แผนที่ 20 สารภาพ
หลังคลาสบ่ายของอาจารย์แม่จบลง ผมลากร่างที่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะยืนมานั่งเงียบๆที่ต้นหูกระจงริมสระน้ำข้างคณะ
จะว่าไปนานแค่ไหนกันนะที่ผมไม่ได้มานั่งตรงนี้เงียบๆเหมือนเคย แต่ก่อนจุดนี้เป็นมุมโปรดของผมเลยก็ว่าได้
แต่ว่าตั้งแต่ผมได้รู้จักน้องไม้คณะอักษรฯผมไม่ได้มานั่งตรงมุมโปรดนี้อีกเลย เพราะอะไรน่ะเหรอ ผมว่าทุกคนน่าจะรู้ดี
หลังจากเห็นโพสคต์เจ้าปัญหานั่น ก็ผ่านล่วงเลยมาเป็นเดือนแล้วแต่ผมก็ยังกินไม่ได้นอนไม่หลับเช่นเคย
ผมกดเลิกติดตามเพจนั่นไม่รับรู้ข่าวสารที่จะทำให้ผมเครียด ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มที่ตรงไหน อยากไปหาน้องก็ติดสัญญาของพ่อไผ่
ก็เลยได้แต่มานั่งทำหน้าหมาหงอยอยุ่ตรงนี้ เฮ้ออออ
แค่คิดก็ปวดหัวจะแย่ ไหนจะงานที่ต้องส่งไหนจะต้องมารับเรื่องปวดหัวของพี่อัน แฮชแท็ก #โอ๊ตอัน มาจากไหนไม่รู้
ไหนจะช่วงนี้มีคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปผมแบบโจ่งแจ้งมันทำให้ผมหงุดหงิด แม้ว่าผมจะถูกถ่ายรูปบ่อยๆแต่ไม่ใช่แบบนี้
ไหนจะ แฮชแท็ก#เพชรไม้ อะไรนั่นอีกเฮ้ออ เครียด
Rrrrrr
ผมมองชื่อที่ขึ้นโชว์หน้าจอก่อนจะกดรับสายแบบเนือยๆไม่สนใจอะไรมากมาย
“ว่าไงอิง”
//หายหน้าหายตาเลยนะพ่อคุณ //
“งานเยอะน่ะ อิงมีไรหรือเปล่า”
//พี่อาร์ตให้ไปหาที่ รพ.ของ ม.Y เห็นว่ามีเรื่องจะคุยด้วย//
“เรื่อง ? เรื่องอะไร”
//ไม่รู้เหมือยกันมาคุยกับพี่อาร์ตเองเลยแค่นี้นะ อิงมีธุระ//
ผมมองโทรศัพท์ที่โดนตัดสายแบบงงๆ พี่อาร์ตให้ไปหาที่ ม.Y ไปทำไมกัน ล่าสุดผมจำได้ว่าไม่ได้ทำเรื่องอะไรให้พี่อาร์ตต้องมาบ่นอีกนี่นา
หรือจะปรึกษาพี่อาร์ตดูอีกทีกันนะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆผมต้องแย่แน่ๆเลย
แกร่ก!
เสียงเหมือนคนเดินเหยียบอะไรสักอย่างใกล้ผมทำให้ผมละจากโทรศัพท์มือถือหันไปมองทิศทางของเสียงแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง
เมื่อเห็นดวงหน้าสวยของคนที่อยู่ในความคิดถึงมาตลอดปรากฏอยู่ตรงหน้า ผมผมรีบผุดลุกขึ้นด้วยความรีบร้อนทำให้ผมเซถลาไปข้างหน้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“พี่โอ๊ต!!”
เสียงเรียกตื่นตระหนกของคนที่ยืนไม่ห่างจากผมและพยายามยื่นมือมาดึงผมไว้แต่ก็ไม่ทันได้สัมผัสอะไรผมก็ร่วงลงไปในผืนน้ำด้านหน้าเสียแล้ว
ตูม!!
เสียงน้ำกระจายเป็นวงกว้างทันทีที่รับร่างของผมลงไปในบ่อ ด้วยความที่ตรงที่ผมตกลงไปไม่ลึกมากทำให้โคลนก้นบ่อขุ่นคลั่กขึ้นมาทันทีที่เท้าผมสัมผัสก้นบ่อ
กลิ่นสาปโคลนลอยมาติดจมูก ทำให้ผมตะกายตัวพรวดเดียวก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมาหอบเอากากาศเข้าปอดด้วยความตกใจ
“แค่กๆๆๆ” น้ำบ่อไหลลงคออย่างไม่อาจจะห้ามอะไรได้ทัน
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับผมขอโทษ ที่ทำให้ตกใจ”
“เอ่อ..มะ ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่น้องไม้มีอะไรกับพี่เหรอครับ แหะๆ”
ผมส่งยิ้มจืดเจื่อนไปให้น้องไม้ด้วยสภาพของผมตอนนี้ไม่กล้าแม้จะยื่นมือไปให้อีกคนช่วยฉุดดึงขึ้นจากบ่อ
“ขึ้นมาก่อนเถอะครับ มาเดี๋ยวผมช่วยนะ”
มือเรียวสวยยื่นลงมาตรงหน้าทำให้ผมต้องตัดสินใจจับมือนั้นไว้ก่อนจะดันตัวเองให้ขึ้นไปนั่งไอโขลกๆอยู่ริมบ่อ
“พี่โอ๊ตมีเรียนต่อไหมครับถ้าไม่มีผมว่ากลับบ้านเลยดีกว่าไหมเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ”
น้ำเสียงนุ่มหูเต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิดที่ไม่ค่อยได้ติดต่อน้องเลยในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
แววตาหม่นแสงที่ผมไม่อยากจะเห็นคราวนี้ผมได้เห็นมันอีกครั้ง รู้สึกไม่ดีเลยจริงๆให้ตายเถอะ
“ไปส่งพี่หน่อยได้ไหมครับ”ผมถามออกไปทั้งๆที่มือก็ยังไม่ปล่อยจากคนตรงหน้า เป็นไงเป็นกันล่ะวะ
วันนี้ผมไม่อยากเห็นน้องทำหน้าเศร้าแบบนี้อีกแล้ว เราสองคนเดินตามกันไปที่รถของผม โดยไม่มีใครปริปากพูดออกมาสักคำ
ความเงียบทำให้ผมต้องหันไปมองคนข้างๆที่นั่งเหม่อ มองออกไปนอกตัวรถ ถึงจะบอกว่าให้น้องมาส่งแต่ผมก็ยังเป็นคนขับรถอยู่ดี
เราสองคนไม่มีคำพูดใดๆจนถึงคอนโดที่พักของผม สภาพของผมเรียกสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนรอบๆข้างได้เป็นอย่างดี
ผมไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้นแต่ความสนใจของผมพุ่งไปที่คนสวยที่ทำหน้าหงอยๆตอนนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ผมต่อสายให้ไอ้นายมาเอารถผมไปจัดการแทนน้อยครั้งที่ผมจะให้เพื่อนๆช่วยเรื่องพวกนี้
แต่ก็อย่างที่บอกตอนนี้เป็นเรื่องของน้องไม้ที่ผมต้องสนใจมากกว่า ความคิดที่ว่ากลัวผิดสัญญากับพ่อไผ่ไม่มีในหัวของผมเลย
“นั่งรอพี่ตรงนี้ก่อนนะ ขอพี่ไปอาบน้ำแป๊บเดียว ห้ามหนีไปไหนเด็ดขาดเข้าใจไหมครับ”
“ครับ”
เสียงรับคำบางเบาแต่ผมก็มั่นใจว่าน้องจะรอ ผมปลีกตัวเข้าห้องรับชำระล้างคราบความเน่าเหม็นของน้ำในบ่อนั่นด้วยความเร็วเหนือแสงเลยก็ว่าได้
วนันต์
ผมมองคนตัวสูงวิ่งเข้าห้องไปด้วยความรู้สึกหลากหลายมันบรรยายไม่ถูก ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไร
ตั้งแต่วันที่หนูบัวพยายามอัพรูปผมกับบรรดาน้องๆตระกูลจิรชัยกุล กับกับพวกบูรพากับนาวีลงเพจXS Cute Boy
พี่โอ๊ตก็หายเงียบกว่าเดิมจนผมเริ่มไม่สบายใจหรือพี่มันจะไม่ชอบหรือพี่มันคิดว่าผมจะชอบแบบนั้นหรือว่าพี่มันรังเกียจผม เฮ้อ
ในตอนนี้หัวผมแทบหมุนเพราะพี่มันหายหน้าไปร่วมเดือนโทรหาก็ไม่ค่อยรับสายเหมือนเดิม พี่ปีย์ก็ทำหน้าเหมือนอมบอระเพ็ด
ไว้ทั้งวันเวลาผมถามถึงพี่โอ๊ต เจ้าหนูบัวเองก็ได้แต่เอ่ยปากขอโทษที่แผนของเพื่อนทำให้พี่โอีตแทบจะไม่คุยกับผมเลย
จริงๆวันนี้ผมตั้งใจจะไปหาพี่โอ๊ตที่คณะเพื่อที่จะชวนไปกินข้าวที่บ้านอย่างเคย
แต่พอเห็นหน้าพี่ที่ทำเหมือนหลบหน้าผมไม่ยอมสบตาเวลาคุยกันมันทำให้ผมรู้สึกจุกที่ลำคอพูดอะไรไม่ออก
แต่ก็รู้สึกแปลกใจที่พี่มันยอมให้ผมตามมาที่ห้อง
ห้องที่ผมเคยมาบ่อยๆช่วงที่รู้จักกันแรกๆ ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ ความรกของเครื่องมือสื่อการศึกษายังเกลื่อนห้องอยุ่เหมือนเดิม
มันบ่งบอกว่าเพื่อนๆของพี่โอ๊ตยังคงแวะเวียนกันมาที่ห้องนี้เหมือนเดิม แค่...ไม่มีผม
คิดถึงตรงนี้ขอบตารู้สึกร้อนๆจนผมต้องพยายามอดกลั้น ไม่เคยเลยที่จะรู้สึกอยากจะร้องไห้ราวกับคนอ่อนไหวแบบนี้
“เป็นอะไรครับ”
เสียงทุ้มดังอยุ่ข้างๆโดยที่ผมเองไม่รู้เลยว่าพี่มันมานั่งตรงนี้เมื่อไหร่ มือใหญ่ยื่นมาเกลี่ยหยดน้ำใสที่เอ่ออยู่ขอบตาตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้
น้ำเสียงอ่อนโยนของพี่โอ๊ตยิ่งไปกระทุ้งความรู้สึกที่ผมเก็บเอาไว้มาเป็นเดือนน้ำใสๆที่ผมพยายามกลั้นเอาไว้กลับพังทลายลงอย่างไม่รู้จะเก็บอย่างไร
“ฮึก...”ผมพยายามกลั้นเสียงน่าอายเอาไว้ อ่อนแอเกินไปแล้ว ความรู้สึกแย่อึดอัดและหลากหลายอารมณ์ที่ผมรู้สึกตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันราวกับได้ปลดปล่อยออกมาโดยที่ผมเองก็ไม่อาจจะห้าม
“อย่าร้อง เป็นอะไรไหนบอกพี่ อย่าร้องไห้เลย พี่ปวดใจจะแย่แล้ว”
น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนมาพร้อมกับอ้อมกอดบางเบาราวกับจะปลอบโยนคนอ่อนไหวใจบางแบบผม
“ทะ..ทำไมพี่..อึก หายไป ..ทำไม..ครับ”
เสียงขาดหายกระท่อนกระแท่นไม่เป็นคำเพราะผมพยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่มันวิ่งมาจุกที่คอ
ผมไม่อยากให้พี่มองว่าผมมันเด็กน้อยอ่อนแอเรื่องแค่นี้ก็ร้องไห้เหมือนเด็กๆ แต่ว่า มันไม่ไหวแล้วจริงๆ
“เอ่อ..พี่..ขอโทษครับ “ไม่มีคำอธิบายมีแค่คำขอโทษแต่มันไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด
“ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า ..ระ..หรือว่าพี่จะไม่อยากคบหากันแล้ว ..ฮึก “
เสียงที่ผมพยายามบังคับมันไม่ให้สั่นไหวไปตามอารมณ์ที่ไม่คงที่ตอนนี้ เสียงถอนหายใจของพี่โอ๊ตแม้ว่าจะบางเบาแต่ผมก็ได้ยิน
ผมค่อยเงยหน้าขึ้นมองพี่โอีตเต็มตาแม้จะพร่ามัวไปเพราะเจ้าน้ำตาไม่รักดีนั่นแต่ผมก็ยังจะมองให้แน่ใจว่าพี่รู้สึกอย่างไร
“ถ้าผมทำอะไรไม่ดี หรือพี่รังเกียจอะไรในตัวผมบอกผมได้ไหม อย่าหายไปแบบนี้ผมไม่รู้เลยว่าผมทำอะไรผิด “
พอเริ่มควบคุมสติได้ผมก็ร่ายยาวไม่หยุด
“เรื่องรูปในเพจนั่นแค่พี่ถามผมสักนิดผมก็พร้อมที่จะอธิบาย มันไม่ได้มีอะไรเกินกว่าพี่น้องและเพื่อนๆ แค่พี่ถาม แต่นี่ พี่หายไป”
“......”
“ผมไม่เข้าใจ พี่ที่เคยไปมาหาสู่ที่บ้านเคยไปเล่นกับมาลีและมาร์คเคยโทรหาเคยคุยกันทุกวัน แต่ว่า..พี่หายไปพี่ไม่เหมือนเดิม ผมไม่เข้าใจ”
“....”
“เพราะอะไรบอกผมที “
อ้อมกอดกระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม ผมเอียงหน้าซบลงตรงไหล่พี่โอ๊ตด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก อยากอ้อนอยากเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่กล้า
“”พี่ขอโทษนะ เพราะความขี้ขลาดของพี่เองที่ทำให้ไม้ต้องเสียใจ “ พี่โอ๊ตผละอ้อมกอดออกจากผมกระทันหัน พร้อมทั้งลุกขึ้นยืนและฉุดให้ผมลุกตามอย่างรวดเร็ว
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหนครับ?” ผมงงกับความกระทันหันของพี่โอ๊ตจนปรับอารมณ์ไม่ทัน
“เราไปจบเรื่องนี้กัน”ว่าแค่นั้นพี่โอ๊ตก็ฉุดผมออกจากห้องด้วยความรวดเร็ว
ผมผุดลุกตามแรงฉุดของพี่โอีตด้วยความงุนงง แต่ก็เดินตามพี่ไปอย่างว่าง่าย แม้จะไม่เข้าใจก็ตาม
“พี่จะไปไหนครับ?”
“ไปทานข้าวเย็นบ้านไม้ไงครับ”
“..? ..”
ตลอดทางพี่โอ๊ตแทบจะไม่ปล่อยมือจากผม จะมีบางช่วงที่ต้องใช้สองมือประคองพวงมาลัย แต่แค่ช่วงสั้นๆ
พี่มันก็ยึดมือผมไปจับไว้เหมือนเดิม ผมเองก็บีบมือพี่โอ๊ตเป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่า ตอนนี้ที่พี่นั่งอยู่ข้างๆผมนี่เป็นความจริง
ทันทีที่จอดรถเสร็จพี่โอ๊ตเดินจูงมือผมเข้าบ้าน ผมเองก็ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของพี่แต่ก็ยังคงงงงวยกับการกระทำที่พี่มันฉุดผมกลับบ้านแบบนี้ จนกระทั่งตอนนี้ ..
“พ่อไผ่ครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพครับ”
“...”
ผมที่ยังคงใบ้กินมองหน้าพ่อที่ยกถ้วยชาดอกมะลิค้างอยู่ มองแม่ที่นั่งยิ้มและมองมือของพวกเราสองคนที่ยังคงจับกันไว้แน่น
“หึ”เสียงขำสั้นๆพร้อมรอยยิ้มแปลกๆของพ่อ ทำให้ผมยังคงมีสีหน้าเหรอหราไม่เข้าใจ
“ผมรักน้องไม้ครับ รักแบบคนรัก รักแบบคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน รักแบบคู่ชีวิต ผมอยากให้พ่อไผ่และแม่นุ่นเข้าใจและผมจะไม่บังคับน้องผมจะยังคงไปมาหาสู่เช่นเดิม ถึงแม้น้องจะไม่ได้รักผมแบบเดียวกัน แต่ผมก็จะไม่ถอยอีก ผมจะจีบน้องครับ ผมไม่ได้มาขออนุญาตแต่ผมมาบอกให้พ่อกับแม่รับรู้ว่าผมรักน้องจริงๆก็พอครับ”
“ดะ..เดี๋ยว..สิ..”ผมยังคงอ้าปากค้างกับคำพูดของพี่โดยไม่ได้ตั้งตัว รัก จริงๆเหรอ พี่รักผมจริงๆเหรอ ผมไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม
“คิก ใจร้อนจังเลยนะคะพี่โอ๊ต แม่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย คุณก็ชอบแกล้งเด็กๆนะคะ “เสียงแม่ดูเหมือนจะรู้อะไรๆมากกว่าที่ผมคิด
“เฮ้อ ก็ไม่ได้จะขัดขวางอะไรก็แค่รอดูว่าเมื่อไหร่จะกล้าคุยกันเองและยอมรับตรงๆกันสักที อ่ะนะ “
สีหน้าเหมือนเบื่อหน่ายของพ่อยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปใหญ่จับต้นชนปลายไม่ถูกเลย
“หมายความว่าพ่อไผ่ไม่ห้ามใช่ไหมครับขอบคุณมากครับ “
รอยยิ้มกว้างที่ผมไม่เห็นจากพี่โอ๊ตมานานวันนนี้รอยิ้มนั่นทำผมยิ้มตามทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลย
“คือ..อะไร ผมไม่เข้าใจ”เสียงพูดเบาหวิวแทบจะไม่ได้ยินจากผมทำให้ทุกคนหันมาสนใจผมที่ยืนงงอยู่ตรงนี้อีกครั้ง
“เราไปจิบชาที่สวนหลังบ้านกันดีกว่านะแม่ ปล่อยเด็กๆคุยกันไป”
“พี่โอ๊ตอยากได้อะไรเพิ่มก็บริการตัวเองเลยนะคะลูก แม่กับพ่อเปิดทางเต็มที่ “
เสียงกลั้วหัวเราะของแม่ห่างออกไปพร้อมๆกับร่างสูงใหญ่ของพ่อ ในห้องนั่งเล่นตอนนี้เหลือแค่....เรา
“พี่..มันคืออะไร พี่บอกหน่อย ผม งง “
“นั่งก่อนดีไหม “ไม่ว่าเปล่าพี่มันฉุดผมนั่งลงข้างๆที่โซฟาเบดตัวใหญ่มุมโปรดของผมเอง
“ก่อนอื่น พี่อยากให้ไม้ตั้งใจฟังพี่ พูดให้จบ แล้วค่อยถามจะได้ไหมครับ”
ผมพยักหน้าอย่างงงๆแต่ก็พยายามจะเข้าใจและตั้งใจฟังแม้ว่าตอนนี้คำพูดก่อนหน้าของพี่มันจะทำให้ใจผมเต้นแร้งเต้นกาอยู่ด้านในตอนนี้ ผมพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองตื่นเต้นจนไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่พี่จะบอก
“พี่...เอ่อ พี่ชอบน้องไม้มาสักพักแล้ว ชอบแบบที่อยากจะขอคบเป็นแฟน แต่ตอนนี้จากความชอบมันเลยไปไกลกว่านั้นแรกๆพี่กังวลกลัวว่าความรู้สึกแบบนี้ของพี่จะไปทำร้ายไม้เพิ่มอีก ก่อนหน้าพี่ได้รับปากพ่อไผ่ว่าจะทบทวนตัวเองเลยต้องห่างจากไม้สักพักเพื่อแน่ชัดในความรู้สึก จนตอนนี้พี่อยากจะบอกไม้ว่า .. พี่รักไม้ รักจนไม่อาจจะอยู่ห่างๆได้อีกรักจนพี่แน่ใจว่าพี่คงขาดไม้ไม่ได้แล้ว ขอโทษที่พี่ทำให้ไม่สบายใจตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พี่กลัวว่าไม้จะรังเกียจ ไม้เคยมีประสบการณ์แย่ๆมา แต่พี่เองก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ พี่พยายามแล้วแต่ว่า พี่อยากจะขอไม้สักอย่างถ้ารังเกียจกันแค่บอกตามตรง พี่พร้อมจะหายไปเพื่..”
ผมไม่รอให้พี่มันพูดจบรีบยื่นมือไปปิดปากพี่ไว้ก่อนจะมาหายจากผมไปเพื่ออะไรผมไม่ต้องการจะรับรู้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกอยากจะยิ้มให้กว้างที่สุดในรอบเดือนที่ผ่านมา
“อย่าพูดว่าจะหายไปอีก แค่นี้ผมก็แทบจะทนไม่ไหว ถามผมหรือยังว่าอยากให้พี่หายไปไหมใครบอกว่าพี่รักเป็นอยู่คนเดียว ผมก็รักเป็นเหมือนกันนะ รักจะตายอยู่แล้ว อ๊ะ!!”
ผมยังพูดไม่จบแต่ก็ต้องตกใจเพราะพี่มันดึงเอาตัวผมเข้าไปกอดซะแน่น ตัวแทบจะปลิวตามแรงดึง ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน
ผมไม่ใช่คนตัวเล็กตัวบางแบบพี่อันนะ แต่พูดถึงพี่อันผมรีบเอามือยันหน้าอกพี่มันไว้พลางเงยมองหน้าหล่อเหลาที่ทำผมใจสั่นในระยะประชิดแบบนี้
“แล้วเรื่องพี่อันล่ะ บอกผมมาเลยนะ “ตอนนี้ผมเอาแต่ใจได้แล้วใช่ไหมนะ
“ไม่เห็นจะมีอะไร ก็ทำงานปกติครับ พี่อันแค่ลงรูปโปรโมทปกติพี่ไม่เกี่ยวนะครับ ไม่เคยคิดเป็นอื่นกับใคร หลงก็แต่คนนี้ หยอดมาเป็นชาติแล้วไม่รู้หรือไง”
“เฮ้อ..”ผมซบหน้าลงกับอกแข็งๆของพี่โอ๊ตด้วยความโล่งใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมรู้สึกว่ามันยังค้างคาแปลกๆ
“พี่ ..เรารักกันได้จริงๆใช่ไหมครับ”
“แน่นอนสิ “
“ถ้างั้นผมควรทำตัวยังไง”
“เป็นไม้คนเดิมครับ ทุกอย่างเหมือนเดิมแค่เรารู้ว่าข้างในนี้มันเปลี่ยนไปก็พอแล้ว”
“ละ..แล้ว พ่อกับแม่พี่ล่ะครอบครัวพี่ล่ะ พวกเขาจะต้อนรับผมเหมือนเดิมไหม “
“ไม่ต้องห่วงเราค่อยๆแทรกซึมไป พี่เชื่อว่าครอบครัวพี่เปิดกว้างพอสมควร ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเรื่องปั๊มทายาทพี่อาร์ตรับปากว่าจะมีสักโหลไว้ตั้งทีมฟุตบอลฮ่าๆๆๆ”
“สงสารพี่อิง”ผมตอบกลับอย่างที่นึกจริงๆ
“หึ สงสารพี่สิ พี่ปวดใจมากเลยนะ ภาพที่ลงในเพจนั่นรู้ไหมพี่แทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย”
“อ่า ..คือว่า”
“อะ แฮ่มๆๆ หมดเวลา ไม้ไปพามาลีไปอาบน้ำไปพ่อขอคุยกับพี่โอ๊ตสักหน่อย”
“พ่ออย่าแกล้งพี่นะ “
“ไม่ทันไรเลยเจ้าลูกหมูทิ้งพ่อซะแล้ว เฮอะ”
“ไม่ใช่สักหน่อย ผมรักพ่อที่สุดอยู่แล้ว งั้นผมฝากพี่โอ๊ตไว้กับพ่อสักครู่เดี๋ยวผมมารับคืนนะครับ”
ผมหันมามองพี่ก่อนจะยิ้มให้ด้วยความสบายใจเป็นที่สุด ก่อนจะผละออกมาให้พ่อกับพี่ได้คุยกัน
ตอนนี้ผมไม่เหลือความกังวลใจใดๆอีกแล้ว ความหนักอึ้งที่แบกมาเป็นเดือนตอนนี้มลายหายไปโดยไม่มีอะไรตกค้าง
มีแต่ความรู้สึกดีๆที่พึ่งได้รับจากพี่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา มันดีจนผมยิ้มไม่หยุดหุบยิ้มไม่ได้
มาลีกับพี่มาร์คเอียงคอมองหน้าผมงงๆราวกับมันจะถามผมว่า เป็นบ้าอะไรยิ้มไม่หุบอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆ ขอผมยิ้มหน่อย
ผมกำลังมีความสุข ทุกคนมีความสุขเหมือนผมหรือเปล่า ถ้ามีก็ยิ้มสิครับ
TBC....
อีกตอนเดียวจะจบแล้ววววววววววว น่าจะได้มาลงหลังสงกรานต์นะคะ ฮืออออ เค้าขออภัยตอนนี้ที่บริษัทลดวันทำงานเลยทำให้พันวาต้องจัดตารางชีวิตใหม่ วันนี้พอมีเวลาว่างก็รีบมาลงให้ก่อนเน้ออออ
จะมีเวลามาลงอีกทีก็ตอนกลางๆเดือนนุ่นเลยค่าาาา
ขอบคุณคนอ่านที่ติดตามกันมาและยังรอพันวานะคะ กราบงามๆๆๆ เลยค่าาาา ไปปั่นต่อ:katai4: