::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60  (อ่าน 20750 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ไคอย่าน้อยใจ อย่างอนเลยนะ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
โหดร้ายมาก...สองนาทีจบ...ฮือๆๆๆ :hao5: :hao5:

งอนแน่ ลุงงอนแน่ๆ!ง้อด่วนค่ะ ฮ่าๆ :katai3:

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
ตอนที่ 16


ผมยืนนิ่งกับคำพูดของไค จากที่คิดว่าเขาแสดงท่าทางโกรธเคืองเพราะผมดันไปโทรศัพท์หาแม่จนทำให้พวกเราถูกตามเจอง่ายขึ้น กลายอารมณ์ขุ่นเคืองบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางย้อนกลับมาหาเขาในวันนั้น ทำไมกัน เหตุผลที่ผมกลับมามันน่าโกรธกว่าความปลอดภัยของพวกเราอีกเหรอ

ไคจ้องผมอยู่นานโดยไม่พูดอะไรต่อ แววตาเขายากต่อการคาดเดาถึงความคิด ผมได้แต่ทำความเข้าใจกับคำพูดเมื่อครู่เพียงอย่างเดียว กะว่าจะขอคำอธิบายเพิ่มเติม แต่คนตรงหน้ากลับพูดขึ้นมาก่อน

“นายได้ยินข่าวเรื่องข่าวว่าฉันเคยติดคุก ก็ไม่แปลกหากนายจะไม่ไว้ใจฉัน”

สิ้นเสียง เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเบือนหน้าหนีผม อีกทั้งสองเท้ายังย่ำผ่านผมไปอย่างเย็นชา เขาเคยนั่งรอผมที่ท่าเรือเป็นชั่วโมงโดยไม่ไปไหน เพราะเชื่อว่าผมจะรู้สึกไว้ใจเขา ซึ่งการที่ผมย้อนกลับมาก็เท่ากับเป็นคำตอบ จนมารู้ภายหลังว่าผมแอบคุยอะไรกับแม่มาบ้าง

แต่...มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดทั้งหมดนะ!

“ไค”

“...” คนตัวสูงชะงักเท้า

“ก่อนจะโทรหาแม่ ผมตั้งใจย้อนกลับไปอยู่แล้ว” ผมเอ่ยอย่างหนักแน่น “แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมก็คง...”

“ไปเก็บของซะ” ไคพูดตัดบท ก่อนจะหันมองผมด้วยหางตา “พรุ่งนี้เราจะออกจากเกาะแต่เช้า”

เขาทำน้ำเสียงเข้มใส่ผม ท่าทางจะโกรธกันอยู่

“ครับ”

ผมตอบเนือยๆ ราวกับคนท้อใจกับชีวิต ยอมรับตามตรงว่าการที่ไคทำท่าเหมือนไม่พอใจแบบนี้ ผมโคตรใจไม่ดีเลย ในอกมันรุ่มร้อน กระอักกระอ่วนไปหมด

คิดอยู่คนเดียวได้ไม่นาน ผมกำลังจะเดินตามหลังไคไป หากทว่า...

“ฉันไม่ได้โกรธนาย”

ผมเบิกตากว้าง รีบเงยหน้ามองไคพร้อมกับเดินเข้าไปหา

“แสดงออกชัดขนาดนั้น จะไม่เรียกว่าโกรธได้ไง” ผมแย้ง

“...มันกวนใจฉัน” อีกละ กวนใจอะไรนักหนาวะ

“ช่วยขยายความอีกนิดได้หรือเปล่า” ที่ถามเพราะอยากรู้จริงๆ

“ฉันคงคาดหวังมากเกินไป” ผมทำหน้าฉงนใจ หลังจากนั้นไคก็มองลึกเข้ามาในตาผม ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ช่างเถอะ รู้แค่ว่าฉันไม่ได้โกรธก็พอ”

เห็นไคทำหน้าตายแล้วผมหมดหนทางจะถามต่อ เพราะสุดท้ายคำตอบคงวนอยู่แค่นี้ ไม่ได้ความกระจ่างเพิ่มเติมหรอก ถ้าอย่างนั้นผมขอถามแบบนี้ก็แล้วกัน...

“แล้วไอ้ความรู้สึกกวนใจนั่นน่ะ ตอนนี้...หายยัง?” ไคเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับ

“ไม่รู้”

อ่าว? ซะงั้น

“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะไม่ทำตาขวางใส่ผมอีก” เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อน

“แคร์ด้วยเหรอ”

โดนถามแบบนี้ผมแทบไปไม่เป็น แต่ถ้าให้ตอบตามที่ใจรู้สึกล่ะก็...

