::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60  (อ่าน 23521 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao3:



ดื้ออออออออ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
อั้ยยยย เขินอะ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ซับซ้อนจริงๆด้วยย คนพวกนั้นใครกัน  :katai1:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อืออออดีอ่ะ ลุงไคลฟ์ต้องปราบเด็กดื้อๆ วรั๊ยยยย

ทำไมนี่ไม่โฟกัสเรื่องหลบหนีเลย5555555

ปล.คนเขียนสู้ๆ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ลุ้นระทึก เพราะอะไร ทำไม
งงไปหมดแล้ววววว

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
อารมณ์ซีรีส์สืบสวนสอบสวนมาเต็ม
ชอบๆ

ออฟไลน์ Ta_ii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เรื่องน่าติดตามมากก ปมเยอะแยะไปหมด

ติณณ์เป็นเด็กธรรมดา จะขี้สงสัยก็ไม่แปลก จู่ๆทุกอย่างรอบตัวก็เปลี่ยนไปหมด ไคล์ฟจะช่วยน้องไขความจริงได้มั้ย แล้วความจริงแล้วไคล์ฟเป็นใคร รอลุ้นตอนต่อไปน้าา~


ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
ตอนที่ 8



ระหว่างทางเดินไปพักโรงแรมใกล้ๆ เพื่อรอเรือออกไปเกาะลังกาวีในวันพรุ่งนี้ ไคเล่าให้ผมฟังว่าทำไมถึงรู้เรื่องที่ผมจะหนี ซึ่งหลักการมันก็ง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก การที่เงินในกระเป๋าหายของตัวเองไปมีใครไม่รู้บ้าง ถึงจะมีเงินเป็นปึก แค่เขามองผ่านๆ ก็รู้แล้วว่ามันหายไป แล้วไหนจะท่าทางแปลกๆ ของผมอีกล่ะ

ตอนที่ผมหายไปเขารู้ว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ มิหนำซ้ำโทรศัพท์ก็แบตหมดจึงหาข้อมูลอะไรไม่ได้ วิธีที่เหลือก็แค่ถามคนแถวนั้น และเขาก็ตามสอบถามบริเวณท่ารถสองแถว จนรู้ว่าผมถามวิธีกลับกรุงเทพจากคนขับเพื่อต้องการกลับบ้านอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้แต่แรก

เมื่อถึงโรงแรม ไคก็ถามถึงสาเหตุที่ผมต้องการกลับบ้าน ก็เลยเปิดปากบอกเรื่องข่าวที่ผมยืนฟังในร้านอาหารเมื่อคืนจนหมด คือตอนแรกผมก็ลังเลอยู่นานนะ แต่ไหนๆ ก็อยากจะเชื่อใจเขาแล้ว ถ้าสงสัยอะไรก็พูดกันให้มันเคลียร์ซะตรงนี้เลย ซึ่งหลังจากผมเล่าจบ เขาก็พูดขึ้นมาว่า...

“นายระแวงฉันเพราะข่าวนั่นสินะ”

“เป็นใครก็กลัวทั้งนั้น” ผมรีบตอบ “แล้วคุณมีอะไรจะบอกผม...เกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ย”

“...” เขานั่งพิงพนักพลางกอดอกอยู่บนเตียง ส่วนผมยืนรอเขาเปิดปากพูดอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง แต่รอจนแล้วจนรอดเขาก็เอาแต่เงียบ สงสัยจะกำลังคิดว่าควรพูดเรื่องข่าวนั่นกับผมดีมั้ย

เอาล่ะ! ผมจะทำให้เขาตัดสินใจง่ายขึ้นละกัน

“ผมรอดตายมาได้เพราะคุณ และท้ายที่สุดก็เลือกที่จะเชื่อใจคุณถึงได้ย้อนกลับมา พรุ่งนี้เราจะลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้ามีอะไรเลวร้ายกว่านี้ก็คงมาจากการที่คุณปิดเรื่องทุกอย่างไว้แบบนี้เนี่ยแหละ แต่ถ้าเริ่มไม่ถูก ผมจะถามแบบนี้แล้วกัน” พูดจบก็ลุกจากเก้าอี้ และเดินไปนั่งบนเตียงในตำแหน่งที่มองหน้าเขาถนัด “บ้านหลังที่อยู่ข้างๆ บ้านผม ไม่ใช่ของคุณใช่มั้ย”

ผมจ้องไคเขม็ง จนกระทั่ง...

“ใช่” แทบช็อค! “คนที่เป็นเจ้าของตามกฎหมาย...คือพ่อเลี้ยงฉันเอง”

“พ่อเลี้ยง?” ผมแสดงสีหน้าประหลาดใจก่อนที่ไคจะเล่าต่อ

“แม่ฉันเป็นคนไทย แยกทางกับพ่อที่เป็นคนอเมริกาตั้งแต่ฉันยังอยู่ในท้อง หลังจากนั้นแม่ก็ป่วยหนักและเสียชีวิตลงตอนฉันอายุ 8 ขวบ...พอพ่อรู้ข่าว ท่านก็บินกลับมารับฉันไปเลี้ยงดูต่อ ถึงจะเป็นเรื่องดีที่อย่างน้อยพ่อก็ไม่ทอดทิ้ง แต่มันไม่ได้แปลว่าท่านจะให้ความสนใจ เพราะนอกจากฉันแล้วท่านก็ยังมีเมียชาวออสเตรเลียกับลูกอีกสองคน หลังจากนั้นฉันรู้โดยอัตโนมัติว่าต้องขยันเรียนเพื่อออกไปจากบ้านหลังนั้น แต่พอเรียนอยู่เกรด 10 พ่อฉันก็จากไปด้วยโรคมะเร็ง อาธรรมรงค์ที่เป็นเพื่อนพ่อสมัยเรียนด้วยกันที่อังกฤษรู้สึกสงสาร ไม่อยากให้ฉันอยู่ในบ้านที่ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป ก็เลยพามาอยู่ที่ประเทศไทยในฐานะลูกเลี้ยง แต่หลังจากเรียนจบ ฉันก็กลับไปใช้สัญชาติอเมริกาและตัดสินใจอยู่ที่นั่น จนหลายปีให้หลังฉันไม่มีโอกาสกลับไปเยี่ยมท่านบ่อยนัก มารู้ข่าวอีกทีก็ตอนที่ท่านเสียแล้ว...อาธรรมรงค์ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เท่ากับว่าฉันเป็นญาติเพียงคนเดียวที่ท่านพอจะฝากฝังทุกอย่าง แต่สุดท้าย แม้แต่งานศพท่าน ฉันยังไม่มีได้โอกาสไปเลย”

“เพราะตอนนั้นคุณติดคุกอยู่...ใช่มั้ยครับ”

คำถามของผมทำให้เขาเบือนหน้าและหันไปอีกทาง ผมว่าเรื่องนี้มันคงหดหู่เกินไปที่จะถามต่อว่าทำไมถึงติดคุก ทำไมเขาถึงเป็นฆาตกร หรือเคยฆ่าคนจริงๆ หรือเปล่า คือผมไม่ได้รู้สึกกลัวคำตอบจนถึงขั้นไม่ถามต่อหรอกนะ แต่กลัวว่าจะไปรื้อฟื้นความหลังที่อาจจะสร้างความเจ็บปวดให้เขามากกว่า

“ว่าแต่...คุณมาที่เมืองไทยทำไม”

คุณธรรมรงค์เสียไปหลายปีแล้ว และตอนนี้ไคก็ถือสัญชาติอเมริกา เขาน่าจะมีงานการทำที่โน้น แต่ไหงกลับมาอยู่ในบ้านของพ่อเลี้ยง ไม่สิ! สองอาทิตย์ที่ผมย้ายมาอยู่บ้านใหม่เขาไม่ได้อยู่นั่น แล้วที่ในข่าวบอกว่าเขาบินมาไทยสองอาทิตย์ล่ะ ระหว่างนั้นเขาไปอยู่ที่ไหน

“ฉันมาตามหาใครคนหนึ่ง”

“ใครเหรอครับ”

“คนคนนั้นติดค้างบางอย่างกับฉันไว้” ไคหันมามองผมอีกครั้ง ทว่าสายตานั้นกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “...และฉันต้องการมันคืน”

‘ใครคนหนึ่ง’ ที่ไคพูดถึง ทำให้ผมสงสัยและอยากถามต่อ แต่มาคิดดูอีกที หากเขาอยากเล่ารายละเอียดให้ฟังก็คงพูดชื่อคนคนนั้นออกมาแล้ว ดังนั้นผมไม่ควรทำตัวก้าวกายมากไปกว่านี้ และอีกอย่าง ผมก็มีสิ่งที่ควรพูดกับเขาด้วย

“ผมขอโทษที่เข้าใจคุณผิด และทำให้เราต้องเสียเวลาข้ามไปลังกาวีนะครับ”

“ถ้าจะให้นายทบทวนความผิดที่ก่อกับฉันไว้ ชาตินี้คงชดใช้ไม่หมดแน่”

“คงไม่ถึงกับแค้นผมใช่มั้ย” ถึงแววตาไคจะไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่บอกเลยว่าคำพูดแต่ละคำมันฟังแล้วขวัญเสียสุดๆ รู้สึกเหมือนกำลังโดนคาดโทษยังไงไม่รู้

“มันกวนใจฉัน”

“หืม?”

“เรื่องการตรงต่อเวลาสำหรับฉัน ถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินชีวิต แต่สิ่งที่นายทำในวันนี้มันทำให้ฉันต้องใช้ความอดทนระดับสูงเพื่อนั่งรอเป็นชั่วโมง ทั้งๆ ที่ฉันควรตามล่านายแล้วจับมาถ่วงน้ำทะเลไปซะ”

เชรด!! โคตรโหด

“แบบนี้มันน่าจะเรียกว่า ‘ขัดใจ’ มากกว่า”

ไคจัดว่าเป็นลูกครึ่งไทยอเมริกาที่ออกสำเนียงไทยชัดพอสมควร แต่ถ้าจะให้ดีเขาควรจะเรียนศัพท์ภาษาไทยไว้เยอะๆ เวลาพูดมันจะได้ตรงกับอารมณ์ที่ตัวเองคิด อย่างประโยคที่เขาพูดกับผมน่ะ ฟังยังไงก็เคืองผมแรงมาก ถ้าใช้คำว่า ‘รบกวน’ มันอาจดูซอฟและเป็นทางการไป

หลังจากพูดจบไคก็ละสายตาไปจากผม เขายิ่งนิ่งคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

จนกระทั่ง...

“ฉันไม่รู้ว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น...มันถึงได้กวนใจฉันไงล่ะ”

 






รุ่งขึ้น เราเดินทางไปถึงท่าเรือตามเวลา ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเรือก็แล่นเข้าไปยังท่าเรือในจัตุรัสอินทรี ซึ่งมีรูปปั้นนกอินทรีสีน้ำตาลแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของเกาะลังกาวีที่โดดเด่นตั้งอยู่ใกล้ๆ หลังจากลงเรือ ไคก็เลือกที่สอบถามเส้นทางกับคนท้องถิ่นแทนที่จะเดินไปคุยกับเจ้าหน้าที่บริเวณท่าเรือ เขาพูดภาษาอังกฤษกับชาวบ้านหลายคนก็เลยบอกให้ผมไปนั่งรอที่ร้านกาแฟโบราณร้านแห่งหนึ่ง บรรยากาศดูเก่าแก่ และร้อนอบอ้าวจนผมต้องถอดเสื้อนอกออกมาพาดไว้กับเก้าอี้

ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ไคก็เดินเข้ามาในร้าน ผมเห็นเหงื่อเขาไหลเต็มหน้า จึงรีบเปิดขวดน้ำในกระเป๋าแล้วยื่นให้ แต่เขาดันส่ายหัวและตะโกนสั่งเครื่องดื่มเป็นภาษาอังกฤษกับเจ้าของร้านแทน

“ได้เรื่องยังไงบ้างครับ” ผมถามหลังจากที่ไคนั่งลงข้างๆ

“ฉันต้องเช่ารถ เพราะเมืองที่เราจะไปอยู่ไกลจากที่นี่หลายกิโล”

“แล้วคืนนี้เราจะพักที่ไหนกัน”

“ตอนแรกกะว่าจะจองห้องพักในเมืองกัวห์ แต่คิดดูอีกที ฉันว่าเราไปหาที่พักฟรีกันดีกว่า” ผมเห็นไคยิ้มตรงมุมปากแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าเขามีแผนบางอย่างที่ต้องใช้ความเจ้าเล่ห์

“คุณหมายถึง...”

“เราอุตส่าห์มาหาหมอนั่นถึงถิ่น อย่างน้อยก็ควรให้มันเป็นเจ้าบ้านที่ดีสักหน่อย”

ไคพูดจบ กาแฟเย็นที่เขาสั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ

“ถ้ารู้ว่าคนร้ายเป็นใครแล้ว คุณจะทำยังไงต่อ”

“ก็จัดการมันไง”

“ด้วยวิธีไหน”

“ฉันมีวิธีของฉัน”

ได้ยินคำตอบนั้นแล้วผมถึงกับถอนหายใจ ชักเริ่มหงุดหงิดกับคำตอบที่ไม่ใช่คำตอบของไคเข้าไปทุกที ไม่ว่าผมจะอยากรู้อะไรเขาก็หลบเลี่ยงและบ่ายเบี่ยงตลอด ยอมรับว่าตอนแรกผมทั้งกลัวและเกรงใจ คิดว่าเขาคงมีเหตุผลต่างๆ นานา แต่พอนานวันเข้า ผมกลับรู้สึกว่าเส้นบางๆ ที่กั้นผมไว้มันน่ารำคาญ

ผมอยากข้ามเข้าไป อยากรับรู้สิ่งที่เขาคิด และอยากอยู่ข้างๆ เขาให้มากกว่านี้!

“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวลึกลับกับผมสักที ไม่รู้เหรอว่าความสงสัยมันจะทำให้ผมเป็นโรคประสาทอยู่แล้ว”

“หลังจากฉันจับพวกมันส่งตำรวจ นายก็จะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย” เหมือนไคกำลังบอกผมว่าให้อดทนอีกหน่อย อีกเดี๋ยวทุกอย่างก็จะเรียบร้อยอะไรทำนองนั้น และเชื่อมั้ยว่าคราวนี้ผมเชื่อใจเขาอย่างไร้ข้อสงสัย เรื่องที่ระแวงหรือเรื่องที่คาใจเกี่ยวกับตัวไคมันหายไปหมด ตอนนี้ผมไว้ใจเขา ไม่ใช่เพราะความจำเป็น แต่การกระทำของไคต่างหากที่ทำให้ผมคิดแบบนั้น

“แล้วคุณก็จะไปตามหา ‘ใครคนนั้น’ ใช่มั้ย”

“ใช่”

“ให้ผมช่วยคุณนะ” ผมกล่าวด้วยความจริงจัง และรอคำตอบจากไคอยากใจจดใจจ่อ ไคช่วยเหลือผมมามาก ฉะนั้นการทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนเขา ก็คือสิ่งที่ผมควรทำ

“อย่างนายจะช่วยอะไรฉันได้” สิ้นเสียง ผมถึงกับเอนหลังพังเก้าอี้พร้อมกับความขุ่นเคืองใจ

นี่มันหลายครั้งแล้วนะ!

“แหงล่ะ ขนาดผมช่วยแกะกุ้งแกะปูให้กิน หรือแม้แต่เปิดน้ำให้ดื่ม คุณยังไม่ให้ผมช่วยเลย” จะว่าประชดประชันก็ไม่ผิด ผมขอยอมรับตามตรงเลย

“โกรธที่ฉันปฏิเสธน้ำใจนายเหรอ”

“...” ผมนั่งเงียบ ยกมือขึ้นกอดอกแล้วเบือนหน้าไปอีกทาง

“คราวหลังนายก็หยิบยื่นในสิ่งที่ฉันรับได้สิ”

“ก็นี่ไง! ผมตั้งใจจะช่วยคุณหาคนเนี่ย แต่คุณก็ดันปฏิเสธด้วยการบอกว่าผมช่วยอะไรไม่ได้” ผมจ้องหน้าไคเขม็ง ซึ่งเขาเองก็ไม่ยอมแพ้ จ้องผมกลับแบบไม่กระพริบตากันเลยทีเดียว

“นายกลับไปตามหาชีวิตในอนาคตเถอะ เรียนศิลปะที่นายรัก และเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงให้ได้”

“ผมไม่มีความฝันหรอกครับ” น้ำเสียงของผมอ่อนลง “สิ่งที่ผมทำทุกวันนี้มันเกิดจากสิ่งที่ผมทำได้ ไม่ใช่ความพยายาม เพราะงั้น...ผมเลยไม่มีภาพในอนาคตหรือเป้าหมายที่จะเดินต่อ”

“แต่ฉันอยากไม่พรากอะไรไปจากนาย” ไคเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ผมไม่รู้ว่าในใจเขากำลังคิดอะไร แต่สำหรับเรื่องนี้...ผมอาจจริงจังกว่าเขาก็ได้!



“คุณก็อย่าไปจากผมสิ”

 

 

 

 

 

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2017 23:04:36 โดย La_Pomme »

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
นี่เค้าเริ่มดีๆในหัวใจกันแล้วสินะคะ.  อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :o
พูดออกไปอย่างงั้นได้ยังไง
ยังไม่ทันรู้ใจเลย บอกให้เขา
อยู่ด้วยซะงั้น วัยรุ่นใจร้อนจัง

ออฟไลน์ RELAXED

  • ทำไงได้ก็ Y มันเรียกร้อง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 449
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
 :z3: :z3: :z3: :z3: มาพูดแบบนี้แล้วจากไป ไรท์ทำร้ายช้านนนนนนนนนน :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อะไรมันกวนใจนาย ฮึไค  :katai1: :katai1: :katai1:
“แต่ฉันอยากไม่พรากอะไรไปจากนาย”

“คุณก็อย่าไปจากผมสิ”
เอ่ออ.....พรากอะไร อะไรคืออะไร งงงงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
จะยังไงคะ นี่มันล่าสุดขอบฟ้ารึป่าว

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อัยยะ ตามๆ แต่อยากรู้ว่าบ้านของติณณ์มีอะไร ทำไมพวกโจรถึงได้บุก

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ตอนจบทำเอาเขิน วั้ยยยย แรดอะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ถามจริงนีคือการเริ่มปลูกอ้อยหรือเปล่า 555

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
ตอนที่ 9



ไคจ้องผมเขม็ง เหมือนกำลังข้องใจกับสิ่งที่ผมพูด และเพื่อเป็นการชี้แจงความในใจ ผมขอพูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมาเลยล่ะกัน จะได้เข้าใจสิ่งที่ผมกำลังคิดเสียที

“ผมว่าผมคิดดีแล้ว”

“คิดอะไร” ไคขมวดคิ้วหนัก

“ผมรู้สึกเคารพคุณ” ผมเลือกที่จะประจันหน้ากับเขาตรงๆ และพูดออกไปว่า “มาเป็นพ่อเลี้ยงของผมได้มั้ย!”

“…”

“…”

เงียบกริบกันทั้งคู่ เราต่างคนต่างจ้องกันสักพักก่อนที่ไคจะถอดสีหน้าและถอนหายใจอย่างแรง

“พ่อเลี้ยง?”

“ใช่ครับ ในเมื่อผมเป็นน้องไม่ได้ เป็นหลานไม่ได้...ก็ขอเป็นลูกซะเลย”

ตั้งแต่คืนที่ผมขอความช่วยเหลือจากไค ชีวิตของผมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเด็กมหา’ลัยธรรมดาต้องขาดเรียนมาหนีผู้ร้าย ต้องตะลอนไปเรื่อยจนมาถึงเกาะลังกาวี และจากนี้จะเป็นไงต่อก็ไม่รู้ ทว่าสิ่งที่ผมวิตกกังวลนอกจากเรื่องการพ้นผิดของไคก็คือการจากไปของเขา ผมรู้สึกเศร้าใจหากวันหนึ่งเราเจอกันแล้วไคกลับมองว่าผมเป็นแค่คนรู้จัก หรือนานวันที่ไม่ได้ติดต่อกันจะเป็นผลให้เราห่างเหินจนกลายเป็นคนแปลกหน้าในที่สุด

ไคบอกว่าไม่อยากพรากอะไรไปจากผม ก็แปลว่าเขาจะเอาตัวออกห่าง แทนที่จะให้ผมจากพ่อแม่เพื่อไปกับเขา นั่นสินะ เขาอาจไม่อยากให้ผมต้องเจอกับสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ แต่หลังจากที่ผมเชื่อใจเขาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวคือผมเคารพไค อยากใช้คำว่าสนิทสนมกับเขา อยากเป็นเหมือนคนในครอบครัว และอยากเป็นคนที่เขาให้ความเอ็นดูเหมือนลูกหลาน ซึ่งความรู้สึกนี้เองที่ทำให้ผมไม่อยากให้เขาจากไป 

“ด่าฉันว่าแก่ยังดีซะกว่า”

“ผมไม่ได้จะว่าอะไรคุณนะ แค่อยากได้คุณมาเป็นพ่ออีกคนเฉยๆ”

“แต่ฉันไม่อยากให้นายเป็นลูก”

“แล้วระหว่างเรามันต้องจะใช้คำไหนระบุสถานะล่ะครับ ผู้ร่วมทาง ผู้ร่วมชะตากรรม เพื่อนมนุษย์ คนรู้จัก อะไรแบบนั้นน่ะเหรอ” ความเฉยชาของไคกำลังทำให้ผมหงุดหงิดโคตรๆ ก็รู้ว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขา แต่มันอดน้อยใจไม่ได้จริงๆ

“ฉันไม่อยากขีดเส้นว่าเราควรรู้จักกันแบบไหน เพราะในที่สุด อนาคตจะกำหนดทุกอย่างด้วยตัวของมันเอง หรือถ้าไม่นับว่าวันหนึ่งนายอาจต้องแนะนำฉันกับใครๆ...เท่าที่เราเป็นตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้ว” หลังจากได้ยินคำสุดท้าย ผมเริ่มใจชื่นขึ้น จนอดสงสัยไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาพูดมันเริ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่

“ผมนึกว่าคุณไม่อยากนับญาติกับผมซะอีก” ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออก คือมันก็สร้างความคาใจให้ผมตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ “ว่าแต่...คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเรียนศิลปะ”

ไคครุ่นคิด ยกกาแฟขึ้นดื่มเพียงอึกเดียวก็เอ่ยตอบ

“ตอนออกกำลังกายอยู่บนบ้าน ฉันเดินไปตรงหน้าต่างเพราะเห็นเด็กผู้ชายยืนอยู่หน้าประตูรั้ว เขาใส่ชุดนักศึกษา สะพายเป้ แล้วก็ถือกระดานวาดรูป ฉันแง้มผ้าม่านเพื่อดูให้ชัดๆ แต่ไม่นานนักเขาก็รีบเดินไป”

อ้า~ ผมสินะ ตอนนั้นผมเพิ่งทานข้าวเช้าเสร็จและกำลังเดินทางไปมหา’ลัย ระหว่างเดินผ่านบ้านข้างๆ ผมหยุดยืนดูเพราะอยากรู้ว่ามีคนอยู่อย่างที่พ่อบอกไว้หรือเปล่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง เพราะผมเห็นคนในบ้านแง้มผ้าม่านออกพอดี

“ตอนนั้นคุณหลอนมากขอบอก เห็นบ้านร้างๆ มีคนอยู่แล้วผมไม่ค่อยชิน” ผมเจื่อนยิ้มพร้อมพูดต่อ “เอางี้ดีมั้ย ไว้กลับไปผมจะทำความสะอาดหน้าบ้านให้คุณเอง จะปลูกต้นไม้ใหม่ วางสนามหญ้าใหม่ เอาให้น่าอยู่ไปเลย”

ไคเลิกคิ้วสูง เหลือบตามองผมอย่างมีเลศนัย

“กำลังหวาดล้อมให้ฉันอยู่ต่อหรือไง”

“...” ผมเงียบ พลางหันหลบสายตาของเขาไปอีกทาง

หากแต่คำพูดของเขายังแว่วอยู่ข้างหู...

“รู้ตัวมั้ยว่านายกำลังจะทำให้ฉันกลายเป็นคนไม่มีความแน่วแน่” พูดจบไคก็ลุกเดินออกไปจ่ายเงินค่าเครื่องดื่ม ทิ้งให้ผมนั่งจับเจ่าอยู่ที่โต๊ะโดยไร้ซึ่งความคิดใดใด อยู่ๆ สมองก็ว่างเปล่า เฝ้าทวนคำพูดของไคไปมา

ไม่นาน...รอยยิ้มของผมก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น

 











ไคเช่ารถโดยใช้ใบขับขี่ปลอมเป็นเอกสารในการขอเช่า ผมแอบเหล่มองด้วยความอยากรู้จึงพบว่าเขาใช้ชื่อปลอมด้วย เมื่อเจรจากันเรียบร้อยเขาก็จ่ายเงินค่ามัดจำจำนวนหนึ่งไป ไคบอกว่าไม่เคยมาลังกาวีเลยส่งแผนที่ให้ผมคอยบอกทางให้ โชคดีที่ผมสามารถพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้พอสมควร จึงไม่เป็นอุปสรรค

เวลาผ่านไปพักใหญ่ รถยนต์ก็ขับเคลื่อนมาในซอยแคบๆ จากถนนคอนกรีตเปลี่ยนเป็นทางดินลูกรัง สองข้างทางเป็นต้นไม้สูงใหญ่ มองดูแล้วน่าจะเป็นเขตชุมชนมากกว่าแหล่งท่องเที่ยว และเมื่อมองตรงไปจนสุดลูกตา พวกเราก็พบกับบ้านไม้หลังใหญ่ ทรงคล้ายกับบ้านเรือนไทยแต่ดูวิจิตรงดงามกว่า

ไคบอกว่าน่าจะเป็นบ้านหลังนั้น พอขับมาถึงเขาจึงหยุดรถและเดินเข้าไปเคาะประตูทันที

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ระหว่างรอเจ้าของบ้านมาเปิดประตู ผมเห็นไคนำปืนขึ้นมาถือไว้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะสั่งให้ผมเดินหลบไปตรงเสาตอม่อที่ทำจากคอนกรีต ส่วนเขาก็รอจังหวะอยู่เงียบๆ

ผมยืนพังผนังภายนอกซึ่งเป็นไม้ตีเกล็ดสีน้ำตาลเข้ม ชะเง้อดูระเบียงด้านขวามือก็เห็นหลังคาบ้านทรงมนิลามุงกระเบื้องสีแดง เดาได้ว่าเจ้าของบ้านหลังนี้มีรสนิยมไม่น้อย

ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าของบ้านหลังนี้จะเป็นแฮกเกอร์

แอด!!

เปิดประตูแล้ว...ผมรีบหลบดีดีและรอลุ้นอยู่ห่างๆ ว่าไคจะทำยังไงต่อ

“วีล!”

เมื่อเจ้าของบ้านเห็นหน้าไค เขาก็ขานอะไรบางอย่างออกมา ผมไม่รู้ว่ามันเป็นศัพท์พื้นเมืองของที่นี่หรืออะไร แต่เอาเถอะ มันไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องนั้น เพราะตอนนี้ผมเห็นไคพยายามดันประตูเข้าในขณะที่อีกฝ่ายออกแรงดันประตูให้ปิดจนหน้าดำหน้าแดง ดูยังไงเจ้าของบ้านก็ดูไม่เต็มใจที่จะต้อนรับพวกเราเท่าไหร่ ไคถึงได้หยิบปืนขึ้นมาเพื่อเตรียมการบังคับแต่แรก อุอาจเกินไปแล้ว ถ้าเกิดปืนมันลั่นขึ้นมาจะทำยังไง

“ถอยไป! ไม่อย่างนั้นผมจะร้องให้คนช่วย” ชายคนนั้นตะหวาดเสียงดัง

กึก!

ผมเบิกตากว้าง เมื่อปลายกระบอกปืนของไคกำลังจ่อไปตรงขมับของผู้เป็นเจ้าของบ้าน

“'งั้นก็ให้ฉันเป่าหัวนายเลยสิ มันน่าจะดังกว่า” ฟังน้ำเสียงของไคแล้วรู้สึกสะท้านไปทั้งทรวง เขาจ้องคนตรงหน้าเขม็ง ไม่ต่างกับการให้สัญญาณเตือนว่าเขาพูดจริงและอาจปล่อยลูกกระสุนออกมาได้ทุกเวลา

ชั่วโมงก่อนผมมีบัตรประชาชนปลอมเป็นของตัวเอง ซึ่งในรูปเป็นใครก็ไม่รู้ แค่หน้าตาคล้ายผมเท่านั้นเอง มาตอนนี้ผมอัพเกรดตัวเองเป็นคนดูต้นทางระหว่างที่ไคกำลังใช้ปืนขึ้นมาขู่เจ้าของบ้าน

ให้ตายเถอะ...ผมมาถึงจุดนี้ได้ไง!

“ปล่อยผมไปตามทางไม่ได้หรือไง จะรังควานกันไปถึงไหน” กระบอกปืนทำให้ชายคนนั้นยอมแต่โดยดี ผมจึงตัดสินใจเดินมายืนข้างหลังไคเพื่อยืนฟังพวกเขาสนทนากัน

“ไม่คิดจะชวนเข้าบ้านหน่อยเหรอ” พูดจบไคก็ลดปืนลงและเก็บมันเข้าที่ ส่วนอีกฝ่ายได้แต่ทำหน้าไม่พอใจ ยืนกอดอกจ้องไคราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

คนคนนี้เป็นคนยุโรปผิวขาวร้อยเปอร์เซ็นต์ ดูจากเส้นผมสีน้ำตาล จมูกโด่ง ความสูง 180 ขึ้น นัยน์ตาสีเขียวมรกต คิ้วเข้ม และหนวดเครามาพร้อม ซึ่งในระหว่างที่ผมกำลังพิจารณาคนตรงหน้าอยู่ ฝรั่งหน้าคล้ายแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ผสมนิโคลัส ฮอลท์ก็เพ่งสายตามาที่ผม

“แล้วนี่ใคร” เขาถาม ก่อนที่ไคจะหันมามองผมพร้อมสีหน้าเรียบเฉย

“เขาบอกว่าฉันเป็น ‘ที่รัก’ ของเขาน่ะ”

ผมกับฝรั่งคนนั้นหูผึ่งพร้อมกัน และในท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังเกิดเดดแอร์อยู่นั้น ไคกลับเยี่ยงย่างเข้าบ้านไปอย่างหน้าตาเฉย วางระเบิดไว้ตูมเบ้อเร้อแล้วยังไม่รอกันอยู่ แล้วดูดิ ฝรั่งนี้มองผมตั้งหัวจรดเท้าเลย

“อะ...เอ่อ คือ...” แล้วมันเรื่องอะไรไคถึงมาปล่อยให้ผมยืนอยู่กับเขาสองคนวะเนี่ย เมื่อกี้เพิ่งเอาปืนจอเขาแท้ๆ ไม่ได้หวั่นเกรงอะไรเลย จะแซวผมก็ควรดูสถานการณ์บ้างไรบ้าง แล้วทีนี้จะอธิบายยังไง ปล่อยลอยได้มั้ย เดินเลี่ยงไปน่าจะเวิร์กกว่า “ไค รอผมด้วย!”

  เมื่อเดินเข้าไปด้านในผมก็พบกับการออกแบบห้องโถงกว้างที่รวมเอาห้องพักผ่อนและห้องทานอาหารไว้ด้วยกัน  เพดานบ้านแต่งด้วยเสื่อสานแบบพื้นเมือง ส่วนโครงสร้างหลังคาก็เป็นไม้ทั้งหมด ผมเห็นหลังไคเดินไปถึงประตูห้องด้านซ้ายมือ จึงรีบเดินตามไปโดยมีเจ้าของบ้านเดินมาสมทบภายหลัง

“หมอนั่นชื่อบัฟฟอร์จ เป็นหนึ่งในบุคคลที่สร้างคุณประโยชน์เอาไว้” ไคพูดกับผม พอดีกับจังหวะที่ชายคนนั้นเดินมาใกล้ และคงได้ยินสิ่งที่ไคพูดชัดเจน ถึงได้ตอบกลับทันควัน

“แหม ทำเป็นพูด...” พูดจบ บัฟฟอร์จก็หันมาผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

“ผมชื่อติณณ์ ครับ” รู้สึกเหมือนโดนเพ่งเล็ง ผมจึงรีบแนะนำตัวกับเขาตามมารยาท

ผมส่งมือรอเช็คแฮนด์ แต่บัฟฟอร์จกลับเมินเฉย ก้าวเท้าเดินตามไคเข้าไปในห้องด้านซ้ายมืออย่างเร่งรีบ และพอผมตามเข้าไปบ้างก็พบว่ามันคือห้องทำงาน มีคอมพิวเตอร์อยู่ทั้งหมดสามตัว บนโต๊ะเต็มไปด้วยกองเอกสารและข้างๆ ก็มีตู้ปลาที่เลี้ยงกุ้งเครฟิชตัวใหญ่ไว้สองตัว ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผมเห็นสภาพของห้องนี้ได้ก็คือแสงไฟสีฟ้าจากตู้ปลากับหน้าจอคอมเนี่ยแหละ จะสลัวไปไหน กลัวไม่รู้ว่าทำอาชีพที่มีความลึกลับหรือไง 

“มีธุระอะไร อย่าบอกว่าจะจับตัวผมไปทำอะไรเสี่ยงๆ อีก” บัฟฟอร์จเอ่ยถาม ในขณะที่ไคเดินไปขยับเก้าอี้ทำงานมานั่ง มองไปยังจอคอมที่แสดงผลอะไรบางอย่าง ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มลงไปที่คีย์บอร์ดของเจ้าบ้านอย่างถือวิสาวะ

“อยู่ที่นี่นายก็ยังเป็นอาชญากรเหมือนเดิม”

“เฮ้! อย่ายุ่งกับเครื่องทำมาหากินของผมสิ” บัฟฟอร์จรีบเอาตัวเข้าไปขวาง และทำการปิดคอมของตนเองเสร็จสรรพ “แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่นี่” เขาถามต่อ

“มีวิธีละกัน”

“คงไม่ใช่...” บัฟฟอร์จหันมามองไค จากนั้นก็ขมวดมุ่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังแสยะยิ้มให้

“ถึงตอนนี้คุณนายเพิร์กก็ยังอยากให้นายเลิกทำอาชีพแบบนี้นะบัฟ”

“นั่นไง! คุณอาศัยความช่วยเหลือจากแม่ผมอีกแล้ว” บัพฟอร์จเกาหัวแสดงความไม่สบอารมณ์อย่างแรง ผมมองชายต่างชาติสองคนนี้ด้วยความสงสัยในหลายๆ เรื่อง พวกเขาเจอกันได้ยังไง ทำไมไคถึงรู้เรื่องของบัฟฟอร์จทั้งๆ ที่เขาบอกว่าไม่สนิทกัน ซึ่งมันก็อาจใช่ เพราะคงไม่มีใครเอาปืนมาจ่อหัวเพื่อข่มขู่กับคนที่สนิทกันหรอก

“ฉันมีเรื่องให้นายช่วย” ไคเริ่มเข้าประเด็น

“จ่าวีล...” ประโยคของบัฟฟอร์จทำให้ผมชะงัก หันไปมองไคที่กำลังเบิกตากว้างและเหลือบมามองพร้อมความตกใจที่แสดงออกทางสีหน้า อีกทั้งนัยน์ตายังฉายแววดุดันขึ้น “บอกแล้วไงว่าหลังจากปฏิบัตินั้นผมจะไม่ขอเอาตัวเข้าไปยุ่งกับกองทัพอีก เลิกลากให้ผมไปนั่งล้วงข้อมูลที่มันต้องแข่งกับเวลา...”

“หุบปาก!”

ผมสะดุ้งเฮือก ขนลุกวาบไปถึงไขสันหลัง พอเห็นไคสบถออกมาอย่างเกรี้ยวกราด บัฟฟอร์จถึงกลืนน้ำลายลงคอและหันมามองผมด้วยความสงสัย

“เด็กนั่นไม่รู้เรื่องของคุณเหรอ” แม้ถามไค แต่สายตาเขาไม่ได้ละไปจากผมเลย

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น” ในห้องเงียบสนิท ทั้งผมกับบัฟฟอร์จต่างรอฟังว่าไคจะพูดอะไรต่อ “เพราะฉันลาออกจากกองทัพแล้ว”

อะไรนะ?



กองทัพงั้นเหรอ!!

















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2016 21:30:03 โดย La_Pomme »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
มีปมให้หาตลอดเลยนะเรื่องนี้เนี่ย

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รอต่อไปคร้าบบบ. น่าสนุกอ่ะเรื่องนี้มีปมทุกตอนเบย

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ลึกลับ ซับซ้อนเข้าไปอีก
หลงรักไคให้แล้วงานนี้
 :impress2:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อ้าวเป็นทหารเก่าซะงั้น พีคไปอีก

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เรื่งเริ่มลึกลับเรื่อยๆละ ไคคือใคร เป็นอะไรกันแน่

ออฟไลน์ Brand_Zess.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฟินมากกกก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :z3:


เดี๋ยวๆ นะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไค เป็นทหารเก่า หรือยังเป็นอยู่ เพื่อตามสืบบางอย่าง :katai1: :katai1: :katai1:
ไค โหดนะ แต่ชักไงๆ กับบอม
ไคเริ่มไม่แน่วแน่แล้ว เป็นเพราะบอม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
ตอนที่ 10



ผมอ้างปากค้างให้กับเรื่องที่ได้ยิน จะมีอาชีพอะไรที่ได้ทำงานในกองทัพ นอกจาก...

“ติณณ์” ผมสะดุ้งอีกครั้ง รีบเรียกสติคืนมาแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงเมื่อครู่

“คะ...ครับ”

“ออกไปเอากระเป๋าในรถเข้ามา” ว่าแล้วก็โยนกุญแจให้ผม “เสร็จแล้วก็รออยู่ข้างนอกจนกว่าฉันจะออกไป”

“เดี๋ยวๆ ทำไมต้องเอากระเป๋าเข้ามาด้วย อย่าบอกนะว่า…” บัฟฟอร์จฉงนใจ

“นายใช้คอมพิวเตอร์หาเงินจนซื้อบ้านหลังใหญ่ในต่างแดนได้ ก็ควรแสดงความเอื้อเฟื้อกับคนเคยรู้จักกันบ้างสิ” จากนั้นไคก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ไม่อย่างนั้น เรื่องที่นายทำในลังกาวีอาจถึงหูตำรวจของที่นี่ก็ได้”

“ดีแต่ข่มขู่คนอื่นจริงๆ นะจ่า” ไคไม่สนใจ เบือนหน้าหนีจากบัฟฟอร์จมาหาผม

“รีบไปสิ”

“อ้อ ครับ”

รับคำสั่งเสร็จ ผมกุลีกุจอออกจากห้อง เดินออกไปนอกบ้านเพื่อเปิดรถและจัดการลำเลียงกระเป๋าของพวกเราไปไว้ในห้องรับแขก ไม่กี่นาทีต่อมาผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาไม้สักด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ยังคงชะเง้อมองห้องทำงานของบัฟฟอร์จเป็นระยะๆ อยากรู้จังว่าพวกเขาคุยอะไรกัน การเดินทางมาหานักแฮกเกอร์ถึงที่นี่จะได้เรื่องหรือเปล่า ไคคงไม่ข่มขู่เขาถึงขนาดต่อสู้กันหรอกนะ น่าเป็นห่วงจริงๆ

ว่าแต่...’จ่าวีล’ กับ ‘กองทัพ’ นี่มันยังไง

ไคเป็นทหารเหรอเนี่ย?!!

 











มารู้สึกตัวอีกที เหมือนมันมีสัมผัสนุ่มๆ ที่กำลังรองรับเรือนร่างของผมอยู่ อ้า...ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงสินะ เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้ว่าผมคิดเรื่องของไคอยู่ จากนั้นก็คงหลับอยู่บนโซฟาไม้ที่ผมทิ้งตัวลงด้วยความเหนื่อย

เดี๋ยวนะ! โซฟาไม้มันต้องแข็งไม่ใช่เหรอวะ

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ สิ่งแรกที่เห็นคือแพดานเสื่อสาน พัดลมแขวนและหลอดไฟ เมื่อกวาดสายตามองโดยรอบก็พบว่ามันคือห้องนอนขนาดไม่ใหญ่มาก มีตู้เสื้อผ้ากับที่วางโคมไฟเป็นส่วนประกอบเท่านั้น และนั่นก็พวกกระเป๋าสัมภาระของผมกับไค ว่าแต่มันมาอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นคนเอาเข้ามา

และที่สำคัญคือ...ผมมานอนอยู่บนเตียงได้ยังไง!

แอด!!

เสียงประตูห้องถูกเปิดออก ชายตัวสูงกับผ้าขนหนูผืนเดียวปรากฏอยู่ตรงหน้าผม เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสะบัดหัวที่เต็มไปด้วยน้ำจากการสระผม ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูอีกผืนมาเช็ดหัวอย่างลวกๆ กี่ครั้งแล้วที่ผมต้องเห็นซิกแพคกับหุ่นอันบึกบึนของเขา และแน่ล่ะ ใครเจออย่างนี้ก็ต้องมองทั้งนั้น...ก็คนมันอิจฉานี่หว่า อยากมีบ้างไรบ้าง

ถึงจะมีแผลเป็นทั่วร่าง แต่มันกลับเพิ่มความเท่ห์ให้เขาซะอย่างนั้น

“คุยกันเสร็จแล้วเหรอครับ” ผมขยับตัวขึ้นมานั่ง พอเห็นบรรยากาศด้านนอกที่มืดสลัว ก็รู้ในทันทีว่าตัวเองเผลอหลับไปนานมาก

“อืม” ไคตอบพลางเดินมาเช็คโทรศัพท์ที่วางไว้ตรงโคมไฟใกล้ๆ เตียง “ฉันว่าคืนนี้เราคงต้องนอนด้วยกัน เพราะมีห้องว่างอยู่ห้องเดียว” เจ้าของน้ำเสียงทุ้มพูดโดยไม่มองหน้าผม

“ยังไงก็ได้ครับ ผมไม่ซีเรียส”

“หิวหรือยัง” คราวนี้ไคละสายตาจากโทรศัพท์ขึ้นมามองผมละ

“นิดหน่อยครับ”

“บัฟกำลังจะออกไปซื้ออาหารเย็น ระหว่างรอนายก็ไปอาบน้ำก่อนเถอะ” ไคโยนผ้าขนหนูอีกผืนให้ผม ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาแต่งตัว เขาไม่อายผมที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้แม้แต่น้อย แสดงว่าเขาสนิทใจกับผมแล้วใช่มั้ย

และถ้าผมจะถามอะไรสักอย่าง เขาจะยอมตอบหรือเปล่า

“วีล...”

“...” ไคผงะ และค่อยๆ หันมาหาผมช้าๆ

“คุณเป็นใครกันแน่” ผมถาม

“เป็นคนช่วยชีวิตนาย”

“คุณเคยเป็นทหารใช่มั้ย” ไคหรี่ตามองผม ทำสีหน้าครุ่นคิดสักพัก

“ก็ได้ยินแล้วหนิ”

“แล้วมีอะไรจะบอกผมอีกหรือเปล่า”

ผมไม่ได้ว่าหากเขาจะปิดบังอะไร แต่ถ้ามีอะไรสะดวกใจที่จะพูดผมก็อยากฟัง อย่างเรื่องที่เขาเป็นทหารโดยที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน มันไม่ใช่ว่าเขาโกหก แต่แค่ไม่บอกอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเท่านั้นเอง ซึ่งการได้รู้เรื่องของเขาทีละเล็กละน้อย มันทำให้ผมตกใจทุกครั้ง

บอกตามตรงว่าผมไม่อยากรู้สึกแปลกใจ ราวกับเห็นเขาเป็นคนที่ผมไม่รู้จักอีกแล้ว!

“มี”

“...”

ไคเดินเข้ามาชิดขอบเตียง เลือกเท้าข้างหนึ่งก้าวขึ้นบนเตียงในขณะที่สายตายังคงจดจ้องมาตลอด ผมรู้สึกถึงความยวบของที่นอนและร่างใหญ่ไร้อาภรณ์ที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ จังหวะนั้นผมประหลาดใจเล็กน้อย ค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ แต่เขากลับเมินแววตาอันตื่นตระหนกของผม และไม่สนเรือนร่างที่เปียกปอนของตัวเอง แสดงอานุภาพความแข็งแกร่งด้วยการผลักผมนอนราบไปกับเตียงด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล

“เออ...”

ผมอยากถามว่าเขากำลังเล่นบ้าอะไร แต่มันดันพูดไม่ออก ต้นแขนซ้ายขวาถูกมือหนากดไว้อย่างมั่นคง ผมขยับเพียงนิดยังไม่ได้ แล้วจะเอาชนะนัยน์สีฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ได้ยังไง

ไคสบตากับผม ในขณะที่ใบหน้าของเราห่างกันเพียงคืบ

“คุณจะบอกเรื่องอะไร” ผมรีบหันหลบสายตาไปอีกทาง ไคจึงเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหูของผมแทน

“ฉันเป็นคนอุ้มนายขึ้นมานอน...”

หลังจากเสียงแผ่วเบาใกล้ใบหูเงียบลง ผมก็หันไปสบตากับไคด้วยความแปลกใจ เขาน่ะเหรออุ้มผมมานอน เป็นคนดีใจขนาดนั้นได้ด้วยเหรอ ทำให้ตัวเองลำบากเปล่าๆ อันที่จริงเขาน่าจะปลุกผมมากกว่า แต่ก็นะ ผมว่าประเด็นนี้ควรตัดไปก่อน มาเข้าเรื่องที่เขาผลักผมลงกับเตียงดีกว่า

แค่จะบอกว่าเป็นคนอุ้มมานอน จำเป็นต้องสาธิตให้ดูด้วยเหรอวะ!

“ขอบคุณครับ”

ผมเอ่ยอย่างประหม่า เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นใบหน้าของไคชัดๆ ความเกลี้ยงเกลากับผิวพรรณเนียนเรียบคงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาดูอ่อนกว่าวัย ผมล่ะอดอิจฉาในความหล่อคมคายของเขาไม่ได้จริงๆ แล้ว ไหนจะจมูกที่โด่งเป็นสันกับนัยน์ตาสีฟ้าครามนั่นอีก ถ้าได้เป็นดาราหรือนายแบบรับรองว่าสาวๆ ต้องกรี๊ดสลบแน่

“ก็ควรอยู่หรอก” ไคพูดขณะที่ยังคร่อมร่างผมไว้

“แล้วจ่าวีลคืออะไร คุณมีสองชื่อเหรอ”

“ไม่เชิง”

ผมถอดหายใจเพราะคำตอบของเขาซ้ำแล้วซ้ำ แบบนี้มันน่าจับหักคอนัก

“ผมควรเรียกคุณว่าอะไร”

“ถนัดแบบไหนก็เรียกแบบนั้น” น้ำเสียงเข้มว่าจบก็เตรียมลุก คือเมื่อกี้เราสองคนอยู่ในโพสิชั่นที่ล่อแหลมไง การที่เขาลุกออกจากตัวผมมันก็ถูกต้องแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าคิดผมคิดอะไร อยู่ๆ ก็เอื้อมมือไปรั้งแขนเขาไว้ซะงั้น

“คุณอยากให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ” ไคจ้องผมพลางกระตุกรอยยิ้ม

“ที่รักมั้ง”

“อะไรเนี่ย!” ผมอุทานเสียงดัง “เมื่อไหร่จะเลิกล้อผมเรื่องนี้สักที”

ระหว่างที่ผมโดนไคแซวรอบที่ล้าน ประตูห้องก็ถูกเปิดออก...

“โทษนะ” เรามองไปตรงต้นเสียงพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะผลักไคออกและกระเด้งขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ “ก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาขัดจังหวะหรอก แต่ผมมีเรื่องที่จำเป็นต้องถามก่อน”

พอลุกไปพ้นจากเตียง ไคก็ขยับผ้าขนหนูที่นุ่งอยู่ให้เข้าที่

“เรื่อง?” เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้ายืนกอดอก

“เย็นนี้อยากกินอะไรกัน”

“ตามใจ”

“ตามใจผม?” บัฟฟอร์จถาม ก่อนที่ไคจะหันไปมองเขาด้วยแววตาอันแสนดุดัน

“ตามใจเขา”



หลังจากนั้น สายตาของคนต่างชาติทั้งสองก็หันมามองผมเป็นตาเดียว...


 





*****************
ีUpdate ตอนต่อไปวันที่ 28/12/59 เวลาประมาณ 20.00 น.

 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด