังไม่ได้รับการบรรจุ เนื่องจากหัวหน้าไม่พอใจในผลงานของเคน เด็กหนุ่มเรียนไม่ค่อยเก่ง ไม่ค่อยทันคน และดูซื่อๆ แต่จิตใจดี มีเมตตา นิสัยแบบคนบ้านนอกที่น้ำใจงาม เขาฝันว่าอยากจะทำงานให้ได้เงินสักก้อน แล้วก็จะกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาหมายตาไว้ที่บ้านนอก แต่ไม่นึกว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขา ทำให้เขาต้องกลายมาเป็นเจ้าบ่าว และเจ้าสาวของเขาไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็นผู้ชาย แถมเป็นเจ้านายจอมเฮียบอีกด้วย.
บทที่ 1 : ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ

“แม่ครับ ผมกลับบ้านมาแล้วนะ พาเจ้าสาวมาด้วย นี่ไงครับ หล่อไหม”

หล่อเหรอ ผมทวนคำในความฝัน เป็นเจ้าสาวแล้วทำไมถึงต้องหล่อด้วย มันควรจะสวยสิ มีอะไรผิดพลาดหรือไง ชักเอะใจเสียแล้ว ผมรีบพลิกร่างคนที่อยู่ข้างๆให้หันมาเผชิญหน้ากับผม และเมื่อมองเห็นชัดเจน ผมก็แหกปากร้องเสียงหลง

“เฮ้ย.......อะไรวะ”

ผมยกมือลูบหน้าตัวเอง แล้วหัวเราะ ฝันไปหรือนี่ ทำไมมันถึงได้เหมือนจริงจังเลย ที่สำคัญเจ้าสาวนั่นทำไมถึงได้เป็นผู้ชาย และมีหน้าตาเหมือนท่านประธานบริษัทของผมเหลือเกิน นี่ผมเก็บเรื่องของเขาเอามาคิด จนฝันร้ายหรือยังไงนะ แย่จังเลย ผมคงกลัวเขามากจนเกินไป เลยทำให้ผมเครียดจัด เก็บเอามาฝันเป็นตุเป็นตะ สงสัยต้องจูนเครื่องตัวเองใหม่เสียแล้ว

“ตื่นแล้วหรือครับ ไปอาบน้ำก่อนดีไหม แล้วค่อยมาทานข้าวกัน”

เสียงหนึ่งดังขึ้นภายในห้องเช่าซอมซ่อของผม เล่นเอาสะดุ้ง ผมเหลียวไปมองรอบตัวอย่างงงๆ ห้องเช่าแห่งนี้ มีผีด้วยเหรอ หรือว่าผนังมันบางมากจนกระทั่งได้ยินเสียงจากห้องข้างๆ แต่ผมมาอยู่เกือบจะครบหนึ่งเดือนแล้ว มันยังไม่เคยมีปรากฏการณ์แปลกประหลาดอะไรเลยนี่นา สงสัยผมยังไม่ตื่นดี

ผ้าม่านที่กั้นส่วนที่เป็นห้องนอนของผม กับส่วนที่เป็นห้องรับแขกและทานข้าวไหวพะเยิบพะยาบ จากนั้นร่างหนึ่งก็ก้าวออกมา ผมตกใจตาเหลือกเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ ผมสีทองอร่าม ยืนยิ้มอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนตรงหน้า มันเป็นชุดผ้ากันเปื้อนจริงๆ เพราะชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ใส่อะไรอีกเลย เขายิ้มตาหวานเยิ้มมาให้ผม จากนั้นก็เดินตรงมาหา ทรุดนั่งลงบนเตียงข้างๆ แล้วเอาศีรษะวางไว้ที่ไหล่ของผม ทำท่าอ้อนๆ ตลอดเวลาเล่านั้น ผมได้แต่ตกตะลึงอ้าปากค้าง

“ท่านประธานครับ เอ้อ ...นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ...ท่านมาอยู่ที่บ้านผมได้ยังไง แล้วทำไมถึงแต่งตัวในสภาพแบบนั้น แล้ว เอ้อ ผมล่วงเกินอะไรท่านไปหรือเปล่าครับ”

ผมระล่ำระลักถามถี่ยิบ พยายามจะขืนตัวออกช้าๆ รู้สึกแปลกๆที่เห็นประธานบริษัทผู้ได้ชื่อว่าเฮียบที่สุด มาทำท่าอ้อนผมแบบนี้ แถมซ้ำเขายังอยู่ในร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้ากันเปื้อนปกปิดร่างกายด้านหน้าเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ผมมองร่างของตัวเองโดยอัตโนมัติ ก็พบว่าตัวเองเปลือยเปล่า ไร้อาภรณ์ปกปิดเช่นเดียวกัน ผมใจหายวาบ ตกใจแทบเป็นลม พยายามนึกทบทวนอย่างรวดเร็ว ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมและเขาเมื่อคืนนี้
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 06-01-2007 20:43:08
“นี่ เคนจำอะไรไม่ได้เลยหรือครับ”

ท่านประธานถามผม น้ำเสียงเหมือนตัดพ้อ เขาช้อนตาคมหวานขึ้นมองผม พลางโอบแขนไปรอบเอว แล้วดึงตัวผมมากอดไว้แนบแน่น ผมรู้สึกขนลุกขนพองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พยายามแกะมือเขาออกจากตัว

“เอ้อ ท่านประธานครับ นี่ท่านเมาหรือเปล่า”

ถามด้วยความสงสัย คนที่กอดผมทำหน้างอนๆ ที่ไปกล่าวหาเขาแบบนั้น

“เมื่อคืนน่ะเมาบ้างนิดหน่อย แต่ตอนนี้มีแต่เมารักครับ”

“อ้า....ผมว่าท่านยังไม่สร่างนะครับ ว่าแต่ยังไม่ตอบผมเลย ว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วระหว่างเรา มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม”

ถามออกไปแล้ว ก็รู้สึกกลัวคำตอบ จากสภาพของผมและเขา มันชวนให้คิดไปถึงไหนๆ นี่ผมคงไม่ได้ ล่วงเกินเขาหรอกนะ

“เคนนี่ ไม่ไหวเลยจริงๆ สงสัยเมื่อคืนจะเมามาก เลยจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ งั้นผมจะบอกให้เคนนะครับ ว่าเมื่อคืนนี้ เราทำอะไรกันบ้าง”

“ครับ แต่ก่อนอื่น ท่านช่วยกรุณาปล่อยผมได้ไหม ผมอึดอัดนะครับ แล้วผมก็คิดว่าเราสองคนควรจะ เอ้อ ใส่ เสื้อผ้าที่เรียบร้อยกว่านี้”

ผมบอกเขาพร้อมกับพยายามเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอด แต่เขาก็รัดร่างผมแน่นขึ้นไปอีก

“เราก็นอนแบบนี้กันทั้งคืนนะครับ เคน แล้วเรา สองคนก็ทำอะไรกันมากกว่านี้อีก”

“อะ...ไอ้ที่ว่านี่มัน..หมายถึงอะไรนะครับ”

รู้สึกว่ามีความไม่ชอบมาพากลบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว ชักกลัวสิ่งที่เขาจะบอกผมเสียแล้วสิ ท่านประธานบริษัท เอามือข้างหนึ่งลูบไล้ไปทั่วหน้าอกเปลือยเปล่าของผม และเลื่อนมือต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึงท้องน้อย ผมขยับตัวอย่างอึดอัด เอามือคว้าแขนของเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะไปไกลมากกว่านี้ พลางสบตาสีฟ้าสวยคู่นั้น เขายิ้มให้ผม ใบหน้าของเขาดูสว่างไสว ชวนมองยิ่งนัก

“เมื่อคืนนี้เราทั้งสองกลายเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ เคนเป็นสามีของผม และผมก็เป็นภรรยาของเคนแล้ว”

“หา.....”

ผมอุทานอย่างตกใจ นี่ผมฟังผิดหรือเปล่า เขาบอกว่าเราสองคนเป็นสามีภรรยากัน เป็นไปได้อย่างไร ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก นี่มันเรื่องล้อเล่นกันหรือเปล่า ทำไมท่านประธานจึงอำผมแรงๆแบบนี้

เขากลั่นแกล้งผมใช่ไหม ถ้าอยากให้ผมออก ก็ไม่เห็นจะต้องแบล็คเมล์ผมแบบนี้นี่ ผมรู้ตัวว่าผมทำงานช้า ไม่ได้เรื่อง ผิดพลาดบ่อย จึงไม่ได้บรรจุสักที แต่ถ้าบริษัทนี้ไม่ต้องการผม ก็น่าจะไล่ผมออกไปเลยก็ได้ เขาเป็นประธานบริษัทมีสิทธิจะสั่งการอะไรก็ได้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องลงมือจัดการกับผมด้วยตัวเองเลย โดยเฉพาะวิธีการแบบนี้
ง่ะ ผมไม่เข้าใจ นี่มันอะไรหรือครับ ท่านประธานพูดอะไรอ่ะ ผมงง”

“ผมพูดว่า ผมจะมาอยู่กับคุณอย่างภรรยา และจะคอยปรนนิบัติรับใช้คุณไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยนะครับ”

“อ๊ากกกกกก”

นี่ผมคงเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมตบหัวตัวเองอย่างแรง จนตัวเองต้องสะดุ้งด้วยความเจ็บ นี่ผมไม่ได้ฝันไปแน่ๆ ประธานบริษัทรูปหล่อ แต่ดุดัน และแสนจะเจ้าระเบียบกำลังบอกกับผมว่า เขาจะมาอยู่กับผมที่นี่เพื่อคอยปรนนิบัติรับใช้ผม

ในฐานะที่เป็นเมียด้วย ถ้าผมไม่ได้เพี้ยนไปจากการเมาเหล้าเมื่อคืน ท่านประธานก็คงจะต้องมีของหนักๆหล่นใส่หัว หรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุถึงได้พูดในสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้แบบนี้

ผมเหลียวมองดูรอบๆห้อง พยายามมองหากล้องที่แอบซ่อนไว้ มันน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง คงมีการจัดฉากทำเรียลลิตี้โชว์ โดยให้ผมเป็นตัวแสดง หรือไม่ก็อย่างที่ผมคิดไว้แต่แรกคือท่านประธานจะแบล็คเมล์ผม เพื่อให้ผมออกจากงาน ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว ผมไม่ตลกแน่ๆ

“ท่านครับ พูดกันตามตรงนะครับ ว่าผมกลัวท่านจริงๆ ผมลาออกก็ได้ แต่อย่าใช้วิธีการนี้เพื่อขับไล่ผม เอาล่ะ วันนี้ผมจะไปยื่นใบลาออก ผมรู้ว่าที่ผ่านมาผมทำให้บริษัทเสียหายมากมาย และผมไม่สมควรจะอยู่ที่นั่น ถ้าผมทำแบบนี้ ท่านก็ควรจะเลิกล้อเล่นกับผมได้แล้วครับ ปล่อยผมได้แล้ว มันไม่น่าสนุกอะไรเลยนะครับ ผมขอร้องอย่าทำแบบนี้เลย”

แขนที่กอดผมคลายออกโดยอัตโนมัติ จากนั้นร่างของผมก็ถูกหมุนให้มายืนเผชิญหน้ากับท่านประธานหนุ่ม เขาใช้สองมือเกาะกุมไหล่ผมไว้แน่น ตาสีฟ้าที่หวานใส่ผมเมื่อครู่นี้ แปรเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองเหมือนคนที่ถูกขัดใจ หน้าของเขาบึ้งตึง คิ้วขมวดมุ่น เขาพูดด้วยน้ำเสียงเกือบจะเป็นตะคอกว่า

“ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ล้อเล่น และนี่ก็ไม่ใช่การแบล็คเมล์เพื่อให้คุณลาออกจากงาน ผมไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้น ผมชอบคุณจริงๆ และอยากจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย ในฐานะภรรยาของคุณคนหนึ่ง ผมรู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างกระทันหันเกินไป

คุณไม่ทันตั้งตัว อันนั้นผมขอโทษ แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพื่อผูกมัดคุณไว้ ผมไม่อยากเสียคุณให้กับใคร ได้ยินไหมครับ ถ้าหากคุณไม่รังเกียจ ผมก็อยากจะขอโอกาสในการที่จะแสดงให้คุณได้รู้ว่า

ผมสามารถทำหน้าที่ภรรยาได้ดีแค่ไหน นะครับ ขอร้องเถอะ ช่วยรับผมเป็นภรรยาด้วยเถิด ไหนๆเราก็มีอะไรกันแล้ว คุณจะมาทอดทิ้งผมได้ไง คุณเป็นลูกผู้ชาย คุณต้องรับผิดชอบในตัวผมนะครับ”
หน้าตาบึ้งตึงนั่น เปลี่ยนมาเป็นเว้าวอนอีกแล้ว ท้ายประโยคเขาทำเสียงออดอ้อนอ่อนหวาน จนผมเริ่มงง ปรับอารมณ์ตัวเองไม่ถูก รู้สึกเหมือนถูกคนเอาหินหลายๆก้อนมาโยนใส่หัวผมไม่ยั้งจนมึนงงไปหมด

ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ หรือว่านี่เป็นฝันซ้อนฝัน ผมยังไม่ตื่น ให้ตายเถอะ ขอให้มันเป็นเพียงความฝัน ถึงแม้จะเป็นฝันร้ายก็ตาม แต่มันก็ยังดีที่พอตื่นขึ้นมา ฝันร้ายก็จะได้หายไป ผมจะได้กลับมามีชีวิตแบบเดิม

ผมกลัวสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่นี้ ทำไมมันต้องมาเกิดกับผมด้วยนะ แล้วเมื่อคืนนี้ทำไมผมไปทำอะไรบ้างไม่รู้ ทำไมผมถึงคิดไม่ออก เขาว่าผมต้องรับผิดชอบในตัวเขา เพราะเราเป็นของกันและกันแล้ว

นี่ผมเมาจนถึงขั้นลงมือข่มขืนเขาหรือไงเนี่ย ไม่นะ ผมไม่ได้ทำแน่นอนเลย ผมเชื่อมั่นในตัวเองแบบนั้น เพราะผมไม่ได้รู้สึกว่าผมได้มีเพศสัมพันธ์กับใครเมื่อคืนเลย ถ้าผมทำจริง ต่อให้เมาแค่ไหน มันก็น่าจะจำได้สิ

“รับผิดชอบ เอ้อ เมื่อคืนนี้ ผมล่วงเกินท่านประธานงั้นเหรอครับ ผมไม่รู้ตัวเลย ถ้าผมทำแบบนั้นจริงๆ ผมก็ขอโทษนะ ครับ”

ถึงจะจำไม่ได้ แต่ผมก็ควรจะขอโทษไว้ก่อน หากผมได้ล่วงเกินเขาจริงๆ บางทีการยอมรับผิด อาจจะช่วยทำให้เรื่องมันคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

“เปล่าครับ เคนไม่ได้ล่วงเกินผมหรอก ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายล่วงเกินคุณ ผมต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายขอโทษ ผมได้ปล้นความเป็นชายของเคนไปแล้วครับ ผมเสียใจจริงๆนะครับ แต่ว่า ผมทำไปเพราะว่า ผมรักเคนจริงๆนะครับ”

“วะ ...ว่าไง...นะครับ...”

“คุณฟังไม่ผิดหรอก คุณน่ะ เป็นของผมแล้วนะครับ เมื่อคืนนี้”

โอ๊ยจะเป็นลม ใครก็ได้ช่วยมาปลุกผมตื่นจากความฝันร้ายนี่เสียที รู้สึกว่ามันจะเป็นความฝันที่ยาวนานมากเกินไปแล้วนะ ฝันบ้าบออะไรกันเนี่ย ผมถูกประธานบริษัทเรียกร้องให้รับผิดชอบในตัวเขา ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายล่วงเกินผม

เขาบอกว่าเขาต้องการเป็นภรรยาของผม แต่เขากลับเป็นฝ่ายทำให้ผมกลายเป็นของเขา ผมจะบ้าตายทำไมเรื่องมันถึงได้วุ่นวายบ้าบอคอแตกแบบนี้ ทำไมมันถึงต้องเกิดขึ้นกับผมด้วย ผมไม่เคยสร้างเวรสร้างกรรมกับใครที่ไหน ทำไมผมถึงได้โชคร้ายแบบนี้ล่ะ

ท่านประธานบริษัท ยิ้มหวานให้ผมอีกแล้ว เขารั้งร่างเปลือยของผมเข้ามากอด ผมเอามือยันตัวเขาไว้ พยายามขืนตัวออกห่างจากเขาเต็มที่ แต่ผมไม่อาจจะต้านทานพละกำลังของเขาได้ แค่รูปร่างสูงใหญ่ของเขาก็แทบจะบังตัวผมมิดแล้ว แถมยังเรี่ยวแรงเยอะอีกด้วย แค่เขาดึงแขนผมให้เข้ามาหา ผมก็เซไปตามแรงของเขาแล้ว
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 07-01-2007 10:00:36
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

น่าสงสารพระเอก  :try2:



ว่าแต่ มาต่อเร็วๆ นะคับ :haun5:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 07-01-2007 18:16:59
บทที่ 2 : ขอผมเป็นเจ้าสาวของคุณได้ไหม

5 ชั่วโมงที่แล้ว.......

หลังจากขับรถมาตามคำบอกของคนเมาที่คอพับคออ่อนอยู่ข้างๆ ในที่สุดผมก็เจอเข้ากับบ้านเช่าของเขาพอดี จากสภาพที่เห็น มันเป็นตึกที่สร้างด้วยอิฐฉาบปูนสองชั้น แบ่งเป็นห้องว่างให้เช่าทั้งหมดชั้นละ 5 ห้อง ค่อนข้างจะคับแคบ ข้างในสามารถวางได้เพียงแค่เตียงนอน และกั้นพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็น ห้องรับแขก และแบ่งส่วนทำอาหารไว้ใกล้ๆกับห้องน้ำ

ผมวางร่างที่อ่อนปวกเปียกเพราะความเมาของคนในอ้อมแขน ลงบนที่นอนเล็กแคบนั่น พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องของเคนเล็กเท่ารังหนู ไม่รู้ว่าเขาทนอยู่ไปได้อย่างไร นอกจากเตียง ตู้ และโซฟาเก่าๆตัวหนึ่งแล้ว เฟอร์นิเจอร์ที่จะตกแต่งห้องให้น่าอยู่ก็แทบไม่มี แต่อย่างว่าแหละ ห้องเล็กขนาดนี้จะขนอะไรใส่เข้าไปได้มากมาย เขาก็อยู่สมกับฐานะของเขาแล้ว ลูกจ้างชั่วคราวเงินเดือนไม่ถึงหลักหมื่นอย่างเขาจะไปเอาปัญญาที่ไหนอยู่บ้านดีๆ เห็นแล้วก็ให้รู้สึกสงสารยิ่งนัก อยากรับเขาไปอยู่บ้านเดียวกันกับผม แต่ก็กลัวเขาจะคิดมาก ท่าทางหมอนี่หยิ่งในศักดิ์ศรีเสียด้วยสิ

“เช็ดเนื้อเช็ดตัวก่อนนะครับ”

บอกคนเมาไปด้วยเสียงอ่อนโยน เขาพยักหน้าทำตาปรือๆมองผม แล้วยิ้มให้ ผมคิดว่าเขาคงพยายามจะขอบคุณ แต่เสียงที่ออกมาจากปากเขามันฟังไม่เป็นคำพูด สงสัยจะเมามากจริงๆ ผมนี่ก็ไม่น่าจะไปชวนเขาทานเลย คออ่อนจริงๆเลย นายเคนสุดที่รักของผม

ฮ่าฮ่าฮ่า ผมหัวเราะกับตัวเอง นี่ผมเรียกเขาว่านายเคนสุดที่รักเหรอ เร็วไปหรือเปล่าหนอ ไม่หรอกนะ ก็ผมรักเขาจริงๆนี่นา รักทันทีที่ได้เห็น ยิ่งได้รู้นิสัยใจคอของเขาผมยิ่งหลงรักเขาอย่างมากมาย ในสายตาคนอื่น เคนอาจจะดูเป็นคนที่ไม่เอาถ่าน ทำอะไรไม่เป็น แต่ผมไม่เห็นจะแคร์ ทำอะไรไม่เป็น ก็สามารถสอนได้ แต่เรื่องของจิตใจมันสอนลำบาก เคนของผมมีข้อดีตรงที่ มีจิตใจงดงาม อ่อนโยน เห็นอกเห็นใจคนรอบข้าง นิสัยแบบนี้สิผมชอบ เขาช่างน่ารักมากมาย ไม่เห็นแก่ตัว ทำอะไรเพื่อคนอื่นเสมอ ซึ่งหานิสัยแบบนี้ได้ยากสำหรับคนในเมืองหลวง ผมไม่ชอบคนเก่งแต่เห็นแก่ตัว คนอย่างเคน น่าจะสนับสนุนให้เขาได้ดิบได้ดี เพราะเขาคงทำให้หน่วยงานทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่แก่งแย่งแข่งขัน

ถึงแม้ว่าผมจะเข้ามาบริหารงานบริษัทนี้แทนพ่อของผมได้ไม่นาน แต่ผมก็พอจะรู้เรื่องราวภายในบริษัทเป็นอย่างดี คนที่นี่ ต่างชิงดีชิงเด่น เร่งทำผลงาน ทำเพื่อตัวเอง ใช้วิธีการทุกอย่างไต่เต้าไปสู่ความสำเร็จ แม้จะเหยียบย่ำ ฟาดฟันกันเองก็ยอมเพื่อให้ได้มาถึงตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงส่ง และเงินเดือนที่แพง ผมไม่เห็นด้วยที่จะให้พนักงานเป็นหุ่นยนต์ ทำงานอย่างไร้หัวใจ ผมต้องการคนทำงานที่เต็มใจทำงานให้ผมอย่างเต็มกำลังความสามารถ ทำงานเป็นทีมด้วยความรักและสามัคคีกัน ไม่ปัดแข้งปัดขา หรือเข่นฆ่ากันเอง ผมยินดีมอบตำแหน่งงานและเงินเดือนที่สูงให้ ถ้าพวกเขาพิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะทำเพื่อบริษัท ผมก็จะทำให้พวกเขาสมหวัง
“ท่านประธานครับ...ผมทำงานแย่จริงๆหรือครับ”

เสียงอ้อแอ้ของเคนดังขึ้น ผมนั่งมองหน้าเขา แล้วก็ยิ้มอย่างปลอบใจ เขาคงวิตกกับเรื่องนี้มาก ตั้งแต่ถูกหัวหน้าเรียกไปด่า เพราะทำงานผิดพลาด และลากผมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดูท่าทางเขากังวลเหลือเกินว่าจะถูกไล่ออก งานนี้คงสำคัญสำหรับเขามากจริงๆ

“เดี๋ยวเราค่อยจัดการกันไปดีกว่าครับ เคน ตอนนี้ คุณทำใจให้สบายเถอะนะ ผมเอาผ้าชุบน้ำมาแล้ว เดี๋ยวเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสียหน่อย คุณจะได้สร่างเมาไงครับ”

บอกเขาเสียงนุ่ม เคนพยักหน้าให้ผมเป็นเชิงอนุญาต ผมจึงลงมือแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขา และถอดเสื้อออกจากตัว ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควรเพราะเคนดูเหมือนไม่ค่อยมีสติสักเท่าไหร่ ทีแรกผมลังเลใจว่าจะถอดกางเกงเขาดีหรือไม่ กลัวว่าจะเป็นการล่วงละเมิดเขา แต่เมื่อคิดว่าถ้าหากทำความสะอาดร่างกายเขาจนหมด แล้วหาเสื้อผ้าที่ใส่สบายๆให้ เขาจะได้ไม่อึดอัด และนอนหลับโดยง่าย ผมเลยตัดสินใจเปลื้องเสื้อผ้าทุกชิ้นของเขาออกจนหมด

ไม่รู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจถูกหรือผิดของผมกันแน่ ที่ไปทำให้เขาเปลือยกายจนหมด ผมนั่งมองร่างที่ไร้อาภรณ์ปกปิดของคนตรงหน้าด้วยใจสั่นระรัว เคนเล่าให้ผมฟังเมื่อตอนเย็นนี้ ว่าเขาเป็นคนบ้านนอก บ้านของเขาอยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน เขาเป็นคนท้องถิ่นโดยกำเนิด ทว่ารูปร่างของเคนที่ปรากฏให้ผมเห็นอยู่ขณะนี้ มันไม่เหมือนรูปร่างของคนต่างจังหวัดที่ขาดอนามัยแต่อย่างใด

ถึงแม้ร่างกายของเคนจะผอมเพรียว แต่เขาก็มีกล้ามเล็กน้อย พอสวยงาม ไม่แคระแกรนแบบคนไม่มีจะกิน หรือกล้ามบึกอย่างชนชั้นผู้ใช้แรงงาน ผิวกายของเขาไม่ถึงกับขาว แต่เขาก็ไม่ใช่คนผิวคล้ำเกรียมแดด ผิวของเขาละเอียดนุ่มไม่หยาบเลยด้วยซ้ำ มันออกเป็นสีเหลืองๆเหมือนผิวของคนเอเชียทั่วไป ใบหน้าของเคน ไม่หล่อจัด แต่ก็ดูดีชวนมองทีเดียว

ตอนที่ผมเช็ดเนื้อตัวให้เขานั้น ผมรู้สึกหวั่นไหวเต็มไปด้วยเพลิงปราถนา เคนช่างน่ารักเหลือเกิน จนผมอดไม่ได้ ที่จะลูบไล้ร่างกายของเขา รู้ดีว่ามันไม่ถูกต้องที่ทำกับคนเมามายไม่ได้สติแบบนั้น ผมไม่ต้องการลักหลับเขา อยากมีอะไรด้วยกันตอนที่เขาอยู่ในภาวะปกติมากกว่า ผมพยายามหักห้ามใจสุดฤทธิ์ที่จะไม่มองยอดอกสีน้ำตาลอ่อนๆที่ชูชันเมื่อสัมผัสกับความเย็น มันชวนให้ลิ้มรสเหลือเกิน คงจะหวานหอมน่าดู ตอนที่มือเลื่อนมาตรงหน้าท้องแบนราบ พยายามจะเบือนหน้าหนีไม่มองไปที่น้องชายตัวน้อยของเขา ด้วยกลัวว่าตัวเองจะเก็บอาการหื่นกระหายไม่อยู่ แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาช่างมีแรงดึงดูดให้หันไปมองเสียเหลือเกิน ในที่สุดผมก็ทนฝืนตัวเองไม่ได้ ในการที่จะไม่ชื่นชมร่างกายของเขา แล้วผมก็รู้ว่ามันช่างเป็นเรื่องโง่เง่าสิ้นดี ร่างกายเปลือยเปล่าของเคนยั่วอารมณ์พิศวาสของผมให้ลุกโพลงขึ้นมาจนระงับไม่อยู่
_________________
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 08-01-2007 11:16:41
หึหึ ไม่อยากจะคิดว่าต่อไปจะเกิดไรขึ้น   :try2:


 :haun5: :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 08-01-2007 22:55:53

_________________
ตอนผมโน้มตัวลงไปกอดจูบเคนนั้น เขาปรือตาขึ้นมามอง เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังถูกผมลวนลามอยู่ เขาก็ปัดป้อง แต่ผมหน้ามืดตามัวเสียแล้ว อารมณ์ปรารถนาในตัวของเคนเข้าครอบงำจนผมไม่อาจยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ รู้ตัวว่าทำไม่ถูก แต่ผมก็ไม่ห้ามตัวเอง ผมกอดจูบเคนด้วยความคลั่งไคล้ในตัวของเขา น่าสงสารที่เคนสู้แรงผมไม่ได้เลย เขาตัวบางกว่าผมมาก และเรี่ยวแรงก็ไม่มี เพราะยังอยู่ในอาการมึนเมาอยู่ แต่เพื่อไม่ให้ดูเหมือนว่าผมกำลังข่มขืนเขา ผมจึงทำทุกอย่างเพื่อปลุกอารมณ์ของเคนให้คล้อยตามผมไปด้วย

น้องชายตัวน้อยของเคน ถูกผมคลึงเคล้นหยอกเย้าด้วยมือและปาก จากที่อ่อนปวกเปียก กลายเป็นรื่นเริงปึ๋งปั๋ง คนเมาครางอื้ออึง ขยับกายไปมา ยิ่งเห็นเขาทำท่ามีความสุข ผมก็ยิ่งได้ใจเร่งไม้เร่งมือเต็มที่ พอเห็นว่าอารมณ์ของเคนถูกปลุกถึงขีดสุด ผมก็ไม่รอช้า เปลื้องผ้าผ่อนของตัวเอง แล้วก้าวขึ้นทาบทับ

ดูเหมือนเคนทำท่างงน้อยๆ คงคิดว่าตัวเองคงอยู่ในความฝันแน่ๆ เพราะเขาไม่ได้ว่าอะไร แต่กลับพร่ำเกี่ยวกับเรื่องเจ้าสาว และการแต่งงาน และพูดถึงแม่ด้วย ท่าทางที่เหมือนคนละเมอของเคนดูน่ารักยิ่งนัก จนผมอดใจไม่อยู่ ต้องรั้งศีรษะเข้ามาใกล้ และมอบจูบที่ดูดดื่มให้กับเขา เนิ่นนานกว่าที่ผมจะยอมถอนริมฝีปากออก เคนตาปรือปากเจ่อ เพราะถูกจูบเมื่อสักครู่ และแล้วแขนของเคนก็ยกขึ้นโอบไปรอบคอของผม แล้วก็โน้มให้ลงมาหา เขาพึมพำกระซิบข้างหูเรียกผมด้วยสำเนียงอ่อนหวานว่า “เจ้าสาวของผม” แค่นี้ มันก็ทำให้ผมแทบจะลอยไม่ติดพื้นอยู่แล้ว ผมรีบตอบรับเขาไปทันทีว่า ยินดีอย่างยิ่งที่เขาให้เกียรติผม และผมจะเป็นเจ้าสาวของเขาให้ดีที่สุด

ไม่มีคำพูดอะไรระหว่างเราอีกแล้ว ผมแยกขาของเคนออก และใช้นิ้วเข้าไปเบิกทางไปสู่ถ้ำสวรรค์ เนื่องจากว่าถ้ำน้อยของเคนเป็นดินแดนลึกลับที่ยังไม่มีนักสำรวจคนใดได้พบพานมาก่อน มันจึงยังเล็กและแคบอยู่ หลังจากที่ผมจัดการระเบิดช่องทางเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการขนอุปกรณ์หนักเข้าไป ถ้ำของเคนก็พร้อมแล้วสำหรับนักผจญภัยอย่างผม
เจลหล่อลื่นถูกนำมาใช้ เพื่อความสะดวกสบายสำหรับการสำรวจ เคนยังไม่ชินกับหัวรถจักรที่กำลังเคลื่อนเข้าไปข้างในถ้ำเล็กนั่น ผมต้องทำให้เขามั่นใจว่า ครั้งแรกของเขาไม่ได้เลวร้ายเลยสักนิด ผมกลัวว่าหากผมหักหาญน้ำใจเคนมากไป ทำให้เขาไม่ประทับใจในครั้งแรก โอกาสที่ผมจะได้ใกล้ชิดกับเขาจะไม่มีมาอีก นี่ก็ยังไม่รู้เลยว่า เมื่อเคนตื่นขึ้นมา และรู้ว่าเขาได้เสียความบริสุทธิ์ให้กับผมไปแล้ว เขาจะว่าอย่างไรบ้าง จะโกรธจนไม่มองหน้าผมหรือเปล่านะ แต่ช่างเถอะ ไว้ค่อยคิดทีหลังแล้วกัน ตอนนี้ขอผมครอบครองเป็นเจ้าของเคนก่อน ไม่งั้นผมนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายคลั่งตาย หากไม่ได้รักกับเคน

ความแตกต่างทางด้านโครงสร้างร่างกาย ทำให้เคนของผมถึงกับสะดุ้งและผวาเฮือกเมื่อผมแทรกตัวเข้าไปในร่างของเขา แม้จะมีความลื่นของเจลเป็นตัวนำพา แต่เคนก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ดี ผมเห็นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ตาเบิกโพลง เหมือนคนที่สติกำลังจะกลับคืนมา ซึ่งผมไม่ยอมให้เคนเป็นผู้ขัดจังหวะกิจกรรมครั้งนี้ของผมหรอก ผมเดินหน้าแล้ว ไม่ถอยหลังเด็ดขาด คิดได้ดังนั้น ผมก็หยุดการเคลื่อนไหว และโน้มลงไปหาเขา และเริ่มต้นจูบเคนอีกครั้ง มือข้างหนึ่งสอดประคองที่ศีรษะ อีกข้างลูบไล้ไปตามร่างกายของเขาอย่างแผ่วเบา จนกระทั่งถึงท้องน้อย ผมยึดแก่นกายของเคนไว้อีกครา และปลุกเร้าปลอบขวัญ ทำให้มันร่าเริงขึ้นมาใหม่ เมื่อเห็นเขาคลายความเจ็บปวด ผมก็เริ่มต้นเคลื่อนไหวสะโพกตัวเองช้าๆ แต่เน้นๆ

หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 10-01-2007 21:49:27
เคนนิ่วหน้า ปากร้องครางไม่เป็นภาษา ผมคิดว่าเขายังคงเจ็บและมีความสุขไปพร้อมๆกัน ผมทำกับเขาอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน อยากให้เคนมีความสุขให้มากที่สุด อยากให้เขาติดใจในตัวผม อยากให้เขารับรู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน และอยากให้รู้ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งดีที่ผมจะมอบให้ ในฐานะเจ้าสาวของเขา

และแล้วช่วงวินาทีแห่งความหฤหรรษ์ก็บังเกิด เมื่อเคนบรรลุถึงความสุขสุดยอด ร่างของเขาเกร็งกระตุก แล้วก็ทะลักทลายความสุขออกมา โดยที่ผมเองก็ถึงสวรรค์ไปพร้อมกับเขาด้วย สายน้ำอุ่นในกายผมรินไหลสู่กายเขาทุกหยดหยาด เราสองคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ผมเป็นของเขาแล้วเขาก็เป็นของผม ทันทีที่ปลดปล่อยอารมณ์ออกจนหมด ผมก็กอดเขาไว้อย่างแนบแน่น

ตอนเย็นของเมื่อวานนี้……

“ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น รู้ไหมว่าบริษัทจะได้รับผลเสียหายยังไง หากว่าท่านประธานไปไม่ทันนัด”

เสียงเอะอะเอ็ดตะโรของผู้จัดการฝ่ายที่กำลังโมโหสุดขีด ทำให้ชายหนุ่มผิวขาว ท่าทางเป็นเด็กใหม่ ที่ยังไม่ค่อยเป็นงานอะไรกลัวจนตัวลีบ

“ผมขอโทษครับ ผมไม่ระมัดระวังเอง วันนี้ มีงานเข้ามาจนเยอะมาก ผมเลยสับสน”

เด็กใหม่คนนั้นพยายามอธิบาย

“คุณให้เขาทำอะไรบ้างน่ะ คุณชาตรี”

ชายหนุ่มต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีทอง ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวหนา หลังโต๊ะทำงานไม้โอ๊คสีเข้ม ถามผู้จัดการฝ่ายวัยกลางคน พลางปรายตามองมาทางคนที่ถูกต่อว่าต่อขานอย่างสนใจ
“ก็ให้ทำงานทั่วๆไปนะครับ ถ่ายเอกสาร รับโทรศัพท์ พิมพ์งาน ช่วยงานคนในฝ่าย แล้วแต่ว่าจะมีงานอะไรให้ทำ”

“แล้วเขาไม่มีงานอะไรที่รับผิดชอบเป็นชิ้นเป็นอันเหรอ”

ท่านประธานหน้าฝรั่ง ถามผู้แก่วัยกว่า อย่างสงสัย

“เรายังไม่ได้มอบหมายอะไรให้เขารับผิดชอบหลักๆน่ะครับ เพราะเขาเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว ที่เ ราจ้างมาช่วยงานพนักงานในฝ่ายนะครับ”

“แล้วเขาทำงานมากี่เดือนแล้ว”

“6 เดือนแล้วครับ”

ชาย สูงอายุตอบอย่างนอบน้อม

“นานแล้วนี่ แล้วไม่เห็นวี่แววว่าควรจะบรรจุให้เขาทำงานประจำเหรอ”

“ท่านประธานครับ นายคนนี้ ทำงานไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ เราก็เลยยังไม่ไว้ใจที่จะบรรจุให้เขาเป็นพนักงานประจำครับ แล้วพอเจอเหตุการณ์วันนี้เข้า ผมก็คิดว่าเราคิดถูกแล้วที่ไม่จ้างเขาในรูปแบบนั้น ทำงานผิดพลาดร้ายแรงแบบนี้ เวลาให้ออกจะได้ทำได้ง่ายครับ”
คำอธิบายของเขา ทำให้ชายหนุ่มที่ยืนเป็นจำเลยให้วิพากษ์วิจารณ์อยู่ หน้าซีดลงไปมากกว่าเดิม เขาสบตากับท่านประธานหนุ่ม อะไรบางอย่างในแววตาของเขาทำให้ผู้มีอำนาจสูงสุดในบริษัทเกิดความสงสาร

“ผมพอจะรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมเขาถึงทำงานพลาดขึ้นมา บางที งานที่มอบหมายให้เขาทำมันอาจจะมากมายเกินไปไม่เป็นชิ้นเป็นอัน มันอาจจะทำให้เขาสับสน เดี๋ยวคนโน้นใช้ เดี๋ยวคนนี้ใช้ ก็เลยทำให้เขาหลงๆลืมๆไปก็ได้ เอางี้ ในเมื่อคุณเองก็เห็นว่าเขาทำงานให้กับฝ่ายได้ไม่ดี แล้วคุณก็เห็นว่าควรจะให้เขาออกไป คุณไม่ต้องการเขาแล้ว ผมก็ขอตัวเขามาทำงานกับผมแล้วกัน”

สิ่งที่ได้ยินจากปากประธานหนุ่มทำให้ผู้จัดการอ้าปากหวอ ทำหน้ามึนงง ด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมประธานบริษัทจึงต้องไปช่วยเหลือคนที่ทำงานผิดพลาดด้วย

“ไม่ต้องสงสัยเลย ที่ผมรับเขามาอยู่กับผม เพราะต้องการให้โอกาสเขา ได้ทดลองทำงานเป็นชิ้นเป็นอันดูบ้าง อยู่ใกล้ๆผมเขาคงไม่กล้าทำอะไรผิดพลาด เขาคงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น หากทำอะไรไม่ได้เรื่องอีกคราวนี้ ผมจะได้จัดการเขาได้ทันที อีกอย่างเขาเป็นคนทำงานวันนี้พลาด เขาก็ต้องรับผิดชอบ ผมจะให้เขาชดใช้ให้กับบริษัท ผมตัดสินใจแบบนี้ คุณมีอะไรสงสัยหรือไม่”
เสียงของท่านประธานหนุ่มที่สั่งการออกมา ดูห้วนสั้น ทว่ามีอำนาจ กระทั่งผู้จัดการฝ่ายที่ได้ชื่อว่าดุ เข้มงวด ก็ยังเกรงกลัว นายชาตรี รีบรับคำ แล้วหันไปพูดกึ่งๆตวาดให้คนที่ยืนตัวลีบอยู่ กล่าวขอบคุณประธานบริษัทที่ไม่เอาเรื่องกับความผิดของตัวเอง

หลังจากนั้นอีก สองชั่วโมง

“ผมต้องขอขอบคุณท่านประธานมากครับ ที่ไม่ติดใจเอาความทั้งที่ผมทำความผิดพลาดอย่างไม่น่าจะให้อภัย แถมซ้ำท่านยังเอ็นดูผม ให้ผมมาร่วมงานด้วย แล้วนี่ ยังพาผมมาเลี้ยงข้าวเย็นอีก ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรดี คำขอบคุณก็ดูเหมือนว่ามันจะน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ ที่จะกล่าวกับท่านนะครับ ท่านประธานใจดีกับผมมากมายจริงๆ”

เคนกล่าวขอบคุณผมอย่างนอบน้อม เขานั่งตัวลีบอยู่ตรงหน้าผมท่าทางเกรงกลัว เขาพยายามจะกล่าวขอบคุณผม แต่คงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ซึ่งก็น่าเห็นใจอยู่หรอก นานๆพนักงานระดับล่างอย่างเขา จะได้มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเสียที เขาก็ต้องเกร็งและกังวลใจเป็นธรรมดา โดยเฉพาะเขาเพิ่งทำผิดพลาดมา แล้วผมยังให้โอกาสเขา แถมซ้ำ พอตกตอนเย็น ผมยังชวนเขาและผู้จัดการฝ่ายมาทานข้าวร่วมกันอีก เขาเลยหงอเข้าไปใหญ่ ผมเห็นท่าทางเครียดๆของเขาแล้ว ก็เลยอยากทำให้สบายใจ จึงพูดกับเขาด้วยเสียงเรียบๆว่า

“ไม่เป็นไรหรอก คนเรามันผิดพลาดกันได้ ว่าแต่คุณเถอะ มาทำงานกับผมแล้ว ก็อย่าทำให้มันเสียเรื่องอีก เดี๋ยวจะทำให้ผมเสียหน้า เพราะผมเป็นคนดึงคุณเข้ามาร่วมงาน เดี๋ยวใครต่อใครจะว่าเอาได้ ว่าผมไม่มีตา ผมให้โอกาสคุณครั้งนี้ คุณก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นประจักษ์ ว่าคุณทำได้จริงๆ เท่านี้ก็เป็นการตอบแทนผมแล้ว”

“ท่านประธานให้ความเอ็นดูเธอแล้วนะเคน อย่าทำให้ท่านผิดหวังล่ะ”

นายชาตรี กล่าวเสริมคำพูดของผม เคนผงกหัวมองผมอย่างกล้าๆกลัว ซึ่งผมก็เข้าใจดีถึงความรู้สึกของเขา และเริ่มที่จะรู้สึกเอ็นดูเคนมากขึ้น ผมเลยเริ่มรายการสัมภาษณ์เพื่อให้เคนคลายความตึงเครียด การพูดคุยอาจจะช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้น

“เรียนจบอะไรมาล่ะ ถึงได้มาทำงานที่นี่”

“เอ้อ มนุษยศาสตร์ อังกฤษครับ”

“งั้นก็พูดภาษาอังกฤษได้ดีนะสิ”

“ก็พอได้นะครับ แต่ว่าสำเนียงอาจจะไม่ดีนัก”

คนน่ารักของผม กล่าวอย่างถ่อมตัว ผมยิ้ม รู้สึกดีที่เขาพูดออกมาตรงๆไม่อ้อมค้อม ไม่อวดเก่ง ทำไมผมจะไม่รู้ว่าปัญหาของไทยคืออะไร เขาก็เหมือนกับคนทั่วไปที่ภาษาอังกฤษจะดีในเรื่องของแกรมม่า อ่านออกเขียนได้ แต่พูดไม่คล่อง

ผมเช็คประวัติของเคนที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแล้ว เขาได้คะแนนดีในเรื่องการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ รวมถึงการแปลด้วย ถึงแม้ว่าวิชาอื่นๆจะคะแนนไม่ดีก็ตาม แต่นั่นไม่มีความหมายอะไรสำหรับผม

การเรียนที่ใช้คะแนนทุกวิชามาวัดว่าใครเรียนเก่งไม่เก่ง มันดูไร้สาระสิ้นดี สำหรับผมแล้ว จะให้โอกาสกับคนที่ทำงานเก่ง มากกว่าเรียนเก่ง ผมไม่ชอบประเภทความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด เพราะพวกนั้นจะเป็นตัวถ่วงให้กับสถานที่ทำงาน

ผมตั้งเป็นนโยบายให้กับผู้จัดการทุกคนเลยว่า ให้พิจารณาเลื่อนตำแหน่งกับคนที่ปฏิบัติงานดี แต่ไม่ต้องไปเกรงใจพวกเก่งแต่ทฤษฎี หรือพวกชอบสร้างวิมานในอากาศ แต่ไม่ลงมือทำมัน

“ไม่เป็นไร ฝึกๆไปก็จะชินเอง ดีเลย ผมกำลังต้องการคนพูดภาษาอังกฤษได้อยู่ดี ถ้างั้นคุณมาทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาผมไหม”

“หา ..ท่านครับ ท่านจะให้เด็กคนนี้ไปเป็นผู้ช่วยเลขาท่านเลยเหรอ เขายังไม่เป็นงานอะไรเลยนะครับ ผมเกรงว่าเขาจะทำให้งานของท่านเสียหาย”
_________________
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 21-01-2007 21:13:24
บทที่ 3 ความใฝ่ฝันของท่านประธาน

แหม...ท่านผู้จัดการฝ่ายของผมพูดต่อหน้าเด็กนั่นโดยไม่เกรงใจเขาซะเลย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่พนักงาน แต่เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีอารมณ์ความรู้สึก ต้องสั่งสอนมารยาทของการเป็นผู้บริหารที่ดีเสียแล้ว ความในใจของหัวหน้าไม่จำเป็นต้องมาแพร่งพรายให้ลูกน้องรู้ เดี๋ยวลูกน้องจะเสียใจ และมีผลต่อความเคารพนับถือในตัวของเรา ผมเองก็เป็นคนที่ขี้หงุดหงิด โมโหง่ายเห็นใครทำอะไรไม่ถูกใจ ผมก็ไม่รีรอที่จะต่อว่า และจัดการทันที เพื่อไม่ให้งานมันเสียหายมากขึ้น แต่ถ้าเป็นเรื่องความรู้สึกที่มีต่อลูกน้อง ผมจะพยายามระมัดระวังไม่พูดมันออกมา จะด่าก็เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น

“ของอย่างนี้ค่อยๆเรียนรู้ไปก็ได้ ที่จริงเลขาของผมน่ะ งานเยอะมาก เพราะต้องรับเรื่องทุกอย่างในบริษัทตามที่พวกคุณส่งกันมา ก่อนที่จะส่งให้ผม ถ้าหากมีคนช่วยงานก็จะแบ่งเบาภาระเขาได้ อีกอย่างเขาก็เป็นผู้หญิงด้วย การติดสอยห้อยตามผมไปในบางสถานที่ มันก็ไม่เหมาะกับตัวเขา แถมบางทียังต้องไปงานที่ต้องกลับดึกๆดื่นๆ มันอันตรายต่อการที่ผู้หญิงจะกลับคนเดียว ถ้าเป็นผู้ชายยังไม่เป็นไร”

ผมอธิบายเหตุผลประกอบการตัดสินใจ ถึงอย่างไรผมก็เลือกที่จะให้เคนทำงานใกล้ชิดกับผมอยู่แล้ว แต่ผมจะไม่ให้ใครมาดูถูกเหยียดหยามเคนได้ ว่าเขาไม่มีความสามารถพอที่จะทำงานนี้ ผมนี่แหละที่จะเคี่ยวเข็ญให้เคนเป็นงานให้ได้ ลองดูกันสักตั้งว่านายเคนคนนี้ จะพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นความสามารถได้ไหม ถ้าหากเขาทำงานแย่จริงๆ ผมเห็นควรที่จะเก็บตัวเขาไว้ในบ้านอย่างเดียว

จะคุ้มไหมหนอ กับการลงทุนครั้งนี้ ผมคิดในใจ ผมต้องเอาศักดิ์ศรีของความเป็นประธานบริษัท ลงไปการันตีความสามารถของพนักงานไร้ชื่อ ซึ่งทำงานไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ตามที่ผู้จัดการฝ่ายคุณชาตรีรายงานมา แต่ผมเชื่อในสายตาตัวเองว่าเด็กคนนี้ฝึกได้ เขามีความมุ่งมั่น ขยันขันแข็งพอสมควร สังเกตได้จากการที่เขาทนทำงานรับใช้ทุกคนในฝ่ายมาได้นานถึง 6 เดือนโดยไม่ปริปากบ่น ทั้งๆที่เงินเดือนก็น้อยแสนน้อย สวัสดิการก็ไม่มี แถมยังถูกดุด่าว่ากล่าวด้วย เป็นคนอื่นก็ถอดใจเปิดหนีไปแล้ว

จะว่าเขาไม่มีที่ไปก็ไม่ได้ก็คงลำบาก เพราะเขาก็เพิ่งจะจบมาได้ไม่นาน และความสามารถด้านภาษาเท่าที่เห็นก็ดูใช้ได้อยู่ น่าจะได้งานดีๆกว่านี้ด้วยซ้ำ เป็นเพราะจังหวะและโอกาสที่ไม่ลงตัวกันมากกว่า ทำให้เขามาติดแหง่กอยู่ที่บริษัทแห่งนี้ ซึ่งก็นับว่าเป็นโอกาสดี ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสเจอตัวเขา ผมไม่รู้ว่าเขารองานอื่นอยู่หรือเปล่า บางทีเขาอาจจะเหมือนกับคนอื่นๆที่สมัครงานไว้หลายๆที่ แต่ผมไม่มีวันปล่อยให้เขาหลุดมือไปหรอก ผมเจอเขาแล้ว และเขาจะต้องอยู่กับผม ทั้งทำงานด้วยกัน แล้วก็อยู่ร่วมกันอย่างสามีภรรยา
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 21-01-2007 21:13:59
เมื่อหลายเดือนก่อน............

เจ้าสาวที่ยืนถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวใต้ซุ้มกุหลาบสีขาว ช่างเป็นภาพที่สวยสดงดงามเหลือเกิน จนผมอดใจไม่ไหว ต้องเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาที่สุขสันต์นี้

“ท่านประธานคะ เชิญถ่ายรูปร่วมกันค่ะ”

นนทรี หรือ นนนี่ เลขาสาวของผมกล่าวเชื้อเชิญให้ไปถ่ายรูปกับเขาและเจ้าบ่าวซึ่งก็เป็นพนักงานในบริษัทผมเหมือนกัน เขายืนฉีกยิ้มอยู่ ผมก้าวเข้าไปยืนตรงกลาง โดยมีเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวขนาบข้างซ้ายขวา ผมยืนให้ถ่ายรูปอยู่สักครู่ จากนั้นก็กล่าวอวยพรคนทั้งคู่ตามธรรมเนียมไทย ซึ่งคู่บ่าวสาวก็น้อมรับคำอวยพรนั่นด้วยรอยยิ้มสดใส พลางเชื้อเชิญผมเข้าไปในงาน แต่ผมขออยู่ข้างนอกก่อน ที่จริงผมยังไม่อยากเข้าไปนั่งข้างในเพื่อรอทานอาหารโต๊ะจีนสักเท่าไหร่ ใจอยากจะอยู่ข้างนอกเพื่อยืนดูเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวมากกว่า ผมชอบไปงานแต่งงาน ใครเชิญมา ไม่ว่าจะเป็นญาติ เพื่อน หรือลูกน้อง ผมไปหมดโดยไม่เกี่ยง และทุกคนก็เหมือนจะรู้ว่าผมชอบไป เวลาจัดงานทีไร ก็จะมาเชิญผม และจะย้ำนักย้ำหนาให้ไปให้ได้

ผมชอบบรรยากาศในงานแต่งงาน เพราะมันเป็นการที่คนสองคนซึ่งมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งการเลี้ยงดูอบรม และบางครั้งก็ความเชื่อ ความชอบ แต่เขาก็พยายามสร้างครอบครัวร่วมกัน ปรับตัวเข้าหากัน ผมเองก็ฝันถึงการมีครอบครัวที่อบอุ่น ผมอยากมีใครสักคนที่อยู่เคียงข้าง เขารักผม แล้วผมก็รักเขา เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอด

จำได้ว่าเมื่อตอนเด็กๆ ผมได้รับรู้เรื่องการแต่งงานเป็นครั้งแรกจากแม่ของผม น้องสาวของเธอ ซึ่งก็คือน้าผม กำลังจะแต่งงานกับหนุ่มไทยคนหนึ่ง ทั้งสองพบกับในที่ทำงาน พวกเขารักกันมาถึงสี่ปี กว่าจะตกลงปลงใจใช้ชีวิตด้วยกัน น้าสาวของผมมีความสุขมาก เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากผู้หญิงที่เอาแต่เที่ยวรักสนุกไปวันๆ กลายมาเป็นแม่บ้านแม่เรือน เธอหัดเข้าครัว ทำกับข้าว เรียนรู้วิธีการทำอาหารไทย เพื่อเอาใจว่าที่สามี น้าสาวของผมพูดภาษาไทยไม่ค่อยคล่อง เพราะเพิ่งย้ายมาทำงานในเมืองไทย แต่เธอก็ขวนขวายที่จะเรียนรู้เพื่อให้สามารถสื่อสารกับเขาให้ได้ ความรักที่เธอมีต่อเขาทำให้เธอกลายเป็นว่าที่เจ้าสาวที่ร่าเริงแจ่มใส และมีความสุขเสมอ

น้าผู้ชายว่าที่เจ้าบ่าวคนไทยของน้าผม เป็นผู้ชายไทย ที่มีจิตใจอ่อนโยน เขามีความสุภาพ ให้เกียรติผู้หญิง ครอบครัวเราชอบเขาทุกคน รวมทั้งผมด้วย ตอนนั้นผมอายุเพียงแค่ 7 ขวบ เพิ่งจะมีโอกาสได้ร่วมในงานแต่งงานครั้งแรก รู้สึกตื่นเต้นตามคนในบ้านไปด้วย ผมมีโอกาสได้คุยกับน้าผู้ชาย แล้วก็รู้ว่าเขาเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เขากังวลใจว่าครอบครัวฝรั่งของพวกเรา จะชอบคนไทยอย่างเขาไหม ผมเริ่มรู้สึกชอบเขาขึ้นมาทันที และตอนนั้นนั่นเองที่ผมอยากจะเป็นเจ้าสาวของเขาแทนน้าของผม
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 21-01-2007 21:14:49
วันแต่งงาน ผมมีโอกาสได้ถือช่อดอกไม้ ที่น้าสาวให้ช่วยถือเอาไว้ มันเป็นช่อดอกไม้ที่สวยมาก น้าบอกว่า จะเอาไว้โยนตอนออกจากโบสถ์ ผู้หญิงคนไหนรับได้ จะได้แต่งงานเป็นคนต่อไป พอถึงวันน้าจะเดินออกจากโบสถ์ ถามหาดอกไม้ แต่ไม่เจอ เพราะผมแอบเอาไปซ่อนเสียแล้ว คนที่จะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป จึงได้รับดอกไม้อีกช่อหนึ่ง ซึ่งสวยน้อยกว่าช่อที่ผมมีอยู่ โชคดีที่มันเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย ตอนสั่งดอกไม้ เลยได้มาสองช่อ จึงมีกู้หน้า แต่นับจากนั้นมา ผมก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ช่อดอกไม้ของเจ้าสาวอีกเลย แต่ผมไม่สนหรอก เพราะในครั้งต่อๆไป ผมเป็นฝ่ายแย่งกับพวกสาวๆเสียเอง

ช่อแรกที่ผมแย่งได้ มาจากงานแต่งงานของญาติของผมคนหนึ่ง ในเดือนถัดไป ตอนที่ผมแย่งมาได้ พวกสาวๆพากันร้องโวยวาย หาว่าผมเป็นเด็กผู้ชาย แต่ทำไมมาแย่งช่อดอกไม้ของคนที่จะเป็นเจ้าสาวต่อไปในอนาคต ในขณะที่ผู้ใหญ่ พากันเอ็นดูขบขันที่ผมทำเลียนแบบพวกเพื่อนเจ้าสาว พวกเขาคิดว่าผมเป็นเด็ก ไม่รู้เรื่องอะไร หารู้ไม่ว่าผมมุ่งมั่นเอาจริง พวกเขาคิดว่าพอผมโตขึ้น ผมคงคิดได้เอง แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ความรู้สึกอยากเป็นเจ้าสาวมันฝังรากหยั่งลึกลงไปในใจผมแล้ว ผมไม่สนการเป็นเจ้าบ่าว ผมว่าการเป็นเจ้าสาว เป็นเรื่องที่น่าสนใจดี คนเป็นเจ้าสาวมีความสุขทุกคน ที่สำคัญ ถ้าเราได้เจอเจ้าบ่าวดีๆ เขาก็จะดูแลเราตลอดไป แล้วผมก็เริ่มที่จะสนหนุ่มไทยแล้วด้วยสิ เพราะหนุ่มไทยใจดี น่ารัก และอบอุ่นทุกคน

ความคิดคำนึงของผมสะดุดหยุดลง เมื่อสายตาของผมปะทะเข้ากับร่างๆของผู้ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งอยู่บนพื้น และนวดเฟ้นขาของหญิงชราที่นั่งอยู่บนโซฟาในล๊อบบี้ ท่าทางของเธอดูไม่ค่อยสบายเหมือนคนที่กำลังได้รับบาดเจ็บ ท่าทางที่สุภาพของหนุ่มคนนั้น ทำให้ผมเกิดความสนใจ และอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้ที่เขาห่วงใยผู้เป็นแม่ของเขาขนาดนี้ ท่าทางคงจะรักแม่น่าดู
สักพักผมก็เห็นชายหนุ่มคนนั้นก็มีคนมาเรียกตัว เขามีท่าละล้าละลัง เหมือนห่วงใยหญิงชราที่ยังเจ็บอยู่ กระทั่งหญิงผู้นั้นโบกมือ บอกว่าไม่เป็นอะไร เขาถึงได้เดินตามคนที่มาเรียกไป ผมยืนมองอยู่สักพัก ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาตรงกันข้าม

“คุณป้าเป็นยังไงบ้างครับ ปวดขาหรือ”

“อื้ม ใช่ โรคคนแก่น่ะพ่อหนุ่ม เดินมากๆ ก็ปวดขา เมื่อกี้ก็ไปลื่นล้มอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องน้ำตรงโน้นแน่ะ ดีนะเนี่ยที่มีคนมาเห็น เลยช่วยเอาไว้ได้ ไม่งั้นแย่แน่”

“แล้วลูกคุณป้าไปไหนล่ะครับ”

“เขาไม่ได้มาด้วยหรอกค่ะ ป้ามาคนเดียว มางานแต่งงานหลานชายน่ะค่ะ ตรงห้องโน้นน่ะ”

หญิงชราชี้ไปยังงานแต่งงานที่จัดอยู่อีกห้องหนึ่งตรงข้ามกันกับห้องที่จัดงานเลี้ยงแต่งงานของเลขาผม

“อ้าว แล้วผู้ชายคนที่มาช่วยนวดให้คุณป้าล่ะครับ เป็นญาติกันเหรอ”

ผมถามอย่างสงสัย
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 23-01-2007 18:46:40
“เปล่าหรอกจ๊ะ พ่อหนุ่มใจดีคนนั้นเป็นคนเจอป้าตรงหน้าห้องน้ำ ก็พยุงมานั่งตรงนี้แหละ แล้วก็ช่วยนวดขาที่ปวดให้ป้าด้วย น่ารักมากๆเลย ช่วยคนแก่ อย่างป้า ทั้งที่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตัวเอง ช่างมีน้ำใจจริงๆ”

คำตอบที่ได้รับ ทำให้ผมอดรู้สึกตื้นตันไปด้วยไม่ได้ คนไทยเป็นคนที่อัธยาศัยใจคอดีจริงๆ มีน้ำใจกับผู้ที่กำลังเดือดร้อนเสมอ ผมหลงรักเมืองไทย กับคนไทยก็ตรงนี้เอง

“ท่านประธานครับ เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวกำลังจะขึ้นเวทีแล้วครับ ขอเชิญท่านประธานเข้างานได้แล้วครับ”

พนักงานคนหนึ่ง เดินตรงเข้ามาหาผม และกล่าวเชิญให้เข้างาน ผมหันไปกล่าวลาคุณป้า

“แต่งงานแล้วหรือยัง”

ผมถามพนักงานคนนั้น เขาทำหน้างงๆ แต่แล้วก็พยักหน้า ไม่รู้ว่าอะไรดลใจทำให้ผมถามเขาไปว่า เจ้าสาวเขาน่ารักไหม เขาพยักหน้า แล้วบอกว่าเธอน่ารักมาก เป็นเพื่อนพนักงานด้วยกัน เธอเป็นคนดี น่ารัก และเขาก็มีความสุขมากที่ได้เธอมาเป็นเจ้าสาว ผมยิ้มอย่างพึงพอใจกับคำตอบที่ได้ยิน แล้วก็ก้าวเข้าห้องจัดงานเลี้ยงนำหน้าเขาไป

“เจ้าสาวสวยมากจริงๆนะ”

เสียงชื่นชมเจ้าสาวค่อนข้างดังมาจากโต๊ะข้างๆ โต๊ะที่ผมนั่งเป็นโต๊ะวีไอพี แต่เยื้องไปด้านหลัง ก็เป็นโต๊ะของบรรดาแขกของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนๆพนักงานในบริษัทนั่นเอง ผมสะดุดตาเข้ากับคนชายหนุ่มหน้ากางคางเหลี่ยมคนหนึ่ง เขาไม่ใช่คนหล่อเหลาบาดตาอะไร แต่ก็ดูดีคมเข้มเร้าใจ ผมปิ๊งเขาทันทีที่เห็น นึกสงสัยว่าเขาเป็นใครกันหนอ เพื่อนของเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว แล้วเขาทำงานอยู่ในบริษัทของผมหรือเปล่า ถ้าเขาเป็นพนักงานของผม ก็ง่ายในการที่จะเจอตัวเขาในวันหลัง

จากการสำรวจคนที่นั่งอยู่ด้วย ซึ่งบางคนผมพอจะคุ้นตาอยู่บ้าง ก็รู้ได้ว่า คนที่อยู่ในโต๊ะทั้งหมด เป็นพนักงานในบริษัทของผม แต่คงไม่ใช่เพื่อนร่วมงานของเจ้าสาว เพราะผมไม่คุ้นตา น่าจะทำงานอยู่ในฝ่ายของเจ้าบ่าว หรือไม่ก็เป็นเพื่อนในแผนกข้างเคียงมากกว่า ไม่รู้ว่าผมจ้องเขาอยู่นานเท่าไหร่ แต่คงนานพอที่ชายหนุ่มคนนั้นจะรู้ตัว เขาหันมาเห็นผมกำลังมองเขาอยู่พอดี เขารีบหลบตาวูบ คงไม่กล้าสบตาประธานบริษัทอย่างผม แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ผมเห็นเขาถนัดตั้งแต่นั่งจ้องเขาแล้ว เขาก็คือคนเดียวกันกับหนุ่มผู้อารีที่ช่วยคุณป้าที่เจ็บขาคนนั้นนั่นเอง ผมยิ้มในใจอย่างมีความสุข หนุ่มที่ผมถูกชะตา เป็นคนที่มีจิตใจงดงามเหลือเกิน เขาช่างเป็นผู้ชายที่น่าสนใจเสียจริง

เมื่อวานนี้ ตอนเย็น ในร้านอาหาร…..

“แต่งงานหรือยัง”
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 23-01-2007 18:47:16
ผมตั้งคำถามเอากับเคน ซึ่งตอนนี้เริ่มจะมึนๆเล็กน้อย หลังจากดื่มเหล้าเข้าไป ที่จริงเขาไม่ได้อยากเมาต่อหน้าผม แต่ผมเห็นว่าเขายังเครียดไม่เลิกกับการถูกตำหนิในวันนี้ รวมถึงการที่ต้องมาทำงานร่วมกับผม เขากลัวว่าจะทำพลาดอีก ผมก็เลยหาทางให้เขาผ่อนคลาย เลยชวนเขาดื่มเหล้า โดยมีผู้จัดการฝ่ายร่วมด้วย โดยผมบอกกับเขาว่า ไม่ต้องคิดว่าผมเป็นผู้บริหารระดับสูง คิดว่าผมเป็นเพื่อนร่วมงาน แล้วนี้ก็คือการสังสรรค์กัน เขาจะได้ไม่ต้องกังวล มีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็พูดออกมาได้เลย ผมยินดีรับฟัง เขารับคำ แล้วก็ยอมดื่มกับพวกผม แต่ไม่คิดว่าเขาจะคออ่อนขนาดนี้ ดื่มได้แก้วเดียว ก็ชักตึงๆแล้ว แต่ดีตรงที่ เมาแล้วพูดมาก ผมเลยถือโอกาสสัมภาษณ์เรื่องส่วนตัวของเขาอย่างละเอียด โดยที่เขาก็ตอบผมตามประสาซื่อ โดยไม่ได้ปิดบังแม้แต่น้อย ผมเลยได้ใจล้วงลึกเขามากขึ้นถึงเรื่องส่วนตัว

“ยังเลยครับ ผมเพิ่งจะเรียนจบ แต่ก็มีคนที่หมายตาอยู่เหมือนกัน เป็นเพื่อนสมัยเด็กๆครับ อยู่ที่บ้านนอก ตั้งใจไว้ว่าเก็บเงินได้แล้ว จะไปขอครับ”

แย่จังเลย เขามีคนที่หมายตาไว้แล้ว และกำลังจะเก็บเงินไปขอ รู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้นเสียจริงที่จะได้เป็นเจ้าสาวเคนสุดที่รักของผม แต่ช่างเถอะ ผมต้องการตัวเขา และผมจะแย่งเอามาให้ได้ ต่อให้เป็นเพื่อนสมัยเรียน ที่กำลังจะแต่งงานกัน ผมก็ไม่สน ตอนนี้เขามาอยู่ในกำมือของผมแล้ว ผมไม่มีวันปล่อยลูกไก่ตัวนี้ไปหรอก

“สเปคคนที่ชอบเป็นอย่างไรหรือ”

หุหุหุ ผมหลุดคำถามคำนี้ออกไปจนได้ ก็อยากรู้นี่นา ว่าคนที่ผมชอบนั้น เขาชอบคนรักแบบไหน เผื่อว่า บางที ผมอาจจะมีลุ้นบ้าง เขายิ้มให้ผม เป็นยิ้มแรกที่เห็นแบบไม่มีอาการเกร็ง

“ผมชอบคนที่อ่อนหวาน เป็นแม่บ้านแม่เรือนครับ ทำกับข้าวเก่งๆ เข้าใจผม รักครอบครัว ไม่ชอบเที่ยวครับ ที่สำคัญต้องร่าเริงอารมณ์ดีด้วย”

กรี๊ดดดดดด ผมเกือบจะร้องออกมาแบบนั้น แต่กลัวจะเสียจริต ภาพลักษณ์ของประธานบริษัทจอมเฮี๊ยบไป ผมมีอะไรที่เหมือนกับสเปคของนายเคนสุดที่รักของผมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคนที่รักครอบครัว ทำกับข้าวเก่ง ตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยจะชอบเที่ยวไหน เลิกงานก็กลับบ้าน มันเบื่อเพราะสมัยวัยรุ่นผมเที่ยวมามากเพื่อหารักแท้ ตอนนี้ผมหยุดแล้ว และถ้าผมได้เป็นภรรยาของเขา ผมก็จะทำหน้าที่แม่บ้าน ไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลย

แล้วผมก็เชื่อว่าผมมีอารมณ์ดีร่าเริงเข้ากับเขาได้ด้วย ในงานผมอาจจะซีเรียส แต่เมื่อผมมีเวลาเป็นส่วนตัวแล้ว ผมก็เป็นคนสนุกสนานเฮฮาคนหนึ่ง ถ้าสเปคของเขาเป็นแบบนี้ ผมก็น่าจะเป็นภรรยาของเขาได้ ชักเริ่มจะมีหวังเสียแล้ว อย่างนี้สู้ตาย เป็นไงเป็นกัน

หลังจากที่กินไปดื่มไป พร้อมทั้งตอบคำถามชนิดล้วงควักจากผม เคนก็เมาคอพับคออ่อน นายชาตรีส่งสายตาสมเพชมาทางว่าที่สามีของผม ซึ่งมันทำให้ผมไม่พอใจมาก อยากควักลูกตาออกมาเดาะเล่นเหลือเกิน โทษฐานที่ทำมาเป็นดูถูกคนที่ต่อไปจะเป็นสามีประธานบริษัท แต่เอาเถอะเห็นแก่เขาเป็นคนทำงานดีคนหนึ่ง ผมจะไม่เอาความ แต่ถ้ามีอีกวันหลัง ผมเอาเรื่องแน่
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 23-01-2007 18:47:58
“แย่จริงเชียว รู้ว่าคออ่อน ยังกินเข้าไปตั้งเยอะ เมาต่อหน้าท่านประธานเสียด้วย ขายหน้าจัง แล้วนี่จะเมาหยำเป จนพรุ่งนี้มาทำงานทำการไม่ได้หรือเปล่านี่ ท่านประธานก็ไม่น่าจะไปใจดีกับเขาเลยนะครับ”

นายชาตรีอดไม่ได้ที่จะตำหนิ ผมรู้สึกโกรธขึ้นมา

“อย่าไปว่าเขาเลยคุณชาตรี คุณว่าเขาก็เหมือนกับว่าผมนั่นแหละ เพราะผมเป็นคนอนุญาตให้เขาดื่ม แล้วก็พาเขามาทานด้วยที่นี่ ผมจะบอกให้นะคุณชาตรี คนเราน่ะ มันต้องมีน้ำใจไมตรีต่อกัน ถึงเขาจะเป็นลูกจ้างของเรา แต่ตอนนี้ผมว่าเขากำลังขวัญเสีย ต่อเหตุการณ์เมื่อกลางวัน เขาคงกลัวว่าผมจะไล่เขาออกเพราะความผิดเรื่องนั้น ผมไม่อยากทำให้เขารู้สึกว่าบริษัทของเราโหดร้ายกับลูกจ้างนะคุณชาตรี”

ปรามไปนิดหน่อย หวังว่าคงจะพอเข้าใจ

“แต่ต่อไปเขาจะเหลิงนะครับ ไม่แน่นะ เขาอาจจะเอาไปคุยฟุ้งให้ใครต่อใครฟังก็ได้ ว่าได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับท่านประธาน แถมซ้ำ ยังกินเหล้าชนแก้วกันอีก ผมเป็นห่วงภาพพจน์ของท่านครับ”

ยังดื้ออีก แต่ผมก็พอจะเข้าใจความหวังดีของเขานะ นายชาตรีคงไม่อยากให้ใครเอาเรื่องที่ผมพาเคนมาทานข้าวไปพูดกันปากต่อปาก เดี๋ยวมันจะนำความเดือดร้อนมาสู่ผม แต่ถึงอย่างไร ผมก็ไม่กลัวหรอก เรื่องที่นายชาตรีต้องวิตก มันยังมาไม่ถึง หากเขารู้ว่าผมคิดอย่างไรกับเคน เขาอาจจะตกใจมากไปกว่านี้ก็ได้

“ขอบคุณที่เป็นห่วงผม บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ พวกพนักงานจะได้รู้สึกดีว่าผมยังห่วงใยพวกเขาอยู่ และผมไม่ใช่คนที่เข้าถึงตัวไม่ได้ น่าจะทำให้พวกเขาเกิดขวัญกำลังใจในการทำงานนะ”

ผมกล่าวสรุป ถึงแม้นายชาตรีจะไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ไม่กล้าเถียงผม

“เด็กนี่เมาแล้ว เราส่งเขาขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านไปเลยดีกว่าครับ”

ผู้จัดการฝ่ายเปลี่ยนเรื่องพูด โดยการเสนอความคิด แต่ผมตัดสินใจไว้แล้วว่าจะไปส่งเคน ดังนั้นผมจะไม่ให้ใครมาขัดขวางหรอก

“ไม่ต้องหรอก ผมไปส่งเขาเองก็ได้ เมาแบบนี้ เด๋วเกิดเจอแท็กซี่ไม่ดี อันตรายแน่ ผมเป็นคนชวนเขามา ผมต้องรับผิดชอบ คุณกลับไปเถอะ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องเขาหรอก พรุ่งนี้เขามาทำงานทันแน่”

จบคำพูดเพียงเท่านั้น แล้วก็ไม่พูดอีก ในเมื่อผมยืนยันแบบนี้ นายชาตรีก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากช่วยผมประคองร่างของเคนไปขึ้นรถของผม
_________________
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 28-01-2007 12:30:31
บทที่ 4 ท่านประธานจอมเฮี้ยบ

“อ๊ากกกก”

ผมร้องตะโกนก้อง เมื่อความทรงจำกลับคืนมาแล้ว เมื่อคืนนี้ ผมถูกท่านประธานพากลับมาที่บ้าน จากนั้นมันก็เหมือนกึ่งฝันกึ่งตื่น ผมคิดว่าผมกำลังอยู่กับเจ้าสาวของผม เรามีอะไรกัน แต่เจ้าสาวของผม กลับเป็นฝ่ายทำกับผมเสียเอง ผมคิดว่าผมฝัน ไม่ทันคิดว่า มันจะกลายเป็นเรื่องจริง โธ่นี่ผมเสียความบริสุทธิ์ให้กับท่านประธานแล้วหรือนี่

ความตกใจผสมกับความโกรธ ทำให้ผมสะบัดตัวจากการเกาะกุมของเขาอย่างรุนแรง แต่อ้อมแขนของเขาแข็งแรงมาก ดิ้นไม่หลุดเลย เขากลับกอดผมไว้แน่น แล้วก็พยายามพูดปลอบขวัญผมเพื่อให้ผมผ่อนคลายจากความเครียดที่รู้ว่าตัวเองได้เสียหนุ่มให้เขาแล้ว

โชคชะตาทำไมเล่นตลกกับผมอย่างนี้ เมื่อวานผมทำงานพลาด รับโทรศัพท์จากลูกค้าที่นัดให้คนของบริษัทไปนำเสนองาน ไว้หลายราย แต่ผมพลาดตรงที่ไม่ได้บอกให้ผู้ที่รับผิดชอบทราบ เนื่องจากงานมันประดังประเดเข้ามาเยอะมาก จนผมลืมไปเลย จนกระทั่งบ่าย ลูกค้าโทรมาเล่นงาน คุณชาตรี จังหวะเหมาะที่ท่านประธานยังไม่ได้เข้าบริษัท ท่านจึงไปพบลูกค้าเพื่อรับหน้าแทนไปก่อน ไม่งั้นโปรเจคในการทำธุรกิจร่วมกันระดับ 1000 ล้านคงสูญสลายไปในพริบตา

มันเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ผมสมควรโดนโกรธ และถูกไล่ออก แต่สิ่งที่ท่านประธานหยิบยื่นให้ คืองานใหม่ ที่ต้องไปทำงานใกล้ชิดเขา ผมนึกไม่ถึงเลยว่า ของแลกเปลี่ยนที่เขาต้องการ คือร่างกายของผม ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยงตัวเอง และนึกเกลียดเขาขึ้นมา นี่ผมกลายเป็นผู้ชายขายตัวไปแล้วหรือไร ถึงผมจะจน แต่ผมก็มีศักดิ์ศรี เรื่องแบบนี้ผมไม่ยอมให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นความมัวหมองของวงศ์ตระกูลผมหรอก

“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะครับ ท่านประธาน”

“ไม่นะ เคน คุณยังไม่เข้าใจ ผมไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆหรอก จนกว่าคุณจะฟังผม”

“ยังต้องมีอะไรอธิบายอีกละครับ ผมรู้แล้วว่าทำไมท่านถึงใจดีกับผมนัก ที่แท้ก็ต้องการทำแบบนี้กับผมนี่เอง เสียแรงที่ผมหลงชื่นชมท่าน คิดว่าท่านจะเมตตาผมอย่างแท้จริง ไม่นึกว่าท่านทำเพื่อหวังเพียงร่างกายของผมเท่านั้น ท่านใจร้ายมากจริงๆ ผมไม่น่าไปกินเหล้ากับท่านเลย ถ้าผมมีสติดีกว่านี้ ผมจะไม่ยอมปล่อยให้ท่านข่มขืนผมหรอก”

ผมต่อว่าเขาด้วยเสียงอันดัง นึกโมโหที่ตัวเองเชื่อใจคนง่ายๆ จนตกมาอยู่ในสถานการณ์แย่ๆแบบนี้ หน้าของท่านประธานเปลี่ยนเป็นเฉยชา แววตาดุดันขึ้นมาทันที ผมเห็นแล้วนึกกลัว แต่พยายามข่มความรู้สึกของตัวเอง ผมจะไม่ยอมหงอให้เขาอีกแล้ว

“สงบสติอารมณ์ก่อนได้ไหม แล้วฟังผมพูดก่อนสิ แล้วจะรู้ว่าผมทำแบบนี้ทำไม ถ้าคุณเอาแต่โวยวาย ไม่ฟังเหตุผล เราสองคนก็จะเข้าใจผิดแบบนี้กันไปตลอด ได้โปรดรับฟังหน่อย”
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 28-01-2007 12:31:41
น้ำเสียงนั่นดูมีอำนาจในการที่จะบีบบังคับให้ผมต้องหยุดโวยวาย และนิ่งฟังเขา ท่านประธานกอดกระชับผมไว้ในวงแขนแนบแน่น ราวกับกลัวว่าผมจะหนีหายไปไหน

“ที่ผมทำไปทั้งหมดนั้น เพราะว่าผมรักคุณ ผมอยากจะเป็นเจ้าสาวของคุณครับ”

“เจ้าสาว.....หึหึ ....ตลกล่ะ เราผู้ชายด้วยกัน จะอยู่กินกันอย่างไร ท่านประธานเป็นเจ้าสาวผมไม่ได้หรอก ผมมีคนที่ผมจะแต่งด้วยแล้ว”

“แต่คุณแต่งกับเขาไม่ได้หรอก คุณเป็นของผมแล้วนะ แล้วผมจะไม่มีวันให้คุณไปเป็นเจ้าบ่าวของใคร นอกจากผม ถ้าหากคุณยังดื้อที่จะแต่งงานด้วย ผมจะไปพูดกับผู้หญิงคนนั้น ตกลงกันไปเลย เขายังไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ แต่ผมเป็นเมียคุณแล้ว ผมคิดว่าเขาคงไม่ใจร้ายจนคิดจะทำลายหัวอกคนเป็นเมียอย่างผมหรอก”

ท่าทางคนพูดดูน่าหมั่นไส้เหลือเกิน มั่นใจตัวเองจริงนะ

“อะ...อะไร กัน เป็นเมียได้อย่างไร ก็ท่านประธานเป็นคนล่วงเกินผม ผมยังไม่ได้ทำอะไรท่านสักหน่อย”

“ก็ทำไมล่ะ ผมเป็นภรรยาแบบที่ชอบเป็นฝ่ายทำยังไงล่ะ ไม่เห็นจะแปลก เอาแบบนี้แหละ ผมเป็นเมีย คุณเป็นสามี ผมรักคุณผมถึงทำแบบนี้ นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้เคนรู้ เรื่องอื่นๆเอาไว้ค่อยพูดกันทีหลังได้ไหม ตอนนี้มันเจ็ดโมงแล้ว งานเข้าแปดโมงไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่อยากไปสายแล้วถูกเจ้านายเขม่นตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานใหม่ละก็ รีบไปอาบน้ำและทำงานได้แล้ว ผมก็ต้องกลับไปบ้านก่อน ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาสำรอง ต้องกลับไปเปลี่ยน เย็นนี้ค่อยคุยกันนะครับที่รัก”

เขาบอกอย่างรัวเร็ว จากนั้นก็ผละออกจากผม พลางตบก้นผมเบาๆแล้วรุนหลังผมให้เข้าห้องน้ำ ตลอดเวลาเหล่านั้น ผมได้แต่งง สับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพราะผมคิดช้า เลยทำให้ไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรง่ายๆ กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาก็ผลุนผลันออกจากห้องเช่าของผมไปแล้ว ทิ้งให้ผมตีอกชกหัวอยู่เพียงลำพัง ด้วยความแค้นใจที่ถูกหลอกฟัน

หลังจากรีบจนสุดชีวิต เพราะกลัวเข้างานสาย ผมก็ตะเกียกตะกายขึ้นรถสองแถว ไปต่อรถเมล์เพื่อไปทำงาน ถึงบริษัทสายไปห้านาที แต่กระนั้น เจ้านายเก่าของผม คุณชาตรี ก็มองอย่างไม่พอใจ เขาเรียกผมไปต่อว่าทันทีที่เห็นหน้า แล้วก็บ่นด่าเรื่องที่ผมมาสาย ผมไม่มีโอกาสได้โต้ตอบ เพราะแกเอาแต่ใส่ผมฉอดๆ แต่ก็ดีแล้วที่เป็นแบบนี้ เพราะต่อให้ผมอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม เขาก็คงไม่เชื่อ ศักดิ์ศรีของท่านประธานบริษัท กับ พนักงานชั่วคราวอย่างผม มันเทียบกันไม่ได้

พนักงานที่ถูกล่วงเกินทางเพศในที่ทำงาน เขาจะรู้สึกคับแค้นอึดอัดอย่างผมหรือเปล่าหนอ พูดไม่ออก บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ หรือผมจะแจ้งความดี เอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุด ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายให้หมดตัวไปเลย แต่เอ๊ะ แน่ใจหรือเปล่าว่าเขาข่มขืนผมอย่างเดียว ทำไมมันคลับคล้ายคลับคลาว่าผมก็ร่วมมือไปด้วย แต่ไม่นะ ไม่มีทางหรอก ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนี่นา ท่านประธานนั่นล่อลวงผม มันไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของผม และเขาจะทำกับผมได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 28-01-2007 12:32:40
“มัวแต่คิดอะไรอยู่ นี่ขนาดถูกดุขนาดนี้ ยังจะเหม่อลอยได้อีกเหรอ เธอเป็นคนประเภทไหนกันเนี่ย แล้วอย่างนี้จะไปทำงานกับท่านประธานได้อย่างไร เอาใจใส่สิ่งที่บอกหน่อยสิ”

เสียงตวาดดังลั่น เล่นเอาผมสะดุ้งสุดตัว ผมกล่าวขอโทษขอโพยหัวหน้าที่เผลอใจลอยไปหน่อย จากนั้นผมก็ยืนฟังคำด่าจากเขาอีกยาวเหยียด กว่าที่เขาจะปล่อยผมออกไปจากห้อง โดย ไม่วายสั่งว่าให้ผมรีบปฏิบัติงานที่คั่งค้างให้เสร็จก่อนเที่ยง แล้วตอนบ่ายค่อยย้ายขึ้นไปยังห้องชั้นบน เพื่อทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาของท่านประธาน

ผมเดินไหล่ห่อ ท่าทางหดหู่กลับมานั่งที่โต๊ะ ท่ามกลางสายตาที่มองมาและเสียงซุบซิบ ทุกคนคงรู้เรื่องที่ท่านประธานย้ายผมไปทำงานร่วมกับเขาแล้ว พวกที่กำลังนินทาผมอยู่คงสงสัยว่า คนที่ทำงานห่วยแตกอย่างผม ทำไมจึงได้รับความไว้วางใจให้มาทำงานกับท่านประธานของบริษัท ผมเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งทะนง ที่จริงผมแทบไม่มีศักดิ์ศรีอะไร เมื่อเทียบกับพนักงานพวกนี้ แต่ผมก็เป็นคนมีหัวจิตหัวใจเหมือนกัน ทำงานก็หวังก้าวหน้า แต่ผมยังไม่ทันพิสูจน์ตัวเองว่าทำได้หรือไม่ พวกเขาก็ประเมินผมว่าไร้ความสามารถเสียแล้ว บางทีการที่ท่านประธานให้โอกาสผม มันอาจจะทำให้ผมค้นพบตัวเองว่าผมถนัดในเรื่องอะไรก็ได้ การรับข้อเสนอของเขา น่าจะทำให้ผมก้าวหน้าในการงาน แม้ว่าเขาจะมีเจตนาอื่นแอบแฝงก็ตาม พอคิดมาถึงตรงนี้ ผมก็แอบเศร้าใจยิ่งนัก

ยังไม่ทันที่เก้าอี้จะอุ่นจากการนั่งของผม โทรศัพท์ที่โต๊ะก็ดังขึ้น แม่ผมเองโทรทางไกลมาหาจากบ้านนอก แกคงออกมาที่ตัวเมือง แล้วหาโอกาสโทรมาหาผม โชคดีที่ส่วนหนึ่งของงาน คือการรับโทรศัพท์ จากลูกค้า และการโทรติดต่อนัดหมาย รวมถึงการตามงาน ทำให้ผมได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ได้เครื่องหนึ่ง ผมจึงไม่ต้องรับโทรศัพท์ผ่านใคร แต่กระนั้นการที่แม่ของผมโทรมาหาด้วยเรื่องส่วนตัว ก็ทำให้ผมต้องรีบรับ แล้วก็เร่งให้แม่เข้าสู่เรื่องที่ต้องการจะพูดกับผม

“บักหำน้อย มันไม่สบายมาก นังแก้วต้องจ่ายค่าเทอมสิ้นเดือนนี้ ทางธกส.ทวงเงินที่เรากู้เขาไว้นานแล้ว แม่ไม่รู้จะพึ่งใคร เลยโทรมาหาลูกนี่แหละ”

นั่นไง ธุระของแม่ โทรมาทีไร ไม่พ้นเรื่องเงิน ทำไงได้ล่ะ ก็ผมดันเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวที่เรียนจบแล้วมีงานทำ นอกนั้นแต่ละคนยังเอาตัวไม่รอด พ่อแม่ไม่พึ่งผม ก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว ผมนึกถึงเงินในกระเป๋าตัวเอง ตอนนี้ ผมมีอยู่ประมาณ 5000 บาท ที่เหลือมาจากสิ้นเดือน ผมพยายามใช้จ่ายอย่างกระเบียดกระเสียร เพราะลำพังลูกจ้างรายวันอย่างผม เงินที่ได้บวกโอทีแล้ว บางเดือนยังไม่ถึงหมื่นเลย ผมต้องทนทำงานให้เขาจิกหัวใช้สารพัด เพื่อเอาเงินจุนเจือทางบ้าน และหวังว่าโอกาสที่ผมจะทำงานเข้าตาเจ้านายคงมาถึง แล้วเขาจะได้บรรจุผมเข้าทำงานประจำ ผมและครอบครัวจะได้ลืมตา อ้าปากอย่างมีความสุขกับเขาเสียที

แต่ความหวังช่างเลือนรางเหลือเกิน ผ่านไป หกเดือนผมยังคงเป็นได้แค่ลูกจ้างรายวันเท่านั้น จนท้อใจ ร่อนใบสมัครงานไว้หลายที่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อมา ผมเลยต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน จะออกก่อนก็ไม่ได้ เพราะทุกคนฝากความหวังไว้ที่ผม น้องสองคน คนหนึ่งกำลังเรียน อีกคนใจแตก หนีตามผู้ชายไป แล้วเอาลูกมาให้ยายเลี้ยง ซึ่งก็ไม่พ้นผมที่ต้องรับภาระ ผมเห็นใจพ่อแม่มาก ที่ต้องเหนื่อยยากเพราะเรา แล้วยังจะต้องมารับภาระเลี้ยงหลาน ทั้งที่ควรจะสบายได้แล้ว ผมเลยทิ้งท่านไปมีความสุขสบายตามลำพังไม่ได้ ตั้งใจไว้แล้วว่า ไม่ว่าลำบากแค่ไหนก็จะไม่ปริปากบ่น กัดฟันสู้เพื่อครอบครัวของผม เมื่อทุกคนสบายดีแล้ว ผมก็จะได้มีช่วงเวลาที่จะแสวงหาความสุขใส่ตัวเสียที นี่จึงเป็นเหตุให้ผมชะลอความคิดที่จะแต่งงานกับคนที่หมายปองไว้ก่อน ผมไม่อยากดึงเธอมาลำบาก ไม่คิดเลยว่าในจังหวะที่ผมทำงานหาเงิน และรอเวลาที่จะไปสู่ขอเธอมาเป็นภรรยา ผมกลับได้เจ้าสาวมาโดยไม่ตั้งใจ แถมซ้ำเขายังมีอำนาจเหนือผมในหน้าที่การงานอีกด้วย
_________________
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 03-02-2007 13:43:48
“เดี๋ยวจะส่งไปให้สิ้นเดือนนะแม่”

ตอบไปเป็นภาษาไทย ไม่กล้าคุยภาษาท้องถิ่น แอบอายนิดหน่อย เพราะคนที่นี่ไฮโซกันเหลือเกิน แค่นี้พวกเขาก็ดูถูกผมจะแย่อยู่แล้ว มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า สงสัยผมคงแต่งตัวมอซอไม่สมเกียรติกับสถานที่ทำงานสุดหรูนี่กระมัง

ป้าตู่ แม่บ้านที่ดูแลทำความสะอาด ผู้ซึ่งมีความเมตตาต่อผม เคยแบ่งข้าวน้ำให้ผมทานบ่อยๆ เคยพูดกับผมว่า ผมเป็นคนหน้าตาดี ถึงแม้จะไม่หล่อเหลา หน้าตาทันสมัยเหมือนคนกรุง แต่ผมก็มีความหล่อเหมือนสุภาพบุรุษลูกทุ่ง เป็นหน้าตาคนไทยแท้แต่โบราณ ซึ่งหาได้ยาก เดี๋ยวนี้มีแต่หน้าตี๋ หน้าลูกครึ่งกันไปหมด แกชอบหน้าตาไทยๆแบบผม มันชวนให้นึกถึงพระเอกหนังไทยสมัยเก่า ผมเคยหัวเราะให้กับคำชมของแกแม้ว่าผมจะนึกหน้าพระเอกเหล่านั้นไม่ออกก็ตาม แต่เอาล่ะ ชมว่าผมหล่อก็ดีใจแย่แล้ว ป้าตู่ยังบอกอีกด้วยว่า ถ้าผมแต่งตัวดูดีกว่านี้สักหน่อย สาวๆคงจีบผมมากมายแน่ เพราะผมเป็นคนจิตใจดี และอ่อนโยน เป็นคุณสมบัติชายในฝันทั้งหลาย ผมก็แซวแกกลับว่า คงจะมีแต่สาวรุ่นแกเท่านั้นที่สนผม เพราะผู้หญิงสมัยนี้ เขาสนคนมีฐานะร่ำรวย และหน้าที่การงานดี หน้าตาและจิตใจเป็นแค่องค์ประกอบอย่างหนึ่ง แต่มันช่วยให้กินอิ่มไม่ได้ ป้าตู่ปลอบใจผมว่า สักวันหนึ่งคงมีคนดีๆมารักผม คนที่สามารถมองเห็นไปถึงเห็นหัวใจทองคำของผม และผมจะมีความสุขในอนาคต ผมยกมือท่วมหัวขอให้มันเป็นจริง

ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ ผมต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงดังขึ้นตรงหน้าโต๊ะที่ผมนั่งทำงานอยู่

“ทำไมยังไม่ย้ายขึ้นไปทำงานอีก จะขัดคำสั่งหรือไง”

เสียงของคนตรงหน้าช่างมีอำนาจเหลือเกิน จนผมเริ่มรู้สึกกลัวเขาขึ้นมาอีก หน้าตาตอนนี้ของท่านประธานดูดุดัน ต่างจากเมื่อเช้าที่อยู่ด้วยกันอย่างสิ้นเชิง

“เอ้อ ท่านผู้จัดการให้เคลียร์งานตรงนี้ให้เสร็จก่อน แล้วขนของขึ้นไปน่ะครับ”

ผมตอบเขาไปหลังจากหายตกใจแล้ว

“ไม่ต้อง ให้เขาจัดการกันเอง ผมหาคนใหม่ให้เขาเรียบร้อยแล้ว คุณขนของขึ้นไปชั้นบนได้เลย ไปหาเลขาของผม คุณนนทรีน่ะ คุณคงรู้จักดี เพราะคุณเคยไปงานแต่งงานเขามาแล้วนี่ นนนี่เขาเตรียมทุกอย่างไว้ให้คุณพร้อมแล้ว เอาของไปเก็บเสร็จก็ขึ้นไปหาผมที่ชั้นเพ้นท์เฮ้าส์นะ ผมจะรอคุณอยู่ที่นั่น”
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 03-02-2007 13:56:15
สั่งเสร็จ ท่านประธานก็เดินเข้าห้องผู้จัดการฝ่าย คุณชาตรีไป ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก รีบเก็บข้าวของบนโต๊ะวางไว้ให้เข้าที่เข้าทาง คนมาใหม่จะได้ไม่ต้องหาให้วุ่นวาย ตอนที่ถือกล่องกระดาษหอบสมบัติของตัวเองเตรียมจะขึ้นไปยังส่วนงานของท่านประธาน ผมเห็นเพื่อนร่วมงานในฝ่ายต่างสุมหัวกับซุบซิบนินทาผม มันทำให้เลือดในกายผมฉีดพล่าน รู้สึกอยากจะเอาชนะลบคำดูถูกของคนพวกนี้ขึ้นมาทันที ผมเดินคอแข็งผ่านพวกเขาไป ได้ยินเสียงนินทาตามหลัง

“ไม่รู้ว่าท่านประธานตาบอดหรือไง ถึงเอาเด็กฝึกงานที่ทำผิดพลาดอยู่บ่อยๆไปร่วมงานด้วย เดี๋ยวคอยดูนะ ต้องทำเรื่องเสียๆหายให้ท่านประธานเดือดร้อนแน่”

“ยังไม่ทันไร ก็ทำเป็นคอแข็งแล้ว อีกหน่อยคงเย่อหยิ่งไม่เห็นหัวเรา คางคงขึ้นวอก็งี้แหละ”

“จะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว คนทำงานแย่แบบนั้น”

“บลา บลา บลา........”