“มากๆ ครับ”

ไคเงียบ ยืนจ้องผมเพียงชั่วครู่ก็หลบตาไปทางอื่น

“งั้นก็อย่ามองตาฉัน”

“ทำไม่ได้หรอกครับ”

“ทำไม?” เขาหันกลับมามองผมอีกครั้ง

“ผมชอบสีตาคุณ...สีฟ้าครามเหมือนน้ำทะเล มันสวยดี” เอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้าง ผมพูดในสิ่งที่เคยคิดในใจออกไปให้คนตรงหน้ารับรู้ “ยกเว้นแค่เวลาโกรธ แววตาคุณเกรี้ยวกราดเหมือนเทพโพไซดอนพิโรธเลย น่ากลัวสุดๆ”

วาจาของผมจริงจังพอๆ กับแววตาที่กำลังจ้องเขาอยู่ในขณะนี้ เราต่างมองกันและกันโดยที่ผมไม่รู้สึกหวาดหวั่นหรือเป็นกังวลใจเหมือนตอนอยู่ด้วยกันแรกๆ ผมกล้าจ้องตาไคแบบไม่กระพริบตาตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งในระหว่างที่ผมกำลังแปลกใจอยู่นั้น คนตรงหน้ากลับเป็นฝ่ายหลบตาผมไปเสียเอง

“เข้าข้างในเถอะ” ไคเสยผมอย่างลวกๆ นำมือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่ผมจะหยิบยกเรื่องบางอย่างขึ้นมาคุยกับเขา

“เออ...คืนนี้ผมขอมีผ้าห่มของตัวเองได้มั้ยครับ”

“...”

ไม่มีเสียงตอบกลับ ผมลุ้นคำตอบอยู่สักพักก็พูดไปอีก

“ผมกลัวว่าคุณจะนอนไม่สบาย ก็เลย...”

“ไม่”

โอ้โห...ตอบซะหนักแน่นเชียว

“ทำไมล่ะครับ เพราะอะไรคุณถึงอยากให้ผมนอนห่มผ้าผืนเดียวกับคุณนัก” เอาจริงๆ ผมไม่ต้องขออนุญาตเขาด้วยซ้ำ ทำไมวะ? ถึงผมเคยสัญญาว่าจะเชื่อฟังเขาแต่สำหรับเรื่องนี้มันก็ดูไม่เข้าท่ายังไงไม่รู้

ถ้าเขาไม่ยอมบอกเหตุผลที่ฟังขึ้น ผมจะตื้อจนกว่าจะได้ผ้าห่มของตัวเอง เอาดิ!

“กรณีเดียวกับที่นายชอบสีตาฉันนั่นแหละ”

“หา?”

อะไรวะ ไม่เห็นเข้าใจเลย และดูดิ ยังไม่ทันหายข้องใจก็เดินนำเข้าไปในบ้านละ...กรณีเดียวกับที่ผมชอบสีตาของเขา แปลว่าเขาชอบห่มผ้าผืนเดียวกับผมงั้นเหรอ ทำไมอ่ะ? เขาชอบความอบอุ่นงี้? ทั้งๆ ที่ผมชอบแย่งผ้าห่มน่ะนะ?

โอ้ย! งงโว้ย!!

 











เช้าวันต่อมา พวกเรากำลังรอบัฟฟอร์จออกไปซื้ออาหารเช้า ตลอดหลายวันที่อาศัยในบ้านของเขา ไคเป็นคนสั่งการทุกอย่างจนผมพอจะเดาช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ในกองทัพทหารออกเลย

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมเดินออกมาชงกาแฟในครัว กะว่าจะทำให้ไคดื่ม พอเขาออกมาจากห้องจะได้ทานพอดี แต่ระหว่างที่ผมกำลังกะผงกาแฟ น้ำตาลกับครีมเทียม ก็รู้สึกเหมือนมีใครยืนอยู่ข้างหลัง

“ทำอะไร” ไคนั่นเอง

“ชงกาแฟครับ”

“ดื่มด้วยเหรอ” เขาถาม ก่อนจะเอื้อมไปหยิบแก้วบนชั้นวางที่อยู่เหนือหัว ผมรู้สึกได้ว่าเขาค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้แผ่นหลังของผม มันชิดจนผมยืนตัวเกร็งโดยอัตโนมัติ

จะบอกให้ผมหลบไปก่อนก็ได้นี่หว่า

“ผมจะชงให้คุณ” คนตัวสูงหยุดนิ่ง เก็บมือที่กำลังเอื้อมแล้วเปลี่ยนมายืนข้างๆ ผมแทน

“นายชงเป็น?”

“คุณดื่มรสไหนล่ะครับ” ผมถาม

“กาแฟ 2 ครีมเทียม 1 ไม่ใส่น้ำตาล”

“โอเคครับ” ผมลงมือชงตามที่ไคต้องการทันที หากแต่มีบางอย่างที่ผมรู้สึกตงิดใจ

“แต่เมื่อคืนผมเห็นบัฟฟอร์จใส่น้ำตาลด้วยนี่น่า” ถ้ามองไม่ผิด ผมแอบเห็นเขาใส่น้ำตาลทั้งสองแก้วเลยนะ

“ตอนนั้นนายยังไม่นอนเหรอ” ไคขมวดคิ้ว

“ผมกะว่าจะมาชงกาแฟให้พวกคุณ แต่บัฟฟอร์จดันตัดหน้าซะก่อน” หลังจากผมพูดจบ ไคก็กัดฟันกร้าวพร้อมทำท่าไม่สบอารมณ์ทันที

“แล้วยังมีหน้ามาบอกว่านายนอนแล้ว” เขาขยับปากมุบมิบ ฟังจากรูปประโยคน่าจะกำลังพูดถึงบัฟฟอร์จ เข้าใจว่าเขาอาจโมโหที่โดนหลอก แต่ไม่เห็นจะต้องซีเรียสขนาดนั้นเลยนี่หว่า ผมโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กอนามัยที่ต้องนอนก่อนเที่ยงคืนสักหน่อย แล้วถ้าบัฟฟอร์จบอกว่าผมยังไม่นอนเขาจะทำยังไง อยากรู้จริงๆ

“นับวันคุณยิ่งเหมือนพ่อผม”

วันไหนที่ท่านกลับบ้านช้า หากขึ้นมาที่ห้องผมแล้วพบว่ายังไม่นอน ท่านก็จะไล่ให้ปิดไฟและเข้านอนตลอด ผมรู้ดีว่าท่านเป็นห่วง ซึ่งก็เหมือนกับไคที่เอาใจใส่ผมมาก

ไม่รู้ว่าผมหลงตัวเองไปหรือเปล่านะ แต่เป็นงั้นจริง...เขาก็โคตรน่ารักเลยล่ะ!

“ฉันจะคิดเสียว่านายคิดถึงเขาละกัน” สงสัยจะเข้าใจว่าผมกล่าวหาว่าเขาเป็นตาแกขี้บ่นแน่ๆ

เอาล่ะ! ในที่สุดก็ชงกาแฟเสร็จ

“นี่ครับ เชิญดื่มได้เลย” ผมยื่นแก้วกาแฟให้ ไคใช้ช้อนคนสักพักก็ยกขึ้นดื่ม

“...” ทำสีหน้านิ่งมาก ตกลงว่ามันโอเคมั้ยวะ

“เป็นไง?”

เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเงียบไปสักพัก ก็เอ่ยตอบพร้อมสีหน้าเรียบเฉย...

“ดีกว่าน้ำล้างเท้า”

เอิ่ม...พูดงี้แปลว่ามันแย่มากใช่มั้ยวะ ทำไมอ่ะ? ผมชงตามที่บอกแล้วนะ

“ไหน ขอลองชิมหน่อย” ว่าแล้วก็คว้าแก้วกาแฟจากไคมายกซด

เท่านั้นแหละ...

“อื้อหือ~ รสเข้มชะมัด!” ผมทำหน้าหยี๋แถมยังไอแค่กๆ ไครีบหยิบแก้วกาแฟออกจากมือผม เดินไปเปิดตู้เย็นเอาขวดน้ำเปล่ามาเปิดฝาแล้วยื่นให้ผม

“ดื่มซะ”

นี่แหละที่ต้องการ ผมรับขวดน้ำมาอย่างรวดเร็ว กาแฟยี่ห้ออะไรวะ ขมติดคอฉิบหาย รีบซัดน้ำเข้าไป แต่เบรกไม่ทันน้ำก็เลยล้นปากและไหลออกมาจนถึงปลายคาง พอค่อยยังชั่วแล้วผมจึงลดขวดน้ำลง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไคส่งฝาขวดให้พอดี

ขณะที่ผมหยิบฝาขวดมาหมุนปิด มือหนาของคนตรงหน้าค่อยๆ ยื่นเข้ามาใกล้ริมฝีปากผม เขาใช้นิ้วโป้งสัมผัสบริเวณมุมปากที่มีคราบน้ำ จากนั้นจึงเกลี่ยออกอย่างเบามือ วินาทีนั้นผมยืนนิ่งเป็นปูนซีเมนต์ที่ถูกฉาบ กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเหลือบตามองเจ้าของมืออุ่นๆ ตรงหน้า

หลังจากปิดขวดน้ำเสร็จผมว่าจะเช็ดออกเองอยู่แล้ว แต่ไคดันตัดหน้าผมแบบไม่ทันตั้งตัว ก็รู้ว่าอาการของผมค่อยข้างแปลกประหลาด มันอธิบายไม่ได้ และไม่อาจหยุดยั้งหัวใจที่กำลังเต้นแรงอยู่ในขณะนี้ได้ด้วย

เมื่อไคนำมือกลับ ผมสะดุ้งรั้งท้ายคล้ายกับได้สติกลับคืน ยกมือเกาหัวแก้อาการแปลกๆ ก่อนจะหาเรื่องคุยกับเขาเพื่อกลับเกลื่อน

 “คุณดื่มเข้าไปได้ยังไง” ผมมองไคที่กำลังยืนพิงเค้าส์เตอร์บาร์ วางเท้าไขว้กันในอิริยาบถที่โคตรสมาร์ท แค่ยืนคนกาแฟ จำเป็นต้องเท่ห์ขนาดนี้ด้วยเหรอวะ

“ฉันไม่ชอบรสหวาน” เอ่ยตอบสั้นๆ

“รวมถึงพวกขนมหวานด้วยหรือเปล่าครับ” ไคพนักหน้า ผมจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นรสนิยมการกินของเราก็ต่างกันมากเลยนะ เพราะของพวกนั้นผมโคตรชอบ ยิ่งตอนวาดรูป ถ้าได้ช็อคโกแลตสักแท่งสองแท่งผมจะเพลินมาก จิตนาการพรั่งพรู บรรเจิดสุดๆ” ผมพูดจบ ไคเงยหน้าขึ้นมาสักพักก็เพ่งสายตาคมใส่ผม

“รสนิยมต่างกันแล้วยังไง”

“ก็ไม่ยังไงครับ ผมแค่พูดให้ฟังเฉยๆ” งงสิ อยู่ๆ จะมาจริงจังอะไรเบอร์นั้น ขนาดผมพูดจบแล้วยังจ้องกันอยู่เลย ไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จะงงสุดก็ตอนที่เขายื่นแก้วกาแฟในมือมาตรงหน้าพร้อมพูดคำๆ นี้เนี่ยแหละ

“ใส่น้ำตาลมา”

เอ้า? ไหนบอกว่าชอบรสเข้ม และขอโทษเถอะ น้ำตาลวางอยู่ใกล้ตัวเองนิดเดียวทำไมไม่ทำเอง เออ...เอาเหอะ ไหนๆ ผมก็เป็นคนชงให้เขาแต่แรกอยู่แล้ว ช่วยอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป

คิดได้แค่นั้นก็หยิบขวดน้ำตาลก้อน จัดการตักให้ไคไปก้อนหนึ่ง ทว่าในเพียงเสี้ยววินาที คนตัวสูงโน้มตัวเข้ามาใกล้ผมในระยะประชั้นชิด ก่อนจะพูดข้างๆ หูด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ต่อไปนี้...นายก็คอยใส่ความหวานให้ฉันหน่อยละกัน”

เมื่อไคผละตัวออกห่าง ผมกำลังจะสรรหาคำถามเพื่อขอคำอธิบายในประโยคอันแสนครุมเครือนั้น แต่บัฟฟอร์จดันเดินพรวดพลาดเข้ามาในครัวซะก่อน

“จ่าวีล!” นัยน์ตาเขาเบิกกว้าง ดูมีอาการกระสับกระส่ายชัดเจน

“ทำไมต้องทำท่าทางตกใจขนาดนั้น” ไคถาม



“ตำรวจไทยมาถึงลังกาวีแล้ว คุณกับติณณ์ต้องออกจากเกาะเดี๋ยวนี้เลย!”

 

 

 

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2017 16:55:52 โดย La_Pomme »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หูยยยย ยังไม่ทันได้หวานจริงจังเลยนะ
ไม่น่าแทรกเข้ามาเลย อิอิอิ

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จะหนีไปที่ไหนอีกล่ะทีนี้

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ๊ย.......ไค งอน
พอติณณ์ บอกเหตุผล ค่อยดีขึ้น
มีหลบตาติณณ์ ตอนติณณ์บอกชอบสีตาตัวเอง
ติณณ์ ก็ซื่อไม่รู้เรื่อง ที่ไคไม่ยอมให้มีผ้าห่มอีกผืน
แถมไคให้เหตุผลเหมือนที่ติณณ์ชอบสีตาไค อีก
หวานเลย มีชงกาแฟให้
มีลูบน้ำที่ไหลจากปากให้ติณณ์ด้วย  :mew1: :mew1: :mew1:
ให้ติณณ์ตอยเติมความหวานให้
ทั้งที่ตัวเองชงกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
เพราะติณณ์ชอบหวาน  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
มีคนมาขัดความหวาน แย่จัง 55555

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
จ่าวีลมีความล่อลวงเด็ก  ขายอ้อยอย่างแรง
สนุกมาก รอตอนต่อไปค่า :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
หวานจัง กรี๊ซซซ แต่หวานไม่สุดโดนขัดจังหวะอีกแล้ว

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
อี๊ยยยยยยยยยยย
ทำไมไคหยอดเด็กน้อยแบบนี้เนี่ย ไม่รู้เหรอว่ามันก๊าวใจคนอ่านน่ะ ><
ตำหนวดมาเร็วมาก(และขัดจังหวะมากจริงๆ)
หนีกันให้ทันนะ

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง ไคล์ฟ ชอบติณมานานแล้ว พ่อแม่ ติณ ไปทำวิจัยลับ แล้วดอามาแดให้ติณ เพราะถ้าจะตามฆ่าน่าจะทำไปนานแล้ว ถ้าเกิดจะฆ่าครอบครัวติณ เพราะน่าจะหาที่อยู่ไม่ยากตามตัวไม่ยาก มโนไปไกลมาก

แต่ ทำไม พี่ท่านละมุนละไมขนาดนี้คะ รู้สึกว่า เอ้ยมีความอ่อยแรง ติณเราหัวใจเต้นรัว ๆ แล้วมั้ง

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
พ่อคุณมีงอนด้วยแฮะ น่ารัก

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
เอาน้ำตาลกี่ก้อนดีครับจ่า

หึหึ

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ไคล์ฟค่อย ๆ ล่อลวงเด็กมันไปเรื่อย รอให้ตกลงไปในหลุมทั้งตัวจะได้ปีนขึ้นมาไม่ได้ อิอิ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ตอนนี้ไม่ใส่น้ำตาลก็หวาน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ที่ให้ติณณ์เติมความหวานให้เนี่ยน้ำตาลหรืออะไรคะ
 :-[ :-[

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
มันเหมือทริปหนีตามกันมายังไงอย่างนั้น

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
บางครั้งก็มาผิดเวลานะคะคุณตำรวจ...

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
ตอนที่ 17



บัฟฟอร์จเล่าให้ฟังว่าตอนที่เขาออกไปซื้ออาหารเช้า ระหว่างทางเห็นกลุ่มคนประมาณ 3-4 คนเดินสอบถามบางอย่างกับชาวบ้านเป็นภาษาอังกฤษพร้อมเปิดตราตำรวจให้ดู เพราะงั้นเขาถึงรู้ว่าคนพวกนั้นน่าจะเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบจากประเทศไทย

ถึงไม่เดาก็รู้ว่าพวกเขามาสืบเรื่องอะไรกัน!

หลังจากไคทราบเรื่อง เขารีบสั่งให้ผมเข้าไปเก็บของขึ้นรถ กระทั่งเสร็จเรียบร้อย บัฟฟอร์จก็ไม่ลืมที่จะแสดงมารยาทด้วยการมายืนส่งพวกเราถึงหน้าบ้าน

“ระวังตัวด้วยล่ะ” บัฟฟอร์จพูดจบสักพัก ไคก็เอาแต่เงียบ ผมเห็นเขาเอามองหน้าบัฟฟอร์จ สองคนสบตากันราวกับใช้จิตพูดคุย ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงก็เลยเงียบตามไปด้วย จนกระทั่ง...

“ขอบใจ” ไคเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“คิดว่าจะไม่ได้ยินคำนี้จากจ่าสิบตรีจอมโหดซะแล้ว” บัฟฟอร์จยิ้มกว้าง

“รู้ใช่มั้ยว่าข้าวในคุกมันไม่อร่อย ฉะนั้นอย่าได้เลือกก่อคดีใหญ่ให้โดนเพ่งเล็งเด็ดขาด”

“ไว้ขู่ผมตอนตัวเองรอดจากคุกเถอะจ่า” ผมเข้าใจว่านั่นเป็นมุกกวนประสาทตามสไตล์บัฟฟอร์จ จึงแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก็มีแต่ไคเนี่ยแหละที่เอาแต่ทำหน้านิ่ง

“โชคดี” เขากล่าว ก่อนที่คนเป็นเจ้าบ้านจะหยิบบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแล้วยื่นให้

“เอ้านี่”

“อะไร?” แม้ไคจะท้วงถาม แต่เขาก็รับสิ่งที่มีลักษณะเป็น ‘กุญแจ’ มาโดยดี

“แผนสอง” ผมฉงนใจกับคำพูดของบัฟฟอร์จ ซึ่งตรงข้ามกับไคที่น่าจะรู้จุดประสงค์ของผู้เป็นเจ้าของกุญแจนั้นเรียบร้อยแล้ว

“ถ้าเลี่ยงได้ จะพยายามเลี่ยง” ไคเอ่ย

“ก็ดี...ผมไม่อยากให้คุณใช้แผนนี้เหมือนกัน เพราะราคามันสูงน่าดู”

สิ้นเสียงบัฟฟอร์จ ไคเก็บกุญแจที่รีบมาใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันมาส่งซิกให้ผมขึ้นรถ เพื่อเดินทางออกจากเกาะแห่งนี้ให้เร็วที่สุด ระหว่างนั้นผมรู้สึกว่าการจากลาบัฟฟอร์จเป็นสิ่งที่ทำให้ผมใจหายลึกๆ แม้ระยะเวลาที่อยู่ร่วมกันจะสั้น แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไคกับบัฟฟอร์จ ไม่ได้เรียกว่า ‘คนเคยรู้จัก’ อย่างที่พวกเขาเข้าใจ และเชื่อเถอะว่าพวกเขาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าคนภายนอกมองเห็นถึง ‘มิตรภาพ’ มากกว่าการเป็น ‘คู่ปรับ’ เสียอีก

 











เมื่อเดินทางมาถึงจุดเช่ารถ ผมคิดว่าไคตั้งใจจะนำรถไปคืนเพื่อรับค่ามัดจำ แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิด เพราะยังไม่ทันขับเข้าไป เขาก็เดินลงจากรถแล้วเดินไปเปิดกระโปรงหลังเพื่อหยิบสัมภาระ พอเห็นอย่างนั้น ผมนั่งงุนงงอยู่สักพักก็เดินลงจากรถ และเดินตามไปถามไคเพื่อไขข้อสงสัย

“เราไม่ต้องเอารถเข้าไปคืนเขาเหรอครับ” ผมถาม

“ฉันเดาว่าทันทีที่ตำรวจมาถึงเกาะ ต้องเข้าไปสอบถามที่จุดเช่ารถเป็นอย่างแรก เพราะมันใกล้กับท่าเรือและมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่รอบๆ ป่านนี้พวกเขาคงรู้แล้วว่าเราเช่ารถ ใช้ป้ายทะเบียนอะไร สีอะไร เราขับผ่านมาถึงตรงนี้ไม่รู้ว่ามีกล้องตัวไหนจับไว้ได้บ้าง ถ้าขืนพรวดพราดเข้าไปตอนนี้ พวกเราอาจโดนกักตัวก็ได้”

ไคพูดมีเหตุผล ดีที่เขาเป็นคนคิดอะไรรอบคอบและระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าไม่ได้คนฉลาดๆ อย่างเขาช่วยไว้ ชีวิตผมจะเป็นยังไง 

“แบบนี้เราก็ต้องสละเงินมัดจำรถสิครับ” ผมเพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ ก็เลยพูดออกไป

“จะเสียดายอะไรกับเงินแค่นั้น” เขามองผมสลับกับด้านในจุดเช่ารถ “มีคนกำลังเดินมาทางนี้ รีบไปกันเถอะ” พูดจบเขาก็เดินนำหน้าผมไป ซ้ำยังใช้ขายาวๆ นั่นสาวเอาๆ จนผมแทบจะวิ่งตาม อะไรจะเร็วขนาดนั้นวะ

ไม่นานพวกเราก็เดินมาถึงท่าเรือ ทว่าพวกเรากลับมีปัญหาทันทีที่เหยียบเข้าในพื้นที่ที่ใกล้กับทางเข้า วินาทีนั้นผมรับรู้ได้จากสีหน้าที่คร่ำเคร่งของไค ตอนที่เขารั้งตัวผมไม่ให้เดินต่อ แล้วไหนจะเป็นตอนที่เขาพาผมหลบอะไรบางอย่างอีก ข้อสงสัยนี้ต้องคลี่คลาย ผมกำลังจะเอ่ยถามแต่เขากลับพูดขึ้นมาก่อน

“ผู้ชายสองคนตรงนั้นเป็นตำรวจ” ผมอ้าปากค้างพร้อมกวาดสายตามองตาม “บัฟบอกว่ามีตำรวจจากไทยมามากกว่า 2 คน ไม่รู้ว่ารวมสองคนนั้นด้วยหรือเปล่า”

“แล้วมันยังไง” ผมสงสัย

“ถ้าพวกเขาแบ่งทีมกัน โดยการให้อีกกลุ่มดักตรงทางออกจากเกาะแบบนี้ แสดงว่าพวกเขามั่นใจว่าเรายังอยู่ที่นี่ ฉะนั้นพวกเขาจะตรวจสอบผู้โดยทุกคนอย่างละเอียด ไม่มีทางปล่อยให้เราคลาดสายตาไปได้”

“แบบนี้ก็แย่น่ะสิ” สถานการณ์ของเราตอนนี้เหมือนเจอทางตัน ถ้าตำรวจป้วนเปี้ยนอยู่แถวท่าเรือ การหลบหนีออกไปคงเป็นไปได้ยาก

ผมหวั่นใจอยู่ชั่วครู่ ไคก็สะกิดและพูดบางอย่างกับผม

“แผนสอง...”

“??” ผมทำหน้างง ก่อนจะนึกถึงตอนที่บัฟฟอร์จยืนคุยกับไคหน้าบ้าน

“ไม่มีทางเลือก...ฉันคงต้องใช้แผนสองของบัฟแล้วล่ะ”

 











ไคพาผมนั่งรถแท็กซี่แบบเหมาจากท่าเรือมายังท่าจอดเรือเร็ว ผมไม่รู้ว่ามันมีไว้เช่าสำหรับนักท่องเที่ยวหรือว่าเรือแต่ละลำมีเจ้าของ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ให้สอบถามอะไร มันเงียบเชียบพอๆ กับบรรยายท่าจอดเรือที่มีเพียงไม่กี่ลำ ไคไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินนำผมไปที่เรือเร็วขนาดเล็กลำหนึ่ง และเดินขึ้นไปโดยที่ไม่ขอใคร

“ขึ้นมาสิ” ไคบอกผมที่กำลังยืนกระพริบตาปริบๆ อยู่ตรงสะพานท่าจอดเรือ

“นี่เรือใครเหรอครับ”

“ไม่ใช่เรือฉัน แต่เป็นของบัฟฟอร์จ” สงสัยจะเข้าใจว่าผมพูดชื่อเขาอีกแล้ว แต่เอาเหอะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่...แบบนี้ก็แสดงว่ากุญแจที่บัฟฟอร์จให้มามีไว้ใช้สำหรับเรือเร็วของเขา 

“บัฟฟอร์จใจดีมากเลย” ผมยิ้มร่า ก่อนจะเดินขึ้นเรือหลังจากรู้ว่าเรือเป็นของใคร

“ตั้งใจติดสินบนฉันมากกว่า” ไคพูดพลางหยิบแว่นตากันแดดในกระเป๋าขึ้นมาสวม เดินไปนั่งประจำที่พร้อมติดเครื่องยนต์ จากนั้นจึงหันมามองผมและพูดต่อ “การเป็นหนี้ชีวิตคนอย่างหมอนั้นไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก”

ความหมายของเขาคือ? จะบอกว่าต่อไปหากบัฟฟอร์จอยากได้เขาทำอะไรให้ ก็จะอ้างบุญคุณนี้อะไรทำนองนั้นหรือเปล่า สำหรับบัฟฟอร์จ ผมว่าเรื่องที่คนอย่างเขาจะขอ อาจเป็นเรื่องยากจนเกินจะคาดคิดก็ได้

ไคเร่งเครื่องยนต์และออกตัวราวกับมืออาชีพ บางทีก็แอบสงสัยว่าเขาถูกฝึกอะไรจากค่ายทหารมาบ้าง มันน่าจะเป็นหน่วยลับสุดยอดที่ต้องฝึกหนักอย่างแสนสาหัสเลยหรือเปล่า ผมอยากจะถามเกี่ยวกับงานของเขาหลายครั้ง แต่พอนึกถึงรอยแผลเป็นตามตัวและข่าวที่บอกเขาเคยฆ่าคนทีไร ผมก็ไม่กล้าถามทุกที

อีกอย่าง เขาจะมองผมเป็นคนสนิทที่สามารถบรรยายเรื่องชีวิตให้ฟังหรือยังก็ไม่รู้

“คุณจำทางกลับได้ด้วยเหรอครับ” มหาสมุทรกว้างใหญ่จะตาย มองไปไกลๆ ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเส้นขอบฟ้า แล้วไครู้เหรอว่าต้องขับไปทิศทางไหน

“ฉันไม่ได้นั่งหลับมาเหมือนนาย” โดนสวนเข้าให้ นั่นคือคำตอบสินะ แค่ตอบว่าจำได้คำเดียวก็จบแล้วจะแขวะกันทำไม รู้หรือเปล่าว่าเหตุผลที่ผมหลับมาจากอะไร

“ผมนั่งเรือแล้วมึนหัวต่างหาก” พูดจบไคก็รีบหันขวับมาหาผมที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ตอนนี้ล่ะ? มึนหรือเปล่า”

“นิดหน่อยครับ”

“มองออกไปไกลๆ สิ มันช่วยได้”

คำพูดของไคประโยคนี้ฟังแล้วรู้สึกดีจัง ยิ่งเขาปฏิบัติกับผมอย่างดีแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดที่เคยมองเขาในแง่ร้าย ค่ำคืนที่ผมเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุด ก็มีเขาคอยช่วยเหลือ พาผมข้ามน้ำข้ามทะเลมายังที่แปลกใหม่ พยายามตามใจผมทั้งๆ ที่ไม่ค่อยอยากทำ และใส่ใจผมถึงขนาดรู้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร มีคนแบบนี้เข้ามาในชีวิต มาทำให้ผมผูกพัน มันคงทำใจยากหากวันหนึ่งไม่มีเขา หรือคิดจะลืมเขาง่ายๆ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่

“ขอบคุณมากนะครับ” พูดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ไคเบื่อที่จะฟังผมก็อยากให้เขารับรู้เอาไว้

“คิดฟุ้งซ่านอะไรอีก” นั่นไงล่ะ ขนาดผมคิดอะไรอยู่เขายังรู้เลย

“ผมอยากได้คุณมาเป็นพ่อเลี้ยงจริงๆ นะ...ไม่ได้เหรอ” ผมว่าเขาน่าจะเอ็นดูผมบ้างล่ะ ไม่งั้นจะคอยดูแลผมดีขนาดนี้เหรอ ทำเป็นไม่ยอมรับเพราะวางฟอร์มมากกว่า อันที่จริงเขาควรจะดีใจเสียอีกที่มีเด็กอย่างผมมาเคารพ

“ยังพล่ามไม่เลิก” ไคเอ่ยอย่างหน่ายใจ

“งั้นคุณสัญญาได้มั้ยว่าหลังจบเรื่องเราจะไม่ขาดการติดต่อกัน” ผมเริ่มทำเสียงเศร้า เพราะในใจผมเอาแต่คิดเรื่องที่เขาจะจากผมไปหลังจากจับคนร้ายเข้าคุก “คุณอาจคิดว่านานวันไปผมคงลืมคุณเอง แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ เพราะแค่นึกถึงวันที่เราต้องจากกันผมก็รู้สึกเศร้าแล้ว”

ผมก้มหน้าลง เอาแต่พล่ามเรื่องที่ไคไม่มีความรู้สึกร่วม โดยที่อีกใจหนึ่งก็รอว่าเขาจะพูดกลับมายังไง แต่แล้วผมก็รู้สึกเครื่องยนต์มันค่อยๆ ช้าลง ผมสงสัยว่ามีความปกติอะไรจึงเงยหน้ามองคนขับ ก่อนจะเห็นเขาเขยิบออกจากพังงาเรือ

“มานั่งตรงนี้” ไคเรียกผมพร้อมควักมือให้มานั่งตรงฝั่งคนขับ

“จะทำอะไรครับ” ไคไม่ตอบคำถามในทันที ผมจึงลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถูกไคโอบไหล่แล้วบังคับให้นั่งลงต่อหน้าพังงาเรืออย่างรวดเร็ว

“จับที่บังคับเรือไว้” เฮ้ยๆ ชักไม่ค่อยดีละ

“ผมขับเรือไม่เป็นนะครับ” ผมเอ่ยอย่างตื่นตระหนก

“แค่จับไว้เฉยๆ แล้วก็เหยียบคันเร่งครึ่งเดียว” ไคย่อตัวลงข้างๆ เพื่อพูดข้างหู ผมจึงทำตามที่เขาบอกโดยการบังคับพังงาเรือไว้อย่างเก้ๆ กังๆ ตอนนี้ผมโคตรจะตื่นเต้นเลย ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมอาจขับชนคลื่นจนเรือคว่ำได้น่ะ

สายตาผมไม่ละจากมหาสมุทรตรงหน้า แถมยังเบิกตากว้างด้วยความหวาดหวั่นใจอีกต่างหาก ไม่นานไคก็ถอดแว่นตากันแดดของเขามาสวมให้ผม และเอ่ยพูดทั้งๆ ที่ยังนั่งชันเข่าอยู่ข้างๆ

“ตั้งใจฟังฉันนะ” น้ำเสียงไคฟังดูจริงจังมาก

“คะ...ครับ”

“ต่อไปนี้ ฉันอยากให้นายเรียกฉันว่า ‘วีล’”

หืม?

“ทำไมล่ะครับ...หรือมันออกเสียงง่ายกว่า”

“นายเคยถามว่าอยากให้เรียกฉันว่ายังไงไม่ใช่เหรอ”

“แล้วทำไมคุณไม่แนะนำตัวเองว่าชื่อวีลแต่แรกล่ะครับ”

“เพราะตอนแรกมันไม่สำคัญว่านายจะเรียกฉันว่าอะไร”

“...”

ไคเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยต่อ



“แต่ตอนนี้มันสำคัญแล้ว...”

 

 

 

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2017 20:56:26 โดย La_Pomme »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
วีล....อย่างนั้นหรอ???

ให้เรียกเฉพาะคนสำคัญสินะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ว้าว.......พระเจ้าช่วย กล้วยทอด มันยอดมาก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ไค ให้ติณณ์เรียกตัวเองว่าวีล
เพราะ “.....ตอนนี้มันสำคัญแล้ว...”
ติณณ์สำคัญแล้ว
เพราะความรู้สึกระหว่างไคกับติณณ์มันพิเศษแล้ว
ขำติณณ์ อยากให้ไคเป็นพ่อเลี้ยง
โธ่......ถามไคซิ อยากเป็นมั้ย  :hao7: :hao7: :hao7:
ไคอยากเป็นอาราย กับติณณ์  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
อร๊ากก จ่าวีล จ่า อ่อยเด็ก อ่อยแรงด้วย ทำไม ทำให้ใจเราเต้นแรงขนาดนี้ อ่อยยย อ่อยยยย

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
อ่านตอนนี้แล้วอดจะตื่นเต้นไม่ได้จริงทั้งการพยามหนีและจากวีลด้วย

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด