ผมกำลังจะกลับบ้าน บทที่ 7
ผมนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างหงุดหงิด งานสร้างเว็บไซต์ของรีสอร์ทเป็นอันหยุดชะงักเพราะไม่มีอารมณ์จะทำ สาเหตุก็คือผมไม่ได้ยินเสียงพี่วันมาหลายวันแล้วถ้านับคืนนี้ที่เวลาปาไปห้าทุ่มก็นับเป็นคืนที่สาม และไม่ใช่ว่าจะไม่ลองโทรไปหาเขาผมโทรไปแล้วเป็นสิบๆครั้ง แต่คนที่ผมคิดถึงก็ยังเงียบกริบตั้งแต่วันที่เราขึ้นไปบนภูชี้ฟ้าและทำรักกันอยู่บนยอดดอยนั่นแหละ วันนั้นเรากลับลงมากันตอนเกือบเที่ยงพี่วันขับรถโฟวีลของเขามาส่งที่รีสอร์ท แต่พอใกล้จะถึงทางเข้าเขากลับหักพวงมาลัยรถเข้าจอดข้างทางใต้ต้นไม้ใหญ่ซะงั้น “ไม่เลี้ยวเข้าบ้านล่ะครับพี่วัน”
ผมเอียงคอมองเขาอย่างสงสัย พี่วันหันมายิ้มบางๆพลางคว้ามือของผมไปกุมไว้แน่นหนา “บอกให้พี่ชื่นใจหน่อยได้ไหมครับชิน ว่าชินก็รักพี่เหมือนที่พี่รักชิน”
คำถามหวานๆกับเสียงอ่อนนุ่มที่ดูไม่ได้เข้ากับตัวใหญ่ๆของคนพูดทำให้ผมถึงกับไปต่อไม่ได้ ตอนนี้ทำได้แค่ก้มหน้ามองแผ่นอกแข็งแกร่งที่อบอุ่นเวลาซุกกอด หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะราวกับย้อนวัยไปสมัยนมแตกพานที่เพิ่งเริ่มมีแฟน “ก็คิดว่าผมรับโทรศัพท์พี่เพราะอะไรล่ะ ที่ผมยอมสานความสัมพันธ์ของเราแทนที่จะให้จบไปตั้งแต่วันแรกบนรถทัวร์น่ะ”
มือใหญ่วางแหมะมาบนหัวแล้วโยกไปมาพร้อมหัวเราะเบาๆอย่างรู้ทัน พี่วันดึงผมให้เอียงตัวไปซบอยู่ตรงไหล่กว้าง เขาโอบบ่าและกดจูบหนักๆอยู่ตรงขมับของผม “สีข้างถลอกหมดแล้วครับจอมแถของพี่ ถามว่ารักหรือเปล่าก็ตอบสั้นๆว่ารักหรือไม่รัก นี่ชินตอบอ้อมโลกพี่มันคนโง่แปลไม่ออกหรอก ว่าไง ตอบมาซะดีๆรักหรือเปล่า” ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าพี่วันไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถ้าเขาอยากได้หรืออยากรู้อะไรก็ต้องไม่มีอะไรคลุมเครือ “ก็ถ้าตอบว่าไม่รักล่ะครับ พี่วันจะว่าไง”
ผมท้าทายเขาด้วยการแหงนหน้าไปยักคิ้วเล็กๆใส่ พี่วันมองผมอย่างหมั่นเขี้ยว นิ้วมือใหญ่จับอยู่ตรงปลายคางของผมค้างไว้ดวงตาคมมองผมเป็นประกาย “ไม่ว่าครับ แต่พี่จะจัดการชินจนกว่าชินจะบอกรักพี่”
เขาเอียงหน้าลงมาจนได้องศา ลมหายใจอุ่นร้อนปะทะอยู่ตรงแก้ม พี่วันครอบปากลงบนปากของผมแล้วง้างงับลงมา มือสากโอบเอวผมเข้าใกล้พลางสอดลึกแล้วดึงเสื้อยืดของผมออกอย่างชำนาญ ผมส่งเสียงอื้ออึงผลักอกเขาออกแต่ไม่สำเร็จแถมเขายังเลื่อนตัวข้ามกระปุกเกียร์มาโถมทับตัวผมอยู่บนเบาะที่ผมนั่ง เบาะถูกเลื่อนไปด้านหลังและเอนไปจนสุดเพิ่มพื้นที่ว่างให้ผู้ชายสองคนนอนเกยกันได้แม้ว่าจะยังคับแคบ พี่วันลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของผม กางเกงยีนส์ถูกถอดและร่นลงจนหลุดออกจากปลายเท้า ผมกำลังเปลือยเปล่าอยู่ในรถยนต์ที่ติดฟิล์มกรองแสงไว้จนคนภายนอกมองเข้ามาไม่เห็น เราจูบกันจนน้ำลายเหนียวคอกว่าเขาจะเลื่อนปลายลิ้นลงมาแล้วครอบปากลงบนหัวนมที่เขาชอบมากเป็นพิเศษ มือข้างหนึ่งของเขาบดบี้อยู่บนหัวนมข้างที่ว่าง ส่วนอีกข้างมันป้วนเปี้ยนอยู่แถวเจ้าลูกชายของผม “พี่วัน เราเพิ่งจะทำกันเมื่อกี้บนยอดดอยนะครับ”
ผมเงยหน้าส่งเสียงกระเส่า เสียวจนต้องแอ่นอกรับให้เขาขบเม้มลงมา “ชินก็รู้ว่ามันไม่พอกับความคิดถึงของพี่”
พี่วันย่อตัวลงไปอยู่ตรงช่องว่างระหว่างขาของผมที่ถูกเขาจับแยกให้กว้างออกและมองเจ้าน้องชายผมตาเป็นมัน “คิดถึงชินน้อยจะแย่อยู่แล้ว”
ง้างปากแล้วงับลงบนส่วนหัว ผมเด้งเอวเข้าใส่โดยอัตโนมัติ พี่วันรอท่าอยู่แล้วเขาอ้าปากรอก่อนจะหุบฉับเมื่อเกือบถึงโคนและเม้มปากสาวรูดกลับมาที่ตรงปลายอีกครั้ง วิทยายุทธของพี่วันลึกล้ำจนผมแทบจะก้มกราบฝากตัวเป็นลูกศิษย์เพราะตอนนี้ผมดิ้นพล่านไปหมดทั้งตัว นิ้วมือใหญ่ๆเอื้อมขึ้นมาแตะอยู่ตรงมุมปากของผม ผมเลยใช้ลิ้นตวัดมันเข้ามาในปากระบายความต้องการของตัวเองด้วยการดูดนิ้วของเขา มือของผมข้างหนึ่งคว้าผมดกดำของพี่วันไว้กำมือหนึ่ง อีกข้างนั้นเกาะอยู่ที่ขอบกระจกรถจิกลงไปจนเล็บจะหัก “พี่วัน อื้ม เสียวอ่ะ”
เสียงแหบพร่าระส่ำระสายเมื่อเขาทั้งรูดทั้งเม้ม มือข้างที่ขยุ้มผมของเขาดึงหัวของพี่วันเข้าออก เนื้อตัวบิดไปมาเมื่อผมเป็นฝ่ายกระทุ้งเอวเข้าปากพี่วันถี่ๆ จนกระทั่งมันแตกออกมาคาปากเก่งของเขา พี่วันเหลือบมองอย่างพอใจในผลงานก่อนที่จะโหย่งตัวขึ้นมาปลดกางเกงลายพรางตัวเองลงจนถึงต้นขา ใช้แขนช้อนไปที่ใต้เข่าของผมแล้วยกสูงจนแทบชิดอก ร่างแกร่งเบียดตัวแทรกเข้ามาดึงดันส่วนยื่นใหญ่โตของเขาเข้ามาในร่างผม “อา ตอดมาก ทั้งที่เพิ่งทำไปรอบนึงแต่ชินยังฟิตเหลือเกิน”
พี่วันตาปรือเชิดหน้าขึ้นสูงผ่อนลมหายใจอุ่นรดอยู่แถวหน้าผากของผมขณะที่ดันเข้ามามิดด้ามจนผมต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆรับการมาเยือนรอบที่สองของวันนี้ เขาเป่าปากอยู่หลายครั้งก่อนจะถอนกายออกมาแล้วแทงซ้ำเข้าไปใหม่ ผมครางดังลั่นรถเมื่อเขากระแทกเข้าจุดสำคัญ เสื้อทหารของพี่วันถูไถอยู่ตรงหน้าอกให้ยิ่งกระเจิดกระเจิง ทั้งที่เพิ่งแตกคาปากไปไม่กี่นาทีที่ผ่านมาแต่ตอนนี้ผมถูกปลุกเร้าจนไอ้ลูกชายพองฟูกระทั่งต้องเอื้อมมือไปกอบกุมตัวเองแล้วโยกมืออีกครั้ง เสียงครางปนเสียงหอบของผมกับพี่วันดังประสานไม่หยุดหย่อน “จะบอกรักพี่ได้หรือยังครับชิน อัก… เสียวชิบ”
เขาพูดเสียงแหบพร่าขณะที่กระแทกเอวดังป้าบๆจนรู้สึกถึงแรงสะเทือนของรถโฟวีลคันใหญ่ ผมสูดปากหน้าเหยเกเมื่อกล้ามเนื้อทั้งตัวกำลังสลับกันบีบรัดให้วุ่นไปหมด “รัก ผมรักพี่วันครับ อ๊า…พี่วัน ขอแรงๆ อ๊ะ อ๊า”
ผมกระตุกทั้งตัวพี่วันรีบสาวเอวถี่ยิบ หัวรบหมุนวนอยู่ในช่องทางของผมอีกไม่กี่วินาทีพี่วันก็ยิงน้ำเชื้อใส่จนหน้ามืด เขาแช่ตัวค้างให้ผมตอดพักใหญ่ก่อนจะก้มหน้ามาจูบแลกลิ้นกันอีกรอบจึงจะยอมถอนตัวเองออกมา “ชื่นใจเหลือเกินคนเก่งของพี่ ขอบคุณนะครับที่รักกัน”
ช่วยกันเช็ดเนื้อเช็ดตัวและใส่เสื้อผ้าพี่วันจึงขับรถกลับเข้ารีสอร์ทไปกล่าวลากับแม่ นัยว่าพาลูกชายของแม่ออกมาก็ต้องพาไปส่งให้ถึงมือแม่เหมือนเดิม และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินเสียงของเขา ก่อนที่พี่วันจะขับรถจากรีสอร์ทเพื่อไปทำงานที่เคยบอกไว้ สามวันแล้วที่ผมติดต่อพี่วันไม่ได้ ส่งไลน์ไปก็ไม่ตอบไม่มีสัญลักษณ์ว่าเขาเปิดอ่านด้วยซ้ำ ข่าวท้องถิ่นก็ออกข่าวเรื่องการปะทะกันที่ชายแดนไม่เว้นแต่ละวันจนผมกระวนกระวาย ผมลองส่งข้อความทางไลน์ไปอีกครั้งพลางจ้องหน้าจอใจจดใจจ่อ หลังจากนั้นไม่ถึงนาทีมันก็ขึ้นสัญลักษณ์ว่าพี่วันอ่านมันแล้ว ผมเบิกตาโตอย่างดีใจแต่ใจก็แป้วลงอีกเพราะยังไม่มีข้อความตอบกลับอยู่ดี ผมตัดสินใจโทรไปหาเขา เสียงรอสายดังขึ้นพักใหญ่กว่าพี่วันจะรับในที่สุด ผมรีบกรอกเสียงลงไปอย่างดีใจ “พี่วัน พี่วันครับ หายไปไหนมาตั้งหลายวันทำไมไม่โทรหาหรือรับสายผมเลย”
“เอ่อ…”
เสียงที่ลอดออกมาจากปลายทางไม่ใช่เสียงพี่วัน “ขอโทษครับ ผมไม่ใช่ผู้พันวันรบ”
ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย “แล้วคุณเป็นใครล่ะครับ ทำไมมาใช้มือถือของผู้พันวันรบได้ล่ะ”
ตอบกลับไปด้วยความสงสัย หรือว่ามือถือของพี่วันจะถูกขโมยไปแล้วคนขโมยเพิ่งจะเปิดเครื่อง ปลายทางที่ใช้โทรศัพท์ของพี่วันเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบกลับมาให้ผมนิ่งงัน “ผมเป็นลูกน้องผู้พันครับ ผู้พันโชคร้ายถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้อยู่ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเชียงราย”
เสียงตึงตังเมื่อผมวิ่งลงบันไดมาจากชั้นสองของตัวบ้าน ทำให้แม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้านล่างต้องเงยหน้าขึ้นมามอง “ชินทำไมวิ่งเสียงดังอย่างนี้ล่ะลูก อ้าว แล้วนั่นเป็นอะไรหน้าซีดเชียว”
แม่มองอย่างสงสัย ผมเดินเข้าไปนั่งข้างแม่และกอดแม่ไว้แน่น “แม่ พี่วันบาดเจ็บอยู่โรงพยาบาล”
น้ำเสียงของผมเบาหวิวเหมือนคนใกล้จะขาดใจ มือสั่นใจสั่นด้วยความหวาดวิตก ทำให้แม่ยิ่งมองอย่างแปลกใจ “เอาไว้ไปเยี่ยมตอนเช้าก็ได้มั้งชิน นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะ”
“แม่”
ผมทำท่าจะร้องไห้จนแม่ต้องดึงมือผมไปกุมไว้และลูบหัวผมเหมือนเป็นเด็กน้อย “ชินรอไม่ได้ ชินเป็นห่วงพี่วัน อยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่าพี่เขาปลอดภัย”
“ชินเขต!”
แม่เรียกผมเสียงเข้ม “แม่ไม่เข้าใจ ทำไมเราถึงเป็นห่วงผู้พันเขามากขนาดนี้ ชินกับผู้พันก็เพิ่งรู้จักกันไม่นานนี่เองนะ”
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงเผาะลงบนร่องแก้ม ผมใจหายกับคำพูดของแม่ ทั้งกลัวเรื่องพี่วันและหวั่นใจกับแววตาที่แม่มองมา ผมกอดเอวแม่แล้วสารภาพความจริง “แม่ แม่จะว่าอะไรชินไหมถ้าชินจะบอกแม่ว่าชินรักเขา ชินรักพี่วัน เราสองคนรักกันครับแม่”
“ชินเขต!”
แม่เรียกชื่อเต็มของผมเป็นครั้งที่สอง คราวนี้เสียงดังกว่าเดิมจนผมต้องหรุบตาลงเพราะกลัวว่าจะเห็นสายตาผิดหวังของแม่ “ชินขอโทษนะแม่ ขอโทษที่ทำให้แม่เสียใจเพราะดันไปรักผู้ชายด้วยกัน”
น้ำตาของผมไหลลงมาราวกับย้อนวัยไปเป็นเด็กน้อย แม่ยกมือขึ้นลูบหัวเบาๆจนผมสะอื้น “นี่ร้องไห้ทำไมกัน แม่ไม่ได้เสียใจที่ชินรักผู้ชายด้วยกันเลยสักนิด ต่อให้ลูกจะเป็นอะไรลูกก็ยังเป็นลูกแม่อยู่ดีแค่แม่เป็นห่วงว่าความรักของลูกมันจะมั่นคงหรือเปล่าเท่านั้นเอง” ผมยกหลังมือเช็ดน้ำตาพลางเงยหน้าสบตาแม่ เห็นแต่ดวงตาของคนที่รักเราอย่างจริงใจจนผมตื้นตัน “รักกับผู้หญิงก็ไม่ได้มั่นคงเขายังทิ้งชินไปมีคนอื่นได้เลย ชินอยากจะเสี่ยง ชินไม่รู้หรอกว่าชินกับพี่วันจะรักกันได้นานแค่ไหน แต่ชินอยากทำวันนี้ให้ดีที่สุดในวันที่เราสองคนรักกัน”
ผมกับแม่กอดกันนิ่งนาน นานจนแม่ถอนหายใจออกมาแล้วดันไหล่ของผมออกจากอ้อมกอดอบอุ่น “ขับรถลงดอยตอนกลางคืน ระวังเยอะๆนะชิน ไปถึงโรงพยาบาลแล้วโทรมาบอกแม่ด้วย แม่เป็นห่วง”
ผมยิ้มออกมาได้ ยื่นหน้าไปหอมแก้มแม่ก่อนจะโผจากอ้อมกอดวิ่งตรงไปที่รถยนต์เพื่อไปหาคนที่ผมรัก ผมวิ่งไปที่ห้องฉุกเฉินหลังจากที่จอดรถยนต์ไว้ที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลประจำจังหวัดและโทรบอกแม่เรียบร้อยแล้ว หัวใจของผมเต้นแรงด้วยความกังวลเมื่อก้าวไปถามหาพี่วันที่โต๊ะของเจ้าหน้าที่ เขาชี้ทางให้ผมเดินตรงไปยังแผนกสังเกตอาการที่มีทหารในชุดสีเข้มยืนออกันอยู่กลุ่มใหญ่ แจ้งกับทหารคนหนึ่งว่าผมมาหาพันตรีวันรบ เขาชี้มือมายังเตียงหนึ่งท่ามกลางอีกหลายเตียงที่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนอนเรียงรายกันอยู่ ทหารคนนั้นคือคนที่รับโทรศัพท์ของผมนั่นเอง เขาเล่าให้ผมฟังว่าเป็นเพราะสถานการณ์ตึงเครียดทำให้ทหารทุกคนต้องเตรียมพร้อม ไม่มีใครมีเวลาเพื่อเรื่องส่วนตัวพี่วันจึงไม่ได้ติดต่อผม จนกระทั่งพี่วันได้รับบาดเจ็บทหารคนนั้นจึงรับโทรศัพท์แทน พี่วันปลอดภัยจากเงื้อมมือมัจจุราชแต่ต้องนอนดูอาการที่หน่วยสังเกตอาการหนึ่งคืน แล้วถ้าไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงคุณหมอจะให้เข้าไปรักษาตัวที่ห้องพิเศษในวันรุ่งขึ้น ผมก้าวเดินไปหาเขาด้วยฝีเท้าที่ไม่มั่นคงนัก พี่วันนอนอยู่เตียงในสุดและเมื่อเห็นสภาพของพี่วันน้ำตาของผมก็ไหลออกมาอีกครั้ง พี่วันนอนนิ่งบนเตียงรอบหัวมีผ้าก๊อซผืนยาวพันรอบปิดดวงตาทั้งสองข้างไว้ แขนขามีแต่แผลถลอกข้างตัวระโยงระยางไปด้วยน้ำเกลือและถุงเลือด “ชินหรือ”
เขาถามขึ้นทั้งที่มองไม่เห็น น้ำเสียงแหบโหยเหมือนไม่ใช่พี่วัน ผมกลั้นสะอื้นเมื่อตอบรับเขาไป “ขับรถลงเขาตอนกลางคืนมันอันตรายรู้ไหมครับ”
ผมปล่อยโฮออกมา แม้กระทั่งตอนที่เขาบาดเจ็บพี่วันก็ยังเป็นห่วงคนอื่น ผมคว้ามือข้างที่ไม่มีน้ำเกลือของพี่วันมากุมไว้ “พี่วันเจ็บมากไหม”
ยิ้มบางๆปรากฏบนหน้าคม แม้จะอิดโรยแต่พี่วันก็ไม่เคยไม่มีรอยยิ้มให้ผม “ได้ยินเสียงชินก็หายเจ็บแล้ว คิดถึงชินนะ”
“ผมก็คิดถึงพี่วัน เป็นห่วงมาก แม่รู้เรื่องที่เรารักกันแล้วนะครับ ผมขอแม่มาหาพี่เพราะผมทนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่”
ผมดึงมือหนาของเขามาแนบแก้มให้ปลายนิ้วนั้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของผม “พี่วัน ผมรักพี่นะครับ”
TBC