เสียงพวกนั้นจางหายไปแล้ว แต่ก็ยังคงดังก้องในหูของผม นี่นะหรือเพื่อนร่วมงาน ลับหลังก็นินทากัน ผมสู้อุตส่าห์ทนทำงานให้พวกเขามาถึง 6 เดือน ใครใช้ให้ทำอะไรก็ทำ แต่พวกเขากลับไม่เคยให้เกียรติผม คงนึกว่าเราเป็นเพียงแค่เด็กลูกจ้างชั่วคราว ศักดิ์ศรีเทียบไม่ได้กับพนักงานประจำเช่นพวกเขา พอมีข่าวว่าผมได้รับความไว้วางใจให้ขึ้นไปทำงานกับท่านประธานบริษัท พวกเขาก็อดที่จะติฉินนินทาไม่ได้ ไม่รู้เพราะว่าริษยาที่ผมได้ใกล้ชิดกับคนใหญ่โตของบริษัท หรือเป็นเพราะว่าพวกเขาเห็นว่าผมไร้คุณค่าไม่คู่ควรกับการทำงานกับบริษัทนี้จริงๆ

“เป็นไง โดนนินทามาล่ะสิท่า”

นนทรี เลขาสาวสุดสวยของท่านประธานเอ่ยทักผมทันทีที่เดินเข้าประตูมา เธอคงเห็นท่าทางหดหู่ห่อเหี่ยวของผมกระมัง น่าแปลกที่สิ่งที่เธอพูดมันตรงกับความเป็นจริงเหลือเกิน ยังกับมีตาทิพย์เห็นทุกอย่างงั้นแหละ

“พี่รู้เลย ว่าคนข้างล่างนั่นน่ะ จะพูดอย่างไรที่เห็นเราขึ้นมาทำงานข้างบนนี่ หลายคนใฝ่ฝันอยากทำงานใกล้ชิดกับคนใหญ่คนโตอย่างท่าน แต่น้อยคนนักที่จะได้ขึ้นมาข้างบนนี่ พอเธอซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว โดนท่านประธานดึงตัวให้มาทำงานข้างบนนี้ ทั้งที่ทำงานพลาดจนเกือบจะโดนไล่ออกแล้ว คนก็เลยอิจฉาเธอไง”

โห รู้ละเอียดดีจังเลย สมแล้วที่เป็นเลขาท่านประธานต้องหูตากว้างไกล และรู้ถึงเรื่องภายในบริษัท เพราะบางครั้งเธอต้องรับเรื่องแทนท่านประธานได้ พี่นนทรีเห็นผมฟังอย่างสนใจก็เลยพูดต่อ

“คุณเคลวินเป็นประธานบริษัทที่ไม่ถือตัวสักเท่าไหร่ แต่ท่านเป็นคนดุมาก ดุกว่าพ่อของท่านซะอีก ถ้าใครทำอะไรไม่ถูกใจมีหวังตายลูกเดียว มีคนที่ถูกไล่ออกเพราะทำงานผิดพลาดมาหลายคนแล้ว”
_________________
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 03-02-2007 19:01:21
รออ่านต่ออยู่นะคับ  :impress: :impress: :impress:

มาโพสต่อเร็วๆ น๊า  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-02-2007 17:41:31
ปูเสื่อรอเหมือนกัน มาต่อไวๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 18-02-2007 01:13:48
งืมๆๆ

นึกภาพผู้ชายตัวโตๆอยากเป็นเจ้าสาวไม่ออกเลย

จิ้นแล้วขนลุกชะมัด

บรื๋อ!!~.....

ต่อเร็วนะครับ   รออ่านๆ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 18-02-2007 22:01:15
บทที่ 5 อุ้งมือปีศาจร้าย

โหย ช่างเป็นคำกล่าวอ้างถึงท่านประธานที่น่ากลัวเสียจริง แล้วอย่างผมเนี่ย จะถูกไล่ออกหรือเปล่านะ ยิ่งเอ๋อๆอยู่ด้วยช่วงนี้ มีอะไรมาให้คิดวุ่นวายไปหมด ทั้งเรื่องที่บ้านของตนเอง เรื่องงาน แล้วไหนจะยังมาเรื่องเกี่ยวกับท่านประธานอีก กลัวเหลือเกินว่าจะทำพลาดจนถูกไล่ออก

หากผมตกงาน ไม่ใช่แค่ตัวผมเองที่เดือดร้อน ปากท้องของพ่อแม่ น้อง และหลานที่อยู่บ้านนอก ซึ่งฝากความหวังไว้กับผม ก็คงจะพลอยอดไปด้วย ผมไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นลูก หรือ พี่ชายที่ไม่เอาไหน ทำให้ครอบครัวมีความสุขไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยสาหัสอย่างไร ผมก็จะทนมันให้ได้ อีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าผมยอมแพ้เสียแต่แรก คนที่ทำงานอยู่ข้างล่างคงได้หัวเราะผมด้วยความสะใจที่สิ่งที่เขาดูถูกผมมันเป็นจริง

“แต่นั่นเป็นเพียงภาพลักษณ์ที่ทุกคนมองท่านนะ ที่จริงท่านเป็นคนใจดีมากๆเลย รักลูกน้องด้วย ตอนพี่นนนี่แต่งงาน ท่านเซ็นต์เช็คให้สำหรับการเริ่มต้นครอบครัวใหม่ ตั้ง 99,999 บาทแน่ะ ท่านบอกมันเป็นเลขมงคลไม่ใช่หรือ รู้ซะด้วยนะ แต่พี่กับแฟนไม่ได้เอาไปขึ้นเงินหรอก เก็บใส่กรอบไว้น่ะ ท่านก็เลยให้ชุดเครื่องเรือนชุดหนึ่ง ท่านให้โดยไม่เสียดายเงินเลย แถมซ้ำยังบอกด้วยว่าเป็นของขอบคุณที่พี่นนนี่ทำงานให้ท่านอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดแกเหนื่อย คุณเคลวินน่ารักมาก พี่รู้สึกสำนึกในบุญคุณท่านเหลือเกิน เลยไม่ยอมไปไหน จะทำงานให้ท่านไปตลอด”

จริงเหรอ ท่านประธานจอมโหด เจ้าเล่ห์ เอารัดเอาเปรียบ และชอบล่วงละเมิดทางเพศคนอื่นเนี่ยนะ มีความดีกับเขาด้วย แทบไม่อยากจะเชื่อเลย

“ฟังดูเหมือนว่าจะยกยอเจ้านายจนเกินจริง แต่ถ้าเราได้ทำงานกับท่านไปนานๆ จะรู้ว่าท่านเป็นคนไง ไม่ดุหรอก ใจดีจะตาย เฉพาะคนที่ทำให้ท่านหงุดหงิดเท่านั้นแหละถึงจะโดนดี”

พี่นนทรีเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ก็เลยพูดยิ้มๆกับผม ใช่สิ ก็พี่นนทรี ได้รับสิ่งดีๆจากท่านประธานนี่ ก็พูดได้ ต้องเข้าข้างเจ้านายตัวเองอยู่แล้ว แต่ดูสิ่งที่เขาทำกับผมสิ มันไม่ใช่พฤติกรรมของเจ้านายที่แสนดีเลย

“คุณนนทรี เด็กใหม่ที่จะย้ายมาจากฝ่ายการตลาด ขึ้นมาแล้วหรือยัง”

เสียงห้วนๆดังขึ้นจากโทรศัพท์ภายใน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเสียงใคร การที่เขาเอ่ยถึงผม ทำให้รู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้

“มาแล้วค่ะคุณเคลวิน จะให้เข้าไปพบเลยไหมคะ”

“บอกเขาให้เข้ามาพบผมด่วนเลย ที่เพนท์เฮ้าส์ชั้นบนน่ะ บอกเขาด้วยให้รีบมาภายใน 5 นาทีนี้ ผมรอเขานานมากแล้ว”

“ค่ะ ได้ค่ะ”

“ถ้าช้ากว่านี้มีเรื่องแน่”
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 18-02-2007 22:01:47
อะไรกัน น้ำเสียงหงุดหงิดนั่น นี่เขาโมโหผมหรือไง แถมยังบอกด้วยว่าเขารอผมนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่เอ๊ะ จำได้แล้วตอนที่เขาลงไปข้างล่าง เขาบอกให้ผมรีบมาหาพี่นนทรี แล้วขึ้นไปหาเขานี่ ซวยเลย ผมดันลืมเสียสนิทเลย สงสัยเขาคงโมโหที่ผมล่าช้า คงนึกว่าผมเถลไถลแน่ เริ่มงานวันแรกก็จะโดนดุเสียแล้วหรือนี่

“ได้ยินแล้วใช่ไหม รีบขึ้นไปเลย ที่เพนท์เฮ้าส์ของท่านประธาน ขึ้นลิฟท์ไปเลยเดี๋ยวไม่ทัน ห่างจากนี้ไปสองชั้น ชั้นที่เจอชั้นแรก เป็นพวกชั้นออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำ สโมสรของท่านไม่ต้องเข้าไปนะ ให้ไปอีกชั้น แล้วก็ไปทางด้านขวาของลิฟท์ อย่าเผลอเข้าไปด้านซ้ายล่ะ ที่นั่นน่ะเขตหวงห้าม เพราะเป็นโซนพักผ่อนของท่าน ท่านมีห้องนอนอยู่ซีกนั้น เดี๋ยวจะโดนดุเอา”

แน่นอน ผมไม่มีวันย่างกรายไปทางตึกปีกซ้ายนั่นหรอก เรื่องที่ได้รับรู้เมื่อเช้าตรู่ของวันนี้ เป็นเรื่องที่ทำให้ผมช๊อคอยู่ไม่หาย ผมจะไม่มีวันทำให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยอีกแล้ว ท่านประธานจะไม่มีวันได้แตะต้องตัวผมเด็ดขาด

“มัวแต่ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมาช้าแบบนี้ เวลาที่ผู้ใหญ่นัดก็ควรจะรีบสิ ไม่ใช่เอ้อระเหยลอยชาย ทำงานสายตั้งแต่วันแรกแบบนี้ จะวางใจกันได้อย่างไร”

ทันทีที่ผมโผล่หน้าเข้าไป เสียงที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดของท่านประธานก็ดังขึ้น ผมยังไม่ทันได้นั่งลงด้วยซ้ำ เขาก็เปิดฉากต่อว่า ทำให้ผมซึ่งกำลังกังวลใจอยู่ เพิ่มความกลัวเข้าไปอีก

“ขอโทษครับ”

รีบรับผิดก่อนดีกว่า เถียงไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ท่าทางเขาจะโมโหเอามากๆด้วย พอเห็นผมไม่โต้ตอบ แต่ก้มหน้ารับคำด่า เขาก็นิ่งเงียบ จากนั้นก็ชี้ไปที่โซฟาแล้วบอกให้ผมไปที่ตรงนั้น ผมเดินไปนั่งตามคำสั่งของเขา

“ท่านประธานเรียกผมขึ้นมานี่ มีอะไรจะเรียกใช้ผมหรือเปล่า”

ถามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่กล้าสบตาเขา ทีแรกตั้งใจว่าจะทำท่าแข็งๆใส่ เพราะไม่พอใจที่เขาทำกับผมเมื่อวาน แต่เวลาที่เจอหน้าเขาแบบนี้ ทำไมถึงกลัวนักกลัวหนาก็ไม่รู้ หรือเป็นเพราะกิตติศัพท์ความร้ายกาจเกี่ยวกับตัวเขาที่ได้ยินได้ฟังมาตลอด 6 เดือน มันฝังหัวทำให้ผมกลัวว่าจะทำอะไรไม่ถูกใจเขา แล้วจะโดนไล่ออกเหมือนคนอื่น

“ไม่มีอะไรจะเรียกใช้ แค่จะเรียกมาพูดคุยเกี่ยวกับกติกามารยาทในการทำงานกับผมที่นี่ พร้อมจะฟังหรือยัง ผมจะพูดครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีการพูดซ้ำอีก”

“ครับ”

“ครับอะไร ไหนล่ะที่เรียกว่าพร้อม”

อะไรกันอีกล่ะ ผมก็พร้อมที่จะฟังแล้วนี่ ไม่ได้สนใจในเรื่องอื่นด้วย อยากพูดอะไรก็พูดออกมา มัวแต่ทำหน้าบึ้งตึงไม่พอใจอยู่ได้

“เอ่อ ผมไม่รู้ว่าท่านหมายถึงอะไร แต่ผมก็พร้อมอยู่แล้วนี่ครับ”
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 18-02-2007 22:02:20
“คุณเคน แค่นี้คุณก็สอบไม่ผ่านการเป็นพนักงานตั้งแต่แรกแล้ว คุณบอกว่าคุณพร้อมจะฟังสิ่งที่ผมพูด แล้วไหนล่ะ ปากกา สมุดสำหรับจด ฟังเฉยๆมันจะจำได้เหรอ”

จริงสิ ผมนี่มันซื่อบื้อเสียจริง การเป็นผู้ช่วยเลขา ต้องรับฟังคำสั่งของเจ้านาย แล้วนำไปปฏิบัติ ข้อมูลต้องชัดเจนพลาดไม่ได้ แต่แค่นี้ ผมก็หลงลืมเสียแล้ว ก็สมควรที่จะให้เขาด่า ผมรีบเปิดกระเป๋าเอกสารของตัวเอง ควานหาปากกากับสมุดจดมาถือ และทำท่าตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่เขาจะพูด ท่านประธานยังคงทำหน้าไม่พอใจผมอยู่

“ที่บริษัทนี้ งานเข้า 8 โมงเช้า แต่สำหรับคุณต้องมาที่นี่ตั้งแต่ 7.30 น. ห้ามสายเด็ดขาด”

ใจร้ายจัง ทำไมต้องให้มาทำงานแต่เช้าด้วยนะ บ้านผมก็อยู่ใกลจากสถานที่ทำงานเสียด้วย แบบนี้ไม่ต้องตาลีตาเหลือกตื่นกันแต่เช้ามืดเลยหรือ

“พอมาถึงบริษัทแล้ว ต้องเริ่มปฏิบัติงานทันที งานแรกที่คุณต้องทำในแต่ละวันคือนั่งศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท และงานในแต่ละฝ่าย เพราะบางที คุณอาจจะจำเป็นต้องตอบคำถามเหล่านี้ กับลูกค้าแทนผม ที่พูดนี่เข้าใจหรือเปล่า”

“ครับ เข้าใจครับ”

“งั้นก็ดีแล้ว หลังจากนั้น ตลอดช่วงบ่าย คุณจะต้องไปศึกษางานเกี่ยวกับการเป็นเลขา จากคุณนนทรี แล้วรีบเป็นให้เร็ว ผมให้เวลาคุณเรียนรู้งานเลขาแค่สามวัน หลังจากนั้นคุณต้องเริ่มทำหน้าที่ ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด”

สามวัน จะบ้าเหรอ งานเลขามีตั้งมากมาย จะให้ผมทำให้ได้ในเวลาจำกัด โหดร้ายเกินไปหน่อยแล้ว

“ทำหน้าแบบนั้น หมายความว่าไง ผมให้เวลาคุณน้อยไปหรือไง อย่าลืมสิ คุณมาทำงานที่นี่ได้ 6 เดือนแล้ว ยังเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวอยู่เลย จะมาเป็นผู้ช่วยเลขาของท่านประธานบริษัท ก็ควรที่จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ แต่ผมคงไม่สามารถเสนอชื่อคุณได้หรอกนะ หากคุณไม่มีความสามารถพอ จะสู้หรือจะถอดใจล่ะ จะลาออกแล้วก็ซมซานกลับบ้านนอกไปแบบไอ้ขี้แพ้ก็ได้นะ ผมไม่ห้ามอยู่แล้ว”

โหยยย ปากหรือนั่น ท่านประธานทำไมปากเสียแบบนี้ หื่นกามชอบล่วงเกินทางเพศลูกจ้าง แถมยังปากไม่ดีอีก พูดแบบนี้มันท้าทายกันชัดๆ ก็ได้ ผมจะทำให้เห็นว่าเด็กบ้านนอกอย่างผม ไม่ใช่คนขี้แพ้ เพื่อนพนักงานคนกรุง กับพวกเจ้านายฝรั่งดั้งขอ จะได้เห็นกันซักทีว่าผมไม่ใช่คนไร้ฝีมือ

“ครับ ผมจะทำพยายามเรียนรู้งาน และเป็นให้เร็วที่สุดตามที่ท่านประธานสั่งนะครับ”

“10 โมงเช้า กับ บ่ายสามเป็นเวลาที่ผมทานกาแฟ คุณต้องขึ้นมาที่นี่ เพื่อชงกาแฟให้ผม แล้วอย่าได้ริแกล้งกันโดยการชงกาแฟขมๆให้ทาน มิฉะนั้นจะโดนดี อยากรู้ว่าผมชอบรสชาติแบบไหน ไปศึกษาจากคุณนนทรี ถ้าชงไม่เป็นก็ไปเรียนจากเขาอีกเช่นกัน”

ร้ายกาจที่สุด ให้ผมชงกาแฟมาให้ ทั้งๆที่มีคนสามารถทำได้อยู่แล้วนี่นะ แกล้งกันหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 18-02-2007 23:17:38
เหอ  อ๊ากกกกส์!!~

ต่อครับ  ด่วยเลย

จะลงแดง
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 18-02-2007 23:27:21
 :o รอบนี้มาแบบโหดอ่ะ

เคนจะรอดมั๊ยเนี่ย :kikkik: :kikkik:


ลุ้นกันต่อปายยย  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 22-02-2007 14:52:34
“ในแต่ละครั้งที่มีงานต้องไปติดต่อนอกบริษัท คุณต้องตามไปด้วยเสมอ และต้องอยู่ใกล้ๆผมเพื่อคอยจดบันทึกเรื่องต่างๆ ยกเว้นบางครั้งที่มันเป็นเรื่องลับเฉพาะจริงๆ ผมถึงจะไม่ให้คุณไป แต่นอกนั้นคุณต้องตามไปทุกที่”

อะไรกันอ่ะ ทำไมต้องตามเขาไปไหนตลอดเวลาด้วย ผมคิดว่าจะได้ทำงานในออฟฟิศไม่ต้องตามติดตัวเขาเสียอีก บอกตามตรง ไม่อยากอยู่ใกล้เขาเอาเสียเลย มันอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ถ้าต้องให้ติดสอยห้อยตามแบบที่เขาว่า ผมคงได้คลั่งตาย

“เลิกงาน 2 ทุ่มทุกวันจากนี้เป็นต้นไป”

“หา อะไรนะครับ”

“ได้ยินแล้วนี่ ผมบอกว่าจากนี้ไปให้คุณเลิกงาน 2 ทุ่ม”

“แต่ว่า งานเลิก สี่โมงครึ่งนะครับ”

นี่มันใช้แรงงานทาส หรือเปล่านี่ เข้างานเจ็ดโมงครึ่ง เลิกงาน 2 ทุ่มครึ่ง ทำงานวันละ 13 ชั่วโมง มันเกินไปหน่อยมั๊ง

“ใช่ นั่นคือเวลาทำงานปกติ แต่สำหรับคุณมันใช้ช่วงเวลาแบบคนอื่นเขาไม่ได้ คุณยังอยู่ในช่วงทดลองงานของผม คุณต้องทำงานตามแบบที่ผมสั่ง”

“ทดลองงาน ....เอ้อ .....แล้วท่านประธานครับ...มันจะกินเวลาเท่าไหร่อ่ะ”

“คุณประเมินกำลังความสามารถคุณไว้เท่าไหร่ล่ะ ในการที่จะเรียนรู้งานทุกอย่างที่นี่ 6 เดือน หรือ 1 ปี”

น้ำเสียงนั่น มันดูเยาะเย้ย ถากถางอย่างไรพิกล ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง ทำให้ผมเชิดหน้าขึ้น นี่เขากำลังดูถูกผมใช่ไหมเนี่ย คิดว่าผมไม่มีฝีมือเหมือนคนอื่นหรือไง ถ้าไม่เชื่อมั่นในตัวผมแล้วจะชวนมาร่วมงานด้วยเพื่ออะไร แล้วดูเวลาที่ให้มา สิ 6 เดือน หรือ 1 ปี พูดยังกับว่า ผมเรียนรู้ช้าอย่างนั้นแหละ ไม่มีทางหรอก ผมจะเป็นงานให้เร็วกว่านั้น ผมจะได้ไม่ต้องเข้างานวันละ 13 ชั่วโมงไปจนตลอด ถ้างั้นมันควรจะเป็นเท่าไหร่ ดีล่ะ

“ 1 เดือน”

ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป เบามาก ดุจเสียงกระซิบ เหมือนดูไม่มั่นใจยังไงไม่รู้
“พูดดังๆสิ เป็นลูกผู้ชายไม่ใช่เหรอ กล้าพูดกล้าทำสิ”

“1 เดือนครับ”

อยากฟังดังๆนักใช่ไหม แค่นี้พอหรือยังล่ะ ผมนึกในใจ หลังจากที่พูดซะดังลั่นห้อง คนตรงหน้าผมยิ้มอย่างพึงใจ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 22-02-2007 14:54:49

--------------------------------------------------------------------------------
 
“แน่ใจนะว่าทำได้ พูดอะไรไว้ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น คุณไม่ได้พูดลอยๆ แต่คุณกำลังพูดกับประธานบริษัท ซึ่งเป็นหัวหน้าของคุณโดยตรง สามารถชี้เป็นชี้ตายคุณได้ อย่าเหลาะแหละเหลวไหล ถ้าคุณทำได้จริงตามที่ปากพูด ผมจะบรรจุคุณเป็นพนักงานประจำทันที หลังจากสิ้นสุดทดลองงาน คุณจะได้เงินเดือน ได้โบนัส ได้สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลฟรี มีประกันสังคม และประกันอุบัติเหตุให้ ลาพักร้อนได้ ลากิจลาป่วยได้เหมือนคนอื่นๆ แต่ผมขอให้คุณระมัดระวังไว้อย่างหนึ่งก็คือ ผมเป็นคนที่ตรงไปตรงมา ถ้าทำไม่ถูกต้อง ผมฟันไม่เลี้ยง งานผิดพลาดได้ แต่อย่าให้บ่อยจนกลายเป็นคนไร้ความสามารถ ทำงานให้เกินเงินเดือนที่ให้ ให้เหนือความคาดหมายของนายจ้าง อย่าให้เขามีความรู้สึกว่ามีคุณหรือไม่ ก็ไม่มีความหมาย รับปากอะไรไว้ ก็ต้องทำให้ได้ นี่คือสิ่งที่ผมอยากเห็นจากคุณ ทำได้ไหม”

คิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้นสูงขณะตั้งคำถามเอากับผม ตาของเขาคมกริบ เหมือนกับจะบาดผมไปทั่วตัว ผมสบตากับเขา แล้วพยักหน้า เลือดนักสู้ในกายผมฉีดพล่าน ถ้าท้าทายกันแบบนี้ ผมก็จะลองสู้กันสักตั้ง ให้เขาได้รู้ว่า ผมไม่ได้เหลาะแหละเหลวไหลเหมือนที่ใครๆเขาคิดกัน และท่านประธานตัวดี จะต้องให้ความชื่นชม ยอมรับในตัวผม

“รับทราบ และจะปฏิบัติตามครับ”

เขายิ้มให้ผมอย่างพึงพอใจ เป็นรอยยิ้มแรกที่ดูเป็นมิตรจากเขา หลังจากที่ทำหน้าดุดัน และพูดห้วนๆใส่ผมเกือบครึ่งชั่วโมง

“คุณได้ค่าจ้างวันละ เท่าไหร่ ตอนเป็นลูกจ้างชั่วคราว”

“วันละ 250 บาทครับ”

“ที่จริงก็ไม่เลวนะถ้าคิดเฉลี่ยต่อวันตามอัตราจ้างงานทั่วไป แต่ก็ยังนับว่าน้อยอยู่ดี หากไม่ทำโอที หรือมาทำงานเสาร์อาทิตย์ ก็คงจะมีรายได้เดือนละไม่ถึงหมื่นละสิ เอางี้ คุณรับเงินค่าจ้างแบบนี้ไปก่อน เพราะผมไม่อยากจะไปแทรกแซงเปลี่ยนกฎระเบียบบริษัท เมื่อไหร่ที่คุณผ่านการทดลองงาน ผมจะปรับเงินเดือนให้คุณเป็นเดือนละ 20000 บาท นี่เกินกว่าพนักงานเข้าใหม่จะได้รับ แต่เนื่องจากคุณไม่ใช่พนักงานใหม่ ทำงานมาแล้วถึง 6 เดือน ผมจึงสามารถขอเงินเดือนเท่านี้ให้กับคุณได้ แต่คุณต้องทำให้ผมเห็นนะ ว่าคุณสมควรจะได้มัน ผมจะได้ไม่ต้องหน้าแตกที่แบกหน้าไปการันตีความสามารถของคุณ พอถึงสิ้นปี ค่อยมาดูกันอีกที ว่าสมควรปรับเลื่อนให้คุณอีกหรือเปล่า ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ คุณสงสัยอะไรไหม อยากถามอะไรหรือเปล่า”

ประโยคสุดท้ายเขาหันมาถามผม

“ไม่มีครับ”

ตอบไปตามนั้น เพราะสิ่งที่เขาพูดมันกระจ่างชัดทุกอย่างแล้ว และผมกำลังมึนงง กับสิ่งที่ได้ยิน เงินเดือน 20000 เหรอ มันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ถ้าได้เงินเดือนเท่านี้ คนที่รอคอยผมอยู่ทางบ้าน ก็จะมีความเป็นอยู่ดีขึ้น น้องสาวคงได้เรียนจนจบ พ่อแม่คงได้กินจนอิ่ม ถ้าผมเก็บเงินได้มากพอ คงจะสามารถสร้างบ้านให้พ่อแม่ และเหลือไว้แต่งสาวได้อีก จะว่าไป ก็ไม่เลวเลยที่ทำงานกับท่านประธานคนนี้ ถึงแม้เขาจะพูดจาดุดัน แต่เขาก็ยุติธรรมดี

“เอาล่ะนอนลงสิ”
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 22-02-2007 15:00:45
เสียงดุดันนั่นทำเอาผมเด้งตัวลุกขึ้นมาจากโซฟา อะไรกัน ท่านประธานจะมาหื่นอะไรตอนนี้ นี่มันในที่ทำงานนะ แล้วท่านมีสิทธิ์อะไรจะมาทำแบบนี้กับผม ผมเป็นลูกจ้างก็จริง แต่ไม่ใช่ว่านายจ้างจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ หรือว่านี่มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนสำหรับงานใหม่ที่เขาให้โอกาสผม ถ้าต้องตอบแทนกันโดยวิธีนี้ ผมก็เห็นจะขอลา

“เอ้อ ท่านจะทำอะไรหรือครับ”

“บอกให้นอนลงบนโซฟานั่นก็นอนสิ ไม่ได้ยินหรือไง”

“ไม่ครับ จนกว่าผมจะรู้เหตุผลว่าทำไมต้องนอนด้วย”

“ขัดคำสั่งหรือไง บอกอะไรก็เชื่อกันบ้าง ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า และถึงคุณคิดจะทำ ผมก็ไม่ยอมหรอก อย่าพูดมากเลย นอนคว่ำลง อ้อ แล้วถอดกางเกงให้เห็นก้นด้วย”

บ้ากันไปใหญ่แล้ว คำสั่งอะไรนี่ ไม่เห็นจะต้องทำตามเลย ผมทำท่าจะเดินหนี แต่เขาเรียกผมไว้ด้วยเสียงอันดัง ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก

“กลัวหรือไง คุณคิดว่าผมจะทำอะไรกับคุณงั้นหรือ คิดว่าประธานอย่างผมไม่มีศักดิ์ศรีพอถึงกับจะลวนลามลูกน้องในที่ทำงานหรือไง”

แล้วไม่ใช่หรือไงล่ะ ผมเถียงในใจ แต่อะไรบางอย่างไม่รู้ในน้ำเสียงของเขา มันบอกให้รู้ว่าเขาไม่คิดจะทำอะไรผมจริง เอาเถอะ เปิดก้นให้ท่านประธานดูสักหน่อย ก็คงไม่เป็นอะไรมั๊ง ถึงไง เขาก็เห็นร่างกายของผมไปหมดแล้ว มันจะได้จบกันเสียที คิดได้ดังนั้น ผมก็ปลดเข็มขัดออก แล้วขึ้นไปนอนคว่ำหน้าบนโซฟา จากนั้นก็ถลกกางเกงลงไปจนพ้นก้น หันหน้าหนีมาอีกทาง ไม่อยากมองหน้าเขา

มือนุ่มๆของท่านประธาน แตะที่สะโพกของผม จากนั้นอะไรบางอย่างเหนียวๆลื่นก็ถูกนำมาทาตรงร่องก้นของผม เกือบจะนึกว่าเป็นเจลหล่อลื่นสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางประตูหลังเสียแล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงนุ่มๆดังขึ้น

“ทายานี้แล้ว ก็คงจะค่อยยังชั่วแล้วล่ะ จะได้นั่งทำงานสะดวกๆ เอาล่ะ ลุกขึ้นแต่งตัวแล้วไปทำงานได้แล้ว”

ท่านประธานทายาแก้อักเสบให้กับผม จริงสินะ เมื่อคืนนี้ผมถูกเขาบุกรุกเข้ามาเป็นครั้งแรก จำได้ว่าตื่นขึ้นมารู้สึกเจ็บแสบระบมไปหมด แม้กระทั่งตอนนั่งทำงาน เดินเหินก็ยังปวดๆ แต่เพราะมีสิ่งวุ่นวายเข้ามาตลอด เลยทำให้ผมลืมมันไป พอเขามาพูดและทายารักษาบาดแผลให้ผมแบบนี้ ก็ดูเหมือนความเจ็บปวดจะกลับคืนมา

ผมกล่าวขอบคุณท่านประธาน แล้วรีบนุ่งกางเกง ก่อนจะออกจากห้องเขาไป ความรู้สึกตอนเข้ามา กับตอนออกไปต่างกันโดยสิ้นเชิง ความนุ่มนวลที่เขาแสดงต่อผม ทำให้ผมรู้สึกดีกับเขาขึ้นมานิดหนึ่ง
_________________
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 22-02-2007 23:18:00
 :call: ต่อไวไวนะรออยู่
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 22-02-2007 23:30:29
 :110011: :110011: :110011:

เหอๆๆ  มีเปิดตูดด้วย

ไอ้เรารึก้อจิ้นไปซะไกล  ต่อๆครับ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-02-2007 17:52:37
มาต่อให้ไวเลยนายเต้

อย่าชักช้า
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 24-02-2007 01:35:56
สู้เค้านะ ทาเคชิ  :piglove2: :piglove2: :piglove2:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 24-02-2007 11:41:34

สนุกมากเลยเคอะ  เจ้ช็อบชอบ

อยากมีเจ้านายแบบนี้จัง

จะให้บริการวันหละสามรอบ เช้า เที่ยง เย็น อิอิ  :kikkik:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 08-03-2007 21:08:04
บทที่ 6 ภรรยาผู้อ่อนโยน

กว่าที่ผมจะฝ่าการจราจรที่คับคั่งกลับถึงบ้าน ก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด ล้ามาจากการทำงานทั้งวัน หลังจากรับงานจากท่านประธาน

ตลอดทั้งวันนั้น ผมก็วุ่นวายจนหัวปั่น ไหนจะต้องศึกษางานจากพี่นนนี่ ไหนจะต้องเรียนรู้ความเป็นไปของบริษัท แล้วยังต้องช่วยงานเล็กๆน้อยๆบรรดามี เพื่อแบ่งเบาภาระของเลขาสาวของเขาอีก

พี่นนนี่เอาแฟ้มประวัติบริษัทในเครือมาให้ผมศึกษา ผมจึงได้รู้ว่ากิจการภายใต้การดูแลของเขามีมากมายเพียงใด ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจส่งออกสินค้าจากเมืองไทย

อายุของเขายังน้อยเพียงแค่ 30 ปี แต่ต้องคุมกิจการแทนพ่อซึ่งปลดเกษียณไป การที่มีบริษัทในความรับผิดชอบมากมาย อาจจะทำให้เขาได้รับความกดดัน จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาดูเป็นเฮี๊ยบ และขี้โมโหได้ขนาดนี้ ผมคงต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น ไม่อยากทำอะไรผิดพลาดเป็นไอ้ขี้แพ้ให้เขาหัวเราะเยาะเอาได้

“กลับมาบ้านแล้วหรือครับ ทำไมกลับมาช้าจังเลย รถติดเหรอ”

ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเช่าเข้าไปข้างใน ร่างของผมก็ถูกคนตัวสูงใหญ่รวบไว้ในวงแขนแนบแน่น ตามมาด้วยจูบ ที่ระดมใส่ใบหน้าและลำคอผมไม่ยั้ง พอตั้งสติได้ ผมก็เห็นท่านประธานเคลวินในชุดผ้ากันเปื้อนตัวเดียว เหมือนเมื่อเช้านี้ ยืนยิ้มให้ผมอยู่ ผมผงะ รีบขืนตัวออก แต่เขาก็ยังคงกอดไว้แน่น

“คิดถึงจังเลยครับ เป็นห่วงรู้ไหม ที่เห็นยังไม่กลับมาน่ะ”

คิดถึงใคร เป็นห่วงบ้าอะไรกัน ก็ใครล่ะ ที่ใช้ผมหัวปักหัวปำ บอกให้ทำงานจนถึงสองทุ่ม ส่วนตัวเอง กลับมาก่อนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมไม่ได้มีคนขับรถยาวเป็นวาให้นั่งเหมือนกับเขานี่ จะได้ไปไหนได้ทันใจ

คนจนอย่างผม เลิกงานแล้วก็ต้องโหนรถเมล์แล้วต่อรถสองแถวเข้าบ้านอีก สองแถวก็มีแค่ ห้าทุ่มเท่านั้น วันไหนที่ผมเลิกงานดึกกว่านี้ คงต้องพึ่งพามอเตอร์ไซด์กลับบ้านแน่

“ทำไมท่านประธานถึงมาบ้านผมอีกละครับ”

“ท่านประธานอะไรกัน เรียกเคลวินสิครับ”

เขาพูดยิ้มๆ ผมมองใบหน้าหล่อเหลานั่น อย่างงงๆ ไม่เชื่อหูเชื่อตาตัวเอง ว่าท่านประธานหน้ายักษ์เมื่อกลางวัน จะมายืนทำตาหวาน ยิ้มกริ่มให้กับผม แถมพูดกับผมเสียนุ่มนวลไพเราะหู ไม่มีคราบเจ้านายจอมเฮี๊ยบให้เห็นอีกเลย แววตาที่เขามองผมก็ดูอ่อนโยนเหลือเกิน

“ไม่ได้หรอก ก็ท่านเป็นประธานบริษัท ผมเป็นแค่ลูกจ้าง”

ผมแย้ง รู้สึกไม่แน่ใจว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรกับเจ้านายที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้

“ตอนนี้ผมเป็นเพียงเคลวิน ภรรยาของเคนเท่านั้นครับ ไม่ได้เป็นอย่างอื่นเลย”

ตาย ..ตาย...พูดอะไรกันแบบนั้น ท่านประธานคงเพี้ยนจริงๆ ใครจะไปยอมรับเรื่องนี้ได้
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 08-03-2007 21:08:28
“แต่ว่า..ผม...เอ้อ...ท่านครับ...ผมเข้าใจว่า...เรื่องนี้...ผมไม่ได้เต็มใจนะครับ แล้วผมก็ไม่ได้รักท่านด้วย...ท่านอาจจะคิดเองไปฝ่ายเดียวก็ได้ ผมต้องขอโทษด้วย ถ้าผมไปเผลอทำให้ท่านคิดว่าผมมีใจกับท่านน่ะครับ”

บอกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของเขา แล้วก็เกรงในตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาด้วย ท่านประธานเคลวินมีสีหน้าสลดลง เหมือนกำลังน้อยใจ

สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขาทำให้ผมถึงกับอึ้ง ท่านประธานจอมโหดมีอารมณ์แบบนี้กับเขาด้วยเหรอ เห็นหน้าเขาแล้วรู้สึก ผิดอย่างไรไม่รู้ ที่ไปทำให้เขาเสียใจ

“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ดีว่าเคนไม่ได้รักผม ผมรักเคนคนเดียวก็ได้ อยู่ด้วยกันไป เดี๋ยวเคนก็รักผมเองแหละ หลายคู่ก็เป็นแบบนี้ บางคนก็เกลียดกัน แต่ลงท้ายก็รักกัน อยู่ด้วยกัน จนกระทั่งความตายมาพราก ผมเชื่อว่าคู่ของเราก็ต้องเป็นแบบนั้นนะครับ”

ใช่สิ ก็ผมจะตายอยู่เดี๋ยวนี้ไง ท่านประธานเล่นแบบนี้ ผมคงอายุสั้นแน่ ต่อจากนี้ไป เวลาออกจากบ้านตอนฝนตก ต้องรีบหลบอยู่ในอาคารแล้ว กลัวฟ้าจะผ่าเอา

“มาเหนื่อยๆ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย เดี๋ยวผมหาน้ำมาให้ทานก่อนนะครับ จะได้ชื่นใจ นี่ผมรองน้ำจนเต็มถังให้เคนแล้วนะครับ ไปอาบน้ำซะก่อนก็ได้ จะได้จิตใจเยือกเย็น

แล้วเดี๋ยวมาทานข้าวกันนะครับ ผมทำกับข้าวอร่อยๆไว้ให้เคนทานหลายอย่างคุณต้องชอบแน่ๆ มาเอากระเป๋าถือมาให้ผม เดี๋ยวเอาไปเก็บให้”

เขาแย่งกระเป๋าไปจากมือผม และกระวีกระวาดเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือที่ติดกับปลายเตียง จากนั้นก็รินน้ำจากขวดถือเดินมายื่นให้ ผมรับมาดื่มอย่างหิวกระหาย โดยมีท่านประธานเคลวินยืนมองผม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขายื่นมือมาปลดเนคไทให้ จากนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อผม

“ ถอดเสื้อก่อนดีไหมครับ เหงื่อคุณชุ่มไปทั้งตัวเลย เดี๋ยวผมเอาเสื้อไปซักให้”

โอย จะเป็นลม ท่านประธานซึ่งใช้งานผมอย่างหนักเมื่อกลางวัน กลับมารับใช้ผมในยามค่ำคืนเสียแล้ว นี่เขาเอาจริงตามที่พูดหรือ เขากำลังทำตัวเป็นภรรยาที่ดีของผมใช่ไหม

สวมรอยแก้แค้นเอาคืนที่เขาทำกับผมดีหรือเปล่านะ ใช้ให้ซักผ้า กวาดบ้านถูบ้าน ล้างถ้วย ล้างชามเลยเป็นไง เอาขยะไปทิ้ง รีดผ้า ทำกับข้าวด้วย ทำตัวเป็นเจ้านายบ้าง ดูสิ จะทนได้ไหมกับการถูกจิกหัวใช้

แต่นั่นมันก็เป็นเพียงความคิด ผมยังคงไม่กล้าอยู่ดี กลัวเขาจะเอาคืนเมื่อกลับไปสู่โลกแห่งการทำงานแล้ว ผมจึงทำได้แค่ถอดเสื้อออกจากตัว แล้วก็ยื่นส่งให้กับเขาที่ยื่นมือออกมารับ ท่านประธานยิ้มหวานให้ผม

ตาสีฟ้าเขาเป็นประกายระยิบระยับอย่างพึงใจ เขาสำรวจร่างกายท่อนบนของผมไปทั่ว จนผมนึกเขินที่ถูกผู้ชายด้วยกันมองอย่างกับจะกลืนกินผมไว้อย่างนั้น ในที่สุดผมก็เลี่ยงจากท่านประธานด้วยการเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อจะหาผ้าขนหนูเพื่อไปอาบน้ำอาบท่า

ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวเข้าห้องน้ำ ท่านประธานจอมหื่นก็สวมกอดผมไว้ทางด้านหลัง เอาจมูกแนบแก้มของผม แล้วหอมฟอดใหญ่
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 08-03-2007 21:09:04
“ให้ผมไปช่วยอาบน้ำให้เอาไหมครับ จะได้ไม่ช้า”

“เง้ออ........ผมทำเองได้ครับ ท่านประธาน”

ผมร้องเสียงหลง พยายามจะแกะมือเขาออก

“งอนแล้วอ่ะ บอกแล้วไงว่าให้เรียกเคลวินเฉยๆ”

“แต่ว่า...ผมไม่กล้าเรียกแบบนั้นนี่นา...มัน....ไม่ชิน”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกหน่อยก็ชินเองแหละ รีบไปอาบน้ำเถอะครับ ขืนชักช้า... รีรออยู่ ผมจะอาบให้เองเลยนะ....”

คำขู่ของเขาได้ผล ผมรีบเดินเกือบจะเป็นวิ่งเข้าห้องน้ำทันทีที่เขาปล่อยผม นึกหวั่นวิตกอยู่ในใจที่ท่านประธานมาขลุกอยู่กับผมแบบนี้ แล้วเขาจะกลับบ้านหรือเปล่านะ หรือจะอยู่ค้างคืนกับผมที่นี่

ในห้องเช่าแคบๆของผมซึ่งผมอยู่แค่คนเดียว ก็แทบจะไม่มีที่ให้หายใจแล้ว ถ้าเขามาอยู่ด้วย ผมคงอึดอัดแย่ หันไปทางไหนก็คงจะเจอเขา แล้วถ้าเขาคิดจะลวนลามผมเมื่อวานล่ะ ผมคงไม่รอดแน่ ตัวเขาสูงใหญ่กว่าผมตั้งเยอะ แค่เขาจับผมหักกระดูก ผมก็คงหนีไปไหนไม่ได้แล้ว

คิดแล้วก็กลุ้มใจขึ้นมาทันที นี่ผมจะหนีรอดเงื้อมือเขาหรือเปล่านะคืนนี้ ไม่อยากออกไปเผชิญหน้ากับเขาเลย รู้สึกกลัวยังไงไม่รู้ หาทางอยู่ในห้องน้ำนานๆดีกว่า

ผมแกล้งถ่วงเวลาด้วยการอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณไปเรื่อยเปื่อย แต่ไปๆมาๆชักจะหนาว เพราะอยู่ในนั้นมานานเกือบชั่วโมงแล้ว จนตัวจะซีดเป็นผีเพราะถูกน้ำ ผมก็เลยจำใจต้องออกมาจากห้อง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นท่านประธานเคลวินยืนรอผมอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าของเขาดูกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก

“นึกว่าคุณเป็นลมไปในห้องน้ำแล้ว เห็นหายเข้าไปนานเลย ดูสิ ตัวซีด หน้าซีด ปากเขียวหมดแล้ว มานี่มา ผมเช็ดตัวให้นะครับ”

โดยไม่รอให้ผมปฏิเสธหรือเดินหนี แขนแข็งแรงนั่นก็ดึงผมเข้ามาหาตัว เขาเอาผ้าขนหนูผืนใหม่ ผืนใหญ่สีขาวสะอาดตา ซึ่งไม่ใช่ของผมแน่นอน เขาเอามันมาโอบรอบตัวผมไว้ แล้วกอดผมกระชับไว้ในวงแขน

ความรู้สึกบางอย่างแผ่ซ่านเข้ามาในตัวผม มันเป็นความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ไม่ชอบเลยความรู้สึกแบบนี้ มันเหมือนกับว่าผมชอบที่เขามากอด

คงไม่หรอกมั๊ง ผมคงหนาวน่ะ พอสัมผัสเลือดเนื้อเข้าร่างกายก็คงอุ่นขึ้นมา เป็นไปไม่ได้หรอกที่ผมจะมีจิตพิศวาสผู้ชายด้วยกัน ยิ่งเป็นคนอารมณ์แปรปรวนแบบนี้ ยิ่งไม่น่าจะใช่ใหญ่

“สระผมด้วยเหรอครับ งั้นต้องรีบเช็ดผมให้แห้งนะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด ผมทำให้นะ”

พร้อมคำพูด ท่านประธานก็เอาผ้าขนหนูผืนนั้น เช็ดผมบนศีรษะให้จนแห้ง จากนั้นเขาก็ผละออกจากผม ตรงไปหยิบเสื้อผ้าชุดนอนของผมมาให้ แล้วก็ยืนรออยู่ เหมือนจะคอยให้ผมแต่งตัวให้เสร็จ

แต่ผมไล่ให้เขาหันหน้าไปทางอื่น ไม่อยากแต่งตัวต่อหน้าเขา ท่านประธานก็หัวเราะ แล้วบอกว่าคนเป็นแฟนกันไม่ต้องอายหรอก แล้วเขาก็เห็นของผมจนหมดแล้ว

แต่ผมก็ยังยืนยันที่จะให้เขาหันไป ซึ่งเขาก็ยอมทำตามโดยดี แต่ไม่วายหัวเราะขำผม พอแต่งตัวเสร็จแล้ว เขาก็พาผมมานั่งบนพื้น ซึ่งมีโต๊ะพับที่เอามากางออกสำหรับวางสำหรับอาหาร ตั้งรอไว้แล้ว
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 08-03-2007 23:48:00
โอ๊ย++  สยิวกิ้วหมด  เคนจะรู้สึกไงเนี่ย 

ผู้ชายตัวยังกะยักามาบอกว่าเปงภรรยา

น่ากลัวจริงๆ  :o
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 09-03-2007 03:17:46
มาแล้ว มาแล้ว  เย้ เย้  :loveu: :loveu: :loveu: :loveu:

แหะๆ ว่าแต่ รีบๆ ชินซะนะเคน  :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-03-2007 05:32:22
เคน สู้ สู้ :เชิป2: :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 12-03-2007 05:48:26


สงสารเคนจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 14-03-2007 17:57:05
สงสารเคนทำม้ายยยยย  ท่านประธานก็ออกจะน่ารัก เนอะ  :give2:

รออ่านต่อจ้า  :loveu:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 19-03-2007 23:48:55
มารอคับ  :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:

คนโพสกะคนเขียนสู้ๆ ค้าบบบบ  :โหลๆ: :โหลๆ:

 : 222222: : 222222: : 222222:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 19-04-2007 17:23:15
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ ชอบอ่าคับ....แปลกๆดีเนอะ เจ้านายฝรั่งจอมเฮี้ยบ มาบ้านกลายเป็นถรรยา อิอิ

น่ารักไปอีกแบบนะนี่

ว่าแต่ไม่มาลงนานแระนี่นา มาลงต่ออีกซิค้าบบบ  :myeye:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 08-05-2007 11:32:22
กับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะ ถูกนำไปอุ่นใหม่ จนร้อนควันฉุย เป็นอาหารแปลกๆไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตา ไม่น่าจะใช่อาหารไทย แต่มันก็มีสีสันดูหน้ารับประทาน

เจ้านายฝรั่งคงเห็นตาผมมองจ้องไปที่อาหารอย่างแปลกใจ เขาก็ยิ้มประจบประแจงผม ทำหน้าอายๆขณะที่พูดให้ผมฟังว่า เขาถนัดแต่ทำอาหารฝรั่ง แต่กำลังลองทำอาหารไทยอยู่ ยังทำไม่ค่อยเก่ง แต่เขาจะพยายามหัดเพื่อผม

ความตั้งใจจริงที่จะทำให้ผมชอบเขา ทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่อีกหรือเปล่า เขาจะแสดงความรักกับผมมากน้อยแค่ไหน จะหยุดอยู่แค่ที่บ้าน หรือจะเลยเถิดไปถึงที่ทำงานด้วย แค่ที่เป็นอยู่นี้ ผมยังรับไม่ได้ ถ้าเขาไปวุ่นวายกับผมในที่ทำงาน ผมคงเป็นบ้าตายแน่ๆ

“ทานปลานี่แซลมอนนี่หน่อยนะครับ อร่อยนะครับ หรือจะทานเนื้ออบก็ได้”

เขาชี้ชวนให้ทานอาหารที่เขาทำไว้ให้ และทำท่าว่าจะตักใส่จานมาให้ผมด้วย ผมรีบร้องห้าม เพราะไม่อยากจะให้เขามาเอาใจใส่ใกล้ชิดผมนัก

“ไม่เป็นไรครับ ผมทานเองได้ อื้ม ผมไม่ทานเนื้อวัวด้วยนะครับ ท่านประธานทานเถอะ”

“อ้าว จริงเหรอครับ ทำไมล่ะ นับถือเจ้าแม่กวนอิมหรือครับ”

ท่านประธานถามผมด้วยท่าทางแปลกใจ

“เปล่าหรอกครับ แต่บ้านผมทำนา วัวควาย เป็นเพื่อนยากมาตั้งแต่ผมจำความได้ มันเป็นสัตว์ให้คุณกับพวกผม เลยไม่กล้ากินมันครับ อันนี้ หมายถึงผมเป็นคนเดียว นะครับ ที่บ้านก็ยังคงกินอยู่ แบบเลือกไม่ได้ เพราะไม่มีจะกินหนะครับ”

ผมจบคำพูดด้วยเสียงหัวเราะขื่นๆ เมื่อนึกถึงความแร้นแค้นที่บ้านเกิด ท่านประธานทำหน้าเหมือนกับว่าสงสารผม เขาเอื้อมมาดึงมือผมไปบีบเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ

“อย่าคิดมากเลยครับ สักวันหนึ่ง เคนต้องประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และมีเงินทองใช้สอยไม่ขาดมือ อยากได้อะไรก็ได้ตามที่ต้องการ จะกินอะไรก็ได้กินครับ”

จริงเหรอ นี่เป็นคำพูดในฐานะประธานบริษัทหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็แปลว่าผมจะมีโอกาสเจริญก้าวหน้าในงานที่ทำงั้นสิ ดีจัง

“ขอบคุณครับ ผมก็หวังว่าอย่างนั้น ตั้งใจจะทำงานให้ดีที่สุดเลยครับ”

บอกไปตามใจคิด ท่าทางเขาอารมณ์ดีเมื่อฟังสิ่งที่ผมพูด

“ทานเยอะๆนะครับ”

คนพูดเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆผม ร่างของเขามีเพียงผ้ากันเปื้อนคาดไว้ แต่คราวนี้ดีหน่อยตรงที่มีกางเกงในนุ่งอยู่ตัวหนึ่ง จึงทำให้เขาห่างไกลจากคำว่าอนาจารได้หน่อย แต่มานั่งจนเนื้อแนบเนื้อแบบนี้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้องอย่างไรชอบกล

“ท่านประธานครับ ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”

“จะขอกับท่านประธานก็ต้องรอขอที่บริษัท ที่นี่มีแต่เคลวินภรรยาของเคนครับ”

หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 08-05-2007 11:35:38
ดูจะย้ำเหลือเกินนะว่าเขากับผมเป็นอะไรกัน

“ก็ได้ครับ คุณเคลวิน”

“เคลวินเฉยๆก็ได้ครับ”

เรื่องมากจริง ผมนึกในใจ อยู่ที่ทำงานเป็นเจ้านายก็เรื่องมาก มาอยู่ที่บ้านผม อยากจะเป็นภรรยา แต่ก็ยังทำตัวยุ่งยากอีก เฮ้อ กรรมอะไรของผมนี่ จะต้องเอาใจเขาทั้งที่บ้านและที่ทำงานหรือไงกัน

“ครับ เคลวินก็ได้ครับ ผมอยากขอร้องสักเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าท่านประธาน เอ้อ เคลวินจะให้ผมได้หรือเปล่า แต่ถ้าคุณทำได้ มันจะดีกับเราสองคนมากๆเลยนะครับ”

“ว่ามาได้เลยครับ”

“เอ้อ ผมอยากจะขอร้องว่า ให้ท่าน เอ๊ย เคลวินช่วยแต่งกายให้มันมิดชิดหน่อยได้ไหมครับ อย่าแต่งตัวแบบนี้เวลาอยู่ในบ้านสิ”

“ทำไมหรือครับ มันดูไม่ดีเหรอ เชยไปใช่ไหม หรือว่าเคนอยากให้มันเซ็กซี่กว่านี้ เอาแบบซีทรูดีไหมครับ
จะบ้าตาย คิดได้ไงเนี่ย แค่นึกก็ขำแล้ว ท่านประธานรูปหล่อ สูง หุ่นดี อยู่ในชุดซีทรูบางใส ในขณะที่พยายามทำตัวให้เซ็กซี่

ผมพยายามนึกถึงดาราฮอลลีวูด เอามาเปรียบเทียบกับเขา หน้าตาแบบนี้ ชวนให้ผมนึกไปถึงท่วงท่าอันสุดเซ็กซี่ ของเจสสิก้า อัลบา หรือ ไม่ก็ปารีส ฮิลตัน จะดีไม่น้อย ถ้าประธานเคลวินใส่ถุงน่องตาข่าย และใส่ส้นสูงด้วย คงน่ารักดีพิลึก ภาพในจินตนาการทำให้ผมเผลอหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“จะบ้าเหรอ ท่านประธานเคลวิน คุณเป็นผู้ชายนะ”

“ทำไมครับ เป็นผู้ชายแล้วมีอารมณ์หวาน อารมณ์เซ็กซี่ไม่ได้หรือไง”

เขาทำหน้างอนๆที่ผมไปหัวเราะใส่เขา

“มันแปลกๆนะครับท่านประธานที่ผู้ชายจะลุกขึ้นมาแต่งตัวหวานๆ หรือทำตัวยั่วๆแบบนั้น”

“เชยจริงๆเลย เคนของผมเนี่ย ไม่เอาล่ะไม่เถียงกับเคนแล้ว อ้อ เคนครับ บอกแล้วไง ที่นี่ไม่มีท่านประธานเคลวิน มีแต่นายเคลวิน ภรรยาของคุณเคนครั บ เราไม่มีความต่างชั้นกันในบ้านของเรานะครับ”

“บ้านของเรา”

ผมทวนคำในใจ บ้านเช่าของผมต่างหาก อยู่ๆท่านประธานจะมาถือสิทธิ์ได้ไง

หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 08-05-2007 12:37:40
ดีใจจังเลย มาลงเรื่องต่อแล้ว   :teach:  ขอบคุณนะคับ  o1


ว่าแตลงน้อยจัง ยังม่ะจุใจ ยังไงมาลงต่อเรื่อยๆนะคับ  o18
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 08-05-2007 20:19:36
เรื่องนี้มาต่อแต่สั้นจัง  :o11:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 10-05-2007 09:22:36
เหอเหอ

มาต่อแว้ววววววว

แล้วก้รอต่อปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 o19
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 11-05-2007 13:47:35
มาไรจามารอต่อคร้า  จะรอให้เจ้แห้งตายไปก่อนหรือไงเคอะเนี้ย  o20
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-05-2007 20:39:24
หุหุ อ่านทันแล้ว  o8 สนุกดีค่ะ :impress:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 18-05-2007 01:26:00
“แย่จริงเชียว รู้ว่าคออ่อน ยังกินเข้าไปตั้งเยอะ เมาต่อหน้าท่านประธานเสียด้วย ขายหน้าจัง แล้วนี่จะเมาหยำเป จนพรุ่งนี้มาทำงานทำการไม่ได้หรือเปล่านี่ ท่านประธานก็ไม่น่าจะไปใจดีกับเขาเลยนะครับ”

นายชาตรีอดไม่ได้ที่จะตำหนิ ผมรู้สึกโกรธขึ้นมา

“อย่าไปว่าเขาเลยคุณชาตรี คุณว่าเขาก็เหมือนกับว่าผมนั่นแหละ เพราะผมเป็นคนอนุญาตให้เขาดื่ม แล้วก็พาเขามาทานด้วยที่นี่

ผมจะบอกให้นะคุณชาตรี คนเราน่ะ มันต้องมีน้ำใจไมตรีต่อกัน ถึงเขาจะเป็นลูกจ้างของเรา แต่ตอนนี้ผมว่าเขากำลังขวัญเสีย ต่อเหตุการณ์เมื่อกลางวัน เขาคงกลัวว่าผมจะไล่เขาออกเพราะความผิดเรื่องนั้น ผมไม่อยากทำให้เขารู้สึกว่าบริษัทของเราโหดร้ายกับลูกจ้างนะคุณชาตรี”

ปรามไปนิดหน่อย หวังว่าคงจะพอเข้าใจ

“แต่ต่อไปเขาจะเหลิงนะครับ ไม่แน่นะ เขาอาจจะเอาไปคุยฟุ้งให้ใครต่อใครฟังก็ได้ ว่าได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับท่านประธาน แถมซ้ำ ยังกินเหล้าชนแก้วกันอีก ผมเป็นห่วงภาพพจน์ของท่านครับ”

ยังดื้ออีก แต่ผมก็พอจะเข้าใจความหวังดีของเขานะ นายชาตรีคงไม่อยากให้ใครเอาเรื่องที่ผมพาเคนมาทานข้าวไปพูดกันปากต่อปาก เดี๋ยวมันจะนำความเดือดร้อนมาสู่ผม แต่ถึงอย่างไร ผมก็ไม่กลัวหรอก เรื่องที่นายชาตรีต้องวิตก มันยังมาไม่ถึง หากเขารู้ว่าผมคิดอย่างไรกับเคน เขาอาจจะตกใจมากไปกว่านี้ก็ได้

“ขอบคุณที่เป็นห่วงผม บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ พวกพนักงานจะได้รู้สึกดีว่าผมยังห่วงใยพวกเขาอยู่ และผมไม่ใช่คนที่เข้าถึงตัวไม่ได้ น่าจะทำให้พวกเขาเกิดขวัญกำลังใจในการทำงานนะ”

ผมกล่าวสรุป ถึงแม้นายชาตรีจะไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ไม่กล้าเถียงผม

“เด็กนี่เมาแล้ว เราส่งเขาขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านไปเลยดีกว่าครับ”

ผู้จัดการฝ่ายเปลี่ยนเรื่องพูด โดยการเสนอความคิด แต่ผมตัดสินใจไว้แล้วว่าจะไปส่งเคน ดังนั้นผมจะไม่ให้ใครมาขัดขวางหรอก

“ไม่ต้องหรอก ผมไปส่งเขาเองก็ได้ เมาแบบนี้ เด๋วเกิดเจอแท็กซี่ไม่ดี อันตรายแน่ ผมเป็นคนชวนเขามา ผมต้องรับผิดชอบ คุณกลับไปเถอะ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องเขาหรอก พรุ่งนี้เขามาทำงานทันแน่”

จบคำพูดเพียงเท่านั้น แล้วก็ไม่พูดอีก ในเมื่อผมยืนยันแบบนี้ นายชาตรีก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากช่วยผมประคองร่างของเคนไปขึ้นรถของผม

หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 18-05-2007 01:26:25
บทที่ 4
“อ๊ากกกก”

ผมร้องตะโกนก้อง เมื่อความทรงจำกลับคืนมาแล้ว เมื่อคืนนี้ ผมถูกท่านประธานพากลับมาที่บ้าน จากนั้นมันก็เหมือนกึ่งฝันกึ่งตื่น ผมคิดว่าผมกำลังอยู่กับเจ้าสาวของผม เรามีอะไรกัน แต่เจ้าสาวของผม กลับเป็นฝ่ายทำกับผมเสียเอง ผมคิดว่าผมฝัน ไม่ทันคิดว่า มันจะกลายเป็นเรื่องจริง โธ่นี่ผมเสียความบริสุทธิ์ให้กับท่านประธานแล้วหรือนี่

ความตกใจผสมกับความโกรธ ทำให้ผมสะบัดตัวจากการเกาะกุมของเขาอย่างรุนแรง แต่อ้อมแขนของเขาแข็งแรงมาก ดิ้นไม่หลุดเลย เขากลับกอดผมไว้แน่น แล้วก็พยายามพูดปลอบขวัญผมเพื่อให้ผมผ่อนคลายจากความเครียดที่รู้ว่าตัวเองได้เสียหนุ่มให้เขาแล้ว

โชคชะตาทำไมเล่นตลกกับผมอย่างนี้ เมื่อวานผมทำงานพลาด รับโทรศัพท์จากลูกค้าที่นัดให้คนของบริษัทไปนำเสนองาน ไว้หลายราย แต่ผมพลาดตรงที่ไม่ได้บอกให้ผู้ที่รับผิดชอบทราบ เนื่องจากงานมันประดังประเดเข้ามาเยอะมาก จนผมลืมไปเลย

จนกระทั่งบ่าย ลูกค้าโทรมาเล่นงาน คุณชาตรี จังหวะเหมาะที่ท่านประธานยังไม่ได้เข้าบริษัท ท่านจึงไปพบลูกค้าเพื่อรับหน้าแทนไปก่อน ไม่งั้นโปรเจคในการทำธุรกิจร่วมกันระดับ 1000 ล้านคงสูญสลายไปในพริบตา

มันเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ผมสมควรโดนโกรธ และถูกไล่ออก แต่สิ่งที่ท่านประธานหยิบยื่นให้ คืองานใหม่ ที่ต้องไปทำงานใกล้ชิดเขา

ผมนึกไม่ถึงเลยว่า ของแลกเปลี่ยนที่เขาต้องการ คือร่างกายของผม ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยงตัวเอง และนึกเกลียดเขาขึ้นมา นี่ผมกลายเป็นผู้ชายขายตัวไปแล้วหรือไร ถึงผมจะจน แต่ผมก็มีศักดิ์ศรี เรื่องแบบนี้ผมไม่ยอมให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นความมัวหมองของวงค์ตระกูลผมหรอก

“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะครับ ท่านประธาน”

“ไม่นะ เคน คุณยังไม่เข้าใจ ผมไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆหรอก จนกว่าคุณจะฟังผม”

“ยังต้องมีอะไรอธิบายอีกละครับ ผมรู้แล้วว่าทำไมท่านถึงใจดีกับผมนัก ที่แท้ก็ต้องการทำแบบนี้กับผมนี่เอง เสียแรงที่ผมหลงชื่นชมท่าน คิดว่าท่านจะเมตตาผมอย่างแท้จริง ไม่นึกว่าท่านทำเพื่อหวังเพียงร่างกายของผมเท่านั้น ท่านใจร้ายมากจริงๆ ผมไม่น่าไปกินเหล้ากับท่านเลย ถ้าผมมีสติดีกว่านี้ ผมจะไม่ยอมปล่อยให้ท่านข่มขืนผมหรอก”

ผมต่อว่าเขาด้วยเสียงอันดัง นึกโมโหที่ตัวเองเชื่อใจคนง่ายๆ จนตกมาอยู่ในสถานการณ์แย่ๆแบบนี้ หน้าของท่านประธานเปลี่ยนเป็นเฉยชา แววตาดุดันขึ้นมาทันที ผมเห็นแล้วนึกกลัว แต่พยายามข่มความรู้สึกของตัวเอง ผมจะไม่ยอมหงอให้เขาอีกแล้ว

“สงบสติอารมณ์ก่อนได้ไหม แล้วฟังผมพูดก่อนสิ แล้วจะรู้ว่าผมทำแบบนี้ทำไม ถ้าคุณเอาแต่โวยวาย ไม่ฟังเหตุผล เราสองคนก็จะเข้าใจผิดแบบนี้กันไปตลอด ได้โปรดรับฟังหน่อย”[/
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 18-05-2007 01:26:47
น้ำเสียงที่นั่นดูมีอำนาจในการที่จะบีบบังคับให้ผมต้องหยุดโวยวาย และนิ่งฟังเขา ท่านประธานกอดกระชับผมไว้ในวงแขนแนบแน่น ราวกับกลัวว่าผมจะหนีหายไปไหน

“ที่ผมทำไปทั้งหมดนั้น เพราะว่าผมรักคุณ ผมอยากจะเป็นเจ้าสาวของคุณครับ”

“เจ้าสาว.....หึหึ ....ตลกล่ะ เราผู้ชายด้วยกัน จะอยู่กินกันอย่างไร ท่านประธานเป็นเจ้าสาวผมไม่ได้หรอก ผมมีคนที่ผมจะแต่งด้วยแล้ว”

“แต่คุณแต่งกับเขาไม่ได้หรอก คุณเป็นของผมแล้วนะ แล้วผมจะไม่มีวันให้คุณไปเป็นเจ้าบ่าวของใคร นอกจากผม ถ้าหากคุณยังดื้อที่จะแต่งงานด้วย ผมจะไปพูดกับผู้หญิงคนนั้น ตกลงกันไปเลย เขายังไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ แต่ผมเป็นเมียคุณแล้ว ผมคิดว่าเขาคงไม่ใจร้ายจนคิดจะทำลายหัวอกคนเป็นเมียอย่างผมหรอก”

ท่าทางคนพูดดูน่าหมั่นไส้เหลือเกิน มั่นใจตัวเองจริงนะ

“อะ...อะไร กัน เป็นเมียได้อย่างไร ก็ท่านประธานเป็นคนล่วงเกินผม ผมยังไม่ได้ทำอะไรท่านสักหน่อย”

“ก็ทำไมล่ะ ผมเป็นภรรยาแบบที่ชอบเป็นฝ่ายทำยังไงล่ะ ไม่เห็นจะแปลก เอาแบบนี้แหละ ผมเป็นเมีย คุณเป็นสามี ผมรักคุณผมถึงทำแบบนี้ นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้เคนรู้ เรื่องอื่นๆเอาไว้ค่อยพูดกันทีหลังได้ไหม

ตอนนี้มันเจ็ดโมงแล้ว งานเข้าแปดโมงไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่อยากไปสายแล้วถูกเจ้านายเขม่นตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานใหม่ละก็ รีบไปอาบน้ำและทำงานได้แล้ว ผมก็ต้องกลับไปบ้านก่อน ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาสำรอง ต้องกลับไปเปลี่ยน เย็นนี้ค่อยคุยกันนะครับที่รัก”

เขาบอกอย่างรัวเร็ว จากนั้นก็ผละออกจากผม พลางตบก้นผมเบาๆแล้วรุนหลังผมให้เข้าห้องน้ำ ตลอดเวลาเหล่านั้น ผมได้แต่งง สับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพราะผมคิดช้า เลยทำให้ไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรง่ายๆ กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาก็ผลุนผลันออกจากห้องเช่าของผมไปแล้ว ทิ้งให้ผมตีอกชกหัวอยู่เพียงลำพัง ด้วยความแค้นใจที่ถูกหลอกฟัน

หลังจากรีบจนสุดชีวิต เพราะกลัวเข้างานสาย ผมก็ตะเกียกตะกายขึ้นรถสองแถว ไปต่อรถเมล์เพื่อไปทำงาน ถึงบริษัทสายไปห้านาที แต่กระนั้น เจ้านายเก่าของผม คุณชาตรี ก็มองอย่างไม่พอใจ

เขาเรียกผมไปต่อว่าทันทีที่เห็นหน้า แล้วก็บ่นด่าเรื่องที่ผมมาสาย ผมไม่มีโอกาสได้โต้ตอบ เพราะแกเอาแต่ใส่ผมฉอดๆ แต่ก็ดีแล้วที่เป็นแบบนี้ เพราะต่อให้ผมอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม เขาก็คงไม่เชื่อ ศักดิ์ศรีของท่านประธานบริษัท กับ พนักงานชั่วคราวอย่างผม มันเทียบกันไม่ได้

พนักงานที่ถูกล่วงเกินทางเพศในที่ทำงาน เขาจะรู้สึกคับแค้นอึดอัดอย่างผมหรือเปล่าหนอ พูดไม่ออก บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ หรือผมจะแจ้งความดี เอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุด ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายให้หมดตัวไปเลย

แต่เอ๊ะ แน่ใจหรือเปล่าว่าเขาข่มขืนผมอย่างเดียว ทำไมมันคลับคล้ายคลับคลาว่าผมก็ร่วมมือไปด้วย แต่ไม่นะ ไม่มีทางหรอก ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนี่นา ท่านประธานนั่นล่อลวงผม มันไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของผม และเขาจะทำกับผมได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น


............................................
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-05-2007 15:25:34
เหอเหอ

มาต่อแว้วววว

ขอบคุณคร้าบบบบบบ

 o1
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: meeza31 ที่ 18-05-2007 19:38:47
ฮาดีแต่ทำใมเอาตอนเก่ามาลงละ  o14
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 18-05-2007 19:49:05
ท่านพี่เต้ มานถึงบทที่6แล้วนะท่านพี่ ท่านพี่ลงบทที่4ซ้ำอ่ะ และแล้วเราก็มีคนโก๊ะเหมือนเราแย้ว เย้ๆดีใจจัง  o7

 : 222222:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-05-2007 20:32:11
ลงซ้ำง่า  :dont2: อุตส่าห์ดีใจ  :sad2:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: meeza31 ที่ 18-05-2007 20:38:05
มาลงตอนใหม่ด่วนนนน   o11 o11

ปล.ลงตอนซ้ำต้องเพิมตอนลงเยอะกว่าเดิมด้วย อิอิ  :interest: :interest:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 20-05-2007 13:02:25
ขออภัย ผมเมาจริงๆด้วย จะโพสให้ใหม่ ยาวกว่าเดิมละกัน
*******************************************************************************
กับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะ ถูกนำไปอุ่นใหม่ จนร้อนควันฉุย เป็นอาหารแปลกๆไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตา ไม่น่าจะใช่อาหารไทย แต่มันก็มีสีสันดูหน้ารับประทาน

เจ้านายฝรั่งคงเห็นตาผมมองจ้องไปที่อาหารอย่างแปลกใจ เขาก็ยิ้มประจบประแจงผม ทำหน้าอายๆขณะที่พูดให้ผมฟังว่า เขาถนัดแต่ทำอาหารฝรั่ง แต่กำลังลองทำอาหารไทยอยู่ ยังทำไม่ค่อยเก่ง แต่เขาจะพยายามหัดเพื่อผม

ความตั้งใจจริงที่จะทำให้ผมชอบเขา ทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่อีกหรือเปล่า เขาจะแสดงความรักกับผมมากน้อยแค่ไหน จะหยุดอยู่แค่ที่บ้าน หรือจะเลยเถิดไปถึงที่ทำงานด้วย แค่ที่เป็นอยู่นี้ ผมยังรับไม่ได้ ถ้าเขาไปวุ่นวายกับผมในที่ทำงาน ผมคงเป็นบ้าตายแน่ๆ

“ทานปลานี่แซลมอนนี่หน่อยนะครับ อร่อยนะครับ หรือจะทานเนื้ออบก็ได้”

เขาชี้ชวนให้ทานอาหารที่เขาทำไว้ให้ และทำท่าว่าจะตักใส่จานมาให้ผมด้วย ผมรีบร้องห้าม เพราะไม่อยากจะให้เขามาเอาใจใส่ใกล้ชิดผมนัก

“ไม่เป็นไรครับ ผมทานเองได้ อื้ม ผมไม่ทานเนื้อวัวด้วยนะครับ ท่านประธานทานเถอะ”

“อ้าว จริงเหรอครับ ทำไมล่ะ นับถือเจ้าแม่กวนอิมหรือครับ”

ท่านประธานถามผมด้วยท่าทางแปลกใจ

“เปล่าหรอกครับ แต่บ้านผมทำนา วัวควาย เป็นเพื่อนยากมาตั้งแต่ผมจำความได้ มันเป็นสัตว์ให้คุณกับพวกผม เลยไม่กล้ากินมันครับ อันนี้ หมายถึงผมเป็นคนเดียว นะครับ ที่บ้านก็ยังคงกินอยู่ แบบเลือกไม่ได้ เพราะไม่มีจะกินหนะครับ”

ผมจบคำพูดด้วยเสียงหัวเราะขื่นๆ เมื่อนึกถึงความแร้นแค้นที่บ้านเกิด ท่านประธานทำหน้าเหมือนกับว่าสงสารผม เขาเอื้อมมาดึงมือผมไปบีบเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ

“อย่าคิดมากเลยครับ สักวันหนึ่ง เคนต้องประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และมีเงินทองใช้สอยไม่ขาดมือ อยากได้อะไรก็ได้ตามที่ต้องการ จะกินอะไรก็ได้กินครับ”

จริงเหรอ นี่เป็นคำพูดในฐานะประธานบริษัทหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็แปลว่าผมจะมีโอกาสเจริญก้าวหน้าในงานที่ทำงั้นสิ ดีจัง

“ขอบคุณครับ ผมก็หวังว่าอย่างนั้น ตั้งใจจะทำงานให้ดีที่สุดเลยครับ”

บอกไปตามใจคิด ท่าทางเขาอารมณ์ดีเมื่อฟังสิ่งที่ผมพูด

“ทานเยอะๆนะครับ”

คนพูดเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆผม ร่างของเขามีเพียงผ้ากันเปื้อนคาดไว้ แต่คราวนี้ดีหน่อยตรงที่มีกางเกงในนุ่งอยู่ตัวหนึ่ง จึงทำให้เขาห่างไกลจากคำว่าอนาจารได้หน่อย แต่มานั่งจนเนื้อแนบเนื้อแบบนี้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้องอย่างไรชอบกล

“ท่านประธานครับ ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”

“จะขอกับท่านประธานก็ต้องรอขอที่บริษัท ที่นี่มีแต่เคลวินภรรยาของเคนครับ”

ดูจะย้ำเหลือเกินนะว่าเขากับผมเป็นอะไรกัน

“ก็ได้ครับ คุณเคลวิน”

“เคลวินเฉยๆก็ได้ครับ”

เรื่องมากจริง ผมนึกในใจ อยู่ที่ทำงานเป็นเจ้านายก็เรื่องมาก มาอยู่ที่บ้านผม อยากจะเป็นภรรยา แต่ก็ยังทำตัวยุ่งยากอีก เฮ้อ กรรมอะไรของผมนี่ จะต้องเอาใจเขาทั้งที่บ้านและที่ทำงานหรือไงกัน

“ครับ เคลวินก็ได้ครับ ผมอยากขอร้องสักเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าท่านประธาน เอ้อ เคลวินจะให้ผมได้หรือเปล่า แต่ถ้าคุณทำได้ มันจะดีกับเราสองคนมากๆเลยนะครับ”

“ว่ามาได้เลยครับ”

“เอ้อ ผมอยากจะขอร้องว่า ให้ท่าน เอ๊ย เคลวินช่วยแต่งกายให้มันมิดชิดหน่อยได้ไหมครับ อย่าแต่งตัวแบบนี้เวลาอยู่ในบ้านสิ”

“ทำไมหรือครับ มันดูไม่ดีเหรอ เชยไปใช่ไหม หรือว่าเคนอยากให้มันเซ็กซี่กว่านี้ เอาแบบซีทรูดีไหมครับ
จะบ้าตาย คิดได้ไงเนี่ย แค่นึกก็ขำแล้ว ท่านประธานรูปหล่อ สูง หุ่นดี อยู่ในชุดซีทรูบางใส ในขณะที่พยายามทำตัวให้เซ็กซี่

ผมพยายามนึกถึงดาราฮอลลีวูด เอามาเปรียบเทียบกับเขา หน้าตาแบบนี้ ชวนให้ผมนึกไปถึงท่วงท่าอันสุดเซ็กซี่ ของเจสสิก้า อัลบา หรือ ไม่ก็ปารีส ฮิลตัน จะดีไม่น้อย ถ้าประธานเคลวินใส่ถุงน่องตาข่าย และใส่ส้นสูงด้วย คงน่ารักดีพิลึก ภาพในจินตนาการทำให้ผมเผลอหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“จะบ้าเหรอ ท่านประธานเคลวิน คุณเป็นผู้ชายนะ”

“ทำไมครับ เป็นผู้ชายแล้วมีอารมณ์หวาน อารมณ์เซ็กซี่ไม่ได้หรือไง”

เขาทำหน้างอนๆที่ผมไปหัวเราะใส่เขา

“มันแปลกๆนะครับท่านประธานที่ผู้ชายจะลุกขึ้นมาแต่งตัวหวานๆ หรือทำตัวยั่วๆแบบนั้น”

“เชยจริงๆเลย เคนของผมเนี่ย ไม่เอาล่ะไม่เถียงกับเคนแล้ว อ้อ เคนครับ บอกแล้วไง ที่นี่ไม่มีท่านประธานเคลวิน มีแต่นายเคลวิน ภรรยาของคุณเคนครั บ เราไม่มีความต่างชั้นกันในบ้านของเรานะครับ”

“บ้านของเรา”

ผมทวนคำในใจ บ้านเช่าของผมต่างหาก อยู่ๆท่านประธานจะมาถือสิทธิ์ได้ไง

.........................................

หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 20-05-2007 13:03:12
เชยจริงๆเลย เคนของผมเนี่ย ไม่เอาล่ะไม่เถียงกับเคนแล้ว อ้อ เคนครับ บอกแล้วไง ที่นี่ไม่มีท่านประธานเคลวิน มีแต่นายเคลวิน ภรรยาของคุณเคนครั บ เราไม่มีความต่างชั้นกันในบ้านของเรานะครับ”

“บ้านของเรา”

ผมทวนคำในใจ บ้านเช่าของผมต่างหาก อยู่ๆท่านประธานจะมาถือสิทธิ์ได้ไง

“ผะ ...ผม ทำ งะ งั้น ไม่ได้หรอกครับ ท่านเป็นเจ้านาย ผมเป็นลูกน้อง ผมไม่กล้าตีเสมอหรอก เอ้อ มันไม่ควรครับ”

“ไหนครับเจ้านาย เขาอยู่ที่ไหนกัน มองผมสิครับ ตอนนี้ผมเหมือนเจ้านาย หรือเปล่า”

...................................................

บทที่ 7 สามีสุดที่รักของผม

ผมย้อนถามเคน รู้สึกรำคาญนิดหน่อยที่เขาทำตัวห่างเหินกับผม แต่ก็พอจะเข้าใจว่า เขารู้สึกเกร็งเนื่องจากว่าเรามีความแตกต่างกันทางฐานะทางสังคม เขาอยู่ในฐานะลูกน้องใต้สังกัด และภาพที่ผมแสดงออกไปคือเจ้านายจอมโหด ที่เขาต้องตัวลีบ กลัวหงอเวลาเจอหน้ากันในที่ทำงาน

สิ่งที่ผมแสดงออกไปนั้น มันเป็นเพียงหัวโขนในฐานะของประธานบริษัทเท่านั้น ผมจำเป็นต้องเข้มงวดกับทุกคน แม้กับคนที่ผมรัก เพื่อให้พวกเขาทำงานได้อย่างถูกต้อง อันจะเป็นผลดีต่อบริษัท และตัวเขาเองในภายภาคหน้า

ถ้าบริษัทเจริญรุ่งเรืองมีกำไร พนักงานทุกฝ่ายที่ทำงานอย่างขันแข็งก็จะได้ผลตอบแทนคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน โบนัส หรือสวัสดิการต่างๆ

สำหรับเคน ผมจำเป็นต้องเข้มงวดกับเขาเป็นพิเศษ เพราะผมอยากให้เขาได้รับการบรรจุเร็วๆจะได้ไม่มีใครนินทาว่าร้ายเขา เขาเกือบจะถูกเลิกจ้าง เพราะปฏิบัติงานผิดพลาดมาโดยตลอด แต่ผมก็รับเขามาทำงานด้วย ผมคิดว่าเขามีความสามารถบางอย่าง แต่ที่หน่วยงานเดิมไม่ค้นพบ เลยทำให้ใช้งานเขาเปะปะ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จนบางครั้งเขาเบลอเลยทำความเสียหายเกิดขึ้น แต่หากฝึกเขาเสียใหม่ แล้วจัดระเบียบการทำงานของเขาให้ดีขึ้น เขาก็น่าที่จะเป็นพนักงานที่มีฝีมือดีคนหนึ่ง

ที่สำคัญเขาเป็นคนมีคุณธรรมในหัวใจ เป็นคนที่เอื้ออาทรต่อคนรอบข้าง ผมอยากเห็นคนประเภทนี้ปะปนอยู่ในบริษัทผมบ้าง ไม่ใช่มีแต่คนที่แก่งแย่งแข่งขันจนไร้หัวใจ การก้าวไปสู่ความสำเร็จเป็นกลุ่ม ย่อมดีกว่าจะก้าวหน้าไปเพียงคนเดียว

เคนเองก็ต้องปรับตัวให้ได้ กับการเคี่ยวเข็ญของผม เพราะหากเขาทำงานพลาด เขาจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนไร้น้ำยา ไม่มีฝีมือ ไม่เหมาะกับงานใหญ่ๆโตๆ คำนินทาว่าร้ายจะมาถึงหูเขามากยิ่งขึ้น และที่สำคัญพวกเขาจะมองว่าการตัดสินใจของประธานบริษัทผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ที่เอาคนทำงานไม่เป็นมาร่วมงานด้วย

ถึงเขาจะเกลียดผมไปจนวันตาย ในฐานะเจ้านายใจร้าย แต่เมื่อถึงวันหนึ่งที่เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เขาจะจดจำผมได้ และเข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามเคี่ยวเข็ญให้กับเขาทำ เมื่อวานนี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น เขาจะต้องเจอหนักมากกว่านี้อีก

แต่นั่นมันเป็นตัวตนของผมในที่ทำงาน แต่สำหรับที่บ้าน ในครอบครัวที่มีคนที่เรารักอยู่ด้วย ผมก็อยากจะมีช่วงเวลาหวานๆให้กัน ผมรู้ตัวดีว่า ผมหลงรักเคนเข้าให้แล้ว ผมอยากอยู่กับเขา อยากเป็นเจ้าสาวของเขา อยากทำให้เขามีความสุข ถึงแม้ในที่ทำงานผมจะร้ายกาจกับเขา แต่เวลาอยู่บ้าน ผมตั้งใจจะทำดีๆกับเขาให้มากที่สุด

น่าสงสารที่เคนยังสับสนกับการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของผม เขาคงไม่รู้จะรับมืออย่างไร จะทำตัวตีเสมอก็ใช่ที่ จะหงอใส่ตลอดเวลา ผมก็ไม่ชอบ อยากให้เขาทำตัวเข้มแข็งเป็นหัวหน้าครอบครัวเมื่ออยู่ในบ้าน มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อให้เคนเคยชินและปรับตัวได้


หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 20-05-2007 13:03:38
“ผมขอย้ำนะครับ ในบ้านหลังนี้ มีผู้นำได้แค่คนเดียว คือคุณเท่านั้น คุณเป็นหัวหน้าครอบครัว ผมเป็นเพียงภรรยา เป็นเพียงผู้ตามนะครับ แล้วเราก็จะไม่คุยกันเรื่องงานดีไหมครับ”

ยื่นข้อเสนอไปแบบนั้น หวังว่าคงจะช่วยทำให้เขาสบายใจขึ้น อดนึกขำไม่ได้ ผมว่าจะเลิกเผด็จการ แต่เมื่อครู่นี้ ผมก็ทำอย่างกับว่าบ้านนี้เป็นของผม แล้วเคนเป็นลูกน้อง ที่ผมจะสั่งอะไรได้ตามใจคิด เห็นทีว่าแม้แต่ตัวผมเองก็คงจะต้องปรับตัวยกใหญ่เหมือนกัน

เขามองหน้าผมอย่างงงๆ ดูน่ารักมากเวลาเขาทำหน้าเอ๋อๆ ผมหลงรักท่าทางแบบนั้นจัง มันทำให้เขาดูเป็นคนซื่อๆที่น่าหลงใหลที่สุด มือไวตามใจคิด

ผมยื่นมือสองข้างออกมาประคองใบหน้าของเขา เราสองคนมองสบตากันนิ่งนาน จากนั้นใบหน้าของผมก็เคลื่อนเข้าหาใบหน้าของเขา เหมือนว่ามันมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง ปากนุ่มของผมปิดลงบนปากของเขาเพื่อมอบจุมพิตที่เร่าร้อนให้

“เดียะ...เดี๋ยวก่อนนะครับ เมื่อกี้เข้าใจว่าผมกำลังพูดถึงให้ท่านประธานแต่งตัวให้เรียบร้อย ไม่ใช่ให้ท่านประธานมาจูบผมนะครับ”

สุดที่รักของผมต่อว่าต่อขานทันทีที่ผมถอนจูบจากเขา มือไม้ผลักไสผมเป็นพัลวัน นึกน้อยใจอยู่บ้างนิดหน่อย ที่เขาทำกับผมแบบนี้ แต่ผมพยายามเข้าใจว่าเขาไม่เคยชิน กับการอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยากับผู้ชาย แถมคนที่เป็นภรรยาตัวเองยังเป็นหัวหน้าโดยตรงอีกด้วย

“แหมไม่ต้องเขินหรอกนะครับ ก็เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว เราก็ทำแบบนี้กันได้เป็นธรรมดานะครับ ส่วนเรื่องการแต่งกาย แต่งแบบนี้ถ้าเคนไม่ชอบ ผมจะเปลี่ยนก็ได้นะครับ ที่จริงน่ะ เห็นคุณกลับมาเหนื่อยๆ ก็อยากให้คุณกระชุ่มกระชวย ตื่นเต้นเร้าใจ หายเครียดได้บ้างน่ะครับ ไม่คิดว่ามันจะทำให้คุณไม่พอใจ”

“เอ้อ ...คือว่า...มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ท่านประธาน เพียงแต่มันดูแปลกๆ ผมไม่ชิน อีกอย่างการทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย ไม่ต้องแต่งตัวแบบนี้มาก็ได้ครับ แทนที่จะหายเครียด ผมว่ามันกลับจะยิ่งทำให้ผมอาการหนักกว่าเดิมก็ได้ครับ ขอร้องละนะ อย่าทำให้ผมหัวใจจะวายมากกว่านี้เลยนะครับ”

“ว้า แย่จังเลยนะ ผมอุตส่าห์จะทำให้เคนอารมณ์ดี แต่ถ้ามันทำให้เคนรู้สึกวุ่นวายใจ ผมจะแต่งตัวให้เรียบร้อยก็ได้นะครับ”

รีบเอาใจเขาดีกว่า ไม่อยากให้เขา จะแต่งตัวแบบไหนดีหนอ เคนอ่ะ ผมอุตส่าห์ทำตัวเซ็กซี่ เพื่อที่จะยั่วให้เคนเกิดอารมณ์สักหน่อย เขากลับไม่ชอบใจอีก เอาใจยากจริงแฮะ แล้วผมต้องทำอย่างไรดีนี่ ถึงจะทำให้เขาเกิดอารมณ์ ถ้าต้องปล้ำกันบ่อยๆ คงไม่ไหว ไม่อยากให้เขาเสียความรู้สึกที่เขามีต่อตัวผมเลย
“ดีแล้วล่ะครับ ท่านประธาน..เอ้อ..เคลวิน..ผมว่าถ้าคุณใส่เสื้อผ้า มันน่าดูดีกว่าแต่งตัวโป๊ๆนะครับ คุณเป็นคนหุ่นดี หน้าตาหล่อเหลา ใส่อะไรก็ดูเหมาะสม เท่ห์ และสง่างามไปหมดละครับ”
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 20-05-2007 13:04:38


เฮ้นั่นมันคำชมผมใช่ไหมละนั่น เขาบอกว่าผมหล่อ หุ่นดี แต่งกายอะไรก็เท่ห์ คำพูดแบบนี้แสดงว่าเขาก็สังเกตเกี่ยวกับตัวผมบ้างแล้ว ดีใจจังที่อย่างน้อยผมก็อยู่ในสายตาของเขา

“ครับ ได้ครับ ถ้าหากนั่นเป็นสิ่งที่เคนชอบ ผมยินดีทำตามนะครับ”

เขายิ้มให้ผมหลังจากที่ผมรับปากว่าจะไม่แต่งตัวล่อแหลมอีกแล้ว ผมมองรอยยิ้มนั้นอย่างเพลิดเพลิน มันเป็นยิ้มที่เป็นธรรมชาติไม่มีอาการฝืนหรือเกร็งให้เห็น

“ผมทานข้าวอิ่มแล้วละครับ เดี๋ยวผมล้างจานเองนะ”

เคนรวบช้อน และตั้งท่าจะเอาจานชามไปเก็บ ผมรู้สึกปลื้มที่เขาช่างเป็นสามีที่มีน้ำใจเหลือเกิน ไม่ทิ้งภาระทำงานบ้านให้กับผู้เป็นภรรยา แต่เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้าครอบครัว แล้ววันนี้ก็ทำงานหนักมาทั้งวัน ดังนั้นผมจะไม่ยอมให้เขาเหนื่อยอีกต่อไป เมื่อมาถึงบ้าน ต้องเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องปรนนิบัติรับใช้ ดูแลให้เขามีความสุข ผมดึงจานจากมือเขากลับมาเบาๆ และพูดห้ามเขา

“ไม่เป็นไรครับ เคนมาเหนื่อยๆ ไปพักเถอะนะครับ เรื่องในบ้านผมจะจัดการเอง ไม่ต้องห่วงหรอก ผมเป็นภรรยา ผมมีหน้าที่ปรนนิบัติสามีให้มีความสุขน่ะครับ”

“อ่ะ ...เอ้อ...แต่ว่า...งั้นก็ได้ครับ”

ดูสิ คนอะไรก็ไม่รู้ แม้แต่ท่าทางเอ๋อๆ พูดจาติดอ่าง ก็ดูน่ารัก เขาคงงง วางตัวไม่ถูกที่ประธานบริษัทอย่างผมมาทำโน่นทำนี่ให้ แต่ในที่สุดก็ยอมให้ผมทำด้วยท่าทางเกรงใจ เห็นแล้วอดหวั่นไหวไม่ได้ อยากดึงเขามาจูบและกอดให้สาสมกับความคิดถึง แต่ก็ต้องระงับอารมณ์ไว้ก่อน เอาไว้จัดการทุกอย่างในบ้านให้เรียบร้อย แล้วค่อยไปขอกุ๊กกิ๊กกับเขาทีหลัง

ผมล้างจานเก็บกวาดบ้าน และเอาเสื้อผ้าของเคนใส่ถุงพลาสติกเก็บไว้ ผมกะจะเอาไปให้คนซักรีดให้ที่บ้าน รู้สึกสงสารที่เขาต้องนั่งซักเองกับมือ อยากซื้อเครื่องซักผ้าเอาไว้ให้เขาใช้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปวางไว้ตรงไหน เพราะห้องเช่าของเขามันคับแคบเสียเหลือเกิน แค่อยู่กันสองคน ผมกับเขา เดินไปเดินมาก็แทบจะชนกันตายแล้ว

ที่จริงผมอยากให้เขาย้ายไปอยู่กับผม หรือไม่ก็ซื้อห้องชุดให้เขาซักห้องหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้อยู่สบายขึ้น แต่เคนคงไม่มีทางรับของอะไรจากผมหรอก เคนของผมเป็นคนซื่อจะตาย เขาไม่ฉกฉวยผลประโยชน์เอาจากผมแน่นอน ไม่เหมือนผู้ชายหรือผู้หญิงอีกหลายคนที่พยายามจะเสนอตัวให้ผม เพียงเพื่อหวังจะอาศัยความร่ำรวยที่ผมมีอยู่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

หลังจากทำหน้าที่ภรรยาที่ดีเก็บกวาดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาสักทีที่จะปฏิบัติในเรื่องบนเตียง ผมเดินมาหาเขาที่เตียงนอน ก็พบว่าเคนของผมหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อย แล้วก็หลับในสภาพนอนคว่ำ เอียงหน้าแนบกับหมอน

ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกรักใคร่อย่างบอกไม่ถูก นี่เขาปฏิเสธผมหรือเชิญชวนกันแน่ ดูสิ ปากบอกไม่ แต่ทำมาเป็นนอนก้นงอนให้ผม มันน่าจับปล้ำทั้งๆที่หลับแบบนี้นัก ..ผมนึกมันเขี้ยวขึ้นมาในทันใด แต่ช้าก่อน ลักหลับมักไม่ค่อยได้อารมณ์ สู้ให้เคนของผมพร้อมก่อนดีกว่า


หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: tae ที่ 20-05-2007 13:05:02
ผมล้มตัวลงนอนบนตัวเขาทางด้านหลัง แล้วกอดเขาไว้แน่น ดีใจจังเลยที่ได้นอนกับเคนของผม ถึงแม้ว่าวันนี้เราจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่ติดไว้ก่อนก็ได้ วันนี้สุดที่รักของผมเหนื่อยมาทั้งวัน เพราะต้องผจญกับงานหนัก เอาไว้พรุ่งนี้ผมค่อยอ้อนขอมีอะไรกับเขาอีก

“ขอแค่นอนกอดคุณแค่นี้ ผมก็มีความสุขแล้วครับ”

พูดออกไปด้วยเสียงอันดัง ด้วยหวังว่าถ้าเขายังหลับไม่สนิทคงจะได้ยินคำพูดของผม เตียงนอนของเขาเล็กแคบ แต่นั่นมันไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผม ขอเพียงมีเขาอยู่ด้วยแค่นั้นก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว

ความสุขที่ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก ทำให้ผมฝัน ในฝันนั้น ผมได้สวมชุดสูทสีขาวบริสุทธิ์มีผ้าโปร่งคลุมหน้าเจ้าสาวขลิบริมด้วยลูกไม้ครอบอยู่ที่ศีรษะ ส่วนเจ้าบ่าวของผมใส่ชุดสูทสีขาวเช่นเดียวกัน ใบหน้าของเขาดูดีชวนมองยามยิ้มให้กับผม

เราต่างให้สัตย์สาบานต่อหน้าบาทหลวงที่มาทำพิธี และ ญาติสนิทมิตรสหายที่มาเป็นพยานแห่งความรักของเรา เคนสวมแหวนให้ผม และผมเองก็มีแหวนมอบให้เขาเช่นกัน จากนั้นเราก็จูบกันอย่างดูดดื่ม ช่างเป็นความฝันที่แสนหวานเสียนี่กะไร มันทำให้ผมไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย อยากจะมีความสุขอยู่ในความฝันแบบนั้น

“โตขึ้นอยากเป็นอะไรหือเคลวิน”

น้ำเสียงที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักและเอ็นดูในตัวผมถามขึ้น เมื่อคราวที่คุณย่ามาเยี่ยมบ้าน

“อยากเป็นเจ้าสาวคับ”

ผมในวัย 4 ขวบตอบไปแบบนั้น

“หือ เจ้าน่ะหรือเคลวิน อยากเป็นเจ้าสาว ทำไมไม่อยากเป็นเจ้าบ่าวล่ะ”

คุณย่าถามด้วยความเอ็นดูปนขำ จำได้ว่าผมตอบออกไปอย่างมั่นอกมั่นใจว่า

“เพราะเป็นเจ้าสาวแล้วจะมีความสุขครับ”

มีเสียงหัวเราะดังมาจากคุณย่าของผม

“ไปได้ยินจากที่ไหนมาว่าเป็นเจ้าสาวแล้วจะมีความสุขน่ะ”

“จากคุณน้าคับ”

ตอนนั้นคุณน้าผมแต่งงานไปใหม่ๆ ผมเห็นเธอมีหน้าตาแจ่มใสสดชื่น ท่าทางจะความสุขมาก คุยถึงสามีของเธอไม่ยอมหยุด เธอเล่าให้ฟังบ่อยๆว่า สามีชาวไทยเอาอกเอาใจ และรักเธอมากแค่ไหน เขาทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีค่า และเธอพยายามที่จะบอกกับทุกๆคนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอคือการได้แต่งงานกับผู้ชายไทยคนนั้น

“ยังอยากเป็นเจ้าสาวอีกหรือเปล่าเคลวิน”

ตอนที่ถูกถามนั้น ผมอายุได้ 9 ขวบแล้ว คนถามคือคุณน้าที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมอยากกลายเป็นเจ้าสาว ถามผมด้วยความเอ็นดู เพราะเธอรับรู้มาตลอดว่าผมมุ่งมั่นแค่ไหนที่จะเป็นเจ้าสาวของใครบางคนให้ได้ แต่เธอไม่ได้ตำหนิอะไร เพราะคิดว่ามันเป็นแค่การคิดแผลงๆของเด็กซนๆคนหนึ่ง เมื่อโตขึ้นอาการอยากเป็นเจ้าสาวคงจะหายไปได้เอง เธอไม่เคยรู้เลยว่าผมเอาจริง
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: MyLoveMyBabe ที่ 20-05-2007 14:12:12
อิอิ อยากเป็นเจ้าสาว  แปลกดี หุหุ แถมรุกอีกต่างหาก  o3


แต่ชอบครับ ว่าแต่ไมลงซ้ำๆกันอ่าครับ  ยังไงก้มาลงต่อนะคร๊าบบบบ o22
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-05-2007 14:58:38
อย่างนี้พอจะเรียกว่า สาวรุกได้ป่าว  :laugh3:  :laugh3:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: meeza31 ที่ 20-05-2007 18:19:07
ทำใมชอบลงตอนซำๆอ่าคับ งง  o1

สนุกดีแล้วมาต่อนะคับ  o1
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 20-05-2007 21:37:29
รออ่านต่อจ้า........ :teach:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-05-2007 17:28:51
อ่านแล้วงงๆ อะน้องเต้

มันซ้ำตอนต้นกันหลายตอนนะ

ปวดหมองงงงงงงงงง

หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 22-05-2007 01:22:14
 :confuse:  ท่านเต้มาววววอีกแล้วว บท 7 ลงไปแล้วจ้า ต้องต่อด้วยบท 8  โก๊ะเหมือนเราเยย อิอิ (มีเพื่อนแย้วว)  o3
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: katesnk ที่ 30-06-2007 03:27:13
 o15 ขอบคุณคุณลุงเต้มากค่ะ แล้วก็ขอบคุณทุกๆคนที่ชอบนิยายเรื่องนี้ ค่ะ  :m1:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-06-2007 12:19:08
นึกว่าพี่เคทมาต่อซะแล้วววววว

เหอเหอ

 :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 30-06-2007 12:21:54
น่านจิๆ นึกว่าเจ้าของเรื่องมาต่อ  :m12: :m12:
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ นะค้าบบ  o1 o1
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: katesnk ที่ 20-07-2007 17:38:45
 :try2: อยากมาต่อให้เหมือนกัน แต่ว่ายุ่งๆอยู่เลยค่ะ อะฮือ :m15:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 20-07-2007 17:41:43
มะเปงรายครับ

รอได้ครับผม

 :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 20-07-2007 23:23:15
ดันรอแน๋วมาต่อ
เต้ท่าจะยุ่งๆ
 :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 21-07-2007 11:03:42
งั๊นเราลงบท8ต่อเลยแล้วกันนะ  :m11: บทที่ลงแล้วซ้ำกันก็พยายามอ่านกันให้เข้าใจกันเอาเองนะจ๊ะ คึคึ

***********************************************************

บทที่ 8 ความพยายามที่รอผลสำเร็จ


“เคนครับ ตื่นได้แล้วนะ เช้าแล้ว รีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานเถอะ ไปสายจะถูกดุเอาได้นะครับ”

เสียงกระซิบที่อบอุ่นนั่นดังอยู่ข้างหูของผม พร้อมๆกับที่ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดอยู่แถวแก้มและลำคอ ปากนุ่มที่พูดอยู่เมื่อครู่นี้เปลี่ยนมาจูบซุกไซร้ที่ซอกคอของผมจนขนลุกซู่ไปหมด

ร่างกายถูกลูบไล้ ผมรู้สึกได้ถึงมือใหญ่ๆนุ่มนวลเคลื่อนที่ลงต่ำเข้ามาในกางเกงนอนของผมแล้วลูบไล้น้องชายตัวน้อยที่กำลังหลับใหลอยู่ให้ตื่นขึ้น

เมื่อทนคนรบกวนการนอนไม่ไหว ผมก็เลยต้องลืมตาตื่น แล้วหันไปมองคนที่กำลังซุกซนอยู่บนตัวผม สิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มหวานกับดวงตาสีฟ้าที่จ้องมองมาอย่างรักใคร่

“หกโมงกว่าแล้ว ลุกไปอาบน้ำได้แล้วครับ ผมทำอาหารเช้าไว้ให้ทานแล้วนะ”

ให้ตายเถอะ อยู่ดีๆผมก็รู้สึกจิตใจสงบอบอุ่นขึ้นมา เหมือนผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้า และมีภรรยาที่แสนจะน่ารักมานัวเนียคอยปรนนิบัติพัดวี ชีวิตผมคงจะมีความสุขมากกว่านี้ หากว่าคนที่ปลุกผมเป็นหญิงสาวที่ผมหมายปองจากบ้านเกิด ไม่ใช่ท่านประธานสองหน้าแบบนี้

รอยยิ้มแจ่มใสนั้นทำให้ผมลังเลไม่แน่ใจกับตัวเอง ว่าควรจะผลักไสเขาไปให้ห่างตัว หรือควรจะดึงเขามากอดเพื่อขอบคุณเขา ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าไม่ควรทำทั้งสองอย่าง จะทำเย็นชาใส่ก็ดูจะแล้งน้ำใจเกินไป

เพราะเขาอุตส่าห์ทำเพื่อผม แต่จะกอดตอบอย่างรักใคร่ก็เกรงจะทำให้เขาคิดเอาเองว่าผมเออออเห็นดีเห็นงามให้เขาทำกับผมแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

ผมกับเขาแตกต่างกันมากเกินไป เขาชอบผู้ชาย ผมชอบผู้หญิง เขารวย ผมจน เขาเป็นเจ้านาย ผมเป็นลูกน้อง ความที่เราไม่มีอะไรเทียบเคียงกันได้เลย

“ขอบคุณครับที่ช่วยปลุก”

บอกเขาพลางดึงมือท่านประธานออกจากการเกาะกุมน้องชายของผมเบาๆ เขาปล่อยมืออย่างเสียดาย แต่แล้วเขาก็ยิ้มให้ ผมลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วเพราะกลัวเขาจะลวนลามผมอีก

แต่เขาไม่ยอมหลบให้ ยังคงนั่งอยู่บนเตียงข้างๆเลยทำให้หน้าของผมปะทะกันกับหน้าของเขาพอดี เขายิ้มจนตาหยีเอาจมูกโด่งแอบมาสูดกลิ่นแก้มผมไปทีหนึ่ง ผมต้องเบี่ยงหน้าหลบ ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆอย่างพึงพอใจ

“คราวหลังต้องตื่นไวมากกว่านี้นะครับที่รัก เพราะว่าบ้านคุณไกลจากที่ทำงาน ต้องไปหลายต่อ มันจะไปสายนะครับ”

คำเตือนของเขามันเป็นความหวังดีหรือตำหนิกันแน่นะ แต่พอมองตาสีฟ้าคู่นั้นแล้วก็เห็นแต่ความจริงใจ เขาคงไม่อยากให้ผมไปสายจนถูกเจ้านายดุด่าว่ากล่าว

“ครับ ผมจะพยายามครับ พอดีมันเหนื่อยนิดหน่อยครับ”




หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 21-07-2007 11:04:49
ตอบไปตามตรง งานหนักเมื่อวานทำให้ผมล้าจริงๆ ท่านประธานเคลวินยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจผม เขาเอาสองมือจับบ่าผมไว้ แล้วพูดกับผมด้วยเสียงอ่อนโยน

“ต้องพยายามเข้านะครับ ผมรู้ว่ามันอาจจะเหนื่อยหน่อยในช่วงแรกๆ เดี๋ยวพอทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทางมันก็จะเหนื่อยน้อยลงนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้คุณเสมอ ถ้ามีอะไรอึดอัดคับข้องใจก็ระบายให้ผมฟังได้เลยนะ เราสามีภรรยากันต้องแชร์ทุกข์สุขร่วมกันรู้ไหม”

อะไรกัน คำพูดนั่น หมายความว่าอย่างไรหรือ ฟังดูชอบกล ผมไปตกลงเป็นสามีภรรยากับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มีแต่เขานั่นแหละทำผมแล้วก็โมเมเฉยเลย แถมซ้ำยังจะให้ผมแบ่งปันความรู้สึกร่วมกับเขาอีก มากเกินไปหน่อยหรือเปล่า แต่คำพูดนั่นดูอบอุ่นดีเหลือเกิน จริงสินะ ถ้าผมมีภรรยาของผมจริงๆ ไม่ใช่ภรรยาแบบถูกบีบบังคับแบบนี้ ผมคงจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างให้เธอได้ร่วมรับรู้ ระหว่างเราจะไม่มีความรับต่อกัน เราจะเชื่อใจซึ่งกันและกันแบบที่ท่านประธานว่า แต่ถึงอย่างไรผมก็จะไม่มีวันบอกความคับข้องใจที่ผมมีอยู่ให้ท่านประธานทราบหรอก ก็เขาไม่ใช่ภรรยาผมนี่นา แถมซ้ำยังเป็นเจ้านายด้วย ขืนด่าตัวเขาให้ตัวเขาฟังก็ซวยน่ะสิ

“ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ สายแล้ว”

ตัดบทเพื่อเอาตัวรอดดีกว่า ผมลุกขึ้น ท่านประธานก็ลุกตาม แล้วเดินตามหลังผมไปยังห้องน้ำแต่ก่อนที่ผมจะก้าวเข้าไปในห้อง เขาก็ยื่นผ้าขนหนูผืนใหม่ สีขาวสะอาดตามาให้ ผมมองเขาอย่างงงๆ มันไม่ใช่ของผม ผ้าขาวม้าที่เคยใช้ มันไปอยู่ที่ไหนกันนะ สงสัยแอบเอาของผมไปทิ้งแน่ๆ นึกอายขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าเขาต้องเห็นรอยขาดของมันแน่ๆ ผมใช้มันมานานแล้วตั้งแต่ตอนมากรุงเทพใหม่ๆ ยังไม่อยากซื้อใหม่เพราะอยากเก็บเงินส่งไปบ้านให้มากที่สุด อีกอย่างผมก็อยู่คนเดียว ไม่ต้องอายใคร ไม่นึกว่าจะมีคนมาอยู่ด้วยแบบนี้

เขาคงรู้เท่าทันความคิดของผม จึงยิ้มให้ แล้วพูดเหมือนขอโทษกลายๆ ว่าเขาเข้าใจผิดเห็นว่ามันตกพาดอยู่กับพื้นเลยคิดว่าเป็นผ้าขี้ริ้วทั่วไปจึงเผลอเอาไปเช็ดถูบ้าน ไม่คิดว่าจะเป็นผ้าที่ผมใช้ประจำ แต่เขาก็ซื้อของใหม่มาให้ทดแทน ขอให้ผมรับมันเพื่อเป็นการไถ่โทษให้เขาด้วย

สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดมันเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ เขาคงตั้งใจจะซื้อผ้าขนหนูผืนใหม่มาให้ผมใช้ คงทนไม่ได้ที่เห็นผมนุ่งผ้าตูดขาด นึกโกรธและอายอยู่ในใจที่เขาทำเหมือนกับว่าดูถูกผมกลายๆแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ไหนว่ารักและชอบผมไง ทำไมถึงยอมรับในสิ่งที่ผมเป็นไม่ได้ แล้วทำไมต้องพยายามเปลี่ยนแปลงผมให้เป็นเหมือนกับสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคย นี่รักชอบผม หรือพยายามทำเพื่อความสุขของตัวเองกันแน่ ไม่เคารพกันแบบนี้จะมาใช้ชีวิตร่วมกันได้ไง

พอคิดมาถึงตรงนี้ หน้าผมก็ร้อนวูบวาบ นี่ผมจะเป็นอะไรมากไปหรือเปล่า กับเรื่องผ้าขาวม้าขาดๆผืนเดียวต้องทำให้มันเรื่องมากไปได้ จะดูถูกหรือไม่ ผมก็ไม่อาจจะหนีความจริงพ้น ยังไงผมก็เป็นคนที่จนกว่าเขา สิ่งที่เขาหยิบยื่นให้อาจจะมาจากความปรารถนาดีก็ได้ ดูท่าทางของท่านประธานเคลวินไม่ใช่คนที่ชอบดูถูกคนอื่น ถ้าเขารังเกียจความยากจน เขาจะมาทนนอนห้องอุดอู้คับแคบทำไม เขาทำตัวกลมกลืนกับห้องเช่าของผมได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว

หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 21-07-2007 11:05:53
เขาบอกว่าเขาทำไปเพราะรักผม แต่ผมไม่ได้รักเขาสักหน่อย จึงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปคิดวุ่นวายให้รกสมองเลยนี่นา เขาจะทำในสิ่งที่ผมชอบหรือไม่เป็นเรื่องของเขา เขาจะชอบในสิ่งที่ผมทำหรือไม่ ก็ไม่เห็นจะต้องไปใส่ใจ ในเมื่อผมไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นแฟนกับเขา ผมก็ไม่เห็นจะต้องไปโกรธอะไรเขานี่ เขาก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบทำอะไรตามใจตัวเองจนเคย เป็นนายใหญ่ชอบใช้อำนาจ นี่ก็คงเห็นผมจนเลยจะซื้อโน่นซื้อนี่ให้ แม้จะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ก็ถือซะว่าผู้ใหญ่ให้ของแล้วกัน
 
“ขอโทษนะถ้าหากผมจะทำให้เคนเข้าใจผิด แต่ผมไม่ได้ใช้เงินหรือของฟาดหัวให้เคนมารักผมนะครับ ผมเพียงแค่อยากให้เคนได้ใช้ของดีๆเท่านั้น แค่ห่วงคุณเท่านั้นเอง ถ้าหากเคนคิดมาก ผมก็ขอโทษแล้วกันนะครับ ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีก อย่างไรก็ช่วยรับของนี้ไว้ก่อนนะครับ เพราะคุณต้องใช้มันเพื่ออาบน้ำไปทำงาน เดี๋ยวจะสายนะครับ”

น้ำเสียงเศร้าๆนั่นทำให้ผมจิตใจหวั่นไหวอีกแล้ว ว่าจะเฉยชาวางตัวกับเขาแค่เจ้านายกับลูกน้อง แต่ก็อดสงสารเขาไม่ได้ สงสัยเขาคงไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกผมจริงๆน่ะแหละ ก็เขาพยายามบอกผมอยู่นี่นะ ว่าเขารักผม เขาคงต้องการเห็นผมมีความสุขนั่นเอง

โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ขนาดอาบน้ำแล้วผมก็ยังคงคิดวุ่นวายอยู่ในหัวสมอง ตาสีฟ้าคู่นั้นดูมันเศร้าเหลือเกินตอนที่เห็นผมมองผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัวผืนที่ยื่นมาให้ เขาคงสะเทือนใจเมื่อเห็นความโกรธเคืองในแววตาของผม แม้จะเพียงนิดแต่คนฉลาดอย่างเขาคงรู้ทันว่าผมไม่พอใจที่เขาทำแบบนั้น ผมนี่ก็ช่างกะไร แยกไม่ออกหรือไงระหว่างความห่วงหาอาทรกับการดูถูกเหยียดหยาม ผมอาจจะคิดมากไปหน่อยเรื่องที่เขามาฝืนใจผมให้เป็นของเขา เลยทำให้เกิดอคติต่อท่านประธานขึ้นมา บางทีผมควรจะให้อภัยกับสิ่งที่เขาทำบ้าง อย่างน้อยสิ่งที่เขาทำลงไปหลายอย่างก็เพื่อผม มันเป็นสิ่งดีๆที่คนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจทำให้เลย แค่มีเงิน มีอำนาจก็บันดาลทุกสิ่งได้แล้ว แต่นี่เขากลับยอมลดเกียรติศักดิ์ศรีมาปรนนิบัติรับใช้ โดยไม่ถือเนื้อถือตัว ถ้าไม่ได้ทำเพราะความรัก ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไรแล้ว

เสื้อผ้าของผมที่รีดเรียบร้อยแล้ว แขวนอยู่ที่ประตูตู้เสื้อผ้า ท่านประธานแอบเอาไปรีดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมไม่ทันได้สังเกต กลับมาบ้านก็เหนื่อยจนพับ ไม่ได้สนใจอะไร หลับไปก่อนเขาทุกที ผมไม่รู้ว่าระหว่างนั้นท่านประธานทำอะไรบ้าง ตื่นมาตอนเช้าทุกอย่างก็ถูกจัดการเรียบร้อย ดูไปแล้วเขาก็น่ารักดี แม้จะแปลกๆไปนิดหน่อย กลางวันทำหน้าดุดันใส่ผม แต่ยามกลางคืนกลับอ่อนโยน ทำตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนดูแลผมอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนบางครั้งผมเองก็วางตัวไม่ถูกจริงๆว่าควรจะทำตัวอย่างไรกับเขาดี ความรักที่เขามีต่อผมดูมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน

แซนด์วิชอันโตน่าทานวางอยู่ในจานมีไส้กรอกกับแฮมและไข่ดาววางข้างๆ น้ำสะอาดรินอยู่เกือบเต็มแก้ว ช้อนส้อมและมีด ซึ่งแน่นอนไม่ใช่ของผม ถูกห่ออยู่ด้วยผ้าเช็ดปากสีขาวสะอาดตาซึ่งเป็นของแปลกปลอมอยู่ในบ้านของผม เขาคงซื้อมาไว้ให้ใช้ ถึงแม้จะรับปากว่าจะไม่ซื้อของชิ้นใหญ่ให้ แต่ของเล็กๆน้อยๆก็ถูกลอบเอามาวางกลมกลืนไปกับบ้านเช่าของผมทุกครั้ง
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 21-07-2007 11:11:37
มาต่อแล้วววว  :m11: :m11: :m11:
ขอบคุงพี่แน๋วมากๆ นะค้าบบบ  o14 o14
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-07-2007 12:10:22
เฮ้ออออออออออออ

คิดถึงเคนใจจะขาดดดดดด

ขอบคุณคร้าบบบบ พี่แน๋ว

 :m11: :m11: :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-07-2007 20:43:15
เย้ ได้อ่านต่อแล้ว  :m4:  :m4:  :m4:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: meeza31 ที่ 21-07-2007 22:25:49
เยย นึกว่าจะไม่มาต่อซะแล้ว :m12:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 22-07-2007 23:39:08
ในที่สุดก็ได้อ่านเรื่องนี้ต่อแล้ว  :m3:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 24-07-2007 12:03:57
ยากต่อการยอมรับเสียจริงๆ
ไม่บ้าก็เมาแล้วท่านประธาน
 :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 25-07-2007 06:03:12
ท่านประธานเคลวินไม่ได้อยู่ในห้องเช่าของผมแล้ว คงกลับไปบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปทำงาน ทิ้งอาหารไว้ให้ผมดูต่างหน้า ผมยิ้มให้กับของที่เขาทำให้ผม โชคดีที่เรายังไม่เคยทานอาหารเช้าร่วมกันหลังจากตื่นนอนขึ้นมาเลย ไม่อย่างนั้นผมคงกระอักกระอ่วนใจวางหน้าไม่ถูกเป็นแน่

ผมลงมือทานอาหารที่เขาทำให้ ฝีมือการทำของเขาอร่อยใช้ได้ดีทีเดียว แม้จะเป็นอาหารง่ายๆก็ตาม ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยชินกับการทานอาหารแบบฝรั่ง แต่เมื่อมาอยู่ในเมืองหลวง อาหารประเภทนี้ผมคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ต้องพยายามให้เกิดความเคยชินเร็วๆ

วันนี้ผมไปทำงานแบบฉิวเฉียดเกือบจะไม่ทันเวลาที่เขากำหนดไว้ มาถึงก็ต้องมาเจอแฟ้มงานกองโตวางอยู่บนโต๊ะ พอถามพี่นนทรีก็ได้คำตอบว่าเป็นคำสั่งจากท่านประธานให้ผมศึกษางานทั้งหมดในเวลาสองวัน แล้วต้องทำรายงานและมานำเสนอให้ฟัง เพื่อดูว่าผมเข้าใจมากน้อยแค่ไหน
 
เลขาสุดสวยแสนจะใจดี เห็นว่าผมมีงานที่ต้องทำในสองวันนี้มากมาย เธอจึงไม่ให้ผมเรียนรู้งานในส่วนของเธอ แต่เลื่อนไปหลังจากนี้อีกสองวัน เพื่อให้ผมได้ปฏิบัติภารกิจให้เสร็จก่อน ผมรู้สึกซาบซึ้งกับความใจดีของเธอมาก ตั้งใจจะตอบแทนด้วยการเรียนรู้งานให้เป็นเร็วที่สุดเพื่อแบ่งเบาภาระของเธอ

ตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ ผมพอจะมีเพื่อนอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนต่างฝ่ายมากกว่าเพื่อนที่อยู่แผนกเดียวกัน ที่เป็นแบบนี้ เพราะในแผนก เขามองผมเป็นเด็กช่วยงานของเขามากกว่า ก็จะเอาแต่สั่งให้ทำโน่นทำนี่ ความสัมพันธ์ที่มีจึงดูไม่ค่อยแนบแน่นเหมือนกับว่าผมถูกวางความสำคัญไว้เพียงแค่เด็กฝึกงานที่ต้องทำทุกอย่างให้พวกเขาเท่านั้น เลขาของท่านระธานจึงเป็นเพื่อนในแผนกเดียวกันคนแรกที่ผมมี และเธอก็ดีกับผมด้วย

อีก 10 นาที จะเป็นเวลา 10.00 นาฬิกา ตอนที่ผมได้รับคำสั่งจากหัวหน้าของผมคือท่านประธานให้ติดตามเขาออกไปข้างนอก ผมหันไปถามไถ่พี่นนทรีด้วยความงง ว่าทำไมผมต้องออกไปด้วย ในเมื่อเขาออกไปพูดคุยธุรกิจ น่าจะไปกับเลขามืออาชีพมากกว่าผมซึ่งเพิ่งพ้นจากคำว่าเด็กฝึกงานมาเป็นพนักงานทดลองงานได้ไม่กี่วัน ความรู้และประสบการณ์สำหรับงานใหญ่ๆยังไม่เคยมี ผมกลัวว่าจะไปทำพลาดให้ขายขี้หน้าอีก

เลขาแสนสวยให้กำลังใจผมว่า ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่ผมควรจะทำคือ การที่ต้องพยายามแสดงให้คนอื่นเห็นถึงความสามารถที่ตัวผมมีอยู่ ทำให้ใครต่อใครรู้ว่าผมเก่งกาจเพียงใด ของแบบนี้มันเป็นภาพที่สร้างกันได้ ขอให้แสดงความมั่นใจออกมาเท่านั้น ก็จะไม่มีใครดูถูกผม อีกอย่างท่านประธานเป็นคนเลือกผม ย่อมเล็งเห็นแล้วว่าผมเหมาะสมกับงานนี้ และผมก็ไม่ควรทำให้ท่านผิดหวังด้วย เมื่อไม่อาจจะเลี่ยงได้ ผมจำต้องไปกับเขาตามลำพังสองคน

งานเจรจาธุรกิจที่ท่านประธานเคลวินพาผมไปเป็นงานที่เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงขั้นตอนของการเซ็นต์สัญญาเท่านั้น ซึ่งปัญหาคือลูกค้าค่อนข้างที่จะตัดสินใจยากเพราะคุณแม่ของเขาซึ่งเป็นเจ้าของเงินยังมีทีท่าไม่พึงพอใจเงื่อนไขของสัญญาเท่าไหร่ จึงต้องมาเจรจากันใหม่ และครั้งนี้คุณแม่ของลูกค้าติดตามมาด้วย
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 25-07-2007 06:06:56
ผมถึงบางอ้อทันทีเมื่อเห็นหน้าของคุณแม่ของลูกค้า เธอคือคนที่ผมเคยช่วยจากการเป็นลมหน้าห้องน้ำในคืนที่ผมถูกชวนให้ไปร่วมในงานแต่งงานของพี่นนทรีนั่นเอง ตอนแรกผมจำคุณป้าผู้ชราคนนั้นไม่ได้ เพราะวันนี้เธอแต่งกายดูดีภูมิฐานต่างจากวันที่ผมบังเอิญเจอเธอโดยสิ้นเชิง คุณป้าเป็นฝ่ายจำผมได้ก่อน เธอส่งยิ้มมาให้ แล้วทักทายผมเสียงดัง ผมต้องทบทวนความจำอยู่ชั่วครู่ถึงได้นึกออก

ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าการที่ผมช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งเพียงแค่เล็กน้อย กลับทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น การเจรจาวันนั้นผ่านไปด้วยความราบรื่น เพราะคุณป้าพึงพอใจในตัวของผม เธอกล่าวชื่นชมกับท่านประธานไม่ขาดปากว่าผมเป็นพนักงานที่องค์กรควรรักษาไว้ หากบริษัทมีคนอย่างผมก็จะทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้า ผมเห็นท่านประธานยิ้มหน้าบานต่อคำชมที่ได้รับ ทว่าเวลาที่เขามองหน้าผมเขาเพียงแต่ยิ้มให้เล็กน้อยเท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าขึ้นมาทันที และเริ่มมีกำลังใจในการที่จะทำงานหนักต่อไป

เพื่อเป็นการฉลองการทำสัญญาซึ่งลูกค้าตกลงอย่างง่ายดายไม่น่าเชื่อ เพียงเพราะผมได้ช่วยเหลือคุณแม่ของเขาไว้ และคุณแม่ของเขาถูกชะตาในตัวผม ลูกค้าก็ขอเป็นเจ้ามือในการเลี้ยงอาหารกลางวันพวกเรา ประธานเคลวินไม่ปฏิเสธการชวนนั่น ทำให้ผมต้องติดหนึบนั่งทานข้าวร่วมวงไปกับเขาด้วย กว่าจะขอตัวเข้าบริษัทกันก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสอง

“รู้สึกอย่างไรบ้างคุณแคน สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้”

อยู่ๆเขาก็ถามผมขึ้นมา ขณะที่เรานั่งรถไปด้วยกัน เราทั้งคู่นั่งใกล้กันอยู่ตรงเบาะด้านหลัง เป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่งรถส่วนตัวที่มีคนขับให้แบบนี้

“ตื่นเต้นครับ ไม่คิดว่าทุกอย่างจะลงเอยได้อย่างง่ายๆ คุณแม่ของลูกค้าใจดีมากเลยครับ”

บอกไปอย่างเกร็งๆนิดหน่อย ถึงอย่างไรก็ยังไม่ชินกับการอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่อยู่ดี

“ส่วนหนึ่งผมก็ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของคุณนะ ความมีน้ำใจของคุณช่วยทำให้เราได้งานนี้ บางทีเก่งอย่างเดียวมันไม่ได้หรอก เราจำเป็นต้องมีคุณธรรม และจิตใจที่งดงามด้วย”

เขาบอกผมเสียงเรียบ ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไปที่ทำให้หน้าที่ระรื่นของผมสลดลง

“แต่อย่าได้หลงระเริงดีใจไปจนทำให้ไม่ขยันมุ่งมั่นล่ะ จริงอยู่ว่าการมีภาพลักษณ์ซื่อใสเป็นสิ่งดี แต่เราก็ต้องไม่ดูเหมือนคนโง่ด้วย เราต้องฉลาด ทำงานอย่างมืออาชีพ คนถึงจะไว้ใจให้เราทำงานให้เขา ซื่อแต่เซอะ ก็ไม่ทันกินหรอก”

“ครับ ผมจะพยายามขยัน และทำงานให้เก่งขึ้นครับ”

ว่าผมหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันน่าจะเป็นการดีสำหรับตัวเองที่รับเอาสิ่งนั้นมาเป็นภารกิจที่ผมต้องทำ ถึงอย่างการปรับปรุงตัวเองมันก็ดีสำหรับผม ความภูมิใจที่ได้รับในวันนี้ ไม่ได้ทำให้ผมย่อท้อ ถึงแม้ว่าท่านประธานหัวหน้าผม จะทำเป็นเข้มดุดันจริงจังใส่ก็ตาม

“ดีมาก เรียนรู้ทุกอย่างที่เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ แรกๆอาจจะฝืนใจ แต่ตอนหลังจะชินไปเอง บางทีคุณอาจจะชอบมันก็ได้”
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 25-07-2007 06:11:08
ประโยคนั่นมีความหมายอะไรแฝงอยู่หรือเปล่านะ ผมมองหน้าของท่านประธานแล้วหลบประกายตากล้าที่จ้องมองมานั่น เขาหวังอะไรที่ไกลกว่าเรื่องงานหรือเปล่า ประสบการณ์ใหม่ๆที่ว่านั่น หมายถึงการยอมรับการมีอยู่ของเขาในฐานะภรรยาของผมใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายด้วยกัน หรือเปล่านะ ของแบบนี้ แม้ไม่เต็มใจจะลอง แต่เขาก็ยัดเยียดให้นี่นา หรือที่เขาบอกว่าในที่สุดผมจะชินและชอบมันไปเอง มันหมายถึงเรื่องอย่างว่าด้วย

จะบ้าตาย นี่ผมกลายเป็นคนคิดมาก ย้ำคิดย้ำทำไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่ได้การแล้ว ผมจะมัวมาคิดฟุ้งซ่าน กังวลใจไม่ได้แล้ว หน้าที่ของผมคือทำงาน ไม่ใช่มามัวคิดเรื่องรักใคร่ จดจ่อมากไปก็จะเสียการเสียงานเปล่าๆ เอาเป็นว่าเขาจะพูดไรมาก็ช่าง ถ้าไม่เกี่ยวกับงานการผมก็ไม่เห็นจะต้องไปสนใจนี่นา ปล่อยให้เขาพล่ามไปไม่มีใครสนใจเดี๋ยวก็เลิกไปเองนั่นแหละ

“เป็นไง ออกไปทำงานข้างนอกกับท่านประธานวันแรก ตื่นเต้นไหม”
พี่นนทรีถามผมทันทีที่เห็นหน้า

“โหย มากเลยล่ะครับ กลัวจะทำผิดทำพลาด แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปด้วยดี ไปเจอคุณแม่ลูกค้าใจดีเข้าครับ เขาก็เลยยอมเซ็นต์สัญญาครับ เลยโล่งใจไปได้หน่อยครับ”

“อื้ม ดีแล้วล่ะ เริ่มต้นจากงานง่ายๆจะได้มีกำลังใจ คุณเคลวิน คงอยากจะให้เคนไปเรียนรู้งานในภาคสนามมั๊ง ก็จำๆเอาไว้แล้วกันว่าเวลาออกไปกับท่านประธานต้องทำอะไรบ้าง จะได้ไม่ต้องทำผิดพลาดให้เขาเห็น”

เธอบอกกล่าวกับผม จากนั้นก็หันไปทำงานต่อ ผมก็เลยไปง่วนอยู่กับการทำงานของตัวเองบ้าง กว่าจะได้เงยหน้าจากกองเอกสารก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่มแล้ว ได้เวลากลับบ้านสักที

ประธานเคลวินรอรับหน้าผมอยู่ที่บ้านตามเคย คราวนี้แต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อยกว่าเดิม ใส่เสื้อกล้าม และกางเกงผ้ายืดมีผ้ากันเปื้อนคาดทับ เขายิ้มให้ผมอย่างอบอุ่น ดึงตัวผมไปกอดและจูบ ขืนตัวหนีอย่างไรก็ไม่พ้น จูบเสร็จก็ช่วยเอากระเป๋าเอกสารของผมไปเก็บ และยื่นผ้าขนหนูส่งให้เพื่อให้ผมไปอาบน้ำ ซึ่งด้วยความที่เหนื่อยล้าทำให้ผมทำตามอย่างว่าง่าย
กับข้าวร้อนๆควันฉุย วางอยู่บนโต๊ะพับที่กางออกมาสำหรับไว้ทานข้าว ผมมองจานไข่เจียวและผัดผักซึ่งหน้าตาแบบอาหารไทยอย่างทึ่ง นี่เขาหัดทำกับข้าวเพื่อให้ถูกปากคนไทยอย่างผมหรือนี่ ทำไมเขาถึงต้องมาทำดีกับผมด้วย นี่เขาอยากให้ผมยอมรับเขาจริงๆน่ะหรือ

“ผมลองทำอาหารไทยให้ทานครับ แต่ไม่รู้ว่าจะอร่อยถูกปากหรือเปล่า ทำง่ายๆไปก่อนนะครับ เพราะผมยังไม่ค่อยชินกับเครื่องปรุงอาหารแบบไทยๆ อาหารบางอย่างที่มีวิธีทำค่อนข้างยุ่งยากผมจะค่อยๆหัดไปทีหลังนะครับ”

ฝรั่งหน้าหล่อพูดไทยคล่องปร๋อ กำลังพูดให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลถึงความพยายามทำอาหารไทยของตัวเอง ผมอดยิ้มให้กำลังใจเขาไม่ได้ พลางนึกว่า เวลาที่เขามีทีท่าสุภาพนุ่มนวลแบบนี้ ท่านประธานเคลวินก็ดูเป็นคนดีน่ารักน่าคบหาคนหนึ่งเหมือนกัน

“ถ้าพยายามไปเรื่อยๆคงทำได้เองนะครับ”
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 25-07-2007 06:45:27
เมื่อไหร่จายอมรับนะเคน  :m1:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 25-07-2007 09:05:13
อิอิ ท่านประธาน 2 บุคลิก แบบอ่านข้ามตอนไปปรับอารมณ์ที ขำดี อิอิ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 25-07-2007 11:39:24
หวานซ้าาาาาาาาาาาา

 :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 25-07-2007 12:06:21
อิจฉาวุ้ย  :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 25-07-2007 22:38:59
เสร็จแน่ เริ่มหลงกลไปทีละน้อย
 :m7: :m7: :m7: :m7:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-07-2007 21:06:47
หุหุ คนสองบุคลิก  :m14:  :m14:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk โพสโดยกระผมเอง
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 27-07-2007 02:59:09
รอคับรอ  :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่9 ค่ำคืนของสองเรา update 31-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 27-07-2007 07:30:18
มาลงแทนครับ
*******************

บทที่ 9 ค่ำคืนของสองเรา


ผมให้กำลังใจเขา คุณเคลวินยิ้มแฉ่ง มองสบตาผม พลางพูดให้กำลังใจผมเช่นกัน

“ครับ ผมพยายามทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย แต่ผมจะพยายามทำมันให้ได้ เคนเองก็เหมือนกันนะครับ บางทีเวลาที่เราทำงานหนัก มันอาจจะเหนื่อยหน่อย เพราะเราไม่คุ้นเคยกับมัน แต่ถ้าเคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ยอมลำบาก พอเราเก่งแล้ว ทุกอย่างมันก็จะดูง่ายสำหรับเรานะครับ”

อยู่ดีๆหัวใจของผมก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดปลุกปลอบอารมณ์นั่นจากเขา ผมเริ่มที่จะปรับตัวได้ทีละนิดทีละหน่อยแล้วกับการเปลี่ยนแปลงไปมาของท่านประธานเคลวิน อยู่ในบริษัทเขาดุดัน เข้มงวดใส่ผม เพราะเขาสวมหัวโขนของผู้นำไว้

แต่เมื่ออยู่กับผมที่บ้านเช่านี้ เขากลายเป็นคนนุ่มนวลใจดีอย่างน่าประหลาด ถ้าหากว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงว่าเขารักและหวังดีกับผม ก็เห็นจะต้องขอบคุณและตอบแทนความมีน้ำใจนี้บ้างล่ะ

“อาหารอร่อยมากเลยครับ ขอบคุณนะ สำหรับกับข้าวที่ทำให้ผมทานทุกมื้อ รู้สึกเกรงใจจังเลย ที่ต้องให้คุณเคลวินมาลำบากเพราะผมแบบนี้”

สิ่งที่ผมจะให้เขาได้ในขณะนี้ก็คือคำชมแบบจริงใจเท่านั้น ท่านประธานยิ้มกว้าง มองผมด้วยดวงตาหวานฉ่ำ ผมไม่อยากสบตาสีฟ้าวาววามคู่นั้นเลย แต่ไม่รู้เหตุใดถึงทำให้ผมมองจ้องดวงตาคู่นั้นของเขาโดยไม่ยอมหลบ

“ไม่ลำบากอะไรเลยครับ มันเป็นหน้าที่ของภรรยาที่ต้องทำให้สามีนี่ครับ และผมก็เต็มใจด้วย ไม่เหนื่อยอะไรเลย เคนต่างหากที่เหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวัน ถึงบ้านก็ควรจะได้พักผ่อนบ้าง ผมอยากให้ช่วงเวลาที่คุณหลุดพ้นจากงานการอันเหนื่อยล้า เป็นช่วงเวลาที่คุณมีความสุขที่สุดครับ”

หวั่นไหวอีกแล้ว กับคำพูดและท่าทางที่จริงใจของเขา ไม่อยากให้เขาแสดงท่าทีแบบนี้เลย เพราะถึงอย่างไร ผมก็ไม่อาจจะรักเขาตอบได้ ผมต้องการความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ไม่ใช่ชายกับชายแบบนี้

“ถ้าอร่อยก็ทานเยอะๆนะ”

เขาคะยั้นคะยอผมให้ทานเยอะๆ แต่ตัวเองกลับนั่งเฉย ผมเลยบอกให้เขาทานบ้าง

“ให้แต่ผมทาน แต่คุณเคลวินไม่ยอมทานเลย นี่ให้ผมเป็นหนูทดลองยาหรือเปล่า หรือว่าแอบใส่ยาพิษเอาไว้ กะฆ่าผมให้ตายใช่ไหม”

พอผมหลุดประโยคแซวเขาออกไป ท่านประธานฝรั่งตัวโตก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ พลางบอกกับผมอย่างติดตลกพอกัน

“ผมไม่ใส่ยาพิษหรอกครับ ถ้าจะใส่ก็มีแค่ยาสั่ง “ให้คุณรักผม” เท่านั้นแหละ พอคุณทานเสร็จจะได้รับรักผมเสียที ที่จริงผมชอบมองเคนเวลาทานข้าวนะครับ เคนดูน่ารักดี”


--------------------
“อ๊ะ..อะไรกันครับ คนกินข้าวน่ารักตรงไหน ผมทำตลกให้คุณเห็นน่ะสิไม่ว่า จ้องเอาๆแบบนี้ผมเขินแย่สิครับ เล่นมีคนมองตลอดเวลาขณะกินข้าวน่ะ”

ผมต่อว่าต่อขาน

“ไม่นะ เคนน่ะน่ารักจริงๆ ที่จริง เคนทำอะไรก็น่ารักรู้ไหม ผมชอบจัง ท่าทางคุณซื่อๆเป็นธรรมชาติดี เวลาอายยิ่งน่ารักน่ะครับ”

คำชมเชิงเกี้ยวพาราสีนั่นทำให้ผมเขินหนักเข้าไปใหญ่ ภรรยาบ้าบออะไรมาพูดจากับสามีแบบนี้ ที่จริงมันต้องเป็นฝ่ายผู้ชายพูดกับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ หรือว่าผมมันหัวโบราณเกินไปนะ แต่จะว่าไปเขาคงไม่รู้อะไรกับเรื่องทำนองนี้หรอก เพราะเขาเป็นฝรั่ง เป็นผู้ชายด้วย ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย

“ไม่เอาล่ะ ถ้าคุณไม่ทานด้วย ผมก็จะอิ่มละนะครับ กินคนเดียวในขณะที่อีกคนนั่งมองน่ะ มันดูแปลกๆน่ะครับ”

ทำท่ารวบช้อนเป็นเชิงว่ายุติการกิน ท่านประธานเห็นเข้าเท่านั้นก็ทำตาโต ร้องห้าม พลางอ้อนให้ผมทานต่อแล้วเขาจะทานเป็นเพื่อน แถมซ้ำยังตักข้าวเข้าปากให้ผมดูด้วยกลัวว่าผมจะไม่เชื่อว่าเขาทำจริง ผมลอบยิ้มให้กับตัวเอง แล้วก็ตัดข้าวเข้าปากต่อ

เรานั่งกินกันไปมองกันไป แต่ผมเชื่อว่าเราสองคนคิดกันไปคนละเรื่อง ผมไม่รู้ว่าใบหน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ขณะที่มองผมตาเชื่อม แต่สำหรับผมแล้ว ผมกำลังนึกเอ็นดูท่านประธานของผมอยู่

แปลกดีนะ เวลาอยู่ที่บ้านผมเกร็งแทบแย่เวลาอยู่กับเขา พอเวลาผ่านไปผมเริ่มผ่อนคลายขึ้น และรู้ว่า ในบ้านหลังนี้ผมสามารถที่จะเป็นใหญ่ได้ โดยที่หัวหน้าจอมดุของผมยินดีที่จะเป็นผู้ตาม ผมคิดด้วยความครึ้มอกครึ้มใจว่า คงมีสักวันที่ผมจะสามารถเอาคืนเขาได้บ้าง อยากโหดกับผมดีนัก อาจจะต้องแกล้งกลับคืนเสียบ้างเพื่อความสะใจ

“วันนี้เรากุ๊กกิ๊กกันหน่อยนะครับ”

หลังจากที่เขาจัดการทำความสะอาดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ท่านประธานเคลวินก็ขึ้นมานั่งบนเตียงของผม และเริ่มอ้อนขอมีอะไรกัน แต่มีหรือที่ผมจะยอมตกลง

“ไม่นะครับ อย่าเลย ผมไม่ชอบ”

“ต้องลองทำดูหลายๆครั้งครับ เคนถึงจะรู้ว่าชอบหรือเปล่า อย่าเพิ่งปฏิเสธโดยไม่ยอมแม้แต่จะลองทำดูเลยนะครับ”

เขายังคงอ้อนต่อ คราวนี้ไม่ใช่แค่คำพูด แต่ยังขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ และถือวิสาสะดึงผมมากอดไว้แนบแน่นในวงแขนของเขา

“วันนั้นก็ลองแล้วนี่ครับ ไม่เห็นจะอยากทำอีกเลย”

แย้งเขาออกไป หนเดียวก็น่าจะพอแล้ว อย่าให้มีครั้งสองครั้งสามเลย

“ก็วันนั้นเคนน่ะเมาแล้วอาจจะไม่รู้เรื่องนี่ครับ ตอนนี้ เคนยังไม่เมา ถ้าเราลองทำกันดูตอนนี้ เคนอาจจะชอบก็ได้นะครับ ผมรับรองว่าจะทำให้เคนมีความสุขแน่นอนครับ”

...........
ขายังอ้อนขอทำต่อ แต่ผมปฏิเสธพัลวัน

“ไม่ครับ ไม่ทำนะ”

“ทำไมละ ครับ”

ท่านประธานเคลวินเริ่มซุกซนมือไม้ลูบไล้ผมไปทั่วตัว จมูกก็เริ่มซุกไซ้

“ผมเหนื่อยนะครับ พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้าอีก และผมก็ยังไม่หายระบมก้นเลย”

ใ ช้ไม้ตายอ้างว่าเหนื่อย และยังไม่หายเจ็บมาเป็นตัวขัดขวางการทำตามความประสงค์ของเขา ฝรั่งหน้าหล่อผละจากซอกคอของผม แล้วยกมือจับใบหน้าประคองให้มองสบตากับเขา

“ผมสัญญาว่าจะนุ่มนวลกับคุณไม่ให้คุณต้องเจ็บปวดน่ะครับ นะ นะ นะ ยอมเถอะ หลายวันแล้วที่เราไม่ได้มีอะไรกันเลย”

“แต่ว่า”

“นะครับ ผมคิดถึงคุณมากๆเลย”

“ก็เจอกันทุกวันนี่ครับ ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน”

“แต่น้องชายของผมยังไม่ได้เจอกันกับน้องชายคุณเลยนะ เขาคิดถึงกันนี่ เคนอ่ะอย่าทรมานเขากันเลย ให้เขาได้พบกันเถอะ”

ว่าเข้าไปนั่น เหตุผลอะไรกันเนี่ย ใครยอมก็บ้าแล้ว

“ไม่เห็นจะรู้สึกแบบนั้นเลย ท่านประธานคิดไปเองหรือเปล่า”

“ถ้าเรียกผมว่าประธานอีก ผมจะสั่งแบบที่ท่านประธานสั่งเลยนะครับ ให้คุณยอมเป็นของผม ไม่งั้นผมจะไล่คุณออก”

“ก็เชิญไล่เลยสิ แบบนี้ผมไม่ทำหรอก”

ข ู่มานึกว่าจะกลัวเหรอ เจอผมทำหยิ่งใส่ เรื่องอะไรจะยอมคนที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ง่ายๆได้ไง คิดจะทำอะไรก็ทำได้งั้นหรือ ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่กลัว

“เรื่องอะไร ผมจะไล่คุณล่ะ แค่พูดไปงั้นเองแหละ ก็คุณน่ะ เอะอะอะไรก็ท่านประธาน ก็บอกแล้วไงว่าที่นี่ไม่มีหัวหน้าลูกน้อง มีแต่เราสองคนสามีภรรยาอยู่ด้วยกัน ผมไม่ชอบให้เคนเรียกผมด้วยตำแหน่งหน้าที่การงานแบบนั้น อยากให้เรียกชื่อผมเฉยๆ รู้สึกว่าจะเคยพูดกันแล้วนะครับเรื่องนี้ ทำไมยังเรียกผมว่าท่านประธานอยู่อีกล่ะ หรืออยากจะให้เรื่องของเรามันเป็นส่วนหนึ่งของงาน ผมทำแบบนั้นก็ได้นะ”

ท ่าทางเอาจริงเอาจังของเขา ทำให้ผมนึกกลัว อะไรกันหนักกันหนานะ กะอีแค่เรียกชื่อกับเรียกตำแหน่ง ก็เอามาเป็นประเด็นสำคัญ ช่างเอาแต่ใจตัวเองเสียจริงเลย แล้วยังคำขู่นั่นอีก มันเรื่องอะไรกันที่จะให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของงาน ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะถูกเขาใช้อำนาจลวนลามเอาตามอำเภอใจหรือเปล่า

“ก็ได้ เรียกชื่อก็ได้ครับ คุณเคลวิน ผมเรียกชื่อคุณแล้ว ปล่อยผมไปเถอะนะครับ”
..............
 “จะดีมากกว่านี้ถ้าไม่มีคำว่าคุณต่อหน้าชื่อ”

เอาอีกล่ะ เรื่องมากอีกแล้ว

“ครับ เคลวิน ..ปล่อยผมเถอะ ผมจะนอนแล้วล่ะ”

“ก็เรากำลังจะนอนกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ แล้วผมก็จะนอนกับคุณด้วยอ่ะ”

ไม่พูดเปล่า เขากลับรุกเร้าผมด้วยมือและปากอีกครั้ง ผมพยายามผลักไสเขาเป็นพัลวัน

“ ก็ทำแบบนี้ ใครจะไปนอนได้เล่าครับ คุณ..เอ้อ...เคลวินก็อยู่เฉยๆได้ไหมครับ ผมจะได้นอนพักเอาแรงสักที ถ้าคุณจะนอนด้วย ก็ได้นะ ผมไม่ว่าหรอก ถ้านอนไม่สบาย คุณนอนบนเตียงก็ได้ เดี๋ยวผมไปนอนที่พื้นห้องเอง”

ผมข ยับตัวทำท่าจะลุกขึ้น เจตนาต้องกานจะหนีให้พ้นการลวนลามของเขา แต่ผมไม่อาจจะหลุดพ้นอ้อมกอดของคนตัวใหญ่อย่างเขาได้ เขารั้งตัวผมกลับลงมาใหม่แล้วก็กอดแน่น แนบหน้าเข้ามาใกล้ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของเขา

“ไม่นะ ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้นล่ะ นอนอยู่ด้วยกันบนเตียงแบบนี้ดีกว่า ดีออก ผมชอบนะที่จะได้กอดเคนแบบนี้ แล้วก็ได้จูบกับเคนอีก”

ฝ รั่งตัวโตทำหน้าดื้อๆใส่ เขาไม่ยอมปล่อยผมให้หลุดจากอ้อมกอดของเขากลับรัดแน่น และระดมกอดจูบโดยไม่ยอมฟังเสียงห้าม ผมพยายามดิ้นหนี ปัดป้องตัวเองพัลวัน ไม่อยากจะศูนย์เสียเอกราชจากการรุกรานของข้าศึกอีกครั้ง

แต่ยิ่ง ดิ้นหนีเท่าไหร่ ก็ไม่อาจจะฝ่าวงล้อมไปได้ แม่ทัพนายนี้มีความเก่งฉกาจฉกรรจ์ แค่พลังฝ่ามือของเขาที่สัมผัสแตะต้องผิวเนื้อของผมก็ทำให้เกิดความรู้สึกวูบ วาบร้อนรุ่มไปทั้งตัว แล้วไหนจะจมูกและปากที่ปลุกสัญชาตญาณดิบในกายของผมให้ตื่นตัวขึ้นมาอีกล่ะ

ม ันเป็นอารมณ์เสน่หาที่เร่าร้อน บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้รู้สึกเสียวซ่านเมื่อถูกผู้ชายด้วยกันโลมเล้า รู้แค่เพียงว่าในเวลาไม่นานนัก มือไม้ผมก็อ่อนแรง จากนั้นเสื้อผ้าก็หลุดลุ่ยออกจากตัว

มือไม้ปลาหมึกพัลวันลูบไล้อยู ่ทั่วกายผม ตั้งแต่ราวนม หน้าท้อง และต่ำลงไปกลางลำตัว หนูน้อยของผมอุ่นวาบเมื่อมือใหญ่ของเขาเกาะกุม ทันใดนั้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็เตือนสติให้ผมต้องหาทางเอาตัวรอดจากเหตุก ารณ์น่าหวาดเสียวต่อการเสียตัวครั้งนี้

“พอเถอะครับ ไม่...ไม่ทำนะครับ”

ร ้องห้ามออกไป แต่เสียงมันกระเส่า ไม่มีพลังพอจะหยุดยั้งเขาได้เลย เคนยังคงลูบไล้หยอกเอินน้องชายของผม จนเขาเติบโตแข็งแรงขึ้นเต็มมือของฝรั่งหนุ่ม

“อย่าดื้อเลยครับ มาถึงขั้นนี้แล้วนะ ผมไม่ยอมถอยง่ายๆหรอกครับ เคนเองก็พร้อมแล้วนี่นา จะหยุดมันซะเฉยๆทำไมล่ะ น่าเสียดายออกนะครับ”

้ำเสียงนั่นยั่วเย้า มือของเขายังไม่ยอมหยุดนิ่ง กลับนวดเฟ้นแรงขึ้น จนผมครางอือออกมาอย่างลืมตัว ถึงกระนั้น ผมก็ยังไม่อยากจะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง

“แต่ว่าผมไม่อยากทำแบบนี้ครับ”
............
ป ฏิเสธเสียงหลง พยายามแกะมือของเขาออกจากการเกาะกุมร่างกายของผม แต่มือนั้นเหนียวหนึบมาก ไม่ยอมปล่อยแถมกระตุ้นน้องชายผมจนคึกคักหึกเหิม

“ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็ชอบเองละนะ ของทุกอย่างมันต้องลองดูนะครับ ผมสัญญานะครับว่าค่ำคืนนี้ของเราจะเป็นค่ำคืนที่มีความสุขจริงๆ เคนก็อย่าฝืนหรือต่อต้านนะครับ ปล่อยให้ทุกอย่ามันเป็นไปตามธรรมชาติ ผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้ว เคนค่อยบอกผมว่าชอบหรือเปล่า...”

น้ำเสียง ของเขาแผ่วเบา ขณะที่เขาค่อยๆเลื่อนตัวลงมา แล้วใช้ปากและจมูกวนเวียนซุกไซร้ดอมดมไปทั่วร่างกายผม จนกระทั่งถึงท้องน้อย แต่ก่อนที่เขาจะเลยไปถึงส่วนที่อยู่ต่ำลงไป ผมก็หยุดเขาไว้ก่อนด้วยการเอามือดันเขาออก แต่ทำได้แค่เพียงทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองผมเท่านั้น

“แล้วถ้าผมไม่ชอบล่ะ”

สิ่งที่ผมได้เป็นคำตอบจากคำถามนี้คือ รอยยิ้มแฝงความหมายจากเขา

“ถ้าฝีมือของผมมันแย่มาก จนไม่สามารถทำให้คุณชอบได้ ผมจะหยุด...ไม่ทำต่อไปอีกอ่ะครับ”

ค ำสัญญานี้เชื่อได้หรือเปล่านะ แต่ก็ยอมรับว่ามันมีผลอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะมันทำให้ผมเลิกต่อต้านเขาเกือบในทันที ทว่าที่จริงแล้ว ผมหมดแรงที่จะขัดขืนเพราะการเล้าโลมของเขาต่างหาก ท่านประธานเคลวินนับว่าเป็นผู้ชายหนุ่มที่เก่งพอตัว เขาทำให้ผมเกิดอารมณ์วาบหวามถึงขีดสุด และก่อนที่จะทันได้รู้ตัว เขาก็แทรกร่างกายที่ใหญ่โตของเขา เข้ามาสู่เรือนร่างของผมเรียบร้อยแล้ว

เ จ็บจนจุกพูดไม่ออก คืนนั้นผมไม่รู้สึกอะไรเพราะเมา จึงไม่ได้รับรู้ว่าครั้งแรกของตัวเองที่ถูกเขาล่วงเกินมันรุนแรงแค่ไหน แต่ตอนนี้สติสัมปชัญญะของผมสมบูรณ์ดี จึงรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ ทว่ามันผสานกันกับความสุขแบบแปลกๆที่บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าผมอยากให้ทุกอย่างมันดำเนินต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุด ไม่อยากให้เขาทิ้งผมไว้กลางทางแบบค้างๆคาๆ

“ไปพร้อมๆกันนะครับที่รัก”

ร ่างของท่านประธานเคลวินเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายของผม สะโพกขยับอย่างรวดเร็วเป็นจังหวะทั้งนุ่มนวลและกระแทกกระทั้นในบางครั้ง เหงื่อเต็มกายเราทั้งสอง แต่เขากลับไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อยง่ายๆ

ต าสีฟ้าของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของผม มีรอยยิ้มให้กำลังใจส่งมาเป็นระยะ และแล้วเขาก็โน้มตัวเข้ามาหาผม พลางมอบจูบที่หวานล้ำให้ จากนั้นเขาก็กอดผมไว้แน่นพลางเคลื่อนไหวสะโพกถี่ยิบ ก่อนที่จะบดเบียดสะโพกของเขาอัดกับลำตัวส่วนนั้นของผมจนแทบจะไม่มีช่องว่างใ ห้แม้แต่อากาศแทรกเข้าไปได้

“อ๊า......”

ผมเผลอตัวร้องเสียงล ั่นเมื่อเขากระแทกร่างกายครั้งสุดท้าย ตัวเขาเกร็งกระตุก สายน้ำอุ่นๆมากมายหลั่งไหลเข้าไปในร่างของผม พร้อมๆกับที่ผมก็ปล่อยมันธารรักออกมาจนเลอะรดที่นอนของตัวเอง ท่านประธานเคลวินโอบกอดผมไว้แน่น หายใจหอบกระเส่า หลังจากที่อารมณ์ของเขาผ่อนคลายลง เขาก็เวียนจูบผมไปทั่วใบหน้าและลำคอ เมื่อหนำใจแล้วเขาก็ค่อยๆเอนตัวลงนอนข้างๆผมโดยยังโอบกอดผมไว้แนบแน่น

หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่9 ค่ำคืนของสองเรา update 31-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 31-07-2007 13:47:47
“อ๊า......”

ผ มเผลอตัวร้องเสียงลั่นเมื่อเขากระแทกร่างกายครั้งสุดท้าย ตัวเขาเกร็งกระตุก สายน้ำอุ่นๆมากมายหลั่งไหลเข้าไปในร่างของผม พร้อมๆกับที่ผมก็ปล่อยมันธารรักออกมาจนเลอะรดที่นอนของตัวเอง ท่านประธานเคลวินโอบกอดผมไว้แน่น หายใจหอบกระเส่า หลังจากที่อารมณ์ของเขาผ่อนคลายลง เขาก็เวียนจูบผมไปทั่วใบหน้าและลำคอ เมื่อหนำใจแล้วเขาก็ค่อยๆเอนตัวลงนอนข้างๆผมโดยยังโอบกอดผมไว้แนบแน่น

“มีความสุขไหมครับ”

เ ล่นถามกันแบบนี้เลยเหรอ ยอมรับได้ไงล่ะ เป็นตายยังไงผมก็ไม่บอกความจริงหรอก ขืนบอก เขาก็ต้องหามาเป็นข้ออ้างที่จะมีอะไรกับผมต่อไปอีกนะสิ

“ไม่ครับ ไม่ได้รู้สึกอะไร เฉยๆ ไม่ชอบด้วยครับ”

แกล้งโกหกเขาเพื่อเอาตัวรอดในครั้งต่อไป แต่มันคงไม่เนียนนัก เพราะผมไม่ถนัดพูดโกหกคนอื่น ท่านประธานเลยขมวดคิ้วสีทองเข้มอย่างสงสัย

“ แต่เสียงที่ผมได้ยินมาตลอดเกือบครึ่งชั่วโมงนั่น มันทำไมฟังแล้วดูเหมือนเสียงครวญครางด้วยความพึงพอใจล่ะครับ หรือว่าผมหูฟาด ไม่ก็ตีความผิดว่าคุณชอบอยากให้ทำอีก”

ช่างพูดได้จี้ ใจดำผมเหลือเกิน นึกโมโหตัวเองที่ครางซะดังลั่นขนาดนั้นจนเขาจับได้ว่าผมเองมีความสุข แต่ไหนๆก็โกหกแล้วก็ต้องดิ้นให้ตลอด

“ไม่ใช่สักหน่อย ผมเจ็บต่างหากล่ะ ก็ท่านป..เอ้อ เคลวินทำผมแรงมากจนผมเจ็บระบมไปหมด ผมก็ร้องครางออกมาอ่ะ”

“งั้นเหรอครับ ....ก็ได้ คุณไม่พอใจในสิ่งที่ผมทำ ถ้างั้นผมขอแก้มือแล้วกัน จะได้รู้กันไปเสียทีว่า ผมห่วยแตกจริงหรือเปล่า”

ไ ด้ไง ทำไมมาสรุปกันง่ายๆแบบนี้ล่ะ ไหนบอกว่าถ้าผมไม่ชอบจะเลิกทำไง ทำแบบนี้มันผิดคำพูดนี่นา เป็นถึงประธานบริษัทจะมาพูดจากลับกลอกแบบนี้ มันใช้ได้ที่ไหน

“อย่าละเมิดสัญญาสิครับ คุณบอกว่าถ้าผมไม่พอใจ คุณก็จะไม่ทำยังไงล่ะ นี่ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่ชอบไม่พอใจ แล้วจะมาขอแก้มือได้ไง ผมไม่ยอมนะ”

“ผมไม่ได้บิดพลิ้วนะ ผมบอกว่าถ้าผมทำให้คุณชอบใจไม่ได้ ผมจะเลิก แต่ผมไม่ได้บอกนี่ครับว่าผมจะทำกี่ครั้ง”

“ขี้โกงนี่นา”

“ก็เคนอยากน่ารักทำไมล่ะ”

“นี่จะทำจริงหรือครับ อย่าเลยนะ ผมเหนื่อยนะครับ”

“ ถ้าเคนยังดื้อดึง ถูกปล้ำไม่รู้นะ แล้วอาจจะโดนทำทั้งคืนเลยล่ะ แต่ถ้ายอมดีๆผมอาจจะทำแค่ครั้งเดียว แล้วก็ไปนอน เคนอยากให้เป็นแบบไหนล่ะ”

“งั้นเอาแบบครั้งเดียวพอ”

พูดสวนออกไปเกือบจะเป็นเสียงตะโกน ท่านประธานเคลวินยิ้มกริ่มและกดผมลงกับเตียงใหม่
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่9 ค่ำคืนของสองเรา update 31-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 31-07-2007 14:08:26
ชักงง ใครเปงภรรยาใครเปงสามีกันหว่า ทำไมมันกลับกันล่ะ  :m28:  :m28:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่9 ค่ำคืนของสองเรา update 31-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 31-07-2007 14:24:05
เหอเหอ ครั้งเดียวไม่พอ  :m10: :m10:
ขอบคุงพี่เรย์ที่มาลงให้นะค้าบบบ  o1 o1
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่9 ค่ำคืนของสองเรา update 31-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 31-07-2007 17:41:11
ถ้าเป็นภรรยา แล้วได้กด

ขอเป็นภรรยาแล้วดันนะครับ เรย์ที่รัก

 :a11: :a11: :a11: :a11: :a11: :a11:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่9 ค่ำคืนของสองเรา update 31-7-50
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 31-07-2007 20:36:44
ภรรยารุก ...  :m14:  :m14:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่10 update 2 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-08-2007 01:12:42
สงสัยโลกเราจะแปลกประหลาดไปเรื่อยๆ กร๊าก
***************


 บทที่ 10

เ คนของผมหลับไปแล้ว หลังจากที่การมีอะไรกันครั้งที่สองในค่ำคืนนี้ของเขาผ่านไปอย่างทรมาน ผมกลั่นแกล้งเขาด้วยการปลุกเร้าอารมณ์เคนอย่างเต็มที่ จนไฟพิศวาสลุกโพลงแทบจะมอดไหม้สุดที่รักของผมให้หลอมละลาย แต่ผมก็รีรอไม่ยอมพาเคนไปถึงสวรรค์โดยง่าย หน่วงเหนี่ยวเวลาด้วยการเล้าโลมจนเขาเกิดความต้องการเต็มที่ ในเมื่อเคนบอกว่าไม่ชอบในสิ่งที่ผมทำกับเขา ผมก็เลยกลั่นแกล้งเสียให้เข็ดเพื่อพิสูจน์กันให้รู้ไปเลยว่าเคนมีอารมณ์ร่วม ไปด้วยหรือไม่
แล้วสิ่งที่ผมคิดไว้ก็เป็นความจริง เคนของผมตอบรับการเล้าโลมจากผม และร่วมไม้ร่วมมืออย่างดี แรกๆเขาก็ขัดขืนปกป้องตนเอง แต่พอผมเริ่มต้นไปได้สักพัก เขาก็ส่งเสียงครางกระเส่า ยิ่งผมรุกเร้ามากขึ้นเท่าไหร่ เคนก็ครวญครางและแสดงอาการให้รู้ว่าพร้อมสำหรับผมมากแค่ไหน เหมือนเขาเป็นเครื่องยนต์ที่สตาร์ทติดง่าย ออกตัวเร็ว และทะยานโลดแล่นไปสู่จุดหมาย
ปฏิกิริยาของเขาทำให้ผมรู้สึกพึงพอใจ อย่างน้อยๆร่างกายของเคนก็เปิดทางให้ผมแล้ว เหลือแต่จิตใจเท่านั้น ที่ผมจะต้องพยายามครอบครองให้ได้ ผมรักเขามาก ความรู้สึกมันเพิ่มพูนขึ้นทีละน้อยๆ ทุกวัน จนในที่สุด เคนก็มายึดครองพื้นที่ในหัวใจของผมเข้าไปเต็มๆร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เหลือเผื่อแผ่ที่ให้คนอื่นอีกแล้ว ผมไม่อยากจะเสียเขาไปให้ใคร ดังนั้นผมจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้เคนยอมรับผมให้ได้ หากใช้วิธีปกติไม่ได้ผล ก็ต้องใช้เล่ห์กลกันบ้าง
“หลับเถอะนะครับ คนดี พรุ่งนี้คุณต้องเผชิญกับอะไรอีกตั้งมากมาย แต่อยากให้รู้ไว้ ว่าผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
ก ระซิบข้างหูคนที่กำลังนอนหลับเบาๆ ใบหน้าของเคนยิ้มน้อยๆ เหมือนคนที่มีความสุข และกำลังฝันดี ผมอดไม่ได้ที่จะพรมจูบไปทั่วไปหน้าห้าเหลี่ยมนั่น ใครว่าคนอีสานหน้าตาไม่ดีกันนะ อย่างน้อยก็เว้นเคนไว้คนหนึ่งล่ะ ถึงแม้หน้าตาเขาจะออกลูกทุ่ง ชนบทไปสักหน่อย แต่ก็เป็นหนุ่มชนบทที่หน้าตาดีเชียวล่ะ เพียงแต่ว่าดูมอซอไปนิด หากจับมาขัดสีฉวีวรรณ แต่งเนื้อแต่งตัวดีๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนอย่างเพียงพอ และบำรุงผิวพรรณบ้าง เขาจะเป็นหนุ่มทันสมัยที่ใครๆก็ต้องมองอย่างเหลียวหลังแน่นอน
เอาเถอะ ผมจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงเขาไปทีละน้อย แต่ต้องไม่ให้เขาสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง ผมรู้ดีว่า คนอย่างเคนยังคงยึดติดอยู่กับความเคยชินแบบเก่าๆ และเขาค่อนข้างหยิ่งในศักดิ์ศรีพอตัว สิ่งที่ผมกำลังจะทำให้กับเขา เคนอาจจะยอมรับไม่ได้ และอาจจะถือโทษโกรธผมที่มาวุ่นวายกับชีวิตของเขา ทว่าสิ่งที่ผมจะทำนั้นมันมาจากความปรารถนาดี ที่อยากเห็นเขาดูดีกว่าเดิม ผมอยากช่วยพัฒนาทั้งในเรื่องความรู้ ความสามารถในการทำงาน ควบคู่กันไปกับการพัฒนาบุคลิกภาพด้วย ไม่ใช่ทำเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้ผม แต่ทำเพื่อตัวของเคนเอง คนเราต้องเติบโตก้าวหน้าขึ้น เพื่อความสำเร็จในชีวิต มีสิ่งเดียวที่ผมจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงในตัวของเคน คือความดีงามในหัวใจของเขา เพราะสิ่งนี้เป็นข้อเด่นในตัวของเคนอยู่แล้ว เพียงแต่ผมจะส่งเสริมให้มันดูดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ เท่านี้ก็คงจะเพียงพอที่จะทำให้เคนมีชีวิตที่เปี่ยมสุขแล้ว
“ผมรักคุณนะครับ”
ผ มกระซิบอีกครั้งก่อนจะซุกตัวเข้าไปนอนข้างๆสุดที่รักของผม เคนขยับตัวเล็กน้อย จากนั้นก็พลิกตัวเข้ามาหา และโดยที่เคนเองอาจจะไม่รู้ตัว แขนข้างหนึ่งของเขาก็เหวี่ยงพาดมาบนตัวของผม และโอบกอดผมไว้หลวมๆ ผมรีบซุกเข้าไปแนบชิดเขามากยิ่งขึ้น ใบหน้าเราใกล้กันมากขนาดปลายจมูกแตะกัน ลมหายใจอุ่นๆของเขาที่ปล่อยออกมา ถูกผมสูดกลับเข้าไปในจมูก เหมือนว่าเราแลกอากาศหายใจของกันและกัน ผมเอาแขนโอบกอดตอบ จากนั้นก็ปล่อยตัวเองให้เข้าสู่ภวังค์แห่งการหลับไหลอย่างมีความสุข
ประม าณตีห้า ผมก็ตื่นจากการหลับไหล ผมมองคนที่นอนข้างกายซึ่งยังนอนนิ่งอยู่ งานที่ผมมอบหมายให้เขาทำแต่ละวันมันหนักมากจนเขากลับมาบ้านในสภาพเหนื่อยล้า ทุกที มาถึงก็สลบไสลดูน่าสงสาร แม้จะเห็นใจเขาเท่าไหร่ ผมก็ยอมอ่อนข้อให้เขาไม่ได้ ผมไม่อยากทำร้ายเคนทางอ้อม อยากให้เขาก้าวหน้าเพราะความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่จากเส้นสาย อยากให้เขาเติบโตอย่างสง่างาม ไร้คำติฉินนินทา ผมจึงต้องเข้มงวดกับเขาให้มาก เพื่อฝึกให้เขาแข็งแกร่ง ได้แต่หวังว่าเคนจะมีความอดทนเพียงพอ ไม่ท้อแท้ไปเสียก่อน
...........
 ใ บหน้าของเคนยามไม่รู้สึกตัวนี่ช่างดูน่ารัก เป็นธรรมชาติเสียจริง ผมอดใจไม่ไหว ต้องก้มลงจูบที่หน้าผากและแก้มของเขา ที่จริงไม่อยากจะลุกเลย อยากนอนกอดเขาไว้แบบนี้ทั้งวัน แต่ภารกิจของแม่บ้านรออยู่ ผมต้องตื่นเช้าก่อนเขาเพื่อมาทำหน้าที่ภรรยาที่ดีคอยปรนนิบัติรับใช้ เคนตื่นขึ้นมา ต้องอาบน้ำ แต่งตัว ผมต้องเตรียมเสื้อผ้าให้เขา ซึ่งผมได้แอบเอาเสื้อผ้าของเคนไปให้คนรับใช้ที่บ้านซักรีดให้เรียบร้อยแล้ว ผมแค่เอามาแขวนไว้ให้ในตู้ และเอามาแขวนไว้ให้เขาใส่ไปทำงานเท่านั้น
ผ ้าขนหนูผืนใหม่เอี่ยมหอมกรุ่นนำไปวางพาดไว้ที่ราวผ้าในห้องน้ำ ผืนเก่าที่เขาใช้แล้วเมื่อคืนนี้ ผมเอามาใส่ในถุงดำรวมกับเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว เพื่อที่จะเอากลับไปจัดการต่อที่บ้านของผม อาหารเช้าต้องจัดเตรียมเพื่อให้เคนได้ทานทุกวัน เขาจะได้มีเรี่ยวแรงสู้งานหนัก
ช่วงนี้ผมสังเกตเห็นว่าเคนไม่ลงไปทานข้ าวบ่อยๆ ทั้งๆที่มีเงินอยู่บ้าง แอบสอบถามจากเลขาของผม ก็ได้ยินว่าช่วงนี้สงสัยเคนคงกำลังมีปัญหาจากที่บ้าน เรื่องเงินทอง เขาคงเก็บเงินเพื่อส่งเสียคนทางโน้นแน่ ดังนั้นผมจึงต้องหาทางช่วยเหลือยอดรักของผม ไม่ให้อดข้าวตายเสียก่อน
จ ะชวนเขาไปกินข้าวกลางวันด้วยทุกมื้อ ก็ผิดวิสัยที่ประธานบริษัทจะพึงทำ ดีไม่ดี เคนอาจจะถูกนินทาว่าร้ายเอาก็ได้ และผมเองก็จะพลอยเสื่อมเสียไปด้วยในข้อหาลำเอียง หรืออาจจะมีคนคิดใกลหาว่าเคนเป็นเด็กของผมก็ได้ ซึ่งที่จริงมันก็เป็นแบบนั้น และผมไม่แคร์ด้วย ผมไม่สนใจใครอยู่แล้ว แต่ผมเกรงว่ามันจะมีผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจพนักงานคนอื่นๆ และในท้ายสุดตัวเคนเองก็จะได้รับความเดือดร้อน
จะแอบเอาเงินยัดใส่กระเป๋ าเขา ก็กลัวเคนคิดมาก หาว่าผมดูถูกเขา ซื้อเขาด้วยเงิน พอดีพอร้ายเคนจะเกลียดขี้หน้าผม ไม่พูดด้วย ไม่ยอมให้ผมกุ๊กกิ๊กกับเขา และอาจจะรุนแรงถึงขึ้นลาออกจากงานไปเลย เพื่อหนีผม ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงคลั่งตายแน่
เมื่อคิดสารตะแล้ว ผมจึงคิดว่าการทำข้าวกล่องให้เคนไปทานที่ทำงาน จึงเป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้เขาประหยัดเงิน และสามารถส่งเสียคนทางบ้านได้ เมื่อวานนี้ผมให้คนขับรถแวะส่งผมที่ห้างสรรพสินค้า และผมก็เข้าไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต ซื้อทั้งของสดของแห้งเต็มคันรถ พอซื้อเสร็จ ก็นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านเคนไม่มีตู้เย็น จะเก็บของสดได้อย่างไร ผมเลยแอบซื้อตู้เย็นขนาดไม่ใหญ่มาก มาไว้ในห้องของเคน พลางลุ้นระทึกว่าสามีของผมจะว่าไงบ้าง เมื่อเห็นเข้า เขาคงโกรธผมแน่ๆที่ซื้อของแบบนี้มาให้ แต่เมื่อวานนี้เคนกลับดึก พอมาถึงก็ถูกผมอ้อนขอมีอะไรด้วย เขาก็เลยไม่มีเวลาได้สำรวจความเปลี่ยนแปลงของห้องตัวเอง รอให้เขาตื่นขึ้นมาก่อนเถอะ คงได้โวยวายแน่ แต่ผมคงไม่อยู่ให้เขาเห็นหน้าแล้ว เพราะพอผมทำข้าวเช้า และข้าวกล่องสำหรับกินกลางวันให้เขาเสร็จ ผมก็ต้องรีบเผ่นกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน ก่อนไปทำงาน
......................
 เ คยคิดอยากจะหอบเสื้อผ้ามาอยู่กับเคนเหมือนกัน แต่ข้าวของเครื่องใช้ผมมันเยอะแยะ ทั้งเสื้อผ้า พวกครีมบำรุงผิว และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ หากผมขนมาทั้งหมด ห้องเคนคงคับแคบไปถนัดใจ สิ่งที่ผมพอจะทำได้ คือมานอนตอนเย็น และกลับไปในตอนเช้ามืด ที่จริงผมอยากจะอยู่กับเขาตลอดเวลา แต่ก็ติดขัดเรื่องสถานที่พักเท่านั้น หากเป็นไปได้ อยากอยู่ในที่ที่มันใหญ่กว่าเดิม แต่ในเมื่อเคนยังไม่มีเงินพอที่จะขยับขยายที่อยู่ใหม่ และผมก็ไม่กล้าซื้อบ้านหรือคอนโดให้กับเขา เราสองคนผัวเมียก็เลยต้องอยู่กันแบบนี้ไปก่อน
ผมคิดเอาเองว่า ความรักความเอาใจใส่ที่ผมมีให้กับเคน คงจะช่วยทำให้เขาเข้าใจในตัวผมได้เร็ววัน ผมอยากให้เราสองคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ชีวิตของผมจะได้สมบูรณ์แบบเสียที ไม่ต้องไปงานแต่งงานของใครต่อใคร แล้วในใจก็อิจฉา อยากมีชีวิตคู่แบบคนอื่นเขาบ้าง หากผมและเคนไปกันได้ด้วยดี ผมก็จะมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ซึ่งผมตั้งใจว่าผมจะทำหน้าที่ภรรยายอย่างดีที่สุดเพื่อสามีอันเป็นที่รักยิ่ งของผม
วันนี้ผมจะทำข้าวกล่องอะไรให้เขาไปทานดีหนอ ผมเรียนรู้วิธีการทำอาหารไทยมาบ้าง แต่ยังทำได้ไม่เยอะนัก อุตส่าห์ลงทุนซื้อตำราอาหารมาศึกษา และให้แม่ครัวที่บ้านช่วยสอนบางอย่าง มันก็พอที่จะทำกินได้ ผมอยากทำอาหารเป็นหลายๆอย่าง โดยเฉพาะอาหารอีสาน จะได้ทำให้เคนทานด้วย หากเขาได้กินอาหารที่เขาคุ้นลิ้นเขาน่าจะชอบ และอาจจะเผื่อแผ่ความชอบมาถึงผมด้วย
หลังจากหันรีหันขวางอยู่หน้าตู้เย็น ที่ซื้อใหม่ได้สักพัก ผมก็นึกออกว่าจะทำอาหารเช้าและอาหารกลางวันอะไรให้เคนทานดี อาหารเช้าง่ายๆนอกเหนือจากพวกแซนด์วิช ที่ผมทำให้เขาทานบ่อยๆแล้ว ก็คงจะเป็นข้าวผัดที่ผมพอจะทำได้ ในเวลาอันจำกัด วันนี้ผมให้เขาชิมข้าวผัดอเมริกันฝีมือของผมดีกว่า ไหนๆเขาก็ตกกระไดพลอยโจนเป็นเขยของคนอเมริกันแล้ว ก็ต้องหัดให้ชินกับอาหารฝรั่งเสียหน่อย ส่วนมื้อกลางวัน ผมค่อยทำอาหารไทยให้เขาทาน

......................
ห มูทอดกระเทียมพริกไทย ผัดบร๊อคโคลี่ใส่กุ้ง และแกงจืดผักกาดดองใส่กระดูกหมู คือชุดอาหารกลางวันที่ผมทำให้เขาทาน ผมเอาข้าวหอมมะลิที่หุงไว้คดใส่กล่องอาหารแล้วเอาหมู

ทอดกระเทียมพ ริกไทยวางในช่องสำหรับใส่กับข้าว และเอาฝาพลาสติกปิด ส่วนผัดบร๊อคโคลี่ ผมใส่กล่องเล็กๆแยกไว้ต่างหาก ถุงร้อนถูกนำมาใส่แกงจืด โชคดีที่ผมรอบคอบพอจะซื้อถุงร้อนมาเผื่อสำหรับใส่แกงไว้ให้เขาทานด้วย เพราะถ้าใส่กล่องมันอาจจะกระฉอกออกมาได้

ถุงผ้าซึ่งด้านในเป็นฉนวน เก็บความร้อนที่ผมซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ตถูกนำมาใช้ใส่กล่องอาหารทั้งหมด เพื่อรักษาอุณหภูมิเอาไว้ เมื่อถึงตอนกลางวันเขาจะได้ทานอาหารที่ยังร้อนๆอยู่

ที่จริง ผมได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ธุรการจัดซื้อเตาไมโครเวฟ มาวางไว้ให้พนักงานในแต่ละชั้นได้ใช้แล้ว ทุกคนสามารถนำอาหารมากินในที่ทำงานได้ แต่ต้องช่วยกันดูแลทำความสะอาด อย่าให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ หรือมีแมลงมาคอยรบกวน

สำหรับสามี สุดที่รักของผม ผมต้องดูแลเอาใจใส่เขามากกว่าคนอื่นๆ ผมไม่ให้เขาไปอุ่นข้าวกินเอง แต่จัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย แค่เขาเปิดถุงเก็บความร้อน เอากล่องอาหารออกมา เขาก็ได้ข้าวร้อนๆพร้อมกับข้าวทานแล้ว

เพียงเวลาไม่นาน ผมก็จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเดินมาที่เตียง เคนยังคงหลับอยู่ ผมก้มลงจูบแก้มเขาจากนั้นก็ตัดใจถอยให้ห่างไกลจากเตียง แรงดึงดูดของคนที่นอนอยู่บนนั้นมันมากมายมหาศาลเหลือเกิน หากผมยังทู่ซี้ไม่รีบกลับที่พักของตัวเอง มีหวังผมได้กลับขึ้นเตียงใหม่ และปลุกคนที่นอนอยู่ให้ขึ้นมาทำกิจกรรมด้วยกัน ไม่ต้องไปทำงานการ หรือทำอะไรกันแล้ว

“จะกลับบ้านแล้วหรือครับ”

เสียงที่ดังข ึ้นจากปากของคนที่ผมคิดว่าเขากำลังนอนหลับสบาย ทำให้ผมชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวไปยังประตู เมื่อหันไปมองก็เห็นเคนนอนตะแคงข้าง ศีรษะหนุนหมอน ตาจ้องผมอยู่ ผมอดใจไม่ไหว ย้อนกลับมาหาเขาที่เตียงตามเดิม ทรุดนั่งลงข้างๆ และเอื้อมมือไปลูบไล้แก้มเขาเบาๆ

“ผมต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะครับ ไม่อยากกลับไปกลับมาแบบนี้เลย อยากอยู่กับเคน แล้วตื่นไป
ทำงานพร้อมๆกันมากกว่า”

น ี่เป็นความรู้สึกจากใจผมเลย อยากอยู่ใกล้ๆ ไม่อยากจากเคนไปไหนเลยแม้แต่น้อย ทำไมนะ ผมถึงได้รักเขามากมายแบบนี้ ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่ามีจิตพิศวาสผมเลยแม้แต่น้อย มันคงเริ่มจากที่ผมรักความดีที่เขาทำ จนถลำลึกกลายเป็นความรักในตัวเขา ผมอยากให้เขารักผมบ้าง เราจะได้อยู่ด้วยกันทุกช่วงเวลา

“ไม่อยากให้ผมกลับใช่ไหมล่ะ คิดถึงผมล่ะสิ หรือว่าอยากกุ๊กกิ๊กกับผมอีก”

แ ค่แสร้งทำตาเจ้าชู้ใส่ และทำหน้าและเสียงให้ดูหื่นเล็กน้อย เคนก็ตาเหลือก รีบปฏิเสธปากคอสั่น ตาจ้องมองผมอย่างระแวดระวัง ดูน่าขำแกมน่าเอ็นดูยิ่งนัก จนผมไม่อยากไปทำงาน อยากนอนกกกอดกับเขาทั้งวันทั้งคืน

“ไม่ใช่เสียหน่อย”
.................
เ คนพูดเสียงอุบอิบ ถึงแม้ว่าผิวของเขาจะไม่ขาวมากเหมือนฝรั่งอย่างพวกผม แต่อย่างน้อย สีแดงจากเลือดที่ฉีดพล่านขึ้นมาที่ใบหน้า ก็ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังอายเพราะคิดตามคำพูดของผม

“เคนติดใจใช่ไหมครับ”

เ มื่อกี้ทำตาเจ้าชู้ใส่เขา คราวนี้ผมทำเสียงเจ้าชู้ใส่อีก เคนขยับตัวออกห่างจากผมไปทางด้านหลังเล็กน้อย ทำท่าเหมือนว่ากลัวผมจะทำมิดีมิร้าย ผมอดที่จะหัวเราะในใจไม่ได้ โธ่เอ๊ยพ่อกระต่ายน้อยขวัญอ่อน ตื่นกลัวง่ายเสียจริง ถึงอย่างไรก็หนีแม่หมียักษ์อย่างผมไปไม่ได้หรอก

“ไม่อ่ะครับ”

เ ขาส่ายหน้าปฏิเสธ จนผมเผ้ายุ่งไปหมด ผมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เอื้อมมือไปจับไหล่เขา แสร้งทำเป็นว่าจะลวนลาม กริยาหื่นๆของผมคงจะทำให้สามีสุดที่รักรู้สึกกลัว เคนสบัดไหล่อย่างตกใจ แล้วรีบลุกขึ้นนั่งทันที

อารามรีบร้อน เลยทำให้ไม่ได้สังเกตเห็นว่าตัวเองไม่ได้สวมใส่อะไรสักชิ้น พอผวาลุก ผ้าห่มที่คลุมอกก็เลื่อนลงมากองอยู่ตรงสะโพกแบบหมิ่นๆ เผยให้เห็นขอบสามเหลี่ยมรูปตัววายกลางลำตัว ไรขนโผล่ขึ้นมาให้เห็นรำไรจากท้องน้อยถึงสะดือ

ร่างเกือบเปลือยของ เขาทำให้ผมตาพร่า เลือดกำเดาเกือบทะลัก ทั้งๆที่เห็นและได้สัมผัสด้วยมือและปากจนเกือบทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่ผมก็ยังอยากลิ้มชิมรสเขาอีกอยู่ดี

“ยังจะกล้าพูดคำนี้อยู่อีกเห รอครับ ทั้งๆที่เมื่อคืนเคนตัวสั่นเป็นลูกนกอยู่ในอ้อมกอดของผม ครวญครางขอร้องให้ผมจัดการกับเคนโดยไว เพราะคุณจะขาดใจตายแล้ว อยากให้ผมเข้าไปอยู่ในตัวคุณ เป็นหนึ่งเดียวของกันและกัน

ผมเลยต้อ งยอมตามใจเคนของผม แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ผมทำ เคนไม่รู้สึกชอบใจ หรือต้องให้ผมทบทวนความทรงจำให้เคนอีกดีครับ เผื่อเคนจะพึ่งตื่นนอน ยังงัวเงีย จำอะไรไม่ค่อยได้”

ไหนๆจะแกล้งคนปากแข็งแล้ว ก็ต้องทรมานให้เขายอมรับให้ได้ นอกจากผมจะทำหน้าหื่นใส่เขาแล้ว กริยาท่าทางของผมก็ไปตามด้วยเพื่อให้เนียนน่าเชื่อถือว่าผมจะทำกับเขาจริงๆ ผมโน้มตัวไปใกล้เขา เคนถอยกรูดไปจนติดผนัง โดยมีผมเคลื่อนตัวตามติด

“ไหนบอกว่าจะกลับบ้านไงครับ”

“ อีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยกลับก็ได้ คนขับรถของผมเคยชินกับการรอคอยอยู่แล้ว อีกอย่างเช้ามืดแบบนี้รถไม่ติด ซิ่งแป๊บเดียวก็ถึงบ้าน ต่อเวลาอยู่กับสามีสักครึ่งชั่วโมง คงไม่ทำให้ไปบริษัทสายหรอกครับ”

ก ล่าวเสร็จก็โน้มตัวไปหาเขา จนหน้าใกล้กัน เคนเบือนหน้าหนีไม่มองผม ทำให้แก้มของเขาสัมผัสกับจมูกผมโดยบังเอิญ ผมสูดกลิ่นเนื้อหนุ่มเข้าไปเต็มปอด อา....มันช่างชื่นใจเสียจริง ขนาดตื่นนอนใหม่ๆ ยังไม่มีคราบน้ำลายบูดเปื้อนแก้มเลย เนื้อตัวเขาหอมจริงๆ

“แต่ผมจะไปสายนะครับ บ้านผมก็อยู่ไกลด้วย รถก็ติดอะครับ ไปจวนเจียนเวลาที่คุณกำหนดให้ผมเข้างานทุกที ผมไม่อยากโดนท่านประธานดุเอาอีก ยิ่งเป็นช่วงทดลองงานด้วย”

หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่10 update 2 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 02-08-2007 05:42:05
ยิ่งอ่านยิงมึน เคนเปงสามีแต่โดนทำเหมือนเปงภรรยา  :a6:  :a6:

มาต่อเร็วๆนะ  :m3:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่10 update 2 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 02-08-2007 11:12:33
แม่บ้านสุดๆ  :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่10 update 2 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-08-2007 13:08:47
อยากมีแบบนี้บ้างสักคนอะ

 :m17: :m17: :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่10 update 2 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-08-2007 21:47:07
จะหาได้แบบนี้ที่ไหนหว่า  :m26:  :m26:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่10 update 2 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 03-08-2007 06:37:13
รอต่อไปสักวันก็อาจจะโดนจับทำสามีบ้างนะเพื่อนๆ
 :m20:
*****************************

เคนของผมพูดซะน่าสงสารเชียว จริงอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ ระยะทางระหว่างที่พักของเขาไปยังบริษัทมันห่างไกลกันพอสมควร แถมซ้ำยังรถติดอีกด้วย
ข้อดีเพียงอย่างเดียว คือราคาถูกเท่านั้น ห้องเช่าหรือบ้านพักในเมืองที่ใกล้สถานที่ทำงาน ราคาก็ค่อนข้างแพง คนที่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวแบบเขาคงไม่มีปัญญาที่จะหาเงินมาจ่ายได้

รู้สึกคันปากยิบๆ อยากจะบอกออกไปเหลือเกินว่าผมยินดีช่วยออกค่าที่พักให้ แต่ก็ไม่อยากจะทำลายบรรยากาศยามเช้าที่ดูดี

หากผมพูดคำนั้นออกไป เคนอาจจะโกรธผมก็ได้ ผมเลยปิดปากเงียบไว้ และนึกวางแผนที่จะให้เขายอมย้ายไปอยู่กับผมด้วยความสมัครใจ

“แหม น่าเสียดายจัง เรายังไม่เคยมีอะไรกันตอนเช้าเลย บรรยากาศดีด้วย แต่ไม่เป็นไรหรอก เอาไว้วันหยุดก็ได้นี่นา ผมไม่ทำกับเคนเช้านี้ก็ได้ แต่เคนต้องสัญญาก่อนนะครับ ว่าถ้าเป็นวันหยุดแล้ว ต้องให้ผมกุ๊กกิ๊กด้วยนะ”

ต่อรองเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบอีกแล้ว สงสัยผมคงติดนิสัยการออกไปเจรจาทางธุรกิจกับลูกค้ามากไปหน่อย จนเผลอเอามาใช้กับสุดที่รักของผมด้วย

ก็มันชินนี่นา ถ้าไม่ทำแบบนี้ ก็อดที่จะได้รับสิ่งดีๆให้กับตัวเองสิ ลองใครได้มาอยู่กับเคน ก็ต้องหาทางเจ้าเล่ห์เอากับเขาทั้งนั้น

ก็เคนของผมน่ะ น่ารัก น่ากินน้อยเสียเมื่อไหร่ ยิ่งอยู่ในสภาพเกือบเปลือยแบบนี้ ยิ่งเร้าใจเป็นที่สุด อยากจะเอื้อมมือไปกระชากผ้าห่มที่คลุมกายท่อนล่างเขานัก และลงมือใช้ปากมอบความรักให้กับเคน

สำหรับเขาแล้ว ผมไม่เคยนึกรังเกียจที่จะทำอะไรให้เคนเลย เขาเป็นสามีที่น่ารัก เขาสมควรได้รับสิ่งดีๆเหล่านั้น

โอ๊ย.....ผมจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ไหวแล้วนะ รีบตกลงเร็วๆสิ ก่อนที่ผมจะอดใจไม่อยู่ และลงมือปล้ำคุณเสียตอนนี้ ผมตะโกนในใจ


“ทำไมผมต้องตกลงแบบนั้นกับท่าน เอ้อ...กับเคลวินด้วยล่ะครับ”

“เพราะถ้าไม่ตกลง เราจะกินอาหารเช้าที่ชื่อ “พิศวาสรุ่งอรุณ” กันทุกวันโดยไม่เว้นวันหยุดเลยครับ และผมเชื่อว่าถึงเคนไม่อยากกิน แต่ผมก็จะป้อนมันให้กับเคนจนคุณร่ำร้องขอกินมันด้วยตัวเองเลยครับ”

ไม่ได้ขู่นะ กะจะทำจริงๆด้วย ตอนนี้ ผมหน้ามืดด้วยความหื่นแล้ว ตาจ้องอยู่ที่ใบหน้าเอ๋อๆของเขา สลับกับท้องน้อยของเคน

พยายามจะจ้องทะลุผ้าเพื่อรู้ให้ได้ว่า ร่างกายของเคนภายใต้ผ้าห่ม มันตื่นตัวเหมือนของผมบ้างไหม น้องชายของผมมันอยากมาหาเคนใจจะขาด ตื่นเต้นจนดันกางเกงผม เจ็บไปหมดแล้ว

ดูเหมือนสิ่งที่ผมพูดจะได้ผล เคนคงกลัวว่าผมจะทำอย่างนั้นกับเขาจริงๆ เขาพยักหน้า และทำคอตก แก้มแดง คงจะอายที่ต้องตอบรับให้ผมกุ๊กกิ๊กกับเขาได้ในวันเสาร์และอาทิตย์ ทั้งๆที่เขาไม่อยากทำ

ผมหัวเราะอย่างร่าเริง ที่แผนการของผมสำเร็จทีละนิด อีกไม่นานผมคงได้ครอบครองหัวใจเขา เคนเป็นคนซื่อๆ จิตใจดี ขี้เกรงใจคน เวลาที่ผมทำอะไรเพื่อเขามากๆ เขาจะได้ใจอ่อนกับผม และยอมรับรักผมบ้าง

“เคนน่ารักจังเลย ผมรักคุณที่สุดเลยครับ”

.............................................

หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่11 update 3 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 03-08-2007 06:47:59
บทที่ 11

ทันทีที่พูดประโยคนั้นจบ ท่านประธานเคลวินก็ผวาเข้ามากอดผมแน่น และระดมจูบไปทั่วใบหน้าของผม เบี่ยงหนียังไงก็ไม่พ้นจมูกและปากนั่น

ผมใช้สองมือยันหน้าอกของท่านประธาน ผลักให้ออกห่าง แต่เหมือนผลักหินผาที่ตั้งตระหง่านไม่มีทางขยับเขยื้อน

มือไม้ของเขายุ่มย่ามไปทั่วเนื้อตัวของผม และทำท่าว่าจะเลื่อนต่ำลงมา ยังร่างกายใต้ผ้าห่ม ผมรีบจับมือเขาเอาไว้ ก่อนที่เจ้าของจะพามันเลื่อนไปไกล

“สัญญาต้องเป็นสัญญานะครับ ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น ห้ามเบี้ยวด้วย แล้วผมจะรอนะครับ พรุ่งนี้ก็วันศุกร์แล้วนะครับ อย่าลืมเสียล่ะ

ตอนนี้ผมไปก่อนนะครับ อาบน้ำทานข้าวแล้วรีบไปทำงานนะครับ ผมเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้มีอาหารเช้า และอาหารกลางวันให้ด้วยนะครับ อย่าไปสายนะ”

เขาสั่งเสียหลายอย่าง ผมได้แต่พยักหน้ารับคำ จากนั้นท่านประธานก็กอดผมแน่นๆอีกครั้ง และหอมแก้มผมฟ่อดใหญ่

ก่อนจะผละจากไป ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบผลุดลุกขึ้นจากเตียง และเดินไปดูที่หน้าต่างห้อง เห็นไฟท้ายรถของท่านประธานไวๆ ตอนเลี้ยวออกไปจากหน้าตึกห้องเช่าของผม

เหลียวมองนาฬิกาปลุกตรงหัวเตียง เกือบจะหกโมงแล้ว ผมเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปทำภารกิจประจำวัน

ผ้าขนหนูผืนสะอาดสะอ้านกลิ่นหอมแดดและน้ำยาปรับผ้านุ่ม วางรอท่าผมไว้เรียบร้อยแล้วในห้องน้ำ

ยาสีฟันบีบใส่แปรงวางไว้ตรงหน้ากระจก

ผมอดยิ้มให้กับการเตรียมทุกอย่างให้ผมไม่ได้ นี่เขาอยากเป็นภรรยาของผมขนาดนี้เลยหรือนี่ ดูไปก็น่ารักดีแฮะ

เวลาอ้อนๆ เอาอกเอาใจมันให้ความรู้สึกดีชะมัด เขาทำกับผมเหมือนกับว่าเป็นสามีของเขาจริงๆ นี่ถ้าเคลวินเป็นผู้หญิง ผมคงเทใจให้เขาไปแล้ว

อาบน้ำอาบท่าเสร็จแต่งตัวเรียบร้อย ผมก็นั่งลงรับประทานอาหารเช้าที่เคลวินทำให้ โน้ตเล็กๆที่วางไว้บนโต๊ะ บอกให้รู้ว่าเขาได้ทำอาหารกล่องเตรียมไว้ให้ผมทานตอนกลางวันด้วย

ผมรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก กับความห่วงใยที่เขามีให้ มันช่างบังเอิญจริงๆ เพราะช่วงนี้ผมกำลังถังแตก ต้องเก็บเงินเพื่อส่งกลับไปให้ครอบครัวทางบ้าน เลยต้องใช้จ่ายอย่างกระเบียดกระเสียร

ถ้าเคลวินทำอาหารกลางวันให้ผมทานบ่อยๆ ก็สามารถประหยัดค่าอาหารกลางวันได้ถึงวันละ ห้าถึงหกสิบบาท เดือนหนึ่งก็ประหยัดไปได้เป็นพัน

ทานอาหารเสร็จ ผมเก็บถ้วยชามไปล้าง รู้สึกเหมือนว่าบางสิ่งบางอย่างมันเปลี่ยนไป มีอะไรใหม่ๆไม่คุ้นตาแปลกปลอมอยู่ในห้องเช่าของผม

หลังจากสำรวจตรวจตราดู ผมจึงเห็นตู้เย็นขนาดห้าคิวยังใหม่เอี่ยมอ่องตั้งอยู่บริเวณมุมหนึ่งของครัว นึกโกรธขึ้นมาทันที นี่เคลวินคงแอบไปซื้อมาแน่ๆ เห็นผมเป็นอะไร ทำไมเขาต้องมาทำแบบนี้กับผมด้วย ผมไม่ใช่เด็กเลี้ยงของเขานะ
.......................
“ท่านประธานครับ ผมมีอะไรจะพูดด้วยหน่อย”
ทันทีที่ฝ่าวิกฤตการจราจรไปถึงที่ทำงานได้ ผมก็แอบใช้โทรศัพท์ของพี่นนทรีโทรหาเขาทันที โชคดีที่เขารับสาย คงนึกว่าเป็นเลขาสุดสวย

พอได้ยินเสียงของผม เขาก็อึ้ง จากนั้นก็วางหูลง ผมโทรกลับไปใหม่ เขาก็ไม่ยอมรับ ผมซึ่งกำลังโมโหอยู่ก็เลยเดินกดลิฟท์ขึ้นไปยังเพนเฮ้าส์ส่วนที่ทำงานของเขาที่ชั้นบน

ยามรักษาความปลอดภัยปล่อยให้ผมเดินเข้าไปได้สบายๆ เพราะผมขึ้นมาหาเขาบ่อยๆเพื่อเอางานมานำเสนอ

ผมไม่หยุดเคาะประตูห้องเหมือนที่เคย อารามโกรธจัด ทำให้ผมเปิดประตูผลัวะเข้าไป สายตาหลายคู่จ้องมองผมกลับมา

หนึ่งในนั้นคือตาสีเขียวที่เจือไปด้วยโทสะกำลังมองมายังผมเขม็ง ผมกวาดตามองไปยังคนที่นั่งอยู่ในนั้นเร็วๆ ท่านประธานเคลวินนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานโดยมีคุณชาตรีอดีตเจ้านายเก่าของผม และผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลนั่งอยู่ด้วย

ดูเหมือนกำลังปรึกษาหารือเรื่องอะไรบางอย่าง พี่นนทรีก็นั่งอยู่ด้วย มิน่าผมไม่เห็นเธอตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว ยังนึกอยู่ว่าทำไมมาสายจัง ไม่คิดว่าเธอมาเข้าร่วมประชุมกับเขาด้วย

ลืมไปว่าพี่นนทรีเป็นเลขา เวลามีประชุมจะขาดเธอได้อย่างไร ผมนั่นแหละที่ซื่อบื้อเอาแต่โมโหโทโสเอง


รู้สึกอับอายเหลือจะกล่าว ที่ทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด ยิ่งเห็นเคลวินทำหน้าโกรธใส่ ผมก็ยิ่งใจเสีย นี่ผมทำเรื่องแย่ๆอีกแล้ว

ความโมโหทำให้ผมไม่ทันได้คิดให้รอบคอบ กระทำการไม่ไว้หน้าผู้เป็นนาย ไม่มีมารยาท เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของพนักงานคนอื่นๆ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆจริงๆกับความผิดครั้งนี้ของผม

ความตกใจที่ตนเองเผลอเข้าไปขัดจังหวะการประชุมที่สำคัญของพวกเขา ทำให้ผมกล่าวคำขอโทษทุกคนอย่างระล่ำระลัก และรีบถอยหลังออกจากห้องของท่านประธานเคลวินทันที

แล้วรีบกดลิฟท์ลงไปข้างล่าง พอถึงโต๊ะทำงาน ผมก็นั่งซบหน้าลงกับฝ่ามือ ความเครียดทำให้ผมไม่มีกระจิตกระใจทำงาน นั่งอยู่ในท่านั้น จนกระทั่งพี่นนทรีลงมาข้างล่าง

“วันนี้เป็นบ้าอะไรไปหรือเคน ถึงได้ทะเล่อทะล่าพรวดพราดเข้าห้องประธานแบบนั้น ทำยังกับไปโกรธกับใครมา หน้าตาบอกบุญไม่รับเลย”

พี่นนทรีเปิดฉากด้วยการตำหนิ ผมไม่เถียงเธอสักคำ ก็จะให้บอกว่าไงล่ะ ที่ผมแสดงกิริยาอาการแบบนั้นเป็นเพราะผมโกรธที่ท่านประธานซื้อตู้เย็นมาให้ผม แลกเปลี่ยนกับการล่วงเกิน ผมไม่ใช่คนเห็นแกเงินนะ ที่จะได้รอรับเศษเงินจากเขาแบบนั้น

“ผมขอโทษครับพี่ พอดีผมมีเรื่องรีบด่วนที่จะต้องแจ้งให้ท่านประธานทราบน่ะครับ”

“ถึงจะเร่งด่วนแค่ไหน ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อน ว่าควรจะบอกให้ท่านรู้โดยวิธีใด ไม่ใช่ทำแบบนี้

ดีนะที่เป็นการประชุมกันภายใน ไม่มีแขกที่อื่นประชุมด้วย ไม่งั้นแย่แน่ๆ อาจจะเสียลูกค้าไปเลยก็ได้ ทีหลังทำอะไรก็ระมัดระวังก็แล้วกัน”

เลขาท่านประธานพูดสั่งสอน ผมรีบตกปากรับคำโดยไม่คิดจะโต้เถียง

“จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วครับ”

...................
“ก็ดี ถ้างั้นจะบอกอะไรกับท่านประธานก็รีบไป”
“หะ..... หา”

ผมอุทานอย่างตกใจ รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาทันที ไปพบท่านประธานตอนนี้เนี่ยนะ คงต้องถูกด่ากลับมาแหงๆ ผมทำพลาดซะขนาดนั้น

“ไม่ต้องมาหาหรอก ตอนนี้ท่านประธานว่างแล้ว และเรียกให้เธอไปพบ รีบขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลย ท่าทางท่านโมโหอยู่ด้วยนะ”

“แล้วผมไปตอนนี้จะดีหรือครับ สาเหตุที่ทำให้ท่านโมโหอาจจะมาจากผมก็ได้”

หวาดหวั่นใจอย่างไรพิกล ตอนแรกผมอยากจะเจอเคลวินเพื่อต่อว่าเรื่องที่เขาซื้อข้าวของมาให้ผม ทว่าตอนนี้ผมกลับอยากหลบหน้าเขา ไม่อยากจะไปพบสักเท่าไหร่
“ถ้าไม่ไปท่านยิ่งจะโมโหหนัก ไปโผล่หน้าให้ท่านเห็น ขัดจังหวะการประชุม ทำเหมือนมีเรื่องจะคุยด้วย แต่แล้วก็ไม่ไปเฉยๆซะงั้น คุณเคลวินคงไม่พอใจแน่ ดีไม่ดีเธออาจจะไม่ผ่านการทดลองงานเลยก็ได้”

เพราะคำขู่นั้นทีเดียวที่ทำให้ผมต้องระเห็จขึ้นมาบนชั้นเพนท์เฮาส์ของท่านประธานเคลวิน ขาแข้งมันแทบไม่อยากก้าว นึกหวาดหวั่นกลัวคนที่นั่งอยู่ในห้องทำงานหรูหรานั่น เขาคงจะตีหน้ายักษ์ใส่ผมตามฟอร์ม จากนั้นคำพูดถากถาง ตำหนิติเตียนก็จะตามมา คิดแล้วกลุ้ม ไม่อยากไปหาเขาตอนนี้เลย ความคิดที่จะต่อว่าเขามลายหายไป เหลือแต่ความกังวลใจเข้ามาแทน

ไม่น่าเล้ย นี่แหละคนเราเวลาที่ขาดสติทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด ก็มักจะเดือดร้อนเพราะผลแห่งการกระทำของตัวเองอย่างนี้ หากผมรู้จักระงับอารมณ์เอาไว้ และรอเวลาจนกว่าเคลวินจะกลับบ้านค่อยโวยวายใส่เขาอีกที น่าจะดีกว่ามาใส่อารมณ์กับเขาในที่ทำงาน เพราะเท่ากับผมไม่ให้เกียรติหัวหน้าตนเอง สมควรจะได้รับโทษอย่างน้อยก็พักงาน

ในที่สุดสองขาก็พาผมมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องประธานเคลวินจนได้ ผมยืนนิ่งรวบรวมสติอารมณ์ที่แตกกระเจิงจากนั้นก็ยกมือขึ้นเคาะประตู บนชั้นทำงานของเคลวิน นอกจากยามที่อยู่ด้านนอกแล้ว จะไม่มีพนักงานแม้แต่เลขาอยู่บนชั้นบนนี้เลยแม้แต่คนเดียว ขนาดพี่นนนี่ซึ่งเป็นเลขาคนสนิทยังไม่ได้ทำงานใกล้ชิดบนชั้นนี้ แสดงว่าเขาเป็นคนที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมากทีเดียว

“เข้ามาสิ”

เสียงห้วนมีอำนาจดังตอบมาจากภายใน มันทำให้ผมตัวลีบเล็กลงกว่าเดิม ผมหมุนลูกบิดประตู และเปิดเข้าไปอย่างช้าๆ ทันทีที่ร่างของผมโผล่พ้นเข้าประตูมา บานประตูก็ถูกผลักปิดโดยแรง จากนั้นร่างของผมก็ถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดแข็งแรงของใครคนหนึ่งทันที

ท่านประธานเคลวินมายืนดักรอผมอยู่หน้าประตู พอผมเข้ามาเขาก็ดึงตัวผมไปกอดแน่นแทบหายใจหายคอไม่ออก ตอนแรกผมตกใจมากที่ถูกจู่โจมแบบนี้สักพักก็เปลี่ยนมาเป็นงุนงง วันนี้ท่านประธานเป็นอะไรของเขานะ ทำไมเขาไม่รักษากฏกติกาของตัวเองที่ว่าจะไม่ลวนลามลูกน้องในที่ทำงาน และที่ทำกับผมอยู่นี่มันคืออะไร หรือจะอาศัยโอกาสนี้รังแกผม

......................
“เห็นแล้วใช่ไหมครับ”
เขาระล่ำระลักถามผม

“เห็น...เอ้อ..เห็นอะไรครับ”

“ก็ตู้เย็นนั่นน่ะ เคนมาหาผมเพื่อจะโวยวายเรื่องนี้ใช่ไหม”

ก็ใช่ ผมตั้งใจจะมาวีนใส่เขาที่แอบเอาตู้เย็นเข้าบ้านผมโดยไม่บอกกล่าว แต่ความตั้งใจนั้นมันเป็นเมื่อเช้า และมันได้หายไปเมื่อเห็นหน้ายักษ์กับตาดุๆสีเขียวนั่นตอนผมโผล่เข้าไปกลางวงประชุมพอดี ที่ผมมานี่ตั้งใจจะมาขอโทษเขาต่างหากที่ผมทำตัวไม่เหมาะสม แต่พอมาเจอเขามีทีท่าอ่อนลงแบบนี้ มันทำให้ผมมึนงง นึกไม่ออกว่าจะวางบทบาทตัวเองอย่างไรดี

“เอ้อ..ก็ใช่นะ ...แต่ว่า..ก็ไม่เชิง ...ผมแค่...แค่...”

พูดไม่ออกซะงั้น เฮ้อ การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของท่านประธานเคลวินสร้างความสับสนให้ผมมากพอดู ตอนนี้ ผมควรจะแสดงอารมณ์อย่างไรดีล่ะ โกรธเขาต่อที่ทำเหมือนผมเป็นเด็กของเขาที่จะต้องมาเลี้ยงดูส่งเสียให้เงินให้ทอง ข้าวของแลกกับการนอนด้วย หรือควรจะขอโทษที่ทำตัวแย่ๆเมื่อเช้านี้ดีล่ะอย่างหลังก่อนดีไหมนะ เรื่องแรกค่อยไปคุยกันที่บ้านแล้วกัน

“ผมขอโทษนะ”

“ขอโทษครับ”

ทั้งผมและท่านประธานเคลวินพูดขึ้นมาพร้อมกัน เราต่างคนต่างมองหน้ากัน ผมมองเขาอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาขอโทษผมทำไม ผมต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายขอโทษเขา

“ผมขอพูดก่อนแล้วกันนะ”

ท่านประธานดันตัวผมออก เอามือจับบ่าผมไว้ และจ้องมองผม สายตาที่มองมามีแววเว้าวอนอ่อนหวาน ไม่ดุดันเหมือนที่เคยเป็น

“ขอโทษที่ผมทำอะไรไปโดยพละการ โดยไม่ปรึกษากับคุณก่อน แต่ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ไม่ได้คิดว่าจะเอาข้าวของเหล่านี้มาซื้อคุณ เพียงแต่ว่าผมแค่อยากอำนวยความสะดวกให้คุณได้รับความสุขสบายนะครับ หากเรามีตู้เย็นเอาไว้เก็บอาหารสด เวลาที่ผมทำอาหารให้คุณทาน จะได้หาเครื่องปรุงได้ง่าย และไม่ต้องไปตลาดบ่อยๆครับ แถมยังสามารถแช่น้ำเย็น ทำน้ำแข็งเอาไว้ทานตอนกลับมาเหนื่อยๆ ไม่ต้องไปซื้อน้ำแข็งที่ไม่สะอาดมาทานน่ะครับ”

เอาล่ะสิ เล่นพูดขอโทษตัดหน้าแบบนี้ขึ้นมาก่อน ผมจะโกรธเขาลงอีกเหรอ ยิ่งเห็นแววตาจริงใจคู่นั้นมันทำให้หัวใจของผมกระตุก รู้สึกไหวหวั่นอย่างบอกไม่ถูก ท่านประธานทำเพื่อผม ไม่อยากให้ผมลำบาก วิธีการเขาอาจจะผิด แต่เจตนาของเขาคืออยากให้ผมสบาย เขาไม่ได้คิดเอาเปรียบเอาแต่ได้แม้แต่น้อย

“ยกโทษให้ผมได้ไหม”

“ถ้าสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก..ผมก็จะยกโทษให้ครับ”

.............................
เฮ้อ ....ในที่สุดก็พูดคำนั้นออกมา พูดออกไปแล้วก็อดรู้สึกเกร็งๆไม่ได้ กลัวจะถูกตอกหน้าหงายกลับมา ก็คนอย่างผมเป็นแค่เพียงลูกจ้างของบริษัทจะมีหน้าไปอภัยให้เจ้านายได้อย่างไร แต่จะว่าไป ผมไม่ได้ยกโทษให้เขาในฐานะเจ้านายลูกน้องกันนี่นา ผมยินยอมในฐานะสามีที่จะให้อภัยกับความผิดพลาดของภรรยาต่างหากล่ะ
เฮ้ย ....ผมคิดแบบนี้ได้อย่างไรกัน รู้สึกตกใจตัวเองเล็กน้อย นี่ผมคงไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการเป็นสามีของประธานบริษัทหรอกนะ ผมคงแค่เห็นใจที่เขาทำเพื่อผมเท่านั้น แต่ผมดันสับสนเอาไปปนกับเรื่องที่เขาพยายามยัดเยียดให้ผม ไม่ได้การล่ะ ขืนคิดไขว้เขวแบบนี้บ่อยๆ ผมคงต้องกลายพันธ์เป็นพวกเดียวกับเขาเสียแน่แท้

“ได้ครับ คราวหน้าถ้าจะซื้ออะไรเข้าบ้าน ผมจะถามเคนก่อนนะครับ”

เขาทำหน้าดีอกดีใจ จนเห็นได้ชัด รีบรับปากและ ยิ้มกว้างทำตาเยิ้มให้ผม คนตรงหน้าขณะนี้ แปรเปลี่ยนเป็นเคลวินภรรยาขี้อ้อนไม่ใช่เจ้านายจอมเฮี๊ยบอีกต่อไป

“ผมเองก็ต้องขอโทษท่านประธานด้วยนะครับ ที่เมื่อเช้าผมผลุนผลันเข้าไปขัดจังหวะแบบนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจ แค่โมโหมากไปหน่อย พอเห็นตู้เย็นที่ผมไม่ได้ซื้อปรากฏอยู่ในห้อง ก็คิดมากว่าคุณดูถูกผม คิดว่าผมเป็นของเล่น คิดว่าคุณจะใช้เงินและสิ่งของฟาดหัวผมให้ยอมเป็นของคุณ เลยทำอะไรไม่คิด พอทำไปแล้วก็รู้สึกเสียใจ ตั้งใจว่าจะมาขอโทษ ไม่คิดว่า เอ้อ.....”

“ไม่คิดว่าผมจะขอโทษคุณด้วยใช่ไหมครับ”

ท่านประธานดักคอผม

“ครับ รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกดีด้วยครับ ว่าท่านไม่ได้ใช้เงินซื้อผม แต่ทำเพื่อให้ผมมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ผมขอบคุณมากครับ ท่านดีกับผมแบบนี้ ผมไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดีแล้ว”

“ถ้าในฐานะของภรรยา แค่เคนไม่รักเกียจสิ่งที่ผมทำ ผมก็ดีใจแล้ว”

“......”

ไหนบอกว่าจะไม่แสดงตัวตนแบบนี้ในที่ทำงานไง ทำตัวกลับไปกลับมาแบบนี้ผมงงนะ

“เอาล่ะ ...”

เสียงของท่านประธานเคลวินเข้มขึ้น ราวกับจะเดาใจผมออก

“ในฐานะของประธาน ผมขอสั่งคุณให้กลับไปทำงานเดี๋ยวนี้ เสียเวลากับเรื่องไร้สาระมามากพอแล้ว และต่อจากนี้ไปจะทำอะไรก็ให้ระมัดระวังบ้าง อย่าเอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ไม่มีใครทนพนักงานแย่ๆที่เอาแต่โทสะแบบนี้ได้หลายๆครั้งหรอก....”

อะไรกันหวานใส่ผมอีกซักนิดไม่ได้หรือไง เล่นเปลี่ยนมาเป็นดุร้ายใจยักษ์แบบนี้ ผมก็กลัวจนหัวหดน่ะสิ บางทีผมก็นึกอยากให้ท่านประธานเคลวินเป็นภรรยาน่ารักแบบนี้ไปนานๆ เพราะเขาจะออดอ้อนทำตัวน่ารักไม่มีพิษมีภัยกับผม ไม่อยากให้เคลวินกลับมาเป็นประธานจอมโหดเลย ขี้เกียจระวังตัวทุกฝีก้าว เขาเอาแต่จะคอยเข้มงวดกับผมตลอด จนผมกลัวลนลานไปหมดแล้ว

................
“ ครั้งนี้ผมไม่เอาผิดคุณแล้วกัน เพราะว่าเป็นครั้งแรก และเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่อย่าให้เกิดซ้ำสองอีก มิฉะนั้นผมลงโทษคุณแน่ ไปทำงานทำการได้แล้ว”

สั่งเสร็จก็หันหลังกลับทิ้งให้ผมยืนเอ๋ออยู่หน้าประตู สักพักผมถึงได้สติ รีบลงลิฟท์ไปยังชั้นทำงานของตัวเองทันที
พี่นนทรีเงยหน้าขึ้นมองมาจากโต๊ะทำงานของเธอ

พ อเห็นหน้าของผมพี่สาวสุดสวยก็ส่งยิ้มมาให้ เธอคงสังเกตจากอาการของผมที่เดินลงมาด้วยท่าทีปกติ ไม่ตื่นกลัววิตกจริตเหมือนหลายๆครั้งที่ถูกเรียกตัวขึ้นไปพบกับเจ้านายใหญ่ก ็เลยวางใจไม่เรียกผมไปปลอบ

หลังจากขึ้นไปพบกับประธานเคลวินแล้ว วันนั้นทั้งวันผมก็ยุ่งอยู่กับงานจนหัวหมุนไปหมด ทำงานไปเพลินๆท้องก็ร้องจ๊อกขึ้นมา บ่งบอกว่าได้เวลาเติมพลังเข้าสู่ร่างกาย เมื่อผมเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเพื่อนๆพนักงานออกไปทานข้าวกันหมดแล้ว เหลือผมนั่งอยู่เพียงลำพังคนเดียว

ผมค่อยๆเปิดถุงกระดาษที่ใส่ข้าว กล่องที่เคลวินเตรียมไว้ให้ เมื่อรูดซิบเปิดถุงผ้าเก็บความร้อนออกก็พบว่าอาหารที่เขาทำยังอุ่นๆอยู่ สีสันและกลิ่นของมันยั่วยวนใจให้ลิ้มลอง ในเวลาไม่นานนัก ผมก็จัดการเก็บกวาดทุกอย่างลงกระเพาะจนหมด รู้สึกอิ่มแปล้ขึ้นมาทันที

อยู่ๆผมก็รู้สึกเป็นสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และอาการของผมคงจะเป็นหนักมากจนไม่รู้ตัวเลยว่าพี่นนทรีเดินเข้ามาหาตั้งแต่เมื่อไหร่

เ ธอคงเรียกผม แต่ผมไม่ได้ยินมัวแต่เหม่อลอยคิดถึงใครบางคนที่เป็นคนเนรมิตอาหารอันโอชะมาใ ห้ผม พี่นนทรีต้องเรียกซ้ำหลายครั้ง เมื่อผมไม่ตอบ เธอจึงตีแขนผมอย่างแรง จนสะดุ้ง

“ใจลอยไปถึงไหนแล้ว คิดถึงแฟนอยู่ล่ะสิ”

“ฟะ ...แฟน เอ้อ อะไรกันครับ”

ทำท่างงจัด จนพี่นนทรีหัวเราะก๊าก พลางชี้มาที่กล่องข้าวที่ผมถือค้างอยู่

“ก็คนที่ทำอาหารมาให้กินนี่ไง เห็นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จ้องกล่องข้าวตั้งนาน”

ผ มถึงกับออกอาการเอ๋อ เมื่อได้ยินพี่นนทรีพูดแบบนั้น ยิ้มตอบเธอไปอย่างเขินๆ ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แล้วรีบลุกไปที่ห้องครัวเพื่อเอากล่องข้าวไปล้าง พลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่พี่นนทรีพูด

ผมคิดถึงเขาจริงๆนะเหรอ ประธานเคลวินคนสองหน้านั่นนะ จะไปคิดถึงทำไมกัน แล้วเขาก็ไม่ใช่แฟนผมด้วย เขาเป็นแค่ประธานจอมหื่น โหดร้าย เอาแต่ใจตัว และชอบบังคับฝืนใจคนอื่น ใครรักลงก็บ้าแล้ว

ทำมาเป็นหวังดี เอาใจใส่ดูแล ทำอาหาร ซื้อโน่นซื้อนี่ให้ ไม่หวังอะไรตอบแทน ขอเพียงแค่ผมรักเขาบ้าง แล้วถ้าผมไม่รักเขาล่ะ เขาจะเลิกทำทุกอย่างเพื่อผมไหม ถ้าไม่คาดหวังในตัวผม แล้วจะมาเอาใจทุกอย่างทำไม

เรื่องข้าวของนั่ นก็เหมือนกัน แอบซื้อมาให้ผมทีละชิ้น ถ้าผมไม่ห้าม ก็คงทำกับห้องผมตามใจชอบเหมือนกับเป็นห้องของตนเอง ดีที่รับปากว่าจะถามผมก่อนไม่ทำอะไรโดยพลการ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องมีเรื่องทะเลาะกับเขาอีกแน่.
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่11 update 3 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 03-08-2007 10:12:31
ใจอ่อนแล้วอ่ะเดะ  :m12: :m12:
รอฉากคืนวันศุกร์  :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่11 update 3 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-08-2007 20:21:39
หุหุ ตกลงกลางวันร้าย กลางคืนกลายร่างเป็นนางซินใช่มะ  :m14:  :m14:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่11 update 3 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 04-08-2007 01:45:53
แล้วหมาป่าก็กลายร่างเป็นลูกแกะ

 :a11: :a11: :a11: :a11:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่11 update 3 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-08-2007 01:50:32
 :m22:   :m22:   :m22:   :m22:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่12 update 4ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 04-08-2007 02:14:52
แอบดูไรท่านแน๋ว คอมหายเจ๊งหรือยัง
พร้อมกลับมาทำหน้าที่หรือยัง
คิกคิก
 :a10: :a10: :a10:
......................
บทที่ 12

โอ๊ย เอาอีกแล้ว ผมทำผิดพลาดจนได้ เคนคงไม่ให้อภัยผมอีกแล้ว อุตส่าห์รับปากเขาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะปรึกษาก่อนทุกครั้งก่อนจะทำอะไรเกี่ยวกับห้องของเขา แต่ผมก็ยับยั้งชั่งใจไม่ให้ซื้อข้าวของเข้าห้องของเคนไม่ได้

เรื่องของเรื่องก็คือ วันนี้ ผมดันมีธุระพูดคุยกับลูกค้ารายหนึ่ง เขาติดต่อทำธุรกิจโฆษณากับบริษัทในเครือของเรา โดยติดต่อผ่านเพื่อนของผมมา ผมจึงต้องพาพนักงานฝ่ายการตลาด และครีเอทีฟของบริษัทไปพบปะพูดคุยกับเขา

บังเอิญลูกค้าทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องเรือน มีทั้งที่ทำจากไม้ยางพารา ไม้สัก และเหล็ก คุยไปคุยมาเกิดถูกคอกัน เขาตกลงทำโฆษณากับบริษัทของเรา และพาชมเครื่องเรือนของเขา ผมดันไปสะดุดใจเข้ากับชุดโต๊ะกินข้าวขนาดสองคนที่ดีไซน์สวยงาม มันทำให้ผมนึกถึงเคนทันที

นึกสภาพที่เคนต้องนั่งขัดสมาธิบนพื้นห้อง ทานข้าวบนโต๊ะพับ แล้วก็ให้สงสารเห็นใจ อยากให้เขาได้นั่งทานข้าวดีๆ และเผื่อว่าเวลาที่ผมร่วมวงทานข้าวกับเขาด้วย แล้วเกิดอยากจะโรแมนติกขึ้นมา มันจะได้มีอุปกรณ์ประกอบฉากที่ดูดีเพียบพร้อม

ด้วยความที่อยากเห็นเคนมีความสุข เลยทำให้ผมหยุดความคิดตัวเองไม่ได้ ตัดสินใจซื้อมา 1 ชุด แต่ก่อนหน้านั้น ผมก็ได้พยายามโทรติดต่อไปหาเคนตั้งสองครั้ง ทว่าติดต่อไม่ได้ สงสัยเคนจะไม่อยู่ที่โต๊ะ

มือถือเคนก็ไม่มี ทำให้ติดต่อลำบาก ผมไม่อยากรออีกแล้ว ภาพของเคนที่นั่งทานอาหารที่โต๊ะกินข้าวอย่างมีความสุข แวบไปแวบมาในหัวสมอง และกว่าจะรู้ตัวว่าผิดสัญญากับเขา ผมก็จ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่ผมแก้ต่างให้กับตัวเองว่า โทรไปบอกแล้ว แต่เคนไม่รับสายเอง

บอกให้พนักงานเอาของไปส่งตามที่อยู่ที่ให้ไว้แล้ว ผมก็ให้คนขับรถพาผมไปร้านจำหน่ายมือถือในห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะซื้อให้เคนสักเครื่องเคนจะได้เอาไว้โทรหาแม่และคนทางบ้านโดยไม่ต้องแอบใช้เครื่องของบริษัทโทรเรื่องส่วนตัว แล้วผมก็ยังสามารถโทรหาเขาได้ด้วย

พนักงานเอามือถือหลายรุ่น หลายสีมาให้ดู ผมเลือกที่มันสามารถเป็นได้ทั้งเครื่องโทรศัพท์ สามารถถ่ายรูปได้ และเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมให้เขา เพื่อให้เขาสามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ และเชื่อมต่ออินเตอร์เนตได้ด้วย ซึ่งเหมาะกับงานเลขาที่เคนทำอยู่ เวลาที่ต้องติดตามผมไปข้างนอก แล้วต้องการข้อมูลต่างๆ จะได้เรียกใช้โดยง่าย

มันอาจจะเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างซับซ้อนยุ่งยาก เคนอาจจะไม่สะดวกที่จะใช้มันในระยะเริ่มต้น แต่ฝึกหัดบ่อยๆก็คงใช้ได้ของ สนนราคาของมันก็แพงเอาการถ้าเทียบกับพนักงานกินเงินเดือนอย่างเขา แต่สำหรับผมแล้ว มันแทบไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะซื้อให้คนที่ผมรัก

และแล้วเครดิตการ์ดของผมก็ถูกรูดอีกครั้ง ด้วยความเต็มอกเต็มใจของผม ชำระเงินเสร็จว่าจะกลับบ้าน แต่สองขาของผมก็พาเดินเข้ามาในร้านเสื้อสูทจนได้ อยู่ในนั้น 1 ชั่วโมง ตอนกลับผมได้เสื้อสูทมาอีกสองตัวเพื่อให้เคนสวมใส่เวลาออกงาน เขาจะได้ไม่ดูมอซอจนเกินไป ได้สูทแล้วผมก็ซื้อกางเกงให้เขาต่อ ขนาดรูปร่างของเคนอยู่ในสมองผม แค่มองไปยังราวที่แขวนเสื้อผ้า ผมก็กะเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับตัวเขาได้แล้ว

   




 แผนกเครื่องกีฬา เป็นจุดมุ่งหมายต่อไปที่ผมเดินเลือกซื้อหาข้าวของให้กับเคน ผมตกลงใจที่จะซื้อจักรยานให้เขาคันหนึ่ง เพื่อใช้สำหรับขี่เวลาไปและกลับจากที่ทำงาน

เคนสามารถปั่นไปจอดไว้ตรงหน้าปากซอย ซึ่งทางเขตมาทำที่จอดรถไว้ให้ตรงทางเดินเท้า เวลากลับบ้านดึกๆ เคนจะได้มีรถกลับบ้านไม่ต้องพึ่งบริการรถแท็กซี่ให้เปลืองเงิน ที่จริงอยากซื้อรถให้เขาขับ แต่เคนก็ดันเป็นคนคิดมากเสียอีก จะลดลงเหลือแค่มอเตอร์ไซด์ เคนก็คงไม่ยอมอยู่ดี อีกอย่างก็อันตรายด้วย จักรยานจึงเหมาะสมที่สุด

กว่าผมจะออกจากห้าง ข้าวของฝากเคนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมด คนขับรถของผมถูกเรียกให้มาช่วยกันขนของขึ้นรถ จักรยานถูกผูกติดไว้อย่างแน่นหนาตรงท้ายรถ เพราะเอาเข้ามาใส่ไว้ข้างในไม่ได้ มันดูตลกมากมาย ที่รถเก๋งคันใหญ่หรูหรา มีจักรยานแบบแม่บ้านห้อยท้าย

ผมร่าเริงลัลลาด้วยความสุขใจ ทว่าหลังจากไขกุญแจที่ผมขโมยของเขาเอาไปปั๊มเข้าห้องได้เรียบร้อย และหยิบข้าวของขึ้นมาดูอีกครั้ง ผมก็สำนึกได้ว่าตัวเองทำความผิดมหันต์ ที่ไม่แจ้งให้เคนทราบล่วงหน้า แล้วยิ่งเห็นชุดรับประทานอาหารที่ตามมาส่งในภายหลัง ผมก็ได้สติ และเริ่มกลุ้มขึ้นมาทันที

เมื่อเช้านี้ เคนเดินไปหาผมเพื่อจะอาละวาด เขาคงไม่พอใจมากที่ผมทำแบบนี้กับเขา เพื่อให้เคนสบายใจ ผมก็รับปากว่าจะปรึกษาเขาก่อนที่จะซื้ออะไรไป แต่ผมก็มาบิดพลิ้วสัญญาเสียเอง เคนกลับมาก็คงจะทะเลาะกับผมใหญ่ ผมจะทำยังไงดีละเนี่ย ความปรารถนาดีที่มีต่อเคนกำลังจะทำให้ผมต้องเผชิญกับความไม่พอใจของเขา และไม่รู้ว่าคราวนี้พายุจะลูกใหญ่ขนาดไหน

ผมไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ เคนยิ่งคิดมากอยู่ด้วย ชอบคิดว่าผมเอาของเหล่านี้มาล่อเพื่อให้เขายอมเป็นของผม ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย ผมรู้ว่าเคนมีความหยิ่งพอตัว ถึงเขาจะจน แต่เงินก็ซื้อเขาไม่ได้

ผมจึงพยายามใช้ใจเพื่อซื้อใจของเขา ทุกอย่างกำลังจะไปด้วยดีอยู่แล้ว เคนเริ่มอ่อนลงให้กับผมในเวลาที่เราอยู่ด้วยกันที่บ้าน ยอมตามใจให้ผมล่วงเกินเขาได้ แต่ผมก็กลัวว่าหากเมื่อไหร่ที่เคนนึกโกรธขึ้นมา เขาอาจจะไม่ยอมให้ผมแตะต้องตัวเขาแม้แต่ปลายก้อย

ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ในที่สุดผมก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเคนที่ทำงาน แต่ก็ติดต่อเคนไม่ได้เช่นเดิม ผมเหลือบดูนาฬิกา มันเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว เคนคงกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางกลับบ้าน อีกไม่นานก็คงถึง

เพราะหากเคนกลับเลยเวลา เขาจะไม่มีรถเข้าบ้าน จากปากซอยใหญ่ มายังห้องเช่า ห่างกันไกลมาก หากรถหมดต้องเหมาแท็กซี่กลับอย่างเดียว ซึ่งเคนก็ไม่มีเงินพอ แต่หลังจากที่เขายอมรับจักรยานที่ผมซื้อให้ ต่อไปเขาก็ไม่ต้องพบกับความยากลำบากในการไปและกลับอีกแล้ว

............................................
 
   


 ระหว่างที่รอเคนกลับบ้าน ผมก็ทำอาหารให้เขาไปพลางพร้อมกับคิดหาหนทางจะทำให้เคนยกโทษให้ผม แต่มันก็มืดแปดด้านไปหมด อาหารเสร็จแล้ว แต่ผมยังไม่รู้จะคุยกับเขายังไงดี

ประตูห้องเช่าถูกไขจากด้านนอกในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เคนกลับมาแล้ว ทำงานมาเหนื่อยๆ แล้วมาเจอผมทำอะไรโดยพลการไม่เชื่อฟัง เขาคงจะโกรธจนไม่พูดกับผมแน่ ผมว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเคนจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับผม หมางเมิน เย็นชา หรืออาละวาดใส่ ถ้าเป็นอย่างหลังผมพอรับมือได้ แต่ถ้าเป็นอย่างแรกผมต้องขาดใจตายแน่

ผมไม่มีเวลาได้คิดนาน เพราะเคนเข้ามาในห้องแล้ว เขาถอดรองเท้าวางเก็บไว้มุมหนึ่งของห้อง เนื่องจากยังไม่มีชั้นวางรองเท้าเป็นกิจลักษณะ ผมแอบคิดที่จะซื้อตู้มาใส่รองเท้าให้เขาอีกแล้ว หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ หนนี้ยังไม่รู้ว่าจะรอดพ้นจากการถูกโกรธหรือเปล่า แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา ก็ผมรักเคน และผมอยากให้เขามีความสุขเวลาที่อยู่กับผม

เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาทีมันช่างเชื่องช้าเสียจริง ใจของผมร้อนรนอยากให้ทุกอย่างมันเคลียร์ให้จบ จะโกรธก็ไม่ว่าแต่ขออธิบายให้ฟังถึงความตั้งใจจริงของผมที่มีต่อเขา ดูเหมือนเคนจะยังไม่รู้ตัวว่าผมรอเขาอยู่

เขาไม่ได้เหลือบแลมาทางผมเลย จึงไม่ทันเห็นว่าผมยืนรองเขาอยู่ พอถอดรองเท้าเสร็จ เคนก็ยืนเอาหัวและลำตัวส่วนหนึ่งพิงผนังไว้ พลางหลับตาลง ดูท่าทางแล้วไม่น่าไว้ใจเลย ผมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ท่าทางของเคนเหนื่อยอ่อนมาก เหมือนคนไม่สบาย และก่อนที่จะตั้งตัวได้ทัน เคนก็ค่อยๆรูดลงมากองกับพื้น

“เคน ....เคนครับ ....เป็นอะไรน่ะ”

ความตกใจทำให้ผมรีบถลาไปหาเขา แต่เคนหมดสติไปแล้ว ผมจับตัวเคนเขย่า แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อสัมผัสความร้อนจากร่างกายสุดที่รักของผม ไข้หวัดคงเล่นงานเขาเสียแล้ว ผมช้อนร่างของเคนขึ้นมาอุ้มจากนั้นก็พาไปวางลงบนเตียง

คนขับรถของผมถูกตามให้ไปรับตัวหมอมาส่งที่บ้านเช่าของเคน ดึกขนาดนี้คงจะไม่มีหมอคนไหนสะดวกมาตรวจให้ นอกจากหมอที่ดูแลรักษาให้กับครอบครัวผม พวกเราจ้างหมอเพราะไม่ชอบที่จะไปนอนโรงพยาบาลกัน มีความรู้สึกว่านอนรักษาตัวอยู่กับบ้านสะดวกกว่า ยกเว้นแต่อาการหนัก จึงจะยอมไปให้หมอรักษาที่รพ.

หมอบอกว่าเคนป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ และมีอาการอ่อนเพลีย ควรจะพักผ่อนสักสองสามวันก็หาย ผมนึกโกรธตัวเองขึ้นมาอย่างจับใจ ที่เคนเป็นอย่างนี้ คงเพราะผมแน่ ผมใช้งานเขาอย่างหนัก บังคับให้ตื่นแต่เช้าเพื่อไปเรียนรู้งาน และกลับดึกๆเพื่อที่จะทำงานอย่างเต็มที่

ผมไม่ได้ให้เขาทำเพราะว่าตนเองเป็นเจ้านาย ต้องการเอาเปรียบลูกน้อง แต่มุมมองของผมคืออยากให้เคนเป็นงานไวไว ไม่อยากให้ใครดูถูกเขา จึงต้องเข้มงวดเอากับเคน หวังให้เขาสบายในวันข้างหน้า

สิ่งที่ผมทำ อาจจะดูโหดร้ายใจดำกับเคนไปเสียหน่อย จนเกินกว่าร่างกายเขาจะรับไหว ถึงผมไม่ได้ตั้งใจว่าจะให้ผลมันเป็นแบบนี้ แต่ผมก็หลีกเลี่ยงความารับผิดชอบไม่ได้ เคนป่วยเพราะทำงานหนักจนเหนื่อยล้า

ในฐานะหัวหน้าของเขาผมควรมีเมตตาให้เขาได้หยุดพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้แล้วค่อยกลับไปทำงานต่อ ส่วนหน้าที่ภรรยาของผมคือการต้องช่วยดูแลในยามป่วยไข้ เขาไม่เห็นใจผมตอนนี้ แล้วจะไปเห็นกันตอนไหนล่ะ ผมแอบคิดอย่างเจ้าเล่ห์ 
   



 มันเป็นความโชคดีบนความโชคร้าย ในขณะที่ผมกำลังกังวลใจว่าเคนจะโกรธผม ที่เจ้ากี้เจ้าการกับของในห้องเช่าของเขา

แต่พระเจ้าก็ช่วยให้เคนมาป่วยเสียก่อน ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เห็นว่ามีสิ่งแปลกปลอมอะไรในห้องแห่งนี้ หากผมดูแลเขาอย่างดี เวลาเขาฟื้นคืนสติ หายไข้แล้ว เขาอาจจะเห็นใจผม และไม่ดุด่าว่ากล่าวผมก็ได้

หมอกลับไปแล้ว ก่อนกลับเขาฉีดยาให้เคนที่สะโพก ผมแอบเคืองหมอนิดๆที่ได้เห็นก้นของเคน

พยายามข่มใจว่านี่เป็นการรักษาของหมอ หากผมมัวแต่คิดมาก เคนของผมคงไม่หายป่วยกันพอดี พอลับตาหมอ ผมก็ขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วกอดเคนไว้แนบแน่น รู้สึกสงสารสุดที่รักของผมมาก

ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะป่วยง่าย ดูท่าทางเป็นคนแข็งแรง อีกอย่างเป็นคนทางภาคอีสาน น่าจะทนทานสู้งานหนักนี่นา ไหงร่วงอย่างง่ายดายนักล่ะ

หรือว่าผมจะใช้งานเขาหนักจริงๆ แล้วเมื่อคืนวาน ผมยังฝืนไปมีอะไรกับเขาตั้งสองครั้ง มันอาจจะทำให้เขาพักผ่อนน้อย แล้วยังต้องไปเจองานหนัก เลยน็อคขึ้นมา

“ขอโทษนะครับ ที่ผมใช้คุณหนักมากไป คุณป่วยแบบนี้ ผมเองก็ทุกข์ใจ แต่ผมต้องฝืนใจดำ ใช้งานคุณมากมาย

ผมอยากให้คุณมีความก้าวหน้า ไม่ถูกใครดุว่า ตำหนิเอาว่าไร้ความสามารถ ทนอีกนิดนะคนดี อีกไม่นานหรอก คุณก็จะสามารถพิสูจน์ตัวเองให้ใครต่อใครเห็น ว่าคุณเก่งจริง”

ผมพูดคุยกับเขา ทั้งที่เคนยังสลบอยู่ ไม่อยากบอกตอนที่เขาฟื้นแล้ว เพราะกลัวว่าเขาจะเหลิง ได้ใจ และทำตัวเหลวไหลไม่ได้ความ แต่ผมก็รู้สึกอึดอัดใจ ถ้าไม่ได้พูดออกมา ยิ่งเห็นเคนป่วยแบบนี้ ผมก็เลยระบายสิ่งที่คิดออกไป

คนในอ้อมกอดของผมขยับตัวยุกยิก สักพัก เคนก็ลืมตาขึ้นมา เขามองผมด้วยสายตาว่างเปล่าในทีแรก เหมือนว่าเขากำลังงงอยู่ ว่าทำไมเขาถึงต้องมานอนในสภาพแบบนี้

ทั้งที่ความทรงจำล่าสุดคือเขากลับมาจากที่ทำงาน ผมเลยเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น พอฟังจบสุดที่รักของผมก็ยิ้มให้ และกล่าวขอบคุณยกใหญ่ที่ผมช่วยตามหมอมาดูอาการเขา

“หิวข้าวไหมครับ ผมทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลย”

“แล้วเคลวินล่ะครับ”

ไม่เลวเลย เรียกชื่อผมแทนคำว่าประธาน แถมน้ำเสียงนั่นก็เจือไปด้วยความห่วงใย ที่ถ้าไม่เห็นว่าป่วยอยู่นะ ผมจะปล้ำจูบเขาให้หายคิดถึงเลย

“ยังเลย รอเคนอยู่ เคนอยากทานเลยไหมครับ เดี๋ยวผมจะได้ยกมาให้ คุณป่วยอยู่ ทานตรงนี้ก็ได้ ไม่ต้องลุกไปหรอก”

“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ปวดหัว รู้สึกมึนๆนิดหน่อยแค่นั้น แต่ยังพอลุกไปทานข้าวไหว ทานตรงนี้ เดี๋ยวมันเลอะเตียง มดจะขึ้นเอา ไม่ต้องนอนกันพอดี”

โถ เป็นห่วงกลัวว่าจะนอนกันไม่ได้ เคนนี่น่ารักดีจริงๆ แต่ผมจำเป็นต้องโน้มน้าวใจให้เคนยอมกินที่นี่ ยังไม่อยากให้เขาเห็นชุดทานข้าวที่ตั้งแอบๆอยู่ตรงมุมครัว ม่านที่กั้นระหว่างส่วนที่เป็นที่นอนกับส่วนที่เป็นครัว พรางตาเอาไว้ได้อย่างดี 
   






 “ไม่เป็นไรครับ เราคงไม่ได้กินเลอะเทอะกันหรอก เดี๋ยวผมหยิบโต๊ะพับมากางแล้วเอาหนังสือพิมพ์ปูทับอีกทีก็เรียบร้อย ทานเสร็จ ก็รีบทำความสะอาด มดคงไม่ทันมาเยี่ยมห้องเราแน่ครับ เคนไม่ต้องกังวลหรอก นอนพักก่อนนะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

โดยไม่รอฟังคำทัดทานจากเขา ผมก็รีบเข้าไปในห้องครัว หยิบโต๊ะพับมากาง จากนั้นอาหารที่ทำไว้รอเคนก็ถูกลำเลียงมาตั้งบนโต๊ะ รวมถึงน้ำอุ่นสำหรับเคนด้วย

คนป่วยลุกจากเตียงมานั่งบนพื้น โดยที่ผมจัดให้เขานั่งหันหลังให้ครัว จะได้มองไม่เห็นขาโต๊ะที่โผล่พ้นชายผ้าม่านกั้นออกมา ผมตักข้าวให้เขา และช่วยตักกับใส่จาน เพื่อเบนความสนใจ

เคนตักข้าวไปสองสามคำแล้วก็วางช้อน ทำท่าว่ากินต่อไปไม่ได้ ผมรู้ดีว่ามันเป็นอาการของคนไข้ที่ปากจะขม ลิ้นขมไปหมด ทานอะไรก็ไม่อร่อย แต่ถ้าผมตามใจยอมให้เคนทานอย่างที่อยาก ร่างกายเขาก็คงไม่ไหว เพราะไม่มีอะไรตกถึงท้อง รายการบังคับกึ่งขอร้องกลายๆจึงเกิดขึ้น

“พยายามหน่อยนะครับ ฝืนใจทานสักนิดก็ยังดี ไม่งั้นจะเป็นหนัก ไปทำงานไม่ได้นะครับ”

“มันไม่อยากกินเลย มันผะอืดผะอมไม่อยากกินน่ะ”

เขาบอกผม ท่าทางเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ผมลังเลใจว่าจะดื้อดึงบังคับให้เขาทานดีหรือไม่ หรือว่าจะยอมตามใจปล่อยเขาไปนอนดี ทว่าผมไม่ต้องคิดนาม เพราะเขาเป็นฝ่ายตัดสินใจเอง

“อย่าทำหน้าตาแบบนั้นสิครับ ผมรู้ว่าคุณตั้งใจทำอาหารให้ผม และหากผมไม่ยอมทานมันก็จะเหลือทิ้ง เสียเวลาเปล่า เอางี้ ผมจะพยายามฝืนใจทานมันเท่าที่จะทำไหวนะครับ ถ้าไม่หมด ที่เหลือก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้นะ ซื้อมาแล้วนี่ ยังไงก็ทำให้มันเกิดประโยชน์ซะ พรุ่งนี้ค่อยเอาอุ่นกินต่อก็แล้วกัน ผมอาจจะค่อยยังชั่วมากแล้วก็ได้”

น้ำเสียงพูดแหบแห้ง แต่ทว่ามันดูอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก เขายอมฝืนกินข้าวเพื่อผม ซึ้งใจจริงๆเลย นี่แปลว่าเขาแคร์ความรู้สึกผมใช่ไหมเนี่ย

“ครับ งั้นผมจะทานเป็นเพื่อนคุณนะ”

อาหารค่ำมื้อนั้นผ่านไปอย่างมีความสุข ถึงแม้คนที่ทานอาหารด้วยกันกับผมจะเป็นคนป่วยก็ตาม แต่เขาก็ทำตัวน่ารัก พยายามที่จะรับประทานอาหารที่ผมทำให้ ผมตักกับใส่จานให้เขาเท่าไหร่

เขาก็ทานมันจนหมด พอเห็นผมเอาแต่นั่งจ้องไม่ทาน เขาก็ดุ ผมก็เลยต้องทานตาม ในที่สุดอาหารที่ทำไว้ก็หมดเกลี้ยง ผมหน้าบานยิ้มไม่ยอมหุบ หลังจากเอายาให้เคนทานแก้ไข้แล้ว ผมก็เก็บกวาดจานชามเอาไปล้าง

เสียงประตูห้องน้ำเปิด ตามมาด้วยเสียงโก่งคออาเจียน และเสียงกดน้ำ ทำให้ผมต้องละมือที่กำลังเช็ดถูจานชามให้แห้ง ผมตรงไปที่ห้องน้ำอย่างรีบร้อน ภาพที่เห็นคือ เคนนั่งพิงผนังห้องน้ำอย่างอ่อนแรง

อาหารที่ทานเมื่อสักครู่คงออกไปจนหมดพุงแล้ว เพราะผมเห็นน้ำในชักโครกหมุนคว้าง ผมปราดเข้าไปประคองเคนทันที คำแรกที่เขาพูดกับผมคือขอโทษ
..................................
 
   



 “แย่เลย คุณอุตส่าห์ทำกับข้าวให้ผมทาน มันออกไปหมดแล้ว”

ผมมองหน้าเคน นึกอยากร้องไห้ขึ้นมาทันที ดูสิ เคนทำเพื่อผมทั้งที่ร่างกายเขาไม่ยอมรับ ไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย ที่กินเข้าไปแล้วอ้วกออกมา เขาไม่สบายหนัก ผมต่างหากที่เอาแต่ใจตัวเองให้เขากินจนหมด รู้สึกสงสารเขาอย่างบอกไม่ถูกร่างของเคนถูกผมรวบเข้ามากอด ผมละล่ำละลักขอโทษขอโพยเขา

“ผมผิดเองครับ ที่พยายามยัดเยียดให้คุณทานเยอะแยะ คุณเลยอ้วกออกมา ผมน่าจะให้คุณกินแต่พอเหมาะ และพักผ่อนเยอะๆ คุณจะได้หายป่วย ผมนี่มันแย่จริงๆ”

“อย่าโทษตัวเองเลยครับ ผมเต็มใจที่จะทานมันจริงๆ แต่ผมอาจจะตะกละมากไปหน่อย เลยเป็นแบบนี้ ไม่เป็นไรนะครับ เอาไว้วันหลัง ตอนผมหายป่วยแล้ว ผมจะทานอาหารที่คุณทำให้จนหมดทุกมื้อเลยครับ”

เคนบอกผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แถมยังแสดงน้ำใจที่จะตอบแทนสิ่งที่ผมทำเพื่อเขาอีกด้วย มันทำให้ผมยิ่งปลื้มใจนัก ที่คนรักของผมห่วงความรู้สึกกันถึงเพียงนี้

“ขอบคุณครับ ผมดีใจนะ ที่ได้ยินคำนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองคิดถูก ที่ตัดสินใจเป็นภรรยาของคุณ เคนใจดีจริงๆ ไม่ถือโทษโกรธผมด้วย ต่อไปนี้ ผมจะระมัดระวัง ไม่เอาแต่ใจตัวเอง บังคับฝืนใจให้เคนทำอะไรอีกแล้วครับ”

ลั่นวาจาออกไปแบบนั้น เพราะผมตั้งใจแล้วว่าผมจะเลิกทำตามความต้องการของตนเองโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นเสียที ในงานผมอาจจะเผด็จการ เพราะความจำเป็นทำให้ผมต้องทำตัวแบบนั้น แต่เมื่อถึงบ้าน ผมควรจะเป็นภรรยาที่น่ารัก เชื่อฟังสามี จะทำตัวใหญ่กว่าเคนไม่ได้ ยิ่งสุดที่รักของผมดีกับผมเพียงใด ผมก็ควรดูแลเอาใจใส่เขามากเท่านั้น

“ไปนอนพักผ่อนดีกว่านะครับ จะได้หายไวๆ เดี๋ยวผมพาไปนะ”

ทันทีที่พูดจบ ผมก็ช้อนร่างของเคนขึ้นมาอุ้ม ถ้าเป็นยามปกติ เคนคงจะดิ้นหนี แต่นี่เขาป่วย อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เลยยอมให้ผมพาไปนอนบนเตียงโดยง่าย

ผ้าห่มผืนบางทอจากไหมพรมถูกนำมาคลุมร่างที่หนาวสั่นของเคน นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะเปลี่ยนแปลง ในเวลาแบบนี้เคนน่าจะมีผ้าห่มผืนหนามาช่วยขับไล่ความหนาวเหน็บ อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศแถวนี้คงจะเย็นยะเยือกเพราะอยู่แถบชานเมือง การทำให้ร่างกายตัวเองอบอุ่นอยู่เสมอ จะช่วยทำให้เคนของผมห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ สงสัยผมคงต้องขออนุญาตเคนเปลี่ยนผ้าห่มให้เสียแล้ว ........................................
 
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่12 update 4 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-08-2007 02:37:49
ยางม่ายพร้อมอ่า ขออู้อีกซักเดือนนึงน๊า  :m13:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่12 update 4 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 04-08-2007 02:47:32
ยางม่ายพร้อมอ่า ขออู้อีกซักเดือนนึงน๊า  :m13:
:o :o :o :o

คอมเจ๊งหรือว่าประเทศไทยจะล่มจมเพราะคนไร้สมองอ่ะ
ตั้งเดือนหนึ่ง
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่12 update 4 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-08-2007 02:51:13
โห เรย์ดุอ่า   :m17:

จะเมนท์นิยายเจองี้ไปดีก่า  :m7:  :m7:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่12 update 4 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-08-2007 02:52:31
ง่ะ นานปายเย๋ออ  งั๊นๆๆๆอาทิตย์นุงได้ป่ะ  :m29:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่12 update 4 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 04-08-2007 02:57:05
โห เรย์ดุอ่า   :m17:

จะเมนท์นิยายเจองี้ไปดีก่า  :m7:  :m7:

โทษทีครับ หนึ่งคงยังไม่รู้ว่าการเมืองไทยตอนนี้มันดูไม่มั่นคงหน่ะครับ
บ่นๆแค่นั้นเอง
 o14 o14 o14
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่12 update 4 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-08-2007 03:00:05
โหยยย เรย์อาวการเมืองมาเกี่ยวก่าเราได้งายอ่า  :m15:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่12 update 4 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-08-2007 03:10:38
การเมืองดุเดือดขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงทำให้เรย์รมณ์ขึ้น

ว่าจะลางานมั่งสักเดือนจาได้ป่าวหว่า  :m17:

************************************************
เมนท์นิยายต่อ

เรื่องนี้พี่เคทต้องเขียนสลับคนแน่เรย ท่านประทานน่าจะเปงซะมีมากกว่านะ

นานเคนหน่ะเปงภรรยา  :a2:  :a2:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่12 update 4 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: katesnk ที่ 04-08-2007 09:31:34
การเมืองดุเดือดขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงทำให้เรย์รมณ์ขึ้น

ว่าจะลางานมั่งสักเดือนจาได้ป่าวหว่า  :m17:

************************************************
เมนท์นิยายต่อ

เรื่องนี้พี่เคทต้องเขียนสลับคนแน่เรย ท่านประทานน่าจะเปงซะมีมากกว่านะ

นานเคนหน่ะเปงภรรยา  :a2:  :a2:

 :angry2: อ๊า....เข้ามาอ่านพอดี แอบนินทาเรา  :m14: :m14: :m14:
เอียงหูมาค่ะ จะบอกเหตุผล  :m26: ก็เดี๋ยวนี้ เกย์มีหลายแบบนี่นา บางทีหล่อล่ำ แต่สาวแตก และอยากเป็นฝ่ายทำก็มี
นี่นา   :m21: แล้วก็ยังคงอยากเป็นภรรยาด้วย มันน่ารักดีนะ ว่าไหม อะคริ อะคริ :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่12 update 4 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 04-08-2007 10:02:29
หุหุ มีลางบอกเหตุว่านายเคนอาจจะต้องย้ายที่อยู่เร็ว ๆ ไม่เช่นนั้น ของจะเต็มห้อง ไม่มีที่เดิน  :a1:  :a1:  :a1:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่12 update 4 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 04-08-2007 10:16:32
เหอเหอ ช่วงเวลาปกปิดความจริง  :m21: :m21:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่13 update 5 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 05-08-2007 00:59:17
โลกเรานี่สับสนเจงๆ บางทีมองไม่ออกเลยใครจะเป็นแบบไหน
 :a3: :a3: :a3:
*********************
บทที่ 13 พยาบาลหนุ่มจอมวุ่น

ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยอาการมึนตึบ ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดจากเป็นไข้ หรือเพราะว่ามีคนตัวใหญ่มานอนกอดจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้กันแน่

ผมพยายามขยับตัวออกจากอ้อมแขนของเขา ทว่าในยามหลับสนิทแบบนี้ เคลวินก็ยังคงแข็งแรงมากจนผมไม่สามารถจะดิ้นออกไปจากตัวเขาได้

ผมเหลือบดูนาฬิกาปลุกที่หัวเตียง มันเป็นเวลา 7 โมงเช้าแล้ว ตามปกติเคลวินจะตื่นเร็วกว่านี้ เพราะเขาต้องกลับบ้านเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดทำงาน แต่วันนี้เขายังไม่ตื่นขึ้นมาเลย เดี๋ยวได้ไปทำงานสายแน่ๆ

ตามปกติ เคลวินจะรักษาภาพพจน์ของตัวเอง เขาเป็นเจ้าของบริษัทที่ไปทำงานแต่เช้า เนื่องจากเขามีบริษัทในเครือมากมาย ทำให้ต้องรีบไปเพื่อที่จะคอยเซ็นต์เอกสาร ประชุม รับฟังรายงาน บางครั้งก็ต้องออกไปเยี่ยมบริษัทในเครือ และพบปะลูกค้าอีกด้วย

เขาเป็นคนตั้งกฏระเบียบให้พนักงานปฏิบัติงาน ดังนั้น เขาจึงต้องทำให้ทุกคนดูเป็นตัวอย่าง ตั้งแต่ผมได้ร่วมงานกับเขา ผมก็เฝ้าชื่นชมเจ้านายหนุ่มคนนี้

ถึงแม้เขาจะเข้มงวดกวดขันกับลูกน้องในเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะกับผม แต่ทุกอย่างที่ท่านประธานคนนี้ตัดสินใจ ล้วนแล้วแต่ไม่เคยเกิดความผิดพลาด

ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ทำให้บริษัทที่เขาดูแลเติบโตก้าวหน้าและขยายกิจการใหญ่ขึ้น ผมต้องอ่านรายงานผลประกอบการของบริษัทตามคำสั่ง จึงทำให้ผมได้รู้ว่าเขาเป็นนักบริหารหนุ่มที่มีฝีมือพอตัว

“เคลวินครับ ตื่นได้แล้ว สายแล้วนะ กลับบ้านได้แล้วครับ เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานไม่ทันนะ”

ผมเขย่าตัวเขาเบาๆ เมื่อเขาปรือตาขึ้นมา ผมจึงบอกเขาด้วยความเป็นห่วง เคลวินยิ้มให้ผม แต่ยังไม่ยอมลุกขึ้น กลับโน้มคอผมไปจูบปาก เนิ่นนานทีเดียวกว่าเขาจะยอมถอนตัวออก จนผมเกรงว่าเขาจะติดไข้หวัดไปจากผม

“ทำอย่างนี้เดี๋ยวจะไม่สบายนะครับ”

บอกเขาด้วยความเป็นห่วง เคลวินทำท่าซึ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด เขากอดผมแน่น แล้วเอาจมูกของเขามาถูไถที่จมูกผม

“ไม่กลัวหรอก ถ้าป่วยก็ป่วยด้วยกันนี่แหละ จะได้ผลัดกันดูแล”

“ไม่ได้นะ คุณเป็นประธานบริษัท ถ้าป่วยไป แล้วใครจะมาดูแลทุกอย่างแทนล่ะ คุณต้องแข็งแรง สุขภาพดีนะครับ”

“เฮ้อ เบื่อจัง หัวโขนอันนี้ บางทีผมก็อยากเป็นคนธรรมดา ที่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของผมได้บ้าง

ผมอยากอยู่กับสามีของผม ตอนที่คุณป่วยแบบนี้ ผมไม่อยากจากไปไหนเลย อยากดูแลคุณ เผื่อว่าคุณต้องการอะไร ผมจะได้ช่วยหยิบช่วยทำให้”


--------------------




 คำพูดนั้นของเขาทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เคลวินบอกว่าผมเป็นคนในครอบครัวของเขา และเขาอยากจะดูแลผมในยามป่วยไข้

มันทำให้ผมนึกถึงชีวิตการแต่งงานขึ้นมาทันที อยากมีใครสักคนที่เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอด ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน อยู่เคียงข้างกัน หากเคลวินเป็นผู้หญิง เขาคงจะเป็นคนๆนั้นของผมได้ โดยที่ผมไม่ต้องลังเลใจสักนิด

“ลางานดีไหมน๊า ผมจะได้อยู่ดูแลคุณทั้งวัน”

เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินประโยคนี้จากปากเขา ประธานเคลวินผู้เอางานเอาการ ผู้ที่ปฏิบัติตัวตามกฏกติกาทุกอย่าง กลับจะมาละเมิดสิ่งที่ตัวเองวางไว้เสียเองเพื่อผม แม้จะรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ผมก็ไม่อาจจะเห็นแก่ตัวได้

“ไม่นะครับ อย่าทำอย่างนั้นนะ ผมจะไม่สบายใจเลย หากว่าคุณต้องเสียงานเสียการเพราะผม อย่าลืมสิครับ ว่าเคลวินเป็นเจ้านายนะ หากใครเขารู้เรื่องนี้เข้า คุณจะเสื่อมเสียเอาได้”

“โถ เคนเป็นห่วงผมด้วยหรือครับ น่ารักจริงๆ สุดที่รักของผม”

เคลวินอุทาน พลางจูบที่ปากผมอีกครั้ง คราวนี้กว่าที่เขาจะถอนริมฝีปากออกก็เนิ่นนานมากกว่าครั้งแรก จนผมแทบหายใจไม่ออก

“ก็ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมจะไปทำกับข้าวให้คุณทานก่อนนะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมหากินแถวนี้ก็ได้ เคลวินรีบไปเถอะ เดี๋ยวมันจะสายนะ”

ท่านประธานเอื้อมมือมาแตะศีรษะผม

“เคนยังตัวร้อนอยู่เลย ลุกไปทำไม่ไหวหรอก อย่าฝืนตัวเองเลย ให้ผมทำเองดีกว่านะ”

“แต่คุณจะไปทำงานไม่ทันนะครับ”

“ไม่ต้องห่วงนะครับที่รัก เดี๋ยวผมไปอาบน้ำที่ทำงานเลยก็ได้ ที่ตึกที่ทำงานมีเพนท์เฮ้าส์ของผมอยู่ชั้นบน จำไม่ได้เหรอครับ ผมสามารถแต่งตัวจากที่นั่นได้เลย ใช้เวลาไม่นานก็ลงมาทำงานได้แล้ว ไม่สายมากหรอก”

จริงสินะ ผมลืมไปสนิทใจ นอกเหนือจากบ้านพักสุดหรูของเขาแล้ว ประธานเคลวินยังมีห้องพักที่ตึกทำงานของตัวเองอีก พี่นนนี่เล่าให้ฟังว่า บางครั้งท่านประธานทำงานดึกๆ ก็จะพักที่นี่ เพื่อสะดวกในการไปกลับ และสามารถเข้างานได้แต่เช้า

“งั้นไม่ต้องทำมากหรอกนะครับ เอาอะไรง่ายๆก็พอนะ คุณจะได้ไม่เสียเวลานะครับ”

ผมบอกเขาด้วยความห่วงใย เคลวินยิ้มกริ่ม จูบผมที่หน้าผากอีกครั้งก่อนที่จะกระวีกระวาดลุกไปทำครัว ผมยิ้มให้กับตัวเอง รู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก ไม่น่าเชื่อเลยว่าสิ่งที่เคลวินทำ จะก่อให้เกิดความรู้สึกดีๆกับผมได้ถึงเพียงนี้

ในเวลาไม่นานนัก เคลวินก็กลับเข้าห้องมาพร้อมด้วยถ้วยข้าวต้มกุ้งร้อนๆควันฉุย อาหารง่ายๆที่เคลวินเริ่มที่จะทำเป็นแล้ว ถึงแม้ว่าลิ้นผมจะไม่ค่อยรับรสเท่าไหร่ แต่ก็ยังพอจะบอกได้ว่าเขาทำอร่อยมาก

เคลวินไม่ได้รีบไปทำงานเหมือนเคย แต่กลับนังมองผมทานอาหารที่เขาทำ สายตาที่มองมาเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยลึกซึ้ง ผมไม่อยากให้เขาเสียใจเลยพยายามทานข้าวต้มจนหมด


--------------------



 “เก่งจังครับ ทานหมดเลย เดี๋ยวทานยาหน่อยนะครับ จะได้หาย”

เคลวินยื่นยาและแก้วน้ำให้ผม และรอดูจนกระทั่งเห็นผมทานยาเรียบร้อยแล้ว เขาถึงรับแก้วไปเก็บ จากนั้นก็เดินมาหาผมที่เตียงนอน แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมให้

“พักผ่อนเยอะนะครับ ไม่ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรนะ เดี๋ยวตอนกลางวัน ผมจะให้คนเอาข้าวมาให้ทาน และช่วยดูแลคุณกว่าผมจะมานะครับ”

“ไม่ต้องลำบากถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ เที่ยงๆบ่ายๆก็น่าจะหายแล้วนะครับ”

อยากให้เขาสบายใจ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับตัวผม ที่จริงเขาไม่ต้องลำบากหาคนมาดูแลผมก็ได้ ผมคงไม่เป็นอะไรไปง่ายๆหรอก

“อย่าคิดมากเลยนะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะรู้สึกแย่กว่านี้นะ ที่จริงสามีไม่สบายอย่างนี้ ภรรยาที่ดีไม่ควรทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว เกิดคุณป่วยหนักขึ้นมาจะว่าไงล่ะ

อย่าห้ามผมเลยนะครับ ที่ผมจะหาคนมาช่วยดูแลคุณ ไม่อย่างนั้นผมคงทำงานไม่ไหวแน่ เพราะจะเอาแต่คอยห่วงเคนตลอดเวลา หากมีคนอยู่ด้วย เขาจะได้ช่วยทำโน่นทำนี่ให้เคน แล้วคอยดูให้คุณทานยาด้วย”

เมื่อได้ฟังเหตุผลและเห็นหน้าตาวิงวอนของเขาแล้ว ผมก็อดใจอ่อนไม่ได้ พร้อมกับรู้สึกดีกับเคลวินมากขึ้น ความห่วงใยที่เขามีต่อผมเริ่มกัดกร่อนกำแพงหัวใจที่ผมตั้งไว้กันเขาทีละน้อย

“ก็ได้ครับ แต่เคลวินต้องรีบกลับมานะ”

ในความหมายของผมคือ ไม่ต้องการรบกวนคนเฝ้าไข้ที่เขาจะส่งมาดูแล ถ้าเคลวินกลับบ้านเร็ว คนๆนั้นจะได้ไม่ต้องมาดูแลผมนาน แต่เคลวินกลับเข้าใจไปอีกทาง เขายิ้มหวานใส่ตาผม พร่ำถามคาดคั้นเหมือนเด็กที่จะเอาคำตอบจากผู้ใหญ่ให้ได้

“เคนคิดถึงผมหรือครับ อยากให้ผมกลับมาหาไวไวใช่ไหม ทนห่างจากผมไม่ได้สักวินาทีใช่หรือเปล่าครับ อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผมใช่ไหม”

“คิดไปได้เรื่อยๆเลยนะครับ เข้าข้างตัวเองก็เป็น”

อดเหน็บเขาไม่ได้ เคลวินทำหน้าทะเล้น เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของผม

“ก็แหม เราเป็นสามีภรรยากันนี่ครับ ผมเองก็รู้สึกแบบนั้น แล้วก็คิดว่าคุณเองก็ต้องรู้สึกเช่นเดียวกันกับผม ใช่ไหมครับ แต่เคนขี้อาย แถมซ้ำยังปากแข็งอีกด้วย คงไม่กล้าบอกความจริงออกมา แต่ไม่เป็นไรนะครับ ผมรอได้นะ”

ท้ายประโยคเขาพูดออดอ้อนเอากับผม หูตาวาววาม ผมชักผ้าห่มขึ้นคลุมโปงทันทีที่เขาพูดจบ หนีหน้าตาทะเล้น และสายตาหวานฉ่ำนั่น แอบยิ้มขำเขา เวลาเคลวินทำท่าอ้อนๆน่ารักดีไม่หยอก ดูดีกว่าตอนทำท่าเคร่งเครียดเยอะเลย

“แหม เคนล่ะก็ ไม่ต้องอายนะครับ ถ้ารักผมก็เปิดใจให้ผมนะ”

เสียงของท่านประธานสุดหล่อยังดังลอดผ้าห่มเข้ามาให้ผมได้ยินอีก

“ไปทำงานได้แล้วคร้าบ”


--------------------




 ผมพูดเสียงดังอยู่ในโปงนั่น เขาทำเสียงง๊องแง๊งใส่

“ใจร้าย ไล่กันแล้วเหรอ”

“เปล่าครับ ก็มันสายแล้ว เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะ”

ผมลดผ้าห่มลง แล้วพูดเตือนเขาดีๆ

“งั้นขอจูบเป็นกำลังใจหน่อยได้ไหมครับ”

“ผมเป็นหวัดอยู่นะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ผมแข็งแรง ไม่ติดโรคง่ายๆหรอก”

เคลวินยังดื้อดึง ในที่สุดก็ปล้ำจูบผมจนสำเร็จ เขามองผมอย่างอ่อยอิ่งก่อนจะไป จนผมต้องไล่ซ้ำ เขาถึงจะยอมลุกจากเตียงของผม พอได้ยินเสียงรถของเขาแล่นจากไป ผมก็ปิดเปลือกตาลง และหลับไปด้วยฤทธิ์ยา มาตื่นอีกที เมื่อได้ยินเสียงเคาะห้องติดๆกันหลายครั้ง ผมเดินไปเปิดประตู ก็พบผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งถือข้าวของพะรุงพะรังยืนอยู่หน้าห้อง

ทันทีที่เห็นหน้าผม เธอก็แนะนำตัวว่าเธอชื่อ ป้าหมี่ เป็นคนที่เคลวินส่งมาดูแลผมตลอดบ่ายนี้ ผมลอบสังเกตคนตรงหน้า อายุอานามของเธอน่าจะประมาณ 60 ปีเห็นจะได้ แต่ท่าทางยังกระฉับกระเฉง

พอผมอนุญาตให้ป้าหมี่เข้ามาได้ เธอก็กุลีกุจอพาผมไปนอนบนเตียง แล้วบอกว่าจะจัดการทุกอย่างให้ พอผมจะลุกไปช่วยเธอ ป้าหมี่ก็ทำเสียงดุใส่ผมบอกให้ไปนอนไม่ต้องมายุ่งเรื่องในครัว เดี๋ยวเธอจัดการเอง ผมเลยต้องยอมให้เธอลงมือทำตามที่ต้องการ

สักพักหนึ่งขณะที่นอนอยู่บนเตียง ฟังเสียงกระทะและตะหลิวกระทบกันอยู่ตรงส่วนที่ผมกันเป็นครัวอันน้อยนิดของผม เสียงโทรศัพท์มือถือจากที่ไหนสักแห่งก็ดังขึ้นมา

ผมเหลียวหาต้นเสียง ก็พบมือถือขนาดใหญ่หน้าตาแปลกๆ อยู่ในแท่นชาร์ตแบตตรงปลั๊กไฟใกล้ๆกับเตียงนอนของผม นึกสงสัยว่าเคลวินคงจะรีบร้อนไปทำงานเลยลืมหยิบไป เขาคงหาไม่เจอเลยพยายามโทรเข้าเครื่องตัวเอง

ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากแท่นชาร์ต มองหาปุ่มกดรับจนเจอ และกรอกเสียงลงไป เป็นเคลวินจริงๆด้วย เขาส่งเสียงมาอย่างฉุนๆ

“ทำอะไรอยู่ ถึงได้รับช้าล่ะครับ”

“ไปเปิดประตูรับป้าหมี่ครับ”

ตอบเขาไปอย่างใจเย็น รู้ดีว่าที่เขาโมโห เพราะเขาเป็นห่วงผม

“อ้าว เหรอครับ ผมเป็นห่วงแทบแย่ นึกว่าที่คุณไม่รับ เป็นเพราะคุณเป็นลมเป็นแล้งไปเสียอีก ป้าหมี่มาก็ดีแล้ว เขาทำอะไรให้เคนทานหรือยังล่ะครับ”

“กำลังทำอยู่ครับ”

“ถ้างั้นก็โล่งอกไปหน่อย ป้าหมี่ทำอาหารอร่อยนะครับ รับรองได้”

“ทำไมถึงส่งป้าหมี่มาล่ะครับ สงสารแกนะ อายุก็มากแล้ว คุณยังจะให้แกมาดูแลผมอีก”

ผมถามด้วยความสงสัย


--------------------





 “นี่อย่าไปพูดเรื่องความแก่ให้แกได้ยินนะ ถูกโกรธเอาไม่รู้ด้วย แกไม่ยอมรับความจริงหรอก อีกอย่างแกแข็งแรงดี ป้าหมี่เป็นคนที่ผมไว้ใจที่สุดครับ แล้วแกก็ดูแลคนดีครับ”

เคลวินไขข้อข้องใจให้ฟัง

“เป็นคนเก่าคนแก่หรือครับ”

“อื้ม เป็นแม่นมของผมน่ะ เลี้ยงผมมาตั้งแต่ยังเด็กเลย ถึงผมโตแล้ว ทางบ้านก็ยังจ้างแกอยู่ แกก็คอยดูแลผมครับ แกรักผมมาก ผมก็รักแก ผมเลยส่งแกมาดูคนที่ผมรักมากที่สุดด้วย แกต้องดูแลเคนดีแน่ๆ แต่แกจะชอบดุนะครับ อย่าไปดื้อกับแกนะ”

ผมเต็มตื้นในหัวอก เมื่อฟังสิ่งที่เคลวินพูด นี่เขาห่วงใยผมมากมายถึงเพียงนี้เชียวเหรอ ทำไมต้องมาดีกับผมแบบนี้ด้วย ผมไม่อยากใจอ่อน ผมไม่อยากจะรักเกย์นะ ผมยังอยากจะแต่งงาน อยากมีครอบครัว อยากมีลูก ไม่อยากมีเมียเป็นผู้ชาย แล้วผมก็ไม่อยากเป็นฝ่ายถูกทำด้วย

ข้อสุดท้ายนั้นผมคิดอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก ครั้งแรกที่ผมโดนล่วงเกินโดยรู้ตัว ผมว่าผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่พอหลายครั้งเข้า ทำไมผมถึงยินยอมพร้อมใจร่วมไม้ร่วมมือกับเขาก็ไม่รู้

ไม่แสดงทีท่าจะขัดขืนเขาบ้างเลย ด้วยเหตุนี้หรือเปล่านะ ที่ทำให้เคลวินเข้าใจผิดคิดว่าผมมีใจให้กับเขา สงสัยต้องเร่งทำความเข้าใจกันใหม่เสียแล้ว

“ครับ เอ้อ เคลวินครับ คุณลืมโทรศัพท์นี่ไว้หรือเปล่า มันอยู่ในห้องนะครับ”

ผมเปลี่ยนเรื่อง โดยการพูดถึงโทรศัพท์ที่เขาลืมทิ้งไว้

“อ๋อ ครับ เอาไว้นั่นก่อนแล้วกัน ผมไม่ได้รีบใช้”

เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เล่นเอาผมถึงกับอึ้ง อุตส่าห์เป็นห่วงกลัวเขาจะเป็นกังวลว่ามันหายไปไหน แต่เขากลับทำเหมือนว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญซะงั้น แหมเป็นคนรวยนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง เขาคงจะมีมือถือหลายต่อหลายเครื่องสำหรับการใช้งาน หายไปก็คงไม่เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่

“เคนเอาไว้ใช้เลยก็ได้ครับ”

“พูดอะไรอย่างนั้น ของของคุณ ผมไม่กล้าใช้หรอกครับ เอาเป็นว่าผมเก็บไว้ให้คุณในลิ้นชักตรงหัวเตียงแล้วกันนะครับ คุณกลับมาแล้วก็เปิดเอาไปได้เลย ผมไม่ได้ล็อคกุญแจไว้”

อยู่ๆเขาก็ยกมาให้ผมดื้อๆซะงั้น แต่ผมไม่เอาหรอก แล้วผมก็ไม่ชอบใจด้วยที่เขาไม่รู้คุณค่าของข้าวของที่ซื้อมา นึกอยากจะให้ใครก็ให้ ทำเหมือนว่าเงินไม่มีความหมาย

แล้วผมก็ไม่ใช่คนที่เขาจะต้องมาทุ่มเทอะไรให้ด้วย ดังนั้นผมจึงปฏิเสธเขาไปอย่างนุ่มนวล ท่าทางเขาคงจะไม่พอใจ เพราะผมได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังมาตามสาย แต่ผมไม่สนหรอก ผมไม่ชอบเอาของๆใคร แม้ว่าเขาจะให้ด้วยจิตเสน่หาก็ตาม

“งั้นก็ได้ครับ แล้วเคนอย่าลืมทานข้าวกับพักผ่อนให้เยอะๆนะ ทานยาด้วยจะได้หายไวๆ เรื่องงานไม่ต้องห่วงนะครับ ผมบอกนนนี่ไว้แล้วว่าคุณป่วย จะขอหยุดสักวันสองวัน เย็นนี้ผมจะรีบกลับมาหาคุณนะครับ”


--------------------





 เขาสั่งเสียก่อนจะวางหู ผมเปิดลิ้นชัก และหย่อนมือถือที่ชาร์ตแบตจนเต็มลงไป

จากนั้นก็เดินไปถอดปลั๊กไฟก่อนจะกลับมาซุกตัวอยู่ในเตียงตามเดิม ไม่ถึงสิบนาที เสียงป้าหมี่ก็เจื้อยแจ้วจากในครัวออกมาให้ได้ยิน

“อาหารเสร็จแล้วค่ะ คุณหนู เดี๋ยวป้าเอามาให้ทานที่เตียงนะคะ”

คะ..คุ..คุณ..หนะ หนู เหรอ ผมแอบทวนคำป้าหมี่ออกมา หูผมไม่ฝาดไปแน่ๆ แกเรียกผมอย่างนั้นจริงๆ เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า

ผมไม่ใช่ลูกคนร่ำรวยอะไร ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่ได้มีมากมาย สงสัยป้าหมี่คงจะคิดว่าผมเป็นเพื่อนไฮโซของท่านประธานเคลวินกระมัง โถ ป้าหมี่ ตาคงจะฟาง ไม่งั้นแกคงมองออกว่าสภาพห้องของผมมันกระจอก ซอมซ่อเพียงไหน

“ผมไปช่วยยกนะครับ”

ยังไม่ทันที่จะก้าวลงจากเตียง ป้าหมี่ก็โผล่หน้าเข้ามาหาพลางร้องห้ามเสียงหลง

“อุ้ยไม่ต้องหรอกค่ะ คุณหนู ป่วยอยู่ ไม่มีเรี่ยวมีแรง ป้ายกมาให้เอง”

โดยไม่รอฟังคำทัดทานจากผม แกก็ผลุบหายไปหลังม่าน แล้วก็โผล่มาอีกที ในมือถือถาดใส่อาหารเอามาวางบนโต๊ะพับที่ผมเพิ่งกางออกเมื่อครู่นี้

ผมมองอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า มีข้าวสวยร้อนๆควันฉุย กับแกงจืดลูกรอกใส่เต้าหู้ไข่กับหมูสับด้วย กลิ่นหอมน่าทาน อีกจานเป็นผัดหน่อไม้ฝรั่งใส่กุ้งดูน่ากิน มีไข่เจียวแถมมาให้ด้วย ป้าหมี่ทำแต่อาหารจืดๆให้ผมทาน เคลวินคงกำชับป้ามาเป็นอย่างดี ว่าให้ทำอาหารอ่อนๆให้ผม

“ทานด้วยกันไหมครับ”

ผมเอ่ยปากชวนป้าหมี่ให้ร่วมวงด้วย เนื่องจากป้าทำอาหารให้ผมเสียเยอะแยะ แต่มีผมนั่งกินเพียงคนเดียว กินไม่หมด มีของเหลือก็น่าเสียดาย

“ตามสบายเลยค่ะ คุณหนู เดี๋ยวป้าจะไปเก็บกวาดห้องหับให้ค่ะ”

“ป้ารังเกียจผมหรือครับ กลัวจะติดไข้จากผมเหรอ”

แสร้งถามไปอย่างนั้น ที่จริงรู้แล้วล่ะว่า ป้าคงเกรงใจไม่อยากตีเสมอเพื่อนเจ้านาย แต่ผมไม่ใช่สักหน่อย ผมก็เป็นลูกจ้างเขาเหมือนกัน ดังนั้นศักดิ์ศรีของป้าจึงเทียมเท่ากับของผม

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะคุณหนู ป้าทานมาแล้วค่ะ ก่อนที่จะมาที่นี่ค่ะ”

“นึกว่าท่านประธานเคลวินห้ามเสียอีก ว่าไม่ให้มาทานกับผม”

“เปล่านะคะ คุณหนูเคลวินท่านใจดีออก เหมือนคุณหนูนี่แหละ ชอบชวนป้าทานข้าวร่วมวงด้วย ถ้าป้าไม่กินก็จะโกรธเอาน่ะค่ะ ขี้งอนจะตาย”

ฟังป้าเล่าถึงเคลวิน ทำให้ผมถึงกับสำลักข้าวที่กินเข้าไป นึกภาพหนุ่มฝรั่งตัวใหญ่ทำท่ากระเง้ากระงอดป้าแก่ๆแล้วอดขำไม่ได้ คงจะดูตลกพิลึก

ตอนที่เขาทำท่างอแงใส่ผม นั่นก็นับว่าแปลกแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่กุมอำนาจการบริหารไว้ในมือ มีบริษัทในเครือ และมีลูกน้องมากมาย จะมีช่วงเวลาทำตัวเหมือนเด็กกับเขาด้วย

“งั้นหรือครับ เสียดายจัง ไม่มีเพื่อนเลย ทานคนเดียวมันเหงานะครับ”



--------------------
 
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่13พยาบาลหนุ่มจอมวุ่น update 5 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-08-2007 08:12:07
หุหุ ตาเคนยังไม่เห็นโต๊ะกินข้าววุ้ย  :a10:  :a10:  :a10:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่13พยาบาลหนุ่มจอมวุ่น update 5 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 05-08-2007 09:42:18
เป็นคนป่วยก็ดีงี้แหละ  :m21: :m21:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่13พยาบาลหนุ่มจอมวุ่น update 5 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-08-2007 13:35:23
ป่วยแบบนี้ คงถูกดูแลน่าดู อิอิ
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่13พยาบาลหนุ่มจอมวุ่น update 5 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 06-08-2007 03:28:06
ขอบคุณพี่เคทที่มาไขข้อข้องใจ  :m23:

มีภรรยาแบบเคลวินก็น่าสนมั้ยน๊า  :m21:  :m21:

รอลุ้นต่อไป  :m19: 
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่14 คุณคือคนสำคัญ update 6 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 06-08-2007 20:33:22
เราป่วยจะมีใครมาเห็นใจบ้างหนอ กระซิกๆ
 :m17: :m17: :m17:
****************************
บทที่ 14 คุณคือคนสำคัญ

“ป้านั่งทานเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะ”

ในที่สุดป้าหมี่ก็ใจอ่อน ยอมมานั่งทานข้าวกับผม ระหว่างที่ทานกันไป ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ท่าทางป้าหมี่เป็นคนคุยเก่ง และท่าทางจะรักเจ้านายตัวเองมาก พูดคุยถึงท่านประธานเคลวินไม่ขาดปาก ผมเลยได้ล่วงรู้ชีวิตในวัยเด็กของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“คุณหนูเคลวินชอบเมืองไทย ชอบอาหารไทย แล้วก็ชอบคนไทยด้วย”

“คงเป็นเพราะอยู่เมืองไทยมานานหรือเปล่าครับ”

ผมตั้งข้อสังเกต เพราะคนต่างชาติที่มาอยู่เมืองไทยนานๆ ก็อดไม่ได้ที่จะซึมซับเอาวัฒนธรรมประเพณีของคนไทยเอาไว้ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน นิสัยและความเป็นอยู่ บางคนก็พูดไทยได้คล่องปร๋อ และเป็นคนที่รักในวัฒนธรรมไทย ยิ่งกว่าคนไทยบางคนเสียอีก

“นั่นก็เป็นเหตุผลหลักค่ะ คุณหนูเคลวินแกบอกว่าคนไทยอัธยาศัยดี มีน้ำใจ คุณหนูบอกว่า ถ้าจะแต่งงานก็จะแต่งงานกับคนไทยตามพี่ๆนะค่ะ บ้านนี้ ลูกสาวเขาแต่งงานกับคนไทยหมดทั้งบ้านเลย แล้วก็มีครอบครัวที่มีความสุขทุกคนค่ะ”

ผมอยากจะถามเหลือเกินเรื่องที่ท่านประธานเกิดอาการเบี่ยงเบนทางเพศ อยากรู้ว่าเป็นตั้งแต่เด็ก หรือมาเป็นเมื่อตอนที่โตแล้ว แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะถาม เพราะมันอาจจะเป็นความลับของเขาที่คนในบ้านไม่รู้ก็ได้ ทว่าป้าหมี่กลับเป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นมาเสียเอง

“คุณหนูเคลวินชอบเล่นเป็นเจ้าสาวตั้งแต่เด็กๆคะ แถมยังประกาศว่าจะต้องหาเจ้าบ่าวคนไทยมาแต่งงานด้วยให้ได้ ทุกคนพากันหัวเราะใหญ่ เพราะคิดว่าคุณหนูแกพูดไปด้วยความไม่รู้ประสีประสา ไม่มีใครคิดว่าคุณหนูจะทำจริงๆ”

ท้ายประโยค ป้าหมี่หันมาจ้องหน้าผมอย่างมีความหมาย ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ตอนแรกผมประหลาดใจมากที่ป้าหมี่เอาความลับของเจ้านายมาเปิดเผยเหมือนไม่กลัวเกรงว่าพวกเขาจะรู้

และยิ่งตกใจหนักที่แกทำราวกับว่ารู้ระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับท่านประธานเคลวิน ผมมองตอบ พยายามจะทำไม่ให้มีพิรุธ ในขณะที่ลอบสังเกตุใบหน้าของป้าไปด้วย แต่สิ่งที่ผมเห็นคือแววตาแห่งความจงรักภักดีที่มองตอบมา จนผมนึกงง

อะไรกันนี่ ป้าหมี่แกรู้ว่าผมเป็นอะไรกับเคลวินอย่างนั้นหรือ แกถึงมองและยิ้มแบบนั้น ไม่นะ แกจะรู้ได้ไง ผมยังไม่ทันพูดอะไรเลย เอ หรือว่าจะเป็นอีตายักษ์ปักหลั่นนั่นที่เอาไปโพนทะนาให้คนอื่นฟัง

แต่ก็ไม่น่าจะพูดให้กับคนใช้ในบ้านฟังนี่นา เกิดพวกเขาเอาไปนินทา ตัวเองนั่นแหละจะเสียหาย แล้วถ้าเคลวินไม่ได้พูด แล้วป้าจะรู้ได้ไง ผมยังสงสัย

หรือว่าผมจะคิดมากไปเอง ที่จริงป้าคงไม่ได้รู้อะไรหรอก แกคงจะมองหน้าผมตามปกติของคนที่พูดคุยกัน จะให้หลบหน้าหลบตาก็คงไม่ได้ ผมคงเป็นพวกวัวสันหลังหวะ แอบทำเรื่องผิดๆมาก็กลัวคนจะจับได้ ความรู้สึกแบบลักกินขโมยกินแบบนี้มันไม่ดีเลย แต่ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มันเกิดนี่นา อีตาประธานสองหน้าโรคจิตนั่นต่างหาก ที่ทำให้ชีวิตผมเป็นแบบนี้

“ป้าเอาเรื่องคุณเคลวินมาพูดแบบนี้ ไม่กลัวว่าเขามาได้ยินแล้วจะโกรธหรือครับ”



--------------------

หัวใจ...จะคอยบอกว่าเรารักได้ เพราะมีสิทธิ์จะรัก

สมอง...จะบอกว่ารักแล้วสามารถแสดงออกได้มากแค่ไหน
   
-------------------------

 ผมอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ ป้าหมี่ส่ายหน้า แล้วพูดยิ้มๆ

“คุณหนูเคลวินไม่โกรธป้าหรอก ป้าน่ะ เลี้ยงดูคุณหนูเคลวินมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย มีอะไรคุณหนูก็จะมาเล่าให้ฟังเสมอ ไม่เคยปิดบัง บางเรื่องพ่อแม่ของคุณหนูไม่เคยทราบมาก่อน แต่ป้าเป็นคนเดียวที่รู้ ซึ่งป้าก็เก็บความลับให้คุณหนูเคลวินอย่างดี และเขาก็ไว้ใจป้ามาก เพราะป้าไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้เลย จะมีก็แต่คุณนีแหละที่ป้าเล่าให้ฟัง ที่เล่าเพราะเห็นว่าเป็นคนสำคัญของคุณหนูหรอกนะ จึงอยากให้รู้ไว้”

เอาอีกแล้ว ตาของป้าหมี่ที่มองมา มันมีความหมายแฝงชวนให้ขนลุกอย่างไรพิกล อย่าบอกนะว่าท่านประธานเจ้าเล่ห์จะบอกป้าหมี่ไปแล้ว ว่าผมอะไร รวมถึงบอกถึงความตั้งใจของเขาที่จะเป็นเจ้าสาวของผมให้ป้าหมี่ฟัง

ตาย ตายแน่ๆ หากมีคนรู้เรื่องนี้มากไปกว่าผมกับเขาสองคน หากป้าหมี่เอาไปเล่าให้คนฟังต่อๆไป แล้วเรื่องมันดันรู้ไปถึงคนในบริษัท ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ใครต่อใครคงจะหาว่าผมเป็นพวกวิปริต ชอบไม้ป่าเดียวกัน แถมซ้ำยังหาทางไต่เต้าทางลัด โดยอาศัยท่านประธานเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จเป็นแน่

รู้สึกปวดหัวจิ๊ดขึ้นมากระทันหัน นี่ผมคิดวุ่นวายอะไรอยู่กันแน่เนี่ย คนในบริษัทจะรู้ได้ไง เพราะป้าหมี่คงไม่รู้จักใครในบริษัทที่พอจะพูดคุยเรื่องแบบนี้ด้วยได้ แล้วอีกอย่างผมจะมานั่งวิตกกังวลทำไม ในเมื่อคนที่ควรจะเดือดร้อนน่าจะเป็นเคลวินมากกว่า เขามีตำแหน่งออกใหญ่โต ถ้ามีเรื่องมัวหมองเพราะลูกน้อง เขาจะโดนพวกคณะกรรมการบริษัทเพ่งเล็งหรือไม่ แล้วถ้าหากใครรู้ว่าเขาเป็นเกย์ เขาจะทำอย่างไร

ใครๆก็จะพากันครหาทำให้เขาเสียชื่อเสียงมากกว่า หน้าที่การงานเขาสูงกว่าผม ย่อมได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง ผมมันเป็นเพียงแค่พนักงานตัวเล็กๆ คงไม่ค่อยมีความหมายอะไร หากมีปัญหาขึ้นมา ผมก็คงต้องออกจากงาน ไปสมัครที่ใหม่

แต่เขาล่ะ นี่มันบริษัทของเขา แต่ถ้าพวกผู้ถือหุ้นส่วนหนึ่งไม่ไว้วางใจ จะพากันถอนหุ้นออกไปหมดหรือเปล่า เขาต่างหากที่น่าห่วงมากกว่าผม

โอ๊ย อยู่ๆผมก็ดันนึกห่วงประธานโรคจิตขึ้นมา ทั้งๆที่เขาหาเรื่องมาให้ผมแท้ๆ แต่นึกไปนึกมา สิ่งที่เขาทำมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายต่อผม เขาให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง ผมพ้นสภาพพนักงานรองมือรองไม้ของเพื่อนพนักงานด้วยกัน มาทำงานให้กับเขาเพียงแค่คนเดียว เงินเดือนก็ได้ปรับ แถมมีโอกาสได้เป็นพนักงานประจำอีกด้วย

เรื่องภายในบ้านเขาก็ดูแลอย่างดี แม้จะทำเกินไปหน่อย แต่ทุกอย่างเขาก็ทำเพื่อผม ในส่วนลึกผมก็รู้สึกดี ที่เขามาทำอะไรต่อมิอะไรให้ ไม่ได้ขัดขืนโกรธเคืองอย่างจริงจัง ดังนั้นถ้าจะด่าเขา ก็ต้องด่าตัวเองด้วย ที่ยินยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น



--------------------



 “ผมไม่ใช่คนสำคัญอะไรหรอกครับป้าหมี่ ก็เป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น เผอิญได้เจ้านายใจดีอย่างท่านประธานคอยเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งท่านก็คงจะทำกับลูกน้องในสังกัดคนอื่นๆเหมือนกัน ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ”

ผมพยายามเบี่ยงเบนความคิดของป้าหมี่ อยากให้แกเข้าใจเสียใหม่ว่าผมไม่ใช่คนสำคัญของท่านประธาน และแกก็ไม่จำเป็นต้องเอาใจผมด้วย

“พูดอะไรแบบนั้นล่ะคะคุณหนู ถ้าคุณไม่ใช่คนสำคัญของคุณหนูเคลวิน แล้วเขาจะส่งป้ามาดูแลคุณทำไม ถ้าเป็นพนักงานทั่วไป เขาก็คงส่งเจ้าหน้าที่บุคคลของบริษัทมาดูแลสิ เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมไม่เข้าใจ ป้าไม่ได้เรียนมามาก ไม่เคยทำงานบริษัท ป้ายังรู้เลย คุณหนูเคลวินส่งป้ามาดูแลบ้าน ทำความสะอาด และทำอาหารให้ ช่วยดูแลจนคุณหนูกลับมา เรื่องแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ทำให้คนพิเศษ แล้วจะทำไปเพื่ออะไร”

คำพูดของป้าหมี่ เล่นเอาผมถึงกับอึ้ง นึกไม่ถึงว่าคนแก่ที่เป็นเพียงคนเลี้ยงเด็กในบ้าน จะฉลาดเฉลียวและเดาใจเจ้านายได้เก่งแบบนี้ ผมเสียอีกที่คิดไม่ถึง ที่เป็นอย่างนี้เพราะผมมัวแต่ปฏิเสธความรักของเคลวิน

ใส่ความคิดลงไปในหัวตัวเองว่าสิ่งที่เขาทำให้ผมนั้นเป็นเพียงหน้าที่ของเจ้านายที่พึงจะทำต่อลูกน้องตามกฏหมายแรงงาน ดวงตามืดบอดต่อความรักที่เขามีให้ เพียงเพราะผมเห็นว่าประธานเคลวิน เป็นเกย์ และเพี้ยนๆอีกต่างหาก ผมไม่อยากเป็นอย่างเขา ไม่อยากเป็นสามีของเคลวิน อยากกลับไปแต่งงานกับคนรักเก่าที่บ้านเกิดมากกว่า

“ขอโทษนะ ที่ป้าพูดตรงๆ แต่อย่างที่บอกนั่นแหละ คุณหนูเคลวินน่ะมอบความไว้วางใจให้กับป้ามาก ถึงคุณหนูจะไม่บอกว่าคุณเป็นอะไรกับเขา แต่ป้าก็รู้ว่าคุณหนูของป้าต้องมีความรู้สึกลึกซึ้งเป็นพิเศษกับคุณแน่ๆ

แต่เอาเถอะ เรื่องของหนุ่มๆ ป้าไม่อยากจะยุ่งเกี่ยว หรือจะมาโน้มน้าวอะไร มันเป็นการตัดสินใจของคุณสองคนว่าจะคบกันแบบไหน แต่ในฐานะที่ป้าเป็นบ่าว เป็นคนที่เฝ้าดูแลการเติบโตของคุณหนู และรักคุณเคลวินมาก อะไรคือความสุขของคุณหนู ป้าก็มีความสุขด้วย และใครก็ตามที่คุณหนูรัก ป้าก็จะรักเขาเช่นกัน และจะดูแลปรนนิบัติเขา เพื่อให้คุณหนูของป้าสบายใจและมีความสุข”

ป้าหมี่พูดเสียยืดยาวเลย แต่เป็นคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกอยากจะร้องไห้เมื่อได้ฟังสิ่งที่ป้าหมี่พูดจนจบ รับรู้ได้ถึงความจงรักภักดีที่ป้ามีต่อคุณหนูของแก แถมซ้ำยังเผื่อแผ่ไปถึงคนที่เคลวินรักด้วย นี่แกคงเชื่อโดยไม่มีข้อสงสัยว่าผมคือใครคนนั้น และแกก็พยายามที่จะดูแลผมอย่างดี ให้สมกับที่เคลวินมอบหมาย ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีใครทำให้ผมแบบนี้เลย ผมนึกถึงเคลวินขึ้นมาทันที

น่าแปลกที่พอนึกถึงเขา หัวใจของผมก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา ทำไมท่านประธานสองหน้า ต้องมายุ่งเกี่ยววุ่นวายกับชีวิตของผมด้วย ก็บอกแล้วไงว่า ผมไม่มีวันจะเป็นเจ้าบ่าวของเขา ผมไม่เอาเจ้าสาวที่เป็นผู้ชาย แล้วทำไมถึงต้องมาทำดีแบบนี้ รู้บ้างไหม ว่าใจผมอ่อนลงทุกทีแล้ว



--------------------




 “ป้าหมี่น่ารักจังเลยครับ”

กล่าวชมอย่างจริงใจ ป้าหมี่ยืดตัวตรง ยิ้มอย่างภาคภูมิ ทำท่าว่าจะพูดต่อ แต่ผมหมดเรื่องคุยแล้ว รู้ดีว่าขืนพูดกับแกต่อไป ไม่แคล้วเรื่องคงต้องวกเข้าตัวผม ดังนั้นผมจึงรวบช้อนส้อม ทำท่าอิ่ม ป้าหมี่เห็นก็ทำตาโต บอกว่าผมทานข้าวน้อยไป

ผมก็บอกว่าสองจานมันไม่น้อยแล้วสำหรับคนป่วยที่กินอะไรไม่ค่อยได้อย่างผม ซึ่งทั้งปากขมไปหมด แถมยังเวียนหัวด้วย แต่เพราะป้าทำอาหารอร่อย ผมก็เลยทานได้เยอะ แกยิ้มปลื้มกับคำชมของผม และบอกว่า ถ้าคุณหนูเคลวินอนุญาต ป้าก็จะมาทำอาหารให้ทานทุกวัน

ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้แก ไม่กล้าพูดอะไร แต่ในใจก็คิดว่า อย่าดีกว่า ผมไม่อยากให้ป้าหมี่เห็นผมกับเคลวินที่นี่ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ที่พ่อตัวดี จะทำบ้าๆบอๆเพี้ยนๆขึ้นมา ผมอายป้าหมี่ และผมก็ไม่อยากทำให้แกเข้าใจว่าผมจะมาเป็นเจ้านายของแกอีกคน

ป้าหมี่เอายามาให้ผมทาน จากนั้นก็ประคองผมไปนอนพักบนเตียง ผมร้องห้ามแกก็ไม่ยอมฟัง แถมซ้ำยังมาทำหน้าดุๆใส่ผมด้วย ผมนึกถึงคำของเคลวินขึ้นมาได้ ว่าอย่าไปขัดใจแก อย่าเห็นว่าแกเป็นคนแก่ แล้วจะมาเกรงอกเกรงใจ เพราะแกจะโกรธหาว่าไปดูถูก ผมเลยปล่อยให้แกทำในสิ่งที่แกได้รับมอบหมายมาตามสบาย

“คุณหนูนอนหลับพักผ่อนนะคะ เดี๋ยวป้าจัดการเรื่องในบ้านเองไม่ต้องห่วง”

เสียงพูดของป้าหมี่ดังลอดเข้ามาให้ได้ยินถึงเตียงที่ผมนอนอยู่ ผมยิ้มและตะโกนตอบรับไป จากนั้นก็ปิดเปลือกตาลง ฟังเสียงเคลื่อนไหวของป้าหมี่ และนึกเดาว่าตอนนี้แกทำอะไรอยู่

ถ้วยชามกระทบกันก๊องแก๊ง แสดงว่าแกกำลังล้างจาน สักพักเสียงแกเดินไปมา คงกำลังเก็บกวาดถูบ้าน เสียงน้ำเปิดในห้องน้ำ เสียงลากกาละมัง ตอนนี้คงกำลังซักผ้าให้ผม อยากจะบอกว่าไม่ต้องผมบอกเองได้ แต่ก็มึนงง ง่วงงุนเหลือเกิน ฤทธ์ยาของทำให้ผมง่วง ในที่สุดเสียงที่ได้ยินก็แว่วไกลออกไป จากนั้นผมก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย

รู้สึกตัวอีกที ก็ต่อเมื่อรู้สึกหนักๆตัว พอลืมตาตื่นขึ้นมา ก็พบคนตัวใหญ่ยักษ์กำลังนอนหลับทับอยู่บนตัวผม ไม่รู้ว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมานอนอยู่แบบนี้นานหรือยัง แต่จากเสียงหายใจที่สม่ำเสมอ ผมก็คะเนว่าเขาคงจะหลับนานพอดูเหมือนกัน เหลียวไปมองนาฬิกาปลุกที่ตรงหัวเตียง มันบอกเวลาสองทุ่มแล้ว นี่ผมหลับยาวตั้งแต่บ่ายถึงเย็นเลยหรือนี่

ป้าหมี่อยู่ไหนกัน กลับไปแล้วหรือยังอยู่ ตายล่ะ ป้าจะเห็นไหมเนี่ย ว่าเจ้านายของตัวเองมานอนกอดผมอย่างนี้ ประธานเจ้าเล่ห์นี่ก็ชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อตลอด ถ้าป้าเห็น แกก็ต้องยิ่งมันใจว่าผมคือคนที่เจ้านายของแกอยากแต่งงานด้วย ไม่นะ ป้าหมี่จะคิดแบบนั้นไม่ได้ เพราะผมไม่ยอมรับการเป็นสามีของเคลวิน เรื่องนี้จะต้องเป็นความลับของผมกับเขาสองคนเท่านั้น

ผมพยายามเงี่ยหูฟัง เผื่อว่าจะได้ยินเสียงแปลกปลอมอะไรบ้าง แต่ห้องทั้งห้องก็เงียบสงัด ปราศจากสำเนียงใดๆ นอกจากเสียงหายใจของประธานเคลวิน ผมพยายามเอี้ยวตัวมองผ่านม่านกั้นออกไป ไฟในห้องเปิดสว่าง ไม่รู้ว่าเคลวินเปิดตอนเข้ามา หรือว่าป้าหมี่เปิดเอาไว้ มันเลยทำให้ผมเห็นสภาพห้องได้อย่างชัดเจน

เลยจากผ้าม่านไปไม่เห็นเงาอะไรที่จะบอกว่ามีคนอยู่ในห้องนี้นอกจากผมกับเขา แต่ผมก็ไม่อาจจะวางใจได้ บางทีป้าหมี่อาจจะอยู่ข้างนอก ตอนที่เจ้านายตัวเองอยู่ในนี้ หรือบางทีอาจจะถูกใช้ให้ไปซื้ออะไรก็ได้



--------------------




 เมื่อตอนกลางวันป้าหมี่พูดอะไรบ้างนะ อืมมมม....ดูเหมือนว่าป้าแกจะถูกมอบหมายให้มาทำกับข้าวให้ผมทาน จัดการทำความสะอาดบ้านช่องให้ และช่วยดูแลผมจนกว่าเคลวินจะมา ใช่สิ ตอนนี้เคลวินมาแล้ว แกคงถูกไล่กลับไป

แต่ก่อนที่แกจะไป แกได้เห็นเคลวินทำอะไรกับผมหรือเปล่านะ โตขนาดนี้ เป็นเจ้าคนนายคน คงไม่ทำตัวรุ่มร่ามให้ใครเห็นกระมัง แต่ก็ว่าไม่ได้ หมอนี่ยิ่งเพี้ยนๆ เอาแต่ใจตัวเองสุดๆแบบนี้ อาจจะทำอะไรประเจิดประเจ้อก็ได้ แล้วเขาจะทำอะไรผมกันล่ะ ในเวลาที่ผมหลับเพราะฤทธิ์ยาแบบนี้ อย่างดีก็คงจะแค่กอดแค่หอมกระมัง

ผมคิดวนเวียนวุ่นวายใจอยู่สักพัก ก็เลิกคิด เพราะถึงคิดไปก็ปวดหัว เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าระหว่างที่ผมนอนหลับ ทางที่ดีก็ควรจะปลุกคนที่นอนทับผมขึ้นมาซักถามดีกว่า ผมขยับตัวเพื่อให้หลุดจากการกอดก่ายของเคลวิน แต่เขาก็ยังคงนอนนิ่งเฉย ตาหลับพริ้ม ขนตาสีทองหนาเป็นแพไม่เขยื้อนยุกยิก แสดงให้เห็นว่าเขากำลังเข้าสู่ช่วงนิทรา

เห็นเขานอนหลับแบบนั้น ผมก็เลยเลิกล้มความตั้งใจที่จะปลุกเขา แม้จะรู้สึกหนักที่ร่างกายสูงใหญ่มาทับผมไว้ทั้งตัวจนไม่สามารถกระดุกกระดิกไปไหนได้ เมื่อยก็เมื่อย ป่วยอีกต่างหาก แต่พอนึกว่าเขาเหนื่อยกลับมาจากการทำงานทั้งวัน มันทำให้ผมอยากให้เขานอนพักผ่อนไปก่อน ถ้าหากการนอนแบบนี้มันจะทำให้เขารู้สึกสบาย ก็คงต้องปล่อยเขาไป แม้ว่าผมใกล้จะเป็นตะคริวไปทั้งตัวแล้วก็ตาม

ประมาณ 10 นาที ที่ผมต้องทนนอนอยู่ในท่านั้น กว่าที่ประธานตัวแสบจะตื่นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตา ไม่สิ ทันทีที่รู้สึกตัวมากกว่า คนสองหน้าก็โน้มคอผมมาจูบและแทรกลิ้นเข้าในปากผมทันที ไม่มีการถามไถ่ หรือขออนุญาติใดๆ เจ้านายเคลวินถือวิสาสะในร่างกายของผมทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเต็มที่ และผมก็ไม่อาจจะเลี่ยงหนีได้พ้นเสียด้วย

“ตื่นแล้วหรือครับ”

คำแรกที่พูดหลังจากถอนริมฝีปากออกแล้ว ที่จริงผมควรจะถามคำถามนี้กับเขาต่างหาก ผมพยักหน้า เขาก็ยิ้มอายๆ ก่อนจะต่อว่าต่อขานผม

“ตื่นนานแล้วหรือยัง แล้วทำไมไม่ปลุกผมล่ะ”

“ก็นานแล้วล่ะ พยายามจะปลุกเหมือนกัน แต่คุณไม่ตื่น เลยปล่อยให้นอนต่อ เพราะคิดว่าเคลวินคงจะเหนื่อยกลับมา”

“โถ ทีหลังก็ปลุกได้นะ ผมนอนทับคุณแบบนี้ คุณคงเมื่อยแย่เลย”

รู้เหมือนกันเหรอ ขนาดรู้ยังทำ ทับเอาผมแทบจะหลังหัก ดีนะเนี่ยที่ไม่มารู้ตัวตอนร่างกายผมแหลกเหลวไปแล้ว

“เดี๋ยวผมนวดให้นะ”

นึกแล้วว่าต้องมาฟอร์มนี้ มุขหลอกกินไข่แดงของผม เหอะ อีตาประธานโรคจิต



--------------------




 “ทานข้าวกันก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวผมค่อยมานวดให้ ป้าหมี่ทำอาหารเย็นอร่อยๆไว้ให้ทานเยอะแยะเลย แกบอกว่าคนป่วยต้องทานอาหารบำรุงสุขภาพกันหน่อย ผมอุ่นไว้แล้วครับ”

เคลวินลุกขึ้นนั่ง และดึงผมให้ลุกตาม ผมเลยถามถึงป้าหมี่ด้วยความสงสัย ว่าแกกลับบ้านไปแล้วหรือ เคลวินให้คำตอบว่า ป้าหมี่กลับไปตั้งแต่หกโมงแล้ว พอเคลวินมา ป้าหมี่ก็ทำกับข้าวเสร็จพอดี เขาเลยให้คนขับรถของตัวเอง พาป้าหมี่กลับไปบ้านโน้นเพื่อให้ป้าหมี่ได้พักผ่อนก่อนที่จะกลับมาดูแลผมในวันพรุ่งนี้

“ไม่ต้องหรอกครับ ลาวันเดียวก็พอนะ อย่าหยุดหลายวันเลย เสียการเสียงานแย่ ที่จริงผมก็หายแล้วล่ะครับ พรุ่งนี้ก็ไปทำงานได้”

ที่จริงผมก็ยังไม่ได้หายดีสักเท่าไหร่ ยังรู้สึกมึนๆอยู่เลย แต่ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง และไม่อยากใช้อภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่น ผมอยู่ในช่วงทดลองงานด้วย ลามากไม่ดี จะมีคนครหานินทาเอาได้

“จริงเหรอครับ ไหนดูสิ หายตัวร้อนหรือยัง”

คนพูดแทนที่จะเอามืออังหน้าผากผมแบบคนอื่นเขาทำกัน แต่กลับเอาหน้าผากของตัวเองมาถูไถหน้าผากของผม พลางทำหน้าดุๆใส่

“ยังตัวร้อนอยู่เลย ยังไม่หายเสียหน่อย”

“เดี๋ยวทานข้าว แล้วทานยากับพักผ่อน พรุ่งนี้ก็คงหายไปทำงานได้ครับ”

ยังคงดื้อดึงเถียงเขา เคลวินส่งยิ้มหวานให้ เขารับรู้ถึงความตั้งอกตั้งใจทำงานของผม ถึงแม้ตอนเป็นประธานเคลวินเขาจะไม่เคยชื่นชมผมก็ตาม แต่เมื่อเป็นภรรยาผู้อ่อนโยนน่ารัก เขาจะให้กำลังใจผมอยู่ตลอดเวลา และมักจะพูดเสมอว่าผมทำดีแล้ว

เอ๊ะ เมื่อกี้ผมว่าอะไรนะ ภรรยาผู้อ่อนโยนน่ารักเหรอ สงสัยคงจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปเมื่อตอนกลางวันเป็นแน่ ยาที่หมอให้มาช่างแรงจัง มีผลข้างเคียงด้วย ทำให้ประสาทผมกลับ เห็นคนเจ้าเล่ห์สองหน้า กลายเป็นคนอ่อนหวานไปได้

“งั้นนอนตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปยกกับข้าวมาให้นะ ทานที่นี่ดีกว่า ลุกออกไปอาจจะเวียนหัวได้”

พร้อมคำพูดเคลวินก็รีบกดผมลงนอนกับเตียงทั้งๆที่เมื่อกี้เพิ่งดึงผมลุกขึ้น ท่าทางลนๆผิดสังเกตุ แต่ผมก็คิดเอาว่า อาจจะเป็นเพราะเขาเหนื่อยจากการทำงาน แถมต้องมาดูแลผมอีก คงอยากทานข้าวเร็ว อาบน้ำ และนอนเร็วๆ ผมเลยไม่อยากขัดใจเขา

ไม่ถึงอึดใจอาหารทุกอย่างก็จัดวางไว้ที่โต๊ะพับเรียบร้อย เขามาอุ้มผมลงไปนั่งทานบนพื้น ทำราวกับผมป่วยหนัก พอผมจะดิ้นหนี เขาก็ขู่ว่าถ้าไม่ยอมดีๆเขาจะจับนั่งตักและป้อนข้าวป้อนน้ำเหมือนทำกับเด็กตัวเล็กๆ ผมรู้ว่าตาประธานเพี้ยนคนนี้ไม่ได้พูดขู่ แต่เขาเอาจริง จึงยอมทำตามใจเขา ไม่อยากทำตัวมีปัญหา เดี๋ยวจะได้อับอายกันไปเสียเปล่าๆ

“อีกสองอาทิตย์ บริษัทจะจัดให้มีสัมมนาต่างจังหวัด และถือโอกาสจัดงาน staff picnic ด้วย เพื่อให้พนักงานทุกคนได้เที่ยวกัน คุณก็ได้ไปด้วยเหมือนกันนะ”



--------------------
 
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่14 คุณคือคนสำคัญ update 6 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 06-08-2007 22:37:54
ไปปิคนิค  :a9: :a9: :a9:
 :a2: :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่14 คุณคือคนสำคัญ update 6 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 07-08-2007 15:14:38
ท่าทางคนโพสต์จะอามรณ์มะดี

กัวกัว

 :m8: :m8: :m8:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่14 คุณคือคนสำคัญ update 6 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-08-2007 19:38:03
ไปฮันนีมูน  :m18:  :m18:  :m18:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่15 update 7 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 07-08-2007 23:07:37
ฮันนีมูนคราวนี้จะมีลุ้นไหมหนอ
******************
บทที่ 15
ข่าวนี้ทำให้ผมตื่นเต้นอย่างประหลาด ที่ผมได้รับโอกาสร่วมงานสังสรรค์ของบริษัทกับเขาด้วยทั้งๆที่ผมยังเป็นเพียงพนักงานที่ยังไม่พ้นช่วงทดลองงานเลย เป็นกฎเกณฑ์ของบริษัทในการให้สวัสดิการกับพนักงาน หรือเป็นเพราะเขาอยากเอาใจผมกันหนอ

“เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน งานก็ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อนไปนะครับ มาบอกแค่นี้แหละ ไม่ใช่บทบาทของท่านประธานเคลวินที่จะมาโผล่ตอนนี้ อยากรู้อะไร ก็ไปถามกันตอนไปทำงานนะครับ”

เคลวินพูดยิ้มๆ จนผมรู้สึกหมั่นไส้ หนอยแน่ะ ก็ท่านประธานเคลวิน กับภรรยาจอมวุ่นเคลวินมันก็คนเดียวกันนี่นะ เล่นสลับบทบาทกันไปมาให้ปวดหัวเล่นซะงั้น ทำให้เนียนแล้วกัน อย่าเผลอทำตัวเป็นภรรยาในที่ทำงาน แล้วเป็นเจ้านายผมที่บ้านเข้าล่ะ คงได้วงแตกแน่

เอาเถอะ ไม่บอกผมก็ไม่ง้อ เดี๋ยวไปถามพี่นนนี่เอาก็ได้ แค่รู้ว่าผมได้ไปเที่ยวกับเขาด้วยแค่นี้ก็ดีใจแล้ว มันเหมือนกับว่าบริษัทนี้ได้เปิดรับผมเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของพวกเขา ไม่ใช่เพียงแค่ลูกจ้างชั่วคราวที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจอีกต่อไป

“วันนี้เป็นไงบ้างครับ ป้าหมี่ดูแลดีไหม”

“ดีครับ ดีจนรู้สึกเกรงใจ ที่จริงไม่ต้องทำให้ผมขนาดนี้ก็ได้”

“ไม่ได้หรอกนะ คุณเป็นคนสำคัญของผมนี่นา”

คนสำคัญอีกแล้ว ผมคิด นี่คงเอาคำพูดนี้ไปฝังใส่หัวป้าหมี่สิท่า แกถึงได้เอาอกเอาใจผมแบบนั้น

“อยากได้ป้าหมี่มาช่วยดูแลหรือเปล่าครับ”

“ไม่เอานะ ทำไมล่ะ เคลวินจะไปไหนเหรอ”

แว่บแรกผมคิดว่าเขาคงไม่อยากจะดูแลผมอีกแล้ว รู้สึกใจหายขึ้นมาทันที

“ไม่ได้ไปไหนหรอกครับ ก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ ทำไมเหรอ ไม่อยากได้ป้าหมี่ดูแล แต่อยากให้ผม
ปรนนิบัติให้ใช่ไหมครับ”

ทั้งน้ำเสียงและหน้าตาสอดใส่ความหวานมาจนเลี่ยน

“ใครเขาพูดแบบนั้นกันล่ะครับ ผมหมายถึงว่าไม่อยากรบกวนป้าหมี่เพราะแกแก่แล้วหนะครับ แล้วที่จริงผมก็ดูแลตัวเองได้ครับ”

“แหม ผมก็นึกว่าคุณจะอยากให้ผมช่วยดูแลเสียอีก น่าน้อยใจจังครับ”

เขาแสร้งทำเป็นงอน แต่ผมนั่งเฉย อยากงอนก็งอนไปสิ อารมณ์แปรปรวนแบบนี้ ใครจะปรับตัวตามไหว แล้วผมก็ไม่ได้ใช้ให้เขามาดูแลผมเสียหน่อย ถ้าไม่พอใจก็ปล่อยผมไปสิ มายุ่งวุ่นวายกับผมทำไมล่ะ



--------------------------------
“ช่างมันเถอะ ผมไม่คิดมากหรอก ถึงอย่างไร ที่ผมทำให้เคน ก็เป็นเพราะว่าผมรักคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ชอบ หรือไม่เห็นคุณค่า แต่ผมก็ไม่ท้อถอยง่ายๆหรอกนะ”
เมื่อเห็นผมยังเฉย เขาก็พูดต่อ คำพูดของเขา มันชวนให้ผมใจอ่อน และถามตัวเองด้วยความสงสัย ว่าผมใจดำกับเขาเกินไปหรือเปล่า เขาอุตส่าห์ดีกับผม ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือที่บ้าน ถึงแม้จะมีบุคลิกที่ต่างกันออกไป แต่เขาไม่เคยสักครั้งที่จะหวังร้ายกับผม

“ที่คุณทำให้ผมทั้งหมด ผมเองก็ซาบซึ้งใจมากนะครับ ผมไม่รู้จะตอบแทนคุณอย่างไรดี ผมเองก็ชอบให้เคลวินดูแลเหมือนกัน”

ในที่สุดผมก็ใจอ่อนให้กับความดีของเขาจนได้ พอผมบอกสิ่งที่อยู่ภายในใจออกไป ท่านประธานเคลวินก็ยิ้มกริ่ม แทบจะกระโจนมากอดผม

“ผมไม่ต้องการอะไร นอกจากหัวใจของเคนเท่านั้นครับ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันนะ ที่เคนจะรักผม แต่ถึงอย่างไร ผมก็จะรอนะ”

เขาพูดเสียงอ้อน ผมแทบจะสำลักข้าวน้ำเมื่อฟังเขาพูดจบ ใจปวดแปลบขึ้นมาทันที นั่นสิ เมื่อไหร่ดีล่ะ ผมเองก็ยังตอบไม่ได้ ไม่รู้ว่าชาตินี้ ผมจะรักเขาได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าผมจะยอมรับว่าเขาดีกับผมมากจริงๆ แต่ความรู้สึกดีๆที่มีให้ กับเรื่องของความรัก มันไม่เกี่ยวข้องกันนี่นา ผมอาจจะหาโอกาสตอบแทนบุญคุณเขาอย่างอื่น โดยไม่ต้องรักตอบเขาก็ได้

ตาสีฟ้าที่มองมาอย่างมีความหวังนั้น ทำให้ผมรู้สึกละอายใจ เหมือนตัวเองเป็นคนเอาแต่ได้ รับความรักจากเขาเพียงแค่อย่างเดียว โดยไม่เคยให้เขาบ้างเลย รู้สึกสงสารเคลวินขึ้นมาเสียแล้วสิ ไม่นึกว่าท่านประธานที่เข้มงวด ดุดันแบบเขา จะมาอ้อนขอความรักจากลูกน้องตัวเองแบบนี้ และยินดีที่จะรอคอย ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยก็ตาม

“ขอบคุณนะครับ ”

ตอบได้แค่นั้น ไม่รู้จะพูดอะไรอีก ที่จริงก็อยากจะบอกว่า อย่ารอผมเลย ผมไม่มีวันรักคุณในแบบนั้นหรอก แต่จะให้รักและเคารพในฐานะลูกน้องภักดีต่อเจ้านาย หรือเพื่อนที่ดีต่อกัน อันนั้นผมทำได้ แต่เมื่อเห็นหน้าตาของเขาแล้ว ก็จำต้องหุบปากตัวเองไว้ ไม่กล้าเอ่ยอะไรที่จะทำให้เคลวินเสียใจ

“เสาร์อาทิตย์นี้ เราไปออกกำลังกายกันดีไหมครับ ฟิตซ้อมร่างกายเอาไว้สำหรับวันไปเที่ยว เขาจะมีให้แข่งขันกีฬาด้วยนะ เผื่อว่าเคนจะอยากสนุกกับเขาบ้าง”

วกกลับมาเรื่องเที่ยวอีกแล้ว แต่ก็ดี ถ้ายังขืนพูดเรื่องความรัก ผมก็คงไม่มีคำตอบดีๆให้เขาเหมือนกัน

“เคนต้องออกกำลังกายบ้างนะครับ ผอมไปก็ไม่ดีนะ โรคภัยไข้เจ็บก็จะถามหา ดูผมสิ ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วยง่ายๆ เพราะออกกำลังบ่อยๆ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปเลย”

ก็แน่ล่ะสิ มาขลุกอยู่กับผมตลอดเวลานี่นา



--------------------



   
“ที่เพนเฮ้าส์ของผม มีสระว่ายน้ำ และมีที่ออกกำลังกายด้วย วันหลังไปกันนะ”
“จะดีหรือครับเคลวิน เอ้อ เดี๋ยวมีคนเห็นเข้า เขาจะเอาไปนินทาได้นะครับ”

ผมถามอย่างไม่แน่ใจ ก็เพนเฮ้าส์ของเคลวิน มันอยู่ชั้นบนสุดของอาคารที่ทำงาน และชั้นที่เป็นสระว่ายน้ำ กับห้องฟิตเนส อยู่ต่ำลงมาอีกชั้น ถึงแม้ตึกนี้ จะเป็นตึกของตระกูลเคลวิน แต่เขาก็ได้ใช้เพื่อนที่ประมาณ 90 % เป็นออฟฟิศของบริษัทในเครือ อาจจะมีใครเห็นเข้า และเอาไปปล่อยข่าวให้เกิดความเสียหายแก่ตัวเขาซึ่งเป็นประธานบริษัทก็ได้

“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เคนก็รู้ว่า สองชั้นข้างบน เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผม ถ้าไม่มีกิจธุระจริงๆ จะไม่มีใครได้ผ่านขึ้นไปหรอกนะ มียามอย่างแน่นหนา คอยตรวจตรากันคนอีกชั้น แล้วอีกอย่างในวันเสาร์ และอาทิตย์ ส่วนนั้นจะปิดไม่ให้ใครเข้า ลิฟท์ก็จะล็อคสองชั้นนี้ไว้ ผมมีลิฟท์ส่วนตัวเฉพาะประธานและคนที่ได้รับอนุญาตที่จะขึ้นไปได้ เราก็เข้าตรงส่วนนั้นครับ”

โหย ลึกลับซับซ้อนจริงนะ ระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ทำให้ไม่มีใครเข้าถึงตัวเขาได้ ซึ่งมันก็คงเป็นเรื่องจำเป็น เพราะชั้นบนสุด นอกจากจะเป็นที่พักอาศัยของประธานบริษัท ซึ่งมีกิจการใหญ่โตมากมายในมือแล้ว ยังเปรียบเสมือนศูนย์บัญชาการย่อยๆของเขาอีก เวลาสั่งงานบริษัทในเครือ ก็จะทำจากที่นี่ มันสะดวกดีสำหรับเขาที่จะไม่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนไกลๆให้เสียเวลา

“เดี๋ยวเสาร์นี้ ผมจะพาเคลวินไปดู ว่าแต่อย่าลืมสัญญาอะไรที่ให้ไว้กับผมนะครับ”

“สัญญาอะไรเหรอครับ”

ผมทำหน้างงๆ

“ก็ที่บอกว่าจะให้กุ๊กกิ๊กด้วยในวันสุดสัปดาห์ไง เคนอ่ะ แค่นี้ก็ลืมไปได้”

โอ๊ย เรื่องนี้เองเหรอ ผมลืมไปเลย พอเขาพูดขึ้นมา ผมก็เลยระลึกชาติได้ทันที ว่าเคยพูดจาตกลงไปแบบนั้น แต่นั่นเป็นเพราะผมตัดรำคาญต่างหาก ไม่คิดว่าเขาจะทวงขึ้นมา ผมรู้สึกเหมือนอาการไข้กำเริบขึ้นมากะทันหัน ปวดหัว ตัวร้อนไปหมด อยากจะเป็นลมล้มพับ จะได้ถือโอกาสทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องนี้

“ผมอิ่มแล้วละครับ รู้สึกปวดหัวนิดๆแล้ว เดี๋ยวทานยาเสร็จ ก็ว่าจะนอนแล้วครับ”

เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย เคลวินมองหน้าผมอย่างรู้ทัน แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร เขาลุกมาพยุงผมไปที่เตียง ทำเหมือนว่าผมป่วยหนักอีกแล้ว จากนั้นก็ไปเก็บจานชามเข้าครัว สักพักก็กลับเข้ามาพร้อมแก้วน้ำ เขารอดูผมทานยาเสร็จ ก็เก็บแก้วกลับออกไปอีกครั้ง ผมหลับตาลง รู้สึกเหนื่อยอ่อนขึ้นมาจริงๆ จนอยากจะพัก

เตียงที่ผมนอนอยู่ยุบยวบลง ผมลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นคนตัวใหญ่นั่งยิ้มให้กับผม ในมือถือกาละมังใส่น้ำอุ่นมาด้วย เขาวางมันลงที่โต๊ะหัวเตียง จากนั้นก็เอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อนอนของผม แล้วบอกว่าจะเช็ดตัวให้ จะได้นอนหลับสบายขึ้น ผมรับรู้ถึงเจตนาดีของเขา จึงปล่อยให้เคลวินทำ ไม่อยากบ่ายเบี่ยง เพราะรู้สึกสงสารเขาที่ขัดขืนมาตลอด ถึงไงเขาก็คงทำอะไรผมไม่ได้ในคืนนี้


--------------------



   
เสื้อผ้าถูกถอดออกไปจากตัว ร่างกายเหลือแค่เพียงกางเกงชั้นในเท่านั้น ตอนแรกผมทำท่าจะปฏิเสธไม่ให้เขาทำ แต่มานึกอีกที ผมก็ไม่เหลืออะไรที่จะปกปิดเขาแล้ว เคลวินเห็นผมทุกซอกทุกมุมจนหมด ระหว่างเราไม่มีความลับทางร่างกายกันอีกต่อไป ผมจึงยอมให้เขาถอดโดยดี

ผมพยายามข่มความอายเอาไว้ ขณะที่มือใหญ่ถือผ้าชุบน้ำเช็ดถูไปตามใบหน้า และส่วนต่างๆตามร่างกายผม ตาหวานๆของประธานเคลวินจ้องมองผมอยู่ตลอดเวลา ใบหน้ามีรอยยิ้มระบายบางๆ เขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะล่วงเกินร่างกายผม มีแต่ความจริงใจที่จะดูแลผมในยามป่วยไข้ ท่าทางตั้งอกตั้งใจ ทำให้ใจผมไหวยวบ

หลังจากทำความสะอาดร่างกายผมเสร็จ เขาก็เอาเสื้อผ้าชุดนอน ซึ่งซักเรียบร้อยมาสวมใส่ให้ผม กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มแทรกซึมอยู่ตามเส้นใยเนื้อผ้าหอมกรุ่น ผมไม่ได้ซักผ้าเองตั้งแต่เขามาอยู่ด้วย เคนแอบเอาเสื้อผ้าใส่ถุงไปให้แม่บ้านซัก แล้วก็จะเอากลับมาที่ห้องผมในวันถัดไป เขาจัดการดูแลเรื่องในบ้านให้หลายอย่าง จนผมไม่ต้องวุ่นวายดูแลมันเลย

“นอนได้แล้วนะครับ พักผ่อนเยอะๆนะ จะได้หายไวๆ”

เขาบอกผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็ห่มผ้าให้จนถึงคอ และก้มลงจูบเบาๆที่แก้มผม

“แล้วเคลวินละครับ”

“ผมว่าจะไปอาบน้ำ แล้วจะมานอนครับ”

เคลวินตอบ พลางปูเสื้อพับของผมลงกับพื้น ผมมองหน้าเขาเหรอหรา อย่าบอกนะว่าเขาจะนอนบนพื้นนี่ ทุกทีไม่เคยเห็นเขาจะอยากไปนอนแยกจากผม มีแต่จะมาเบียดเสียดอยู่บนเตียง แล้วก็กอดผมไว้ในวงแขน ห้ามเท่าไหร่ ก็ไม่ฟัง จะหนีก็ไม่พ้น แต่คราวนี้มาแปลก กลับเจียมเนื้อเจียมตัวขึ้นมาซะงั้น

หรือว่าเคลวินจะเป็นห่วงผมจริงๆอย่างที่พูด เขาเห็นว่าผมไม่สบาย กลัวว่าจะปวดเมื่อยเนื้อตัวนอนไม่หลับ เลยไม่อยากจะรบกวนผม แล้วถ้างั้นทำไมไม่กลับไปนอนที่บ้านตัวเองล่ะ จะมาทนลำบากทำไม ห่วงใยผมอย่างนั้นหรือ กลัวว่าผมจะเป็นอะไรขึ้นมาเวลาอยู่คนเดียวใช่ไหม โธ่เอ๊ยเคลวิน ทำไมถึงทำแบบนี้นะ

“เคลวินจะทำอะไรน่ะ จะนอนตรงนั้นเหรอ”

ผมถามสิ่งที่คิดออกไป คนตัวโตพยักหน้าหงึกๆ

“ครับ เตียงมันเล็กไป ผมไม่อยากให้เคนอึดอัด ยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย อยากให้นอนสบายๆครับ”

เขาเดินมาหยิบหมอนจากเตียงของผมจะเอาไปวางบนเสื่อ แต่ผมยึดมือเขาไว้

“มานอนด้วยกันบนเตียงนี่แหละครับ เคลวิน ไม่อึดอัด มากมายอะไรนักหรอก ถ้าคุณลงไปนอนข้างล่าง ผมคงจะรู้สึกแย่มากทีเดียว ที่ปล่อยให้คุณต้องไปนอนลำบากแบบนั้น”

อยากจะพูดออกไปว่า คุณเป็นประธานบริษัทนะครับ คุณเป็นคนมีเกียรติ มีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต ไม่จำเป็นต้องลดศักดิ์ศรีของตัวเองมาทำเพื่อผมแบบนี้ แต่ผมก็พูดไม่ออก รู้สึกมันตื้นตันไปหมด ไม่อยากให้เขามาทำดีกับผมแบบนี้เลย


--------------------



   
“แต่คุณไม่สบายอยู่นะครับ เดี๋ยวคุณจะอึดอัด”

“ไม่เป็นไรนะ ผมไม่ได้นอนกินเนื้อที่มาก ผมต่างหากที่ต้องเกรงใจคุณ และให้คุณนอนบนเตียงด้วยซ้ำ เกรงว่าคุณจะติดหวัดจากผม แล้วก็ไม่อยากหมิ่นเกียรติของคุณด้วยครับ เพื่อให้เราต่างสบายใจ เคลวินมานอนบนเตียงกับผมนะครับ”

ใบหน้าของเคลวินบานเป็นกระด้ง ตาสีฟ้าเปล่งประกายแพรวพราว เขาจับมือผมมากุมไว้ แล้วยกขึ้นมาจูบ ท่าทางดีอกดีใจ

“ดีใจจัง ที่เคนอนุญาตให้ผมมานอนบนเตียงด้วย งั้นเดี๋ยวผมรีบไปอาบน้ำก่อนนะ เคนหลับไปก่อนก็ได้นะครับ ไม่ต้องรอผมนะ พักผ่อนๆเยอะๆนะครับคนดี”

พูดเสร็จเขาก็รีบเด้งตัวออกจากที่นอน ตรงไปยังห้องน้ำทันที ผมแอบยิ้มด้วยความขำที่เห็นท่านประธานจอมเฮี้ยบ ทำตัวเหมือนเด็กหนุ่มๆที่กำลังมีความรัก ใครให้ทำอะไรก็ทำหมดทุกอย่าง รู้สึกว่าเขาน่ารักดีจัง คงจะเป็นคนรักที่ดีได้แน่ๆ นี่ถ้าเขาเป็นผู้หญิง ผมคงรักเขาหมดใจ

15 นาทีผ่านไป ผมยังไม่ทันจะหลับ ประตูห้องน้ำก็เปิดออก แล้วร่างของท่านประธานในชุดผ้าขนหนูพันกายผืนเดียวก็ก้าวออกมาแล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้า ผมมองร่างกายที่สมบูรณ์แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของคนหนุ่มอายุ 30 ปี อย่างชื่นชม เคลวินหุ่นดีจริงๆ นี่ถ้าเขาไม่ดูแลธุรกิจมากมาย ผมว่าไม่แคล้วที่จะถูกคนทาบทามไปเป็นนายแบบหรือดาราเป็นแน่

เหมือนเขาจะรู้ว่ามีคนมอง เขาหันหน้ามาตรงเตียงที่ผมนอนอยู่ ผมรีบปิดเปลือกตาลงทันที หูก็คอยฟังเสียงต่างๆ แต่ไม่ได้ยินอะไร มีเพียงเสียงเปิดปิดตู้เท่านั้น ผมทิ้งเวลาไว้สักอึดใจหนึ่ง คาดคะเนว่าตอนนี้เขาคงกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ จึงค่อยๆลืมตาขึ้นมามอง แล้วผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นเคลวินยืนโป๊อยู่ข้างเตียง ไม่มีอาภรณ์ประดับกายสักชิ้น เขายิ้มหวานใส่ตาผมที่เบิกโพลงทันที

“แอบดูคนเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือครับ”

“ปละ..เปล่านะ ไม่ใช่สักหน่อย”

ตอบเขาไปแบบตะกุกตะกักนิดๆ รู้สึกตัวเองหน้าแดง จนต้องซ่อนหน้าด้วยการพลิกตัวหันไปอีกทาง มีเสียงหัวเราะน้อยๆดังมาให้ได้ยิน จากนั้นเสียงพูดเชิงล้อเลียนก็ดังขึ้น

“อยากให้ผมไปนอนด้วยแล้วใช่ไหม ถึงแอบดูว่าผมอาบน้ำแต่งตัวใกล้จะเสร็จหรือยัง แป๊บเดียวนะครับ ผมกำลังจะใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้แหละ”

มีเสียงสวบสาบดังให้ได้ยิน เพียงชั่วเวลาไม่ถึง 5 นาที เคลวินก็สอดตัวเข้ามาในผ้าห่มเดียวกับผมเสียแล้ว และดึงตัวผมมากอดไว้แนบอก

“นอนกันได้แล้วนะ ราตรีสวัสดิ์นะครับ”

คนพูดจูบแก้มผมเบาๆ จากนั้นก็กดหน้าผมไว้แนบอกกว้างของเขา ไม่มีคำพูดใดๆหลุดจากปากของเคลวินอีก มีแต่เสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอ เขาคงเหนื่อยและเพลียจริงๆ ผมซุกตัวเข้าหาเขา และหลับตาลงบ้าง เพียงครู่เดียว ผมก็เข้าสู่ห้วงนิทรา



--------------------


........................
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่15 update 7 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 08-08-2007 01:24:23
ช่วงเวลาแห่งความสุข  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่15 update 7 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 08-08-2007 01:39:13
รอลุ้นตอนต่อไปจ๊ะ  :a4:  :a4:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk ตอนที่15 update 7 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-08-2007 21:36:16
หุหุ ยังไม่เห็นโต๊ะกินข้าว  :a10:  :a10:  :a10:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 16 คนป่วยจอมเจ้าเล่ห์ update 8 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 09-08-2007 00:00:24
ขอแค่มีเขา ก็มีความสุขแล้ว
 :m1: :m1: :m1:
***************************************

บทที่ 16 คนป่วยจอมเจ้าเล่ห์

เป็นเวลากว่า 8 โมงแล้ว ตอนที่ผมตื่นขึ้นมา ผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีกำลังวังชา หายปวดหัว หรือปวดเมื่อยเนื้อตัว สงสัยการได้พักผ่อนเต็มที่หนึ่งวันเต็มๆ คงจะช่วยทำให้ผมฟื้นไข้ได้อย่างรวดเร็ว ผมขยับตัว แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดเหมือนเดิม เหมือนมีอะไรหนักๆร้อนๆมาทับเอาไว้

ผมสังหรณ์ใจ เลยมองไปด้านข้างของตัวเอง ก็พบเคลวินนอนกอดผมไว้แน่น ตาผมเหลือบแลไปยังนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียงอีกครั้ง นี่มันสายแล้ว เคลวินไม่เคยตื่นสายแบบนี้มาก่อน รวมถึงตัวผมเองด้วย เราสองคนมีภารกิจต้องไปทำงาน ผมหายแล้วผมไม่ควรจะนอนอยู่กับบ้าน ในขณะที่เคลวินก็ต้องไปดูงานของทั้งบริษัท เพราะเขาเป็นหัวเรือใหญ่

ไม่ได้การแล้ว ถ้าผมกับเขาไปสายด้วยกันทั้งคู่ หรือเข้าบริษัทพร้อมกัน คนได้สงสัยแน่ๆผมรีบจับตัวเขาเขย่าทันที แล้วก็ต้องชักมือกลับเมื่อสัมผัสเข้ากับความร้อนในกายเขา เคลวินตัวร้อนมาก สงสัยติดหวัดจากผมแน่ๆ ก็เล่นมากอดมาจูบผมตลอด แถมซ้ำยังมานอนด้วยจะไม่ติดไปได้อย่างไร ห้ามก็ไม่ฟัง ยังจะดื้ออีก แต่จะว่าไปเมื่อคืนผมเองนั่นแหละที่เชิญชวนเขามานอนด้วยกันทำให้ไข้จากตัวผมถ่ายทอดไปสู่เคลวิน

ไหนบอกว่าร่างกายแข็งแรงไง ออกกำลังกายบ่อยๆ ไม่เจ็บไม่ไข้ ยังไม่ทันไรก็ป่วยเสียแล้ว ทำเป็นอวดเก่งดีนัก ท่านประธานขี้เก๊กเอ๊ย อ่อนแอกับเขาก็เป็นเหรอ ดูไปก็น่าสงสารจัง นอนนิ่งหน้าซีดหน้าเซียวไปเลย ตัวร้อนจัดแบบนี้ คงไปทำงานไม่ไหวกระมัง

จะทำยังไงดีล่ะทีนี้ จะพาเขาไปหาหมอก็ไม่มีเงินเลย ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือใช้เพียงแค่ 500 บาทเท่านั้น เพราะผมโอนเงินให้แม่ไปบางส่วนแล้ว ยังเหลืออีกก้อนหนึ่งที่ต้องส่งไปให้ จะหยิบยืมใครก็ไม่กล้า เงินเดือนผมก็ยังไม่ได้เสียด้วยสิ เพราะยังไม่ถึงสิ้นเดือน สงสัยคงต้องแบ่งยาของผมให้เขาทานไปก่อน หลังจากนั้นคงต้องโทรไปบอกคนในครอบครัวของเขา

แต่ผมจะบอกยังไงดีล่ะ เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านเขาผมก็ไม่มี มีแต่เบอร์ที่บริษัท พี่นนทรีจะรู้ไหมหนอ เธอเป็นเลขาของเคลวิน น่าจะรู้เกี่ยวกับเรื่องของเขาเยอะพอสมควร ถ้างั้นผมโทรถามเอาจากพี่นนทรีดีกว่า แต่ตอนนี้ไปเอาน้ำเอายามาให้เขากินก่อนดีกว่า

ผมดึงมือของเขาที่กอดก่ายผมไว้ ออกจากตัว จากนั้นก็ค่อยๆเลื่อนตัวลงจากเตียง แล้วเดินออกไปยังส่วนที่กั้นไว้เป็นพื้นที่ทำครัว มีขวดน้ำที่ยังไม่ได้แช่เย็นอยู่สองสามขวด เคลวินคงซื้อมาให้ผมเพื่อเอาไว้ทานตอนป่วย เพราะทานน้ำเย็นไม่ได้ เขาคงไม่นึกว่าตัวเองจะได้ดื่มด้วย

ปกติเคลวินติดน้ำเย็นจะตาย ตอนบ่ายๆเวลาผมชงกาแฟไปให้เขาทาน ซึ่งเป็นงานส่วนหนึ่งของผู้ช่วยเลขา ผมจะต้องมีน้ำเย็นไปให้เขาด้วยทุกครั้ง แก้วน้ำลวดลายน่ารัก วางอยู่ในถาดบนหลังตู้ ตอนหยิบมาเพื่อรินน้ำใส่ ผมจึงได้มีโอกาสเห็นว่ามันพิมพ์คำว่า ผมรักคุณ หมดทุกใบ ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ตาประธานสองหน้าคนนี้ ช่างโรแมนติกดีจัง



--------------------
ตอนที่ผมหันออกมาจากตู้เย็น สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นความผิดปกติบางอย่าง จนผมต้องหันกลับไปมองซ้ำ ตรงซอกแคบๆห่างจากตู้เย็น มาสักเล็กน้อย มีชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับรับประทานอาหารขนาดสองคนตั้งอยู่ ผมรู้สึกจี๊ดขึ้นมาทันที

หนอยไอ้เจ้าประธานตัวแสบ แอบไปซื้อข้าวของมาใส่บ้านผม โดยไม่บอกไม่กล่าวอีกแล้ว มิน่า ท่าทางถึงมีพิรุธนัก ไม่ยอมให้ผมออกจากห้อง อ้างว่าผมไม่สบายอยากให้ผมพักผ่อนเยอะๆ แต่ที่จริงเป็นเพราะไม่อยากให้ผมเห็นของที่เขาซื้อมาต่างหาก

ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เฟอร์นิเจอร์ชุดนั้นอย่างเดียว ยังมีจักรยานเสือหมอบวางแอบๆอยู่ข้างประตูด้วย อะไรกันนักหนานี่ พูดไม่เป็นคำพูด สัญญาว่าจะบอกกันก่อน แต่ก็ละเมิดคำพูดนั่น แล้วทำตามใจตัวเอง ถ้าเป็นคนไม่รักษาคำมั่นแบบนี้ จะลั่นวาจาทำสัญญากับผมทำไม

นึกแล้วก็น่าโมโหนัก เป็นไข้ตายไปเลยก็ดี ไอ้คนบ้า ไอ้ประธานโรคจิต เห็นว่าหัวใจของผมมีเอาไว้เพื่อซื้อขายหรือไง หรือเห็นว่าผมเป็นคนจน จะเอาเงินฟาดหัว ทำอะไรกับผมก็ได้ ปล่อยให้นอนซม ไม่ต้องดูแลพยาบาลกันดีมั๊ง เก่งนักนี่ คงจะหายได้เองแหละ

ผมคิดอย่างโมโห และนั่งมันอยู่ตรงเก้าอี้สำหรับทานข้าวนั่นแหละ ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเอายาให้คนป่วยทาน ไม่รู้ว่าผมอยู่ในห้วงของความโกรธนานสักเท่าไหร่กว่าที่ผมจะได้สติ เรื่องแบบนี้จะปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องเล่นงานที่คนเจ้ากี้เจ้าการ ที่ป่วยนี่ก็คงจะสำออย ไม่ได้ป่วยจริงหรอก ตาประธานสองหน้านี่เจ้าเล่ห์ออกจะตาย

คิดได้ดังนั้น ผมก็ลุกขึ้นเตรียมจะไปต่อว่าต่อขานคนที่ยังนอนไม่ลุกอยู่บนเตียง ทว่ายังไม่ทันจะได้เข้าไปอาละวาด เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมเดินไปเปิดประตูอย่างโมโห ลุงเทพคนขับรถรูปร่างท้วมลงพุงของท่านประธานเคลวิน ยืนนอบน้อมอยู่หน้าประตู ตามปกติแกจะขับมารับประธานเคลวินทุกเช้า นี่คงเห็นว่าสายมากแล้ว แต่เขายังไม่ออกไปซักที คงเป็นห่วงเลยเข้ามาตาม

“ขอโทษครับ คุณหนู ที่ผมมารบกวน คืออยากจะถามว่า......”

“ถามว่าอะไร”

ผมแหวใส่ไปอย่างฉุนเฉียว ที่ลุงเทพมาขัดจังหวะ แถมซ้ำยังมาเรียกผมว่าคุณหนูอีก ไอ้คนบ้านนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดนะ ถูกสอนให้เรียกคนอื่นเป็นแต่คำนี้คำเดียวหรือไง ผมไม่ใช่คุณหนูของบ้านเคลวิน แล้วผมก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาด้วย ผมนึกอย่างเดือดดาล

ลุงเทพมองผมอย่างงุนงง ที่เห็นผมซึ่งตามปกติสุภาพเรียบร้อย โมโหใส่แกแบบนี้ จนผมเองก็นึกเสียใจที่ทำตัวร้ายๆกับแกลงไป ทว่าความโกรธเจ้านายของลุงเทพยังคงอยู่ ทำให้ผมไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษออกไปตอนนี้

“คือ ผมเห็นว่าสายมากแล้ว แต่คุณหนูเคลวินยังไม่ออกมาจากห้อง ท่านจะไปทำงานหรือเปล่าครับ”

คนขับรถเก่าแก่ถามด้วยความเกรงอกเกรงใจ

“คงไม่ไปมั๊ง จนป่านนี้ยังนอนไม่ตื่นเลย”



--------------------
ตอบไปด้วยเสียงห้วนๆ

“เหรอครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“จะเป็นอะไรล่ะ นอกจากโรคสำออย”

พูดไปแล้ว ก็ตกใจตัวเอง นี่ผมกล้าว่าประธานเคลวิน ต่อหน้าลูกน้องเก่าของเขาเลยหรือ ตายแล้ว ปากพาจนจริงๆ ถ้าลุงเทพไปฟ้องเจ้านายแก ผมมีหวังถูกไล่ออกจากงานแน่ หรือไม่ก็คงจะถูกเคลวินภาคประธานบริษัทดุด่าแรงๆเป็นแน่ นึกแล้วสยองนัก

“งั้นหรือครับ สงสัยต้องให้คุณหนูช่วยรักษาท่านนะครับ คงจะช่วยแก้โรคนี้ได้ คุณหนูเคลวินคงไม่ได้ไปทำงานวันนี้ คงไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถ ถ้างั้นผมไปดีกว่านะครับ”

ลุงเทพหันหลังกลับไปดื้อๆ ผมมองด้วยดวงตาเคืองขุ่น จนกระทั่งแกขึ้นรถและขับจากไป นานทีเดียว กว่าที่ผมจะสำนึกได้ว่าลุงเทพเป็นอีกหนึ่งแหล่งข้อมูลที่จะบอกกล่าวเรื่องเคลวินไปยังครอบครัวของเขาได้ เพราะความที่โมโหจนขาดสติ ทำให้ผมลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย แล้วนี่ผมจะต้องมารับมือกับคนที่ไม่รู้ว่าป่วยหรือเปล่า แถมซ้ำยังเป็นโรคจิตอีกด้วย คนเดียวนี่นะ

“เคลวิน ตื่นๆได้แล้วครับ ลุกขึ้นมาพูดกันเดี๋ยวนี้”

ผมเดินไปที่เตียง แล้วเขย่าตัวเคลวินแรงๆ พลางพูดด้วยเสียงอันดัง แต่เคลวินก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมนึกโมโหขึ้นมาอีก

“นี่ อย่ามาทำเป็นแกล้งนอนหลับนะครับ ตื่นขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลย”

เคลวินยังคงนอนนิ่ง คิ้วขมวดมุ่น พูดอะไรบางอย่างออกมาฟังไม่ได้ศัพท์ ผมเอามือแตะหน้าผากเขาอีกครั้ง แล้วก็สะดุ้ง มันร้อนมากจริงๆ สงสัยเคลวินคงไม่ได้แกล้งป่วย เพราะใครจะแกล้งได้เหมือนขนาดนี้ อารมณ์โกรธเมื่อครู่ลดวูบลง เหลือแต่ความห่วงใยเข้ามาแทน ผมเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารที่วางแก้วน้ำเอาไว้ และนำกลับมันเข้ามาให้เคลวินทานอีกครั้ง

“เคลวิน ลุกไหวไหมครับ”

ถามเขาเสียงอ่อนลงกว่าเดิมขณะที่ประคองเขาให้ลุกขึ้นนั่ง ให้ร่างหนาหนักที่ร้อนรุ่มด้วยพิษไข้นั้นพิงที่ตัวผม ไม่นึกอยากจะหาเรื่องเขาแล้วตอนนี้ รู้สึกว่ามันคงจะเป็นการกระทำที่แย่มาก หากจะไปต่อว่าต่อขานเอากับคนป่วยที่ไม่รู้สึกตัวแบบนี้ รอให้เขาหายก่อน แล้วค่อยโมโหโทโสใส่ คงยังไม่สายเกินไปกระมัง

เปลือกตาคนป่วย ค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้าๆ พอเห็นหน้าผม เขาก็ส่งยิ้มให้ ใบหน้านั้นดูอ่อนระโหยโรยแรงอย่างเห็นได้ชัด

“ทานยาก่อนนะครับ คุณไม่สบายนะ ตัวร้อนมากเลย สงสัยว่าคงจะติดหวัดจากผม”

“ครับ”

เขาตอบรับ และยิ้มให้ ผมวางร่างเขาบนที่นอน แล้วเอาหมอนมาซ้อนหลังเขาไว้ เพื่อให้พิงได้สะดวก จากนั้นก็เอายาแก้ไข้ของผม และน้ำมาให้ รอดูจนกระทั่งเขาทานยาเสร็จ ผมก็เก็บแก้วไปวางไว้ในครัว และเอากาละมังใส่น้ำ เพื่อจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาเพื่อลดไข้



--------------------
“เคนเลยต้องมาพยาบาลผมเลย”

เสียงของเคลวินแหบแห้งมาก ยามพูดกับผม สงสัยไข้หนักจริงๆ

“ไม่ต้องพูดแล้วครับ เสียงคุณไม่ดีเลย เจ็บคอไหมครับ ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวบ้างไหม”

เขาพยักหน้าแทนคำตอบ ผมเอาหลังมือแตะที่แก้มเขาเบาๆ

“ตัวก็ร้อนมากเลย ไปหาหมอดีไหมครับ”

“ผมไม่เป็นไรมากหรอกนะ เดี๋ยวทานยาแล้วก็หายนะครับ”

คนพูดยังคงดื้อดึง ทั้งที่เสียงก็แทบจะไม่ค่อยมีแล้ว แถมซ้ำพูดจบก็ไอโขลกๆด้วย รู้สึกเหมือนจะเป็นหนักกว่าผมอีก ผมเลยทำหน้าดุใส่เขา

“ไม่เป็นไรได้ไง ดูสิ ตัวก็ร้อน เสียงก็แห้ง แถมไออีกด้วย ขืนปล่อยไว้จะยิ่งไม่หายนะครับ ไปหาหมอดีกว่าไหม”

“ไม่เอาอ่ะ”

“ทำไมล่ะ กินยาอย่างเดียวมันแก้ไม่ได้หรอก มันต้องให้หมอดูอาการนะครับ”

“ไม่อ่ะ ไม่อยากไป”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

ผมถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเคลวินปฏิเสธ เขาไม่ยอมสบตาผม ท่าทางเหมือนมีพิรุธ ผมเลยแกล้งถามเล่นๆว่า

“กลัวหมอเหรอ หรือว่ากลัวเข็มฉีดยา”

เคลวินหน้าแดงก่ำ นิ่งเงียบไม่ยอมตอบ
ผมนึกรู้ในทันทีว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้เคลวินไม่ยอมไปหาหมอ ผมถึงกับหลุดหัวเราะก๊ากออกมา ที่จับจุดอ่อนเขาได้ โถ ช่างน่าสงสารเสียจริง ตัวใหญ่เบ้อเร่อเบ้อร่า กลับกลัวเข็มฉีดยาอันเล็กนิดเดียว

“ใช่จริงๆด้วย”

หลิ่วตาล้อเลียนเขา ยังไม่หยุดขำ เคลวินหน้าแดงยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอายหรือพิษไข้
“หัวเราะทำไมล่ะครับ ก็เวลาฉีดยาแล้วมันเจ็บนี่นา”

“อ้าว แล้วที่ผ่านๆมา เคลวินทำอย่างไรล่ะครับ เวลาป่วยขึ้นมา”

ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ใหญ่พูดกับเด็ก รู้สึกเอ็นดูท่านประธานเคลวินขึ้นมาทันที ทั้งที่เมื่อกี้โกรธเขาอยู่ เวลาคนเห็นคนตัวโตๆ กลัวเรื่องอะไรที่มันเล็กน้อยในสายตาเรา มันอดที่จะรู้สึกขำไม่ได้

“ก็กินยาอย่างเดียวครับ ถ้าต้องฉีดยาก็ต้องวิ่งหนีกันอุดตลุด”

เขาตอบอายๆ นี่คงเป็นความลับของเขาที่ไม่ค่อยอยากบอกใครแน่ๆ ผมรู้สึกดีที่ได้มีส่วนร่วมรู้ความลับอันนี้


--------------------
“คราวนี้ถึงยังไงก็ต้องไปหาหมอก่อนนะ มันไม่ได้ต้องฉีดยาทุกครั้งนี่นา
อาจจะแค่ทานยาแล้วกลับบ้านก็ได้ ไปนะครับ”

“ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ ไม่อยากไปนะ โรงพยาบาลอ่ะ เหม็นกลิ่นยาด้วย”

คนป่วยโวยวายเสียงแหบแห้ง นี่ถ้าเป็นอายุเท่ากัน ผมคงเตะก้นโด่งไปแล้ว คนอะไรดื้อจัง

“อย่างอแงสิครับเคลวิน เมื่อวานนี้ ผมยังยอมกินยา ยอมให้คุณทำทุกอย่างโดยไม่ขัดขืนเลยนะ ตอนนี้ถึงตาคุณบ้างแล้ว ต้องไปหาหมอสิ”

“ไม่เห็นจะยอมให้ผมทำอะไรได้ทุกอย่างเลย เมื่อวานก็ไม่ได้นวดเคนด้วย”

เคลวินทำหน้างอ เหมือนเด็กที่ไม่ได้สิ่งของที่ต้องการ จนผมรู้สึกหมั่นไส้
อีตาประธานจอมสำออยนี่จัง แทนที่จะเป็นคนป่วยที่สงบเสงี่ยมเสียหน่อย กลับฤทธิ์มาก ทั้งที่ตัวก็ร้อน เสียงก็เปลี่ยน แถมซ้ำพูดจบก็ไอออกมาอีกยกใหญ่

“อ้าว ก็ใครล่ะ หลับไปก่อนเลย ไหนว่าแข็งแรงไม่ป่วยไม่ไข้ล่ะ แล้วนี่อะไร ป่วยหนักยิ่งกว่าผมอีก ทั้งตัวร้อน ทั้งไอแบบนี้ มันแย่แล้วนะ ถ้าทำตัวดื้อไม่ยอมไปหาหมอ ผมก็จะไม่ยอมตามใจเคลวินอีกแล้ว และไม่ยุ่งกับคุณอีกด้วย”

ผมขู่ ซึ่งคงจะได้ผลอยู่บ้าง เคลวินหยุดงอแง หันมาอ้อนผมต่อ

“อย่าทำแบบนั้นนะครับ”

“ถ้าไม่อยากให้ผมทำแบบนั้น ก็ไปหาหมอกันนะครับ เดี๋ยวผมพาไปนะ”

อาสาเขาแล้ว ก็นึกขึ้นมาได้ว่าไม่มีเงินพอจะพาเขาไปหาหมอ รู้สึกอายถ้าหากไปถึงแล้ว ต้องให้เคลวินออกเงินเอง ทว่าผมไม่ต้องกังวลใจกับเรื่องนี้มาก เมื่อเคลวินเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาว่า

“ก็ได้ครับ แต่ไม่ไปโรงพยาบาลนะ โทรหาหมอประจำดีกว่า คนที่เคยรักษาคุณเมื่อวานไงครับ คนนี้ไว้ใจได้ เขารักษาเก่งใช้มือถือของผมก็ได้ครับ ในนั้นมีเบอร์คลีนิคอยู่ ชื่อคุณหมอเต้ครับ”

คนป่วยยื่นโทรศัพท์ของเขาที่วางบนหัวเตียงมาให้ ผมรับมาแล้วกดไล่หาเบอร์จากมือถือ พอเจอเบอร์แล้ว ผมก็โทรทันที โชคดีที่หมอเต้เป็นคนรับสาย ผมเลยเล่าอาการของเคลวินให้เขาฟัง เขารับปากว่าจะรีบมาตรวจให้

“เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ก็นอนพักผ่อนรอหมอมาตรวจนะ อ้อ แล้วจะให้ผมโทรไปบอกให้ที่บ้านทราบหรือเปล่าครับ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง”

“แล้วที่ทำงานล่ะวันนี้คุณมีนัดกับผู้จัดการฝ่ายบุคคลเรื่องการจัดสรรพนักงานในองค์กรตอนบ่ายสอง ให้โทรไปเลื่อนไหมครับ"

ในฐานะผู้ช่วยเลขาผมต้องคอยจดจำเรื่องกำหนดการนัดหมายต่างๆของท่านประธานเคลวินเพื่อคอยย้ำเตือนเขา ตามปกติหน้าที่นี้พี่นนนี่จะเป็นคนทำ แต่บางครั้งหากพี่นนนี่ไม่อยู่ หรือไปทำธุระ
ผมก็ต้องตอบเรื่องนี้ได้ด้วยเหมือนกัน รวมถึงต้องเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมด้วย


--------------------
“เคน ช่วยโทรไปหาคุณนนทรีว่า วันนี้ผมไม่ไปทำงาน ลาป่วยหนึ่งวัน
ให้เขาทำใบลาป่วยให้ผมด้วย เดี๋ยวผมจะกลับไปเซ็นต์
แล้วให้แคนเซิลการนัดหมายของวันนี้ให้ผมด้วย ช่วยเปิดเมล์ผมดูว่ามีเรื่องอะไรที่สำคัญบ้าง หากมีเรื่องสำคัญก็โทรเข้ามือถือผม เท่านั้นก็พอครับ”

กว่าที่เคลวินจะสั่งจบ ก็ไอโขลกเขลกไปหลายครั้ง จนผมนึกสงสาร เอาโทรศัพท์ของเขามาจิ้มเบอร์โทรหาพี่นนนี่ในโทรศัพท์ของเขา แต่เขาร้องห้ามเสียก่อน

“อย่าใช้โทรศัพท์ผมโทรไป”

ผมงงอยู่สักพักถึงได้เข้าใจ ว่าทำไมถึงไม่ให้ผมโทรโดยใช้เบอร์ของเขา มันคงจะเป็นเรื่องแปลกถ้าหากผมจะโทรออกจากมือถือของเคลวินเพื่อไปแจ้งข่าวเรื่องเขาให้คนอื่นทราบ ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นเลขาของเคลวินก็ตาม เพราะความสงสัยจะบังเกิด ว่าทำไมผมถึงมาใช้เบอร์นี้ ผมมีความสัมพันธ์กับประธานบริษัทแค่ไหน สารพัดที่คนจะคิดและเข้าใจไปเองต่างๆนานา แถมเราสองคนจะถูกนินทาว่าร้ายเสียด้วย แต่ถ้าไม่ใช้โทรศัพท์ของเขาแล้วจะใช้โทรศัพท์ของใครล่ะ

“อีกเครื่องหนึ่งไงครับ”

พอเขาบอก ผมจึงนึกขึ้นได้ ว่าเคลวินลืมโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งไว้ที่บ้าน และผมเก็บมันไว้ในลิ้นชักตรงหัวเตียง ผมหยิบมันออกมาทันที และไล่ดูเบอร์จากมือถือเคลวิน จากนั้นก็กดโทรศัพท์อีกเครื่องเพื่อโทรหา

“อื้อ รู้แล้วล่ะ ว่าต้องเป็นแบบนี้”

พี่นนนี่ไม่มีท่าทีแปลกใจ จากการพูดคุยทำให้ผมรู้ว่า เคลวินมีอาการไข้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เห็นบ่นกับพี่นนนี่ว่าปวดหัว แต่ก็ยังทนฝืนใจทำงานจนกระทั่งหกโมงเย็น ถึงได้กลับไป ผมสงสัยว่าเขาคงติดหวัดผมตั้งแต่คืนแรกที่มานอนด้วย เขาคงห่วงงานเลยพยายามทำตัวเข้มแข็ง ไปทำงานทั้งที่ตัวเองไม่สบาย สุดท้ายก็ต้องมานอนซมไปทำงานไม่ได้อยู่ดี

“แล้วทำไมเราถึงเป็นฝ่ายโทรมาหาพี่ได้ล่ะ ท่านประธานโทรไปหาเหรอ หรือว่าตอนนี้อยู่ด้วยกัน”

โดนเข้าจนได้ ลืมไปเลยว่าถึงโทรหาพี่นนนี่ก็ต้องโดนสงสัยอยู่ดี
เพราะอยู่ๆผมจะโทรมาแจ้งเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน ทั้งๆที่เคลวินก็สามารถโทรไปสั่งการพี่นนนี่เองได้ การให้ผู้ช่วยอย่างผมโทรไปบอกเลขาส่วนตัวของเขามันอาจจะทำให้พี่นนนี่คิดมาก เหมือนว่าเธอไม่มีความหมาย และพอดีพอร้ายเธอจะคิดว่าผมเล่นเส้นกับประธานเคลวินด้วย

“เอ้อ คุณเคลวินโทรมาบอกครับ”

โกหกนิดหน่อย หวังว่าคงไม่บาปมาก

“อื้ม นึกว่าอยู่ด้วยกัน เห็นหายไปทั้งคู่ เมื่อวานนี้ท่านประธานบอกว่าเธอไม่สบาย วันนี้เธอโทรมาบอกว่าท่านประธานไม่สบาย ช่างบังเอิญดีแท้”

พี่นนนี่เหมือนจะรู้ทัน ช่างน่ากลัวจริงๆ คนเป็นเลขานี่เขามีเซนส์ของนักสืบด้วยเหรอ หรือว่านี่เป็นเรื่องปกติของคนที่อยู่ใกล้ชิดเจ้านาย จึงต้องละเอียดมากเป็นพิเศษแบบนี้



--------------------
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 16 คนป่วยจอมเจ้าเล่ห์ update 8 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-08-2007 02:40:10
ผลัดกันป่วยผลัดกันดูแล  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 16 คนป่วยจอมเจ้าเล่ห์ update 8 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 09-08-2007 10:20:51
อิอิ ผลัดกันป่วยผลัดกันดูแล เดี่ยวก็เห็นใจกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 16 คนป่วยจอมเจ้าเล่ห์ update 8 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 09-08-2007 10:30:56
เวลาป่วยก็ดีงี้แหละ  :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 17 ความลับแตก(หรือเปล่า)update 9 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 09-08-2007 19:43:55
บทที่ 17 ความลับแตก(หรือเปล่านะ)??????

วางสายจากพี่นนนี่ด้วยความใจหายใจคว่ำ กลัวว่าพี่นนนี่จะซักถามอะไรอีก แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากอวยพรให้ผมและท่านประธานหายป่วย พลางฝากให้บอกประธานว่า เรื่องทางนี้ไม่ต้องห่วง เธอจะช่วยจัดการดูแลให้ เธอทำราวกับว่ารู้ว่าผมกับเคลวินอยู่ด้วยกัน แต่ในเมื่อเธอไม่พูดอะไรออกมา ผมก็ถือเอาว่าพี่นนนี่ยังไม่ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ และผมก็ไม่ควรจะทำตัวให้เป็นที่สงสัย ใครจะระแคะระคายก็ช่าง หากผมไม่ยอมรับเสียอย่าง ใครก็จับผิดผมไม่ได้

ผมลืมเรื่องป้าหมี่ไปสนิทใจ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตู แล้วป้าหมี่ก็เข้าห้องมาทันทีที่ผมเปิดให้ ทันทีที่เห็นป้าหมี่ กับข้าวของพะรุงพะรังที่แกถือมา ผมก็นึกขึ้นมาได้ เมื่อวานนี้ป้าหมี่บอกว่าจะมาดูแลผมอีกวันตามคำสั่งของเจ้านายแก ไม่รู้ป้าหมี่รู้หรือเปล่าว่าคนที่สั่งนอนป่วยอยู่บนเตียงในห้องของผมตอนนี้ หรือว่ารู้แล้วแต่ก็ยังอยากจะมาอีก

“ต๊ายยย คุณหนูเคลวินของป้า ไม่สบายหรือคะ ทำไมไม่กลับไปบ้านล่ะคะ”

เสียงกรี๊ดของป้าหมี่ทำให้ผมได้คำตอบ ตอนที่ผมหันหลังไปปิดประตู แกก็เอาของไปวางบนโต๊ะที่เคลวินซื้อมา แล้วก็เดินไปแหวกม่านที่กั้นส่วนที่เป็นเตียงนอนของผมออก ผมเดาเอาว่าแกคงรู้เรื่องนี้จากลุงเทพคนขับรถของเคลวินแล้ว และคงอยากมาดูแลคุณหนูของแกกับผมด้วย

คนป่วยยังคงนอนไม่รู้สึกตัว ป้าหมี่มองหน้าผมอย่างหวาดวิตก ผมเลยต้องปลอบแกว่า คุณหมอจะมาดูอาการคุณหนูของแก ไม่ต้องเป็นห่วง ผมให้ยาทานไปบ้างแล้ว พักผ่อนเสียหน่อยก็คงหาย แกทำท่าอิดออดว่าจะนั่งเฝ้าข้างเตียง ผมต้องบอกให้แกออกไปทำงานตามที่มอบหมายแล้วปล่อยให้เคลวินนอนพัก ถูกรบกวนมากๆจะยิ่งไม่สบายกันใหญ่ แกเลยยอมออกไปแต่โดยดี

“ไม่สบายแทนที่จะกลับบ้าน กลับมานอนอุดอู้อยู่ในห้องเล็กๆแบบนี้ จะหายได้ยังไง”

แกบ่นกระปอดกระแปดด้วยความเป็นห่วง แต่สิ่งที่แกพูดทิ่มแทงใจผมนัก ผมเหลียวมองไปรอบห้องเช่าสี่เหลี่ยมแคบๆของตัวเอง ซึ่งบัดนี้มันแคบยิ่งขึ้น เมื่อมีโต๊ะเก้าอี้สำหรับรับประทานอาหาร และตู้เย็นเพิ่มเข้ามา

เดิมทีผมแบ่งห้องออกเป็นสองส่วน โดยเลื่อนตู้และเตียงขนาดนอนคนเดียวของเดิมมารวมอยู่ในมุมเดียวกัน หาผ้าม่านมากั้น และแบ่งส่วนหนึ่งไว้ทำเป็นห้องครัวเล็กๆ ซึ่งมีเตาแก๊สปิคนิค และพวกชั้นวางของสำหรับเก็บถ้วยชามและอุปกรณ์ทำครัวของผม เวลาจะทำกับข้าว ก็ทำกันบนพื้น ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำกับข้าวมากมายอะไร แต่ที่ต้องเตรียมเอาไว้ก็เผื่อเวลาแม่หรือน้องมาหา จะได้ไม่ต้องออกไปหาซื้อกินที่ไหน กินกันที่ห้องเช่าของผมนี่แหละ เพราะผมคงไม่มีปัญญาพาพวกเขาออกไปกินข้าวข้างนอกแน่ๆ

เมื่ออยู่คนเดียวผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่พออยู่สองคนกับเคลวิน ซึ่งเที่ยวซื้อหาข้าวของมาใส่ห้องของผม พื้นที่ที่มีอยู่ก็เลยแคบลงไปถนัดตา แล้วฝรั่งตัวโต เงินหนาอย่างเขาซึ่งเคยชินอยู่กับข้าวของแต่งบ้านที่หรูหราฟู่ฟ่า ในคฤหาสน์ใหญ่โต จะอยู่ในห้องเล็กแคบอย่างสบายๆได้อย่างไร



--------------------




 “อุ้ย ขอโทษค่ะ คุณหนู ป้าไม่ได้ว่าอะไรนะคะ เพียงแต่ห่วงคุณเคลวินเท่านั้น”

ป้าหมี่คงจะนึกได้ว่าคำพูดของแกอาจจะทำให้ผมรู้สึกแย่ เลยรีบขอโทษ ผมยิ้มให้แก แล้วบอกไปว่าไม่เป็นไรหรอก บ้านผมมันก็คับแคบจริงๆนั่นแหละ ผมก็อยากจะมีห้องใหญ่ๆนะ เวลาใครมาบ้าน จะได้อยู่กันได้นั่งเล่นนอนเล่นกันได้สบาย ไม่คับแคบเหมือนที่เป็นอยู่นี้

“แล้วทำไมคุณหนูถึงไม่ย้ายไปอยู่กับคุณเคลวินล่ะคะ”

อยู่ดีๆป้าหมี่ก็เกิดถามผมขึ้นมาแบบนี้ เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก มองหน้าแกอย่างจับผิด เดาว่าแกรู้อะไรบ้าง เคลวินมานอนป่วยในบ้านผมแบบนี้ แกต้องคิดอะไรบ้างล่ะ เมื่อวานก็พูดเป็นนัยๆทีหนึ่งแล้ว หากแกรู้เรื่องเคลวินจากปากลุงเทพ แกคงปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆได้แน่ๆ หรือบางทีเจ้านายตัวแสบของแกก็คงจะบอกทุกอย่างจนหมดแล้ว

“ย้ายไปอยู่ได้ยังไงล่ะครับ ป้าหมี่ ผมเป็นแค่พนักงาน ไม่ได้เป็นอะไรกับท่านนี่”

แสร้งทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน ทำเหมือนว่าเรื่องที่ป้าหมี่พูดเป็นเรื่องที่น่าขันและไม่มีทางเป็นไปได้ พี่เลี้ยงผู้จงรักภักดีของเคลวินมองผมด้วยดวงตาวาววับ ผมคิดว่าผมเห็นความฉลาดฉายแวบอยู่ในดวงตาที่เจนโลกนั่น

“คุณหนูเคนคะ ป้าน่ะ อยู่กับคุณหนูเคลวินมานาน ถึงแม้ท่านจะไม่บอกอะไรป้าทุกอย่าง แต่ความที่เลี้ยงดูคุณหนูมาตั้งแต่เล็ก ทำให้ป้าพอจะเดาความคิดของคุณหนูได้ การที่คุณเคลวินให้ป้ามาดูแลคุณเคนเป็นพิเศษมันก็บอกอะไรป้าได้มากมายนะคะ คุณหนูอาจจะอายป้าไม่อยากให้รู้ ป้าก็ไม่ว่าอะไร แต่อยากจะบอกว่าป้ารู้แล้วว่าคุณหนูเคนอยู่ในสถานะอะไร ไม่ต้องห่วงนะคะ ป้าไม่พูดมากหรอก เชื่อใจป้าได้ ถ้าคุณหนูเคลวินยังไว้ใจป้า แล้วทำไมคุณหนูเคนถึงไม่ยอมเชื่อละคะ”

สีหน้าและแววตาที่จริงใจของป้าหมี่ ขณะที่พูดให้ผมฟัง ทำให้ผมอึ้ง แต่ผมก็ยังไม่ยอมจำนนอยู่ดี ป้าหมี่บอกว่าแกรู้จากการคาดเดาเอาเอง ไม่ได้รู้ความจริงจากปากเคลวิน ดังนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องรับ การเป็นสามีของผู้ชายคนหนึ่งที่คอยจะปล้ำผมอยู่ตลอดเวลามันน่าอายน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ ใครจะหน้าชื่นตาบานอยู่ได้ ผมไม่ได้อยากเป็นเกย์ซะหน่อย

“ผมว่าป้าเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับท่านประธานนะครับ เราแค่เป็นนายจ้างกับลูกจ้างกันเท่านั้น”

“เจ้านายของป้า มีข้อเสียตรงไหนคะ คุณหนูเคนถึงยอมรับรักท่านไม่ได้ ถึงแม้คุณหนูจะเพี้ยนๆอยู่บ้าง เป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกลไปนิด แต่ไม่เคยทำร้ายใคร ท่านก็เป็นคนน่ารัก จิตใจดีมาก รักใครรักจริงนะคะ ป้าไม่อยากให้คุณหนูเคนด่วนตัดสินใจปฏิเสธคุณเคลวิน โดยไม่ยอมให้โอกาสท่านได้พิสูจน์ความรักที่มีต่อคุณหนูนะคะ”



--------------------


..............................................


น้ำเสียงนั้นดูจริงจังเหลือเกิน ผมรู้สึกลำคอตีบตัน พูดไม่ออก สิ่งที่ป้าหมี่พูดใช่ว่าผมจะไม่เห็น และผมก็ซาบซึ้งในสิ่งที่เขาทำให้ ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตนจนถึงทุกวันนี้ ผมอาจจะเคยได้รับความรักมาบ้าง แต่ไม่เคยมีใครทำให้ผมเหมือนกับที่เคลวินทำให้มาก่อนเลย

ความดีของเขามันทำให้ผมเริ่มใจอ่อนลงเรื่อยๆ และผมจำเป็นต้องหยุดมันไว้ ก่อนจะถลำตัวและใจมากกว่านี้ ผมรู้ว่าป้าหมี่พูดเพื่อเจ้านายของแก ไม่ได้ต้องการกดดันผม และผมก็ไม่โกรธแกด้วย ถ้าหากแกจะล้ำเส้นตำหนิผมบ้าง เพียงแต่ผมไม่สามารถจะเป็นเจ้านายอีกคนของแกได้เท่านั้น

“ป้าครับ ผมน่ะไม่ได้ชอบคุณหนูของป้าแบบนั้นนะครับ ผมเคารพท่านในฐานะเจ้านาย ผมไม่บังอาจจะตีเสมอท่านด้วย ป้าอย่าทำให้เหาขึ้นหัวผมเลยครับ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ การรักกับคุณหนูเคลวินของป้า คงไม่ทำให้ขี้กลากหรือเหาขึ้นได้หรอก คุณหนูเคนพูดแบบนั้นไปเพียงเพื่อจะปกปิดความรู้สึกตัวเองใช่ไหมคะ ป้ารู้ว่ามันอาจจะผิดธรรมชาติไปบ้าง ที่ผู้ชายจะลุกขึ้นมารักกันเอง

ป้าก็ไม่ได้อยากจะส่งเสริมให้ผู้ชายทุกคนทำแบบนี้ แต่ป้ารู้ว่าคุณเคลวินนั้นไม่สามารถจะรักผู้หญิงได้แน่นอน การฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบก็จะทำให้เจ็บปวดกันไปเปล่าๆ

ตอนนี้คุณหนูรักคุณเคน และคงจะเป็นรักแท้ของท่าน เพราะป้าไม่เคยเห็นคุณหนูทุ่มเทให้ใครมากกว่านี้เลย ถ้าคุณหนูเข้าใจคุณเคลวิน คุณหนูของป้าก็คงจะมีความสุขมาก”

ป้าหมี่พูดยืดยาวเห็นแล้วเหนื่อยแทน ถึงจะรู้ว่าป้าหมี่พยายามโน้มน้าวใจผมให้รักคุณหนูเคลวินของป้า แต่ผมก็ไม่ยักจะโกรธแกซักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าผมเห็นดีเห็นงามคล้อยตามไปกับสิ่งที่ป้าพูด แต่เป็นเพราะผมรู้ว่าป้าทำเพราะรักและภักดีกับคุณหนูของป้ามากกว่า

พร้อมกันนั้นผมก็นึกไปถึงคนที่ถูกกล่าวถึงด้วย เขาคงมีอะไรดีในตัวจริงๆ ใครๆถึงได้รักเขากันนัก ไม่ว่าจะเป็นป้าหมี่ ลุงเทพ พี่นนนี่ และพนักงานเกือบทั้งบริษัทที่รู้สึกดีต่อนายฝรั่งคนนี้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่รักเขาอย่างคนรัก แต่ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธตัวเองได้ว่า ผมไม่ชอบเขา

“แล้วคุณหนูเคนล่ะคะ หายดีแล้วเหรอ”

แกถามผมด้วยความห่วงใย ผมพยักหน้า แกก็ยิ้มออกมา แล้วบอกว่าดีแล้ว ผมจะได้ช่วยดูแลคุณหนูของแกด้วย ถ้ามีผมคอยอยู่ใกล้ๆคุณหนูเคลวินคงจะหายเร็วเป็นแน่แท้

ผมยิ้มให้แก รู้สึกเขินนิดหน่อย แต่ต้องแสร้งทำเป็นว่าสิ่งที่แกพูดไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผม ถึงแม้ป้าหมี่จะไม่ใช่คนโง่ แกดูออกว่าผมกับเคลวินเป็นอะไรกัน

แต่ผมก็ยังอยากมีความลับอยู่บ้าง ไม่อยากให้ใครล่วงรู้ความจริงทั้งหมด เพราะยังนึกภาพตัวเองไม่ออกว่าจะวางตัวอย่างไร

“แล้วนี่ทานข้าวหรือยังคะ ป้าหมี่ทำอาหารมาจากที่บ้านโน้นเลยนะคะ ที่โน่นมีอุปกรณ์ครบครันกว่า ทำเสร็จก็รีบมาทันที อาหารยังร้อนๆอยู่รับรองได้ คุณหนูจะทานก่อนไหมคะ หรือว่าจะรอทานพร้อมคุณเคลวิน”

“ผมรอทานพร้อมท่านประธานก็ได้ครับ ป้าหมี่ เขาเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลย ทานยาแล้วก็นอนหลับไป ตอนตื่นขึ้นมาคงจะหิว จะได้มีคนทานเป็นเพื่อนด้วยครับ”

“ดีจริง คุณหนูเคนน่ารักมาก แบบนี้ป้าก็หมดห่วงแล้วล่ะ ท่าทางคุณเคลวินจะได้พยาบาลดีกว่าป้าซะแล้ว”

ป้าหมี่ยังไม่วายหยอด เล่นเอาผมอายหน้าแดงอีกแล้ว ไม่รู้จะเชียร์กันไปถึงไหน



--------------------



 “สู้ป้าหมี่ไม่ได้หรอก ป้าหมี่ดูแลคุณเคลวินมาแต่เล็กแต่น้อย ย่อมรู้ใจดีท่านดีกว่าผมนะครับ ผมว่าผมยกหน้าที่ดูแลท่านประธานให้ป้าดีกว่า ผมจะได้กลับไปทำงาน”

ถือโอกาสโบ้ยให้แกเสียเลย ป้าหมี่ไม่ยอม ร้องโวยวายเสียงดัง

“ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ในยามนี้คุณหนูของป้ากำลังอ่อนแอ ไม่สบายมาก ท่านต้องการกำลังใจ และต้องเป็นคุณเคนเท่านั้น ถึงจะช่วยดูแลคุณหนูของป้าได้ ห้ามทิ้งคุณหนูของป้าเด็ดขาด นึกว่าสงสารคุณเคลวินและสงสารป้าเถอะ”

เจอมุขนี้เข้า ผมถึงกับพูดไม่ออก ถึงคุณป้าไม่ขอร้อง ผมก็คงทิ้งเขาไม่ได้ แต่ที่พูดเพราะผมอายป้าต่างหาก ไม่อยากดูแลเคลวินตอนที่แกอยู่ เพราะกลัวว่าเคลวินจะมาทำออดอ้อนออเซาะผมต่อหน้าแก เดี๋ยวป้าหมี่จะล้อเอาอีก

เลยคิดว่าจะให้แกเป็นคนดูแลจะดีกว่า ส่วนผมจะคอยช่วยห่างๆ แต่ดูท่าทางแกจะรักคุณหนูของแกมาก พอได้ยินว่าผมจะผลักภาระให้กับแก และหนีไปทำงาน แกก็เลยทำตัวเป็นปากเสียงแทนเคลวินซึ่งนอนหลับไม่รู้เรื่อง ป้าพูดมาแบบนี้ สงสัยผมคงหนีเคลวินไปไหนไม่ได้เสียแล้ว

“ครับ ได้ครับป้า ผมไม่ไปไหนทั้งนั้นล่ะ จะดูแลคุณหนูของป้าจนกว่าจะหาย ผมสัญญาครับ”

บอกให้แกสบายใจ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องอะไรของผมเลยที่ต้องไปรับปาก เคลวินออกจะร่ำรวยล้นฟ้า จะหานางพยาบาลมาดูแลกี่คนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ผม ทว่าเมื่อเห็นป้าหมี่ยิ้มอย่างดีใจ ผมก็คิดว่าบางทีการเฝ้าไข้เคลวินในครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสให้ผมได้ตอบแทนป้าหมี่ที่ดูแลหาข้าวน้ำให้ผมกินในยามเจ็บป่วย และเหนือสิ่งอื่นใด ผมก็จะได้ชดใช้เคลวินด้วย เพราะที่เขาเป็นไข้เพราะเฝ้าดูแลผมนั่นเอง

หลังจากรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะไม่ทิ้งเคลวินไปไหน ผมกับป้าหมี่ก็ช่วยกันจัดโต๊ะรับประทานอาหาร เอาสำรับกับข้าวมาวางตั้ง รอเวลาที่ท่านประธานสองหน้าจะตื่น ระหว่างนั้นเราก็ช่วยกันทำความสะอาดห้องของผมไปพลางๆ

เคลวินหลับไปไม่นานก็ตื่นขึ้นมา พอลืมตาก็เรื่องมากทันที เขาเรียกหาผมเสียงดังลั่น ผมกำลังช่วยป้าหมี่เก็บกวาดห้องอยู่เพลินๆถึงกับสะดุ้ง ความหมั่นไส้ ทำให้ผมคิดอยากจะแกล้งให้เรียกอยู่อย่างนั้นจนคอแห้งตาย แต่ป้าหมี่ก็สะกิดผม และมองด้วยแววตาขอร้องให้ช่วยไปดูคุณหนูของแก ผมเลยต้องเดินไปหาเขาอย่างเสียไม่ได้

คนเจ้าเล่ห์ยื่นมือออกมาและคว้ามือผมไปกุมไว้ ตาของเขาแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้ หรือกำลังจะร้องไห้กันแน่ เขามองผม และเอามือผมไปกอดจูบ ท่าทางดีอกดีใจ จนผมนึกขวาง

“นึกว่าหนีผมไปแล้ว ดีใจจังที่คุณยังอยู่เพื่อผม”

“นี่เคลวินครับ คุณเห็นผมเป็นอะไรน่ะ นี่ห้องผมนะ ทำไมผมต้องหนีด้วย แล้วที่คุณไม่สบาย ก็เพราะติดไข้จากผม ถ้าทิ้งคุณไปก็ใจดำเกินควรแล้วล่ะครับ”




--------------------
 
.................................

“ขอโทษนะครับ ที่คำพูดของผมทำให้เคนโกรธ แต่เมื่อกี้ตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ ผมก็กลัวว่าคุณจะแอบหนีไปทำงาน เพราะผมรู้ว่าคุณห่วงงานมาก และคุณไม่อยากให้ใครมาว่าว่าคุณไม่รับผิดชอบใช่ไหมครับ”

นี่พูดจริง เพราะเขาเห็นว่าผมเป็นคนแบบนั้น หรือพูดเอาใจ แก้ตัวที่กล่าวหาผมกันแน่ ผมมองตาเขาอย่างค้นคว้าก็เห็นตาใสซื่อมองมา ผมไม่เห็นความเจ้าเล่ห์ในนั้น เอาเถอะ ยอมยกให้สักวันหนึ่ง เพราะเห็นว่าป่วยหรอกนะจึงยอม ถ้าหายดีกว่านี้ คงได้งอนใส่กันบ้าง

“ป้าหมี่มาแล้วนะครับ ทำกับข้าวมาเผื่อด้วย เคลวินลุกไหวไหมครับ จะได้ไปทานข้าว แล้วทานยา ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ เดี๋ยวผมเอากับข้าวมาให้ทานที่นี่”

เปลี่ยนเรื่อง ด้วยการชวนให้เขากินข้าว คนป่วยรีบพยักหน้า พลางทำท่าจะลุกลงจากเตียง แต่แล้วเขาก็ล้มแผละลงไปบนที่นอนอีก เอามือกุมหัว ผมมองเขาอย่างงงๆ ไม่แน่ใจว่าเขาแกล้งหรือปวดหัวจริงๆกันแน่ แต่ความห่วงใยมีมากกว่าความสงสัย ผมผวาเข้าไปหาเขาทันที

“เป็นอะไรไปครับ ปวดหัวเหรอ ทานที่นี่ไหม”

“ไม่เป็นไรครับ ผมลุกไปทานด้วยดีกว่าจะได้ทานกับป้าหมี่ด้วย”

ผมมองหน้าตาคนที่ดื้อดึงไม่ยอมฟัง ก็เห็นเขายิ้มประจบกลับมา ผมเลยใจอ่อน ประคองเขาออกไปนั่งทานข้าวด้วย ป้าหมี่ถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง เคลวินก็ตอบป้าหมี่โดยไม่มีทีท่ารำคาญแถมอ้อนป้าหมี่ด้วย

“คุณหนูเคลวินไม่ดูแลตัวเองเลย น่าตีจริงๆ”

“ป้าหมี่ครับ ผมไม่เป็นไรมากหรอก แค่เป็นหวัดเอง ได้พยาบาลดีๆ เดี๋ยวก็หายแล้ว จริงไหมครับเคน”

เคลวินโต้ตอบป้าหมี่ ท้ายประโยคหันมาทำเสียงหวานใส่ผม ช่างไม่อายคนในบ้านของตัวเองเลย ไม่กลัวเขาจะนินทาเอาหรือไงนะ ผมอายป้าหมี่เลยไม่ตอบ เคลวินเลยยิ้มเจื่อนๆไป

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมรีบเดินไปเปิดประตู เพราะไม่อยากจะร่วมวงสนทนาที่อาจจะวกมาถึงตัวของผม คุณหมอเต้ยืนถือกระเป๋าร่วมยาอยู่หน้าประตู เขามาตรวจร่างกายของเคลวินตามที่รับปากไว้ ผมเชื้อเชิญเขาเข้าห้องมาทันที

“ไง ประธานเคลวินคนเก่ง คราวนี้ถึงกับน็อคเลยเหรอ”

คุณหมอแซวคนป่วยที่กำลังนั่งอ้อนป้าหมี่อยู่ มือก็ดึงอุปกรณ์ตรวจรักษาออกมาจากกระเป๋า เคลวินยิ้มให้คุณหมอ แล้วก็บ่นว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย ผมกังวลไปเอง คุณหมอเต้เลยบอกว่าคนป่วยที่ดื้อรั้นอย่างเขาไม่ยอมรับอะไรง่ายๆหรอก ต้องตรวจรักษาดูก่อนถึงจะบอกได้

แถบวัดไข้ถูกแปะเข้าที่หน้าผากของเคลวิน ผมอดรู้สึกขำไม่ได้ เพราะโดยปกติจะเห็นเขาใช้อุปกรณ์แบบนี้กับเด็กเล็กมากกว่าคนโตอย่างเคลวิน แต่นั่นแหละ คนป่วยที่ขี้กลัวเข็มอย่างเคลวินอาจจะไม่ชอบใช้ปรอทวัดไข้ก็ได้ เขาเอาแต่ใจตัวเองจะตาย คนที่บ้านและคนที่ทำงานด้วยคงจะรู้ดี เลยระมัดระวังเรื่องข้าวของเครื่องใช้ที่ให้บริการกับเขากระมัง



--------------------
.................................................

“ต้องฉีดยาไหมครับคุณหมอ”

ผมแกล้งถามหมอ และลอบมองเคลวินเห็นเขาสะดุ้งทำหน้าเลิกลั่ก ผมเกือบจะหัวเราะออกมาที่ได้ทำให้เขาตกใจ เคลวินหันมามองผม พอรู้ว่าผมแกล้งถามหมอเล่นๆ เขาก็ทำหน้างอใส่ แต่ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ข้างฝ่ายหมอก็เล่นด้วยหยิบเข็มฉีดยาอันใหม่ออกมา

“อื้ม ต้องดูว่าคนไข้เป็นหนักหรือเปล่า ถ้าเป็นเยอะคงต้องฉีดยา”

“ผมไม่เป็นไรมากหรอกครับหมอ พรุ่งนี้มะรืนนี้ก็หายแล้ว คิดว่าแค่ทานยาก็พอนะครับ”

ประธานเคลวินรีบพูดแทรกขึ้นมา ผมกับคุณหมอเต้หันมามองหน้ากัน และกลั้นยิ้ม ผมรู้สึกทั้งขำทั้งสงสารเคลวิน ท่าทางเขากลัวเข็มจริงๆ เลยไม่คิดอยากแกล้งเขาอีกต่อไป

คุณหมอตรวจอาการของเคลวิน แล้วก็บอกว่าเขาเป็นไข้หวัดใหญ่ คงต้องนอนพักไปสักสองสามวัน ช่วงนี้จะมีอาการปวดหัวตัวร้อน เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ถ้าทานยาและพักผ่อนอย่างเพียงพอก็จะหาย คุณหมอเขียนใบสั่งยาให้ผมไปซื้อมาให้เคลวินด้วย ผมเลยจะติดรถคุณหมอออกไปซื้อยาแต่ป้าหมี่แย่งใบนั้นมา และบอกว่าจะไปซื้อเอง ให้ผมดูแลเคลวินดีกว่า ผมเลยต้องจำยอม

พอป้าหมี่กับคุณหมอเต้พ้นสายตาไป คนป่วยก็เริ่มอ้อนทันที บอกกับผมว่าหิวข้าว อยากให้ผมป้อนให้ เพราะทานเองไม่ไหว ผมรู้สึกหมั่นไส้มากๆ แต่เพราะเห็นแก่เขาที่ดูแลผมอย่างดีตอนป่วย ผมก็เลยยอมเอาใจเขาด้วยการตักข้าวป้อนให้ถึงปาก คนป่วยที่เมื่อกี้ทำท่าจะเป็นจะตาย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ท่าทางมีความสุขมาก

“ต้องนอนพักสองสามวันแบบนี้ ก็อดทำน่ะสิ ทำไงดีล่ะครับ”

อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมา แถมยังทำตาเป็นประกายเหมือนกำลังขอความเห็นใจจากผม แต่ผมไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เลยเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะถามเขา คำตอบที่ได้รับทำเอาผมถึงกับอึ้ง นึกไม่ถึงว่าในหัวสมองของคนป่วยจะมีแต่เรื่องแบบนี้

“ก็อดกุ๊กกิ๊กกับเคนไงครับ ที่ตกลงกันไว้เป็นทุกวันหยุดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ไง ก็ไม่ได้ทำเลยน่ะสิ อย่างนี้เคนต้องชดเชยเวลาให้ผมนะครับ”

“อะไรกันล่ะ ทำไมผมต้องชดเชยเวลาให้ด้วย ก็คุณทำไม่ได้เอง ผมไม่ได้ผิดสัญญาเสียหน่อย”

ผมโวยวายเอาบ้าง ไม่สนหรอกว่าเขายังป่วยอยู่ ลองได้คิดถึงเรื่องลามกอยู่ในหัวแบบนี้ แสดงว่าไม่ได้ป่วยมาก ไม่ต้องดูแลอย่างดีก็ได้

“ก็ถ้าทำตอนที่ผมยังป่วยอยู่ เคนก็จะติดไข้กันอีก ติดกันไปติดกันมา มันก็จะไม่หายนะครับ ผมไม่อยากให้เคนกลับมาป่วยอีกครั้ง รู้เลยว่าเวลาไม่สบาย มันทรมานแค่ไหนที่ต้องนอนอยู่ทั้งวันทำงานทำการอะไรไม่ได้ ผมอยากให้คุณแข็งแรงดี ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยมากกว่าครับ”

ดูสิ ไม่สบายขนาดนี้ ยังมีแก่ใจห่วงผม ถึงแม้เขาจะชอบลวนลามล่วงเกินผมตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะหักหาญน้ำใจ จนกระทั่งผมต้องติดไข้จากเขา สงสัยผมคงจะคิดถึงเคลวินในแง่ร้ายไปหน่อยกระมัง ที่จริงแล้วเขาก็เป็นคนดี ห่วงใยผมอยู่เสมอ ผมต่างหากที่คิดมากเกิน



--------------------
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 17 ความลับแตก(หรือเปล่า)update 9 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 09-08-2007 23:06:29
เคลวินเจ้าเล่ห์สุดๆ  :m26: :m26:
เอาไงดีอ่ะเคน  :m21: :m21:
จะชดเชยม่ะ  :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 18 สัญญาต้องเป็นสัญญาupdate 10 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 10-08-2007 22:37:49
เริ่มใจอ่อนหล่ะ
 :a11:
**************************


บทที่ 18 สัญญาต้องเป็นสัญญา

“ก็ได้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ถ้าหากคราวหน้า คุณทำไม่ได้เพราะตัวคุณเอง ไม่เกี่ยวกับผม ก็จะมาเรียกร้องให้ผมชดเชยอะไรไม่ได้อีก”

ในที่สุดผมก็ใจแข็งกับเขาไม่ลง ต้องยอมเขาอีกจนได้ แต่ผมก็ต้องขู่เขาไว้ก่อน ว่าขอให้มันเป็นครั้งสุดท้าย ผมไม่อยากจะเสียเปรียบเขาไปตลอด ที่จริงผมไม่จำเป็นต้องสัญญาอะไรกับเขาเลย เพราะเขาทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องกับผมก่อน

แล้วเราก็ไม่ได้ทำสัญญาผูกมัดว่าจะเป็นแบบนี้ มีแต่เขาที่พูดเอง เออเองอยู่คนเดียว ผมยอมตามเงื่อนไขของเขาก็บุญแล้ว นี่ยังมาต่อรองแบบนี้อีก แต่ช่างเถอะลูกผู้ชายรับปากอะไรไว้ก็ต้องทำตาม ถือว่าตอบแทนที่เขาทำดีกับผมก็แล้วกัน

“ครับ ได้ครับ”

คนป่วยรับคำอย่างกระดี๊กระด๊า จากนั้นก็นัดแนะว่าวันจันทร์ถึงพุธ ผมจะต้องชดเชยให้กับเขา ผมรับปากอย่างเซ็งๆ นึกไปถึงว่าจะต้องเพลียไปทำงาน หรือนอนตื่นสายไปไม่ทัน แค่นี้ก็รู้สึกวิตกแล้ว คงโดนแซวหรือจับตามองอีกแน่ๆเลย

“เคนใจดีจัง น่ารักที่สุดในโลกเลยครับ”

เคลวินกล่าวชื่นชมผม ดูเกินจริงไปหน่อย แต่ก็รู้สึกดีเหมือนกัน

“แค่ไม่อยากผิดคำสัญญานะครับ”

ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ จากปรายหางตา ผมมองเห็นเคลวินอึ้งไปนิดหนึ่ง แววตาของเขาดูเศร้าอย่างประหลาด แต่แล้วในชั่วพริบตามันก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม

“ครับ ไม่ว่าคุณจะยอมด้วยเหตุผลอะไร ผมก็รู้สึกดีใจนะ ที่คุณยอมเพื่อผม และผมก็จะไม่ทำตัวนอกเหนือไปจากสัญญาที่เราตกลงกันไว้นะครับ”

เขารับคำอย่างแข็งขัน จากนั้นเราสองคนต่างก็นิ่งเงียบ หัวสมองคิดไปคนละทิศละทาง จนกระทั่งป้าหมี่กลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง พร้อมกับถุงยาที่ซื้อมา ผมรับยาจากมือป้าหมี่ และเริ่มปฏิบัติการบังคับคนป่วยให้กินยาเพื่อรักษาตัวเอง เคลวินยอมทานโดยดี พอเขาทานหมด ผมก็ประคองเขาไปที่เตียงนอน ส่วนป้าหมี่ก็รับอาสาล้างถ้วยชาม

เคลวินไม่ยอมนอนหลับง่ายๆ เขาขอให้ผมนั่งเป็นเพื่อนเขาบนเตียง พอผมขึ้นไปนั่ง แทนที่เขาจะนอนหนุนหมอนให้สบายๆกลับเลื่อนศีรษะมาหนุนตักผม การกระทำของเขามันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่เคยชินกับการที่ถูกใครมานอนหนุนตัก มีเขาทำเป็นคนแรก และแถมซ้ำยังเป็นผู้ชายเสียด้วย

ตอนแรกตั้งใจว่าจะผลักเขาออก แต่เมื่อเห็นหน้าตาซีดเซียวด้วยพิษไข้ กับอาการไอโขลกเขลกผมก็ทำไม่ลง ปล่อยให้เขาหนุนหัวตามสบาย จนกระทั่งเคลวินหลับไป ผมจึงค่อยเคลื่อนย้ายเขาไปนอนให้ถูกท่าถูกทางตามเดิม

“หลับฝันดีนะครับ เคลวิน พักผ่อนให้เยอะๆนะครับ”



--------------------
ผมกระซิบเบาๆที่ข้างหูเขา ก่อนจะผละออกมา ป้าหมี่ยืนรอผมอยู่ข้างนอกห้องเช่า แกทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะขออนุญาตผมกลับบ้าน

โดยป้าหมี่ให้เหตุผลว่า แกต้องกลับไปทำงานที่บ้านใหญ่โน่น ไม่งั้นพ่อแม่ของเคลวินจะดุเอา ผมเลยปล่อยแกไป เพราะไม่อยากให้แกมีปัญหากับเจ้านาย

ตอนนี้ทั้งห้องเลยเหลือผมกับเคลวินแค่สองคน ระหว่างที่เฝ้ารอการตื่นขึ้นมาของเคลวิน ผมก็เริ่มหาอะไรทำ เหลียวมองไปรอบห้อง ทุกอย่างก็ถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้วโดยฝีมือของป้าหมี่

แกทำทุกอย่างให้จนหมด ทั้งกวาดถูบ้าน ล้างห้องน้ำ ล้างถ้วยชาม ผมไม่เหลืองานให้ทำเลย งานที่บริษัท ก็ไม่ได้เอาติดมา ผมเคลียร์ไปจนเกือบหมดแล้ว เหลือแต่รองานใหม่เท่านั้น หันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็นึกออกว่าจะต้องทำอะไร

วันก่อนผมแวะไปที่ร้านขายหนังสือ และซื้อหนังสือคู่มือสนทนาภาษากฤษมาเล่มหนึ่ง ผมต้องการพัฒนาภาษาให้แข็งแรงขึ้นจากเดิม เพราะว่าผมสำเนียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และการพูดจาเรียบเรียงประโยคยังไม่ค่อยดี ครั้นจะให้เคลวินช่วยสอนให้ก็กะไรอยู่ ผมเลยคิดที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ผมหยิบหนังสือจากชั้นวางของเล็กๆข้างเตียง แล้วเดินมานั่งยังเก้าอี้ที่เคลวินซื้อมา มีเทปเสียงให้ฝึกฟังและพูดตามด้วย

ผมเก็บเทปเอาไว้ก่อน กะว่าพอเงินเดือนออก จะเจียดเงินซื้อวิทยุเทปขนาดเล็กเอาไว้ติดตัวไปไหนต่อไหนด้วย ว่างเมื่อไหร่ อยู่บนรถเมล์ หรือรถมอเตอร์ไซด์ก็จะได้ฟังได้ ซึ่งการได้ฟังได้หัดพูดบ่อยๆก็คงจะช่วยให้ผมพูดดีขึ้น

หนังสือภาษาอังกฤษที่ผมซื้อมาเป็นการสนทนาเรื่องทั่วๆไปในชีวิตประจำวัน ทั้งการทักทาย การรับโทรศัพท์ การสอบถามทาง การพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ การทำงาน และความสนใจพิเศษ ผมเปิดไปที่บทแรก และเริ่มอ่านและฝึกการพูดออกเสียงตั้งแต่ต้น


.......................................


..............................................



“Hi, I’m Ken”

“Oh, hi”

“What do people call you?”

“My name is Kelvin the Killer”

“Excuse me , what’s your surname again?

“the Killer”

“How do you spell your First name?

“K-e-l-v-i-n”

“Nice to meet you, Mr. Kevin”

“Nice to meet you too”

“…………………”

เคลวินคนสำออยกลายมาเป็นตัวละครในบทสนทนาภาษาอังกฤษของผมโดยที่ไม่มีทางเลี่ยง เพราะมัวแต่นอนหลับ

ผมซึ่งเบื่อๆกับการออกเสียงภาษาอังกฤษที่แม้จะเป็นคำง่ายๆ แต่ออกเสียงให้เหมือนกับฝรั่งเป๊ะๆเลยมันแสนยาก ก็เลยหาเหตุจูงใจในการให้รู้สึกอยากฝึก การได้เหน็บแนมเขาทางอ้อม ช่วยทำให้ผมรู้สึกสนุกกับการอ่านหนังสือนัก

ผมไม่รู้เลยว่า ตลอดเวลาที่ผมนั่งท่องบทสนทนาอยู่นั้น มีสายตาคู่หนึ่งคอยจ้องมองผมอย่างจับผิด พอผมท่องจนจบบทนั้น เสียงแหบๆก็ดังขึ้น



--------------------
.....................................................................

“อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษ ทำไมไม่บอกผมล่ะครับ ผมช่วยฝึกให้ก็ได้นะ”

ซวยล่ะสิ ได้ยินเข้าพอดีเลย ไม่รู้ตอนที่ผมว่าเขาเป็นพวกนักฆ่า เขาจะได้ยินไหมนะ ทำไมถึงตื่นไวนักก็ไม่รู้ คนป่วยอะไรไม่ยอมนอนพักผ่อนให้มากๆ ยังอุตส่าห์ตื่นมาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านอีก

“ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่าจะลองฝึกพูดด้วยตัวเอง พอดีผมมีหนังสือ กับเทปครับ”

บอกปัดทางอ้อม เพราะไม่อยากไปรบกวนเขา อีกอย่างก็ไม่อยากได้รับอภิสิทธิ์พิเศษเหนือกว่าลูกน้องคนอื่นๆด้วย เคลวินขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ตามองผมหวานฉ่ำ จนผมอยากจะร้องห้าม ไม่ให้เขาใช้สายตาแบบนี้ประกอบกับการทำความดีให้ผม

“มันจะสู้สนทนากับเจ้าของภาษาตัวต่อตัวได้ไง คุยกับฝรั่งตัวจริง ได้ฝึกทั้งภาษา และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วย แถมซ้ำได้รับฟีดแบ็คเลย ว่าพูดถูกหรือเปล่า”

มาล่ะ การหว่านล้อมของประธานผู้ชอบเอาแต่ใจตัวเอง ทำท่ายื่นมือมาช่วยเหลือแบบนี้ คงไม่ยอมให้ผมปฏิเสธเป็นแน่ แต่ยังไงผมก็ยังอยากฝึกเองอยู่ดี ไม่อยากเอาตัวไปพัวพันกับเขาไปมากกว่านี้ แค่เป็นลูกน้องในที่ทำงาน ถูกบังคับฝืนใจให้เป็นสามีเมื่ออยู่บ้าน แล้วยังจะมามอบตำแหน่งลูกศิษย์ให้ผมอีก บุญคุณที่มีต่อกันมันจะทำให้ผมตีจากเขาได้ยากกว่าเดิม

“ไม่อยากรบกวนเลยครับ คุณเองก็มีงานยุ่งๆอยู่แล้ว ถ้าผมเอาภาระไปเพิ่มให้กับคุณอีก จะทำให้คุณเหนื่อยเปล่าๆ”

หุหุหุ ผมพูดปฏิเสธให้มันดูดีนิดหน่อย เหมือนกับว่าจะห่วงเขา แต่ที่จริงไม่อยากจะอยู่ใกล้เคลวินมากกว่า ผมกลัวว่าเขาจะทำให้ผมเผลอใจหลวมตัวกับเขาจนเสียเชิงชาย

“น่ารักจังเลย เคนของผม คุณเป็นคนดีมาก ไม่เคยเอาเปรียบผมเลยแม้แต่น้อย ขนาดผมเต็มใจช่วยเหลือ คุณก็ยังไม่ยอมรับ เพราะเกรงว่าผมจะลำบาก ยิ่งคุณเป็นแบบนี้ ผมยิ่งอยากช่วยเหลือ”

เป็นงั้นไป คำปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าใกล้ กลับกลายเป็นเรื่องดีเสียอีก เคลวินทำท่าปลาบปลื้มผมมาก ส่วนผมอยากจะเป็นบ้าตาย

“เคลวินครับ มันจะดีเหรอ ผมน่ะหัวขี้เลื่อยนะ เรียนรู้อะไรได้ช้า ผมอาจจะทำให้คุณเกิดความรำคาญก็ได้”

อ้างถึงความไม่เอาถ่านของตัวเอง บางทีเคลวินอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้

“ไม่หรอก ผมไม่เบื่อเคนหรอก ผมชอบนะ ถ้าจะได้สอนให้คุณได้เรียนรู้อะไรต่ออะไร แล้วก็ใช่ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมสอนคุณ เรื่องอื่นที่คุณไม่เป็น ผมก็สอนจนเดี๋ยวนี้คุณก็เริ่มจะคุ้นเคยกับมันแล้ว คุณเป็นนักเรียนที่หัวไวมากกว่าที่คิดเสียอีก”

นอกจากจะไม่ท้อถอยแล้ว ยังพูดเป็นปริศนาชวนคิดอีก ตอนแรกผมมัวแต่งง ว่าเขาสอนผมเกี่ยวกับเรื่องอะไร แล้วในที่สุดผมก็นึกออก เมื่อได้เห็นสายตาที่มองตอบกลับมาอย่างมีความหมาย มันหวานเยิ้มและดูหื่นๆอย่างไรพิกล ชวนให้เสียววาบไปทั่วช่องท้องและบั้นท้าย อีตาประธานโรคจิตเคลวิน ต้องหมายถึงเรื่องที่เขาปลุกปล้ำขืนใจผม และพยายามทำให้ผมเป็นเกย์แบบเขาแน่ๆ นี่ไม่ใช่การสอน แต่มันเป็นการบังคับต่างหาก



--------------------
...............................................



อีตาประธานโรคจิตเคลวิน ต้องหมายถึงเรื่องที่เขาปลุกปล้ำขืนใจผม และพยายามทำให้ผมเป็นเกย์แบบเขาแน่ๆ นี่ไม่ใช่การสอน แต่มันเป็นการบังคับต่างหาก

“ขอบคุณครับ สำหรับความมีน้ำใจของเคลวิน แต่อย่าเพิ่งคิดมาสอนผมตอนนี้เลย ตัวเองยังไม่สบาย เสียงแหบแห้ง แล้วยังไม่ยอมพักผ่อนอีก ตื่นขึ้นมาทำไมกันครับ นอนต่อสิ พักผ่อนมากๆ จะได้หายไวๆ”

เล่นแบบนี้เสียเลย จับให้นอนซะให้เข็ดจะได้ไม่ต้องตื่นมาวุ่นวายแบบนี้อีก เคลวินยิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงตาเป็นประกายวาววาม ไม่เหมือนคนที่กำลังป่วยเลย หรือว่าผมจะหลงกลคนเจ้าเล่ห์อีกครั้งกันนะ

“นอนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว วันนี้ก็นอนไปตั้งครึ่งวันแล้วครับ ไม่อยากนอนอีกแล้วล่ะ อยากทำอย่างอื่นมากกว่า”

บอกพลางทำตาเจ้าชู้ใส่ผม ช่างน่าหมั่นไส้เสียจริงๆ คนอาไร้ หื่นได้ไม่จำกัดเวลา

“ถ้างั้นเคลวินคงหายแล้ว อยากกลับบ้านไหมละครับ”

พอเจอคำถามนี้เข้า หน้าเจ้าชู้เมื่อครู่ ก็เปลี่ยนเป็นเศร้าขึ้นมาทันที เห็นแล้วรู้สึกสงสาร
“เคนไม่อยากอยู่กับผมถึงขนาดนี้เลยหรือครับ อยากไล่ผมไปไกลๆงั้นเหรอ”

น้ำเสียงตัดพ้อ ต่อว่า

“เปล่าครับ ก็ผมกลัวว่าทางบ้านจะห่วงเคลวินน่ะครับ”

“ถ้าเป็นเรื่องนั้น ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ที่บ้านผมคงรู้แล้ว อีกอย่างก็แค่ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนักหนา พ่อแม่ผมเขาไม่มากังวลใจหรอกครับ ดังนั้น อย่าพูดทำนองไม่ต้องการให้ผมอยู่นี่เลยนะ ผมไม่สบาย ผมต้องการกำลังใจจากคนที่ผมรัก ผมอยากอยู่ใกล้ๆคุณครับ เคนทำให้ผมรู้สึกเป็นสุข และหายป่วยครับ”

เฮ้อ ผมถอนหายใจออกมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง นี่ผมเป็นอะไรไปนะ ทำไมจะต้องรู้สึกสะเทือนใจไปกับคำพูดของเคลวินด้วย รู้สึกสงสารเขา ไม่อยากทำร้ายจิตใจ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งหวั่นไหว และพร้อมจะยินยอมทำตามที่เขาต้องการ ความรู้สึกแบบนี้ คงไม่ได้ทำให้ผมรักเขาขึ้นมาหรอกนะ

“ถ้างั้นก็นอนพักเยอะๆสิครับ นอนมากๆจะได้หายป่วยไวๆ ตอนนี้คุณอาจจะคิดว่าไหวอยู่ แต่ถ้าฝืนทำอะไรตอนที่ยังป่วย อาจจะยิ่งไม่สบายหนักนะครับ”

ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพื่อไถ่โทษที่พูดเหมือนเสือกไสเขา เคลวินมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น ตาที่มองมา มีแววเจ้าชู้ดังเดิม

“ถ้าเคนดีกับผมมากๆแบบนี้ ผมก็ไม่อยากหายป่วยหรอกครับ อยากนอนซมอยู่แบบนี้ เคนจะได้มาเอาใจใส่ตลอดเวลาไงครับ”

“ดีล่ะ ถ้างั้นผมจะทิ้งคุณให้อยู่คนเดียวในห้อง ผมจะไปทำงาน ขาดมาหลายวันแล้ว”



--------------------
.........................................

“ไม่ได้นะครับ ผมต้องการกำลังใจอย่างมาก ถ้าคุณไปแล้ว ผมจะอยู่กับใครกันล่ะ”

“นี่ เจ้านายที่ไหนกัน อ้อนขอให้ลูกน้องลาหยุดงานเพื่อเรื่องส่วนตัว ความเข้มงวดหายไปไหน ทุกทีเคร่งครัดในกฎระเบียบจะตาย เมื่อกี้พูดผิดหรือเปล่าครับ”

ได้โอกาสเหน็บแบบนี้ มีหรือจะพลาด เคลวินทำหน้าใสซื่อเหมือนไม่รู้ว่าผมพูดอะไร

“ที่นี่ไม่มีประธานบริษัทนะครับ มีแต่เคลวินภรรยาสุดที่รักของเคนเท่านั้น และผมขอร้องคุณในฐานะภรรยาที่กำลังป่วย ย่อมมีสิทธิ์อ้อนสามีให้ดูแลนะครับ”

คนป่วยปากเก่งแบบนี้ ใครจะอยากดูแลกัน น่าหมั่นไส้ มากกว่าน่าสงสาร ผมว่าเขาไม่ได้ป่วยมากสักหน่อย แค่ไม่สบาย ปวดหัวเป็นไข้ตัวร้อน กับไอโขลกเขลก แต่ไม่ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อป่วยเข้าขั้นโคม่า เจ้าตัวอ้อนเกินจริงมากกว่า

“พักเยอะๆเดี๋ยวก็แข็งแรงขึ้นนะครับ ผมหนะถึงยังไงก็ต้องไปทำงานทำการ จะหยุดมากๆไม่ได้หรอกครับ เกรงใจบริษัทด้วย ที่ทำงานได้ไม่เต็มที่ เคลวินเองก็น่าจะทราบดีว่าพนักงานที่ขาดงานบ่อยๆจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ งานที่ได้รับมอบหมายก็ทำได้ล่าช้าไม่เต็มที่ เอาเปรียบเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆด้วย ผมไม่อยากให้ใครมองผมว่าเป็นคนแบบนั้นครับ”

ตอบไปตามความรู้สึกของตนเอง ด้วยละอายใจที่หยุดมาหลายวันแล้ว ถึงผมจะรู้สึกห่วง อยากดูแลเขาตอบแทน แต่ผมก็ไม่อยากโดนใครมานินทาว่าร้ายว่าผมได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าพนักงานคนอื่นๆ เคลวินมองผมอย่างเข้าใจ

“ผมเข้าใจครับเคน ว่าคุณห่วงงานแค่ไหน ผมคิดว่าเคลวินที่เป็นประธานบริษัทคงรู้ดีว่าคุณไม่คิดที่จะหนีงาน และเขาคงเข้าใจความจำเป็นของคุณที่ไม่สามารถกลับไปทำงานได้ เพราะที่ผ่านมาคุณก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าคุณมุ่งมั่นจริงจังแค่ไหน

หลังจากที่คุณจัดการเรื่องความป่วยไข้ของตนเองและดูแลเกี่ยวกับครอบครัวให้เรียบร้อย เมื่อคุณกลับไปทำงานอีกครั้งคุณก็คงจะใช้ความขยันหมั่นเพียรที่คุณมีอยู่สะสางงานให้แล้วเสร็จลงได้ใช่ไหมครับ”

ท้ายประโยคเหมือนเขาจะตั้งคำถามเอากับผม เราสองคนสบตากัน และผมรู้ว่าเขาคงได้คำตอบจากสีหน้าและแววตาของผมแล้ว โดยไม่ต้องโต้ตอบออกไปเป็นคำพูด

“ส่วนผมเคลวินซึ่งเป็นภรรยา ผมอยากจะให้กำลังใจคุณ ไม่อยากให้คุณคิดมากหรือกังวลอะไรไป คุณป่วย คุณพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายสดชื่น แข็งแรง นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ เพราะหากคุณฝืนไปทำงานตอนที่คุณสุขภาพไม่ดี คุณก็จะทำให้เสียงานเสียการเปล่าๆ ผมรู้สึกขอบคุณมากที่ตอนนี้ผมป่วยและคุณก็ดูแลเอาใจใส่ผมอย่างดี ผมซาบซึ้งมากครับ”

น้ำเสียงของเคลวินอ่อนโยนทว่าจริงจัง ท่าทางพึงพอใจอย่างที่พูด ดวงตาขี้เล่นหายไปมีแต่ความเข้าอกเข้าใจฉายให้เห็น เขากล่าวกับผมต่อ



--------------------
“ถึงแม้ว่าผมอยากจะให้คุณอยู่กับผมมากแค่ไหน แต่ผมก็เข้าใจว่าคุณก็มีภาระหน้าที่การงานที่ต้องทำ ผมไม่อยากรั้งคุณไว้ หรือสร้างปัญหาให้กับคุณ แต่ไปทำงานตอนนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรนะครับ มันจะบ่ายแล้ว กว่าจะเดินทางไปบริษัทก็เย็นพอดี

พรุ่งนี้ก็วันหยุดเสาร์อาทิตย์ สู้เก็บตัวพักผ่อนแล้วไปทำงานตอนเช้าวันจันทร์ในสภาพที่แข็งแรงดีกว่า ที่ผมพูดนี่ มันอาจจะเป็นคำพูดซ้ำซาก แต่ผมอยากจะพูดเพื่อให้คุณเลิกกังวลใจเสียทีนะครับ ไม่มีใครว่าเคนหรอกครับ”

เฮ้อ .....ผมแพ้น้ำเสียงนุ่มนวลนั่น กับความมีเหตุมีผลของเขาอีกแล้ว ที่จริงผมก็ไม่ได้อยากไปทำงานในขณะที่เขายังไม่สบายอยู่แบบนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เป็นมาก แต่ผมก็อดห่วงไม่ได้ แต่ความกังวลใจเรื่องงาน กับกลัวว่าคนที่บริษัทจะรู้เรื่องของผมกับเขาสองคนมันทำให้ผมวิตกจริตเกินเหตุ

ผมคงจะสติแตกมากเกินไปจริงๆ ด้วยความที่ผมถูกกดดันในที่ทำงาน ใครๆก็นินทาในได้ยินว่าผมใช้เส้นใช้สาย ทั้งที่ผมก็พยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานหนัก ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าผมทำงานได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเคลวินผมก็ยืนหยัดด้วยตนเอง

มันควรจะเป็นเช่นนั้นมิใช่หรือ ลูกผู้ชายคนหนึ่ง ควรจะเข้มแข็งเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องให้ใครช่วย จริงอยู่ผมได้เข้ามาทำงานตรงนี้อาจจะเป็นเพราะเคลวินหยิบยื่นโอกาสให้

แต่ผมก็ไม่ควรดูถูกเขาและตัวเองด้วยการเกาะเขากิน ใช้เขาเพื่อเป็นบันได ถึงแม้ว่าผมกับเขาจะมีอะไรกันแล้ว แต่ผมก็ไม่ควรใช้ความสัมพันธ์ที่เร้นลับของเราเป็นเครื่องมือถีบตัวเองให้สูงขึ้น

ผมว่าการกระทำแบบนั้นมันไร้เกียรติ และไม่ยุติธรรมกับคนที่เราคิดจะหลอกใช้เขา ไม่ควรจะเอาความรักมาเล่นเกมส์ เพราะการได้ชัยชนะจากการเหยียบย่ำทำร้ายคนอื่นจะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจได้อย่างไร
คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวควรจะแกร่งขึ้นมาด้วยตนเอง จะแบมือขอความช่วยเหลือจากภรรยาอยู่ตลอดเวลาได้ไง

เคลวินเป็นภรรยาที่เอาแต่ใจตัวเองมากไปหน่อย แต่เขาก็รักและหวังดีกับผม อยู่ใกล้เขาบางครั้งผมก็รู้สึกมีความสุข เขาทำให้ผมอบอุ่นใจ ทำให้ห้องเช่าที่เงียบเหงา มีเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ยิ่งเคลวินดีกับผมเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งไม่อยากเอารัดเอาเปรียบเขา

รู้สึกสงสารเห็นใจในความรักของเคลวิน จนบางครั้งผมก็อยากจะใจอ่อนตกลงปลงใจกับเขาจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะเงินของเขา แต่เพราะเขาเอาใจของตัวเองมาซื้อใจของผมต่างหาก

โอ๊ย ....อะไรกันนี่ ผมรู้สึกตกใจกับความคิดของตัวเอง คิดเรื่องงานอยู่ดีๆ ไหงมาลงที่เรื่องการตกลงปลงใจกับเคลวินได้ล่ะ ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา ผมหลับตา สลัดศีรษะไปมา พยายามลบความคิดเกี่ยวกับการที่จะยอมรับเคลวินเป็นภรรยาออกไปจากหัวสมอง มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ

ก็เคลวินเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร ......สังคมที่ไหนจะยอมรับ พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนพ้องของผมจะคิดอย่างไรกัน แค่ตอนนี้เขามาอยู่กับผมใครรู้เข้าก็คงจะถูกนินทาว่าร้ายต่างๆนานาแล้ว ผมต้องต่อต้านมากกว่าที่จะยอมรับสิ........

“เคน เป็นอะไรไปหรือครับ ปวดหัวหรือเปล่า”

พร้อมกับคำพูดเชิงตระหนกตกใจ เคลวินก็ไถลตัวพรวดลงจากที่นอนมานั่งข้างๆผม และจับตัวผมมากอดไว้ในอ้อมแขน และเอามือแตะที่แก้มผมเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างงงๆ และนึกขึ้นได้ว่าอากัปกิริยาของผมเมื่อครู่คงทำให้เคลวินเข้าใจผิดแน่ๆ

......................................

หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 18 สัญญาต้องเป็นสัญญาupdate 10 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 10-08-2007 23:36:06
ช่วงเวลาอ่อนไหว   :m21: :m21: :m21:
 :m18: :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 18 สัญญาต้องเป็นสัญญาupdate 10 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 11-08-2007 00:23:00
รอลุ้นฉากเคนบอกรักท่านประธานดีกว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 18 สัญญาต้องเป็นสัญญาupdate 10 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 11-08-2007 03:06:30
รอลุ้น  :m18:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 18 สัญญาต้องเป็นสัญญาupdate 10 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-08-2007 14:27:53
ตามลุ้นด้วยคน  :a4:  :a4:  :a4:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 18 สัญญาต้องเป็นสัญญาupdate 10 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 11-08-2007 15:24:36
คงต้องลุ้นด้วยอีกคน

กร้ากกกกกกกกกกกก

 :m23:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 19 เดทครั้งแรกupdate 12 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 12-08-2007 00:45:47
ดีแบบนี้จะไม่รักจริงเหยอ
 :a14: :a14: :a14:
***************************

บทที่ 19 เดทครั้งแรก

“เปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร ผมสบายดี”

เคนตอบปฏิเสธผมหน้าตาเหรอหรา แต่ผมคิดว่าเขากำลังโกหกผม เขาต้องมีอะไรในใจแน่นอน เหมือนเขากำลังต่อสู้กับความคิดอะไรบางอย่างที่เขาไม่อยากจะยอมรับมัน แต่ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ถึงจะคั้นให้ตาย เขาก็คงไม่ยอมบอกให้ผมรู้

“อย่าคิดมากนะครับ ปล่อยใจให้สบายนะ อย่าไปฝืนมัน ถ้าเราไปต่อต้านมันมากๆในขณะที่ใจเราส่วนหนึ่งอยากยอมรับ มันอาจจะทำให้เราไม่มีความสุข ถ้าเคนเลิกยึดมั่นถือมั่น แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ สักวันคงค้นพบทางออกที่ดีได้ครับ”

บอกเขาไปแบบนั้นเพื่อให้เขาสบายใจ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากังวลคือเรื่องงาน หรือเกี่ยวกับตัวผมกันแน่ แต่ผมก็อยากให้เขามีความสุข ไม่อยากให้เขากังวลมากเกินเหตุ

“ขอบคุณมากครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เคลวินไม่ต้องกังวลนะ นอนพักเสียเถอะ ผมไม่ชอบดูแลคนป่วยที่ไม่ยอมช่วยเหลือตัวเองนะครับ ถ้าเคลวินอยากให้ผมอยู่ด้วย ก็ต้องทำให้ผมเห็นว่าเคลวินอยากจะหายไม่อยากป่วยอยู่ตลอดนะครับ”

สามีสุดที่รักขู่ผมอีกแล้ว แหมอยากจะอ้อนหน่อยก็ไม่ได้ กำลังรู้สึกดีอยู่ทีเดียวที่มีเขาคอยอยู่ใกล้ๆ แต่นอนอยู่บนเตียงทั้งวันก็ไม่ไหว ผมขอดื้อหน่อยเถอะ

“ไม่อยากนอนบนเตียงอย่างเดียวครับ เราไปหาอะไรอย่างอื่นทำกันไหม เช่นเดินเที่ยวอะไรแบบนี้”

“ไหวหรือครับ คุณหมอบอกให้พักต่ออีกสองสามวันนะครับ ลุกออกไปเที่ยวเล่นเผ่นผ่านได้ไงกัน เดี๋ยวก็ไม่หายกันพอดี”

ดูเหมือนเคนจะเคร่งครัดกับคำสั่งของหมอเต้จนน่าขัน ผมรู้ว่าเขาห่วงผม แต่ความรั้นที่มีอยู่ทำให้ผมดึงดันจะออกไปข้างนอกให้ได้

“ไหวสิ แค่ปวดหัวตัวร้อน ไม่ได้พิกลพิการนี่ครับ ขาก็ยังเดินได้ กินยาและนอนพัก มันก็ค่อยยังชั่วบ้างแล้วล่ะ เห็นไหม เหงื่อเต็มตัวผมไปหมดเลย ผมอยากจะไปเดินยืดเส้นยืดสาย รับอากาศบริสุทธิ์บ้าง ไม่ต้องไปไกลก็ได้ ไปห้างแถวๆใกล้ๆนี้ก็พอ นะครับ ออกไปข้างนอกด้วยกันนะคนดีของผม”

พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ หวังว่าเขาจะเห็นใจ

“ไปห้าง แล้วจะได้อากาศบริสุทธิ์ตรงไหนกันครับ มันต้องไปสวนสาธารณะไม่ใช่เหรออยากไปตากแอร์น่ะสิไม่ว่า ห้องของผมมันร้อนใช่ไหมล่ะ มันคงไม่สะดวกสบายแบบที่คุณคุ้นเคย”



--------------------
เคนถามอย่างจับผิด เขาคงคิดว่าผมเป็นคนรวยติดหรู อยู่ห้องเช่าที่ร้อนยังกับเตาอบของเขาไม่ได้ ที่จริงมันก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง กลางวันห้องของเขามันช่างร้อนเหลือเกิน ผมไม่สบาย ร่างกายก็ร้อนรุมอยู่แล้ว มาเจออากาศร้อนเข้าไปอีก ยิ่งอึดอัด พอสัมผัสกับอากาศที่ร้อนมากๆ บวกกับการที่ไม่มีอะไรทำนอกจากนอนอยู่บนเตียงอย่างคนที่ไร้สมรรถภาพ ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด ทั้งปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัว ปวดกระบอกตา ไปหมด ถึงจะกินยาตามที่หมอสั่ง แต่อาการไข้ก็ยังหลงเหลืออยู่ อีกทั้งผมนอนจนเบื่อแล้ว ขืนให้ผมจมอยู่กับเตียงอีก ผมต้องบ้าตายแน่ๆ

มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมอยากจะออกไปข้างนอก นั่นคือผมนึกขึ้นมาได้ว่าข้าวของที่ผมซื้อให้เคนอยู่ในห้อง เคนคงเห็นแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้พูดเพราะว่าผมยังป่วยอยู่ เมื่อผมหายแล้วเขาต้องเล่นงานผมแน่ๆ ถ้าเขาโกรธมากๆ เขาอาจจะทิ้งผมให้อยู่คนเดียว ผมก็เลยคิดว่าจะไปเดินเล่นให้มันเหนื่อยๆเพลียๆก่อนกลับบ้าน เคนจะได้ลืมเรื่องต่างๆ แล้วก็ทุ่มเทเวลาให้กับการอยู่ดูแลผม

ถึงมันจะไม่ค่อยดีนักที่ทำให้พนักงานคนหนึ่งต้องเสียงานเสียการในวันนี้ แต่เมื่อคิดคำนวณถึงผลที่จะได้รับมันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากกว่า การได้ใกล้ชิดกันในยามป่วยไข้ อาจจะทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจกันขึ้นมาก็ได้ เคนจะได้ยอมมอบกายและใจให้ผมเสียที

เขาเป็นคนรักงานรักการ ขยันขันแข็ง ถ้าเพิ่มความรักในตัวผมด้วย เขาคงจะทุ่มเทเป็นกำลังสำคัญให้กับบริษัทผมมากยิ่งขึ้น ถึงจะดูเหมือนว่าผมเป็นคนเห็นแก่ตัว เรียกร้องจากเขามาก แต่ผมก็มีเหตุผลของผม ในฐานะประธานบริษัท พนักงานอย่างเคนเป็นคนที่มีคุณค่า ผมต้องทำทุกอย่างเพื่อดึงเขาไว้ให้อยู่กับบริษัทไปตลอด แต่ทุกอย่างก็ต้องว่ากันไปตามเนื้องาน ผมจะไม่ยอมให้ความรักที่มีต่อเขา มาทำให้เกิดความลำเอียง เอื้อประโยชน์ให้เขาเพียงคนเดียว สิ่งที่ผมหวังจากเขาคือ ความรักที่เขามีต่อผม จะช่วยทำให้เขาคิดช่วยเหลือ ไม่ยอมหนีไปอยู่ที่อื่น

ในฐานะภรรยา ผมไม่มีวันปล่อยเคนหลุดมือผมไปแน่ๆ เคนเป็นคนดีมากๆ จิตใจของเขาอ่อนโยน และมีความซื่อสัตย์ ไม่เคยหาประโยชน์จากตัวผม มีแต่พยายามจะหลีกเลี่ยง เพื่อให้พ้นครหา แต่ยิ่งเขาแสดงทีท่าว่าไม่ต้องการผมมากเท่าไหร่ ผมยิ่งอยากได้เคนเป็นคู่ชีวิตของผมเท่านั้น ผมคิดว่าผมได้เดินมาถึงจุดที่ควรจะสร้างครอบครัวร่วมกับคนที่ผมรักแล้ว

“ไม่ใช่น้า.....อย่าเข้าใจผิดสิ ไม่ว่าสภาพห้องของเคนจะเป็นยังไงมันก็ไม่มีผลต่อความรู้สึกนึกคิดของผมนะครับ ที่ไหนมีเคนอยู่ผมก็อยู่ที่นั่นได้อย่างมีความสุขนะครับ ที่ผมอยากไปห้าง เพราะว่าผมอยากพาเคนไปทานอาหารอร่อยๆครับ”

พูดปดออกไปเพื่อให้เคนหายความสงสัย จำได้ว่าผมบอกเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน ว่าจะพาเขาไปที่เพนเฮ้าส์ของผมเพื่อไปออกกำลังกาย และไปว่ายน้ำในวันหยุดสุดสัปดาห์ บางทีผมอาจจะหลอกพาเขาไปในวันนี้เลยก็ได้ ไปค้างอยู่ที่นั่นสักสองวัน อยู่ด้วยกันตามลำพังใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยาอย่างมีความสุข โดยปกติบริษัทในเครือของผมจะให้พนักงานหยุดในวันเสาร์และอาทิตย์อยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีใครมาทำงาน ยกเว้นแต่พวกคนทำงานเกี่ยวข้องกับการดูแลระบบภายในอาคาร และฝ่ายคอมพิวเตอร์ที่อาจจะมีเวรมาผลัดเปลี่ยนดูแลบ้าง แต่พวกเขาก็จะเข้าทางด้านหน้าซึ่งโอกาสที่จะได้เจอผมน้อยมากอยู่แล้ว ถ้าไปที่เพนเฮ้าส์ ก็คงจะมีอะไรให้ทำได้เยอะ ไม่ต้องมานั่งเหงาบนเตียงแบบนี้
.....................
สำหรับงานที่เขาจะต้องทำ ผมกำหนดแผนในใจไว้แล้วว่าเมื่อถึงวันจันทร์เคนจะต้องทำงานล่วงเวลาสะสางสิ่งที่คั่งค้างเสียให้เสร็จ โดยที่ผมจะอยู่เป็นเพื่อนด้วย และหากว่าเขากลับบ้านไม่ได้ผมก็จะให้เขานอนพักที่ข้างบนกับผม บรรยากาศที่หรูหราแสนสบาย อาจจะทำให้เขาโอนอ่อนผ่อนตามผมบ้างก็ได้ เขาสัญญากับผมแล้วว่าเขาจะยอมให้ผมกุ๊กกิ๊กด้วยในวันจันทร์นี้ ถ้าเราย้ายที่มาทำกิจกรรมอย่างว่าในห้องที่ดูดีกว่าเดิม เคนจะยอมให้ผมเล่นจ้ำจี้กับเขาทั้งคืนหรือเปล่านะ

“เหตุผลแค่นั้นเองเหรอ แล้วทำไมต้องมองหน้าผมยิ้มๆ แล้วทำตาเจ้าเล่ห์ด้วยล่ะ มีแผนอะไรหรือเปล่าเคลวิน”

โอ๊ย ตายแล้ว ผมเผลอทำหน้าตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มออกไปหรือนี่ สงสัยครึ้มอกครึ้มใจมากไปหน่อยที่จะได้หลอกเคนไปเคลมสวาทตามแผนชั่วร้ายของตัวเอง ผมรีบหุบยิ้มทันทีทันใด ตีหน้าเศร้า เริ่มเล่าความเท็จ โกหกหลอกลวงคนที่เรารักคงไม่บาปมากนักหรอกนะ ก็ผมอยากให้เขามีความสุขนี่นา

“เปล่าครับ ไม่มีแผนอะไรจริงๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เคนก็รู้นี่นา ผมจะทำอะไรได้ ป่วยออกแบบนี้ ผมก็แค่อยากไปทานข้าวกับคุณแค่นั้นเอง แล้วก็อยากไปเดินเล่น แค่นั้นจริงๆนะ แต่เคนยังไม่ตอบกับผมเลย ว่าเคนจะพาผมออกไปไหม แต่ถ้าเคนลำบากใจ ก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมไม่ไปก็ได้ ผมหนะคงเอาแต่ใจตัวเองมากไป ทำให้เคนยุ่งยาก ช่างเถอะครับ ลืมที่ผมพูดไปซะเถอะ จะอยู่ในนี้ หรือออกไปเดินเล่นข้างนอก สำหรับผมก็ดีทั้งนั้น แค่ได้อยู่กับเคนก็มีความสุขแล้ว”

เล่นบทโศก ทำเสียงเศร้าสร้อย เจียมเนื้อเจียมตัวแบบนี้ เคนจะตกหลุมพรางของผมหรือเปล่าน้า........อ๊ะ....เคนถอนหายใจแล้ว แบบนี้มันหมายความว่ายังไงน้ออออ.....เขาจะตอบว่าอะไร จะปฏิเสธผมหรือเปล่า อาการแบบนี้ เขารำคาญผมใช่ไหม ผมลุ้นจนเหงื่อตก รอฟังคำตอบอย่างตั้งอกตั้งใจ

“งั้นก็ได้ครับ ผมพาไปก็ได้ แต่บอกก่อนนะ ว่าคุณต้องทำตัวดีๆนะครับ ถ้าไปแล้วคุณเกิดเหนื่อย หรือไข้ขึ้น ต้องรีบกลับบ้านนะครับ อ้อ แล้วถ้าจะไปทานข้าวกัน ก็ต้องทานยา ก่อนและหลังอาหารด้วยนะ ห้ามทำอะไรที่มันจะทำให้ไม่สบายหนักขึ้นนะครับ ถ้าไม่ตกลงผมไม่พาไปนะ”

ว้าว....ผมร้องในใจด้วยความลิงโลด เคนของผมน่ารักมาก เขาใจอ่อนยอมออกไปข้างนอกกับผม นี่แสดงว่าเขาก็แคร์ความรู้สึกของผมเหมือนกันใช่ไหม แล้วไอ้ประโยคที่ดูเหมือนจะสั่งทว่าแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยนั่นอีก มันบ่งบอกอะไรบางอย่างได้เป็นอย่างดี นี่ผมจะเหมารวมได้ไหมว่าเคนมีใจให้กับผมบ้างแล้ว
หน้าของผมคงจะบานเป็นจานเชิงด้วยความสุข รู้สึกได้เลยว่าตัวเองปลื้มแค่ไหนที่ได้ยิน หัวใจของผมพองโตคับอก หัวใจเต้นแรง เหมือนว่าผมจะได้ยิน คำว่า “ผมรักคุณ ๆๆๆๆ” ดังแว่วอยู่ในหัวสมอง เกือบจะอดใจไม่ไหวในการที่จะดึงเขามากอดจูบเพื่อขอบคุณความรู้สึกดีๆที่เขามีให้ผม ถ้าหากไม่เห็นว่าตัวเองกำลังหลอกให้เคนออกไปข้างนอก และผมจะพาไปเพนเฮ้าส์ของตัวเอง ผมคงล้มเลิกความตั้งใจ และปล้ำเคน มอบความสุขให้เขาในห้องนี้


.....................
ทว่าผมยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เคนของผมควรจะได้พบเจอกับบรรยากาศดีๆ มันจะช่วยส่งเสริมให้เขาอยากมีเซ็กส์กับผมมากยิ่งขึ้น เผลอๆเราอาจจะจูงมือกันไปสู่ดินแดนสุขาวดีด้วยกันหลายๆครั้งก็ได้ โอ๊ย ยิ่งคิดผมก็ยิ่งอยากพาเคนเดินทะลุประตูมิติแห่งจักรวาลไปโผล่ที่ห้องนอนสุดหรูของผมเสียตอนนี้เลย

พอคิดมาถึงตรงนี้ ปฏิกิริยาอยากจะหม่ำเคนของผมก็แสดงออกทันที น้ำลายมาสออยู่ที่ริมฝีปาก จนผมต้องสูดมันเข้าไป ผมเอามือวางบนตัก บังเจ้ายักษ์ไซครอปส์ที่กำลังจะผงกหัวขึ้นมา เสียงซี๊ดซาดคงจะดังจนเคนได้ยิน เขาขมวดคิ้วมองผมอย่างสงสัย แต่ไม่มีทางที่ผมจะทำให้เจ้ากระต่ายน้อยของผมตื่นหรอก หมาจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์อย่างผมทำได้อย่างเดียวคือปลอบโยนให้ตายใจ และคาบเขาไปหม่ำที่ห้องนอนของตนเอง โฮะๆๆๆ ผมอดขำในความคิดพิสดารของตัวเองไม่ได้ รู้สึกตกใจตัวเองนิดหน่อย ที่เหมือนคนหื่นกามลามก เคนน่ารักจนผมห้ามใจตัวเองไม่ไหว ตั้งแต่อยู่ใกล้เคนผมก็กลายเป็นคนแบบนี้ไปแล้ว

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง ผมกับเคนก็พร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้ว เขาช่วยเช็ดเนื้อตัว และเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้ผม จากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัว ผมลอบมองเสื้อผ้าที่เขาใส่สำหรับออกไปเที่ยว แม้จะเป็นเครื่องแต่งตัวลำลองสุภาพ สะอาดสะอ้าน แต่มันก็ดูเชยๆไปหน่อย ความรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะจับเขามาแปลงโฉมบังเกิดขึ้นในหัวสมองของผมทันที

มันเป็นเรื่องยากมากเลย ในการห้ามใจไม่ให้พูดหรือคิดที่จะเปลี่ยนแปลงเคนออกมา ผมรู้ว่า หากผมพูดออกไป เคนต้องไม่พอใจผมแน่ๆ และผมไม่อยากเสี่ยง สถานการณ์ระหว่างเราตอนนี้กำลังไปได้สวย เคนยอมผมหลายอย่างแล้ว ถ้าหากผมยังขืนยุ่งเกี่ยวกับตัวเขามากไปกว่านี้ ผมคงจะล้มเหลวด้านการเปลี่ยนจิตใจให้เคนกลับมารักผมแน่ๆ

เอาเถอะ ผมจะค่อยๆทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบที่เคนเป็นตัวของเขาเองอย่างที่เป็นอยู่นี้ แต่ผมอยากทำให้เคนดูดีมากๆในสายตาคนทั่วไป เขาเปรียบเหมือนเพชรในตมที่ผมต้องนำมาล้างทำความสะอาด และเจียระไน เพื่อที่จะเอาประดับในเรือนแหวน ผมอยากให้คนเห็นคุณค่าในตัวของเขา เหมือนกับที่ผมเห็น ผมรักเคนมาก และผมปรารถนาที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุข

ลุงเทพขับรถมาจอดรออยู่หน้าห้องพักของเคน ผมให้เขาเป็นคนโทรไปเรียกรถ เพราะจะได้เดินทางสะดวก ตอนแรกเขาทำท่าอิดออดไม่อยากให้รถคันโตเบ้อเริ่มมาจอดรับเราสองคนออกไปข้างนอก คงกลัวคนจะนินทาว่าร้าย หาว่าเป็นเด็กเสี่ยเลี้ยง ทว่าในที่สุดเคนก็ยอมโทรหาลุงเทพเพราะสงสารที่ผมไม่สบาย เขาไม่อยากให้ผมลำบากด้วยการนั่งแท็กซี่ไปมา ก่อนจะขึ้นรถ เขาบอกกับผมว่า รถอาจจะเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยสำหรับคนหาเช้ากินค่ำอย่างเขา แต่สักวันหนึ่ง เขาคงจะต้องหาซื้อมาขับสักคัน จะได้พาผมไปไหนต่อไหนได้โดยไม่ลำบาก แล้วเขาก็ยังพูดออกมาอีกด้วยว่า คนที่เป็นสามี ควรจะทำให้ภรรยามีความสุข ผมไม่รู้ว่าสองประโยคนี้ มันหมายความว่าเขายอมรับว่าผมเป็นภรรยาของเขาหรือเปล่า แต่ผมคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้ว มันทำให้ผมมีความสุขมาก



--------------------
เราเลือกทานอาหารไทยที่ร้านแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าโก้หรู ผมไม่พาเคนเข้าร้านอาหารฝรั่ง เพราะผมอยากเอาใจเขา ผมรู้ว่าเคนคงไม่ถนัดกับอาหารเลี่ยนๆประเภทนมเนยแป้ง เท่าไหร่นัก ในขณะที่ตัวผมเองก็ชอบทานอาหารไทยมากกว่าอาหารฝรั่งด้วย แม่ครัวที่บ้านทำให้กินบ่อยๆ ป้าหมี่ทำอาหารเก่งมาก ตั้งแต่เล็กๆ ผมก็คุ้นเคยกับอาหารไทยจากฝีมือการทำอาหารของแกแล้ว เดี๋ยวนี้ พ่อแม่ และพี่ๆของผมทานอาหารเผ็ดๆได้เยอะชนิด ผมเองก็ลองพยายามทานอยู่ แต่ถ้าเผ็ดมากก็ไม่ไหว มันปวดท้อง แสบร้อนไปหมด ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไหนๆผมก็รักสามีคนไทยของผมคนนี้มาก อะไรที่เขาชอบ ผมก็ต้องชอบด้วย

“เคลวินจะทานอาหารไทยพวกนี้ได้หรือครับ มันเผ็ดนะ ตอนนี้ยิ่งไม่สบายอยู่ เดี๋ยวเกิดปวดท้อง อาหารเป็นพิษไปอีก จะแย่เข้าไปใหญ่”

สุดที่รักของผมทำหน้าปริวิตก เมื่อเห็นรายชื่ออาหารที่ผมสั่ง ผมยิ้มขำ เพราะเมนูที่ผมเลือกนั้นมันไม่ได้เผ็ดมากมายอะไร แค่แกงเผ็ดเป็ดย่าง ยำถั่วพู ห่อหมกทะเล และปูผัดผงกะหรี่ เท่านั้นที่มีพริกหรือเครื่องแกงเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร นอกนั้นผมก็เลือกอาหารจืดๆ เช่นไข่เจียวกุ้งสับ ผัดผักรวมมิตรไว้ให้ อาหารทั้งหมดผมสามารถทานได้ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นจะต้องกังวลใจกับผมเลย

“ไม่เป็นไร อาหารพวกนี้ไม่เผ็ดมากครับ ผมเคยทานแล้ว ผมทานได้นะ แล้วร้านนี้เขาทำอาหารอร่อยมาก รสชาติเหมาะกับทั้งคนไทยและคนต่างชาติครับ เคนจะสั่งอย่างอื่นทานไหมครับ ขอโทษทีนะ ที่ผมผูกขาดการสั่งหมดเลย แต่ถ้าคุณอยากทานอะไรก็สั่งเพิ่มได้นะครับ”

“ไม่ดีกว่า แค่นี้ก็เยอะแล้ว ทานไม่หมดหรอก เคลวินสั่งก็ดีแล้วครับ ผมก็ไม่ค่อยจะรู้จักอาหารมากมายอะไร ที่กินประจำก็มีไม่กี่อย่าง ถ้าให้สั่งก็คงจะได้แค่ข้าวผัด”

เขาตอบผมอายๆ ผมเข้าใจได้ทันที และเกิดความสงสารสุดที่รักของผมอย่างท่วมท้น เคนเป็นเด็กต่างจังหวัดทางภาคอีสาน อีกทั้งเขามีฐานะยากจน อาหารที่เขาคุ้นเคยก็คงเป็นอาหารพื้นเมือง การจะเข้าร้านอาหารเป็นเรื่องเป็นราวก็คงจะน้อยครั้งมาก เรียนจบมาทำงานก็ต้องกระเบียดกระเสียรส่งเงินกลับไปบ้านอีก จะกินข้าวฟุ่มเฟือยก็คงไม่ได้ คิดแล้วผมก็อยากให้เขาประสบความสำเร็จเร็วๆจัง ไม่ใช่ผมทนลำบากไปกับเขาไม่ได้ แต่ผมอยากให้เขาพ้นภาระเรื่องการดูแลพ่อแม่และน้องๆของเขาต่างหาก เขาจะได้มีเวลาคิดเรื่องของตัวเองบ้าง

“ผมจะพยายามทำอาหารไทยหลายๆแบบให้เคนทานบ่อยๆนะครับ ไม่ต้องไปซื้อเขาหรอก ทำกินเองอร่อยกว่า ผมเป็นพ่อครัวที่ไม่หวงเครื่องปรุงด้วย มีอะไรใส่ลงไปเต็มที่เลย เคนจะได้ของอร่อยๆ ที่มีคุณภาพทานฟรีๆเลยครับ”

รีบพูดเอาใจเขาเพื่อให้เขาเลิกคิดถึงความยากลำบากของตัวเอง ตั้งใจไว้แล้วว่า นับจากนี้ไปผมจะเรียนรู้วิธีการทำอาหารไทยให้หลากหลาย และเป็นเร็วกว่านี้ เพื่อให้เคนสุดที่รักของผมได้กินอาหารดีๆ เขาจะได้มีความสุข เวลาอยู่กับผม

“ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ ผมกินง่ายอยู่ง่าย อะไรก็ได้ครับ ไม่อยากรบกวน เกรงใจนะครับ”



--------------------
ท่าทางขณะพูด มันบ่งบอกให้รู้ว่าเขาไม่อยากสร้างความยุ่งยากให้ผมจริงๆ ผมเลยยิ่งเอ็นดูเขามากไปกว่าเดิม ผมดึงมือเคนมากุมไว้ และจ้องลงไปในดวงตาของเขา พลางบอกว่าไม่ต้องคิดมาก เขาเป็นสามีของผม ถึงอย่างไรผมก็ต้องดูแลเขาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เขายิ้มให้ผมท่าทางอายๆ พูดเบาๆแต่ผมก็ยังอุตส่าห์ได้ยินว่า เขารู้สึกตัวว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่แย่จัง ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนในครอบครัวเลย คำพูดนั้นแม้ไม่เต็มถ้อยเต็มคำนัก แต่ก็เรียกรอยยิ้มมาสู่ใบหน้าของผมได้อีกครา เหมือนว่าเคนกำลังจะเริ่มยอมรับผมในตัวผมไปทีละน้อยแล้ว เพียงแต่เขายังสับสนในตัวเองเท่านั้น ผมทำได้แค่เพียงรอให้เขากล้าพูดออกมาว่ามีใจให้ผม เพราะขืนพูดสรุปออกไปตอนนี้ เคนคงตั้งกำแพงสูงขึ้นไปอีก เพื่อหลบหนีผมแน่นอน

ขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำอยู่กับความคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขามีใจ พนักงานก็ขัดจังหวะด้วยการเอาอาหารมาเสริฟ อารมณ์ของผมสะดุดไปนิดหนึ่ง เคนคงจะอาย ที่ถูกมอง จึงดึงมือของเขาออกจากการเกาะกุมของผมทันที ทำให้ผมรู้สึกเสียดายอย่างมาก เคนอุตส่าห์เคลิบเคลิ้มไปกับผมแล้วเชียว เฮ้อ คงต้องรอลุ้นกันต่อไป ถึงอย่างไร ใจของเคนก็คงจะเอนเอียงมาทางผมพอสมควร

รับประทานอาหารเสร็จ ผมก็ถูกเคนบังคับให้ทานยา ผมยอมตามอย่างว่าง่าย เพื่อไม่ให้สามีของผมไม่พอใจ เดี๋ยวคราวหน้าเขาจะไม่ยอมทำตามที่ผมขอร้องอีก อุตส่าห์พาผมซึ่งไม่สบายมาเที่ยวทั้งที แถมดูแลอย่างดี คอยประคองผม เอามือแตะเนื้อตัวเช็คความร้อนตามร่างกายผมอยู่ตลอดเวลา แม้ท่าทางเขาจะดูเงอะงะเหมือนไม่ค่อยชินกับการพยาบาลใครนัก แต่ช่างน่ารักในสายตาของผม เคนห่วงใยผมแบบนี้ ผมยิ่งรู้สึกดีกับเขามากขึ้นทุกที

“เป็นไงครับ ปวดหัวบ้างไหม ง่วงหรือเปล่า อยากกลับบ้านหรือยัง”

เคนถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่ได้รู้สึกง่วงหรือเบื่อหน่ายแต่อย่างใด ตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่นมีชีวิตชีวา คงเพราะได้พยาบาลที่ดีอย่างเคนนั่นเอง ความสุขที่ได้รับจากการอยู่ใกล้ชิดกับเขา ทำให้ผมไม่อยากกลับบ้านเร็ว ในที่สุดผมก็หาข้ออ้างที่จะยังไม่กลับบ้านขึ้นมาได้ ผมรีบอ้อนเขาทันที

“ตอนนี้ยังไม่อยากกลับเลยครับ ผมไม่ง่วงเลย ตอนนี้อยากดูหนังขึ้นมาซะแล้ว เราดูหนังกันไหมครับเคน”

“อะไรกัน ตัวยังอุ่นๆอยู่เลยนะครับ เสียงก็ยังแหบอยู่ แถมไอด้วย จะดูหนังไหวเหรอ”

“ไหวสิ ผมมียาอม และยาน้ำแก้ไอด้วยนะ เดี๋ยวจิบไปด้วยระหว่างดูหนังก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ นะครับ นะ”

ส่งสายตาอ้อนวอน ในที่สุดเคนก็ใจอ่อนจนได้ เขาให้ผมเลือกหนังที่ผมอยากดู แต่ผมก็อยากตามใจเคน ถ้าหนังฝรั่ง เคนก็ต้องอ่านคำบรรยาย ดูหนังก็คงไม่สนุกนัก ผมเลยเลือกดูหนังไทยกับเคนดีกว่า ช่วงนี้มีหนังฟอร์มยักษ์ เกี่ยวกับการกอบกู้เอกราชของพระมหากษัตริย์ชาวสยาม เห็นโปรโมททางทีวี คิดว่าน่าจะเป็นหนังที่ดีพอสมควร และน่าจะถูกรสนิยมของเคนด้วย เขาว่ากันว่าคนไทย รักชาติไม่แพ้พลเมืองของประเทศอื่น เคนของผมก็เช่นเดียวกัน



--------------------

หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 19 เดทครั้งแรกupdate 12 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 12-08-2007 05:33:29
เคนเริ่มเปิดใจยอมรับขึ้นมาบ้างแระ รอลุ้นต่อไป  :m11:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 19 เดทครั้งแรกupdate 12 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 12-08-2007 13:31:16
 :m18:   :m18:   :m18:

หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบทที่ 19 เดทครั้งแรกupdate 12 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 12-08-2007 14:47:30
หัวใจมันเรียกร้อง  :m18: :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 20 พบญาติ update 13 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 13-08-2007 20:00:17
ความรักที่ค่อยๆเกิดมักจะยาวนานและฝังแน่นเสมอ
 :a1: :a1: :a1:

........................................................

บทที่ 20 พบญาติ

มีเรื่องตลกที่ทำให้น้ำตาซึม ตอนที่พวกเราเข้าไปดูหนัง ในโรงที่ผมกับเคนไปดู แม้จะเป็นรอบดึกแล้ว ก็ยังอุตส่าห์มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง พาลูกวัยประมาณ 6-7 ขวบเข้าไปดูหนังด้วย ผมไม่ค่อยได้ดูหนังในโรงนานมากแล้ว เพราะไม่มีเวลา และรู้สึกรำคาญ ที่คนดูหนังส่วนหนึ่ง ไม่มีจิตสำนึกในการเป็นผู้ชมที่ดี

ทั้งโทรศัพท์มือถือที่ดังระหว่างชมภาพยนตร์ โดยที่เจ้าของไม่ยอมปิด หรือเปลี่ยนเป็นระบบสั่น เสียงดังยังไม่พอยังมีการรับโทรศัพท์และพูดคุยทำลายสมาธิของคนอื่นอีก เรื่องการพากษ์ไปด้วยเพราะเคยดูมาก่อน หรือเอาอาหารมีกลิ่นเข้ามากินในโรงหนัง โดยเฉพาะพวกฟาสฟู้ด ผมไม่เคยเจอ เคยแต่มีคนอื่นเล่าให้ฟัง แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่แย่พอควร

ครั้งล่าสุดที่ทำให้ผมสาปส่งการชมภาพยนตร์ในโรง ก็คือ เรื่องการพูดคุยหยอกเย้ากันในโรงหนัง ตอนนั้นผมไปดูหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง ผมต้องการสมาธิในการดู เพื่อติดตามเนื้อเรื่อง ปรากฏว่าผมโชคร้าย ดันนั่งติด คู่รักคู่หนึ่ง ซึ่งทำตัวหวานใส่กันโดยไม่รู้จักกาลเทศะ

เริ่มตั้งแต่หนังตัวอย่าง สองคนนั้นก็คุยกันกระหนุงกระหนิง ป้อนขนม ป้อนน้ำกันยุกยิก เห็นแล้วน่ารำคาญ ผมอุตส่าห์ข่มใจเพราะคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่หนังมา จะทำอะไรก็ทำไป และหวังว่าเขาสองคนคงเลิกพฤติกรรมนี้เมื่อหนังฉายแล้ว

ปรากฏว่าผมคิดผิด พอหนังเริ่มได้สักพัก ผู้หญิงซึ่งสงสัยเป็นพวกมนุษย์เจ้าปัญหา ก็เริ่มถามแฟนของตัวเองทันที ว่าทำไมตัวละครต้องทำอย่างนั้น แล้วคนนั้นทำไมถึงตอบกลับไปแบบนี้ ถ้าพูดกันเบาๆผมจะไม่ว่า

แต่นี่พูดคุยเสียงดังมาก ผมหันไปมองตั้งหลายครั้งก็ไม่ใส่ใจ ตอนไหนที่มีฉากน่ากลัว ผู้หญิงคนนั้นก็จะร้องวี้ด และผวาเข้าไปกอดแฟนหนุ่ม ตัวแทบจะเกยกันแล้ว ผมได้แต่นึกหงุดหงิดในใจ อยากจะด่าออกไป แต่ก็เกรงจะมีเรื่องมีราว ผมไม่อยากเป็นฝรั่งที่ไปทะเลาะเบาะแว้งกับคนไทย ไม่อยากให้มีอคติ ทางชาติพันธุ์เกิดขึ้น

ครึ่งหลัง ผมนั่งดูหนังไม่รู้เรื่อง เพราะรู้สึกหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา หันไปมองหน้าก็แล้ว จุ๊ปากก็แล้ว ขั้นสุดท้าย ขอร้องด้วยความสุภาพ ผู้หญิงคนนั้นก็หันมามองผมอย่างเหยียดๆ ราวกับว่าผมเป็นตัวประหลาดที่ไปต่อว่าต่อขานเธอ ในที่สุดผมก็เลิกให้ความสนใจ จะทำอะไรก็เชิญ คนบางคนก็อยากต่อการแก้ไข เพราะนิสัยไม่ดีมันฝังรากหยั่งลึกลงไปแล้ว กะอีแค่มารยาททางสังคมยังไม่มี แล้วจะไปทำตัวดีมีประโยชน์ต่อคนอื่นได้อย่างไร

ผมหยุดความคิดคำนึง เมื่อบนจอขอให้เรายืนตรงเพื่อแสดงความคารวะต่อพระเจ้าอยู่หัวของคนไทย ทุกคนพร้อมใจลุกขึ้น รวมถึงครอบครัว พ่อแม่ลูกนั่นด้วย สักพักก็มีเสียงเล็กๆของเด็กช่างสงสัย ถามพ่อของตัวเองขึ้นมา

“พ่อครับ คุณลุงคนนั้นเขาเป็นใครเหรอ ทำไมทุกๆคน ต้องยืนขึ้นด้วยล่ะ”



--------------------
คำถามที่ไร้เดียงสานั้น ผมว่าคนในโรงหนัง น่าจะเอ็นดู มากกว่าที่จะโกรธเด็กที่เด็กส่งเสียงดังขณะที่ทุกคนกำลังยืนตรงถวายความเคารพอยู่ ตัวผมนั้นลุ้นตามไปด้วย ว่าพ่อของเขาจะตอบยังไง ให้ลูกเข้าใจ

“อ๋อ คุณลุงคนนี้ เขาเป็นพ่อของพ่อน่ะลูก ท่านทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อพวกเรา พวกเรารักท่านมา เราจึงต้องยืนตรงเพื่อแสดงความเคารพรักในตัวท่านยังไงล่ะ”

ผู้เป็นพ่อตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผมหันไปมองหน้าเคน ก็เห็นเขายืนอมยิ้ม ผมรู้ว่าเขาก็นิ่งฟังการโต้ตอบของพ่อลูกคู่นั้นอยู่เหมือนกัน

“แต่พ่อครับ แล้วคุณปู่ที่อยู่ที่บ้านล่ะ คุณปู่ไม่ใช่พ่อของพ่อหรือครับ”

เด็กน้อยนั้นยังคงสงสัยต่อเนื่อง ผมลุ้นฟังคำตอบต่อไป

“คุณปู่ที่อยู่ที่บ้าน ก็เป็นพ่อของพ่อนั่นแหละถูกแล้ว แต่พ่อของพ่อ ก็มีพ่ออีก คุณลุงคนนั้น นอกจากจะเป็นพ่อของพ่อแล้ว ยังเป็นพ่อของคุณปู่อีกด้วยนะลูก”

“แปลกจังเลยนะฮะพ่อ คุณลุงคนนั้นเป็นพ่อของพ่อ แล้วก็ยังเป็นพ่อของปู่ด้วย คุณลุงเป็นพ่อของคนอื่นๆอีกหรือเปล่าครับ”

เริ่มมีเสียงหัวเราะเบาๆจากคนรอบข้างผมที่ได้ยินได้ฟังคำสนทนาของหนูน้อยกับพ่อ ผมเหลือบมองเคน ก็เห็นว่าเขากำลังหัวเราะด้วยเหมือนกัน เขาหันมาเห็นผมเข้าพอดี เขายิ้มให้ผม

“เป็นสิลูก หนูน่ะ นอกจากพ่อที่เป็นพ่อแท้ๆแล้ว ก็ยังมีคุณลุงในจอหนังเป็นพ่อด้วยนะ ท่านเป็นพ่อของพวกเราทุกคน เป็นพ่อของประเทศชาติ และท่านก็รักพวกเราด้วย วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อหนูโตขึ้น เรียนรู้อะไรมากพอ หนูจะรู้ว่าท่านรักลูกๆของท่านมากแค่ไหน ท่านเป็นพ่อที่ยิ่งใหญ่ และประเสริฐมาก ไม่มีพ่อคนไหนในโลกอีกแล้ว ที่จะทำเพื่อลูกได้ถึงเพียงนี้”

พูดมาถึงตรงนี้ ผมเห็นคนหลายคนเริ่มเงียบ เมื่อหันไปมองเคนอีกครั้งก็เห็นว่าเขายืนนิ่ง แสงไฟจากจอภาพ ทำให้ผมมองเห็นน้ำตาที่ไหลหยาดต้องแก้มของเขา สงสัยคงจะสะเทือนใจในคำพูดนั่น เพราะผมเองฟังแล้วก็ยังรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ ภายใต้การปกครองของพ่อหลวงที่คนไทยทั้งปวงเคารพรัก

“ถ้างั้นผมก็จะรักท่าน เหมือนกับที่ผมรักพ่อกับปู่ครับ”

ผู้เป็นลูกตอบ อยู่ๆผมก็น้ำตาซึมขึ้นมา เมื่อตระหนักว่าคนไทยเคารพรักพ่อหลวงของเขามากมายขนาดไหน หาได้ยากมากที่ประเทศใดในโลกนี้จะมีบุคคลสำคัญที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติได้เท่ากับในหลวงของคนไทย


...........................................

เครดิต ---- เรื่องพ่อกับลูกนี้ เอามาจากพันทิพนะคะ มีคนมาเล่าให้ฟังไม่ รู้ว่าชื่ออะไร แต่อ่านแล้วชอบค่ะ เลยขอเอามาใส่ในนิยายนะคะ ชอบและประทับใจมาก ฟังกี่ที ก็อดจะร้องไห้ตามไม่ได้ค่ะ


--------------------
......................................

ผมเป็นคนต่างชาติต่างภาษา แต่ก็เกิดและเติบโตมาบนผืนแผ่นดินนี้ ได้เห็นความจงรักภักดีของทุกคนที่มีต่อกษัตริย์ของพวกเขา คนที่ชาวไทยยกไว้เหนือเกล้าให้เป็นพ่อของปวงชน

ได้เห็นพระราชกรณียกิจของท่านซึ่งมีมากมาย เพื่อให้ประชาชนของท่านอยู่ดีกินดี หลายครั้งที่ประเทศนี้มีเรื่องวุ่นวาย แต่ทุกอย่างก็เรียบร้อยลงได้เพราะบารมีของพระองค์ท่าน และผมก็นับถือพระเจ้าอยู่หัวของคนไทยเป็นกษัตริย์ในดวงใจของผมด้วยเช่นเดียวกัน

คนในครอบครัวของผมทุกคน ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง และพวกเราก็ตั้งใจว่า จะทดแทนคุณแผ่นดินที่ให้พวกเราได้มีโอกาสทำมาหากิน จะไม่สร้างปัญหาให้เจ้าของประเทศเดือดเนื้อร้อนใจ แต่จะอยู่อย่างกลมกลืนไปกับพวกเขา ศึกษาวัฒนธรรม ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ผมคิดว่ามันจะทำให้พวกผมซึ่งเป็นชนส่วนน้อยอยู่ร่วมกับคนไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ได้อย่างมีความสุข

“เคนร้องไห้หรือครับ”

ผมกระซิบถามเคนข้างๆหูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เมื่อจบเพลงสรรเสริญพระบารมีแล้ว เคนยิ้มอายๆ ไม่ตอบผม รีบนั่งลงทันที ผมนั่งตาม และดึงเขามาจูบซับน้ำตาที่แก้มอย่างรวดเร็ว

โชคดีที่ผมนั่งแถวบนสุด ซึ่งเป็นที่นั่งแบบฮันนีมูนสวีท และทั้งแถวมีแค่ผมกับเคนเท่านั้น จึงไม่มีใครมามองให้ผมกับเคนต้องอาย เคนไม่ปฏิเสธผม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเขากำลังอยู่ในอารมณ์ซาบซึ้งอยู่ก็ได้

ผมเอื้อมมือไปจับมือของเคนมากุมไว้ ปรารถนาที่จะส่งผ่านความอบอุ่นจากผมไปยังจิตใจของเขา เคนหันมายิ้มให้กับผม ใบหน้าที่เห็นนั้นดูน่ารัก จนผมอยากจะจูบกอดเคนเสียในโรงหนัง ต้องใช้ความยับยั้งมากมายที่จะไม่ให้ทำอะไรตามใจตัว เอาไว้ไปถึงที่พักของผมเมื่อไหร่ ผมค่อยอ้อนเขาดีกว่า เผื่อว่าเขาจะยอม

ตลอดเวลาที่นั่งดูหนังซึ่งมีความยาวเกือบ สามชั่วโมง เคนของผมให้ความสนใจกับภาพบนจอเต็มที่ ผมนั่งดูแล้วก็คิดตามไปด้วย ถึงแม้หนังจะยาว แต่ก็สนุกพอสมควร บางฉากอาจจะได้แรงบันดาลใจมาจากหนังฝรั่งบ้าง แต่ก็ยังพอถูไถไปได้ เมื่อมองถึงสิ่งที่หนังต้องการสื่อ ความรักชาติ รักแผ่นดินบ้านเกิด ความสามัคคีในหมู่ของคนไทย และการทรยศหักหลัง

ไม่ว่ายุคใดสมัยใด ก็มีคนดีๆที่คิดทำประโยชน์ต่อแผ่นดิน และคนชั่วที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเสวยสุข โดยไม่แคร์ว่าประเทศชาติบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร แต่คนที่ทำอะไรไว้ ก็ย่อมได้รับผลกรรมอันนั้น สักวันหนึ่ง พวกเขาต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่ตัวเองก่อ ไม่มีคนทำชั่วคนไหน ยืนยงอยู่ได้ โดยไม่ถูกฟ้าดินลงโทษ

“เป็นหนังที่ดีมากเลยครับ ผมเคยเรียนประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยามาตอนเป็นเด็กๆ จำได้ว่าคุณครูเก่งมากเลย เล่าให้ฟังเป็นฉากๆ จนเห็นภาพ ทำให้ผมชอบวิชาประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ตอนนั้น แต่พอได้มาเห็นเอง มันทำให้ผมยิ่งประทับใจมากเลยครับ มันทำให้ได้รู้ว่า แผ่นดินที่ผมยืนอยู่ตอนนี้ กว่าที่เราจะได้มา เราต้องสูญเสียไปมากเท่าไหร่ มันทำให้ผมคิดว่า ในฐานะที่เกิดมาเป็นคนไทย เราควรจะหวงแหนมันเอาไว้ครับ”

ดูหนังเสร็จออกมาจากโรง เคนก็พูดเป็นต่อยหอย ผมฟังเขาเพลิน ตามปกติ เคนจะคุยกับผมน้อยมาก ถามคำตอบคำ ไอ้ประเภทชวนคุยก่อน แทบจะนับครั้งได้ เหมือนว่าเขายังเกรงผมอยู่ เนื่องจากผมเป็นหัวหน้าเขา ถ้าหากผมอยากให้เคนเป็นกันเองกับผมมากกว่านี้ สงสัยต้องหลอกพาเขามาเที่ยวบ่อยๆแล้ว

“ผมก็ชอบนะ เป็นหนังที่ชวนให้ฮึกเหิม ปลุกใจให้รักชาติได้ดีทีเดียว”



--------------------
....................................................

ผมชมอย่างจริงใจ แม้ตัวหนังจะเทียบไม่ได้กับที่พวกHollywood ทำ แต่เนื้อหาก็กินใจดี เคนยิ้มแก้มแทบปริ ที่ผมทำท่าชอบหนังเรื่องนี้ เขาชวนผมคุยไม่หยุดเลย เกี่ยวกับพระองค์ดำ กษัตริย์นักรบที่กอบกู้เอกราช ทำให้ประเทศชาติกลับมาเป็นปึกแผ่นมั่นคงอีกครั้ง

ท่าทางเขามีความสุขมาก เขาบอกว่าเขาภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย ไม่มีที่ใดในโลกที่จะสวยงามน่าอยู่เท่าที่นี่อีกแล้ว ผมนิ่งฟังและรู้สึกขำในใจ ไม่นึกว่าภายใต้ท่าทีเปิ่นๆ ซื่อๆของเขา จะมีเลือดแห่งความรักชาติร้อนแรงเข้มข้นอยู่ภายใน

พอถึงประโยคสุดท้าย ผมก็เกิดขำปนเศร้าขึ้นมา เขาว่าที่นี่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว และถ้าวันหนึ่ง ผมชวนเขาไปอยู่ที่เมืองนอก เขาจะไปกับผมไหม แล้วเขาจะชาตินิยม จนไม่อยากจะเกี่ยวดองกับฝรั่งอย่างผมหรือเปล่า มีสามีที่รักชาติยิ่งชีพแบบนี้ สงสัยผมคงต้องเหนื่อยกับการทำให้เขายอมรับผมไปอีกนานแน่เลย

เราเดินคุยกันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ออกจากโรงหนัง ไปตามทางเดินที่จะไปยังลิฟท์ ผมเหลือบดูนาฬิกา มันยังไม่ดึกมากนัก ผมต้องถ่วงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด หากอยากจะหลอกเขาไปเพนเฮ้าส์ของตัวเอง ผมเลยแกล้งทำเป็นว่าหิวข้าวขึ้นมาอีก ทั้งที่จริง ผมไม่ได้รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย

บอกเคนไปปุ๊บ เขาก็ตามใจผมทันที เขาเอามือมาแตะหน้าผากผมอีก ตัวผมยังร้อนรุมอยู่ และผมก็รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย แต่ความที่ผมออกกำลังกายเสมอ เลยทำให้ผมพอจะฝืนสังขารอยู่ได้ สามีของผมทำสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย แต่เขาไม่กล้าโต้แย้งอะไรมาก เพราะเขานึกว่าผมอยากทานจริงๆ แล้วผมจะได้ทานยาด้วย เขาเลยตกหลุมพรางของผมโดยง่าย

ขณะที่เรากำลังเลือกร้าน ว่าจะทานที่ไหนกันดี เสียงเรียกชื่อเคนก็ดังขึ้น เราสองคนหันไปมอง ก็พบชายหญิงคู่หนึ่งใส่เสื้อยืดสีเหลืองมีสกรีน เรารักในหลวง ท่าทางเป็นสามีภรรยากัน จูงลูกเล็กมาด้วย ทั้งหมดกำลังมองมายังเราสองคน ทำท่าเหมือนไม่ค่อยจะแน่ใจว่าใช่คนที่รู้จักเขาหรือเปล่า ผมเห็นเคนของผมเบิกตาโต จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาคนทั้งสามทันที

“พี่คำก้อน พี่หนูพลอย ไปไงมาไงถึงมาที่นี่ล่ะ มาดูหนังกันเหรอ ”

สามีของผมทักเป็นภาษาอีสานบ้านเกิดของเขา สงสัยเจอคนบ้านเดียวกัน ดีจังที่ฟังออก เพราะที่บ้านมีคนใช้เป็นคนมาจากทางภาคอีสานด้วย เลยได้ฟังพวกเขาคุยกันตั้งแต่ผมยังเล็กแล้ว

“ ช่าย อ้ายพาพี่หนูพลอยเขามาดูหนัง นานแล้วตั้งแต่เข้ากรุงเทพมา มัวแต่ทำงาน ไม่มีเวลาได้พักเลย เพิ่งจะมีวันนี้แหละที่ว่าง ถึงได้พากันมาได้ แต่มาดึกไปหน่อย เพราะเลิกงานช้าน่ะ”

“ดีใจจังเลย ที่ได้เจอพวกพี่ๆ ผมอยากจะกลับบ้านใจจะขาด แต่ยังไม่มีเวลาเลย นี่เพิ่งเริ่มงานเหมือนกัน ยังไม่กล้าลาหยุด เอาไว้ถ้ามีเวลา จะกลับบ้านไปหาพี่หาน้อง หาพ่อหาแม่ ไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นไงบ้าง”



--------------------
โถ พ่อคุณพ่อทูนหัว สามีของผม คงคิดถึงบ้านมากสินะ เขาไม่กล้ากลับไปเพราะเพิ่งได้ทำงาน คงจะไม่มีเงิน และกลัวเจ้านายจะดุด้วยกระมัง แต่ผมไม่ใช่คนใจร้ายนี่นา ถ้าอยากลา ก็มาบอกผมก็ได้ ดีไม่ดี ผมอาจจะขับรถไปกับเขาด้วย

เพื่อหาโอกาสได้เจอกับ พ่อผัว แม่ผัว ทำความรู้จักกันไว้ก่อน ไม่รู้ว่าพ่อแม่เคนจะใจดี และน่ารักแบบเคนหรือเปล่า จะรับลูกสะใภ้ฝรั่งได้ไหม แล้วพวกเขาจะรังเกียจที่ลูกชายมีเมียเป็นเพศเดียวกันไหมนะ เป็นเรื่องที่ต้องลุ้นจริงๆ

“ตอนอ้ายขึ้นมา แม่เคน ฝากความคิดถึงมาด้วย และบอกให้โทรไปหาบ้างนะ”

พี่คำก้อนของเคน นำความจากแม่มาบอกเล่าให้เขาฟัง ผมเห็นว่าท่าทางจะคุยกันอีกนาน ซึ่งมันก็เข้าทางผมพอดี เพราะผมต้องการจะถ่วงเวลาของเคนอยู่แล้ว ผมจึงเดินไปหาเคน แล้วชวนเขาไปทานข้าว รวมถึงชวนสองสามีภรรยานั่นด้วย

“เอ้อ....นี่เจ้านายผมครับ พี่คำก้อน พี่หนูพลอย”

เคนแนะนำผมกับญาติของเขา หลังจากเรามาหย่อนตัวนั่งลงในร้านอาหารที่มีกาแฟเป็นตัวชูโรง ผมเลือกร้านนี้ เพราะมีทั้งเครื่องดื่ม และอาหารไว้คอยบริการ ที่สำคัญเจ้าของเป็นคนไทยด้วย พ่อของผมรู้จักกับเขาในงานเลี้ยงสำหรับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และคบหาสมาคมกันมาเนิ่นนาน ครอบครัวเราจะอุดหนุนสินค้าของกันและกันเสมอ และผมก็มีบัตรวีไอพี สำหรับลดราคาอาหารและเครื่องดื่มด้วย แต่ผมไม่ค่อยจะได้สิทธิ์สักเท่าไหร่

สองผัวเมียทำหน้างงๆเล็กน้อย คงจะงงว่าทำไมเจ้านายกับลูกน้องจึงเกี่ยวก้อยกันมาดูหนังแบบนี้ แถมยังทำท่าเหมือนกำลังจับผิดผมสองคน ผมคิดว่าเคนคงกำลังอึดอัดใจไม่รู้ว่าจะอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราอย่างไรดี ถึงจะทำให้ญาติของเขาหายสงสัย ผมเลยชิงพูดขึ้นก่อน เพื่อรักษาหน้าสามีของผม

“เคนเป็นผู้ช่วยเลขาของผมครับ ผมจะเรียกใช้เขาเสมอ เผื่อเวลาที่ผมต้องการอะไรขึ้นมาเร่งด่วน เขาจะได้จดบันทึก และรอรับคำสั่งผมได้ ผมไม่อยากใช้เลขาผู้หญิงครับ เพราะเวลาไปไหนด้วยกันมันจะมีคำครหาได้ง่าย ยิ่งเวลาที่เป็นส่วนตัวแบบนี้ คนอาจจะเข้าใจผิด มีเลขาผู้ชายสบายกว่ากันเยอะเลยครับ”

ไม่รู้ทำไมต้องไปอธิบายให้กับคนที่ไม่รู้จัก ได้เข้าใจการกระทำของผมกับเคนยืดยาวขนาดนี้ เกิดมาไม่เคยจะแคร์ความรู้สึกใครมาก่อนเลย ยกเว้นเมื่อครู่ที่ผมรู้สึกว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อแก้ความเข้าใจผิด ผมเกรงว่าเคนจะเสียหาย ทั้งที่ใจสั่งว่าให้ผมเปิดตัวเป็นภรรยาของเขา แต่ผมก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดการยอมรับกันได้ง่ายนัก ผมไม่อยากให้เคนถูกนินทาว่าร้ายจากบรรดาญาติๆของเขา หากเคนได้รับแรงกดดันมากๆ เขาอาจจะอยากหนีไปจากสภาพที่เป็นอยู่นี้ก็ได้

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ เอ้อ...ถ้าไงก็ฝากน้องผมสักคนนะครับ”

นายคำก้อนมีทีท่าเกรงอกเกรงใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผมพูดจบ ผมอดขำไม่ได้ นี่ท่าทางผมน่าเกรงขามมากอย่างนั้นเชียวหรือ ผมคิดว่าตนเองพูดแบบคนปกติทั่วไป ไม่ได้สวมหัวโขนเจ้านายเลยสักนิด เมื่อกี้ยังแอบคิดว่า ญาติของเคนจะเชื่อหรือเปล่าว่าเรามาด้วยกันแบบนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ปรากฏว่าพวกเขากลับกลัวผมโดยไม่ต้องทำท่าดุดันแม้แต่น้อย อย่างนี้ก็ง่ายหน่อย คงไม่กล้าคิดว่าผมกับเคนมีอะไรกันเกินเลยกระมัง
“เคนเขาทำงานดี ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”



--------------------
คำพูดของผมคงทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาหน่อย คำก้อนกับหนูพลอย ยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรมากขึ้น ไม่เกร็งเหมือนทีแรก ในขณะที่เคนเองก็หน้าบานไม่ใช่น้อย การที่ถูกเจ้านายชมต่อหน้าญาติๆของเขา คงทำให้เคนมีความสุข

และเพื่อให้บรรยากาศมันเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น ผมก็เลยเชิญชวนให้พวกเขาสั่งอาหาร ตอนแรกพวกเขาก็ปฏิเสธว่าอิ่มแล้ว ผมมองท่าทางของพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาคงหิวพอประมาณ แต่ไม่กล้าสั่งอะไรมาทาน เพราะกังวลใจเรื่องเงิน หรือไม่ก็ไม่สะดวกที่จะทานอาหารกับคนแปลกหน้า แถมซ้ำยังเป็นเจ้านายของญาติตัวเองด้วย

ในเมื่อผมตั้งใจจะจริงจังกับเคน ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเขา ญาติของเคนก็เหมือนญาติของผม เมื่อเราสองคนเปิดตัวว่าเป็นสามีภรรยากันแล้ว ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอะเจอกับญาติของเขา ดังนั้นผมควรจะฝากเนื้อฝากตัวกับคนเหล่านี้ไว้ดีกว่า บางทีพวกเขาอาจจะช่วยเป็นแรงหนุนที่สำคัญให้ผมก็ได้

“แล้วหนูล่ะ หิวไหม”

ผมหันไปหาเจ้าตัวเล็ก ซึ่งผมแอบถูกชะตามาตั้งแต่เขาอยู่ในโรงหนัง ตอนนี้เขากำลังนั่งจ้องผมไม่วางตา คงไม่เคยเห็นฝรั่งกระมัง

“หิวสิ แม่หิวข้าว”

เขาตอบผม แล้วหันไปหาแม่ พี่หนูพลอยของเคนทำหน้าเสีย ที่ลูกแสดงความอยากกินออกมาทำให้ขายหน้าทั้งที่บอกไปแล้วว่าไม่หิว ทานกันมาแล้ว

“เดี๋ยวเราก็กลับบ้านกันแล้วลูก”

คนเป็นแม่บอก แต่ดูเหมือนเด็กน้อยจะหิวจริงๆ เลยทำหน้ามุ่ยๆ แต่คงกลัวจะโดนดุ เลยไม่กล้าร้องงอแงออกมา ผมเลยต้องเป็นฝ่ายจัดการซะเอง

“เอาข้าวผัดปูมาให้เด็กที่หนึ่งนะครับ พวกคุณจะทานอะไรก็เชิญได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ถือเสียว่ามื้อนี้ ผมเลี้ยงเพื่อทำความรู้จักญาติของลูกน้องผมแล้วกัน”

พูดจบ ผมก็สั่งอาหารมาทานด้วยกันประมาณ 4-5 อย่าง จากนั้นก็บอกให้เคนดูกับข้าวมาเผื่อญาติเขาด้วย เพราะขืนรอให้พวกเขาสั่ง เขาคงไม่กล้า เนื่องจากเกรงใจผม เคนหันมากล่าวขอบคุณ แล้วก็หันไปถามญาติของเขา ได้รายชื่ออาหารที่ต้องการมาอีก 3-4 รายการ

ระหว่างที่รอพนักงานมาเสิร์ฟ พวกเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ที่จริง ผมเป็นคนเปิดประเด็นด้วยการถามว่าพวกเขาทำงานอะไรที่ไหน แล้วก็ปล่อยให้พวกเขาพูด แล้วผมเป็นฝ่ายนั่งฟังมากกว่า

คำก้อนเล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นลูกของพี่ชาย แม่ของเคน พวกเขาจึงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน คำก้อน เรียนจบ ม.6 ก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา พอทำไปได้สักพัก ก็ไม่ไหว เพราะผลิตผลที่ได้ ไม่เพียงพอที่จะเอาไปใช้หนี้ พ่อแม่เลยขายที่นาบางส่วน แล้วก็ซื้อรถกะบะ ให้เขาเอาไปไว้รับจ้าง ส่งพืชไร่ แต่รถก็ดันมาคว่ำ พังเสียหาย ทำมาหากินไม่ได้ เลยเข้ามาทำงานในกรุงเทพ เป็นคนงานในโรงงาน ไต่เต้าจนได้พนักงานระดับหัวหน้าแล้ว แต่โรงงานกลับไปไม่รอด ต้องปลดพนักงานออก



--------------------
คำก้อนเป็นหนึ่งในนั้น เขาเพิ่งถูกปลดจากการเป็นพนักงานมาได้สักอาทิตย์แล้ว ได้เงินมาก้อนหนึ่ง ไม่มากเท่าไหร่ พอจะอยู่ได้ประมาณ สักสี่ห้าเดือน ต้องหางานใหม่ แต่งานก็แสนจะหายาก ช่วงนี้เขาเลยไปทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่โรงงานแห่งหนึ่ง สัญญาว่าจ้างแค่เดือนเดียว หลังจากนี้ก็ต้องกลับไปว่างงานเหมือนเก่า เมียของเขาเดิมทีอยู่บ้านก็ต้องช่วยอีกแรงด้วยการเข็นข้าวแกงไปขาย ฝากลูกให้คนอื่นเลี้ยง เย็นก็รับกลับ ไม่ค่อยได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา วันนี้ ได้โอกาสออกมาพักผ่อนกันบ้าง ก่อนจะลุยงานหนักเหมือนเดิม

ผมนิ่งฟังเขาเล่า แล้วก็ให้รู้สึกเห็นใจอย่างมาก ผมคิดว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง ไม่ได้โกหกหรือเสแสร้งให้ดูน่าสงสาร ท่าทางเขาดูซื่อๆเหมือนเคนไม่มีผิด ตอนแรกที่ผมถามเขา เขาก็ทำท่าว่าไม่อยากจะเล่า ด้วยยังเกรงที่ผมเป็นคนแปลกหน้า แต่พอถูกผมชวนพูดคุย เขาก็ค่อยๆคลายความระแวงและเล่าออกมาให้ฟัง ผมลอบมองหน้าสามีของผมหลายครั้ง ก็เห็นเขาทำหน้าสงสารลูกพี่ลูกน้องของเขา คงจะเห็นใจในชะตากรรม แต่ไม่รู้จะช่วยอะไรได้

ค่ำวันนั้น ผมเลี้ยงข้าวพวกเขา ตอนที่พวกเขาจะกลับ ผมได้ยินเคนขอเบอร์โทรศัพท์พวกเขาและจดไว้ในกระดาษ เขาไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ผมให้ติดมาด้วย เพราะผมเองก็ไม่ได้บอกเป็นกิจจะลักษณะว่าเป็นของเขา ผมเลยบอกให้เคนบันทึกเบอร์ไว้ในโทรศัพท์มือถือของผม ใส่กระดาษเดี๋ยวมันหาย เคนก็เลยรับไปอย่างเกรงๆ ต่อหน้าคนอื่น แม้จะเป็นเวลาส่วนตัว เคนก็รู้ดีว่าควรจะปฏิบัติแบบให้เกียรติผมอย่างไร

หลังมื้อค่ำผ่านไป เคนจะพาผมกลับบ้าน แต่ผมบอกให้ลุงเทพพาไปที่เพนเฮ้าส์ก่อน เคนหันมามองหน้าผมอย่างจับผิด เขาคงระแวงว่าผมจะเล่นตลกกับเขา นับว่าเขาเองก็มีความช่างสังเกตอยู่ไม่น้อย ผมเลยต้องโกหกเขาว่า ผมจะขึ้นไปเช็คงานสักหน่อย แวะแป๊บเดียว เดี๋ยวค่อยกลับไปห้องเขา เพราะผมไม่ได้มาทำงาน บางทีอาจจะมีอะไรที่ต้องให้ผมสะสาง อย่างน้อยๆ หากผมได้ดู อาจจะช่วยทำให้ตัดสินใจอะไรได้บ้าง
เคนผู้แสนซื่อ เชื่อผมอย่างง่ายดาย ถ้าอะไรที่เกี่ยวข้องกับงาน เขาจะไม่โต้เถียง หรือตั้งข้อสงสัย ผมจึงสามารถหลอกพาเขาขึ้นไปยังชั้นบนได้ โดยผมพาเขาไปยังห้องทำงานของผมก่อน ทำทีเป็นเปิดคอม ตรวจตราดูจดหมายอิเลคทรอนิคส์ที่มีมาถึงผม ว่ามีเรื่องอะไรสำคัญบ้าง จากนั้นก็เปิดแฟ้มงานที่นนทรีนำมาวางไว้ให้บนโต๊ะ มีเอกสารที่จะต้องให้ผมเซ็นต์อนุมัติอยู่สองสามรายการ ไม่รีบร้อนนัก ผมวางมันกลับที่เดิม ยังไม่เซ็นต์ในทันที เพราะผมอยากทราบรายละเอียดจากเลขาของผมก่อน เพราะผมมอบให้เธอเป็นคนช่วยจัดการให้ ในระหว่างที่ผมไม่สบาย

ระหว่างที่ผมนั่งทำงาน เคนก็นั่งเงียบๆรอผมอยู่ที่โซฟา ท่าทางเขาคงง่วงเหมือนกัน เพราะแอบเห็นอ้าปากหาวบ่อยๆ พอผมหันไปมอง เขาก็ทำเป็นกระปรี้กระเปร่า จนผมรู้สึกขำในใจ ตอนแรก เคนว่าจะมาช่วยผมทำงาน เตรียมจะจดข้อมูลเสมือนหนึ่งว่ากำลังทำหน้าที่ผู้ช่วยเลขา แต่ผมบอกให้เขาไปนั่งพัก เพราะว่าผมแค่มาเช็คเรื่องงานเท่านั้น ไม่มีอะไรสำคัญมากถึงขนาดที่จะต้องจดบันทึกช่วยจำ เคนก็เลยไปนั่งคอยให้ผมทำงานจนเสร็จ



--------------------
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 20 พบญาติ update 13 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 13-08-2007 22:37:39
ลุ้นๆๆ เคนจะรอดมั๊ยคืนนี้  :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 20 พบญาติ update 13 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 13-08-2007 22:47:07
อิอิ ผมว่าไม่รอด มาลุ้นดีกว่า ว่ากี่ยก 5555 :m18:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 20 พบญาติ update 13 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 13-08-2007 22:59:37
ยาวสะใจ แถมมีสาระดีเยอะแยะเลย แล้วมารอลุ้นตอนต่อไปด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 20 พบญาติ update 13 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-08-2007 04:10:52
รอลุ้นเคนจาดดนมั้ยน๊า  :m9:  :m9:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 21 แผนร้ายเล่ห์รัก update 14 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 14-08-2007 21:28:00
ลุ้นกันไปถึงไหนแล้ว คนลามก
 :m20: :m20: :m20:
********************
บทที่ 21 แผนร้ายเล่ห์รัก

ผมแกล้งถ่วงเวลาทำงานให้นานที่สุด เปิดคอมโน่นดูโน่นดูนี่ไปเรื่อย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเวปไซด์บริษัทในเครือ ผมเปิดดูเป็นสิบๆรอบแล้ว เพื่อดูความเจริญเติบโตก้าวหน้า และดูเรื่องผลผลิต การเปิดดูในคืนนี้ จึงเป็นการเปิดดูแบบไม่จริงไม่จังที่ต้องแสร้งทำเป็นว่าจริงจัง

เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ผมคิดว่าเป็นเวลาที่พอเหมาะพอควร ดึกกว่านี้ไปก็จะไม่ค่อยดี เพราะต่างคนต่างง่วง อาจจะหงุดหงิดใส่กันเสียเปล่าๆ ผมกะจะฟอร์มว่าไม่สบาย ให้เขาพาไปนอนพัก แล้วก็ถือโอกาสอ้อนให้เคนอยู่กับผมที่นี่คืนนี้

แต่จังหวะที่ผมยืนขึ้น เพื่อจะไปเรียกเขา ผมกลับรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาจริงๆ อาจจะเป็นเพราะผมยังเป็นไข้อยู่ แถมยังฝืนสังขารไม่ยอมนอนพักผ่อนต่อ ตะลอนๆไปโน่นมานี่ โดนแอร์ที่เย็นฉ่ำ แถมซ้ำยังมานั่งจ้องหน้าคอมนานๆ จนปวดหัวอีก เลยเกิดอาการไข้จับขึ้นมาจริงๆ ก็ดีมันจะได้แนบเนียนหน่อย ถึงจะต้องป่วยนานๆ ก็คุ้มค่า หากมีพยาบาลสุดหล่อมาคอยเฝ้าไข้ผม

เคนรีบลุกขึ้นทันที่แล้วผวาเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าผมเซถลาตอนยืนขึ้น เขาประคองผมให้นั่ง แล้วก็เอามือแตะหน้าผากผมโดยอัตโนมัติ เหมือนจะเช็คว่าผมป่วยอย่างที่เขาคิดใช่ไหม หลังจากที่รับรู้ว่าตัวผมยังร้อนรุมด้วยพิษไข้ เขาก็ดุผมทันที

“เห็นไหม บอกแล้ว ว่าไม่สบายอย่ามาเที่ยวตะลอนๆแบบนี้ เป็นไงล่ะ ผลของการไม่เชื่อกันบ้าง เคลวินดื้อรั้นที่สุดเลย ไม่น่ารักเลยสักนิด อย่างนี้น่าจะปล่อยให้นอนป่วยซะให้เข็ด”

ผมมองสบตาที่แสดงออกถึงความห่วงใยของเขาแล้วก็ส่งยิ้มเจื่อนๆให้ แม้ว่าเขาจะกำลังตำหนิผมอยู่ ผมก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเขาจนนิดเดียว กลับรู้สึกเป็นสุขที่เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับตัวผม รู้สึกผิดนิดหน่อยที่เจ้าเล่ห์กับเขา แต่เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้เคนแล้ว ผมยอมโดนตำหนิ

“ผมขอโทษนะ ที่เอาแต่ใจตัวเอง คราวหลังจะไม่ทำให้เคนลำบากใจอีกแล้วนะครับ”

บอกเขาเสียงอ้อนรู้สึกหนักๆหัว เลยเอียงหัวไปซบบ่าของเขา เคนส่ายหน้า เหมือนว่าระอาที่ผมเอาแต่ใจตัวเอง แล้วพูดขู่ผมอีก

“ก็ลองดื้อดูสิครับ ผมจะไม่สนใจเคลวินอีกแล้ว”

“ไม่เอานะครับ อย่าทำแบบนั้นนะ”

ร้องห้ามเสียงหลง ก่อนจะไอโขลกเขลกออกมาอีกหนึ่งชุดใหญ่ แต่ความสนใจของผมไม่ได้อยู่ที่อาการของตัวเอง ผมกังวลกับคำพูดของเขามากกว่า ยอมไม่ได้ถ้าเคนจะเลิกดูแลผม ตอนนี้ทำได้อย่างเดียว คือสงบเสงี่ยม และแสร้งทำเป็นป่วยให้สมบทบาทมากที่สุด ซึ่งผมไม่ต้องใช้ความพยายามมาก เพราะเดิมทีก็เป็นไข้อยู่ก่อนแล้ว เคนประคองผมให้ลุกนั่งตัวตรง และมองหน้าผม ก่อนจะถามด้วยเสียงอ่อนโยน

“ไม่ต้องพูดแล้วนะครับ คุณน่ะป่วยมากแล้ว ไปพักดีกว่า กลับบ้านไหวไหม”



--------------------
เข้าทางผมจนได้ ผมทำตาปรือมองหน้าเขา พูดเสียงแผ่ว

“คงไปไม่ถึงบ้านแน่ครับ ปวดหัวเหลือเกิน เคนช่วยพาผมไปนอนที่เพนท์เฮ้าส์ของผมได้ไหมครับ ตรงนี้เอง สะดวกกว่าครับ”

“จะดีหรือครับ คุณไม่สบายนะ อยู่คนเดียว จะไม่มีใครดูแลนะ ไปบ้าน ยังมีป้าหมี่ มีคนในครอบครัวคุณตั้งเยอะแยะ เป็นอะไรขึ้นมาก็พาไปหาหมอได้”

“แต่ที่นี่ ผมมีเคนนี่ครับ เคนคงไม่ปล่อยให้ผมป่วยนอนซมอยู่คนเดียว เกิดอะไรขึ้น เคนก็คงจะช่วยพาผมไปหาหมอใช่ไหม หรือว่า เคนจะทิ้งผมให้อยู่คนเดียวล่ะครับ”

ทำเป็นถามเขาด้วยเสียงตัดพ้อ ใจก็ลุ้นว่าเคนจะเห็นใจ และอยู่เป็นเพื่อนผมหรือเปล่า สุดที่รักของผม มองจ้องตาผมอย่างค้นคว้า เขาคงมองหาความหลอกลวงจากผม มีหรือจะยอมให้จับได้ ผมแสร้งไอโขลกเขลกขึ้นมาอีก แล้วทำเป็นโงนเงนเวียนหัว ซึ่งการแสดงของผมได้ผล เคนมีสีหน้าที่บอกถึงความวิตกกังวล เขานิ่งอยู่สักพัก จังหวะนั้นเอง ที่ผมเกิดปวดหัวจิ๊ดขึ้นมาจริงๆจนต้องนิ่วหน้า เคนเห็นอาการของผมเลยรีบตกลงทันที

“งั้นก็ได้ครับ คุณท่าทางไม่ไหวแล้ว นอนที่นี่สักคืนก็คงไม่เป็นไร เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อน แต่พรุ่งนี้ ต้องโทรบอกให้ที่บ้านมารับนะครับ ไม่งั้นก็กลับกับลุงเทพนะ”

“ครับ”

รับคำไปอย่างนั้นเอง ดีใจที่เคนตกหลุมพรางของผม ปลื้มมากๆที่เคนห่วงใยผมถึงเพียงนี้ การป่วยจริงๆของผมนับว่าคุ้มค่ามาก เพราะมันทำให้ผมรู้ความจริงในใจของเขา เคนเอนเอียงมาหาผมบ้างแล้ว คงต้องค่อยๆหาวิธีตะล่อมให้เขาอยู่กับผมในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยไม่มีใครมาเป็นก้างขวางคอด้วย เราจะได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น

สามีสุดที่รักเอาแขนของผมโอบไปที่ไหล่เขา ส่วนมือของเคนสอดประคองที่เอวผม แล้วพยุงให้ลุกขึ้น ตัวผมหนากว่าเคน เวลาเขาประคองผม มันก็เลยทุลักทุเล ที่จริงผมอยากจะอุ้มเคนใจจะขาด ติดตรงที่กำลังเล่นบทคนป่วยหนักอยู่ เลยต้องทำตัวหมดเรี่ยวแรง เขาจะได้สงสารผม
กว่าที่เคนจะพาผมมายังห้องพักในเพนท์เฮ้าส์ได้ก็เล่นเอาเขาเหงื่อตก เคนประคองผมวางลงบนเตียง เอาหลังมือมาแตะที่หน้าผากผม เขาทำหน้ายุ่งๆ เริ่มดุผมอีกแล้ว

“ตัวร้อนมากกว่าเดิมแล้วนะครับ แสดงว่ากินยาไปแล้ว ไข้มันไม่ยอมลด ไปหาหมอดีกว่าไหมครับ”

“ไม่นะ ไม่ไปหาหมอนะครับ ให้ผมนอนพักที่นี่เถอะ เดี๋ยวผมกินยา แล้วจะรีบนอนพักผ่อนนะครับ”

รีบปฏิเสธเร็วปรื๋อ อุตส่าห์ลงทุนหลอกเคนออกมาจากห้องเช่า พาตระเวณเดินตากแอร์จนตัวเองไข้กลับมาอีก ก็เพียงหวังจะได้อยู่กับเขาสองต่อสอง จะให้ผมไปนอนในโรงพยาบาลได้ไง ที่นั่นคนเยอะแยะ จะสวีกกับเคนคงไม่ได้ เดี๋ยวเคนก็หาเรื่องหนีผมกลับห้องอีก

.............................................

..........................................

“ถ้างั้นต้องสัญญากับผมนะ ว่าจะกินยาแล้วนอนพัก ไม่ไปไหนอีก”

“ครับ ได้ๆ”

ก็ผมจะไปไหนได้ล่ะ ดึกดื่นขนาดนี้มันสมควรเป็นเวลาพักผ่อนของเราสองคนมากกว่า และรับรองได้ว่าวันสองวันนี้ ผมจะไม่ยอมย่างกรายจากเพนท์เฮ้าส์ของผมเด็ดขาด ต้องอ้อนเอาตัวเคนอยู่กับผมให้นานที่สุด

“เคนอย่าทิ้งผมไปนะ”

เล่นบทอ้อนเต็มที่ มือของเคนถูกผมจับเอาไว้แน่น ด้วยกลัวว่าเขาจะลุกหนีผมไป เคนยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เห็นแล้วหัวใจกระตุก อยากให้เคนทำหน้าแบบนี้กับผมทุกวันจัง

“วางใจเถอะครับ ผมบอกแล้วว่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ ผมก็จะทำตามที่พูดจริงๆ แต่ตอนนี้ ขอผมไปเอาผ้ามาชุบน้ำเช็ดตัวคุณก่อน คุณมีชุดนอนอยู่ที่นี่ใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมไปเอามาเปลี่ยนให้นะ คุณจะได้สบายตัวขึ้น ดีไหม”

น้ำเสียงของเขาเหมือนพูดกับเด็กๆ ผมพยักหน้า และส่งยิ้มซีดเซียวให้เขา เคนลุกขึ้น และเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเขาเปิดประตูตู้ แล้วเลือกดูชุดนอนมาให้ผม จากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูมาผืนหนึ่งด้วย แล้วเดินไปที่ส่วนที่กั้นเป็นห้องครัว สักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับกาละมังใส่น้ำใบขนาดย่อม

“ต้องเช็ดตัวลดไข้ก่อนนะ ตัวคุณยังร้อนอยู่ อาบน้ำตามปกติไม่ได้นะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเอายามาให้ทานก่อนนอนนะ คุณเก็บไว้ในกระเป๋าเอกสารใช่ไหมครับ”

ผมพยักหน้าแทนการตอบรับ ตาก็มองเคนที่ก้มหน้าก้มตาถอดเสื้อผมออกจากตัว และเอาผ้าชุบน้ำเช็ดให้ทุกซอกทุกมุม

“ยิ้มอะไรกันครับ ชอบทำตาเจ้าเล่ห์จังเลยนะ”

เคนแอบค่อน ผมหัวเราะเสียงแหบแห้ง แล้วตอบเขาว่า ผมดีใจที่ได้เขาเป็นสามี เขาอ่อนโยนและจิตใจดีมาก ผมคิดว่าผมได้เลือกคนที่ถูกต้องแล้ว และผมก็จะรักและภักดีกับเคนตลอดไป

มีสีแดงเรื่อปรากฏอยู่ที่แก้มของเขา สามีของผมก้มหน้าไม่ยอมสบตาผม ท่าทางเขินๆ ยิ่งทำให้ผมเพิ่มความเอ็นดูเขายิ่งขึ้นไปอีก นี่ถ้าไม่เห็นว่ากำลังป่วย และอยากให้เขาสงสารผมอยู่ละก็ ผมคงเผลอกดเขาลงบนที่นอนแล้วทำให้เขาเป็นของผมอีกครั้งจนได้

“เช็ดตัวเสร็จแล้ว ทานยาเลยนะครับ”

เขาหยิบยาออกมาจากกระเป๋าเอกสารของผม จากนั้นก็ประคองผมให้ลุกขึ้นนั่ง ส่งยาและน้ำให้ผม และรอดูจนผมกลืนยาลงคอจนหมด จากนั้นเขาก็ดันผมนอนลงบนเตียง แล้วชักผ้าแพรเนื้อบางมาคลุมตัวผม

“นอนได้แล้วนะครับ ดึกแล้ว พักผ่อนเยอะๆนะ จะได้หายเร็วๆ”

“แล้วเคนละครับ เคนจะไปไหน อย่าหนีผมนะครับ”



--------------------
“ไม่ไปไหนหรอกครับเคลวิน จะนั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆเตียงนี่แหละ ”

สามีผมตอบได้น่าชื่นใจนัก เขายิ้มให้ผม ไม่แสดงทีท่าเบื่อความเรื่องมากของผมเลยแม้แต่น้อย ผมรู้สึกเป็นสุขมาก อดใจไม่ไหวต้องคว้ามือเขามากุมไว้ และจูบมือของเคนไปมา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังไม่ชักมือกลับอีกด้วย เราสองคนประสานสายตากัน ต่างคนต่างไม่ยอมหลบ ผมเห็นความอ่อนโยนในดวงตาคู่นั้นที่เคนมองมา มันทำให้ผมหัวใจพองโต นึกฝันไปว่าเขาคงรักผมบ้างไม่มากก็น้อย

“เคนง่วงหรือเปล่าครับ ถ้าง่วงก็นอนได้นะครับ มีชุดหมอน ผ้าห่มสำรอง อยู่ในตู้ เคนเอามาปูนอนที่โซฟาก็ได้นะครับ”

ไม่กล้าชวนสามีสุดที่รักมานอนบนเตียงด้วย ทั้งที่อยากอยู่ใกล้เขาใจจะขาด แต่ผมกลัวว่าเขาจะติดหวัดจากผมอีก เดี๋ยวจะเป็นไข้วนไปวนมาไม่รู้จบ

“ไล่ให้ไปนอนห่างตัว ไม่กลัวว่าผมจะแอบหนีหรือครับ”

เคนถามเย้าๆ แล้วเขาก็หน้าแดงเสียเอง ที่พูดหยอกผมแบบนั้น ผมสิ่งยิ้มอ้อนให้เขา

“ไม่กลัวหรอกครับ เคนไม่ใช่คนพูดอะไรส่งเดช รับปากไปแล้ว เคนจะพยายามทำมันให้สำเร็จ ไม่ละทิ้งกลางคัน ผมเชื่อใจเคนว่าจะไม่ปล่อยให้ผมป่วยตายที่นี่ ไม่หนีผมไปไหนแน่นอนใช่ไหมครับ”

“กำลังจะทิ้งแล้วครับ คนป่วยพูดไม่หยุดแบบนี้ คงไม่มีทางหายง่ายๆ สู้หนีดีกว่า”

เขาสัพยอก ก่อนจะลุกขึ้น ผมมองตามอย่างกลัวว่าเขาจะหนีออกจากห้อง แต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น กลับเดินไปยังตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ และหยิบหมอนกับผ้าห่มที่เก็บอยู่ในนั้นออกมา จากนั้นก็เดินตรงไปยังโซฟา แล้วปูผ้าเตรียมที่นอนสำหรับตัวเอง ผมลอบยิ้มอย่างโล่งใจที่เขาไม่ไปไหน ยอมอยู่เป็นเพื่อนกับผมจริงๆ พอเห็นผมนั่งมองเขาไม่ยอมนอน เคนก็ทำเสียงดุใส่ผม

“หลับตาได้แล้วครับ”

ผมรีบปิดเปลือกตาลงทันที เมื่อเห็นเคนเดินมาหา ได้ยินเสียงฝีเท้าเขามาหยุดอยู่ข้างเตียง สักพักมือของเขาก็ยื่นมาลูบไล้ที่แก้มผมแผ่วเบา ผมอยากจะดึงเขาลงมานอนเคียงข้างด้วยนัก แต่ก็กลัวเคนจะหาว่าผมหลอกลวงเขาไม่ได้ป่วยจริง เลยต้องนอนหลับตานิ่งๆอยู่อย่างนั้น

จนกระทั่งเขาเดินกลับไปยังที่นอนของตัวเองที่ได้เตรียมไว้ ผมแอบเปิดเปลือกตาไว้ครึ่งๆเพื่อลอบมองเขา ก็เห็นเคนล้มตัวลงนอนบนโซฟาโดยตะแคงข้างหันมาทางผม แววตาที่มองมาแฝงด้วยความห่วงใยจนผมอยากจะลุกไปดึงมือเขามานอนด้วย

ต้องใช้พลังอย่างมากมายที่จะบังคับให้ตัวเองหลับตาลง เคนอยู่ในห้องเดียวกับผมแท้ๆ แต่ผมไม่สามารถแตะต้องตัวเขาได้ในตอนนี้ ได้แต่ปลุกปลอบใจตัวเองว่าวันพรุ่งนี้ กับมะรืนนี้ ยังมีเวลาเหลือเฟือ หากผมไม่ละความพยายามไปเสียก่อน ผมคงได้ใกล้ชิดสนิทแนบกับเคนแน่ๆ ขอเพียงผมอย่าทำเสียแผนเท่านั้น




--------------------
.................................................

“ฝันดีนะครับ”

เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่จะหลับไปคือ คำกล่าวราตรีสวัสดิ์จากสามีสุดที่รัก ยาที่ทานเข้าไปทำให้ผมง่วงงุนจนลืมตาไม่ค่อยจะขึ้น ทั้งที่อยากจะลืมตามมองเคนที่นอนอยู่ในห้องของผม แต่ถึงแม้ว่าผมจะหลับไป ผมก็เห็นเขาในฝันอยู่ดี ในโลกแห่งความจริงเคนใจดีอย่างไร ในฝันเคนก็เป็นแบบนั้น แล้วในฝันเคนก็รักและดูแลผมไม่ห่างเลย ผมมีความสุขมาก

ตอนที่ผมตื่นขึ้นมานั้น เคนไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว ผมกวาดตามองไปรอบห้อง ไม่เจอแม้แต่เงาของเคน ผมตกใจมาก รีบผวาลุกจากเตียงทันที ในใจนึกกลัวว่าเคนจะหนีผมกลับบ้านไปแล้ว นี่ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือเคนจับได้แล้ว ว่าผมแกล้งป่วยเพื่อลวงเขามาที่นี่ แม้ผมจะมีเจตนาหลอกเขา แต่ผมก็ป่วยจริงๆ ตอนนี้ปวดหัวอยู่เลย

ผมเดินไปยังห้องน้ำ แต่ไม่เจอเขาอยู่ที่นั่น ในห้องครัวก็ไม่มี ผมเดินตามหาเขาไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่มีร่องรอยของเคนให้เห็น ผมรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจขึ้นมาทันที เคนไปไหนนะ เขาทิ้งผมแล้วหรือไร ไหนบอกจะอยู่เป็นเพื่อนผมจนกว่าจะหายไง ไม่ทันไรก็แอบหนีไปแล้ว

ขณะที่ผมกำลังกดโทรศัพท์เรียกไปยังเบอร์มือถือที่ผมให้เขา เคนก็เปิดประตูห้องก้าวเข้ามา ในมือถือข้าวของพะรุงพะรัง พอผมเห็นหน้าเขาก็รีบผวาไปกอด แล้วต่อว่าเขาที่หายตัวไปไม่ยอมบอกกล่าวกันให้รู้

“เคนไปไหนมาครับ ไหนบอกจะอยู่เป็นเพื่อนผมไง ไปไหนมา ทำไมไม่บอก ผมตื่นมา ไม่เห็นเคน ตกใจมากเลย นึกว่าคุณทิ้งผมแล้ว”

มีเสียงหัวเราะจากสามีสุดที่รักของผม ต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลขณะอธิบาย

“ไม่ได้ไปไหนไกลครับ ลงไปซื้ออาหารเช้ามาให้เคลวินทานไง เดี๋ยวคุณตื่นมาจะหิว ทานข้าว แล้วจะได้ทานยาไงครับ จะได้หาย”

คำตอบของเขา ทำให้ผมยิ้มออกมา เคนห่วงผมเลยลงไปซื้อข้าวมาให้ น่ารักจริงๆ เขาไม่ทิ้งผมตามที่สัญญา เคนใจดีกับผมมาก ผมสัมผัสได้ถึงความเอื้ออารีที่มีอยู่ในตัวเขา เคนไม่ได้ทำทุกอย่างให้ผมเพียงเพราะว่าผมเป็นเจ้านาย แต่เขาทำเพราะเขารู้สึกดีกับผม

“ตอนแรกว่าจะทำข้าวต้มให้ทาน แต่ผมใช้ครัวของเคลวินไม่เป็น กลัวจะทำข้าวของเสียหาย เลยตัดสินใจลงไปซื้อมากินดีกว่า เห็นคุณหลับอยู่ ผมก็เลยไม่ได้ปลุกครับ”

เคนบอกผมด้วยคำพูดซื่อๆ ท่าทางอายๆ คราวนี้ผมหัวเราะบ้าง ผมรู้ดีว่าเคนเป็นคนถ่อมเนื้อถ่อมตัว ชอบคิดว่าตัวเองมาจากครอบครัวที่ยากจน จึงไม่พยายามจะทำอะไรฟุ้งเฟ้อเกินตัว เขาไม่เคยซื้อของแพง ไม่ค่อยได้สัมผัสกับข้าวของเครื่องใช้ชั้นดี พอต้องมาใช้งานก็ทำไม่เป็น กลัวว่าจะทำพัง สงสัยผมคงต้องค่อยๆสอนเขาไปทีละน้อยแล้ว เพื่อให้เขาเคยชิน เคนจะได้ไม่รู้สึกแปลกแยกเวลาที่อยู่ร่วมกันกับผม

“ที่จริงปลุกผมให้ลุกมาทำก็ได้นะ ผมชอบที่ได้ทำกับข้าวอร่อยๆให้เคนทาน”

บอกเขาด้วยเสียงอ้อนๆ เคนยิ้มให้ผม



--------------------
“จะให้คนป่วยลุกขึ้นมาทำกับข้าวได้ไง คุณไม่สบายนะ เอ หรือว่าแกล้งป่วยกัน”

“เปล่านะครับ...ป่วยจริงๆนะ จับตัวดูก็ได้ ตัวยังร้อนอยู่เลย”

รีบปฏิเสธเสียงลั่น กลัวว่าเคนจะจับได้ เลยก้มลงเอาหน้าผากผมถูกับหน้าผากเขา เคนขมวดคิ้วเข้าหากัน ทำหน้าดุใส่ แล้วไล่ผมไปนอน

“แล้วคนป่วย รีบลุกมาจากเตียงทำไมกัน ไปนอนพักที่เตียงได้แล้วครับ เดี๋ยวผมเอาโจ๊กใส่ถ้วยไปให้นะ ถ้าดื้อผมจะกลับบ้านนะ”

เพราะประโยคท้ายนั่นทีเดียว ทำให้ผมรีบผละจากเขาไปนอน ได้ยินเสียงเคนหัวเราะด้วยความขำ แค่ได้ยินเสียงหัวเราะ กับได้เห็นหน้าตาที่เบิกบานของสามีสุดที่รัก ผมก็ใจแทบละลายแล้ว

“ป้อนหน่อยได้ไหมครับ ทานเองเดี๋ยวมันหกใส่เตียง”

ผมอ้อนเคน เมื่อเขายื่นชามโจ๊กมาให้ เคนทำปากยื่น จมูกบานพะเยิบพะยาบ หรี่ตามองผม ทำท่าเหมือนจะหมั่นไส้ที่ผมทำเป็นอ้อนให้เอาใจ ผมเลยแสร้งทำเป็นยกแขนขึ้น และทำเป็นอ่อนแรง แขนตกข้างลำตัว

“ไม่มีแรงเลยครับ ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้อ่อนเปลี้ยเพลียแรงจังเลย ป่วยคราวนี้ แย่มากๆเลยครับ”

อุปาทานหรือเปล่าไม่รู้ ผมเห็นแววตาเขาเปล่งประกาย มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก เหมือนเขากำลั
ขำผม แต่ก็แป๊บเดียวเท่านั้น ก่อนจะมาเป็นทำหน้าดุ

“เห็นไหม ป่วยจนไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้ ทำอะไรก็ไม่ได้ กินข้าวด้วยตัวเองก็ยังไม่ถนัด อย่างนี้ต้องไปนอนโรงพยาบาลนะครับ หรือไม่ก็กลับไปนอนบ้าน ให้คนที่บ้านดูแลใกล้ชิด จะได้หายป่วยเร็วๆไงครับ ผมห่วงคุณนะครับ แต่ผมคงช่วยอะไรได้ไม่มาก เพราะไม่ได้เป็นพยาบาล เอางี้ดีไหม ผมเรียกลุงเทพให้ขับรถมารับไปโรงพยาบาลไหม”


........................................

หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 21 แผนร้ายเล่ห์รัก update 14 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 14-08-2007 22:00:22
อิอิ มาลุ้นต่ออิอิ
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 21 แผนร้ายเล่ห์รัก update 14 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-08-2007 23:45:39
ว้าา นึกว่าจะมีให้จิ้น  :m19:

รอลุ้นต่อ  :m9:  :m9:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 21 แผนร้ายเล่ห์รัก update 14 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 15-08-2007 10:11:27
เจ้าเล่ห์สุดๆ แต่ก็ทำไรไม่ได้  :m14: :m14: :m14:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 22 update 15 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 15-08-2007 20:40:02
บทที่ 22

พอผมพูดจบ คนเจ้าเล่ห์ก็ทำหน้าเหรอหรา อ้าปากหวอ คงกลัวว่าผมจะทำจริงๆ สมน้ำหน้าคนป่วยอะไร ออดอ้อนออเซาะเก่งดีนัก

ถึงจะตัวร้อนเป็นไข้ แต่อาการของเคลวินก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรจนถึงขนาดที่ทำอะไรเองไม่ได้ ผมคิดว่าเขาอยากให้ผมอยู่ใกล้ๆเขามากกว่า

จะว่าไปก็ทั้งดูน่ารักและตลกดี เวลาเห็นท่านประธานบริษัทผู้ดุดันเข้มงวด มาทำท่าเป็นเด็กหนุ่มๆที่กำลังมีความรักแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าขึ้น ถ้าเขาไม่รักผม เขาคงไม่ทำถึงขนาดนี้

และเพราะว่าเคลวินทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ตัวเองเป็น มันทำให้ผมเกิดความประทับใจในตัวเขา การเป็นคนสองบุคลิกคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

เคลวินต้องสลับบทบาทไปมา ดุด่าว่ากล่าวผมในที่ทำงาน แต่พอถึงบ้านเขาก็ดูแลเอาใจใส่ และคอยรับฟังความทุกข์ของผม

เขาอยากให้ผมมีความสุข ข้อนี้ผมรู้ดี ถึงแม้เขาจะยุ่งไปหน่อย โดยเฉพาะการพยายามที่จะให้ผมได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายขึ้น ข้าวของที่กองอยู่ที่ห้องเช่าของผมจนแทบไม่มีที่นั่งและยืนแล้ว

เขาคงนึกว่าผมไม่เห็น ว่าเขาแอบซื้ออะไรใหม่ๆมาเพิ่มให้ ตอนแรกผมตั้งใจจะต่อว่าที่เขาทำอะไรโดยไม่บอกกล่าว แต่เมื่อเห็นว่าเขาป่วยแบบนี้ ผมก็เลยไม่อยากต่อว่าให้เสียใจ

คงต้องหาทางบอกกล่าวอีกที ว่าผมไม่ชอบในสิ่งที่เขาทำ ผมไม่อยากเป็นคนที่เกาะคนอื่นกิน อาศัยคนอื่นเพื่อให้ตัวเองสุขสบาย ผมลำบากมามาก อยากลืมตาอ้าปากได้เหมือนกับคนอื่นๆ

อยากมีบ้าน มีรถ มีเงินฝากในธนาคาร อยากให้พ่อแม่ได้กินอิ่ม น้องๆได้เรียนจนจบ แต่ทุกอย่างมันควรจะมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมากกว่าจะให้คนอื่นมาช่วยเนรมิตให้

เคลวินอาจจะเป็นฝรั่งที่ร่ำรวย และใจดี การบริจาค และช่วยเหลือคนอื่นของเขา อาจจะไม่ทำให้เขาเดือดร้อน มันคงเป็นแค่เศษเงินที่เขาสามารถเจือจานให้ได้

เวลาที่เคลวินทำดีกับใคร เขาอาจจะไม่คิดอะไร แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนรับ ผมรู้สึกไม่สบายใจ ผมไม่อยากให้ใครมองเคลวินกับผมไปในทิศทางที่ไม่ดี

ไม่อยากให้คนว่าเขาว่าเอาเงินฟาดหัวคนอื่นเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ และผมก็ไม่อยากให้ใครมองว่าผมเป็นคนที่ซื้อได้ด้วยเงิน

แค่เคลวินรับผมเข้ามาทำงานเป็นเลขาใกล้ชิด ผมก็ถูกนินทาว่าร้ายมามากพอสมควรแล้ว ทุกวันนี้ผมจึงต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

หากเคลวินมาใจดีให้ข้าวของเครื่องใช้ มากเกินกว่าฐานะที่ผมควรจะมี ผมกับเขาก็คงตกเป็นหัวข้อนินทาของพนักงานเล่นสนุกปากไปตลอด

อย่างเช่นเมื่อเช้านี้ ผมก็เจอเรื่องที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจเข้าจนได้ แต่ผมก็พยายามเก็บมันไว้ไม่อยากแสดงออกมาให้เคลวินเห็น

เรื่องที่เกิดขึ้นก็คือ ผมตื่นขึ้นมาก่อนเคลวิน และเป็นห่วงเขาว่าจะไม่มีอะไรทาน ในตู้เย็นที่อยู่ในส่วนพื้นที่ที่กั้นเป็นครัว มีอาหารสดหลายชนิดอยู่ในช่องแช่แข็ง แต่ผมไม่รู้จะทำอะไรให้เขากิน เลยตัดสินใจลงลิฟท์ไปข้างล่าง

ถัดจากตึกไปจะมีร้านขายอาหารมากมาย พวกพนักงานได้มาอาศัยฝากปากท้องไว้แถวๆนั้น ซึ่งผมเองก็ไปเคยไปทานบ่อยๆจนระยะหลังที่เคลวินทำข้าวกล่องให้ไว้กินที่บริษัทตอนกลางวัน ผมก็ไม่ค่อยได้ออกไปทานข้างนอกเท่าไหร่

โดยปกติร้านพวกนี้จะเปิดวันเสาร์และอาทิตย์ด้วย เพราะไม่ได้ขายอาหารให้พวกพนักงานบริษัททาน แต่ยังรับลูกค้าอื่นๆทั้งขาประจำ และขาจรด้วย



--------------------
จำได้ว่ามีร้านโจ๊กอร่อยอยู่เจ้าหนึ่ง ช่วงแรกๆที่เคลวินยังไม่มายุ่งเกี่ยวกับชีวิต ผมได้มาอาศัยบริการที่ร้านแห่งนี้ เขาทำโจ๊กอร่อยมาก มีทั้งโจ๊กหมู โจ๊กไก่ ใส่ไข่ และ ใส่เครื่องใน แล้วแต่เราจะเลือก ราคาก็ไม่แพงมาก อยู่ระหว่าง 12-15 บาท เจ้าของร้านเป็นคุณยายแก่ๆที่ขายอาหารไม่ได้หวังกำไร แต่ทำเพราะไม่อยากอยู่ว่างๆ

ที่จริงแกเป็นคนมีฐานะดีพอควร ลูกหลานส่วนใหญ่ก็มีงานมีการทำกันหมด แต่เพราะว่าแกเหงา อยู่บ้านเฉยๆ ก็หายใจทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ แกเลยขอลูกหลานเปิดร้านขายโจ๊ก แกจะได้มีอะไรทำฆ่าเวลาระหว่างรอลูกหลานกลับบ้าน

แรกๆลูกหลานก็ไม่ยอม เพราะไม่อยากให้แกเหนื่อย แต่เมื่อแกให้เหตุผลว่าแกไม่อยากเป็นคนไร้คุณค่า ลูกหลานก็เลยยอมฟัง ให้คุณยายขายโจ๊กได้ โดยมีลูกมือมาช่วย

ผมชอบไปซื้อโจ๊กที่ร้านคุณยาย เพราะอร่อย สะอาด และประหยัดเงินในกระเป๋า และมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณยายด้วย แกทำให้ผมนึกถึงปู่ย่าตายายที่บ้านนอก ผมไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านนานแล้วตั้งแต่มาเรียนและมาทำงานในกรุงเทพ การได้คุยกับคนวัยใกล้เคียงกันกับคนทางบ้าน เลยพลอยทำให้ผมหายคิดถึงพวกเขาไปได้

วันนี้คุณยายเปิดขายโจ๊กตามปกติ พอแกเห็นผมแกก็ทักทายอย่างยินดี และถามว่าผมหายไปไหนมาตั้งนาน ไม่เห็นมาซื้อโจ๊กแกทานเลย ผมก็ยิ้มบอกว่าผมตื่นสาย ไม่กล้าบอกแกว่าผมมีคนทำอาหารเช้าให้ทานทุกวันแล้ว กลัวว่าแกจะเสียใจ

พอบอกแกไปอย่างนั้น แกก็สอนผมใหญ่ ว่าเป็นพนักงานมาสายไม่ได้ ต้องทำตัวให้เจ้านายรัก จะได้อยู่นานๆ แล้วแกก็คุยกับผมเรื่องงานการ ส่วนใหญ่ก็เป็นการดุผมมากกว่า ผมได้แต่ยืนยิ้ม ไม่ได้รู้สึกรำคาญใจอะไร เพราะรู้ว่าแกเอ็นดูผมเหมือนลูกหลาน

และสิ่งที่แกบอกสอนมา ก็เพราะแกอยากให้ผมได้ดี ซึ่งความรู้สึกอยากให้คนอื่นเจริญก้าวหน้า ประสบความสำเร็จ มันหาไม่ได้ง่ายๆนักในหมู่คนเมืองหลวง

ขณะที่ผมกับคุณยายคุณเรื่องการทำงานอยู่นั้น เราสองคนก็ถูกขัดจังหวะจากท่านผู้จัดการฝ่ายชาตรีที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ในวันหยุด และไม่รู้ว่าเขาเสียมารยาทฟังเราสองคนคุยกันนานเท่าไหร่

ผมมารู้ตัวอีกทีว่ามีบุคคลที่สามอยู่ด้วย เมื่อคุณยายพยักพเยิดไปทางด้านหลัง ผมหันไปมองก็เห็นคุณชาตรีทำหน้ายิ้มเยาะผมอยู่ ตอนนั้นคุณยายกำลังพูดเรื่องการทำตัวให้เป็นที่รักของเจ้านายอยู่พอดี อยู่ๆแกก็โพล่งขึ้นมา

“โอ๊ย คุณยายครับ ไม่ต้องห่วงนายเคนเขาหรอก ขานี้เขาเป็นที่โปรดปรานของเจ้านายจนจะได้เลื่อนขั้นข้ามหัวคนอื่นอยู่แล้ว ไม่เกินเดือนสองเดือนนี้คงมีข่าวดี”

คำพูดนี้ของแกทำให้ผมหน้าชา นี่แกจงใจจะหาเรื่องฉีกหน้าผมใช่ไหม

.............................................
“จริงเหรอลูก ยายก็ว่าแล้ว ว่าคนอย่างเราเจ้านายต้องรักและเอ็นดูแน่ๆ เพราะท่าทางเราเป็นคนอัธยาศัยดี สุภาพ อ่อนน้อม ไม่กร่าง ไม่คุยโตโอ้อวด และไม่มีลักษณะขี้อิจฉา คนทำความดีพระเจ้าย่อมเห็น เหมือนกับที่เจ้านายเคนเห็น คนเป็นเจ้านาย คงไม่มองอะไรตื้นๆหรอก ถ้าไม่เก่งจริงเขาคงไม่เลื่อนขั้นหรอกมั๊ง”

คำตอบซื่อๆของคุณยายทำให้ผมค่อยยิ้มออก หัวหน้าเก่าของผมหน้าเจื่อนๆ ที่คุณยายไม่ได้ตำหนิผมหรือมองผมในแง่ไม่ดีอย่างที่เขาต้องการ ผมไม่รู้ว่านายชาตรีมีจุดประสงค์อะไร แต่สิ่งที่เขาทำต้องไม่ใช่เรื่องที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับผมแน่

“หึหึหึ สำหรับนายเคน เจ้านายเขามองเห็นลึกซึ้งเลยครับ ไม่งั้นเขาไม่ดันจากเด็กฝึกงานให้ขึ้นมาเป็นพนักงานประจำหรอกคุณยาย นายเคนคงจะมีดีมากกว่าที่เราคิด ต้องคนอย่างเจ้านายถึงจะรู้แจ้งเห็นจริง”

ท่านผู้จัดการใหญ่ยังคงหาทางเหน็บแนมผมอีกต่อไป

“แหมคุณผู้จัดการ เด็กฝึกงานอาจจะมีความสามารถอย่างที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ ผู้จัดการคนอื่นไม่เห็นเพราะมัวแต่ประเมินว่าเขาต้อยต่ำ แต่คนที่เขามีประสบการณ์เขาอาจจะมองออกว่า เด็กฝึกงานน่าจะให้ทำงานอย่างอื่นที่มีคุณค่ามากกว่า มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกนี่นา ที่พนักงานบางคนอาจจะไม่รุ่งในงานหนึ่ง แต่อาจจะไปได้สวยและก้าวหน้าในงานอีกตำแหน่งหนึ่ง อย่าคิดมากเลย น่าจะดีใจกับเด็กมันนะ”

โห คุณยาย พูดได้โดนใจมาก ผมรู้สึกรักคุณยายที่สุดเลย ท่าทางของคุณยายเหมือนคนแก่ที่ไม่มีพิษมีภัย แต่ที่ไหนได้คุณยายกลับเฉลียวฉลาดลึกซึ้ง ไม่ใช่เพราะว่าคุณยายชมผมหรอกนะ ที่ทำให้ผมรู้สึกดี แต่ที่ผมชอบใจเป็นเพราะว่าคุณยายสามารถตอกผู้จัดการจนหน้าหงาย ด้วยมาดนิ่มนวลของแกต่างหาก

“ขอบคุณคุณยายมากนะครับ ดีใจจังที่คุณยายไม่คิดอย่างคนอื่นๆ ทำให้ผมรู้สึกว่าความพยายามของผมไม่สูญเปล่า”

จงใจจะพูดให้ผู้จัดการชาตรีได้ยิน ที่จริงผมว่าจะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขา เพราะมันจะเป็นการไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งใหญ่โตกว่า แต่พอเห็นเขาขยับปากจะประจานผมต่อ ผมก็เลยชิงพูดขึ้นเสียก่อน จากนั้นผมก็ขอตัวกับคุณยายว่าผมมีธุระไว้วันหลังจะมาคุยด้วย คุณยายยิ้มให้ผมอย่างเข้าใจ และโบกไม้โบกมือให้ผมไปได้ ผมก็เลยเดินหนี แต่ผู้จัดการชาตรีก็เดินตามผมอย่างว่องไว

“มาทำอะไรแถวนี้หรือเคน”

..........................................

คิดไว้แล้วเชียว ว่าต้องเจอคำถามนี้ เพราะการที่อยู่ดีๆ ผมก็มาโผล่ใกล้ๆกับที่ทำงานในวันหยุด คนที่ทำงานที่เดียวกันมาเจอก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดา พอๆกับที่ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมท่านผู้จัดการจึงมาอยู่ที่นี่ด้วย หรือว่ามีงานเร่งด่วนที่ต้องทำ แต่เท่าที่รู้บริษัทไม่ได้มีนโยบายให้พนักงานมาทำงานล่วงเวลา แต่เน้นให้ทำงานให้เสร็จในเวลางานมากกว่า พอเห็นผมมองเขม้นอย่างกังขา ท่านผู้จัดการก็รีบพูดขึ้นมาเพื่อให้ความกระจ่างกับผมทันที

“ผมแวะมาเอาของที่ลืมไว้ที่บริษัท จะเอากลับไปทำงานที่บ้าน ตอนเช้ามีประชุมด้วย เดี๋ยวจะไม่เสร็จ คุณก็รู้นี่ว่าเจ้านายของคุณขี้โมโหแค่ไหน ถ้าเตรียมการมาประชุมไม่พร้อมมีหวังโดนเล้งแน่ๆ ก็เรื่องเกี่ยวกับการรายงานผลประกอบการ และเรื่องสรรพเพเหระต่างๆ”

ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปหรือเปล่า ผมว่ามันมีความผิดปกติบางอย่างอยู่ในคำพูดนั่น บอกไม่ถูกว่าตรงไหน แต่ผมรับรู้ได้ว่ามันแปลกๆ ที่จริงคุณชาตรีไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ผมฟังมากมายขนาดนี้ก็ได้ มันฟังเหมือนคำแก้ตัวยังไงยังงั้น แล้วเขาจะต้องทำแบบนี้ทำไม หรือว่าเขามีอะไรที่ปกปิด เช่นแอบมาทำผิดอะไรไว้ เลยกินปูนร้อนท้อง ซึ่งมันก็ไม่น่าจะใช่ คุณชาตรีออกจะเฮี้ยบ และถือว่าเป็นคนเคร่งครัดในกฎระเบียบคนหนึ่ง คงไม่ทำอะไรที่เสียหายต่อบริษัทแน่

หรือว่าเขาเริ่มระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเคลวินนะ เลยพยายามมาสืบสาวให้แน่ใจ ถ้าเป็นประเด็นหลัง ผมคงต้องระมัดระวังตัวหน่อย แค่นี้คนก็หาว่าผมเล่นเส้นแล้ว ยิ่งถ้ารู้ว่าเคลวินกับผมมีอะไรกัน คนคงได้นินทากันสนุกปาก และเคลวินเองก็จะถูกมองในแง่ไม่ดีด้วย

“คุณยังไม่ตอบผมเลยนะ เคน ว่าทำไมคุณถึงได้มาอยู่แถวนี้”

ผู้จัดการถามซ้ำ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้คำถามนี้มันผ่านไปง่ายๆ โดยไม่มีคำตอบ ผมหยุดเดินเมื่อผ่านเข้าไปในร่มของศาลาที่พักสำหรับยืนรอรถประจำทาง และหันไปพูดกับเขา

“อ๋อ ผมมาหาเพื่อนแถวนี้ครับ นี่เสร็จธุระก็จะกลับแล้ว”

มันคงไม่เนียนล่ะมั๊ง เพราะผมไม่ค่อยได้โกหกใคร นายชาตรีเลยทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ เขาเหลือบตาลงดูนาฬิกาบนข้อมือ แล้วมองผมอย่างสำรวจตรวจตราตั้งแต่หัวจรดเท้า

“นี่มันเพิ่ง เจ็ดโมงเอง มาหาเพื่อนแต่เช้ามืดเลยเหรอ เพื่อนที่ไหนล่ะ แถวนี้ก็มีแต่สำนักงานเต็มไปหมดนี่”
ว่าแล้วไหมล่ะ ผมไม่ทันนึกจริงๆ ความที่พูดปดไม่เก่ง แล้วก็แค่จะพูดปัดให้พ้นตัว เลยทำให้ไม่ทันคิดเรื่องเวลา และสถานที่ มันทำให้ผมอ้ำอึ้งอึกอัก ผู้จัดการก็มองผมอย่างจับผิด โชคดีอยู่บ้างที่ผมใส่เสื้อผ้าลำลอง ไม่ใช่ชุดทำงาน ทำให้ไม่ต้องถูกมองว่าไม่ได้กลับบ้าน

“เปล่าครับ เพื่อนผมไม่ได้อยู่แถวนี้ แต่เขามาจากต่างจังหวัด เขาอยู่ชลบุรี นั่งรถมาลงที่เอกมัย แล้วจะไปแถวหัวลำโพงครับ เรานัดมาเจอกันที่นี่ครับ เพราะมันสะดวกดี และเป็นทางผ่านไปยังที่พักเขาด้วยครับ”

อยู่ๆผมก็นึกข้ออ้างนี้ขึ้นมาได้ เลยอธิบายให้เขาฟัง แล้วผมก็แอบนึกขำตัวเองที่บอกรายละเอียดถึงขนาดนั้น ผมกำลังทำเหมือนที่นายชาตรีทำเมื่อสักครู่ คนที่แอบซุกซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้ มันเป็นแบบนี้นี่เอง วิตกกังวล กลัวว่าเขาจะจับได้ คล้ายวัวสันหลังหวะ ต้องรีบพูดจากลบเกลื่อนเบี่ยงเบนประเด็นออกไป นี่คือความลับผม แล้วความลับนายชาตรีคืออะไรกัน



--------------------
...............................................




“คุณชาตรีก็รีบมาแต่เช้าเหมือนกันนะครับ บริษัทยังไม่เปิดเลย ไม่ต้องรอแย่หรือครับ หรือมีคีย์การ์ดปลดล้อคประตูครับ”

ย้อนถามเข้าให้บ้าง เพื่อดูปฏิกิริยาของผู้จัดการ ถ้าเขามีความลับบางอย่างปกปิด คงแสดงอาการออกมาบ้างล่ะน่า

“อ้อ....คือว่า....ผมรีบนะ กลัวงานไม่เสร็จ ไม่มีข้อมูลการประชุม ผมเลยรีบมาไง นี่ก็จะไปแล้ว ได้ของที่ต้องการเรียบร้อย .....เอ้อ ผมไปล่ะนะ”

สิ่งที่ผมคิดมันเป็นจริง ทำให้ผมเกิดความสงสัย ทำไมผู้จัดการถึงได้ดูลุกลี้ลุกลนนักนะ พอผมถามเขาไปแบบนั้น เขาก็อ้ำอึ้งแบบเดียวกับผม พอนึกขึ้นได้ว่าจะพูดอะไร ก็บอกมาซะเร็วปรื๋อ แล้วก็ขอตัวจากไป ทิ้งให้ผมยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์คนเดียว

ผมแสร้งทำเป็นนั่งรออยู่ที่ป้าย ไม่ได้เดินตามเขาไป เพราะมันจะเป็นที่ผิดสังเกต เนื่องจากผู้จัดการเดินไปยังลานจอดรถของบริษัท ผมเดินไปแอบที่พุ่มไม้ ข้างป้ายรถเมล์ รีๆรอๆจนกระทั่งเห็นรถของผู้จัดการขับผ่านหน้าไป ทิ้งเวลาสักพัก แล้วก็เดินย้อนกลับไปยังตึกทำงาน อ้อมไปด้านหลัง และขึ้นลิฟท์มายังชั้นเพนเฮ้าส์ ตาคอยสอดส่ายไปทั่ว ว่าจะมีใครตามผมมาหรือเปล่า

ช่วงจังหวะหนึ่งผมรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก การลักลอบกระทำความผิด เป็นเรื่องที่ทำให้ทั้งตื่นเต้น และทำให้เกิดความรู้สึกผิดบาปไปในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกมันบอกผมว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง กลัวว่าคนจะจับได้ หากมีใครล่วงรู้เข้า เขาจะคิดยังไง แล้วผมจะมองหน้าคนอื่นได้ไหม

ถ้าใครรู้ว่าผมมีอะไรกับท่านประธาน ความพยายามตั้งใจทำงานที่ผ่านมาของผม คงไม่บรรลุผล เพราะคนก็จะมองว่าผมเล่นเส้นสายอยู่ดี

คิดแล้วก็กลุ้ม ไม่น่าเอาตัวไปตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย ผมควรจะเลิกยุ่งกับท่านประธานดีหรือเปล่านะ จะว่าไปผมก็ไม่ได้คิดจะยุ่งกับเขาเลยแม้แต่น้อย เขาต่างหากที่เข้ามายุ่มย่ามในชีวิตผม บังคับผมจนตกเป็นของเขา แล้วก็เข้ามาเจ้ากี้เจ้าการในชีวิต

ตอนนี้จะสลัดออกไปก็ทำไม่ได้ง่ายๆ ไม่ใช่เพราะผมติดกับในความร่ำรวย หรือสิ่งของที่เขาปรนเปรอให้ แต่ผมแพ้ใจของเขาต่างหาก ยิ่งเขาดีกับผมเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งตัดใจจากเขาไม่ลง

ที่จริงจะโทษเขาคนเดียวก็ไม่ถูก หลายต่อหลายครั้งที่ผมยินยอมพร้อมใจไปกับเขาด้วย ยอมให้เขาลวนลามล่วงเกินผม โดยไม่คิดขัดขืนอย่างจริงจัง การไปเหมาว่าเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว ผมก็พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำ ตบมือข้างเดียวไม่มีทางดัง

หากผมไม่ยอมเสียอย่าง สู้ตาย ไม่ให้เขารังแก เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรกับผม อย่างน้อยเขาก็ต้องกลัวจะเสียชื่อเสียง ถ้าเกิดผมเอาเรื่องและแจ้งความขึ้นมา แต่นี่ผมไม่ได้ทำแบบนั้นเลยสักอย่าง เหมือนว่าผมก็ยอมให้เขาทำด้วย ผมจึงต้องรับผิดด้วยเหมือนกัน

ตอนนี้คนที่ผมคิดถึง กำลังนอนป่วยอยู่ ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาสำออย แกล้งป่วยเพื่อหลอกให้ผมอยู่ใกล้ๆ ทว่าตัวของเขาก็ร้อนจริงๆ แถมไอโขลกเขลกอีกด้วย ถ้าจะเล่นละคร ก็เนียนจริงๆ แต่ช่างเถอะ เขาจะโกหกหรือไม่ก็ตาม เคลวินดีกับผมหลายเรื่อง ผมอยู่เป็นเพื่อนแค่นี้จะเป็นไรไป



--------------------
ผมสลัดความคิดแย่ๆเกี่ยวกับเคลวินออกไปจากหัวสมอง และรีบเดินเข้าตึก กดลิฟท์ไปยังชั้นบนสุด กลัวว่าเขาตื่นมาไม่เจอผม จะคิดมาก หาว่าผมทิ้งเขา แล้วก็กลัวว่าโจ๊กที่ซื้อมา จะเย็นชืดหมดอร่อย ต้องอุ่นอีก ซึ่งมองจากเครื่องครัวหน้าตาประหลาดเหล่านั้น ผมก็ยอมแพ้ มันทันสมัยเกินไป และผมคงใช้ไม่เป็น

จริงอย่างที่ผมคิด เคลวินตื่นมาแล้วไม่เจอผม เขาตกใจมาก ตอนที่ผมเข้าห้อง เห็นเขากำลังกดโทรศัพท์อยู่ ผมรู้สึกขำในใจ จะโทรหาใครกัน ตามผมเหรอ ผมไม่มีโทรศัพท์สักหน่อย ไอ้เครื่องที่เขาให้ผมยืมเมื่อวานนี้ ผมก็ไม่ได้ติดตัวเอาไปด้วย

ผมวางทิ้งไว้ในห้องเขานั่นแหละ พยายามไม่หยิบจับมาใช้ ตอนแรกผมคิดว่าเขาลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องของผม แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเขาตั้งใจจะลืมมัน โดยมีเจตนาเพื่อให้ผมเอาไว้ใช้นั่นเอง ผมไม่อยากรับอะไรจากเขา สิ่งที่เขาทำให้ แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว ชดใช้กันแทบไม่หมด ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณของใคร อยากทำมาหากินได้ด้วยตัวเอง

ถึงแม้เขาจะอ้างว่า ให้ด้วยความเสน่หา ภรรยาซื้อของให้สามีไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ผมกลับรู้สึกละอายใจ หากผมเป็นสามีของใครจริงๆ ผมควรจะเป็นฝ่ายให้ ไม่ใช่เอาแต่รับแบบนี้

เคลวินต่อว่าผมกระเง้ากระงอด ผมอดไม่ได้ที่จะขำเขา คนตัวใหญ่ๆ ที่โดยปกติมีอารมณ์กราดเกรี้ยว ดุดัน คล้ายกับสิงโตเจ้าป่า กลายเป็นแมวน้อยตัวเชื่องๆ คอยเอาแต่พันแข้งพันขาผม ออดอ้อนออเซาะ มันให้ความรู้สึกที่ขัดแย้งกัน แต่น่ารักดีสำหรับผม

อยู่ดีๆพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปมา กลายเป็นเรื่องชินชาของผมไปเสียแล้ว และดูเหมือนผมเองก็รอคอยเวลาที่เขาจะกลายมาเป็นภรรยาที่แสนจะน่ารักของผม เพราะช่วงที่อยู่ด้วยกันตามลำพังเท่านั้น ที่ผมเหมือนจะเป็นใหญ่ โดยที่เคลวินเอาอกเอาใจผมตลอดเวลา ชักจะติดใจบทบาทของการเป็นสามีเสียแล้ว แม้จะเป็นสิ่งที่ถูกยัดเยียดให้รับก็ตาม

“ผมเจอคุณชาตรีด้วยล่ะ ที่ข้างล่าง กำลังซื้อโจ๊กให้คุณอยู่ เขาก็เดินมาคุยด้วย จะหลบก็ไม่ทัน ผมไม่คิดว่าจะเจอใครในตอนเช้าวันหยุดแบบนี้ เลยไม่ทันได้ระวังตัว โดนเห็นเข้าจนได้”

บอกให้เขาฟังถึงเรื่องที่ไปเจอเจ้านายเก่าของผมมาอย่างละเอียด แล้วเล่าทุกประโยคที่ได้คุยกัน อย่างน้อยๆ เคลวินก็ควรจะได้รับฟังไว้ เผื่อว่าโดนถามว่าผมมาทำอะไรแถวนี้ เขาจะได้ตั้งรับได้ถูก ผมกลัวอย่างเดียว ว่าเคลวินจะเสียหายไปด้วย

อาจจะถูกสงสัยว่าผมมาหาเคลวินที่นี่หรือเปล่า มันเป็นความรู้สึกของวัวสันหลังหวะ นับตั้งแต่ผมเผลอไผลมีอะไรกับเคลวิน ผมก็หวาดระแวงกลัวคนจะรู้ ไม่อยากให้ใครว่าร้ายนินทาเราทั้งคู่ให้เสียหาย

“อือ ...ทำไมคุณชาตรี ถึงได้รีบร้อนมาเอาของแต่เช้านะ มันรีบด่วนต้องใช้ขนาดนั้นเชียวเหรอ ประชุมวันจันทร์ตอนเช้า ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรซีเรียสนี่นา เป็นวาระทั่วไป ชี้แจงความคืบหน้าของงานที่ทำเท่านั้น ซึ่งเขาก็รายงานให้ผมทราบเป็นระยะอยู่แล้วนี่ เอ....หรือว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้างของเขากันหือเคน เขาต้องมาด้วยวัตถุประสงค์อื่นแน่ๆ คุณว่างั้นไหม”

นั่นไง เคลวินคิดเหมือนผมไม่มีผิด แสดงว่าเขาก็ต้องคิดว่ากำลังถูกสอดแนมจากคุณชาตรีเหมือนกัน แต่คุณชาตรีจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร ดิสเครดิตเจ้านายตัวเองหรือไง หรือใครจ้างมา

..............................................................
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 22 update 15 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-08-2007 20:51:04
หุหุ ตาเคนหลงกลตามมาจนถึงเพนเฮ้าส์จนได้   :m1:  :m1:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 22 update 15 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 15-08-2007 21:57:18
เรื่องยุ่งๆ กำลังจะเกิดขึ้น รึเปล่าหว่าา  :m21: :m21:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 22 update 15 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 16-08-2007 04:26:45
รอลุ้นต่อไป แล้วอีตาผู้จัดการสงสัยคิดไม่ซื่อ  :m21:  :m21:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 22 update 15 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 16-08-2007 22:16:17
ลงทันปัจจุบันแล้วนะครับ
ต่อไปคงต้องรอแล้วพี่เคทเขียนแล้ว
 :a9: :a9: :a9: :a9: :a9:
*************************

บทที่ 23

“แล้วเขาซักถามอะไรคุณเพิ่มเติมอีกบ้างไหมครับ”

ผมถามเคนอย่างสงสัย เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว จากคำบอกเล่าของเคนมันทำให้ผมจับประเด็นได้ว่านายชาตรีกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง หรือว่า เขาระแคะระคายว่าผมกับเคนมีอะไรกัน เลยพยายามมาสืบดูให้รู้แน่ชัด แต่ที่ผมไม่เข้าใจว่าเขาจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

ถ้าเขารู้ว่าผมกับเคนมีความสัมพันธ์ที่ล้ำลึกต่อกัน เขาจะได้อะไรบ้างจากข้อมูลเหล่านี้ หรือว่าเขาต้องการแบล็คเมล์ผม จริงสิ เขาไม่ค่อยชอบหน้าเคนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจจะใช้เหตุนี้กลั่นแกล้งคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้าก็ได้ หรือบางที เขาอาจจะขอต่อรองเรื่องตำแหน่ง และเงินเดือน

นายชาตรีทำงานให้กับบริษัทเรามานานแล้ว ตั้งแต่สมัยพ่อผมยังคงเป็นประธานกรรมการบริษัท เขาหวังตำแหน่งงานที่สูงกว่าผู้จัดการ และเขารอมานานหลายปี ตอนที่พ่อผมยังดูแลอยู่ ได้มีการเสนอชื่อเขามาหลายครั้ง แต่พ่อผมยังไม่ตกลง เมื่อผมรับบริษัทมาจากพ่อ และได้พิจารณาความสามารถของนายชาตรีแล้ว ผมก็เห็นสมควรว่า ควรจะให้เขารอคอยต่อไป

อายุงานที่ผ่านมา กับประสบการณ์และความทุ่มเท มันไม่แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดเท่าไหร่ บวกกับนิสัยใจคอของเขาที่ชอบดุด่าลูกน้อง ทำให้คนที่ทำงานด้วยอึดอัดใจ สิ่งเหล่านี้มันทำให้เขายังคงติดแหง่กอยู่ที่ตำแหน่งผู้จัดการ ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน ในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันหลายคนที่ทำงานพร้อมกับเขา กลายเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ หรือเลื่อนขั้นเป็นผู้อำนวยการไปหมดแล้ว

หากนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจมาสืบเรื่องราวของผมกับเคน เพื่อจะต่อรองบังคับผมให้เลื่อนตำแหน่งให้เขา นายชาตรีจะต้องพบกับความผิดหวัง ผมเกลียดเรื่องการแบล็คเมล์มาก และหากเขามาใช้วิธีนี้กับผม ผมจะไล่เขาออกทันที โดยไม่จ่ายเงินชดเชยให้แม้แต่บาทเดียว และถ้าเขาฉลาดพอ และรู้จักนิสัยผมดี เขาจะต้องไม่ทำอย่างนั้นอย่างเด็ดขาด

คำถามที่ว่านายชาตรี มาแถวนี้ทำไม มันยังคงรบกวนจิตใจผม เพราะผมหาคำตอบของการมาปรากฏกายที่นี่ของเขาไม่ได้ ผมรู้สึกสับสนในการกระทำของนายชาตรี บางสิ่งบางอย่างมันขัดแย้งกันเอง นอกจากเรื่องปรากฏกายที่นี่ที่ยังต้องการคำตอบ

ผมยังสงสัยด้วยว่า ทำไมเขาถึงเลือกวันนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่ผมคบกับเคน ผมแทบจะไม่ได้มาพักที่เพนเฮ้าส์เลยด้วยซ้ำ ถ้าจะดักรอผมเพื่อจะจับผิด เขาก็ต้องมารออยู่เป็นเดือน ทว่าจากที่ได้รู้จัก นายชาตรีไม่ใช่คนที่จะอดทนรออะไรในระยะยาวแบบนี้นี่นา หรือว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว ความที่อยากจะได้อะไรบางอย่างจากผม ทำให้เขาหาทางจับผิดให้ได้ ผมต้องหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่งั้นมันคงค้างคาใจผมไปตลอดแน่ๆ

“ไม่ได้ถามอะไรครับ เจอคำถามผมเข้าไป แกก็เลยไม่อยากคุย รีบร้อนกลับทันที”

“อือ ประหลาดจัง”

“เราสองคนเห็นจะต้องระวังตัวนะครับ ต่อไปคงอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ”



--------------------
...............................................................



เฮ้ย....ได้ไงล่ะ ไม่เอานะ ทำไมเคนพูดแบบนั้น ผมไม่ยอมหรอก อุตส่าห์พยายามมาจนถึงขั้นนี้แล้ว และเคนก็ยอมผมตั้งมากมาย อีกไม่นาน ผมคงได้ทั้งตัวและหัวใจของเคนแน่ๆ

แต่ถ้าเลิกพบปะ เลิกอยู่ด้วยกัน แบบนี้ผมก็แห้วนะสิ ผมไม่ยอมให้ไอ้เจ้าผู้จัดการมาเป็นมารขัดขวางความรักของผมหรอก เขาอยากจะรู้ อยากจะสอดแนมก็ทำไปสิ ผมตั้งใจแล้วว่า ผมกับเคน จะไม่มีการปิดบังใคร ผมจะอยู่กินกับเขาอย่างเปิดเผย ขอแค่เคนยอมรับรักผมเท่านั้น

ตอนนี้ที่ผมยังไม่อยากกระโตกกระตาก บอกให้ใครรู้ เพราะผมกังวลใจเกี่ยวกับชื่อเสียงของเคนต่างหาก ในเมื่อเคนเองก็ยังไม่ยอมรับว่ารักผม และยอมอยู่กินกับผมฉันท์สามีภรรยา

การปกปิดเรื่องของเขาไม่ให้ใครรู้ จึงแฟร์กับเคนที่สุด หากวันข้างหน้าเคนอยากแต่งงาน จะได้ไม่มีใครรู้ว่าเคนของผม เคยเป็นของผู้ชายด้วยกันมาแล้ว

“ไม่นะครับ ผมไม่ยอมหรอกนะ ถ้าจะต้องให้เลิกอยู่ใกล้กับเคน ผมคงอกแตกตายพอดี ทุกวันนี้ แค่เห็นหน้าเคนในที่ทำงาน ผมก็เกือบอดใจไม่ไหวแล้ว อยากกอดอยากจูบ อยากแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เวลาเห็นหนุ่มๆ หรือสาวคนไหนมองคุณ ผมแทบจะคลั่งเลยรู้ไหม

อยากจะตรงเข้าไปแทรกกลาง แล้วบอกว่า เลิกยุ่งกับสามีของผมได้แล้ว แต่ผมก็ทำไม่ได้ ได้แต่ฮึดฮัดโมโหคนเดียว ถ้าคนเพียงคนเดียว มายุ่งเกี่ยว แล้วทำให้เราต้องเลิกกัน ผมคงฆ่าคนๆนั้นแน่”

ผมโวยวายใส่เคนยกใหญ่ ที่เขาพูดแบบนั้น น่าแปลกที่เคนไม่ได้นึกโกรธผม เขามองหน้าผม แล้วก็หัวเราะ สงสัยคงเห็นผมเป็นตัวตลกแหงๆ

“ท่านประธาน เคยมีอารมณ์แบบนั้นด้วยเหรอ ไหนเคร่งครัดกฎหนักหนาไงครับ ว่าไม่มีเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน เห็นรักษาภาพพจน์ออกจะตาย”

นั่นไง ว่าแล้ว เขาต้องขำผมเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ ก็จริงนะ ผมพยายามไม่ให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียแบบเรื่องชู้สาว หรือสมภารกินไก่วัดในที่ทำงาน ผมว่ามันจะทำให้เสียการปกครอง แต่ในกรณีของเคนนี้ ผมทำใจลำบากจริงๆ คงเป็นเพราะผมรักและหวงเขามากนั่นเอง

“เคนน่ะ....หัวเราะผมทำไมกัน..... เพราะคุณนั่นแหละ ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ คุณทำให้ผมแทบคลั่งตายรู้ไหม ผมไม่เคยรักใครเท่าคุณมาก่อนเลยนะ ถ้าผมเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง คุณจะต้องรับผิดชอบชีวิตผมด้วย ได้ไหมครับ....”

ฮิฮิฮิ โมเมเสียเลย ไม่รู้ล่ะ ตั้งใจไว้แล้ว ว่ายังไงเสีย เคนก็จะต้องเป็นของผม ดังนั้นไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล วิธีไหนก็ตาม ที่จะได้เคนมาร่วมชีวิตด้วย ผมทำทั้งนั้น ต่อให้ต้องขู่ ต้องปลอบ หรือออดอ้อนก็ตาม ก็ผมรักของผมนี่นา

แค่มองตาก็รู้ว่าคนนี้แหละใช่เลย คนที่ผมตามหามานาน ยิ่งได้ใกล้ชิด ได้รู้จักนิสัยใจคอ ผมก็คิดว่าเคนคือคู่แท้ของผม ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา คนอย่างเคนไม่ใช่จะหาได้ง่าย มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะปล่อยให้คนดีๆแบบเคนหลุดมือ

เคนต้องแต่งงานอยู่กินกับผม ใครที่มาเป็นตัวมารคอยขัดขวาง จะต้องเจอดีทุกรายไป ไม่เว้นแม้แต่พนักงานที่ทำงานให้บริษัทมานานอย่างนายชาตรีด้วย ยิ่งมาทำพฤติกรรมสอดรู้สอดเห็นแบบนี้ ยิ่งต้องจัดการซะก่อนจะมาทำเรื่องเสียหายให้กับผม



--------------------
“อ้าว โทษผมเสียแล้ว ที่จริงถ้าเคลวินไม่มายุ่งกับผมตั้งแต่แรกก็คงไม่มีปัญหา ไม่ต้องมาหลบซ่อนแบบนี้นะครับ”

“ใครบอกล่ะ ผมไม่เคยคิดว่าการได้รู้จักคุณ จะนำความเดือดร้อนมาให้นะ ตรงข้าม ผมกลับคิดว่ามันเป็นโชคมากกว่า ที่ทำให้ผมได้เจอคุณ และได้ครองรักกันอย่างทุกวันนี้”

ผมเห็นเคนขมวดคิ้ว ทำท่าเหมือนจะขำคำพูดผม ผสมกับอารมณ์หมั่นไส้ เขาคงคิดในใจว่าผมนี่ช่างกล้าพูดเสียจริงว่าเราครองรักกัน มันเป็นการโมเมของผมข้างเดียวมากกว่า

เคนยังไม่ได้ตกลงปลงใจอะไรด้วย ผมแค่อาศัยความใจกล้าน่าด้านทึกทักเอาเอง ซึ่งที่ผมทำแบบนี้เพราะมีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น ด้านได้อายอด ผมรักเขาและต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เคนตกลงปลงใจกับผมให้ได้

“โมเมอยู่เรื่อยเลย เห็นไหมครับ เพราะเคลวินเอาแต่ใจตัวเอง เลยทำให้ชีวิตเราสองคนยุ่งยาก คราวนี้จะทำไงดีล่ะครับ หากว่าคุณชาตรี แกระแคะระคายเรื่องนี้ และอยากสืบดูให้รู้ชัด เราสองคนไม่แย่เหรอ ผมน่ะไม่เท่าไหร่ เคลวินจะโดนหนักนะ เพราะคุณเป็นเจ้าของบริษัท มายุ่งกับลูกน้องแบบนี้ มันไม่เหมาะสม อาจจะเสียการปกครองในภายหลังได้นะครับ”

คำพูดของเคนนั้นถูกต้องทีเดียว การที่ประธานบริษัทมีอะไรกับพนักงานตัวเอง ก็ไม่ต่างอะไรกับสมภารที่กินไก่วัด คนอื่นรู้เข้า ก็มีแต่จะก่อให้เกิดการนินทาว่าร้าย ดีไม่ดี พนักงานใต้ปกครองจะสิ้นความนับถือเอา

แต่ผมเป็นคนไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว ผมไม่คิดว่าการมีอะไรกับลูกน้องเป็นเรื่องที่ผิด เพราะผมไม่ได้มีนิสัยเห็นแก่ได้ เอาเปรียบลูกน้อง และไม่คิดที่จะให้ตำแหน่งหน้าที่การงาน รวมถึงผลตอบแทนจำนวนมาก เพื่อปรนเปรอคนที่ผมนอนด้วย

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมมีจิตปฏิพัทธิ์กับพนักงานในบริษัทของตัวเอง ก่อนหน้านั้น ผมจะมีแฟนที่เป็นคนภายนอกบริษัท ก่อนที่จะหยุดเรื่องนี้และหันมาเอาดีเรื่องการทำงานอย่างเดียว และความสัมพันธ์ที่ผมเป็นคนเริ่มต้น มันมีพื้นฐานมาจากความรักในตัวของเคนอยู่ก่อนแล้ว

ดังนั้นผมไม่สนใจว่าใครจะนินทาว่าร้ายอะไร จะให้ผมยกย่องเคนเป็นสามีของผมวันนี้พรุ่งนี้เลยก็ได้ ผมยินดีประกาศให้ทุกคนรู้ หากเคนยินยอมพร้อมใจที่จะอยู่กับผม เคนผ่านด่านทดสอบไปหลายเรื่องแล้ว เขาไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน ไม่ขายตัวเพื่อให้ตัวเองมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น เขาไม่หลงในสิ่งที่ผมให้กับเขา มีแต่จะโกรธด้วยซ้ำถ้าผมหยิบยื่นอะไรให้

เขาเป็นคนรักงานการ ขยัน อยากไต่เต้าไปสู่ความสำเร็จด้วยความสามารถของตัวเองมากกว่าจะเป็นการผลักดันจากผู้มีอำนาจในบริษัท และที่สำคัญเขาใจดีและอ่อนโยนมาก ไม่เคยคิดร้ายกับใคร สิ่งเหล่านี้ชนะใจผม จนไม่คิดว่าจะยอมเสียเขาไปเพื่อแลกกับหน้าตาตัวเอง

“ช่างปะไร ใครจะคิดยังไงก็ช่าง แต่ผมไม่มีวันเลิกกับเคนนะครับ”

นี่คือเจตนารมย์ของผม

“ถ้ามันจำเป็นก็ต้องเลิกนะ ผมไม่อยากให้เคลวินมัวหมองเพราะผม”

เคนยังคงห่วงใยคนอื่นมากกว่าตัวเองเหมือนเดิม ผมดีใจนะที่เขาห่วงผม



--------------------
“ไม่เห็นจะต้องกลัวนี่ครับ ผมยินดีเผชิญกับทุกสิ่ง ผมรักคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถ้าเราเลิกกันก็แปลว่าเรายอมแพ้ให้กับความคับแคบในจิตใจคน อย่างนี้ดีแล้วหรือครับ”

ผมตอบอย่างดื้อรั้น

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ เคลวิน คุณจะถูกพนักงานของตัวเองนินทานะ”

“เรื่องอะไรล่ะครับ เรื่องที่มาหลงรักลูกจ้างตัวเองงั้นเหรอ ทำไมล่ะ ลูกจ้างไม่ใช่คนหรือไง ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะมีตำแหน่งเป็นอะไร ถึงแม้จะเป็นยามบริษัท แต่ถ้าหากผมรักคุณ ผมก็จะอยู่กับคุณให้ได้”

“แหม ฟังแบบนี้ มันก็น่าปลื้มใจอยู่หรอกนะครับ แต่เคลวินต้องเข้าใจนะครับว่า ชีวิตคนมันไม่ใช่นิยาย น้อยคนจะรับได้กับความสัมพันธ์ที่เราเป็นอยู่นะครับ”

เคนทำท่าอ่อนอกอ่อนใจที่ผมไม่รับฟังอะไรง่ายๆ

“ก็ช่างปะไร รับไม่ได้ ไม่อยากร่วมงานในบริษัทผมก็ออกไปสิ”

ตอบไปอย่างพาลๆ

“อย่าพูดอย่างนั้นนะครับ คนเป็นประธานบริษัทคิดแบบนี้ ไม่ได้นะ บางทีเราอาจจะต้องเสียสละความสุขของตัวเอง เพื่อที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จนะครับ”

“จะพูดไงก็ช่าง ผมไม่อยากปีนขึ้นไปปักธงชัยบนยอดเขาเพียงลำพัง อยากมีคนข้างๆที่จะคอยแสดงความยินดีกับผม และคนคนนั้นก็คือเคนคนเดียวเท่านั้น”

ผมยืนกรานความคิดของตัว เคนส่ายหน้า ท่าทางกลุ้มอกกลุ้มใจกับความคิดของผม

“เฮ้อ เป็นประธานที่ดื้อจริงๆ”

“เพิ่งรู้หรือครับ น่าจะรู้ตั้งนานแล้วนะ ถ้าผมไม่ดื้อ คงไม่ตื้อให้คุณรับรักผมแบบนี้หรอก ผมอาจจะประสบความสำเร็จด้านเจรจากับนักธุรกิจมากมาย แต่ผมไม่สามารถโน้นน้าวใจเคนได้เลย เมื่อไหร่จะใจอ่อนยอมแต่งงานกับผมซะทีล่ะ”

กลับเข้าเรื่องเดิมอีกครั้ง ผมถือคติว่า น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน หัวใจอ่อนๆของเคนเมื่อเจอการตื้อของผม น่าจะหลงคารมกันบ้างล่ะน่า


..............................................

...........................................................

“เอ๋...คุยเรื่องคุณชาตรีอยู่ดีๆ ทำไมวกมาเรื่องนี้ล่ะ ไม่เอาๆเปลี่ยนเรื่องดีกว่า”

“แหม เคนอ่ะ พอจะพูดเรื่องแต่งงาน ก็เลี่ยงทุกที ก็ได้ ยังไม่พูดวันนี้ เอาไว้พูดวันหลัง ก็ยังไม่สาย วันนี้คุยเรื่องแก้ปัญหาคนคอยจับผิดกันก่อน ในความคิดของผมนะ ถ้าเราสองคนแต่งงานกัน ทุกอย่างก็จบ ไม่มีใครมาวุ่นวายกับเราอีกแล้ว”

ถึงจะเปลี่ยนเรื่อง ผมก็ดันกลับเข้ามาในประเด็นเดิมจนได้ เคนเกาหัวแกรกๆ คนซื่ออย่างเขาไม่ทันนักธุรกิจนักเจรจาต่อรองอย่างผมได้หรอก ความจัดเจนมันต่างกัน

“อ้าว สุดท้ายก็ลงแบบนี้จนได้ เคลวินช่วยเป็นงานเป็นการหน่อยได้ไหมครับ”

“ก็นี่แหละ เป็นงานเป็นการที่สุดแล้ว ผมกำลังหาวิธีการแก้ปัญหาไง”

“ทำแบบนี้ได้ซะที่ไหนล่ะ ผมไม่ได้อยากแต่งงานกับเคลวินนะครับ”

สามีของผมปฏิเสธ ทำเอาผมหน้าจ๋อย ดูสิ เรามีอะไรกันถึงขนาดนี้แล้ว เขายังไม่ยอมผมอีก จะให้ผมตื้อไปถึงไหนกัน

“เคนใจร้ายกับผมมากเลย”

ผมทำน้ำเสียงห่อเหี่ยว ท่าทางของผมคงเหมือนคนสิ้นหวังมาก มันคงไปกระทบกับจิตใจที่ขี้สงสารของเคน เพราะผมได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ

“ผมยังไม่คิดอะไรตอนนี้นะครับ อยากทำงานก่อน”

นี่เป็นการบ่ายเบี่ยงที่สุภาพของเขาแล้ว แม้มันจะหมายถึงคำว่าไม่ แต่ก็ช่วยให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาเป็นกอง ผมหวังต่อไปในอนาคตว่า เมื่อเคนทำงานจนประสบความสำเร็จ มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ เคนอาจจะมีเวลาคิดและทบทวนเรื่องราวของเรา และหากผมยังมั่นคงต่อเขา ไม่เปลี่ยนแปลง เคนอาจจะเห็นความดีของผมบ้างก็ได้

“ครับ ผมจะรอนะ”

ผมมองเขาทำตาเป็นประกายเว้าวอน และได้เห็นความหวั่นไหวในดวงตาของเขา ความใจอ่อนของเคนอาจจะช่วยให้ผมสมหวังได้ในที่สุด

“สำหรับเรื่องของคุณชาตรี ผมจะลองสืบดูนะ ผมจะแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องที่เขามาป้วนเปี้ยนแถวบริษัท คุณจะได้ไม่เดือดร้อน ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขามาจับผิดเราหรือเปล่า และถ้าใช่อย่างที่เราสงสัย ผมจะเรียกเขามาคุยนะครับ”

“แล้วระหว่างนี้ เราควรจะห่างๆหันดีไหมครับ เคลวินก็ไม่ต้องไปหาผมอีก เผื่อเขาสะกดรอยตาม”

“ไม่ครับ ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเด็ดขาด แหม รีบไล่ส่งผมเลยนะ รังเกียจผมเหรอ ไม่อยากเห็นหน้าผมอีกแล้วใช่ไหม”

ต่อว่าเขาอย่างงอนๆ ถึงแม้ผมจะผ่านเรื่องที่หนักหนาสาหัสมามากกว่านี้ แต่กับเรื่องละเอียดอ่อนเช่นความรัก ผมก็ค่อนข้างอ่อนไหว คนที่เคยชนะอะไรต่ออะไรมามากมาย ก็อ่อนแอเป็นเหมือนกัน

“เปล่าครับ อย่าคิดมากสิ แค่ไม่อยากให้คุณเดือดร้อน ถ้าคุณชาตรีสืบเรื่องของเราสองคนจริงๆ เขาต้องส่งคนมาสะกดรอยตามดูคุณแน่ ผมอยากให้คุณระวังตัวนะครับ”

“ถ้าเป็นเรื่องแค่นี้ ก็ไม่ต้องห่วงครับ ไม่มีใครสะกดรอยตามผมได้หรอก ผมมีผู้ช่วยเยอะ ห่วงแต่เคนนั่นแหละ จะอึดอัดไหม ถ้ามีคนตามสืบเรื่องของเราจริงๆ”



--------------------
ถามออกไปด้วยความห่วงใย ผมรอบจัดเพียงพอที่จะเอาตัวรอดได้ และความที่เป็นถึงประธานบริษัท นายชาตรีคงไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งให้ผมรู้ตัว เพราะนั่นย่อมหมายถึงอนาคตทางการงานของเขา แต่กับเคนซึ่งเป็นเพียงแค่พนักงานคนหนึ่ง อาจจะถูกตรวจสอบและติดตามได้ง่าย

ยิ่งเคนเป็นคนซื่ออยู่ด้วย เขาอาจจะเสียรู้ให้กับคนที่สอดรู้สอดเห็นก็ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นด้วยกับความคิดของตัวเองที่ว่า หากเขากับผมแต่งงานอยู่กินด้วยกัน ก็จะขจัดปัญหาทุกอย่าง และไม่มีใครนินทาว่าร้ายเขาด้วย ถึงจะมีก็คงไม่กล้าพูดให้เขาได้ยิน ก็สามีประธานบริษัทนี่นะ ใครจะกล้าพูดวิพากษ์วิจารณ์เราสองคนล่ะ

“ไม่รู้ครับ ผมเองก็นึกไม่ออกว่าจะเป็นยังไง”

ท่าทางเขาคงยังไม่คิดเตรียมการรับมือกับเรื่องนี้ น่าสงสารเขาจัง อยู่ดีๆก็ถูกลากเข้ามาให้เจอกับเรื่องวุ่นวายต่างๆ เป็นความผิดของผมแท้ๆทีเดียว แบบนี้คงต้องชดเชยให้เขามากๆแล้ว

“ยังไงเราสองคนก็ต้องพยายามต่อสู้นะครับ เพื่อที่เราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ผมไม่อยากให้เคนอึดอัด แล้วทิ้งผมไป ผมคงตายแน่ๆถ้าไม่ได้อยู่กับเคน”

ผมพูดออดอ้อนเขา อยากให้เขารับรู้ความรู้สึกของผม และร่วมสู้ไปด้วยกัน เคนยิ้มให้ผมเหมือนจะขำ สักพักก็ทำหน้าดุ

“คนป่วยอะไรเนี่ย พูดมาก ไม่เห็นไอเลย หายไข้แล้วใช่ไหมครับ”

โอ้ย...ลืมเลย มัวแต่ตื่นเต้นกับข่าวที่ได้ยิน กับกลัวเขาเปลี่ยนใจไม่คบผมต่อ เลยพูดออกมาเป็นชุด เคนเลยจับได้ว่าอาการของผมเริ่มจะดีขึ้นบ้างแล้ว

“ไม่นะ ยังไออยู่เลย แค้กๆๆๆ...เจ็บคอด้วย ...ตัวก็ยังร้อนอยู่เลยครับ ดูสิ”

เพื่อยืนยันว่ายังไม่หายป่วย ผมจึงไอโขลกๆ พลางดึงมือของเคนมาแตะที่หน้าผากของผม และทำท่าทางเหมือนคนป่วย คราวนี้ เคนหัวเราะก๊าก เขารู้ว่าผมโกหก แต่ก็ไม่ยักจะโกรธ กลับขำผม...อา...ชอบจัง เคนหัวเราะแล้ว เขาหัวเราะให้ผม รัก...หน้าตาแบบนี้ของเขาจัง รักเคนที่สุดเลย

“เคลวินเจ้าเล่ห์ตลอดเวลาเลยนะครับ ผมคงไม่ต้องห่วงคุณแล้วกระมัง เก่งแบบนี้ คงช่วยเหลือตัวเองได้แน่ๆ”

“ห่วงเถอะนะครับ ที่จริง ผมไม่ได้เหมือนอย่างที่คุณเห็นนะ ร่างกายภายนอกอาจจะแข็งแรง แต่ที่จริงอ่อนแอมาก โดยเฉพาะหัวใจ มันต้องการคนดูแลที่เก่งๆ เคนช่วยเป็นคุณหมอโรคหัวใจของผมได้ไหมครับ ได้ยาชูกำลังจากเคน รับรองผมต้องหายแน่ๆ”

อ้อนเข้าไปอีก น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน หัวใจของเคนที่อ่อนอยู่แล้ว คงต้องหวั่นไหว และรักผมได้สักวัน ก็ผมอุตส่าห์ลงทุนทำตัวน่ารักกับเคนแล้วนี่นา เคนจะใจแข็งเมินเฉยต่อผมก็เกินไปแล้ว

“ผมไม่ถนัดดูแลคนไข้เจ้าเล่ห์หรอกครับ ไม่ได้เรียนมา ถ้าให้เป็นหมอผีก็ได้ เคลวินนะผีสิงบ่อย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ผมไล่ผีให้เอาไหม”

หลังจากที่เคนหยุดหัวเราะผม เขาก็แซวผมกลับ ผมยิ้มแก้มแทบปริที่ได้ยินเขาโต้ตอบด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าอบอุ่นแบบนี้ ชอบบรรยายกาศตอนนี้จังเลย เคนเลิกระวังตัวกับผม และยอมพูดเล่นกับผมแล้ว อยากให้ตัวเองป่วยตลอดไป เคนจะได้พูดดีๆ และดูแลผมทุกวัน



--------------------
“เคนจะใช้อะไรรักษาผมหรือครับ ควายธนู หรือข้าวสารเสกล่ะ ผมไม่กลัวหรอกนะ”

นึกสนุกบ้าง เลยพูดโต้ตอบกลับ

“แหมรู้ดีจัง รู้จักการไล่ผีไทยด้วยหรือครับ ถ้าไม่กลัวงั้นเอาแบบนี้ ใช้สายสิญจน์มัด แล้วจับถ่วงน้ำดีไหมครับ”

“หือ...แค่เคนใช้ความรักผูกมัดผม และขังเอาไว้ใน 4 ห้องหัวใจของเคน ผมก็ไปไหนไม่ได้แล้วครับ ยอมศิโรราบ สิ้นฤทธิ์ทันที ไม่หลอกหลอนอีกต่อไป แต่จะทำแค่หลอกให้เคนรักผมเท่านั้น”

พูดแล้ว ผมก็ทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตา ยกสองมือขึ้น แล้วยื่นมาที่คอของเคน ทำท่าเหมือนผีจะบีบคอ เคนหัวเราะเอิ๊กอ๊าก หน้าตาของเขาดูสดใสมาก จนผมอดใจไม่ไหว ต้องดึงเขาเข้ามาหาผมบนเตียง แล้วกอดเขาไว้แน่น

“แต่ผมหลอกไม่เก่งนะ ต้องหัดอีกเยอะ ถึงจะหลอกให้เคนรักผมได้ ยกเว้นแต่พ่อหมอจะสงสารเห็นใจ เลี้ยงผีตัวนี้ไว้ใกล้ ๆ คอยดูแลรับใช้ เป็นทาสรักของหมอ”

ผมกระซิบเสียงอ่อนหวานข้าง ๆ หูเคน และจูบแก้มเขาอย่างรักใคร่ เคนนั่งนิ่งไม่ขยับ เขาปล่อยให้ผมกอด และจูบเขาตามสบาย ใจผมพองโตคับอก นี่เคนคงใจอ่อนให้กับผมมากแล้วกระมัง เขาถึงไม่ขัดขืนอะไรเลย

ดีจัง อีกไม่นาน ผมกับเขาคงได้แต่งงานอยู่กินด้วยกันแน่ๆ คิดแล้วก็ให้สุขใจไม่น้อย ตอนนี้ผมก็ได้แต่หยอดไปเรื่อย ๆ พร้อมกับการรอเวลาให้ความฝันผมเป็นจริง

“จะทานข้าวได้หรือยังครับ โจ๊กจะเย็นหมดแล้วนะ หรือจะให้ผมเอาไปอุ่นให้ใหม่”

เคนพูดขึ้น ผมเลยนึกขึ้นได้ว่า เขาเอาอาหารเช้ามาให้ผมทาน แต่ผมมัวแต่สนใจเรื่องประเด็นที่เขาเล่าให้ผมฟัง เลยไม่ได้สนใจที่จะทาน เคนเลยวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แล้วคุยกับผม ตอนนี้มันคงจะเย็นแล้ว เพราะสัมผัสกับความเย็นในห้องนอนของผม เขามองหน้าเพื่อรอคำตอบ ผมจึงพยักหน้าแล้วอ้อนต่อ

“ป้อนให้หน่อยนะครับ คุณหมอ”

สามีของผมยิ้ม แล้วดึงมือผมออกจากการกอดรัดเขา แล้วลุกไปที่โต๊ะที่วางโจ๊กเอาไว้ ก่อนจะเดินกลับมานั่งบนเตียง แล้วใช้ช้อนตักโจ๊กยื่นมาป้อนผม ตาของเราประสานกัน ผมเห็นความอ่อนโยนในนั้น มันทำให้ผมสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ผมอ้าปากรับโจ๊กกลืนลงคอ มันเย็นจริงๆด้วย แต่ทว่าผมกลับอบอุ่นในหัวใจ

“ทานยาแล้วก็นอนพักหน่อยนะครับ”

เขาบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะที่ยื่นน้ำและยามาให้ หลังจากผมทานโจ๊กจนหมดเกลี้ยงถ้วยแล้ว ผมทำท่าจะงอแง แต่เขาทำหน้าดุใส่

.............................................
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 16 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 16-08-2007 22:51:50
อิอิ มาทันแล้วว เย้ๆๆ มารอดุต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 16 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-08-2007 11:38:01
เหอ เหอ เคลวินนี่ช่างอ้อนเจง ๆ  :a10:   :a10:  :a10:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 16 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-08-2007 14:09:05
 :m24: :m24: :m24: :m24: :m24:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 16 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 18-08-2007 14:40:44
เจอลูกอ้อนอย่างงี้เคนจะรอดมั้ยเนี่ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 16 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 18-08-2007 20:34:11
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 16 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 29-08-2007 01:42:31
หง่ะ ไปไหนอ่ะ จะอ่านๆๆๆๆ

พี่เคทอ่ะครับ ทีนั้นไล่ผมไปแต่ง ดูตะเองจิ



รอนะครับๆๆๆ  แต่งไวๆนะครับ อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 16 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 01-09-2007 23:28:45
รอ .......... ร๊อออออ ...................รอ  :m18: :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 16 ส.ค. 50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 02-09-2007 05:47:56
ยังรอเรื่องนี้นะ พี่เคทเมื่อไหร่จะต่อเนี่ย  :m18:  :m18:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 2 ก.ย. 50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-09-2007 12:56:57
มาแว้ว อัพเดททันใจตามคำเรียกร้อง คิกคิก
 :m11: :m11:

......................................................

“ป้อนให้หน่อยนะครับ คุณหมอ”

สามีของผมยิ้ม แล้วดึงมือผมออกจากการกอดรัดเขา แล้วลุกไปที่โต๊ะที่วางโจ๊กเอาไว้ ก่อนจะเดินกลับมานั่งบนเตียง แล้วใช้ช้อนตักโจ๊กยื่นมาป้อนผม ตาของเราประสานกัน ผมเห็นความอ่อนโยนในนั้น มันทำให้ผมสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ผมอ้าปากรับโจ๊กกลืนลงคอ มันเย็นจริงๆด้วย แต่ทว่าผมกลับอบอุ่นในหัวใจ

“ทานยาแล้วก็นอนพักหน่อยนะครับ”

เขาบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะที่ยื่นน้ำและยามาให้ หลังจากผมทานโจ๊กจนหมดเกลี้ยงถ้วยแล้ว ผมทำท่าจะงอแง แต่เขาทำหน้าดุใส่

“ไหนบอกว่าให้ผมเป็นหมอไง ทำไมพูดอะไรถึงไม่เชื่อฟังครับ แบบนี้จะหายได้ไงกัน ถ้าทำตัวดื้อๆแบบนี้ จะพาไปส่งโรงพยาบาล ให้อยู่กับหมอจริงๆนะ”

สามีของผมขู่ด้วยน้ำเสียงเข้ม ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ ยอมทานยาโดยดี ที่จริงผมอยากจะลุกไปเดินเล่นยืดแข้งยืดขาบ้าง แต่สวมบทบาทคนไข้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แบบนี้ จะทำซ่าส์ก็ไม่ได้ เดี๋ยวเสียแผนหมด

อุตส่าห์หลอกเขามาที่เพนท์เฮ้าส์ของตัวเองได้แล้ว ก็ต้องพยายามเดินไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ผมต้องทำให้เคนยอมเป็นของผมที่นี่ให้ได้ อิอิอิ คิดแล้วก็ขำกับความช่วยร้ายของตัวเอง ใครที่มีสามีน่ารักแบบผมก็คงต้องยอมทำตัวเป็นเมียเจ้าเล่ห์ด้วยกันทั้งนั้น

“เคนต้องสัญญาก่อนนะครับ ว่าถ้าผมตื่นขึ้นมา ต้องเจอเคนนะครับ”

“ผมไม่ไปไหนหรอก คงจะอยู่ที่ห้องนี้แหละ เดินเผ่นผ่านข้างนอกไม่ดี เดี๋ยวคนเจอเข้า จะถูกสงสัยเอาได้”

เขาตอบด้วยท่าทีเนือยๆ ผมรู้ว่าเขาคงเครียดเรื่องนายชาตรีไม่น้อย แต่เขาพยายามที่จะไม่พูดมันออกมา คงกลัวว่าผมไม่สบายใจ ผมยิ้มให้เขา แล้วหลับตาลง ไม่อยากคุยเรื่องนี้อีก ใจคิดถึงวิธีการจะให้ได้ข้อมูลมา ว่านายชาตรีมาแถวนี้ด้วยจุดประสงค์อะไร เขากำลังปกปิดอะไรอยู่หรือเปล่า หากเขาต้องการจะจับผิดจริง ผมคงไม่เอาไว้แน่

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาหรือเปล่า ที่ทำให้ผมหลับไปนานมาก พอตื่นขึ้นมา ผมก็ไม่เห็นเคนอีกแล้ว สิ่งแรกที่ผมคิดออกคือ เคนคงลงไปหาข้าวปลาอาหารมาให้ผมทาน เพราะเขาทำกับข้าวไม่เป็น เขารับปากว่าจะไม่ไปไหน แต่ความที่ห่วงกลัวว่าผมไม่มีอะไรกิน ก็คงจะทำให้เขาเสี่ยงที่จะลงไปหาอะไรข้างล่างแน่ๆ ผมนึกถึงป้าหมี่ขึ้นมาทันที หรือว่าผมจะโทรให้แม่บ้านของผม มาทำอาหารให้กินดีนะ

แล้วผมก็เปลี่ยนใจ ล้มเลิกความคิดที่จะช่วนป้าหมี่มาที่นี่เพื่ออำนวยความสะดวกให้เราสองคน ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมพาเคนมานอนที่เพนเฮ้าส์ของผม ถึงแม้ว่าป้าหมี่จะรักผมมากเท่าไหร่ แต่การที่มีคนรู้เรื่องนี้น้อยที่สุดก็น่าจะเป็นการดี ผมอยากรักษาความลับให้เคน ผมกลัวเขาจะมีปัญหายุ่งยาก มากคนรู้เท่าไหร่ก็ยิ่งมากความ แค่ลุงเทพรู้คนเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว

ถ้างั้นผมควรจะทำอาหารกินกันกับเคนดีกว่า เพราะในตู้เก็บของในครัว ก็พอมีอาหารแห้งอยู่บ้างแล้ว และมีอาหารสดอยู่ในตู้เย็น ซึ่งป้าหมี่จะเอามาใส่ให้ใหม่เสมอทุกอาทิตย์ เผื่อว่าผมจะนอนค้างที่นี่ จะได้ทำอาหารกินเองได้ คนเลี้ยงของผมรู้ว่าผมนั้นชอบทำอาหารมาก และต้องการให้ในครัวมีทุกอย่างเตรียมพร้อมเสมอ เวลาที่ผมลงมือทำกับข้าวกินเอง จะได้ไม่ขาดเครื่องปรุงให้หงุดหงิดใจ



--------------------
แต่ก่อนอื่นผมต้องหาตัวเคนก่อน ว่าเขาอยู่ไหน เคนไม่ยอมเอาโทรศัพท์ไปด้วย เขายังไม่ยอมรับของที่ผมให้อยู่ดี คงต้องหาวิธียัดเยียดให้รับแบบแนบเนียน เคนจะได้ปฏิเสธลำบาก

การที่ผมติดต่อเขาไม่ได้ มันทำให้ผมหงุดหงิดมาก ผมอยากรู้ความเคลื่อนไหวของเคนตลอดเวลา ก็คนมันรักและห่วงนี่นา พอไม่เห็นหน้า หรือคลาดสายตาไปไหนก็จะกังวล ยิ่งตอนนี้ มีคนไม่หวังดี คอยสอดส่องเราทั้งคู่ มันยิ่งทำให้ชีวิตเคนไม่เป็นปกติสุขเหมือนเดิม ในเมื่อผมเป็นคนทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ผมก็ควรจะรับผิดชอบในตัวเขา

ผมเปิดประตูออกไปที่ระเบียง และชะโงกหน้าลงไปมองข้างล่าง ห้องพักของผมอยู่ชั้นบนสุดของตึก มองไปข้างล่างเห็นผู้คนตัวเล็กๆ ไม่ชัดเจน แต่ผมก็พยายามเขม้นมอง ยืนอยู่แบบนั้นเป็นนาน ผมก็ยอมแพ้ เลยตัดสินใจเดินเข้ามาในห้อง เพื่อรอเขา แต่รออยู่นานสองนานก็ยังไม่มา ผมเลยหาอะไรทำฆ่าเวลารอสามีสุดที่รักกลับเข้าห้อง

ทำน้ำผลไม้คั้นให้เขาทานดีกว่า คั้นเสร็จเอาแช่เย็นไว้ พอเขามาเหนื่อยๆ ดื่มแล้วจะได้สดชื่นอารมณ์ดี ความคิดไปแล้ว กายเลยตามไปบ้าง ผมเดินไปยังห้องครัว ที่มีเคาน์เตอร์บาร์กั้นบังไว้ เพื่อไม่ให้กลิ่น และ ควันจากการปรุงอาหาร ลอยมารบกวน พอเดินเข้าไป ผมก็ต้องหยุดกึก เมื่อเห็นเคนนั่งอยู่บนพื้นห้อง

แวบแรก ผมดีใจที่ได้เห็นเขายังอยู่ในห้องของผม ไม่ได้หนีไปไหน แต่ต่อมาผมก็คิดว่าเขาเป็นลมหรือเกิดอุบัติเหตุสักอย่างถึงได้นอนกองอยู่กับพื้นอย่างนั้น แต่เมื่อเดินไปหยุดยืนใกล้ๆก็พบว่าเคนกำลังหลับสนิทโดยเอาหลังพิงตู้เก็บภาชนะ ในมือถือตำราอาหาร ที่ถูกเปิดเอาไว้

ข้างๆตัวเขามีหนังสือเกี่ยวกับสูตรการปรุงอาหารหลากหลายชนิดวางอยู่ เห็นแบบนี้แล้ว ผมก็อดยิ้มไม่ได้ เคนคงใช้ช่วงเวลาที่ว่างอยู่จากการเฝ้าดูผม มาอ่านตำราทำอาหาร เขาคงพยายามเรียนรู้เพื่อทำกับข้าวให้ผมกินแน่ๆ ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก สามีของผมน่ารักจริงๆ

“เคน เคนครับ...ตื่นเถอะ นอนแบบนี้จะไม่สบายตัวนะครับ”

เขย่าตัวเขาเบาๆ เพื่อเรียกให้เขาไปนอนบนเตียง แต่เคนก็ยังไม่ตื่น สงสัยเพลียจากการดูแลผม น่าจะให้เขาได้พักบ้าง ผมตัดสินใจช้อนร่างของเคนขึ้นมา แล้วอุ้มตรงไปยังเตียงนอน นึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ถ้าใครมาเห็นผมในสภาพแบบนี้ คงหัวเราะแน่ที่ภรรยาตัวโต อุ้มสามีตัวเล็กกว่าไปนอน มันน่าจะกลับกัน ผมน่าจะเป็นฝ่ายถูกอุ้มมากกว่า แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา สรีระร่างกายไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าขนาดของหัวใจ

“เดี๋ยวผมทำกับข้าวให้ทานนะ คุณเหนื่อยดูแลผมมามากแล้ว นอนพักก่อนดีกว่า”

ผมกระซิบเบาๆข้างหู และจูบที่ปากของเคนแล้วรีบผละออกไป ก่อนที่จะยั้งใจไม่อยู่ เลิกล้มการทำกับข้าว แล้วหันมากินเขาแทน การอยู่ห่างจากสามีสุดที่รัก เป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะคิด ผมอยากจะอยู่กับเขาทุกวัน ทุกเวลา และรอที่จะให้ความฝันของผมกลายเป็นจริง

การนอนนานๆ ทำให้ผมรู้สึกเมื่อยขบ ผมบิดตัวไปมา และหักนิ้วมือตัวเองเพื่อทำให้กล้ามเนื้อและพลังวังชากลับคืน ก่อนจะเดินตรงไปยังตู้เย็น และหยิบอาหารสดออกมา วันนี้ผมกะจะทำมื้อใหญ่ให้เคนทาน ไหนๆเคนก็มีโอกาสได้มาที่เพนท์เฮ้าส์ของผม ดังนั้นต้องทำให้เขารู้สึกประทับใจ จนเขาอยากมาอยู่ที่นี่ วันนี้ต้องมีการเลี้ยงฉลอง



--------------------
เมนูมากมายปรากฏขึ้นในหัวสมอง อันโน้นก็อยากทำ อันนี้ก็อยากให้เคนได้ทาน ไปๆมา คิดได้เกือบ 20 รายการ จนผมต้องหัวเราะออกมาด้วยความขำ นี่มันแค่มื้อกลางวัน แต่ผมกลับคิดวุ่นวายไปหมด ที่จริง ทำอาหารเบาๆ แล้วไปฉลองมื้อหนักมื้อเดียวตอนเย็นดีกว่า

สรุปกับตัวเองเสร็จ ผมก็ลงมือทำอาหารง่ายๆสองสามอย่างเพื่อให้เคนทางแค่พออิ่ม แต่ไม่ต้องถึงขนาดจุกลุกไม่ขึ้น เพราะเดี๋ยวตอนเย็นเคนจะทานไม่ได้ พอทำเสร็จ ผมก็เอาขึ้นโต๊ะไว้รอท่า จากนั้นก็เดินไปหาเคนในห้อง

เคนยังหลับสบายอยู่บนเตียงนอน ผมยืนมองเขาอย่างเพลิดเพลิน จินตนาการโลดแล่นว่าถ้าผมกับเขานอนกอดกันบนเตียงใหญ่แบบนี้จะมีความสุขขนาดไหน ห้องก็กว้าง เตียงก็ใหญ่ เราสองคนคงสามารถทำกิจกรรมระหว่างสามีภรรยาได้เต็มที่ ตรงมุมไหนก็ได้

ยิ่งคิด ผมก็ยิ่งเกิดความหื่นขึ้นมา ความปรารถนาในกายของเคนลุกโพลงขึ้นจนดันกางเกงผม ทำให้รู้สึกเจ็บ ผมกระโดดขึ้นเตียงทันที

ร่างของเคนถูกดึงเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนของผม ท่าทางเขาจะยังไม่ตื่นง่ายๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเคนของผมขี้เซาแบบนี้ เขาคงเหนื่อยจริงๆ เพราะไหนจะต้องทำงานหนัก แถมซ้ำยังต้องมาดูแลผมที่ป่วยอีก พอได้พัก ก็หลับราวกับคนหมดสติ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยปลุกให้ลุกขึ้นมาทานข้าวก็ได้ ตอนนี้ให้เขาหลับในอ้อมกอดของผมไปก่อนแล้วกัน

กลิ่นกายของเคนหอมเข้าจมูกผม มันผสมกลิ่นเหงื่อหน่อยๆ แต่ก็เร้าใจที่สุด ผมอดไม่ได้ที่จะสูดดมกลิ่นของเขา เริ่มจากแก้ม ซอกคอ ละเรื่อยไป มือของผมข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้เสื้อของเขาและลูบไล้ ขอนิดหนึ่งแล้วกันนะเคน

ตามปกติผมจะไม่ชอบลักหลับใคร เพราะมันไม่สนุก แต่กับสามีขี้เซา ผมกลับตื่นเต้นอย่างประหลาด และก่อนที่ผมจะรู้ตัวว่าผมทำอะไรลงไป มือใหญ่ของผมก็ล้วงเข้าไปในกางเกงของเคนเสียแล้ว

อืม...ดีจัง ผมไม่ได้ทักทายเคนน้อยด้วยมือมาหลายวันแล้ว เขายังอยู่ดีมีสุข แถมขี้เล่นอีกด้วย โดนสัมผัสหน่อย ก็พองตัวขู่ผม ความอยากเจอหน้าเจอตากัน ทำให้มือข้างนั้นเลื่อนมาปลดเข็มขัดออกทันที ซิปกางเกงถูกเลื่อนลงอย่างช้าๆ เปิดทางให้มือผมเลื่อนเข้าไปลูบหัวเด็กน้อยในร่มผ้าของเคนเต็มที่ ในที่สุดผมก็พาเขาออกมาชมโลก เคนน้อยร่าเริงดีใจตื่นตัวเต็มไม้เต็มมือผม

“คนป่วยอะไรกันเนี่ย ลามกจริง กับคนหลับก็ไม่เว้น”

เสียงพึมพำอย่างงัวเงียดังขึ้น ทำให้ผมสะดุ้ง หันไปมองเคน ก็เห็นว่าเขาหยีตามองผมอยู่ เขาคงตื่นตอนผมลวนลามเขาแน่ๆ ผมหัวเราะแหะๆ แต่มือยังไม่ยอมหยุด

“เคนจะได้สบายตัวไงครับ”

เถียงไปแบบข้างๆคูๆ ทว่ามือยังเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ ทำไงได้ ตอนนี้อารมณ์ผมเตลิดแล้ว เคนดึงดูดผมเข้าหาเขาเองนี่นา ใครจะอดใจไหว สามีนอนอยู่บนเตียงของเราทั้งคน จะปล่อยให้รอดมือไปได้ไง เจ้าน้องชายตัวน้อยของเคนอยู่ในมือผมแล้ว กำลังคึกคักเต็มที่ รอให้ผมจัดการเขาต่อ

“อือ...ไหนว่า..อืม..ไม่สบาย...ยังไงครับ...โอว..”

เสียงเขาขาดเป็นห้วงๆ เมื่อผมหยอกล้อหนักหน่วงขึ้น

............................................................
................................................................


“ผมอยากตอบแทนเคนบ้างครับ คุณดูแลผมมาตลอดเลยตั้งแต่ป่วย เลยอยากทำให้คุณมีความสุขบ้าง ให้ผมทำนะครับ”

ผมมองตาเขาแบบเว้าวอน อยากให้เขาเข้าใจการกระทำของผม เคนไม่ตอบ หากแต่ใบหน้าที่แสดงออกถึงความซ่านสยิว ทำให้ผมรู้ว่ากายของเขากำลังประทุด้วยเพลิงเสน่หาที่ผมเป็นคนจุดให้กับเขา

“เคลวินเจ้าเล่ห์ เอาเปรียบผมอยู่ต่างหาก”

เคนกล่าวหาอย่างไม่จริงไม่จังนัก เขารู้ว่าที่จริงผมกำลังหาประโยชน์จากร่างกายของเขา โดยยกเรื่องความสุขของเขามาอ้าง แต่เขาก็ไม่โกรธ และไม่ขัดขืนผมด้วย แถมซ้ำร่างกายเขายังมีปฏิกิริยาตอบรับมือไม้ของผมอีก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เชิญชวน แต่คำตอบที่ได้จากร่างกายของเขา ทำให้ผมตัดสินใจเดินหน้า ผมเลื่อนตัวลงต่ำ และถอดกางเกงเขาออกจากตัว

“ให้ผมปลดปล่อยเคนเป็นอิสระจากความเหนื่อยล้านะครับ”

บอกเคนเสียงหวาน จากนั้นผมก็อ้าปากรับเคนน้อยเอาไว้ มือของผมนวดไล้โลมลูบร่างกายท่อนล่างของเขาอย่างแผ่วเบา และเคล้นคลึงแรงขึ้นเมื่อเจ้าตัวน้อยตื่นตัวสู้มือ

“อึ ..อื้อ...อา...”

เสียงครวญครางอย่างสุขสม กับสะโพกที่ส่ายเร่าเข้ากับการเคลื่อนไหวของมือผมที่กอบกุมและรุกเร้าเขาอย่างหนักหน่วงด้วยมือและปาก ทำให้ผมลอบยิ้มอย่างมีชัย ร่างกายของเขาแสดงความปรารถนาที่เร่าร้อนออกมาเต็มที่ ไม่มีเขินอาย หรือ ปิดกั้นตัวเองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

เคนของผมกำลังปล่อยให้ความพิศวาสเข้าครอบงำทีละน้อย ดูเหมือนเขาเองก็พึงพอใจในรสสัมผัสของผม เช่นเดียวกัน แต่เคนยังไม่กล้ายอมรับ เพราะมันขัดกับความเชื่อแต่เดิมของเขา ว่าผู้ชายควรคู่กับผู้หญิงเท่านั้น รักของชายกับชายเป็นเรื่องผิดปกติ แต่เขาก็เผลอไผลมอบกายให้ผมหลายต่อหลายครั้ง ยามถูกเล้าโลม

ถ้าเป็นแบบนี้เรื่อยๆ เคนคงเปลี่ยนใจมาชอบผมได้แน่ๆ ผมอาจจะต้องใช้ความพึงพอใจในเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นตัวนำไปพร้อมๆกับความรักและหวังดีที่ผมมีให้กับเขา เจอโจมตีพร้อมๆกันแบบนี้ เคนจะใจแข็งได้ก็ให้มันรู้ไป

“เคล...ผม..ผมไม่ไหวแล้วครับ...”

สามีของผมร้องบอกด้วยเสียงสั่นพร่า ร่างของเขาเกร็งเขม็ง ก่อนที่จะพ่นสายใยรักของเขาเข้าสู่ปากของผม รสชาติของมันหวานปะแล่ม แต่อร่อยลิ้น ผมกลืนทั้งหมดลงคออย่างไม่รังเกียจ และทำความสะอาดให้เขาจนหมด รวมทั้งร่องหลืบที่ซ่อนเร้นจนเปียกชุ่มฉ่ำ

จากนั้นผมก็เคลื่อนกายขึ้นทาบทับ ผมดึงเสื้อที่หลุดลุ่ยออกจากร่างของเคน และจัดการกับตัวเองบ้าง ในที่สุดร่างของเราทั้งสองก็เปล่าเปลือยแนบชิดกัน เมื่อครู่เคนสุขสมไปก่อนหน้าผมแล้ว ตอนนี้ ผมจะเริ่มมันอีกครั้ง เราสองคนจะไปถึงแดนสุขาวดีพร้อมๆกัน

“เคนครับ ....ครั้งนี้ผมขอนะ....”



--------------------
“อื้อ ...จะดีหรือครับ”

พูดแบบนี้ แสดงว่าสุดที่รักของผมตั้งท่าจะปฏิเสธแน่ๆ ขี้โกงจริงๆ ตัวเองได้ปลดปล่อยไปแล้ว จะทิ้งให้ผมค้างต่างอยู่ได้ไง แล้วเครื่องติดซะขนาดนี้ ผมไม่มีวันยอมหรอก ผมรีบปิดปากที่กำลังประท้วงของเขาด้วยปากของผม และส่งจูบที่หวานล้ำแต่เผ็ดร้อนให้กับเขา มือของผมลูบไล้ไปทั่วผิวที่เปล่าเปลือยของเคนตั้งแต่หน้าอกแบนราบ เรื่อยมาจนถึงท้อง ก่อนจะต่ำลงไปยังเบื้องล่าง

“ได้คำตอบหรือยังครับ ว่าดีไหม”

ถามเขาขณะที่มือและปากไม่ยอมหยุดการเคลื่อนไหว

“อึ...อึม...”

เขาครางในลำคอ เมื่อผมกอบกุมส่วนที่ร้อนผ่าวของเขาไว้อีกครั้ง

“เคนตอบผมให้ชัดๆ หน่อยได้ไหมครับ ว่าเคนชอบไหม”

ผมแกล้งหยอกเย้าเขา ปรารถนาจะทรมานเคน จนกว่าเขาจะสารภาพว่าต้องการผมเช่นเดียวกัน เมื่อครู่ทำท่าปฏิเสธดีนัก แต่ร่างกายกลับตอบรับการลวนลามผมเต็มที่ สองมือของเขาโอบรัดร่างของผมไว้ มือไม้ลูบไล้แผ่นหลัง เมื่อผมจูบ เขาก็สนอง เราสองคนแลกลิ้นกันนัวเนีย ผมย่ามใจจูบเขาแนบชิด แทบไม่มีช่องว่างให้อากาศผ่าน จนเมื่อเขาทำท่าว่าหายใจไม่ออก ผมจึงปล่อย และถามเพื่อเอาคำตอบที่ผมอยากฟัง

“อือ...ชอบครับ”

เสียงนั้นเกือบเหมือนเสียงคราง เคนมองผมตาปรอย ริมฝีปากบวมเจ่อจากการจูบที่ยาวนานของเรา ใบหน้าของเขายามนี้ดูแล้วรัญจวนใจยิ่งนัก

“อยากให้ผมช่วยปลดเปลื้องให้คุณไหมครับ”

กระซิบถามเขาเสียงสั่นไม่แพ้กัน มือรูดร่างกายของเขาขึ้นลง ปากก็ก้มดูดกลืนยอดอกของเคนที่ชูชันเป็นไตแข็งสู้ลิ้นของผม

“อื้อ...”

เคนตอบรับสั้นๆ คิ้วขมวดเข้าหากัน สีหน้าเหมือนคนกำลังได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ผมอยากได้ยินเต็มคำมากกว่านี้

“พูดสิครับ ว่าอยากให้ผมทำให้หรือเปล่า”

พร้อมกับคำถาม ผมก็โจมตีเคนซ้ำอีกระลอก ด้วยการใช้ลิ้นละเลงที่ยอดอก ก่อนจะลากลิ้นต่ำลงมาแถวท้องน้อย สะดือ และพื้นที่เหนือความเป็นชายของเขา โดยที่มือยังคงนวดเฟ้นเคนน้อยรูดขึ้นลงไม่ยอมหยุด น้ำใสๆไหลซึมออกมาจากส่วนปลายยอด สะโพกของเคนส่ายรับมือราวกับกำลังเริงระบำ มันทำให้ความร้อนรุ่มในกายผมถึงขีดสุด

“อื้อ..เคล.ครับ...ได้โปรดเถอะ”

ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง นี่เคนกำลังขอร้องผมอยู่หรือเปล่า

“ต้องการผมใช่ไหมครับ...”


..................................................................

หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 2 ก.ย.50
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 02-09-2007 13:53:30
 :m10: :m10: :m10:
 :o :o
ค้าง !!!!!!
 :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 2 ก.ย.50
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 02-09-2007 16:45:05
โอววววว เคลลลลล อื้อ อ้า  :m10:  :m10:

หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 2 ก.ย.50
เริ่มหัวข้อโดย: OhhO16 ที่ 02-09-2007 20:01:13
มาอัพกะเอาเราถึงตายหรอ คิคิ 55++

ไม่ไหวแล้วววววววววววววว
 :m10: :m10: :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 2 ก.ย.50
เริ่มหัวข้อโดย: wews ที่ 08-09-2007 18:28:35
 :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 2 ก.ย.50
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-09-2007 21:08:22
 :m30: :m30: :m30: :m30: :m30: :m30: :m30: :m30:

 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 2 ก.ย.50
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 09-09-2007 15:13:34
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด เอ็นซี อ่านแล้วจิตใจสั่นไหว  :o8: :o8:

แต่แล้วก็ตัดฉับไปซะดื้อ ๆ ชิร์  :a14: :a14:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 2 ก.ย.50
เริ่มหัวข้อโดย: MamyPoko ที่ 11-09-2007 18:26:39
 o9 :serius2: o17 :give2: :o8:  รอต่อไป เป็นกำลังใจนะครับ
http://www.dekbaba.com/upload/images/45941016.jpg
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 23 update 2 ก.ย.50
เริ่มหัวข้อโดย: peang ที่ 01-10-2007 16:19:16
 :sad2:  ค้างมานาน  ค้างอย่างแรง แล้วก็ยังคงค้างต่อไป  มะไหร่จะมาให้หายจิ้นอ่ะ จะลงแดงตายอยู้แล้ว  o9  ได้โปรดๆ  o1  รีบมาต่อเหอะน๊า อย่าให้ต้องถึงกับเลือดหมดตัวเลยเน้อ  :m10:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnkบบทที่ 25 update 12 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 12-10-2007 09:52:35
แหะ สงสัยพี่เคทคงยุ่งกับการพิมพ์นิยาย รอนานนิสสสสสสสส นุง
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

peang  หายไปนานมากเลยนะครับ  ไปเที่ยวไหนมาครับ อิอิ

เพื่อนๆคนอื่นอารมณ์ค้างก็............ไปก่อนนะ
 :m20:

บทที่ 25

ถามย้ำอีกครั้ง ที่จริงผมแน่ใจตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเคนต้องการผมมากแค่ไหน แต่ที่อยากฟังซ้ำ เพราะมันทำให้ผมเกิดความมั่นใจในตัวเอง ว่าผมสามารถสร้างความปรารถนาให้เกิดกับเคนได้ หากผมทำให้เคนติดใจ เคนจะได้ไม่คิดไปมีอะไรกับผู้หญิงจริงๆ

“อื้อ...”

สามีของผมพ ยักหน้าหงึกๆ ผมพอใจในคำตอบแล้ว แต่อยากทรมานเขาต่อ ยิ่งเขาต้องการผมมากเท่าไหร่ เขาก็จะเห็นผมสำคัญสำหรับเขาเท่านั้น ผมแกล้งเคนต่อด้วยการช้อนสะโพกของเขาขึ้น และใช้ลิ้นสำรวจช่องทางเล็กแคบซึ่งผมบุกเข้าไปเพียงไม่กี่ครั้ง เคนสะดุ้งเฮือก ส่งเสียงครางอื้ออึง แผ่นหลังโค้งขึ้น ทำให้สะโพกของเขาอยู่ในจังหวะที่เหมาะสมต่อการรุกรานของผมเต็มที่

“อย่าทรมานผมเลย ผม..ผมจะไม่ไหวแล้ว”

เ คนร่ำร้องอ้อนวอน ผมรู้สึกสาแก่ใจ และสุขสม เคนกำลังต้องการตัวผม เขาไม่อาจถึงสวรรค์ได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภรรยาคนนี้ ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียง และช้อนสะโพกเคนให้อยู่ในท่าตั้งรับ เอาขาของเขาพาดบ่าทั้งสองของผม และแทรกตัวลงไปในร่างที่ร้อนผ่าวรวดเดียวจนสุด เคนสะดุ้งเฮือก หลับตาปี๋ ใบหน้าเหยเก

“เป็นของผมนะครับ......”

บอกเขาเสียงหวาน เคนขานตอบด้วยเสียงครางอย่างเจ็บปวดระคนสุขสันต์

“อื้อ....อ๊า......อา...”

ภ ายในกายของเคนร้อนผ่าวไปหมด ผมขยับกายช้าๆ เพื่อลดการเสียดสี และรอเวลาให้เคนคลายความเครียดลง แม้ว่าผมจะเคยยุ่งกับเคนมาแล้ว แต่ก็ไม่กี่ครั้ง ถ้ำที่เล็กแคบของเคนยังไม่ชินกับร่างกายที่ใหญ่โตของผม จึงทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด และผมไม่ต้องการดึงดันทำตามใจตัวเอง เพราะนั่นจะทำให้เคนไม่ประทับใจ และไม่อยากมีอะไรกับผมอีก

“ผมรักเคนนะครับ”

บ อกรักเคนที่ข้างหูของเขา อยากให้เคนรู้ว่าเขามีค่าสำหรับผม อะไรก็ตามที่จะทำให้เคนมีความสุข ผมยินดีทำเสมอ รวมถึงการร่วมรักที่ร้อนแรงแบบคราวนี้ด้วย

“ครับ.....ผมรู้”

เ คนพึมพำเสียงพร่า คิ้วขมวดมุ่น ใบหน้าบิดเบี้ยว แต่เสียงครางที่เปล่งออกมา มันบ่งบอกว่าเขากำลังสุขสม ผมมีกำลังใจขึ้น ขยับกายเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เคนก็สนองรับผมเช่นกัน เพลิงพิศวาสโหมกระหน่ำซัดเราสองระลอกแล้วระลอกเล่า และผมกับเขาก็ไม่คิดจะยับยั้งมันไว้ ต่างคนต่างพากันลิ้มรสแห่งความสุขที่หลอมละลายเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกัน
\

.............................................
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 12 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: peang ที่ 16-10-2007 06:36:01
 :m3: ว๊ายกรี๊ดซัก 3 ตลบ กะลังจะดีใจที่เข้ามาแล้วได้อ่านต่อ ที่ไหนได้ จิ้นหนักไปกว่าเดิม  :m10:  แต่ก็ยังดีน๊า มีมาให้หายคิดถึง อิอิอิ  :m1:

คุงb|ueBoYhUb  ก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกจ้า วนๆเวียนๆ อยู่ในเล้า แต่ไม่ได้ลงทะเบียนใหม่เท่านั้นเอง เลยเป็นวิญญาณเร่ร่อน  เห็นเมลล์ที่ส่งไปให้ก็เลยสมัครอีกรอบนึง มาปรากฏตัว ปิ๊ง :m2:  ก็ได้แต่แอบตอดเรื่องนั้น เรื่องนี้ เรื่องจากเพื่อนๆมากมายยยยยย อ่านแทบมะทันเลยเจง   :a5:  แต่ยังไงซะ ก็จะรีบตามอ่านให้ครบ เพื่อเข้าไปโหวต ให้ทันให้ได้เลย สู้ๆ :a9:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 12 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: wews ที่ 17-10-2007 18:05:59
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ :m10: :m10: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 26-10-2007 09:54:25
ิจิ้นกันไปถึงไหนแว้ว
 :m25:
************

เนิ่นนานทีเดียวที่เราสองคนมอบความรักให้แก่กันโดยไม่หยุดพักให้เสียเวลาแม้เพียงนิด ผมเริ่มต้นครั้งใหม่โดยไม่ถอนกายออกจากร่างของเคน และเขาก็ไม่ผลักไส

สามีสุดที่รักของผม ปล่อยร่างกายให้เป็นไปตามธรรมชาติ เขาตอบสนองผมด้วยการกอดจูบเช่นเดียวกัน หัวใจผมเต้นรัว เมื่อรับรู้ว่า ในห้วงหฤหรรษ์ เคนไม่ได้หยุดคิดสักนิดว่าผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ใช่คนที่เขาใฝ่หา

“สุดที่รักของผม ผมรักคุณมากเลยรู้ไหม”

ผมพึมพำข้างๆหูของเคน เมื่อความหฤหรรษ์ผ่านพ้นไปแล้ว เคนยังคงนอนซบอยู่ที่หน้าอกของผม ท่าทางเพลียๆ ซึ่งก็แน่ละ เราสองคนทำกิจกรรมกันหลายครั้งมาก น่าจะสักเจ็ดครั้งได้มั๊ง

ผมแอบนับอยู่ เพราะนานๆจะได้ยุ่งเกี่ยวกับเคนซะที ก็เลยอยากรู้ว่า ผมจะมีเรี่ยวแรงพอทำได้มากน้อยขนาดไหน และเคนจะยอมผมโดยไม่มีร้องขอให้หยุด จนกว่าผมจะรามือเองหรือไม่ และคำตอบที่ได้ ก็ทำให้ผมพอใจไม่น้อย

“ครับ ขอบคุณครับ”

สามีของผมตอบกลับด้วยเสียงง่วงงุน เขากำลังจะหลับลงอีกครั้ง ตอนแรกผมตั้งใจจะปลุกเขาให้ไปอาบน้ำและทานข้าว แต่พอเห็นเขาลืมตาแทบจะไม่ไหว ผมก็เลยปล่อยให้เขานอนพัก ส่วนตัวเองก็ลุกไปเก็บกับข้าวเข้าตู้ เขาตื่นมาเมื่อไหร่ค่อยอุ่นให้ทาน มื้อกลางวันรวบไปทานเอาตอนบ่ายหรือไม่ก็ตอนเย็นเลย

หลังจากตระเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ผมก็อาบน้ำแต่งตัว แล้วมานั่งที่โต๊ะทำงานในห้องนอน เปิดคอมพิวเตอร์เช็คอีเมล์ที่เข้ามา บางครั้งผมติดตามความคืบหน้าในงาน จากข่าวสารที่ได้จากพนักงานระดับบริหาร ที่จะส่งรายงานเข้ามาทางเมล์ให้ผมทราบเป็นระยะ นอกเหนือจากรายงานที่เป็นตัวกระดาษ และการประชุมที่จัดให้มีทุกอาทิตย์

สายตาของผมไล่ไปตามตัวเลขสถิติต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอที่ฝ่ายต่างๆ จะส่งมาให้ผมดูก่อนที่จะมีการประชุมเพื่อแจ้งเกี่ยวกับผลงาน ซึ่งมีการวัดอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข เพื่อให้เห็นอย่างเด่นชัด

แล้วสายตาผมก็มาสะดุดเข้ากับรายงานจากแผนกหนึ่ง มันถูกส่งเข้ามาให้ผมเมื่อเช้านี้ เป็นของหน่วยงานที่คุณชาตรีดูแลอยู่ ส่งมาในชื่ออีเมล์ของเขา ความฉงนสนเท่ห์เกิดขึ้นกับผมทันที

เมื่อเช้านี้ เคนบอกว่าเจอผู้จัดการชาตรีเขาบอกว่าเขาลืมของไว้เลยขึ้นมาเอา มันเป็นของสำคัญที่จะใช้สำหรับการประชุมกับผมในเช้าวันจันทร์ แสดงว่าเขาต้องขึ้นมาที่ตึกนี้นานมาก เพราะมันถูกส่งมาก่อนเวลาที่จะเจอเคนอย่างแน่นอน แสดงว่าเขาอยู่ที่นี่นานพอสมควร

ในรายงานเมื่อมองผ่านๆไม่มีอะไรที่น่าติดใจ ผมยังไม่ได้ดูละเอียดนัก ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะรอฟังการชี้แจง แล้วดูตามพร้อมกันไปอีกที คิดว่าคนอย่างนายชาตรีที่ทำงานมาอย่างเนิ่นนาน คงไม่บริหารจนเกิดความผิดพลาดแน่ๆ ส่วนที่ผมคลางแคลงใจ คือการขึ้นมาที่บริษัทนี้นานมากต่างหาก

รู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะ แม้จะรู้ดีว่า ไม่มีพนักงานคนใด จะกล้าขึ้นมาในส่วนที่เป็นเพนท์เฮ้าส์ของผม หากไม่ได้รับอนุญาต แต่เมื่อเรากำลังปกปิดอะไรบางอย่าง มันก็อดที่จะรู้สึกร้อนตัวไม่ได้ ผมไม่อยากอยู่ในสภาพที่ต้องคอยระแวงว่าจะมีใครมาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเราแบบนี้



--------------------
..............................................

ความกังวลใจ ทำให้ผมโทรหารปภ.ที่เฝ้าอยู่ที่ชั้นที่ผมใช้เป็นที่ทำงานของผมทันที เพราะนั่นเป็นด่านแรก ก่อนจะขึ้นมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของผม ใครผ่านไปผ่านมาเขาจะต้องเห็น

รอสักพัก รปภ.ถึงมารับสาย ผมถามเขาเสียงเรียบ ไม่ให้มันดูเป็นเรื่องสำคัญอะไร บอกเขาว่าวันนี้ผมมาพักที่นี่ ไม่ต้องการการรบกวน และบอกเขาว่าหากใครต้องการจะขึ้นมาชั้นนี้ ให้บอกว่าผมไม่อยู่ และขึ้นมาไม่ได้ เขาก็รับคำ

ผมจึงถามต่อไปว่า ตลอดเช้าของวันนี้ มีใครที่ขึ้นมาข้างบนบ้างไหม เขาตอบว่าไม่มี เขาอยู่ตลอด ถ้าจะไปห้องน้ำก็จะมีคนพลัดเปลี่ยน ผมกล่าวขอบคุณเขา รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ยังคงกังวลใจอยู่ วันนี้ใครๆอาจจะไม่รู้ แต่วันหน้าอาจจะไม่แน่

อยากให้เรื่องนี้มันได้ข้อสรุปเร็วๆจัง ผมอยากอยู่กินกับเคนอย่างเปิดเผย แต่สภาพสังคมไทยไม่รู้จะรับได้หรือเปล่า แต่ผมจะต้องแคร์ทำไมล่ะ ผมเป็นฝรั่งนี่นา ไม่ใช่คนไทยนี่นา

ไม่รู้ล่ะ ใครจะว่าก็ว่าไป ผมไม่สนหรอก ผมรักเคน เมื่อไหร่ก็ตามที่เขารับรักผม เราจะอยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องหลบซ่อนเสียที ผมคิดในใจอย่างเข้าข้างตัวเอง

“เอ๊ะ อะไรเนี่ย”

ผมร้องอุทานออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อได้อ่านอีเมล์ฉบับต่อไป เป็นของฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัท ส่งมาให้ผมอ่าน เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่จะจัดให้พนักงานไปพักกัน และกำหนดการว่าจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง และเรื่องที่ผมจะต้องพูด

ปีนี้ จะเน้นให้พนักงานได้เที่ยวกันทั้งบริษัท ในวันเสาร์และอาทิตย์ โดยจะจัดไปเที่ยวแถวระยอง โดยจะมีกิจกรรมสัมมนาช่วงเช้า โดยจะเชิญวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญมาบรรยายในหัวข้อ “หัวใจของงานบริการ” เพื่อให้พนักงานได้ตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานที่ต้องใส่ใจกับผู้รับบริการเป็นหลัก

เพื่อให้ลูกค้าประทับใจ อันจะเกิดเป็นภาพพจน์ที่ดีของบริษัท ช่วงบ่ายก็จะเป็นการแข่งขันกีฬา โดยมีการแบ่งสี ซึ่งจะมีทีมของพนักงาน และทีมของผู้บริหาร

ซึ่งผมเองก็ต้องลงแข่งด้วย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับพนักงาน สองวันนี้จะถอดหัวโขน หรือตำแหน่งงานออกไปให้หมด ทุกคนจะอยู่ร่วมกันอย่างพี่น้อง และผองเพื่อน

ทางฝ่ายทรัพยากร แจ้งห้องพักมาให้ด้วย แน่นอน ผมได้พักที่เรือนพักระดับวีไอพี แต่นอนคนเดียว ผมมองหารายชื่อของเคนว่าเขาพักกับใคร ปรากฏว่าชื่อของเขาไปนอนเบียดอยู่ในห้องสามคนกับพนักงานฝ่ายอื่น ผมรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที

ใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้กัน ทำไมต้องให้เคนซึ่งเป็นเลขาของผมไปนอนกับคนอื่นด้วย เขาน่าจะได้อยู่ใกล้ชิดผมมากกว่า ทำแบบนี้เหมือนไม่ให้เกียรติกันเลย แบบนี้ต้องโวยแล้ว

ผมเปิดสมุดโทรศัพท์ หาเบอร์ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ตั้งใจจะโทรไปเม้งเขา แต่แล้วผมก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน กดโทรศัพท์หานนนี่เลขาส่วนตัว ผมอยากถามก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น นนนี่รู้เรื่องนี้ไหม แล้วเธอเป็นคนให้เคนไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า

ถ้าใช่ ผมจะเล่นงานนนนี่เป็นคนแรก ผมคิดว่าเลขาผมฉลาด เธอรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไรกับเคน แต่เธอไม่เคยฉีกหน้าผมเลยสักครั้ง เพราะผมเองก็ไม่เคยทำอะไรประเจิดประเจ้อน่าเกลียดให้ลูกน้องนินทาได้

..................................................

หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 29-10-2007 00:52:51
ในที่สุดก็มาต่อ ขอบคุณคับ   :m13:

ป.ล.รู้สึกว่าเล้านี้จะช่วยกันทำมาหากิน ช่วยกันลงดีจัง  :m14: :m14:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 29-10-2007 09:46:48
แหม บริษัทนี้ดีจัง อยากไปทำมั่ง
จะเอาพนักงานมานอนกกทุกวัน
 o17 o17 o17 o17
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-10-2007 18:17:23
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: Turn_righT ที่ 03-11-2007 23:42:29
ดัน ดัน ดัน ขึ้นมาหน้าที่ 1 ละ  :m19:

 :a11: :a10: :a3: :a11:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: image_papa ที่ 11-11-2007 23:20:53
 :m18: :m18: รออ่านต่อนะคับ มาต่อไวไวนะครับ คิดถึงมากมาย
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: peang ที่ 13-11-2007 10:45:53
 :sad2:  ไมหายไปนานงี้อ่ะ  รอแล้วรอเล่า รอร้อรอ  o9  รีบมาเหอะน๊า......  มีคนเค้ารอตัวอยู่น๊า  เค้าอยากจิ้นต่ออ่า.... :m10:  แฮะๆ ออกหน้าออกตาไปแระ  ไงๆก็รีบมาต่อน๊า  :m5:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 05-03-2008 17:07:07
มาต่อแว้ว เนื่องจากนิยายที่พี่เคทหลายเรื่องเซฟไว้ใน thumb แล้วหายหมด
เลยต้องเขียนใหม่ และประกอบกับพี่เคทมีนิยายหลายเรื่องออกพิมพ์
ไปอุดหนุนกันได้นะครับ
http://katesnk1405.invisionplus.net/index.php?mforum=katesnk1405&showtopic=1111
*******
นนนี่ทำงานกับผมมานานแล้ว เธอค่อนข้างจะรู้ใจผมดี ว่าผมต้องการอะไร เธอเป็นคนที่ทำงานดีมาก เรียบร้อย และสามารถจัดการงานต่างๆ หลายอย่างได้ดีจนผมสามารถไว้วางใจให้นนนี่ช่วยดำเนินการให้ในบางอย่าง

ที่สำคัญเธอยังเป็นคนรักษาความลับได้ดีมาก การตัดสินใจทุกอย่างในเรื่องการงาน เมื่อบอกเธอไปแล้ว จะไม่มีการหลุดกระเด็นไปให้ใครได้ยินเด็ดขาด

ผมจึงเชื่อใจเธอมาก และกล้าบอกอะไรหลายอย่างให้เธอรู้ แม้แต่เรื่องเกี่ยวกับเคน ซึ่งเธอก็รับฟังอย่างเข้าใจ แม้จะไม่แสดงความคิดเห็น แต่ก็ไม่เคยตั้งท่ารังเกียจ หรือพูดให้ผมไม่สบายใจ แถมยังดูจะเชียร์ให้ผมชอบกับเคนอีกด้วย

“มีอะไรหรือคะเจ้านาย”

เลขาสุดสวยของผมรับสายด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง มันทำให้ความหงุดหงิดของผมเมื่อครู่คลายลง ผมบอกเธอถึงเรื่องที่คับข้องใจทันที

“อ๋อ เรื่องนี้เอง พอดีว่าตอนแรกไม่ได้มีชื่อของเคนในลิสต์พนักงานที่จะไปเที่ยว เพราะเราไม่ได้ให้พวกลูกจ้างชั่วคราวไป เพิ่งมาเปลี่ยนตอนหลังนี่เองตามคำสั่งของเจ้านายไงคะ

ทีนี้ห้องมันก็ไม่ว่าง เพราะเรามาเพิ่มตอนหลัง คุณชาตรีเลยสั่งให้คนจัดการเรื่องห้องพักให้เคนไปนอนเบียดกับพนักงานคนอื่นๆค่ะ”

เลขาสาวอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น ผมจึงถึงบางอ้อ และแอบเขินนิดหน่อยที่ตัวเองเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจเลยก่อให้เกิดความยุ่งยาก เป็นเพราะผมเองที่จัดการเรื่องนี้ล่าช้า ก็เลยทำให้ไม่มีห้องเพียงพอสำหรับลูกจ้างชั่วคราวที่ไม่ได้อยู่ในโผตั้งแต่แรกที่จะไป ทว่าผมได้ตัดสินใจไปแล้ว ยังไงเคนก็ต้องไปพักใกล้ๆกับผม

ไม่มีวันที่ผมจะให้สามีสุดที่รักไปนอนเบียดคนอื่นอย่างลำบาก หรืออยู่ไกลหูไกลตาของผมแน่ๆ ผมสาบานว่ามันจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะใช้อำนาจที่มีอยู่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์บริษัทที่ผมเป็นคนตั้งขึ้น และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะปฏิบัติตามกฎของผมด้วยความตรงไปตรงมา

และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ผมต้องการ ผมจึงเอ่ยปากขอให้เลขาของผมช่วยจัดการให้

“ให้เขามานอนที่เดียวกับผมได้ไหม เรือนพักวีไอพีที่ผมได้พัก มันไม่ได้มีห้องเดียวไม่ใช่เหรอ ก็ให้เขามานอนอีกห้องแล้วกัน เพราะเขาเป็นเลขาของผมนะ ถ้าผมต้องการอะไรด่วนๆขึ้นมา จะได้เรียกใช้เขาได้”

อะไรด่วนๆที่ว่านี่หมายถึงเรื่องอย่างว่าด้วย นึกแล้วก็อดหื่นไม่ได้ ต้องรีบกัดริมฝีปากตัวเอง กลัวว่าคำพูดจะหลุดออกมา

“รับทราบค่ะ คุณเคลวิน เดี๋ยวนนนี่เคลียร์ให้ค่ะ แต่จะให้เคนนอนอีกห้องหนึ่งหรือคะ แน่ใจนะว่าไม่ให้เคนมาอยู่รับใช้ในห้องเดียวกัน”

นนนี่รับปาก จากนั้นก็แซวด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ตอนนี้ผมกำลังอารมณ์ดี เพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ จึงไม่ได้ถือสากับคำพูดแซวของเธอ แต่รับมุขที่โยนมา และท้าทายให้เธอทำ

“เอาสิ ถ้าคุณจัดการให้ผมได้นะ แล้วหาข้อแก้ตัวดีๆให้ผมด้วย ไม่ใช่ไม่อยากทำนะ ผมไม่อายหรอก กลัวเคนจะอาย ถ้าคุณทำให้ผมกับเขานอนห้องเดียวกันได้ โดยไม่มีใครนินทาทั้งบริษัท ผมขึ้นเงินเดือนให้คุณสองเท่าเลยเอ้า...”

“โห เจ้านายขา รางวัลยั่วใจนะนั่น อยากทำให้ได้เหมือนกัน แต่ถ้าต้องเล่นกับความรู้สึกชอบใจไม่ชอบใจของคนหมู่มากนี่ มันเกินกว่ากำลังของนนนี่ค่ะ ให้ทำงานอื่นยังง่ายกว่า อย่างโน้มน้าวใจให้เคนชอบเจ้านาย อันนี้สบายมากค่ะ”

เลขาที่แสนจะรู้ใจผมตอบกลับ ในเวลางานเธอจะพูดคุยกับผมอย่างสุภาพ ไม่พูดเล่นหยอกเอิน รักษาหน้าผมในฐานะเจ้านาย แต่นอกเวลางาน หรือถ้าไม่มีพนักงานคนอื่นอยู่ใกล้ๆ เธอก็จะมีหยิกหยอกผมบ้าง แลผมก็ไม่เคยถือสาหาความอะไร เพราะเราทำงานรู้จักรู้ใจกันมานาน

“ทำได้จริงๆเหรอนนนี่...”

ถามอย่างไม่อยากเชื่อ ขนาดผมเอง โน้มน้าวเอาตัวเข้าแลกอย่างไร เคนก็ไม่ใจอ่อนง่ายๆ แล้วเขาจะเชื่อคำพูดไม่กี่คำของเลขาผมได้อย่างไร



--------------------
“ต้องลองดูค่ะ คุณเคลวิน อยากให้ลองพูดดูไหมคะ”

“ไม่ดีกว่า”

ผมเปลี่ยนใจกระทันหัน ที่จริงก็อยากจะใช้ตัวช่วยเหมือนกัน แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้ว เคนอาจจะไม่ได้ยอมรับรักผม เพราะเขารู้สึกดีกับผมจริงๆก็ได้

“ผมอยากจะลองพยายามทำด้วยตัวเองดูก่อน ถ้าหากไม่สำเร็จ ผมถึงจะขอให้คุณช่วยแล้วกัน”

“ตกลงค่ะคุณเคลวิน นนนี่เอาใจช่วยนะคะ เพราะนนนี่ก็อยากให้เจ้านายมีความสุขมากๆ เคนเขาเป็นคนดี เขาต้องเป็นคนรักที่ดีให้กับเจ้านายได้เช่นเดียวกัน”

ประโยคสุดท้ายของเลขาสาวสวย ทำให้ผมใจพองโตคับอก แม้แต่นนนี่ ยังเห็นดีเห็นงามไปด้วย เธอไม่ได้แสดงท่ารังเกียจที่เจ้านายที่เป็นเกย์อย่างผม หรือใช้คำพูดโน้มนำให้เปลี่ยนใจ แต่กลับคอยมองหาคนดีๆให้ผมด้วย และที่ยิ่งประทับใจก็คือ เธอเห็นด้วยว่าเคนเหมาะสมกับผมจริงๆ

คิดถึงเคนขึ้นมาอีกแล้ว ป่านนี้สามีของผมจะตื่นขึ้นมาหรือยังหนอ ผมทำกับเขาหลายครั้งมากจนทำให้เขาเหนื่อยอ่อน นอนหลับไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียง

ผมกลัวว่าเขาจะนอนจนเลยเวลาอาหารจัง กลัวว่าเขาจะไม่สบายตัว กลัวจะหิวจนแสบท้อง หรือไม่ก็พาลเป็นไข้ เห็นทีว่าผมจะต้องไปปลุกสุดที่รักของผมเสียแล้ว

ร่างที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนที่ฟูกหนานุ่ม ดึงดูดให้ผมรีบคลานขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว ผมดึงตัวเขามากอดในอ้อมแขน อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบที่แก้มและปากของเขา

มีเสียงหัวเราะดังออกมาให้ได้ยิน ผมก้มลงมอง ก็เห็นเคนลืมตาแป๋วๆขึ้นมองผม เขายิ้มให้อย่างล้อเลียน

“นิสัยแมว ยังไงก็อดที่จะขโมยกินปลาไม่ได้ ใช่ไหมครับ”

อายจัง สามีว่าผมเป็นแมวเหรอ ส่วนตัวเขาเป็นปลา ผมไม่ค่อยเข้าใจสำนวนไทยนัก ไม่รู้ว่าที่เขาเปรียบมันเข้ากับเราสองคนหรือเปล่า แต่ผมก็อดหัวเราะไม่ได้ ผมไม่ได้อยากจะขโมยนะ แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆนี่นา ก็เคนอยากน่ารักทำไมล่ะ ใครอดใจไหวก็บ้าแล้ว

“เคนชอบหรือเปล่าละครับ”

ถามแล้วก็ไม่รอคำตอบ ผมประกบปากกับเคนทันที หัวใจผมเต้นรัวแรง เมื่อเคนจูบโต้ตอบผม รู้สึกดีจัง เขาไม่ชิงชังรังเกียจการจูบกับผู้ชาย หลังๆมานี้เขาเผลอตัวสนองตอบผมบ่อยๆ

ไม่รู้ว่าผมเล้าโลมเก่ง หรือว่าเขามีใจให้กับผม ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อย อีกไม่นานเคนก็คงรับรักผมอย่างแน่นอน ความคาดหวังว่าเรื่องดีๆจะเกิดขึ้นกับผมในวันข้างหน้า ทำให้ผมทุ่มเทกับการจูบในครั้งนี้มาก

“โอ๊ย พอแล้วครับ เรี่ยวแรงมาจากไหนเนี่ย”

ทันทีที่ผมถอนริมฝีปากออก เคนก็ต่อว่าผม หน้าแดงก่ำ เขาอ้าปากหอบหายใจ โกยอากาศเข้าเต็มปอด หน้าตาตอนนี้ของเขาน่ารักมาก

ผมอยากจะจูบเขาอีก แต่กลัวว่าจะทำให้เขาหายใจไม่ออก เลยเปลี่ยนมาหอมที่แก้มแรงๆแทน เคลยิ้มขำกับท่าทางคลั่งไคล้เขาที่ผมแสดงออก จากนั้นก็เอ่ยปากถามผม

“ที่มาปลุกผมนี่ นอกจากจะเพื่อลวนลามแล้ว เคลวินยังต้องการอะไรอีกหรือเปล่าครับ”

ต้องการตัวคุณยังไงล่ะ เกือบจะตอบแบบนี้ออกไปแล้ว ถ้าไม่เห็นเคนจ้องผมกลับมาอย่างรู้ทัน ผมเลยบอกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง

“จะมาปลุกไปกินข้าวครับ นี่เย็นแล้วนะ ไม่หิวหรือครับ ตอนกลางวันก็ไม่ได้กินมาครั้งหนึ่งแล้ว เดี๋ยวแสบท้องแย่”

“ก็ใครล่ะ ที่ทำให้ผมไม่ได้กินข้าว”

เขาต่อว่าผม คงจะนึกหมั่นไส้ที่ผมเป็นต้นเหตุให้เขาท้องว่าง แถมยังมาพูดแบบไม่สำนึกผิดอีก คำพูดของเขาทำให้ผมรู้สึกอาย แต่ผมก็ไม่ได้สำนึกว่าจะต้องเลิกลวนลามเขา ยอมเป็นคนลามกหื่นกามตามแต่เขาจะคิด ก็ด้านได้ อายอดนี่นา

...................................................................




--------------------
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: ImPatty ที่ 06-03-2008 08:43:14
 :m4:  ดีจัง  มาต่อแล้ว   :m4:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 08-03-2008 05:16:16
มาต่อเร็วๆๆเน้อ พี่น้อง
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: katesnk ที่ 19-04-2008 02:45:43
 :L2: :L2: มาขอบคุณคนโพสต์แล้วก็คนอ่านทุกคนค่ะ พี่เคทไม่ได้เข้ามานานเลยสำหรับเวปนี้ ตั้งแต่คอมถูกไวรัสลง   :a6:ลิงค์ก็หายหมดเลย นี่เพิ่งได้ลิงค์มาจากเมล ร้านคุณเจ๊อายู เลยได้โอกาสเข้ามา  :a1: ต่อไปก็จะพยายามเข้าให้มากขึ้นนะคะ  :a4:

แล้วเรื่องนี้ก็จะพยายามเขียนลงให้บ่อยๆนะคะ  :a2:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 19-04-2008 19:37:36
ชอบพี่เคทมากก๊าบ
มาเปงกำลังใจให้
แล้วก้อต่อเร็วๆๆๆเน้อ
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-08-2008 20:10:46
ย้ายกระทู้ออกมาไว้ข้างนอกให้แล้วนา มาต่อที่กระทู้นี้เลยดีมั๊ย  :oni2:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 26-10-2008 07:59:05
เด่ยวตามมาอ่าน
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 13-02-2009 05:56:44
ตามอ่านจบแล้ว
อ่านจบสองส่วนเลย
เด๋วเมนท์ที่ทู้โน้นนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: Heater ที่ 17-02-2009 20:27:53
คู่นี้ หวานซ้าาา :z1:

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: everytime ที่ 04-03-2009 03:03:25
ไมไม่มีอ่ะ

ค้างคา :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-03-2009 22:03:11
อยากอ่านต่ออีกอะ ทำมัยเคลวินเจ้าเลห์แบบนี้ :o8:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: seacow ที่ 29-03-2009 04:05:59
 :monkeysad:
อยากอ่านต่อง่า
เค้าหาอ่านกันที่ไหนนนนนน
ไม่มาโพส ต่อแล้วหรอออออออออออ
 :m15:
มันค้างคาน๊า :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: lalala123 ที่ 29-03-2009 15:40:07
จะมาต่ออีกไหมง่า
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: lunarinthesky ที่ 19-07-2009 01:13:10
มาอ่านเรื่องนี้ รอหนังสือค่ะ

หลงรักพ่อฝรั่งหัวทอง ตาฟ้า น่ารักที่สุด

ขอให้พี่เคทหายป่วยเร็ว ๆ นะค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: akazu ที่ 18-10-2009 23:48:52
 :m16:เคนเดือดปุด เป็นสามีที่รับ ปล่อยให้ภรรยารุก เฮ้อ....เสียเปรียบดีจัง
แต่ภรรยาก็แสนจะน่ารักน่ะ ดูแลให้ทุกอย่าง คิดแทนทุกอย่าง เป็นห่วงไปหมด
เป็นบอสที่เข้ม ภรรยาที่อ่อนโยน โอ้ย เมื่อไรเคนจะรับรักสะทีละจ๊ะ บอสเค้า
คิดมากน่ะเนี่ย
ปล.ไม่มาต่อแล้วหรอค่ะ หรือพี่เคสยังแต่ไม่จบง่ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: tannumsailailin ที่ 17-12-2009 22:27:05
ใครอ่านเรื่องนี้อยู่แล้วค้าง....ตามต่อได้ที่ลิงค์ข้างล่างนะค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5819.0

คนโพสต์ใจร้ายอย่างแรงกว่าจะตามหาตอนต่อไปเจอ

นั่งไล่กระทู้ตาแฉะเลย

แต่ไม่ท้อเพราะเราแฟนนิยายพี่เคท

ขอบคุณมากมายที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: Phelyra ที่ 21-02-2010 17:51:21
ขอบคุณนะค่ะ  :-[ อายแทนเลย
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: LoveVariety ที่ 05-03-2010 12:33:01
 
:L1:หวัดดี  :กอด1: :L2:ไรเตอร์ 
พึ่งจะได้เข้ามาเม้นให้กำลังใจ
อ่านไปได้หลายตอนแล้วล่ะ :z2:
 ชื่นชอบเคนเป็นที่สุด :man1:
แล้วจะติดตามต่อไป :call: 
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 07-03-2010 09:38:36
ใครอ่านเรื่องนี้อยู่แล้วค้าง....ตามต่อได้ที่ลิงค์ข้างล่างนะค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5819.0

คนโพสต์ใจร้ายอย่างแรงกว่าจะตามหาตอนต่อไปเจอ

นั่งไล่กระทู้ตาแฉะเลย

แต่ไม่ท้อเพราะเราแฟนนิยายพี่เคท

ขอบคุณมากมายที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านค่ะ




ขอโทษจริงๆ ค่ะ ลืมไปเลย  ขอบคุณที่มาใส่ลิงค์ให้นะคะ
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 25-03-2010 22:48:42
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆน่ะครับ

 o13
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 29-03-2010 15:27:22
กว่าจะอ่านครึ่งนี้จบ เล่นเอาปวดตาหน่อยๆ
พี่เคทแต่งนิยายสนุกมาก
เคลวินก็หื่นซะ! เป็นเมียนะคุณ
แถมเป็นเมียรุกอีก  :laugh:
จะมีวันที่หนุ่มเคนจะรุกกลับไหมนะ?
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 02-04-2010 16:44:20
น่ารักอีกแล้ว พี่เคท
แต่สามีภรรยา มันสลับตำแหน่งกันหรือเปล่านี่  :a5:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: darkeyes1 ที่ 16-05-2010 18:01:09
โอ้  กำลังนั่งทำงานจิปาถะให้ทันพรุ่งนี้พอดี  แล้วกำลังอ่านตอนนี้ไปด้วย  แล้วก็พึ่งอ่านจบตอนที่ 5 เล่นเอาสะดุ้งเฮือกเลยแฮะ  นี่ผมกำลังเข้าข่ายอู้งานส่งงานให้หัวหน้าฝ่ายช้ายอยู่นะเนี้ย  แย่แล้ว
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: CaroL ที่ 18-05-2010 21:11:31
อ่านแล้วตกใจว่าทำไม จบแล้วหรือ แต่โชคดีมีคนเอาลิงค์ให้ นึกว่าต้องค้าง
ขอบคุณมากครับ กำลังสนุกไปอ่านต่อนะ :man1:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: Laxxeez ที่ 22-05-2010 14:13:54
ฝ่าฟันอุปสรรคจนพบความสุขในที่สุด ดีใจด้วยคับ o13
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: Annetemis ที่ 22-06-2010 10:10:08
เริ่มมาก็นั่งลุ้น ใกล้จบยังต้องลุ้นอีก แต่สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: ash ที่ 14-07-2010 15:30:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 14-07-2010 18:53:56
ชอบมากเลยค่ะ อ่านไปยิ้มไป ปวดแก้วหมดแล้วเนี้ย
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-07-2010 00:58:33
 :L1:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 04-10-2010 12:00:28
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 04-10-2010 16:31:56
เพิ่งจะได้อ่านเรื่องนี้ค่า
เจ้านายแบบเคลวินนี่น่ารักจริงๆนะคะ อยากมีแบบนี้บ้าง  :-[
เคนโชคดีสุดๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 14-12-2010 20:39:32
แปะเดี๋ยวมาอ่าน
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 08:11:43
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 09-04-2011 05:10:12
อ่านกี่รอบๆก็ชอบ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: lovelogically ที่ 10-04-2011 03:45:15
เดี๋ยวมาอ่านอีกทีนะคับ

สัญญา
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 08-02-2012 23:30:41
 :pig4:
น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 19-04-2012 23:40:05
เคลวินเจ้าแผนการนะเนี่ย เคนน่ารัก
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: run2522 ที่ 20-04-2012 15:35:02
 :L2: :pig4: :L1: สนุกมากๆ :pig4: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: [novel]My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk บทที่ 25 update 26 ต.ค.50
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 24-04-2012 00:30:13
ใครอ่านเรื่องนี้อยู่แล้วค้าง....ตามต่อได้ที่ลิงค์ข้างล่างนะค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5819.0

คนโพสต์ใจร้ายอย่างแรงกว่าจะตามหาตอนต่อไปเจอ

นั่งไล่กระทู้ตาแฉะเลย

แต่ไม่ท้อเพราะเราแฟนนิยายพี่เคท

ขอบคุณมากมายที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านค่ะ

ตามหาอยู่เหมือนกัน ขอบคุนมากค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 01-09-2012 11:17:23
เคลน่ารักขี้อ้อนมากกกก :man1:
อย่างนี้เคนจะไปทนได้ยังไงล่ะเนี่ย ย ย :impress2:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: thehackzzi ที่ 05-09-2012 16:10:08
ขอบคุณมากครับ กำลังตามอ่านอยู่เลย ขอบคุณมากนะ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 05-09-2012 20:30:43
 :pig4: สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆให้ได้อ่านกัน รักคนเขียน :กอด1:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 24-10-2012 15:02:47
สนุกแจ่ม :)

ท่านประธานนี่เหมือนสับสนสถานะ แบบนั้นเขาไม่เรียกภรรยาครับท่าน เขาเรียกว่าสามี

ท่านเป็นฝ่ายกระทำเขาเช่นนั้นเขาเรียกว่าสามีครับท่าน จะสามีหรือภรรยาก็ดูแลกันได้ทั้งนั้นแหละ


 o13
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 10-11-2012 20:51:46
จิ้มไว้เดี๋ยวมาอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: rainfall ที่ 05-12-2012 02:26:19
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: thank mak makk
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 08-12-2012 13:20:16
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 17-08-2014 18:57:25
จะทำงานให้มีประสิทธิภาพนะเคนขั้นแรกเลยเลิกเหม่อ เฉื่อย เพราะเท่าที่อ่านมาดูเหมือนเคนขี้เหม่อคิดนั่นนี่เยอะแยะเอื่อยเฉื่อยไปหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 13-12-2014 12:24:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 06-04-2015 11:38:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 07-04-2015 22:23:38
อ้าว ผมก็คิดว่าตัวเองอ่านจบไปแล้วนะครับเนี่ย
ถ้าไม่เห็นที่มีคนให้ลิงก์นี้มา
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5819.0
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 07-04-2015 23:10:42
-_-///
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 25-12-2015 16:16:03
อีกไม่นานหรอก เคนก็ใจอ่อนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-12-2015 11:40:46
ใครอ่านเรื่องนี้อยู่แล้วค้าง....ตามต่อได้ที่ลิงค์ข้างล่างนะค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5819.0
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋า ที่ 22-01-2016 12:22:10
ตอนแรกไม่ได้อ่านเม้นต์ของคนอื่น ร้องเฮ้ยดังมาก ที่นิยายหาย เกือบละๆ ใจหายหมดเลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 02-02-2018 19:08:45
ขอบคุณมากค่ะ ตามหาเรื่องนี้นานมากกก ในที่สุดก็เจอ ขอบคุณมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 17-11-2018 12:45:32
ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ อ่านแล้วอ่านอีกไม่มีเบื่อ
ขอบคุณมากๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 19-11-2018 07:52:27
 :katai1: :pig4:
หัวข้อ: Re: My wife is a big boss เรื่องโดน katesnk
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-11-2018 15:39:10
วนอ่านไปหลายรอบแต่ไม่ได้เมนท์สักที  ชอบเรื่องนี้มากๆเลย  :mew1: