**ตกหลุมหัวใจ** แผนสุดท้าย ยกเลิกแผนการ (17/5/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **ตกหลุมหัวใจ** แผนสุดท้าย ยกเลิกแผนการ (17/5/63)  (อ่าน 36829 ครั้ง)

ออฟไลน์ มะลิมะลิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ พันวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
ตอนพิเศษ  อดีตที่เจ็บปวด


xxโรงเรียนสาธิตนาวา 6 ปีที่แล้ว xx


“พรุ่งนี้ เจอกันนะเว้ย  ใครเบี้ยวแช่งให้ท้องเสียสามวัน”

เสียงร่าเริงของสายชล เพื่อนตัวเล็กของพวกเรา ที่วิ่งเข้ามารวมกลุ่มหลังเลิกเรียน  คาบสุดท้ายของเทอมนี้   

พรุ่งนี้ปิดเทอมใหญ่ เป็นช่วงเวลาที่พวกผมรอคอยมานานที่สุด

“เอารถบ้านบัวไปไหมจะได้ไปพร้อมกัน สนุกดีนะ ไม่ต้องขับเองด้วย”เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจจากหนูบัวคุณหนูของตระกูลจิรชัยกุล

“ไม่ขับเองจะสนุกอะไรล่ะ  ไปเที่ยวแบบนี้มันต้องเอารถไปเอง”บูรพาผู้นิยมความเร็วตั้งแต่เข้าม.1

“อายุถึงแล้วหรือไงบู เดี๋ยวก็โดนกันหมดหรอก “จีน่าสาวสวยในกลุ่มที่แอบปลื้มบูรพามาตลอด

อันนี้ความเผือกของหนูบัวทำให้ผมได้รับรู้ด้วย แต่ยังคงเป็นความลับสำหรับบูรพา คงต้องรอวันที่จีน่ากล้าพอที่จะบอก

“ไอ้วีขับไง มันหน้าแก่ไม่มีใครจับได้หรอก ฮ่าๆๆ”บูรพาพูดพลางตบไหล่นาวีเต็มแรง

 แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆหลุดหยาบคายมาให้เพื่อนได้เคือง นาวีเพื่อนคู่ซี้ที่ตัวติดกันตลอดกับบูรพา

 และเป็นคนที่คอยเตือนบูรพาเรื่องความใจร้อนมุทะลุ  ดูเหมือนนาวีจะใจเย็นที่สุดในกลุ่มเรา

“พูดดีไปเถอะ  รถก็ไม่มี พ่อกับแม่คงให้หรอกนะ ไอ้พวกเด็กเหลือขอ เฮ้อ”สายชลยังคงน่ารักเสมอต้นเสมอปลาย

เป็นผู้ชายคนเดียวที่ตัวติดกับผมมาก อันที่จริงคงเพราะผมชอบดูแลชล เพื่อนตัวเล็กของผมเหมือนเด็กที่ยังไม่โต

 เหมือนผมได้เป็นพี่ชายที่คอยดูแลสายชลทุกเรื่อง

“เราว่าเอาแบบที่บัวว่าก็ดีนะ  ไปรถคันเดียวกัน  สนุกดีจะได้ไม่เหนื่อยด้วย”ผมสนับสนุนความคิดของหนูบัว

“แหมๆ ตัวติดกันมาตั้งแต่อนุบาล เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันเสียทีเนี่ย “

เสียงจีน่าเพื่อนสนิทของบัวเอ่ยเย้าจนผมอดที่จะหน้าร้อนๆไม่ได้ ผมคิดไว้ว่า จะบอกรักหนูบัวที่หัวหิน

 มันจะต้องดีมากแน่ๆเลย ความโรแมนติกของสถานที่ คงจะช่วยให้ผมมีความกล้าพอที่จะบอกออกไป ก็ได้แต่หวังว่ามันจะดีครับ


“พูดไปจีน่า  ยัยแสบนี่ชอบแต่จะหาผู้ชายมาให้เราเถอะ  ไม่ได้อยากมีผัวนะอยากมีเมีย  “

ผมแสร้งว่าเสียงเศร้า แต่เสียงหัวเราะของจีน่าและหนูบัวทำให้ผมหมั่นไส้ 

อันที่จริงเพื่อนผมทุกคนสำคัญเท่ากันหมด เพียงแต่หนูบัวเป็นคนพิเศษก็เท่านั้น 

“เลิกคุยๆ แยกย้ายเลย พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า วันนี้จะได้ไปเตรียมตัวกัน ไปๆ”

สายชลขัดขึ้นแทบจะทันที ผมหัวเราะไปกับท่าทางหน้างอบึ้งตึง แต่น่ารักของเพื่อนตัวเล็ก

มันน่ารักจนผมอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับศรีษะเล็กๆนั้นโยกไปมาเบาๆด้วยความเอ็นดู 

ชลเหมือนเด็กประถม รอยยิ้มสดใสแลดูสดชื่นและอารมณ์ดีตลอดเวลา   เหมือนผมมีน้องชายที่อายุเท่ากัน

เพราะความน่ารักของสายชล ผมเลยจะดูแลเพื่อนคนนี้มากกว่าคนอื่นๆ    อย่างหนูบัวน่ะเหรอยัยนั่นถึกกว่าผมอีกครับ

ไม่ต้องดูแลอะไร เพราะบัวดูแลตัวเองได้ และทำตัวติดกับจีน่าแจ เข้าขากันดีเรื่องหาผู้ชายให้ผมเนี่ย

ผมเลยต้องดูแลชลเป็นพิเศษ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว สำหรับผมสายชลน่าปกป้องน่าดูแล  เพราะความดูซื่อๆไม่ทันใครเขา 

แรกๆหนูบัวยังจิ้นผมกับสายชล โดนล้ออยู่เป็นปี แต่ผมไม่ได้ถือสาอะไร ยังคงดูแลสายชลเรื่อยมา

 ตัวสายชลเองก็คงไม่ได้ถือสา เรายังคงทำตัวเหมือนเดิม ดูแลกันมาตลอด


ปีนี้พวกเราจบมัธยมต้นแล้วกำลังจะขึ้นชั้นมัธยมปลายอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาของเพื่อนๆครับ

 กลุ่มผมมีกัน หกคน  มีหนูบัวกับ สายชล ที่รู้จักกันมาตั้งแต่ประถม  ส่วนนาวี  บูรพา และจีน่า  ที่พึ่งจะมาสนิทกันตอนม.1 

 ผมมีช่วงเวลาดีๆ กับกลุ่มเพื่อน ๆ  เป็นช่วงเวลาที่วิเศษมาก จนอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้ 

พรุ่งนี้พวกเรานัดรวมตัวกัน ไปเที่ยวทะเลหัวหินกัน  บ้านพักตากอากาศของตระกูลจิรชัยกุล คือเป้าหมายของพวกเรา

เหมือนเป็นพักร้อน ครั้งแรกที่พวกเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันและได้ห่างจากหนังสือเรียนที่ชวนปวดหัว 

มันต้องเป็นพักร้อนที่แสนวิเศษแน่นอน ถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้น เป็นเหตุการที่ผมเฝ้าแต่คิดว่า 

ถ้าผมตอบรับความต้องการของเพื่อนตอนนั้นคงไม่มีเหตุการณ์น่าเศร้านั้นเกิดขึ้น


..หัวหิน...
[/color]

เป็นเวลาหลังมื้อค่ำ  ที่ทุกคนกินอิ่มและแยกย้ายกันไปนอน  แต่ผมถูกสายชลคะยั้นคะยอให้ออกมาหา ที่สระน้ำริมหาดของบ้าน

 เป็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่ มี7ห้องนอน ที่มีไว้รองรับครอบครัวใหญ่ของหนูบัว เวลามาพักที่นี่

สระน้ำอยู่ด้านหลังของบ้านของบ้าน ติดกับชายหาด ที่เป็นหาดส่วนตัว  ทะเลยามค่ำคืนก็น่ามองไปอีกแบบลมทะเลพัดมาเรื่อยๆไม่แรงมากนัก 
บรรยากาศเย็นสบายแต่ผมกลับร้อนใจเพียงเพราะเพื่อนตัวเล็กที่เรียกผมออกมาตอนเวลาจะเข้านอนแบบนี้ มันจะไม่อะไรเลยหากไม่ใช่การสารภาพรัก 

“ไม้  คือชลชอบไม้นะ  ชอบมากเลย..ชอบมาตลอดตั้งแต่ได้รู้จักกับไม้ ชอบจนคิดว่าตอนนี้มันคงเป็นความรักแน่ๆ ”

“เอ่อ...ชอบเหรอ..? แบบไหน  ?“

“ก็..เป็นแฟนกับชลนะ คบกับชลได้หรือเปล่า “

คนตัวเล็กหน้าแดงเถือกไปทั้งหน้า มือเล็กๆนั่นจับกันแน่น บีบเข้าหากันจนผมต้องยื่นมือไปจับแล้วดึงมันออกจากกัน

 เพราะเกรงว่าจะบีบจนเจ็บ ยิ่งผมทำแบบนั้นชลยิ่งก้มหน้าลงแต่ก็ซ่อนสีแดงๆที่ลามไปทั่วทั้งหน้าทั้งคอไม่มิด

เพื่อนผมกำลังเขิน แต่ผมกลับรู้สึกตรงกันข้าม ผมเป็นห่วงเพื่อน

“ชล...เราเป็นเพื่อนกันนะ..เราไม่ได้คิดกับชลเกินกว่าคำว่าเพื่อน”

“แต่ๆ ไม้ก็ยังไม่มีใครไม่ใช่เหรอ  ที่ผ่านมาไม้ดูแลชลดีขนาดนั้น ไม้ไม่ได้คิดอะไรกับชลเลยเหรอ”

สีหน้าที่ดูลังเลแปลกใจทั้งยังเคลือบไปด้วยความกลัวอะไรบางอย่าง  และคงเป็นคำตอบของผมที่ชลกลัว

“เราดูแลเพื่อนทุกคนเหมือนกันนะชล เราไม่ได้คิดเกินเลย ขอโทษนะถ้าการกระทำของเราทำให้ชลคิดไปแบบนั้น “

“ไม่จริง ไม้เคยบอกว่าชลน่ารัก ไม้บอกว่าชลน่าดูแล ไม้บอกจะดูแลชลไปตลอด แล้วตอนนี้ทำไม”

“ชล.. เราดูแลชลมาตลอดและจะดูแลต่อไปในฐานะเพื่อนนะ  เราขอโทษนะที่รับความรู้สึกนั้นของชลไว้ไม่ได้”

“ละ..แล้วมาใจดีกับชลทำไม  มาให้ความหวังกันทำไม ฮึก ..”ร่างเล็กๆของสายชลเริ่มสั่นเสียงสะอื้นและน้ำตา ทำให้ผมยืนนิ่ง

ผมไม่เข้าใจว่าผมไปให้ความหวังตอนไหน ผมทำตัวปรกติ เป็นห่วงเพื่อนดูแลเพื่อนตามปรกติ

 อาจจะดูแลชลมากหน่อยเพราะชลเหมือนเด็กๆ ที่ต้องได้รับการดูแล  หรือนั่นคือความผิดของผม

“ไม้...ให้โอกาสชลไม่ได้เหรอ ชลรักไม้นะ ขอร้องล่ะ ขอโอกาสชลนะไม้  เป็นแฟนกันนะ ”

“ชล..คือเรา  ..”

“หรือไม้รังเกียจชลเหรอ รังเกียจเค้าเหรอ ฮืออ “ชลเดินเข้ามากอดผมไว้แน่นจนผมอึดอัดแต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้

 หนูบัวกับจีน่าคงหลับไปแล้ว  แล้วผมควรทำยังไง

“ไม่ใช่นะ คือมันไม่ใช่แบบนี้”

“พอได้แล้วน่าชล  “เสียงทุ้มห้าวของบูรพา ดังแทรกขึ้นมา  ตามด้วย นาวี ที่เดินออกมาจากมุมของบ้านที่เดียวกับบูรพา
     
“วี บู..?? ”ผมหันไปตามเสียงมองดูเพื่อนรักอีกสองคนที่เดินออกมาจากมุมของสระน้ำ  เหมือนรออยู่ก่อนแล้ว นี่มันอะไรกัน

“จะมาเยาะเย้ยเราเหรอ  ไปไกลๆเลยนะ เราไม่ยกไม้ให้พวกนายหรอก  “

เสียงที่อู้อี้ ของชลบ่งบอกให้รู้ว่าบูรพากับนาวีรู้ว่าชลคิดยังไงกับผม 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน  ทำไม..”ผมสับสนกับคำพูดของสายชล  และท่าทีของนาวีกับบูรพา

“ไหนๆก็ไหนๆแล้วมาเปิดใจคุยกันเลยดีกว่า  ไม้ ...เราเองก็ชอบนาย  ชอบแบบอยากเป็นแฟน อยากเป็นคนรัก  ไม้ชอบใครบอกมาเลย จะได้รู้กันไปไม่ต้องมาอึดอัดกันทีหลัง และจะได้ไม่ต้องมีใครไปมโนเข้าข้างตัวเอง”

บูรพาพูดขึ้นพลางปรายตามองสายชลที่ยังยืนสะอื้นอยู่กับอกผมไม่ยอมปล่อย   

"ชล..ไหนบอกว่าถ้าไม้ไม่ได้คิดเหมือนชล ชลจะให้โอกาสเราไง"นาวีที่ยืนนิ่งๆเอ่ยขัดขึ้นมาระหว่างบูรพาและสายชล

ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก  ภาพเพื่อนรักทั้งสามคนของผมที่ยืนนิ่งเงียบ มีเพียงสายตาที่จ้องมองมาที่ผม ราวกับจะกดดันผมเลือกใครสักคน 

“ทำไม..เราเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ  เป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้ว พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่ ทำไม”

เสียงผมเบาจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงตัวเอง  ผมไม่เข้าใจ ว่าผมไปทำอะไรจึงทำให้เพื่อนสนิทของผมคิดเป็นอื่นไป
 
“ไม้ไม่รู้หรือไง พวกเราสองคน ชอบไม้มานานแล้ว ชอบตั้งแต่แรกที่ได้เจอกัน   ไม้แค่เลือกใครสักคน เราหรือชล ทุกอย่างจะจบ”

“ทำไมต้องเลือก พวกนายเป็นเพื่อนเรานะ อีกอย่างเราไม่ได้ชอบผู้ชาย..เราไม่เลือกใครทั้งนั้น   “

“ไม้อย่าปฏิเสธชลเลย ลองคบกันไปก่อนก็ได้ ถ้าไม้รังเกียจ ชลต้องตายแน่ๆเลย ฮึก ขอร้องล่ะ”

สายชลยังคงกอดผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย บูรพาเป็นคนที่เดินเข้ามาดึงเอาตัวชลให้ออกห่างจากผม 

“ปล่อยเรานะบู “

“หยุดร้องไห้ได้แล้ว ชล อย่าใช้ความน่าสงสารของนายมาบังคับไม้นะ  มันไม่แฟร์กับเรา “ใช่มันไม่แฟร์สำหรับผมด้วย

“ชล บู มันบังคับกันไม่ได้หรอกนะความรู้สึกน่ะ เรารักพวกนายแบบเพื่อน  เราไม่ได้คิดเกินเลยไปกว่าเพื่อนนะ “

“เอางี้ เราไม่บังคับไม้หรอก แค่ไม้รู้ว่าเรารู้สึกยังไงก็พอ จากนี้ไปเราจะจีบไม้นะ ให้เราได้จีบก็พอ ได้หรือเปล่า”บูรพาเอ่ยยิ้มๆพลางมองมาอย่างมีความหวัง

“เอ่อ..”

“ ชล..เราขอร้อง..ยังมีเราอยู่ตรงนี้”นาวีที่ยังคงใช้สายตามองมาที่ชลที่ที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด

“เราไม่อยากให้ใครมาเสียเวลากับเรานะ “

ผมจริงจังกับความรู้สึก ผมรักเพื่อนทุกคนผมหวังดีกับทุกคน ผมไม่ต้องการที่จะทำให้ใครเสียใจเพราะผม

“เราถามแค่คำเดียวนะไม้  ไม้รังเกียจพวกรักร่วมเพศหรือเปล่า ไม้รังเกียจพวกเราไหม ที่พวกเรารู้สึกกับไม้เกินเพื่อน”บูรพาเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง

“ก็..ไม่หรอก  เราไม่ได้รังเกียจ แต่..”

“ไม่ได้นะ  ไม้ จะคบใครไม่ได้ ไม้ต้องคบกับชลนะ ชลรักไม้มาตั้งนานแล้ว ได้โปรดไม้ เป็นแฟนชลเถอะนะ  “

ชลสะบัดตัวออกจากบูรพา พุ่งเข้ามาสวมกอดผมไว้เหมือนเดิม  เสียงสะอื้นของสายชลยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ

“นี่เตี้ย ไม้มันก็บอกแล้วนี่ จะมาคาดคั้นทำไม แล้วเราล่ะ เราที่ทำทุกอย่างให้ชลมาตลอดทำไมชลไม่มองเราบ้างห๊ะ    “

นาวีเอ่ยเสียงดุ ใส่ชลอย่างเหลืออด นาวีที่ใจเย็นเสมอ ตอนนี้กลับดูร้อนจนจะกระชากเพื่อนร่างเล็กให้หลุดออกจากตัวผม

 แต่ผมไม่ได้ปล่อยตัวชลออกไป ผมสงสารเพื่อนตัวเล็กที่ร้องไห้ไม่หยุด

“ชล อย่าร้องสิ ตาบวมหมดแล้ว  ชลคนร่าเริงหายไปไหน  น้ำตาไม่เหมาะกับชลเลยรู้หรือเปล่า อย่าร้องเลยนะ เราไม่ชอบน้ำตาชลเลย”

ผมใช้มือเกลี่ยน้ำตาที่ยังคงไหลมาเปรอะแก้มของสายชลด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก 

“ฮึก..ชล...จะ.. จะไม่ร้อง ไม่ร้องแล้ว ฮึก..ไม้จะคบกับชลใช่ไหม ..ใช่ไหม ”   

“เรา..ขอคิดก่อนนะชล  พรุ่งนี้เราจะให้คำตอบชลนะรอได้ไหม ขอเราคิดก่อน ”

ผมถ่วงเวลาให้ตัวเองแม้ว่าคำพูดที่ดูเหมือนจะให้โอกาสสายชล แต่ในใจผมรู้ดีว่า ผมไม่ได้คิดเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อน แต่ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกเลย 

“จริงๆนะ ไม้ต้องคบกับชลนะ ไอ้บูมันจะเอาไม้ทำเมีย แต่ชลเป็นเมียให้ไม้ได้นะ ชลรักไม้จริงๆนะรักไม้คนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยว “

เสียงร่าเริงขึ้นมาทันทีที่ผมบอกขอคิดก่อน  อดตกใจไม่ได้ที่เพื่อนทั้งสามคนรู้ว่าแต่ละคนคิดยังไงกับผม

และคำพูดคำจาที่ดูไม่เหมาะกับชลไหนจะสายตาที่ดูเยาะเย้ยนาวีแบบนั้นทำให้ผมเหวอไปพักใหญ่เลย   

“เฮอะ ไปให้ความหวังมันเดี๋ยวก็ยุ่งไปใหญ่หรอก ”

เสียงบูรพาเอ่ยขึ้นมื่อผมกอดชลเพื่อปลอบใจ  ผมรู้ว่าเพื่อนคิดยังไง แต่ผมก็ไม่สบายใจ  ที่เพื่อนเอาแต่ร้องไห้แบบนี้

“เพราะไม้เป็นแบบนี้ไง ไอ้ชลมันเลยตัดใจไม่ได้ บางครั้งไม้ต้องชัดเจนกว่านี้นะ  “

นาวีพูดเสียงแข็งเหมือนโกรธกัน ก่อนจะหันหลังเดินจากผมไป

บูรพาที่ส่งสายตาเจ็บปวดมาให้ เมื่อผมพูดจบ พวกเขาคงคิดว่าผมเลือกสายชล แต่ ผมไม่ได้เลือก ผมแค่ปลอบใจเท่านั้น

 พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันใหม่  ถ้าทุกคนใจเย็นลงกว่านี้ น่าจะคุยด้วยเหตุผลเข้าใจได้  ผมคิดแค่นั้น 

 กว่าเราสี่คนจะแยกย้ายก็ดึกพอสมควร ผมเดินขึ้นมาส่งสายชลที่ห้องก่อนจะลงไปหาอะไรร้อนๆดื่ม

วันพรุ่งนี้  ผมจะทำตัวยังไงนะ ผมควรปรึกษาใครสักคน  ผมนั่งลงที่โซฟากลางห้องก่อนจะยกนมอุ่นๆขึ้นจิบปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปอย่างห้ามไม่ได้ 

“ดึกแล้วทำไมไม่นอน “เสียงหวานใสของเพื่อนรักเอ่ยทักขึ้นจนผมสะดุ้ง

“แล้วบัวล่ะทำไมไม่นอน”

“ก็ที่จริงยังไม่หลับ เห็นพวกนายคุยกันที่สระริมหาด ...บัวขอโทษที่แอบฟังนะ...ไม้..โอเคหรือเปล่า “

บัวรู้แล้วสินะ แต่คงเป็นเพราะบรรยากาศมันเครียด บัวเลยไม่ดีใจเหมือนทุกทีที่เห็นผู้ชายมาจีบผม 

เพราะคราวนี้มันเป็นเพื่อนสนิท ที่ผมควรระวังความรู้สึกเป็นพิเศษโดยเฉพาะสายชล

“อือ..ไม้โอเค ..บัวว่า ไม้ควรจะทำยังไง  ไม้คิดอะไรไม่ออกเลย สามคนนั่น...”

เป็นอะไรที่ช็อกผมมาก นาวี รักสายชล แต่สายชลกับบูรพารักผม  ผมรักหนูบัว มันบ้าไปแล้วความรู้สึกแย่ๆแบบนี้ผมจะผ่านมันไปยังไง

“บัวถามไม้ตรงๆนะ ไม้คิด อะไรกับบูหรือชลบ้างไหม ใครสักคนที่ไม้คิดว่าจะสามารถพัฒนาความรู้สึกไปเป็นมากกว่าเพื่อนได้ “

“ไม้ไม่ได้ชอบผู้ชายนะ..คือว่า..... ไม้รักหนูบัว คนที่ไม้รักมาตลอดคือหนูบัวนะ   ไม่คิดจะรักใครอีก “

ผมตัดสินใจสารภาพโดยไม่คิดถึงบรรยากาศโรแมนติกใดๆ

ดวงตาที่เบิกกว้าง ทั้งยังสีหน้าอ้ำอึ้งเหมือนลำบากใจของหนูบัวทำให้ผมรู้คำตอบโดยไม่ต้องถามซ้ำ

ตอนนี้ผมรู้เลยว่าเพื่อนทั้งสามคนของผมรู้สึกอย่างไร ใจมันเจ็บปวดไปหมด จนรู้สึกขมในลำคอ

 รู้สึกว่าดวงตาจะร้อนผ่าวเหมือนน้ำตามันจะกลั้นไม่ไหว  ผมเข้าใจเพื่อนดีตอนนี้เอง ว่ารัก ที่ไม่ได้รักตอบ มันเจ็บปวดเหลือเกิน

“ไม้...บัวรักไม้นะ แต่ ไม่ใช่แบบนั้น เอางี้ไม้ เรามาเป็นไม้กันหมาให้กันดีกว่าเนอะ  บัวน่ะรักไม้นะ แต่ไม่ได้รักแบบนั้น และบัวเองก็เชื่อว่า
ไม้ไม่ได้รักบัวแบบนั้นเหมือนกัน    เราแค่ใกล้ชิดกันเกินไปเรามีความผูกพันธ์ฉันท์พี่น้องมากกว่าจะเป็นคู่รักนะ 
เอาเป็นว่าเรามาให้โอกาสตัวเองกันไหมไม้ เราก็เป็นเพื่อนกันไปอย่างนี้ ช่วยคัดกรองคนที่เข้าหาเรา ช่วยกันดูว่า
ใครเหมาะหรือรักใคร  สุดท้ายถ้าเราโตเป็นผู้ใหญ่และยังไม่มีใคร ถึงเวลามีครอบครัวแล้วเราค่อยมาดูเรื่องนั้นกันอีกทีตกลงไหมไม้
 เป็นแฟนกำมะลอไปก่อนดีกว่าเนอะ ”

เป็นการปฏิเสธที่ผมไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี เหมือนๆจะได้กำลังใจด้วย เหมือนว่าจะเจ็บปวดด้วย แต่มันก็ไม่เชิงว่าจะรู้สึกแย่จนรับไม่ไหว

 ผมยิ้มเศร้าๆให้หนูบัว  ดูเอาเถอะขนาดรู้ว่าผมรู้สึกยังไง หนูบัวก็ไม่เคยเดินจากผมไป  ร่างเพรียวบางเดินเข้ามากอดผมเอาไว้

ราวกับจะปลอบใจ  ได้ข้อเสนอเป็นแฟนปลอมๆฮ่าๆๆ ผมอยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา แต่อย่างน้อย ตอนนี้บัวก็ยังไม่มีใคร

 หากคบกันไปแบบนี้ หนูบัวอาจจะใจอ่อนให้ผมสักวัน 

แต่อ้อมกอดของเพื่อนนั่นก็เป็นการช่วยผมได้มากทีเดียว ผมอาจจะลืมเลือนความเศร้าได้บ้าง   จริงๆก็ยังเศร้าที่โดนปฏิเสธ

แผลยังสดใหม่ แต่เพราะคำพูดหนูบัวช่วยผมได้เยอะ และได้คำปลอบใจมามากโข จนคิดว่ามันจะดีขึ้นเอง

 ผมก็ทำใจได้ระดับหนึ่ง ที่จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน  อย่างน้อย บัวก็ยังอยู่ข้างๆผม 

“แล้ว....ไม้..คิดยังไงกับสองคนนั่น ไม่คิดจะรักใครสักคนเลยเหรอ “ยังไม่วายอยากจะจับคู่ผมอยู่ดี

“ไม่  ...ไม้ไม่ได้รู้สึกอะไรเกินกว่าคำว่าเพื่อนเลย ทั้งชล ทั้งบู   ไม้รักบัวคนเดียวเลยเนี่ย คุณแฟน”

ผมละคำว่ากำมะลอ ไว้ในใจ ก่อนจะบีบจมูกรั้นๆนั่นด้วยความมันเขี้ยว

“แต่ไอ้ชลน่าเป็นห่วงมากนะ มันจริงจัง ไม้บอกว่าจะบอกชลพรุ่งนี้ ไม้จะบอกชลยังไงล่ะ  “

ผมนิ่งคิดสักครู่ นึกถึงคำปฏิเสธของหนูบัวที่ให้กับผม มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

บางที ที่ชลเป็นแบบนั้นคงเพราะผมที่ยังทำตัวเหมือนให้ความหวังเพื่อน   บูรพา ยังดูเข้าใจ แต่สำหรับชลคงต้องให้เวลา

“ไม้เชื่อว่าสักวันชลจะทำใจได้  เพราะไม้ไม่มีวันรักชลในแบบที่ชลต้องการ..คำตอบของไม้คือไม้รักบัว เป็นแฟนบัวคนเดียวนี่แหละยัยตัวแสบ“

ผมบอกไปอย่างที่คิด ผมยังอยากเป็นแฟนหนูบัว แม้ว่าจะถูกตัดโอกาสนั้นไปแล้วก็ตาม 

“แล้ว..มาบอกให้ชลรอทำไม  โกหกชลเพื่ออะไร “เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ผมกับหนูบัวหันไป พร้อมกัน ด้วยความตกใจ

“ไม้เป็นแฟนบัวทำไมไม่บอก มาหลอกชลทำไม “ถึงตอนนี้ผมชักจะโมโหคนที่พูดไม่รู้เรื่อง

“มันไม่ใช่แบบนั้นนะชล เรากับบัวไม่ได้เป็นอย่างที่ชลคิด  และอีกอย่างเราไม่เคยหลอกชลนะ ชลเป็นเพื่อนเรา เป็นเพื่อนเท่านั้น
 เรารักชลแบบนั้นไม่ได้ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเราก็รักหนูบัว   เรารักหนูบัว รักมานานแล้วด้วย  “


แม้ว่าบัวจะไม่ได้รักผมก็ตาม  ผมว่าพลางยื่นมือไปจับมือหนูบัวไว้บีบเบาๆขอกำลังใจ เป็นคำพูดที่ดูใจร้ายแต่ผมควรจะทำตั้งแต่แรก

 เผื่อที่ชลจะได้ตัดใจ  หนูบัวเองก็นิ่งเงียบไปคงเพราะตกใจที่ชลเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว   

ทันทีที่ผมพูดออกไป ชลเบิกตากว้าง น้ำตาร่วงราวกับทำนบเขื่อนแตก  ผมอยากเข้าไปกอดเพื่อนปลอบใจ

แต่คำพูดของบูรพากับนาวีเมื่อตอนอยู่ที่หาดว่าผมไม่ควรให้ความหวังชล ก็ทำให้ผมยืนนิ่ง มองสายชลวิ่งร้องไห้กลับไปที่ห้อง 

“เฮ้อ...”ผมทรุดตัวลงนั่งที่เดิม   มีหนูบัวนั่งลงข้างๆ มือเล็กๆนั่นลูบแขนผมเบาๆ เหมือนจะปลอบใจ
 
“ไม้ไม่เข้าใจเลยบัว ไม่เข้าใจอะไรเลย ไม้เป็นเพื่อนที่แย่มากใช่ไหมบัว"

“พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่นะ  เผื่อว่าทุกคนนอนอิ่มแล้วได้คิดกันบ้าง ทุกอย่างจะดีขึ้นนะเพื่อน “

“บัว เพราะบัวเป็นแบบนี้แหละไม้ถึงรักบัวมากไง  ไม้คงรักใครไม่ได้หรอกนะ นอกจากบัว”

ไม่ว่าจะเมื่อไหร่หนูบัวก็เป็นเพื่อนที่เข้าใจและรู้ใจผมเสมอ ผมไม่รู้ว่า ชลจะเข้าใจได้แค่ไหน ผมไม่รู้ว่าเพื่อนผมทั้งสองคน

 มีความรู้สึกแบบนั้นกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่  และชลเหมือนจะไม่เข้าใจอะไรเลย

ปัญหาใหญ่ไม่ได้ตกอยู่ที่ชลคนเดียวแล้วเมื่อผมเห็นบูรพาและนาวียืนนิ่งเงียบอยู่มุมห้อง


“จะบอกพวกเราเมื่อไหร่ ว่านายสองคนคบกัน เห็นพวกเราเป็นตัวตลกเหรอ ถึงเล่นกับความรู้สึกคนอื่นแบบนี้”สีหน้าเจ็บปวดของบูทำใจผมบีบรัดไปด้วย

“ไม่ใช่นะบู มันไม่ได้เป็นอย่างที่บูคิด  วี นายพูดอะไรบ้างสิ “

“จะให้เราพูดอะไร ในเมื่อความจริงก็เห็นๆอยู่ ถ้านายสองคนคบกันแค่บอกพวกเรามันยากตรงไหน แต่ทำไมไม่บอก  ทำไมล่ะไม้ สนุกเหรอที่ได้ปั่นหัวไอ้ชลมันน่ะ  “

“ไม่ใช่นะ เดี๋ยว มาคุยกันให้รู้เรื่องนะ ไอ้พวกบ้านี่ เป็นอะไรกันไปหมดวะ”

ผมโวยวายอย่างหมดความอดทน  เมื่อเพื่อนทั้งสองคนเดินขึ้นชั้นบนไปโดยไม่หันกลับมา 

“บัว “ผมหันมาหาบัวกลัวเหลือเกินกลัวบัวจะโกรธ กลัวบัวจะคิดมากและเลิกเป็นเพื่อนกับผม

“อย่าคิดมากนะ บัวอยู่ตรงนี้เสมอเลย พรุ่งนี้มันจะดีขึ้น”รอยยิ้มหวานที่เป็นกำลังใจดีๆของผม ทั้งคำพูดปลอบใจทำให้ผมคลายความกังวล 

พรุ่งนี้  ผมจะเคลียร์ทุกอย่าง บอกทุกคน ทั้งเรื่องที่ผมเองก็โดนปฏิเสธมาไม่ต่างจากพวกเขา ผมจะไม่ขออะไรเลย

พรุ่งนี้ ผมขอแค่พวกเรายังเป็นเพื่อนกัน  ผมขอแค่นั้น หากผมรู้ว่าพรุ่งนี้จะไม่มีอีกแล้วผมคงดันทุรังคุยกับเพื่อนๆตั้งแต่เมื่อคืน

ผมคงไม่รอ จนพรุ่งนี้ เพื่อตื่นมาพบกับความเสียใจ ที่เป็นตราบาปของผมชั่วชีวิต

..................................

“กรี๊ดดดดด ชล!!! ช่วยด้วยๆ  ฮืออออ ชล... “

เสียงเอะอะของจีน่าปลุกพวกเราให้ตื่นตั้งแต่เช้ามืด  เสียงร้องไห้ของจีน่าทำให้พวกเราวิ่งมาที่ห้องพักของสายชล 

นาวีมาถึงก่อนและรีบวิ่งไปช้อนเอาร่างเล็กๆของสายชลที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้นห้อง  ร่างเล็กๆที่เต็มไปด้วยเลือด

พื้นห้องที่เจิงนองไปด้วยเลือดสีแดงที่ไหลไม่หยุดออกมาจากข้อมือเล็กๆของสายชล ผมยืนนิ่งเหมือนถูกสาป

 ในหัวไม่มีเสียงใดๆดังเข้ามา นอกจากภาพที่เห็นนาวีอุ้มร่างที่ไร้สติและโชคไปด้วยเลือดของสายชล วิ่งตรงไปที่โรงรถ

บูรพาเป็นคนขับ ผมถูกบัวลากขึ้นรถมาด้วยกัน  จีน่าที่ร้องไห้ไม่หยุด  ตัวของสายชลซีดจนเหลือง

“ชล ชล ชล ทำไม ทำไมทำแบบนี้ ทำไม “ผมพึมพำด้วยความไม่เข้าใจ ร่างกายราวกับตัดขาดทุกสิ่งรอบตัว 

ผมไม่รู้เลยว่าพวกเรามาถึงโรงพยาบาลตอนไหน  ผมไม่รู้อะไรเลยเมื่อคุณหมอบอกว่า สายชลจากไปแล้ว

 จีน่านั่งร้องไห้อยู่กับหนูบัว   บูรพาและนาวีนั่งหน้าเครียดอยู่ข้างๆ พวกเราทุกคนมีแต่น้ำตา 

“เพราะมึงเลยไม้ เพราะมึงชลถึงต้องตาย เพราะมึง”

คำพูดของนาวียิ่งกว่าฟ้าผ่าลงมากลางใจ ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่าง สมองชาจนไม่อาจคิดประมวลอะไรได้อีก 

“อย่ามาว่าไม้นะ ไม่ใช่ความผิดของไม้สักหน่อย  “

หนูบัวตวาดเสียงดังใส่นาวี ผมที่ได้แต่ยืนนิ่งๆไม่มีคำพูดใดหลุดลอดออกมานอกจากความเสียใจ

คำกล่าวหาของนาวียังดังก้องในหัวผม สมุดโน๊ตเล่มเล็ก ในห้องของสายชลที่จีน่ายื่นมันมาให้ผม  ยืนยันคำพูดของบูรพา

“หลอกกันทำไม มาแสร้งรักกันทำไม  มาให้ความหวังทำไมถ้าไม่รัก  หากชลตาย ไม้คงจะดีใจใช่ไหม  ถ้าไม้ไม่ต้องการ ชลก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร   ไม้จะต้องจำชลไปตลอดชีวิต ชลจะอยู่ในความทรงจำของไม้ จำชลเอาไว้ อย่าได้หวังว่าจะมีความสุขกับคนอื่น

ลาก่อนไม้

นาวีนั่งร้องไห้อยู่กับบูรพา เพื่อนไม่แม้แต่จะมองหน้าผม

ครอบครัวของสายชลมารับศพตอนสายๆ ผมโดนแม่ของสายชลทุบตีด้วยความเสียใจ ผมยอมเป็นที่ระบายให้กับแม่ของเพื่อน

 ผมรู้ว่าท่านเสียใจแค่ไหน ชลเป็นคนน่ารักแต่เพราะผม ชลถึงต้องจากไป  เพราะผมคนเดียว   

ผมร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตา   ผมเสียใจ  ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะพูดกับชลใหม่ ผมจะไม่ปล่อยให้ชลต้องห่างสายตา

ผมจะอยู่กับชล ผมจะเลือกเขา ผมอาจจะรักเขาได้สักวัน   ผมอาจจะมีความสุขกว่านี้   ถ้าวันนั้นผมตัดสินใจแบบนั้น

 ผมอาจจะไม่ต้องเสียเพื่อนที่ดีอย่างสายชลไป 

บูรพา กับนาวี ลาออกจากโรงเรียน  คำสัญญาที่จะเรียนที่เดียวกันจะจบพร้อมกันแล้วจะเข้ามหาวิทยาลัยด้วยกัน ทั้งหมด

 มันไม่มีอีกแล้ว  นับจากวันเกิดเรื่องวันนั้น เพื่อนทั้งสองคนไม่มาหาผมอีกเลย ทั้งสองคนไม่พูดอะไรกับผมอีก 

ทำราวกับว่าพวกเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน   คำสัญญาที่เคยบอกกันไว้คงมีแค่ผมที่จำได้ 

 มีแค่ผม หนูบัวและจีน่า ที่ยังเรียนอยู่ที่เดิม บูรพาและนาวี หายไปจากชีวิตของผมตั้งแต่ตอนนั้น   

หนูบัวยังคงเหมือนเดิมจีน่าก็เป็นเพื่อนเหมือนเดิมแต่ท่าทีที่มีต่อผมเปลี่ยนไป เพราะจีน่ารักบูรพา

เธอมองผมเป็นคนที่ทำลายมิตรภาพระหว่างพวกเรา  ผมเองก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว  ผมกลัวการมีเพื่อนผู้ชายกลัวการมีเพื่อนใหม่

แม้จะเป็นผู้หญิง   ผมกลัวว่าจะไปให้ความหวังใครโดยไม่รู้ตัวอีก  ผมไม่คบใครอีกเลย แม้แต่จีน่าผมก็ห่างออกมา

 ถึงจะเจอกันบ้าง แต่ด้วยท่าทางที่เธอยังคง หมางเมินกับผม  ทำให้ผมไม่กล้าพอที่จะกล่าวขอโทษเธอ

ไม่กล้าพอที่จะสนิทใจกับเธออีก  ผมจึงมีเพียงหนูบัว  เพื่อนคนเดียวที่ยังคงมองผมเป็นผมมาตลอด  ตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน 

หนูบัวเป็นคนเดียวที่เข้าใจเหตุการณ์และความรู้สึกของผม  แต่ถึงจะมีหนูบัวอยู่ข้างๆ

ผมยังคงคิดถึง สายชล คิดถึงจีน่า คิดถึง บูรพา กับนาวี  ที่หายไป ผมคิดถึงเพื่อน 

ตอนนี้ผมก็ยังหวัง ผมหวังว่าจะได้เจอพวกเขาอีก ขอให้พวกเขาอภัยให้ผม  และหวังว่าจะมีใครสักคน ที่เข้าใจ

 ใครสักคนที่ช่วยพาผมออกไปจากความรู้สึกนี้สักที ผมเฝ้ารอมาตลอด  รอเพื่อที่จะสามารถ ก้าวออกมาจากห้องแคบๆห้องนั้น

 ที่ขังผมไว้กับเพื่อนเก่า ..ผมได้แต่รอสักวัน.....


TBC ....

เรื่องมันเศร้า  ความรู้สึกที่เราเองควบคุมไม่ได้ รักเหมือนกัน แต่รู้สึกไม่เท่ากัน บูรพาจัดการความรู้สึกได้ตัดใจได้
แต่ นาวีก็น่าเป็นห่วงเพราะคนที่รักไม่มีชีวิตอยู่ให้ได้รักอีกแล้ว บูรพาตัดสินใจดูแลนาวี เพราะไม้ยังมีหนูบัวอยู่ข้างๆ
แต่นาวีที่เสียสายชลไปน่าสงสารจนบูรพาต้องตัดใจจากไม้ หันมาหาเพื่อนสนิทอย่างนาวี ที่คบกันมานาน
เรื่องราวที่เกิดขึ้น สายชล คือตัวแปลสำคัญ  สายชลควบคุมความรู้สึกไม่เป็นรักแรงเกลียดแรง 
รักของสายชลคือการครอบครอง  เมื่อเขาไม่ได้ทางเดียวที่จะมีตัวตนในสายตาของคนที่เขารักคือการทำให้ไม้ไม่ลืมเขา
การเรียกร้องความสนใจในแบบของชลมันรุนแรง  และมันก็สำเร็จ เพราะไม้ไม่เคยลืมเลย  น้องจมอยู่กับความรู้สึกผิด
และนั่นเป็นเหตุผล ที่พ่อไผ่กับแม่นุ่นเปิดรับพี่โอ๊ตได้อย่างรวดเร็ว

สงสารน้องงงงงงงงงงง :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่าาาา :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2018 09:09:12 โดย พันวา »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อาจเพราะได้รับการสปอยล์มาตลอด จนทำให้สายชลเสพติดความสมหวังและมีความยึดติดในความคิดว่าอยากได้ต้องได้

น่าสงสารนางนะ

แต่...ไม้เป็นผู้ที่น่าสงสารที่สุด ถูกรักโดยเพื่อนสองคนแต่ไม้ไม่ได้รักเพื่อนสองคนนั้น  ในขณะที่ไม้รักเพื่อนอีกคนนึงก็กลับไม่ได้รักนั้นตอบ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หวังว่าถ้าพี่โอ๊ตได้คบน้องแล้ว นาวีกับบูรพาจะไม่มาสร้างเรื่องให้ปวดหัวนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Maleewong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ มะลิมะลิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงสารน้อง

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สงสารไม้ ไม้ไม่ได้ผิดอะไรเลย แต่ทุกคนเอาแต่โทษไม้

ออฟไลน์ พันวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5



แผนที่ 11 นับหนึ่ง อีกครั้ง



อินทัช



เรื่องราวของน้องไม้ที่ผมได้รับรู้มาทำให้ผมรู้สึกแย่กับตัวเองพอสมควร น้องไม้น่ารัก น้องไม้เป็นเด็กธรรมดา

ใสซื่อจนไม่รู้ว่าใครคิดอะไรกับตัวเอง แต่ผมกลับคิดเห็นแต่ความสนุกโดยไม่ได้คิดถึงจิตใจของใคร    ผมเป็นคนที่แย่ที่สุด   


“แม่กับพ่อฝากดูแลน้องหน่อยนะพี่โอ๊ต”คำพูดของแม่นุ่นยังก้องอยู่ในหัวผม   

ตอนแรกที่ผมมาที่บ้านหลังนี้ผมตื่นเต้น เพราะจะได้เจอกับคุณทิวไผ่ ไอดอลอันดับหนึ่งของพวกผม

แต่พอได้มาเห็นครอบครัวที่ปฏิบัติกับลูกชายคนเดียวราวกับแก้วที่เปราะบางมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

จนอยากจะรู้ถึงสาเหตุที่ครอบครัวนี้ทนุถนอมลูกชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วราวกับเด็กสามขวบ แบบนั้น



และเรื่องราวที่แม่นุ่นกับพ่อไผ่เล่าให้ผมฟังทำให้ผมนั่งนิ่งอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกเจ็บที่หัวใจ  ผมฟังเรื่องเศร้ามาก็มาก

 แต่เรื่องของน้องไม้ทำให้ผมหายใจติดขัด เจ็บปวดไปกับความรู้สึกของพ่อกับแม่ และที่สำคัญ  น้องไม้ 

คนที่ผมคิดเสมอว่าน้องยิ้มหล่อมากยิ้มได้ละลายใจสุดๆน้องเป็นคนร่าเริงอารมณ์ดี  แต่เบื้องหลังรอยยิ้มนั้นน้องจะเศร้ามากแค่ไหนกัน

กว่าน้องจะยิ้มได้แบบนั้นน้องต้องทุกข์ใจมากมากมายแค่ไหน  และรอยยิ้มนั้นมันเทียบไม่ได้กับรอยยิ้มวันนี้ที่น้องอยู่กับครอบครัว 

“น้องไม้โทษตัวเองมาตลอดว่าเป็นสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น น้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดทำให้เพื่อนต้องตาย ไม่ว่าพวกเราจะพยายามเท่าไหร่ น้องไม้ก็ไม่เปิดรับใครเข้ามาในชีวิตอีกเลย น้องไม้ไม่คบเพื่อนผู้ชาย ไม่ทำความรู้จัก ไม่เปิดรับใคร  นอกจากหนูบัวคนเดียว  รอยยิ้มของน้องไม้ไม่สดใสแบบนี้นานแล้ว พี่โอ๊ตเป็นคนแรกที่น้องไม้พามาบ้าน เป็นคนแรกที่น้องโทรมาเล่าให้พ่อกับแม่ฟังว่าเจอพี่ชายใจดี  ตอนนี้น้องไม้เหมือนจะเปิดใจได้มากกว่าเมื่อก่อน แม่จึงอยากให้พี่โอ๊ตช่วยน้องหน่อยนะลูก”

“ครับ ผมจะดูแลน้องให้เองครับ”เป็นคำสัญญาที่ผมเต็มใจและอยากทำมากที่สุด

น้องไม้ที่ดูแกร่งเมื่ออยู่ในสนามเทนนิส น้องไม้ที่ดูเท่เสมอเมื่ออยู่บนเวที น้องไม้ที่ดูเข้มแข็งเมื่ออยู่กับหนูบัว 

น้องเป็นลูกชายคนเดียวของอดีตแชมป์นักแข่งรถระดับโลกอย่าง f1  น้องไม้เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีเป็นที่หมายปองของทั้งชายและหญิง

 นั่นเป็นสิ่งภายนอกที่ทุกคนมองเห็น   แต่จริงๆแล้วน้องไม้เป็นคนที่น่าสงสาร มีจิตใจที่เปราะบาง  น่าปกป้อง

ผมรู้สึกว่าตัวเองและผองเพื่อนเหี้ยมากที่คิดจะแยกน้องกับหนูบัวออกจากกันเพียงเพราะเพื่อนผมชอบหนูบัว มันโคตรไม่แฟร์เลย

 ยิ่งน้องบอกว่า หนูบัวเป็นเพื่อนรักเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่น้องมีผมยิ่งรู้สึกแย่ 



“พ่อกับแม่มีลูกอยู่คนเดียว  อะไรที่ดีสำหรับลูกพ่อกับแม่ไม่ลังเลที่จะทำ  โอ๊ต เป็นเพื่อนที่ดีของลูกชายเรา  พ่อไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าคำว่า อย่าทำร้ายเขา  อาจจะดูว่าพ่อกับแม่ไว้ใจโอ๊ตมากทั้งๆที่พึ่งจะได้รู้จักกัน  แต่สำหรับพ่อแล้ว พ่อจะไม่รอแม้สักวินาที ถ้าสิ่งที่ทำให้ลูกพ่อมีความสุข พ่อไม่เคยลังเล”


เป็นความคิดที่ผมทึ่งไม่น้อย พ่อไผ่ มีความคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไป อย่างน้อยก็ผมคนนึง

 หากเป็นผมคงระแวงคนที่เข้าหาลูกชายมากกว่าการมาเล่าเรื่องให้ฟังและขอให้ช่วยดูแลแบบนี้


“พ่อกับแม่ไม่กลัวว่าผมจะทำให้น้องกลับไปแย่อีกเหรอครับ “

“โอ๊ตคิดจะทำแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่ครับ”

“นั่นคือคำตอบ  อนาคตไม่มีใครรู้ โอ๊ตอาจจะเปลี่ยนไป  โอ๊ตอาจจะทำร้ายลูกชายเรา  แต่อีกมุมโอ๊ตอาจจะดีมากๆต่อลูกชายเราโอ๊ตอาจจะดึงลูกของเราออกจากความรู้สึกแย่ๆนั่นได้  ทั้งสองอย่างมันยังไม่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เกิดตอนนี้ โอ๊ตไม่ทำร้ายน้องและน้องไว้ใจโอ๊ต  นั่นเป็นสิ่งที่พ่อกับแม่รู้ และเราไว้ใจโอ๊ตตอนนี้ ไม่ใช่โอ๊ตในอนาคต”


คำพูดของพ่อไผ่กับแม่นุ่น ยังแจ่มชัด ผมที่เอาแต่สนุกไปวันๆไม่ได้คิดอะไรมากเกินไปกว่าคำว่า เรียนและเฮฮากับเพื่อนฝูง

แต่วันนี้ น้องไม้เป็นอีกข้อหนึ่งที่ผมต้องคิด 



ผมรั้งเอาตัวน้องไม้มากอดเอาไว้ เมื่อฟังน้องเล่าไปหัวเราะไป แต่น้ำเสียงน้องมันช่างขัดกับเรื่องที่เล่าเสียจริง

 แม้ว่าเรื่องราวจะเป็นเรื่องเดียวกับที่พ่อไผ่กับแม่นุ่นเล่าให้ฟัง แต่พอฟังจากมุมของไม้ ผมจึงได้รู้ว่า น้องโทษตัวเองมาตลอด

น้องยังเสียใจแม้ว่าเรื่องมันจะเกิดมานานหลายปีแล้ว แต่ในความรู้สึกของน้อง มันคงเหมือนพึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน 

เรื่องราวยังสดใหม่ แผลในใจน้องไม้ยังไม่ได้รับการรักษา  เพื่อนๆยังไม่ได้ให้อภัยแม้สิ่งที่น้องไม้ทำจะไม่ใช่ความผิด

แต่เมื่อน้องคิดว่าตัวเองผิดจึงต้องแบกรับความรู้สึกนั้นมาตลอด



“จะร้องไห้ก็ได้นะ พี่ไม่เห็นหรอกมันมืด”ผมพูดออกไปในที่สุด

น้องไม้ไม่ได้ขืนตัวออกจากอ้อมกอดของผมสิ่งเดียวที่ผมรับรู้ได้คือตัวน้องสั่นไหวอย่างยากที่จะห้ามความรู้สึก

ผมลูบหลังน้องเบาๆปลอบเท่าที่จะทำได้ น้องร้องไห้เงียบๆ อยู่ในอ้อมแขนผม เป็นความรู้สึกที่แน่นไปหมดในอกของผม


“ผมไม่รู้จริงๆนะพี่โอ๊ต ไม่คิดว่ามันจะแย่แบบนี้ ผมพยายามแล้ว “

“ไม่เป็นไร อยู่กับพี่ไม่ต้องพยายาม เป็นอย่างที่ไม้อยากเป็น  “

“พี่จะไม่เหมือนคนอื่นๆใช่ไหม ไม่เหมือนใช่ไหม”

เป็นคำถามที่ผมไม่ตอบ เพราะไม่รู้คำว่าเหมือนของน้องหมายถึงอะไร 

“อย่าคิดไกลเกินกว่าวันนี้  เรื่องของพรุ่งนี้มันยังไม่เกิดขึ้น คิดไปก็เครียดเปล่าๆ  อย่าคิดเลยนะ คิดแค่ว่าตอนนี้มีพี่อยู่ตรงนี้ก็พอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะไม่หายไปจากไม้ จำคำพี่ไว้นะ ไม้คิดถึงชลได้ แต่อย่าคิดเพราะความรู้สึกผิด อย่าโทษตัวเอง ไม้ต้องมีชีวิตต่อไปข้างหน้า ชลไม่อยู่แล้ว สิ่งที่ไม้ต้องทำคืออย่าเอาความรู้สึกผิดมาทำให้เราใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้”


“ขอบคุณครับ ขอบคุณ”

ไม้ซุกตัวเข้าหาผมสองมือกำเสื้อผมแน่น ปากก็พร่ำคำขอบคุณผม จนรู้สึกละอาย

ผมจะทำทุกอย่างเพื่อชดเชยสิ่งที่ผมเคยทำแม้ว่าน้องจะไม่รู้แต่ผมรู้ดีแก่ใจว่าเข้าหาน้องเพราะอะไร 

ผมจะเริ่มใหม่  ผมจะปกป้องน้องจะดูแล  ไม่ให้น้องเสียใจ  นึกโกรธ คนที่ชื่อบูรพา  คนๆนั้นคงไม่ได้รักน้องไม้จริงๆ

เพราะถ้ารักกันจริง คงไม่โทษว่าเป็นความผิดของน้องที่ทำให้เพื่อนอีกคนคิดสั้น  ถ้ารักกันจริงควรจะอยู่ข้างๆไม่หนีหาย

ถ้ารักกันจริงต้องช่วยกันประคองความรู้สึก  ของกันและกันไม่ใช่หายไปให้น้องคิดมากจนไม่เปิดรับใครแบบนี้ 

ผมอดที่จะคิดหนักไม่ได้ เพราะน้องไม้ดูเป็นคนที่ค่อนข้างมองโลกในแง่ดี และอัธยาศัยดีเอามากๆดูจากการที่ไว้ใจผม

ถึงขนาดให้เข้าบ้านให้นอนร่วมห้องทั้งๆที่รู้จักกันได้ไม่นาน  น้องนิสัยดีมากจนผมกลัวว่าจะมีใครคิดไม่ดีเอาเปรียบน้อง 

เหมือนอย่างที่ผมคิดอยู่ตอนนี้ พวกผมคิดไม่ดีกับน้องเข้าหาเพียงเพราะอยากทำตามความต้องการของตัวเอง

โดยไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของน้องเลย  แม้ว่าผมจะไม่ได้คิดทำร้ายน้อง  แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมใช้ความอัธยาศัยดีและความเป็นคนดีของน้อง

ฉวยโอกาสเข้าใกล้แม้กระทั่งการกอดน้องเอาไว้แบบนี้ คนทั่วไปเขาจะนอนกอดกันให้กำลังใจกันแบบนี้หรือ 

หากไอ้ปีย์มีเรื่องทุกข์ใจ ผมพนันได้เลยว่าผมไม่มีทางนอนกอดมันแบบนี้แน่นอน

มีหลากหลายวิธีในการปลอบใจเพื่อนแต่ผมเลือกที่จะนอนกอดน้องเอาไว้ 

   
ผมคิดถึงตอนที่พี่อาร์ตกอดผมเอาไว้ตอนโดนแม่ตีเพราะความซนของผมเมื่อครั้งยังเด็ก  ผมอยากให้น้องสบายใจเหมือนผมที่รู้สึกตอนนั้น

 แม้จะผ่านมานานมากแล้วแต่ผมยังจำได้ ความรู้สึกที่มีคนปกป้องเรา เข้าใจเรา มันรู้สึกดีมากๆ ผมไม่อยากให้น้องเครียด

“นอนได้แล้ว วันเสาร์หน้าเราพาพี่มาร์คกับพี่มาลีไปหาพวกพี่อาร์ตกันดีไหม  ไม้จะได้รู้จักครอบครัวพี่ด้วย  พาหนูบัวไปด้วยกันเลย ไปกันหลายคนสนุกนะ เดี๋ยวให้พี่ทอยทำกับข้าว  ฝีมือพี่ทอยทำอาหารยกนิ้วให้เลยจะบอก  อ้อ พรุ่งนี้พี่จะเอาลายเซ็นของพ่อไผ่ไปอวดไอ้ปีย์ให้มันขาดใจเล่นๆ หึหึ”


“ ฮะๆ ขี้แกล้งเพื่อนอ่ะพี่โอ๊ตนิสัยไม่ดี  “เสียงหัวเราะเบาๆทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง ผมเล่าเรื่องสรรพเพเหระ ไปเรื่อย

 เสียงหัวเราะของเราสองคนดังขึ้นสลับกันกับเรื่องเล่า ส่วนมากผมจะเล่าวีรกรรม ของเพื่อนๆผมและพี่ชาย  ดูเหมือนน้องไม้จะชอบฟัง

“น่าอายจังมาร้องไห้ให้พี่ดู ทั้งๆที่พึ่งจะรู้จักกันแท้ๆ ..เอ่อ พี่โอ๊ตครับ ผมขออย่างหนึ่งได้ไหมครับ”

“ขอหลายๆอย่างก็ได้ครับ ...ว่าแต่จะขออะไรล่ะ ต้องดูก่อนว่าให้ได้ไหม“

“ คือว่า..เรื่องที่ผมกับหนูบัวไม่ได้เป็นแฟนกันน่ะครับ ผมยังไม่อยากให้คนอื่นๆรู้  อยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ไปก่อนน่ะครับ “

“อืม...ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ  หึหึ”

“...”

“ฮ่าๆๆ พี่ล้อเล่นครับ ไม่บอกๆ แต่ว่า พี่มีเรื่องจะบอก ไม้ “

“เรื่องอะไรครับ “ดูเหมือนอารมณ์น้องจะคงทีแล้ว ท่าทางเศร้าๆหายไป

“ปีย์มันชอบหนูบัวนะ มันอยากจีบแต่ไม่กล้าเพราะคิดว่าไม้กับบัวเป็นแฟนกัน”

“ผมคิดแล้วเชียว  แต่น่าเป็นห่วงพี่ปีย์จัง “

“ทำไมล่ะ ไปห่วงมันทำไม ไม่ห่วงเพื่อนเราเหรอ หรือหวงเพื่อน”

“เปล่าครับ ก็.. คือว่า  พี่โอ๊ตรู้จักพวกสาววายไหมครับ”

“สาววาย ? ยังไง?”

“แหะๆ คือหนูบัวเป็นสาววายครับแบบคือยังไงดีอ่ะ อธิบายยาก อ่า...คือ ยัยตัวแสบชอบจับผู้ชายคู่กัน  คนที่มาจีบหนูบัวน่ะ ถูกยัยบัวยุให้จีบกันเองก็เยอะ บางคนก็จับมาคู่ผมซะงั้น เพราะแบบนี้ผมถึงไม่อยากให้หนูบัวเห็นรูปที่พี่โอ๊ตถ่าย ไม่งั้นนะ จับเรา คู่กันแน่ๆเลย พี่ปีย์นี่ก็ไม่น่ารอด ดีไม่ดีอาจจะจับคู่กับบรรดาน้องชายของบัวนั่นแหละครับ”


“หึ หึ ฮ่าๆๆๆๆ “RIP ให้เพื่อนรักผมด้วยครับ โอ๊ยอยากหัวเราะให้ฟันหักฮ่าๆๆๆๆๆนึกสงสารเพื่อรักจับใจครับฮ่าๆๆ

ผมมองคนที่นอนขำไปกับผม ไม้ขยับตัวออกจากผมหลังจากที่คิดว่าน้องคงสบายใจขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว

 เรานอนหงายมองเพดานห้องราวกับมันจะช่วยลดความรู้สึกขัดเขินที่กอดกันกลมไปเมื่อครู่

 เราพูดคุยแลกเปลี่ยนสิ่งที่เราพบเจอมาระหว่างทางที่เราเดิน ผมมีเรื่องเล่าจากเรื่องของพี่ชายและเพื่อนสนิทของพี่ชาย

ที่เหมือนเป็นพี่ผมอีกคน และเรื่องทะโมนของไอ้ปีย์ในวัยเด็ก เรื่องราวที่ผมมาเจอกับเพื่อนๆในกลุ่มตอนเข้ามหาวิทยาลัย

น้องไม้มีเรื่องเล่าตั้งแต่เด็ก ครั้งแรกที่รู้จักหนูบัว ทั้งเรื่องของพ่อไผ่ที่ยังคงลงแข่งรถหลายรายการช่วงหลังจากแต่งงานและมีน้องไม้แล้ว

น้องเคยตามพ่อเข้าสนามแข่งบ่อยๆกว่าจะออกจากวงการก็เมื่อไผ่เข้ามปลาย คงเป็นรายการสุดท้ายที่พวกผมได้ไปดูนั่นแหละครับ

 เรื่องราวที่ค่อยๆผ่านการบอกเล่าของเราสองคน ทำให้ค่ำคืนผ่านไปด้วยความทรงจำดีๆ เหมือนกับว่าเรารู้จักกันมานานหลายปี
 
ผมรู้สึกว่าน้องไม้พิเศษไม่เหมือนใคร น้องไม้ที่ดูยิ้มง่าย และดูมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี

แต่แท้ที่จริงน้องกลับเหงาและหวาดกลัวการปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า น้องปิดกั้นคนทั้งโลกเพื่ออยู่กับเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว

เพราะเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในอดีตทำให้น้องต้องอยู่ด้วยความกลัว  ส่วนผมที่ไม่ชอบความวุ่นวายเป็นคนขี้รำคาญ และไม่ชอบเอาใจใคร

 ชอบความเงียบชอบอยู่แค่กับเพื่อนสนิทและครอบครัว แต่ผมไม่ได้เหงาเพราะมีเพื่อนรอบกายมีครอบครัวที่เข้าใจ 

ไม่เคยขาดคนที่เข้าหา และผมไม่เคยเข้าหาใคร  จนวันที่ผมต้องมาทำความรู้จักกับผู้ชายหน้าสวย ที่ยิ้มสวยแต่แววตาเศร้าสร้อย

ผู้ชายที่ตัดตัวเองออกจากสังคมเพราะกลัวว่าการดูแลคนอื่นจะทำให้เกิดการสูญเสียอีก ทั้งหมดที่เป็ฯไม้ทำให้ผมคิดใหม่


“อยู่กับพี่ไม่ทำอะไรก็ได้เท่าที่ไม้อยากทำ เป็นตัวเองได้เท่าที่ไม้ต้องการ ไม้ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เพราะคนเราจะไปรับผิดชอบความรู้สึกคนอื่นไม่ได้หรอก ที่ผ่านมา พี่ว่าไม้เหนื่อยมากเกินไปแล้ว การที่เราปิดกั้นตัวตนจนไม่สามารถเป็นตัวเองได้ มันไม่มีความสุขหรอกนะ”

“แต่ผม..กลัวว่า.มันจะเกิดขึ้นอีก.”

“ต่อให้มันเกิดขึ้นเหมือนเดิม มันก็ไม่ใช่ความผิดของไม้อยู่ดี อย่างเช่นไม้บอกว่าไม้รักหนูบัวใช่ไหมล่ะ”

“ครับ”

“แล้วที่หนูบัวไม่รักตอบ ไม้คิดว่าเป็นความผิดของหนูบัวไหม”

“ไม่ครับ บัวไม่ผิดนี่ ผมแค่อยากให้บัวได้รู้ ที่เหลือผมต้องรับผิดชอบตัวเอง”ผมยิ้มให้กับความคิดของน้อง 

“เพราะแบบนั้น พี่เลยอยากให้ไม้คิดใหม่  คนเรารับรู้ได้ไม่เท่ากัน มีความคิดไม่เท่ากัน เราไม่สามารถไปบังคับความคิดใครได้  ต่อให้ไม้อยู่เฉยๆ ไม่ไปดูแลใคร ไม่คบใคร หากมีคนคิดจะรักเขาก็รักอยู่ดี  “

น้องไม้นิ่งเงียบไปนานจนผมไม่แน่ใจว่าน้องจะเข้าใจที่ผมสื่อไหม

“นั่นสินะครับ ทำไมผมถึงลืมข้อนี้ไปได้นะ “

“เพราะเราแคร์เพื่อนเพราะเรารักเพื่อน ความผิดที่เกิดเราจึงรับเอาไว้เอง ถามว่าทำแบบนั้นผิดไหม ไม่ผิดหรอกครับ เรามักจะแคร์คนที่เรารักได้เสมอ  แต่พี่อยากให้ไม้ลองมองมาที่พ่อไผ่กับแม่นุ่น ท่านทั้งสองรักไม้มากนะครับ ไม่มีพ่อแม่คนไหน ที่จะเปิดรับคนแปลกหน้าที่พึ่งเจอกันอย่างพี่...โดยเฉพาะคนมีชื่อเสียงอย่างพ่อไผ่  แต่พ่อไผ่กับแม่นุ่นไม่ลังเลที่จะเปิดรับพี่เข้ามาเพียงเพราะรู้สึกว่าไม้ดีขึ้น.... ไม้รู้สึกผิดได้ แต่อย่าเอาความรู้สึกผิดนั้นมาทำร้ายคนที่รักเรา “


“ขอโทษครับ ฮึก ...ขอโทษ..ผมขอโทษ  “น้องร้องไห้อีกแล้วผมจะโดนพ่อไผ่ต่อยเอาหรือเปล่านะทำลูกเขาร้องไห้ทั้งคืนเลย

ผมพลักตัวตะแคงหันมามองน้องที่นอนเช็ดน้ำตาตัวเองทั้งยังเอ่ยแต่คำขอโทษที่ผมไม่รู้ว่าน้องขอโทษใคร

“คืนนี้ร้องไห้ให้พอ พรุ่งนี้ไม้จะเป็นตัวเองเป็นน้องไม้ที่ควรจะเป็น พี่ไม่ได้บอกให้ไม้ลืมชลหรือลืมเพื่อนๆ แต่พี่อยากให้ไม้เข้มแข็ง และสามารถเผชิญหน้ากับความกลัวนั่นได้ อย่ายอมแพ้ พี่จะอยู่ข้างๆ ไม่ไปไหน เรามาพยายามไปด้วยกันนะ ”


ผมนอนมองน้องไม้ที่ยังคงร้องไห้  ผมหวังว่าพรุ่งนี้ น้องจะออกมาจากความรู้สึกที่ติดลบมานานนั่นและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไม่ต้องกังวลอะไรอีก



............................ 



“ตื่นได้แล้วไม้  “ผมเขย่าตัวน้องไม้ที่ยังคงหลับสนิท ผมที่ตื่นเช้าจนอาบน้ำเสร็จแล้วน้องไม้ก็ยังไม่ตื่น 

“อื้อ..อีกนิดน่าบัวขอนอนหน่อย “ดูเอาเถอะ ขนาดหลับแบบนี้ยังคิดว่าอยู่กับหนูบัวเหรอ
 
“ตื่นเลยครับ สายแล้ว มีเรียนบ่าย แต่ต้องเข้าสโมฯตอนเช้านะ ตื่นเลยๆ “ผมดึงแขนน้องให้ลุกนั่งทั้งๆที่เจ้าตัวยังหลับตา คงง่วงจัด

“พี่โอ๊ตเหรอครับ.. อือ”ท่าทางปรือตานั่งโงนเงนบนเตียงมันน่า...ฮึ่ยยย คิดอะไรนั่นน้องโว้ยยยย

“ลุกเลยๆไม่ลุกปล้ำนะ “

“!!!! “ตาคู่สวยเบิกโพลงปากเผยอขึ้นลงเหมือนปลาทองฮุบเอาอากาศ  ตลกชะมัด

“ไปอาบน้ำเร็ว แม่มาปลุกรอบนึงแล้ว ตื่นเลยคนขี้เซา”

“ดะ..เดี๋ยวๆเมื่อกี๊ พี่โอ๊ตว่าอะไรนะ “

“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ไปอาบน้ำเดี๋ยวพี่ลงไปช่วยแม่ทำครัวก่อน นะ”

ผมรับเดินออกจากห้องปล่อยให้น้องไม้นั่งเอ๋ออยู่บนเตียง อย่าว่าแต่น้องไม้ตกใจ ผมก็ตกใจเมื่อหลุดปากไปตามความคิด

ก็น้องน้าปล้ำจริงๆนี่ แต่ผมไม่ได้คิดจะปล้ำน้องนะ ก็แค่..อ่า ..ไม่ๆ นั่นน้องชาย ไม่ได้คิดเลยครับ 


“พี่โอ๊ตน้องไม้ตื่นหรือยัง”เสียงแม่ดังมาจากในครัว พ่อนั่งจิบกาแฟอยู่ระเบียงหลังบ้าน มีเจ้าตัวส้มสองตัววิ่งไล่กวดกันบนสนามหญ้า

“ตื่นแล้วครับ อาบน้ำอยู่ครับ”

“กาแฟไหมลูก เดี๋ยวแม่ชงให้”เช้านี้แม่เปลี่ยนสรรพนามของผมเรียบร้อย ดีจังมีพ่อกับแม่เพิ่มฮ่าๆๆ

“ไม่เป็นไรครับแม่เดี๋ยวผมชงเอง “ผมจัดการกาแฟของตัวเอง อยากจะช่วยแม่ทำกับข้าวแต่ก็ดูๆแล้วเกรงใจครับ

เอาไว้มาบ่อยๆค่อยช่วยดีกว่า ผมยกแก้วกาแฟเดินไปหาพ่อที่ระเบียงหลังบ้าน   

“อรุณสวัสดิ์ครับพ่อ”

“ไง โอ๊ต นอนหลับสบายไหม”

“ก็ดีครับ แต่น้อง “ผมชะงักไปนิดคิดว่าเล่้าให้พ่อไผ่ฟังน่าจะดี

“ไม้เป็นอะไร”พ่อไผ่ขมวดคิ้วเมื่อฟังผมบอกแบบนั้น

“เปล่าครับ..แค่น้องเล่าให้ฟังเรื่องที่พ่อกับแม่เล่าน่ะครับ แต่น้องร้องไห้หนักเลยกว่าจะหลับก็ดึก ”

ผมเห็นความกังวลในแววตา ของพ่อไผ่

“พ่อไม่รู้จะทำยังไงให้ไม้เลิกคิดมาก  ช่วงแรกๆ น้องไม่นอนเลยนะ น้องบอกว่าถ้าหลับไปจะฝันเห็น น้องชลตลอด  น้องเลยไม่อยากหลับ  น้องต้องเข้ารับการบำบัด อยู่นานกว่าจะเป็นไม้แบบทุกวันนี้  พ่ออยากให้ไม้มีความสุขจริงๆเสียที แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะไม้ไม่เคยร้องไห้ให้พ่อกับแม่เห็นเลย  “

มันหมายความว่าน้องไว้ใจผมหรือเปล่านะ พอคิดแบบนั้นหัวใจผมเหมือนมีลมสูบจนพองคับอก ดีใจ นั่นคือความรู้สึกที่ผมสัมผัสมันได้


“ผมจะไม่ทำน้องเสียใจครับ ผมจะดูแลน้องเองครับ”

ยังเป็นความตั้งใจที่ผมรู้ว่าผมต้องทำ ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่แต่ผมรู้แค่ว่าผมอยากเห็นน้องไม้มีความสุข

“พ่อถามสักข้อได้ไหมโอ๊ต”

“ครับ”

“คิดยังไงกับลูกชายพ่อ”ผมนั่งเงียบคิดค้นลึกๆในหัวใจแต่ผมไม่มีคำตอบ เพราะผมไม่รู้จริงๆ 


“ถ้าผมบอกว่าไม่รู้พ่อจะว่าผมไหมครับ  บางทีผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  กับน้องไม้ผมเหมือนจะคิดเยอะกว่าคนอื่นๆ แต่ไม่ได้คิดในแง่ร้ายนะครับ  ผมรู้แค่ว่าผมหวังดีกับน้อง อยากให้น้องมีความสุข บางครั้งผมรู้สึกอยากมีน้องชายเพราะผมมีพี่ชาย ผมรู้สึกว่าน้องไม้เหมือนน้องชายที่ผมต้องดูแล แต่บางครั้งมันก็ย้อนแย้งว่าไม่ใช่  “


พ่อไผ่จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผม ผมก็มองตอบโดยไม่หลบสายตา ผมไม่รู้จริงๆว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อน้องไม้มันเรียกว่าอะไร

 มันมีแต่ความห่วงใยมีแต่ความหวังดี ไม่มีความคิดแย่ๆให้น้องแน่นอน   

“เฮ้อ..เอาเถอะ  ถ้าสักวัน ความรู้สึกของโอ๊ตเปลี่ยนไป หรือโอ๊ตเข้าใจความรู้สึกของโอ๊ตเองแล้ว มาบอกพ่อหน่อยนะ “

“ครับ ผมจะบอกพ่อแน่นอน”

ผมรับคำก่อนจะหันไปหาเจ้ามาร์คที่คาบลูกบอลวิ่งมาหาผม มันเอาคางเกยหน้าขาของผมก่อนจะคายลูกบอลในมือผมที่ยืนออกไปหา

“อยากเล่นเหรอ “เจ้าตัวส้มถอยหลังตั้งท่าจะวิ่งทันทีที่เห็นผมกำบอลในมือแน่น

“ฮ่าๆ แสนรู้จริง”ผมลุกขึ้นมายืนในสนามหญ้าแล้วขว้างลูกบอลออกไปหามาลีที่ยืนอยู่อีกฝั่งของสนามหญาเหมือนจะรอรับ.

.มาลีกระโดดงับรับเอาลูกบอล ก่อนที่มาร์คจะวิ่งไปถึง ภาพเจ้าตัวส้มแย่งบอลกันทำให้ผมยิ้มตาม 


“หวังว่าจะไม่มีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นอีกนะ “พ่อไผ่พูดเบาๆเหมือนจะพูดกับตัวเองแต่ผมก็ได้ยิน   ผมก็คิดอย่างนั้น 

ผมเล่นกับน้องมาร์คและน้องมาลีจนเหนื่อย  เข้าใจพี่ทอยเลยครับว่าความรักสัตว์ของพี่ทอยมันมีความสุขอยู่ในนั้น

ขนาดผมยังชอบเจ้าสองตัวนี่เลยครับ เห็นทีต้องหาโอกาสพาเจ้าสองตัวนี่ไปหาพี่ทอย เอ๊ะหรือจะพาพี่ทอยมาหาเจ้าสองตัวนี่ดีนะ

น้องไม้แต่งตัวพร้อมออกไปเรียน แม่นุ่นเรียกเราไปร่วมโต๊ะอาหาร บรรยากาศเช้านี้ผมว่า มันดีมากจริงๆ 

“แม่ฝากดูแลน้องด้วยนะพี่โอ๊ต “แม่ยกกล่องข้าวที่บรรจุอาหารสำหรับสองคนมาให้ผมที่รถ   

“ครับแม่ ไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลน้องเองครับ”

“ผมมากกว่ามั้งที่ต้องดูแลพี่น่ะ ในตู้เย็นที่ห้องมีแต่แอลกอฮอล์ “

เสียงร่าเริงที่แย้งผมมาทำให้ผมยิ้มกว้างกับความสดใสนั้น ไม่เหลือคราบคนขี้แยเมื่อคืนสักนิด

“งานพี่เยอะหรอก พี่ทำกับข้าวเป็นนะ ไม่เหมือน...”ผมว่าพลางเหล่ตามองคนที่ยิ้มแหยๆ ผมเอง

ก็พึ่งจะรู้จากแม่นุ่นเมื่อคืนว่าน้องไม้ทำกับข้าวไม่เป็น น้องทำได้แค่เมนูง่ายๆไม่กี่อย่าง ซึ่งทั้งหมดที่น้องทำเป็นต้องทำจากไข่ เท่านั้น

 ผมรู้ชะตาเลยว่าเมนูที่น้องจะทำให้ตามคำขอของผมนั้นไม่พ้นไข่เจียวเป็นแน่ 

“รีบๆไปเถอะ เดี๋ยวสายทั้งคู่หรอกจ้ะ มาเถียงกันเป็นเด็กๆไปได้ พี่โอ๊ตขับรถดีๆนะลูก “

“ครับแม่ ผมไปนะครับ “ผมยกมือไหว้ลา พ่อไผ่แม่นุ่น ก่อนจะเข้าประจำตำแหน่งคนขับ

  มาบ้านน้องไม้ครั้งนี้เกินกว่าคำว่าคุ้มครับ ได้ถ่ายรูปกับพ่อไผ่ ได้เบอร์โทรส่วนตัวด้วย หึหึ

ต้องมีใครสักคนในกลุ่มผมชักดิ้นชักงอเพราะความอิจฉาแน่ๆ คุณทิวไผ่ไม่ใช่ว่าใครก็จะได้เจอเขาง่ายๆนะครับ

 ตั้งแต่เป็นดาวเด่นแชมป์F1 ห้าปีซ้อน แชมป์สนามใหญ่ๆทั่วโลกอีกไม่น้อย

ด้วยอายุยังน้อยหน้าตาดีมากมีทั้งชายทั้งหญิงรุมล้อมเสนอตัวให้เขาจนต้องมีการ์ดประจำตัวกั้นคุณทิวไผ่จากคนภายนอกเข้าถึงยากมากครับ

 และยิ่งตอนนี้คุถณทิวไผ่ลาวงการแล้วยิ่งไม่มีโอกาสได้เจอ มันเป็นเหมือนของขวัญชั้นยอดที่ผมได้โอกาสนั้นมา 

“พี่โอ๊ตยิ้มอะไร หน้าตาเจ้าเล่ห์มาก”

“หึหึ เปล่าครับ แค่คิดถึงอะไรดีๆที่ได้มามันก็ มีความสุข”

น้องไม้ทำหน้างงจนผมอดที่จะยื่นมืออีกข้างไปตบลงบนไหล่น้องสองสามที อยากจะบอกว่า น้องไม้คือสิ่งดีๆ ที่ผมได้เจอ

 การเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ดูแลกัน เป็นเพื่อนเป็นพี่น้อง  เปิดใจรับและเรียนรู้คนอื่นๆบ้าง  มันจะต้องดีแน่นอน 

บางที ไอ้การที่ผมทำเป็นเย็นชาจนได้ฉายาเจ้าชายน้ำแข็งนั่น  ไม่ชอบให้ใครเข้าหา ไม่พูดจากับคนไม่สนิท

มันอาจจะทำให้ผมพลาดสิ่งดีๆไปหลายอย่าง เช่นน้องไม้  หากผมยังคงเป็นผมในอีกมุมที่ปิดกั้นคนอื่น

ผมคงไม่มีโอกาสได้รู้จักคนดีๆ ครอบครัวดีๆ และที่สำคัญผมคงพลาดที่จะได้รู้จักกับไอดอลของผม 

มันคงจะเป็นเรื่องที่ผมพลาดอย่างมาก ไม่ใช่แค่น้องไม้ที่ต้องเปิดใจ ผมก็เช่นกัน


TBC....

เอาล่ะ ตอนต่อไป จะได้เจอพี่โอ๊ตในเวอร์ชั่นใหม่ค่ะ 555555

อิพี่มันก็คิดได้บ้างนะคะ ตัวตนจริงๆของพี่โอ๊ต ทั้งรั่ว ทั้งเกรียน กวนตีน แต่ใจดี  คนที่จะเห็นแบบนั้นก็มีแค่เพื่อนสนิท และครอบครัว

แต่ว่าต่อจากนี้อิพี่มันจะเปิดให้คนนอกได้เข้าชม 5555 เรียกว่าเปิดเผยตัวตนอีกด้านจะดีกว่าค่ะ แต่ก็ยังคงคอนเซ็ป หน้านิ่ง พูดน้อย อาจจะละทิ้งความเย็นชา เหลือเพียงความคูล ที่คงจะต้องดึงดูดสาวๆหนุ่มๆเข้าหาอีกพะเรอเกวียน 

น้องไม้ก็เช่นกัน จากที่ยิ้มเก่งอยู่แล้วตัวตนแท้จริงน้องไม้เป็นคนขี้เกรงใจ แต่ชอบดูแลคนอื่น เป็นคนจิตใจดีอ่อนโยน

และละมุนมาก ที่สำคัญความขี้อ้อนนั้น นอ้งเก็บมันไว้ตั้งแต่เกิดเรื่อง  จากนี้ไปอิพี่คงต้องรับมือหนักขึ้น จะคีพลุคไหวไหมพี่ 55555



นานๆแวะมาที อยากอ่านเม้นท์บ้างเนอะ  พันวายังยืนยันว่านิยายเรื่องนี้ มันไม่มีดราม่านะ คงมีแค่มาม่าคัพถ้วยเล็กๆ ที่ยังไม่ได้ไปซื้อ


รอต้มตอนใกล้จบเนอะ คิคิ

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่าาาา :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2018 11:01:53 โดย พันวา »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อร๊ายยยยย  สัญญาณที่ดีนาจา

พี่โอ๊ตน้องไม้  ต่อไปนี้จะหวานหยดหรือเกรียนแตกขนาดไหน  มาคอยลุ้นกัน

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ มะลิมะลิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ง่อววววววว :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Sutharat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่โ๊อ๊ตจะทำสำเร็จรึเปล่าต้องดูต่อไป

ออฟไลน์ Maleewong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอดูพี่โอ๊ตหลุดมาด

ออฟไลน์ พันวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
แผนที่ 12 จีบ


วนันต์



จากวันที่พาพี่โอ๊ตไปกินข้าวที่บ้าน ผมรู้สึกเหมือนได้พาตัวเองออกมาจากห้องแคบๆห้องนั้น 

บางอย่างที่คิดเองได้ง่ายๆผมกลับนึกไม่ถึง ผมปิดกั้นตัวเองมากไปจนละเลยคนรอบข้าง ละเลยคำแนะนำอย่างพ่อกับแม่

หรือแม้แต่หนูบัว ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมพี่โอ๊ตถึงทำให้ผมเปิดใจรับฟังและมองเห็นสิ่งที่พี่เขาแนะนำ

บางอย่างในตัวพี่โอ๊ตบอกผมว่าผมเชื่อเขาได้ พี่โอ๊ตไม่เหมือนคนอื่นๆที่เข้าหาผม พี่โอ๊ตที่ผมเจอครั้งแรก 

เหมือนเป็นคนที่เฉยชากับทุกสิ่งไม่สนใจใคร หน้าดุมากด้วยครับ แรกๆผมกลัวพี่เขานิดๆนะ ฮ่าๆๆ

 แต่ถึงอย่างนั้นพี่เขาก็ไม่ได้ไล่ผมออกห่าง  พี่โอ๊ตปฏิบัติกับผมเหมือนคนทั่วไป เหมือนเพื่อนของเขา

 ซึ่งต่างจากคนอื่นๆที่เข้าหาผมเพราะอยากมีความสัมพันธ์แบบอื่น ที่มากกว่าเป็นเพื่อนกัน


พี่โอ๊ตที่ตาเป็นประกายเวลาพูดถึงพ่อของผม มันน่ารักจนผมรู้สึกว่าเขาเหมือนเด็กๆที่เป็นติ่งดารา

 เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อ พี่โอ๊ตเหมือนทำตัวไม่ถูก ริ้วแดงๆข้างแก้มหูแดงๆที่ขึ้นสีรวดเร็ว ทำให้ผมขำความขี้เขินของพี่โอ๊ต

  พ่อก็คงสังเกตเห็นเลยชอบแกล้งพี่โอ๊ตประจำ


วันที่พี่โอ๊ตไปบ้านของผมพี่เขาทำตัวได้กลมกลืนราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน  มันแปลกตรงที่ผมไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนนอกเลยสักนิด

วันที่พวกเพื่อนๆของพี่โอ๊ตรู้ว่าพี่โอ๊ตได้ถ่ายรูปกับพ่อได้ลายเซ็นต์ ผมล่ะอยากจะถ่ายคลิปเก็บไว้โดยเฉพาะ พี่โอม

 ที่ดูไม่เข้ากันเลยกับคนที่ชื่นชอบความเร็ว  คำว่างื้อออ หลุดออกจากปากพี่โอมทั้งวัน  สงสัยคงหมั่นไส้พี่โอ๊ตมากแน่ๆ

ผมรู้สึกว่าผมโชคดี  ที่ได้รู้จักกลุ่มพี่ๆ  กลุ่มนี้  มันทำให้ผมรู้สึกว่าที่ผ่านมาผมอาจจะเสียโอกาสรู้จักคนดีๆไปมาก

แต่นับจากนี้ผมจะเริ่มใหม่  ทำความเข้าใจใหม่ แม้ว่าในใจผมยังคงนึกถึงเพื่อนๆ หวังว่าสักวันที่พวกเราได้เจอกันในอนาคต

ผมจะขอโทษพวกเขา สักครั้ง ชีวิตดำเนินต่อไปครับ นักศึกษาเฟรชชี่อย่างผมก็เช่นกัน

ทั้งบทเรียนที่เริ่มถาโถมเข้ามา  ไหนจะกิจกรรมของตัวแทนคณะและตัวแทนมหาวิทยาลัย  มันพุ่งชนผมจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน

แต่ผมก็รู้สึกสนุกอย่างที่ไม่เคยได้รู้สึก  ผมเริ่มรู้จักคนอื่นๆมากขึ้น  เพื่อนใหม่ ที่ผมเปิดรับ

และแน่นอนว่า ผมแทบจะไม่ห่างจากหนูบัวและกลุ่มพี่โอ๊ตเลย  หนูบัวยังสนุกกับการจับคู่ คนที่โดนมากสุดคงเป็นพี่ปีย์ครับ

 วันนี้เหมือนรวมตัวกันทีร้านกาแฟ ใต้คอนโด เป็นช่วงสายของวัน ที่ผมมีเรียนแต่บัวไม่ได้ไปด้วย

เพราะวันนี้ ลุงพี จะให้บัวช่วยทดสอบรุ่นในโรงฝึก และพี่ปีย์คงไปด้วยเช่นเคย แต่วันนี้ น้องเงินต้องไปรับ น้องตังค์ แทนหนูบัว

 เลยต้องแวะมาเอาพวกเอกสารแนะแนวที่พี่ปีย์หาไว้ให้   เลยโดนเจ้าตัวแสบบัวจับคู่จิ้นคู่ใหม่ จนได้


“พี่ปีย์มาถ่ายรูปกับน้องเงินหน่อยสิ บัวจะส่งให้เพื่อนที่เพจอ่ะ นะคะๆนะ “

พี่โอ๊ตนั่งหัวเราะเบาๆข้างๆผมทื่มองดูพี่ปีย์ทำหน้าเหมือนกำลังกลืนบอระเพ็ด


“บัวเล่นอะไรอีกล่ะเนี่ย หืม “

เสียงน้องเงินที่คงจะระอาพี่สาวคนสวยเต็มทน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เงินเลยทำตัวเป็นตุ๊กตาให้หนูบัวจับหันซ้ายหันขวาให้ยืนคู่พี่ปีย์

“พี่เปลี่ยนใจได้นะ  ผมว่าถ้าพี่ยังจีบพี่สาวผมต่อนะ คงได้เมียผู้ชายสักวันหรือไม่ก็ได้เป็นเมียใครสักคน  “

ยิ่งคำพูดน้องเงินพี่ปีย์ยิ่งหน้าซีดกว่าเดิม  แต่ยังใจกล้าชูสองนิ้วให้กล้องที่หนูบัวเป็นคนถ่าย 

ดูๆไปผมก็รู้สึกดีใจที่พี่ปีย์ไม่ได้หนีหายไปเหมือนคนอื่นๆ  ที่ผ่านมา คนที่มาจีบยัยหนูบัวแล้วโดนจับคู่แบบนี้เผ่นหนีทุกรายครับ 

ผมได้แต่ภาวนาว่าพี่ปีย์จะผ่านด่านนี้ไปได้ ดูท่าทางแล้วยัยตัวแสบนั่นก็คงชอบพี่ปีย์เหมือนกันล่ะน่า

 เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา หนูบัวไม่เคยจับพี่ปีย์จิ้นคู่คนอื่นนอกจากน้องชายตัวเอง แบบนี้มันหวงชัดๆ  หึหึ

 เพราะถ้าเป็นคนอื่นๆจะมีจับมาคู่ผมบ้างและจับคู่คนที่เข้ามาจีบหนูบัวด้วยกันเองอีก  แบบนี้มันผิดปรกติครับ 


“เย็นนี้อย่าพึ่งกลับนะเดี๋ยวพี่ไปรับ”พี่โอ๊ตเอ่ยขึ้นหลังจากที่พี่ปีย์เดินออกไปส่งน้องเงินตามคำสั่งหนูบัว
 
“ฮั่นแน่ จะพาเพื่อนบัวไปไหนคะ  “

ยัยตัวแสบยังไม่วายทำเสียงล้อเลียนเพราะตั้งแต่วันนั้นที่พี่โอ๊ตไปบ้าน ผมเล่าให้หนูบัวฟังแล้วครับ ว่าพี่โอ๊ตรู้อะไรบ้าง

  ดูเหมือนเจ้าตัวแสบยิ่งปลื้มพี่โอ๊ตหนักกว่าเดิมอีก ตอนนี้แทบจะจับผมใส่พานให้พี่โอ๊ตอยู่แล้ว

 แม้ผมจะบอกว่าไม่ได้คิดแบบนั้น ยัยตัวแสบก็ไม่ฟัง

“ว่าจะพาไปช่วยเลือกซื้อของขวัญน่ะครับ วันนี้วันเกิดพี่อาร์ต  หนูบัวไปด้วยกันไหมครับ “

“ไม่ดีกว่าค่ะพี่โอ๊ตบัวไม่อยากเป็นกขคง คิคิ “

เสียงหัวเราะประหลาดๆที่ผมไม่ค่อยได้ยินมากนักถ้าเป็นแต่ก่อน ดูได้เลยว่าเพื่อนผมดีใจมากแค่ไหนที่ผมยอมเปิดรับเพื่อนใหม่ๆบ้าง
 
“กขค อะไรกันไม่ใช่สักหน่อย “

ผมบ่นยัยตัวแสบตามเรื่อง นี่เป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างเกรงใจพี่โอ๊ตแมพี่จะบอกว่าไม่เป็นไรไม่ถือ

 แต่การที่โดนจับคู่เป็นแฟนกับบผู้ชายด้วยกันเนี่ย ผมอ่ะชินแล้ว แต่สงสารพี่โอ๊ต ที่จะต้องโดนคนอื่นมองว่าผิดเพศหรือเป็นเกย์

 มันคงแย่น่าดูถ้าพี่จะไม่สบายใจเพราะเรื่องของผม


“หึหึ ไม่เป็นไรครับ ดีซะอีก ช่วยเป็นไม้กันหมาแทนหนูบัว เนอะ  ไม้จะคบใครต้องมาให้พี่สกรีนก่อนโอเค้”

นี่ก็อีกคนมองเป็นเรื่องเล่นๆไปเสียหมด แล้วผมจะเครียดแทนทำไมล่ะเนี่ย

“คุณแฟนอย่าเครียดสิ เข้าเฟสบุ้คบ้าง จะได้หายเครียด”

ไม่รู้ว่าหนูบัวหมายถึงอะไรแต่ช่วงนี้ผมห่างจากโซเชี่ยลพอสมควร กิจกรรมเยอะ เรียนหนักอีก เลยแทบไม่ได้โพสอะไรในโซเชี่ยลทั้งสามช่องทาง

 ปรกติผมจะชอบเข้าไปเล่นทั้งทวิตและไอ้จี เฟสบุ้คนานๆที  ยิ่งได้ยินหนูบัวพูดแบบนี้ คงต้องเข้าไปส่องบ้างแล้ว

หนูบัวเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้รู้เรื่องที่ผมยอมเปิดรับกลุ่มพี่โอ๊ตเข้ามา  ยัยตัวแสบยิ้มกว้างกว่าเดิม

คือยังไงดีล่ะ เพื่อนผมเป็นคนยิ้มสวยยิ้มเก่งอยู่แล้ว เพียงแต่รอยยิ้มไม่ค่อยจะสว่างเจิดจ้านักคงเป็นเพราะความกังวลเรื่องของผม 

เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นไม่ได้กระทบกับผมคนเดียวแม้แต่หนูบัวเองก็โดนด้วย เวลาจะทำอะไรแต่ละครั้งหนูบัวจะคิดมาก

 เวลาไปหาเพื่อนๆในกลุ่มแล้วทิ้งผมไว้หนูบัวจะเศร้า  เพราะเพื่อนรู้สึกผิด ที่ตอบรับความรู้สึกผมไม่ได้

และเป็นห่วงว่าผมจะคิดเหมือนสายชลอีกคน ผมพยายามทำให้เพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวของผมเข้าใจว่า ผมไม่เป็นไร

 แต่ยัยแสบคงไม่เชื่อ เพราะแบบนั้น ทุกครั้งที่หนูบัวยิ้มเวลาอยู่กับผม  แววตาหนูบัวจะเศร้า ไม่เหมือนตอนนี้  ที่ยัยตัวแสบยิ้มทั้งปากทั้งตา


ไม่ใช่แค่หนูบัวที่เปลี่ยน พี่โอ๊ตก็เปลี่ยนไป  จากคนพูดน้อย ไม่ค่อยยิ้ม กลายเป็นคนช่างพูดช่างเล่าทุกเรื่องเวลาที่อยู่กับผม

แต่เวลาที่อยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าหรือคนไม่สนิท พี่โอ๊ตก็ยังคงเป็นพี่โอ๊ตเหมือนเดิม

“บัวไปก่อนนะคะพี่โอ๊ตฝากเพื่อนบัวด้วยนะคะ เย็นๆเจอกัน”

“ครับๆ ไปเถอะไม้ รถพี่อยู่ทางนั้น”

ผมโบกมือให้หนูบัวก่อนจะเดินตามพี่โอ๊ตไปที่รถ  ช่วงหลังมานี้ พี่โอ๊ตดูจะเป็นสารถีจำเป็นของผมแทนหนูบัวแล้ว

 บางวันพ่อกะบแม่ก็โทรหาพี่โอ๊ตแทนที่จะโทรหาผม ดูเอาเถอะ ลูกชายคนใหม่ทำคะแนนนำลิ่วเลย 

“เป็นอะไรครับ “พี่โอ๊ตถามทำลายความเงียบ เมื่ออยู่บนรถสองคน

"เปล่านี่ครับ ทำไมเหรอ”ผมทำหน้าฉงนเพราะไม่เข้าใจคำถาม

ก็เห็นไม้เงียบไปตั้งแต่ขึ้นรถมา มีอะไรไม่สบายใจบอกพี่ได้นะ “

“โห...ไม่มีเลยครับ ผมแค่คิดอะไรนิดหน่อย..”

“คิดอะไรบอกพี่บ้าง”

“อืม...คิดว่า จะซื้ออะไรให้พี่อาร์ตดีน๊า ผมยังไม่เคยเจอพี่อาร์ตเลย”

“อย่าคิดๆ พี่อิจฉา ซื้อให้พี่คนเดียวพอ  ไม้แค่ไปเป็นเพื่อนพี่ห้ามซื้อ”

“อ๋า...ไม่ได้ๆ แบบนั้นไม่ดีครับ ไปงานวันเกิดก็ต้องซื้อของขวัญไปให้ด้วยสิครับ “

“งั้น..เราออกเงินคนละครึ่งดีไหม ซื้อชิ้นเดียวเป็นตัวแทนเราทั้งคู่ไง  มีคู่แล้วจะได้ไม่ต้องคิดมาก”

“?..”ยอมรับว่างงกับคำพูดพี่ครับ

“ฮ่าๆๆ อย่าทำหน้าแบบนั้น ..น่ารักเกินไป “

ทำหน้าแบบไหนครับ อยากถาม แต่คำสุดท้ายพี่ดูดเบาเกินผมไม่ได้ยิน  จะถามก็เห็นพี่ตั้งใจขับรถ ผมเลยเอียงหัวพิงไหล่พี่เล่นไป

นี่เป็นอีกอย่างที่ผมชอบทำครับ ผมชอบพิงไหล่พี่โอ๊ต ติดเป็นนิสัยครับ แต่ก่อนผมชอบนั่งพิงไหล่ไอ้บู จนมันคิดว่าผมชอบมัน

 แต่เอาจริงๆผมแค่เป็นคนติดสัมผัส ผมชอบกอดพ่อกับแม่ ชอบนอนหนุนตักพ่อกับแม่

ชอบนั่งพิงไหล่พิงหลังหนูบัวและเพื่อนๆ จริงๆผมเลิกพิงไหล่คนอื่นมาตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น

แต่พี่โอ๊ตบอกว่า พี่ไม่ถือ ผมทำตัวตามสบายได้ ผมรู้สึกเป็นอิสระอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้รู้สึกแบบนี้อีก

“ตัวหนักขึ้นนะเราน่ะ นั่งตรงๆก่อนพี่ขับรถครับ”นี่เป็นข้อดีของพี่โอ๊ต พี่จะบอกผมตรงๆเสมอว่าผมทำอะไรได้หรือทำอะไรไม่ได้

มันลดความประหม่าลงได้และมีความมั่นใจมากขึ้น จนตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าอะไรที่ผมทำไม่ได้ เพราพี่โอ๊ตไม่เคยห้ามอะไรเลย

ไม่นานพี่โอ๊ตก็พารถคันหรูของพี่เลี้ยวเข้ามหาวิทยาลัย   

“ส่งผมแค่นี้ก็พอครับ  เดี๋ยวผมเดินไปเอง”หลังจากแยกย้ายกันที่คอนโด พี่โอ๊ตก็มาส่งผมที่มหาวิทยาลัย

 จะว่ามาส่งคงไม่ถูกเอาเป็นว่ามาพร้อมกันจะดีกว่า จากแต่ก่อนที่ผมจะติดรถยัยตัวแสบตลอด

กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ผมตัวติดพี่โอ๊ตแทน ส่วนหนูบัวก็โดนพี่ปีย์ประกบไม่ห่างเช่นกัน 

“ทำไมล่ะ เดี๋ยวพี่ส่งถึงหน้าคณะเลย”

“พี่โอ๊ต อักษร กับวิศวะ มันคนละทางเลยครับ”

“แต่ไม้กับบัวก็มากินข้าวที่โรงอาหารวิศวะบ่อยนี่แสดงว่าไม่ไกลเท่าไหร่”

เอาตามที่พี่ถนัดเลยครับขี้เกียจเถียง ผมไม่เคยเถียงพี่เขาชนะเลยสักครั้ง คณะอักษร ของผมอยู่อีกฝั่งของมหาวิทยาลัยครับ

 ตรงข้ามกับวิศวะเลย  ถ้าพี่โอ๊ตไปส่งผมที่หน้าคณะ พี่เขาก็ต้องขับรถวนกลับมาอีกทาง เสียเวลา

แต่ก็นั่นแหละครับ คนมันจะดื้อ เถียงยังไงพี่แกก็แถจนไปได้นั่นแหละครับ ผมเลยพยักหน้าเออออไป


“ไม้ครับ”ผมหันกลับมาที่รถของพี่โอ๊ตที่จอดเยื้องทางเข้าหน้าคณะอักษรฯ ผมลืมอะไรหรือเปล่านะ

"ครับ?"

“เดี๋ยวเลิกคลาสแล้วพี่จะมารับนะ  อย่าหนีกลับก่อนล่ะ บายครับ“

ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไรเดือนมหาวิทยาลัยปีสามก็ขับรถออกไปแล้วทิ้งให้ผมตกเป็นเป้าสายตาของเหล่านักศึกษา

ที่มองมาที่ผมด้วยความสงสัย แต่ก็ช่างเถอะนะ ผมคิดแค่นั้นก็เดินตรงเข้าตึกเรียนไป

ผมเดินเลี่ยงไปขึ้นบันไดแทนลิฟท์ เพราะคลาสเรียนอยู่แค่ชั้น2

ก่อนจะพ้นมุมตึกตรงบันได้ร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงช่องอากาศ ทำให้ผมต้องเลี่ยงออกห่างๆ พลางยกมือปิดจมูกด้วย

ผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ครับ มันเหม็นจนหายใจไม่ออก

“ไม้”ผมชะงักหยุดเดินแล้วหันกลับไปตามเสียง

ผู้ชายคนนั้น ผมจำหน้าได้ว่าเรียนคลาสเดียวกัน เป็นคนที่เข้าประกวดเดือนตอนคัดเลือกเดือนคณะ แต่ผมจำชื่อเขาไม่ได้

 ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงแค่ผงกหัวทักทายแล้วเดินจากไป แต่ตอนนี้ผมคิดว่าการพูดคุยกับใครสักคนมันน่าจะดีกว่าเดินจากไป

“ครับ”

“อ่า..ขอโทษที เราไม่รู้ว่านายจะเดินมาทางนี้ “

เขาว่าพลางทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นพร้อมกับใช้เท้าขยี้ไฟให้ดับก่อนจะก้มลงเก็บไปทิ้งถังขยะใกล้ๆ

“ไม่เป็นไร ตามสบายเลย แต่ว่าไปสูบจุดที่เขาจัดให้สูบดีกว่านะ เกิดอาจารย์มาเห็นจะโดนทำโทษเอาได้นะ “

“อ่า..นั่นสินะ  เราชื่อป้องนะ จำเราได้ไหม ตอนคัดเดือนคณะน่ะ ”


“จำได้สิป้องโดดวันคัดนี่   “คนตรงหน้าผมรูปร่างสูงพอๆกับผม ผิวสีแทนสวยที่ผมอิจฉาอยากมีบ้างแบบนั้นแต่ผมไม่มี

ดวงตากลมโตขนตาหนาเป็นแพสวย แต่จมูกโด่งเป็นสันเขื่อนรับกับคิ้วสีดำเข้มแบบนั้นทำให้ดูหน้าดุมาก

แต่ต้องยอมรับว่าตาของป้องสวยจริงๆ ป้องโดนคัดมาเป็นตัวแทนคณะเหมือนผม แต่วันตัดสินคัดเลือก ป้องไม่มา

 ผลเลยตกมาที่ผมแทน


“โห่ เราไม่ชอบหรอก วันที่โดนเสนอตัวน่ะยังตกใจแทบตาย แต่เป็นไม้ก็ดีแล้วเพราะถ้าเป็นเราคงไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยหรอก ฮ่าๆ”

“ไม่เข้าคลาสเหรอ อีกสิบนาที ไปเถอะ เดี๋ยวสาย”

ผมยิ้มให้พลางวเอ่ยชวนเพื่อนใหม่ ที่ทำความรู้จักกันตรงบันได ผมตั้งใจไว้ว่าจะลองเปิดรับเพื่อนใหม่ๆบ้าง

หลังจากนี้ มันน่าจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นล่ะนะ อย่างน้อยรอยยิ้มก็นำพาความสบายใจมาให้ ส่วนเรื่องใครจะคิดเกินเลยจนอึดอัด

 พี่โอ๊ตบอกว่า ขอคำแนะนำได้พี่เขาจะช่วย

แค่คำสัญญาเล็กๆน้อยๆของพี่โอ๊ตก็ทำเอาผมยิ้มไม่หุบไปทั้งวัน



“ทำไมวันนี้มาคนเดียวบัวไปไหนล่ะ”ป้องที่เดินมานั่งลงเก้าอี้ข้างๆผมที่เคยเป็นที่ของบหนูบัว

“วันนี้บัวมีงานที่บ้านน่ะ วิชานี้ไม่ต้องเช็คชื่อ บัวเลยโดด”นี่ก็อีกข้อที่เปลี่ยน ถ้าเป็นเมื่อก่อน หนูบัวไม่มีทางปล่อยผมมาเรียนคนเดียว
 
“โห..ดาวมหาลัยโดดเรียนว่ะ หึหึ”

“เอ่อ...ไม้จ๊ะ เราชื่อพิ้งค์นะเป็นเพื่อนป้อง  “

รอยยิ้มเปิดเผยของพิ้งค์ ที่เดินเข้ามาทักผมทำเอาอึ้งไปเหมือนกัน คนน่ารักๆแบบนี้ทำไมผมถึงจำไม่ได้นะ

“นี่ๆ”แรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันกลับไป ผู้ชายตัวเล็ก หน้าตาน่ารักผิวขาวใสฉีกยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะแนะนำตัว

“เราปิงนะ เป็นเพื่อนสนิทไอ้เหี้ยป้อง”

“เห้ยๆ อย่ามีตำแหน่งนำหน้าสิวะ เดี๋ยวไม้ก็กลัวพวกเราหรอก “ป้องรีบแย้งเพื่อน ที่ผมพึ่งจะรู้จัก

“ เราเคยทักไม้ตอนงานเฟรชชี่แต่ไม้เมินเราอ่า..เสียใจนะ ...วันนี้คงไม่เมินเนาะ”

ว่าจบพร้อมยิ้มจนตาปิด ทำเอาผมหัวเราะแห้งๆอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีกว่านี้  แค่วันนี้ที่ผมยอมพูดคุยกับใครสักคน

 โดยไม่มีหนูบัวข้างกาย ผมได้เพื่อนใหม่มาสามคน  บรรยากาศเปลี่ยนไปเหมือนผมไม่เคยสังเกตสิ่งรอบตัว

 ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวว่า ตามติดชีวิตในโซเชี่ยลของผมตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่

 ผมเหมือนคนหยิ่งๆ ถึงจะยิ้มง่ายแต่ไม่เคยทักทายใครก่อน ไม่พูดคุยกับใครนอกจากแฟน ก็หนูบัวนั่นแหละครับ

 มีแค่ก้มหัวทักทายกลับเท่านั้น  ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มารยาทแย่ก็ตอนนี้แหละครับ


“เนี่ยเรานะ ดีใจมากเลยตอนที่ไม้ช่วยเก็บชีทเรียนวันนั้นอ่ะ “อ่าผมจำไม่ได้แฮะ ถ้าบอกไป พิ้งค์จะเสียใจไหม

“ดูทำหน้าเข้า  เรามีอะไรจะถามไม้หน่อยน่ะ “ผมเลิกคิ้วเชิงถาม

“กับพี่โอ๊ตนี่ยังไง?”

“หืม ?”ไม่ใช่แค่ผมงง ป้องกับปิงก็งงครับ 

“อ้าว.ทำหน้างงแบบนี้แสดงว่าไม่ได้เข้า ทวิตเตอร์เลยล่ะสิ   “

พิ้งค์ว่าแบบนั้นก่อนจะกดอะไรยุกยิกที่โทรศัพท์ของเธอแล้วยื่นมันมาให้ผม  ทั้งปิงและป้องก็ชะโงกเข้ามาดูมือถือในมือผม

 ภาพพี่โอ๊ตยิ้มกว้าง โดยมีผมร่วมเฟรม มันจะไม่เรียกยอดรีมากมายนักถ้าแค่ยืนยิ้ม

เป็นเพราะมือใหญ่ๆของพี่โอ๊ตที่จับมือผมไว้แน่นนั่นต่างหาก ทำให้ยอดรีพุ่งสูงไปเกือบหมื่น


“ไม่ใช่แค่นี้นะ ทั้งในไอจี และเพจคิ้วบอยของมหาลัยน่ะ มีแต่ภาพของไม้กับพี่โอ๊ตอ่ะ  นี่ถ้าไม่บอกว่าบัวเป็นแฟนกับไม้นะ เราคิดว่า ไม้กับพี่โอ๊ตน่ะเป็นแฟนกัน “


“เฮ้ย!!!..ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่แฟนนะ ก็เป็นพี่อ่ะ ยัยบัวตัวแสบนี่ถ่ายรูปยังไงของเค้านะ”

ผมล่ะยอมใจแต่ละรูปราวกับมีแสงสีชมพูฟรุ้งฟริ้งรอบตัวผมกับพี่โอ๊ต โอยจะบ้าตาย


“อย่ามาปฏิเสธเลยน่า...เมื่อเช้าน่ะ ใครมาส่ง แหนะๆ  พี่โอ๊ตใช่ม๊า”

ทั้งน้ำเสียงทั้งสายตาที่ล้อเลียนของพิ้งค์ทำผมคิดหนัก  พี่โอ๊ตจะรู้สึกยังไงนะ  เย็นนี้คงต้องคุยกันจริงจังกับหนูบัวแล้วล่ะ

 เกรงว่ามันจะเลยเถิดไป...ผมไม่อยากจะคิดมากหรอกนะครับ แต่ผมไม่อยากให้พี่โอ๊ตเดือดร้อนเพราะผม


“อ่า..แค่เพื่อนกันครับ”ผมได้แต่ตอบยิ้มๆไป แต่ดูจากสายตาของเพื่อนใหม่ทั้งสามคน มันดูไม่ค่อยเชื่อผมสักเท่าไหร่เลย 

“ผู้หญิงทุกวันนี้น่ากลัวว่ะ  เห็นผู้ชายเป็นแฟนกันแล้วมีความสุข” ป้องเอ่ยขึ้นเมื่อไล่อ่านคอมเม้นท์ในเพจคิ้วบอย

“นั่นสิ  ..เนี่ยแบบนี้เราโดนมาตั้งแต่ม.ต้นเลย จับคู่กับใครไม่จับ ดันจับคู่ไอ้ป้อง เราเซ็ง แต่ว่านะ พี่โอ๊ตอ่ะหล่อขนาดนี้ ถ้ามาจับจิ้นกับเรานะ เรายอม คิกคิก”


“ยอมอะไร  พี่โอ๊ตเค้าไม่เอามึงหรอกต้องสวยๆอย่างไม้นี่ ไอ้ตัวแดกแฟ้บอย่างมึงอ่ะหลบไปเลย ”

ป้องว่าพลางตบหัวปิงดังป้าบจนเราเจ็บแทน

“แหมๆ ที่พูดกับไม้เรางั้นเรางี้ สุภาพมากกกก ที่พูดกับกูนะ แม่งสัตว์มาเป็นฟาร์มเลย “

“ก็ไม้เค้าดูเรียบร้อยไม่ใช่ลิงเหมือนมึงไอ้ตัวแดกแฟ้บ”

“อ่า อย่าทะเลาะกันสิ”

“ไม่ได้ทะเลาะ/ไม่ได้ทะเลาะ”

สองคนหันขวับมาหาผมทั้งยังพูดพร้อมกันอีก พิ้งค์ที่เอาแต่นั่งทำตาเป็นประกายมองสองคนทะเลาะกัน

ผมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ไถทวิตดูข่าวตัวเองกับพี่โอ๊ต เฮ้อ วันแรกของการไม่มีหนูบัว มันก็ไม่ได้แย่อะนะ

อย่างน้อย ผมก็มองเห็นอะไรหลายๆอย่างที่ผมพลาดตอนมาเรียนแรกๆ  ผมมีเพื่อนใหม่  ผมรู้สึกว่าผมจะผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั่นได้ ถ้ามีพี่โอ๊ต


......................

หลังเลิกคลาสเราทะยอยกันเดินออกจากห้อง   ปิงยังเกาะแขนผมแน่นเหมือนจะไม่ยอมให้ผมจากไปง่ายๆ

ผมรู้สึกเห็นเงาของชลทับซ้อนมากับปิง เลยค่อยๆแกะมือปิงออกจากแขนก่อนจะเดินตรงออกไปทางหน้าคณะ

“รอเราด้วย ไปหาอะไรกินกันไหม เราหิวมากเลย”ปิงหน้าเจื่อนลงนิดหน่อย ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดกลัวเพื่อนไม่เข้าใจ

“เอ่อ ปิง..คือเราไม่ค่อยชินกับการถูกตัวคนอื่นน่ะ ขอโทษนะ  “

ผมพยายามแก้ไขความเข้าใจผิด ผมไม่อยากให้การเริ่มต้นของผมต้องพังลงเพราะความรู้สึกแบบเดิมๆ

"โอ๊ย..ไม่เป็นไรๆ เราเข้าใจ เราก็เผลอไปขอโทษด้วย อยู่กับไอ้เหี้ยป้องจนชิน แหะๆ"

“มึงดูโน่นก่อนไอ้ปิง เดี๋ยวโดนเดือนมหาลัยกระทืบหรอก “

ยังไม่ทันที่ปิงจะได้พูดอะไร ป้องก็เอ่ยขึ้นมาก่อนพลางพยักพะเยิดหน้าไปทางพี่โอ๊ตที่เดินตรงเข้ามาหาพวกเรา

“อ๊ะ ๆไม้ก็เป็นเดือนมหาลัยนะ ไม้ไม่กระทืบเราแน่ๆเรารู้ใช่ไหม ๆ”

“แหวะ ทำเป็นพูดเพราะ ว่าแต่กูนะมึงน่ะ “ผมหัวเราะออกมาได้ด้วยความสบายใจระดับหนึ่ง

 เมื่อเห็นเพื่อนใหม่ทั้งคู่ที่เถียงกันไม่เลิก และสีหน้าของปิงก็ไม่ได้แย่จนเหมือนคนเสียใจ ทำให้ผมเบาใจไปได้บ้าง


“รอนานไหมครับ”ผมหันไปถามพี่โอ๊ตที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ารอยยิ้มจางของเดือนมหาลัยปีสามทำให้ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆรอบตัว

ก็นะ ฉายาเจ้าชายน้ำแข็งไม่ได้มาเพราะบังเอิญรอยยิ้มจากพี่โอ๊ตหายากพอๆกับไอดีไลน์และเบอร์โทรพี่เขานั่นแหละครับ

“ไม่นานหรอกพี่พึ่งมาถึง แล้วนี้ เพื่อนเหรอ “

“ครับ  นี่ป้อง ปิง แล้วก็พิ้งค์ครับ”

ผมแนะนำเพื่อนใหม่ ให้พี่โอ๊ตได้รู้พร้อมกับยิ้มเต็มหน้าส่งไปให้ ผมอยากให้พี่โอ๊ตรู้ว่าผมพร้อมจะก้าวออกมาจากเซฟโซนแล้ว

"หูยยยย ยิ้มหวานเวอร์ “เสียงของปิงดังงุ้งงิ้งกับป้องพิ้งค์ยืนยิ้มหน้าแดงอยู่ข้างๆผม

ก็พี่โอ๊ตส่งยิ้มให้ขนาดนี้ คงเขินน่าดู ท่าทางของเพื่อนๆทำให้ผมหัวเราะออกมาเบาๆ


“ขำอะไรครับ ไปเร็ว เดี๋ยวจะต้องกลับบ้านอีก นะ แม่บอกจะทำบัวลอยไว้ให้ไม้ด้วย”

“โห..แม่รู้ได้ไงอ่ะ  พี่โอ๊ตบอกสิใช่ไหมๆ ลำบากแม่แย่เลย”

“ไม่กิน?”

“กินครับ “รีบตอบรับก่อนที่พี่จะเปลี่ยนใจ พร้อมส่งยิ้มเอาใจไปด้วยเดี๋ยวอดครับฮ่าๆๆ

“นี่ๆ”ปิงสกิดไหล่ผมเบาๆสองสามทีจนผมต้องหันไปมอง

“ครับปิง”

“ ไม้ รอบๆไม้มีเรามีพิ้งค์มีป้อง และยังมีเพื่อนๆร่วมมหาวิทยาลัยอีกเป็นร้อยเลยดูสิๆ”

ปิงว่าแบบนั้นทั้งยังจับหน้าผมให้หันมองรอบๆ อ่า ทำไมทุกคนยืนยิ้มทำตาลอยๆแบบนั้นล่ะครับ

“..?..”

“ไอ้ปิงมันจะบอกว่า อย่าหวานกันแค่สองคน มันอิจฉา “

“  .เราเปล่าสักหน่อย” ผมเอ่ยขัดป้องแทบจะทันทีไม่อยากให้เข้าใจอะไรผิดๆ แต่พี่โอ๊ตเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือ

เพราะแทนที่จะช่วยกันแก้ไขความเข้าใจผิด กลับเอื้อมมือมาจับแขนผมแล้วดึงออกไปด้วยกัน

“พี่ขอตัวน้องไม้ก่อนนะครับ “

“อ๊ะ พี่โอ๊ต..ปล่อยเลยคนมองเยอะแยะ”

“มองไปสิ สนทำไม ไม้นั่นแหละมัวแต่โอ้เอ้ เดี๋ยวจะไปไม่ทันบัวลอยนะ หึหึ”

“อย่ารุนแรงกับเพื่อนผมนะครับพี่โอ๊ต ฮ่าๆๆ”

เสียงกระเซ้าดังตามหลังมานั่นเป็นเสียงป้องที่ยืนกอดคอปิงไว้ทำท่าโบกไม้โบกมือให้ผมจนน่าหมั่นไส้


.............

“พี่โอ๊ต ผมรู้สึกว่า ปิงจะคล้ายๆชล”

ทันทีที่เข้ามานั่งในรถ ผมก็เอ่ยบอกพี่โอ๊ตทันที เพราะมันรู้สึกแปลกๆและอึดอัดกับบางท่าทีของเพื่อนใหม่

“คล้ายแบบไหน ปิงชอบไม้เหรอครับ ?”

“ ก็..ไม่เชิงอย่างนั้นครับ ผมพึ่งจะรู้จักกันวันนี้อันที่จริงก็รู้จักตั้งแต่ ก่อนงานเฟรชชี่เดย์แล้วครับ  แต่ไม่ค่อยได้คุยกันแบบนี้เท่าไหร่  คือปิงมีส่วนคล้ายกับชล น่าจะบุคลิกน่ะครับ พอปิงเข้ามากอดบ้างจับแขนบ้างผมเลยรู้สึกว่า กลัวมันจะเป็นเหมือนชล”


แม้ว่าผมจะพยายามเปิดรับ แต่บางครั้งผมก็กลัว มือหนาๆตบลงบนไหล่ผมสองสามครั้งเบาๆ


“อย่าคิดมาก  ไม้ทำตัวปรกติเป็นตัวเองน่ะดีแล้ว  ส่วนเรื่องความรู้สึกคนอื่น ไม้ห้ามไม่ได้
 แค่ไม้ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นธรรมชาติของไม้ แล้วทุกอย่างมันจะดีเองนะครับ”

เพราะแบบนี้ล่ะมั้งนะ ผมเลยยิ้มได้อีกแล้ว


“อยากไปบ้านพี่เร็วๆแล้วสิ”


“หืม? ทำไมล่ะ”

“ก็ พ่อกับแม่พี่โอ๊ตต้องน่ารักมากๆแน่เลย พี่โอ๊ตถึงได้เป็นคนน่ารักแบบนี้”

ผมว่าพลางส่งยิ้มกว้างไปให้อีกครั้งผมยิ้มบ่อยมากเวลาที่อยู่กับพี่โอ๊ต รู้สึกว่าควบคุมกล้ามเนื้อหน้าไม่ได้เลย มันอยากจะยิ้มตลอดเวลา


“คนที่น่ารักน่ะ มันเราต่างหากไอ้ตัวน่ารัก  หึหึ”




รถยนต์คันหรูเคลื่อนที่ออกจากมหาวิทยาลัย ตรงไปสู่ห้างสรรพสินค้ากลางเมือง   

โดยมีผู้โดยสารหนึ่งคนกับพลขับหนึ่งคนที่แข่งกันยิ้มหน้าบานอยู่ในรถ
 


TBC......

....................................


 เรื่อยๆมาเรียงๆ น้องไม้ก็ยังระแวงอยู่นิดๆนะคะ น้องจะค่อยๆก้าวออกมาจากเซฟโซน  พี่โอ๊ตเองก็เริ่มลงมือ จีบน้องโดยไม่รู้ตัว55555

ด้วยเพราะตัวพี่โอ๊ตเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่การกระทำแบบนี้มันก็นะ เหมือน จีบน้องนั่นแหละ มึนๆอึนๆกันต่อไปทั้งพี่ทั้งน้อง

หนูบัวเองเริ่มถอยห่างเพื่อให้เพื่อนได้ปรับตัว เลยเป็นโอกาสของอิพี่ปีย์ด้วยล่ะ แต่ก็นะ แค่โดนจับคู่ผู้ชาย พี่ปีย์บ่ยั่นค่า สู้ตายเลย



พันวาว่าจะเขียนคู่รอง ตอนหน้า ให้เดา ว่าพันวาจะให้ใครเป็นคู่รอง อิอิ สนุกๆทายมาค่ะ 

ถ้ามีคู่ใหม่ๆน่าสน พันวาจะลองแต่งดู แต่คู่รองในใจพันวาตอนนี้ รับรองว่าไม่มีใครทายถูกแน่นอน หึหึหึ



ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ  :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2018 07:21:22 โดย พันวา »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
คู่รองนี่ตัดป้องปิงออกชัวร์ อาจเป็นป้องเงินก็เป็นได้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เคมีระหว่างป้องปิง มันน่าจะใช่นะ  ใช่มะ  ใช่ป่ะ?

ออฟไลน์ Maleewong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ป้องปิง ต้องมาค่ะ เคมีเข้ากันดี :hao6:

ออฟไลน์ มะลิมะลิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คนเขียนบอกว่าไม่มีใครทายถูก ป้องปิงไม่น่าใจ เราว่าต้องเป็นคู่เพื่อนๆของพี่โอ๊ตอ่ะ อาจจะกระต่าย×ปิงเดาๆ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ป้องปิงนี่ดูเคมีแล้วน่าจะจับมาชิปได้อีกคู่นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **ตกหลุมหัวใจ** แผนที่ 12 จีบ ( 4 /8/61) P.3
« ตอบ #79 เมื่อ: 08-08-2018 22:42:01 »





ออฟไลน์ พันวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5

Special  Plan  หมอ(หมา)ปะทะหมอ(ความ)






ผมยืนมองตึกสีชมพู ที่ดูเด่นเป็นสง่า พร้อมตัวอักษรเบ้อเร่อตรงหน้าว่า  หอพักนักศึกษาชาย  มันช่างขัดแย้งกับภาพลักษณ์สิ้นดี

 อยากจะรู้นักว่าหอพักหญิงมันจะสีอะไร แล้วบรรดาผู้ชายทั้งหลายมันไม่ตะขิดตะขวางใจกันหน่อยหรือไง

ที่อาศัยอยู่ในตึกสีชมพูหวานแหววแบบนี้    ผมยืนนิ่งอยู่นานด้วยความลังเลใจ ก็เพราะ ที่นี่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยของผมน่ะสิครับ

  แล้วผมมาทำอะไรที่นี่น่ะเหรอ



// น่านะเพื่อน ช่วยกูหน่อย พอดีกูติดวอร์ดกับอาจารย์หมอ วันนี้มึงว่างนี่ นะๆช่วยกูหน่อย เดี๋ยวกูช่วยมึงทำเคสอาจารย์พิชัยเลยนะๆ //

นั่นเป็นคำพูดที่เป็นความหวังอันเลือนลางของผม จากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่มี ไอ้อาร์ต อินทนินท์  นศ.แพทย์ปี 6 

มันไหว้วานให้ผมเอาของมาให้น้องชายต่างมหาลัยของมัน  ตอนนี้ถ้าคุณเดินผ่านจุดที่ผมยืนอยู่

คุณจะเห็นชายไทย ส่วนสูง188เซ็นติเมตร ยืนถือถุงผ้าใบใหญ่สีชมพูพาสเทล หันหน้าเข้าหาตืก8 ชั้นสีชมพูหวานแหวว ที่เด่นสัสๆ

โอยกูอายคน ใครก็ได้ช่วยที ไอ้น้องโอ๊ตครับ มึงอยู่ไหน กูจะไปหาถูกไหมวะโทรไปก็ไม่รับ อย่าให้กูเจอหน้าจะตบเกรียนให้ แตกเลย

หนอยมันบังอาจให้พี่ให้เชื้อต้องมายืนทำตัวชมพูอยู่แบบนี้   

ขณะที่ผมกำลังยืนท้อเป็นลิงหงอยผมก็เห็นใครสักคนเดินออกมาจากตึกสีชมพูนั่น

อ่า...... น่ารักชิปหายเลยว่ะครับ  มันจะดูเข้ากับสีตึกเกินไปแล้ว สาบานว่าตึกนี้เป็นหอพักชาย  เพราะคนที่เดินออกมา แม่เจ้าโว้ยยยยย

จะน่ารักไปไหน  ผู้ชายตัวเล็กๆผมหยักศกสีน้ำตาลแดง ตัดกับความขาวของผิวหน้าทำให้ใบหน้านั้นโดดเด่น

เนียนสว่างโร่ยิ่งกว่าแสงไฟนีออนตอนกลางคืน  ตากลมโตกระพริบถี่ๆคงเพราะจะปรับแสง 

 เหมือนปีกผีเสื้อกำลังกระพือปีกบินเลยครับ ไหนจะแก้มป่องๆมองดูเหมือนปลาทองอมลมนั่นอีก โอ๊ยน่าร๊ากกกกกกกกกก


ผมสตั๊นไปแค่ไม่กี่วิ ร่างเล็กๆที่ผมจ้องนั้นก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ดวงตากลมโตมองมาที่ผมลูกตาใสแจ๋วเหมือนลูกแก้ว

 มีความสงสัยก่อนจะเบนสายตาไปมองถุงสีชมพูในมือผม


“เอ่อ..พี่ทอยใช่ไหมครับ “

“เอ่อๆ อะ คะ.ครับๆ “ติดอ่างทันทีเลยผมอย่าบอกว่านี่คือน้องโอ๊ตนะ 

ผมเถียงใจขาด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอน้องโอ๊ตมาพักใหญ่ แต่หมีกริสซี่จะกลายร่างเป็นอุ๋งๆไม่ได้

 หรือไอ้อาร์ตแอบมีน้องอีกคน  ไอ้อาร์ตมึงมีน้องน่ารักขนาดนี้ทำไมไม่บอกกูวะไอ้เพื่อนเลว ผมได้แต่ด่าเพื่อนในใจ

ถ้ารู้ว่ามันมีน้องน่ารักขนาดนี้ ผมคงไม่ปล่อยเวลาทำความรู้จักน้องมันไปแหงๆ


“คิก.ผมชื่อโอมนะครับ  มารับของแทนโอ๊ตมัน พอดีมันไม่ว่าง ผมเลยมาเอาของแทน อันนี้ใช่ไหมครับ”

อ่าชื่ออ.อ่างเหมือนกันด้วย ตกลงเป็นน้องคนเล็กมันจริงหรือ นายพ่อนายแม่ไปปั่มปั๊มน้องให้ไอ้อาร์ตกับไอ้โอ๊ตตอนไหนวะ

ผมไม่เห็นจะรู้เรื่อง  คนน่ารักชี้มือมาที่ถุงผ้าสีชมพูที่ผมถืออยู่


ผมยื่นถุงผ้าให้น้องด้วยความเบลอขั้นสุด  คนน่ารักคว้าเอาถุงไปเปิดดู สีหน้าตื่นเต้นทั้งยังยิ้มกว้าง

จนผมต้องตาค้างกับความน่ารักที่แอทแท็คผมอย่างจัง



“งือออออ” มันแปลว่าอะไรครับน้อง พี่ไม่รู้ความหมายรู้แค่น้องน่ารักมากมายเลยโว้ยยยยยยย

ผมได้แต่โวยวายอยู่ในใจ กับไอ้ประโยคสั้นๆ ว่า.... งือออออ



ต่อจากนั้นน้องพูดอะไรอีกเยอะแยะ แต่ไม่มีอะไรเข้าหัวผมเลย ภาพสุดท้ายที่เห็นคือคนน่ารักแบกถุงผ้าใบนั้น

เข้าตึกสีชมพูไปพร้อมทั้งหันมาโบกมือหยอยๆให้ผมกับรอยยิ้มกว้างจนแกมอูม  นั่นยังทำผมละเมอยืนอยู่กับที่


น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก  คำนี้วิ่งเต็มหัวผมไปหมดเลย  กว่าจะตั้งสติได้

ผมก็พบว่าตัวเองยืนโบกมือให้ความว่างเปล่าตรงหน้า ไม่รู้ว่าทำแบบนั้นไปนานแค่ไหน

 แต่สายตาและเสียงซุบซิบรอบข้างทำให้ผมได้สติ  รีบควักโทรศัพท์กดเบอร์หาเพื่อนรักแทบจะทันที

//ไง เรียบร้อยไหมวะ//

“เรียบร้อยมากเพื่อน แต่กูอยากได้สิ่งตอบแทนที่มาทำธุระให้มึงสักอย่างนะเพื่อน”

//ก็เดี๋ยวกูช่วยเคสจารย์พิชัยไง//

“ช่างหัวเคสเถอะ กูอยากได้เบอร์โทรฯน้องโอม “

//ห๊ะ?? //

“ไม่ต้อง งงเพื่อน น้องโอมคนน่ารัก น้องชายคนเล็กของมึงอ่ะ กูจะเอาเบอร์โทรฯเดี๋ยวนี้ “

//เดี๋ยวๆ อะไรยังไง กูมีน้องชายคนเดียวคือไอ้โอ๊ตนะ..น้องโอมมันเพื่อนไอ้โอ๊ต.มึงบอกกูมาก่อนจะเอาเบอร์น้องโอมไปทำไร ไม่บอกกูไม่ให้//


“คือ...กูจะ...จีบ”

//.......//
.
.
.
.
.



“อาร์ต..อย่าพึ่งตายเอาเบอร์น้องโอมมา ไม่งั้นกูจะบอกน้องฟ้าว่ามึงมีแผ่นมิยาบิใต้เตียงที่หอแพทย์ ”


เสียงโวยวายที่จับคำพูดไม่ได้ว่าไอ้อาร์ตมันพูดอะไร แต่ที่แน่ๆ เบอร์โทรฯ ของน้องโอมถูกส่งมาทางไลน์ของผมทันทีที่เพื่อนรักวางสาย  เพราะเจอคำขู่ของผม หึหึ


พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว แต่ผมยังนั่งจ้องโทรศัพท์โดยไม่ได้กระดิกตัวไปไหนที่ห้อง  วันนี้จริงๆผมมีเคสที่คลินิกลุงหมอ พี่ชายพ่อผม

 แต่ตอนนี้ขอลุงหมอโดดงานด้วยเหตุผลที่ว่าจะไปหาหลานสะใภ้มาให้ ลุงหมอแทบจะจับผมใส่พานยกให้ใครก็ได้ที่ผมบอกว่ากำลังจีบ   

ด้วยความที่อยากให้ผมมีแฟนสักที เหตุผลน่ะเหรอครับ เดี๋ยววันหลังผมจะเล่าให้ฟังละกัน แต่วันนี้มือผมสั่น

เพราะไม่รู้ว่าจะทักน้องโอมยังไงไม่ให้อีกฝ่ายเมินผม หรือกลัวผมหสาว่าผมเป็นโรคจิต อะไรทำนองงนั้นก่อนที่จะได้จีบน้อง


กว่าจะขู่เข็ญเอาเบอร์น้องโอมมาได้ ก็ทำเอาหงุดหงิดไปเยอะ นี่ถ้าไม่เอาชื่อน้องอิงฟ้ามาอ้างคงจะแห้วแน่ๆผม  แต่ว่าได้เบอร์มาแล้ว

ต้องทำไงดีล่ะ ทันทีที่ผมบันทึกเบอร์น้องโอม รายชื่อในแอพสีเขียวก็เด้งมาให้ผมยิ้มกว้าง  อ่า ดิสไลน์ยังน่ารักเลย 

ดวงหน้ากลมๆแก้มอูมๆขึ้นสีเรื่อๆนั่นยังไม่เท่ารอยยิ้มกว้างจนตาปิด น่ารัก น่ารัก น่ารัก  ผมว่าผมกำลังเพ้อ 

เป็นเอามากเลยผม ถึงตอนนี้ผมตัดสินใจ เปิดแชทแอพสีเขียว ก่อนจะทักน้องโอมไปด้วยใจระทึก



Toys:ส่งสติ้กเกอร์

ผมเลือกส่งสติ้กเกอร์โคนี่ ยื่นหัวใจให้ หวังว่าเห็นชื่อผมน้องจะรู้ว่าเป็นผมนะ

โอมจงลง: ส่งสติ้กเกอร์

น้องโอมส่งสติ้กเกอร์ หมีบราวด์ที่มีเครื่องหมายเควสชั่นมาร์ค สองอันบนหัว



Toys:ส่งสติ้กเกอร์

ผมส่งสิ้กเกอร์กระต่ายโคนี่กอดหมีบราวน์ไปให้


                                                                             

โอมจงลง:ส่งสติ้กเกอร์

น้องโอมส่งสติ้กเกอร์หมีบราวน์ตีเข่ากระต่ายโคนี่คืนมา




จากตรงนี้ สงครามสติ้กเกอร์เริ่มแล้วครับ เราสองคนไม่ส่ง ข้อความใดๆ นอกจากสติ้กเกอร์ ผมยังคงส่งกระต่ายโคนี่หน้ามึนบ้าง

ส่งจูบบ้าง กอดหมีบราวน์บ้าง  น้องโอมก็ไม่น้อยหน้าครับ ไหนจะหมีบราวน์ตีเข่ากระต่ายโคนี่หมีบราวน์ต่อยโคนี่

หมีบราวน์ล็อคแขนโคนี่สาระพัดที่จะทำร้ายร่างกายกระต่ายโคนี่  ผมถึงกับหัวเราะออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหวจะน่ารักเกินไปแล้ว

ทั้งๆที่ไม่ได้คุยกันสักคำไม่มีตัวหนังสือให้อ่าน มีแต่สติ้กเกอร์ ที่ส่งโต้ตอบกันไปมา แต่ก็ทำให้ผมยิ้มจนปวดแก้มไปหมด 

นานแล้วสิที่ไม่ได้รู้สึกหัวใจพองโตแบบนี้ น่ารักจริงๆ

คืนนี้เป็นคืนแรกที่ผมนอนฝันดี เพราะสติ้กเกอร์ล่าสุดที่ได้รับ เป็นหมีบราวน์นอนกอดกระต่ายโคนี่บนเตียง

และมีตัวอักษรว่า GoodNight พร้อมทั้งรูปหัวใจปลิวว่อน ผมไม่รู้ว่าน้องคิดยังไงถึงได้ส่งสติ้กเกอร์ตัวนี้มาให้ 

แต่มันทำให้ผมฝันดีจริงๆ เพราะผมก็ส่งสติ้กเกอร์ตัวเดียวกันกลับไป 


เป็นเช้าที่วุ่นวายมากครับเพราะเมื่อวานผมมัวแต่เล่นโทรศัพท์ส่งสติกเกอร์จนดึกดื่น หลังจากสติกเกอร์ฝันดีผ่านไป

ผมยังคงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง  หลับไม่ลงเพราะมัวแต่คิดว่า ผมจะเข้าหาน้องโอมยังไง เช้านี้เลยสโหลสะเหล มากเลยครับ

 วันนี้ก็เปิดเทอม ปี 6 เทอม2 มาได้สองอาทิตย์แล้วครับ ช่วงหลังๆ ผมโดนเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวเทบ่อยๆ

เพราะมันมีแฟน และแฟนมันสวยมากหยาดฟ้ามาดิน มีนามว่าน้องอิงฟ้า สาววิศวะ





โอม


ผมมองห้องแชท ที่มีแต่สติ้กเกอร์ แบบงงๆ  ไม่รู้ไอ้คนที่แอดมานี่ใคร   รูปดีสเป็นหมาปอมสองตัวที่ถูกตัดขนจนเกรียน

 น่าสงสารเป็นที่สุด ทีแรกผมจะไม่ใส่ใจหรอก เพราะกำลังเซ็งโดนเพื่อนเทครับ หนอย ไอ้ปีย์ก็เริงร่าไปหาน้องบัว

 ไอ้โอ๊ตปากแข็งก็ทำตัวติดกับน้องไม้อยู่นั่น  ไอ้หมีต่ายกับไอ้คุณนายก็พร้อมใจกันมีธุระ  ผมเลยเหี่ยวอยู่คนเดียว

 ประจวบกับไอ้ไลน์ปริศนาทักมาผมเลยเล่นด้วยแก้เซ็ง คิดว่ามันคงมาแบบ ทักครับ เหงาจุง อะไรอย่างนี้  แต่ไอ้บ้านี่ส่งแต่สติ้กเกอร์มา

 ผมเลยเล่นกับมันสักพัก เล่นไปเล่นมาสนุกดีครับ  ท่าทางเป็นผู้ชายมุ้งมิ้งดี ดูจากดีสและชื่อไลน์ของมัน

มันต้องชื่อต้อยอย่างแน่นอนครับ ผมฟังธงหักเลยเอ้า



อ้อ ไม่ต้องแปลกใจนะครับ ว่าทำไมผมคิดว่าต้องเป็นผู้ชายทักมา  99.99 เป็นผู้ชายครับที่ตามจีบตามตื๊อตามขอเบอร์

 แอดไลน์ที่ไม่รู้ไปหามาจากไหนก็คงเป็นได้เบอร์ผมนั่นแหละครับ  เคยถามถึงผู้หญิง 

สาวๆบอกว่า ผมเป็นได้สองอย่างสำหรับพวกเธอ  คือเป็นเพื่อนกับเป็นลูกครับ โถ อยากดูดนมแม่สักทีเหมือนกัน 

สรุปไทป์แบบผมไม่นิยมในหมู่สาวๆครับ 



บ่นไปก็เท่านั้นยอมรับชะตากรรมครับ  ผมไม่ปิดกั้นเรื่องเพศนะ จะอะไรยังไงได้หมด แค่รักผมจริงๆเท่านั้นพอ 

ก่อนที่จะได้มารู้จักกับได้กลุ่มทวยเทพทั้งสี่เนี่ย ผมเกือบโดนปู้ยี่ปู้ยำเพราะความไว้ใจล้วนๆ   

ไอ้หมีต่ายมันช่วยผมเพราะความบังเอิญตอนอยู่ปีหนึ่งในงานเฟรชชี่  เลยได้มารู้จักกับกลุ่มเพื่อนมัน แรกๆก็เกร็งครับ

พวกมันสี่ตัวหล่อๆทั้งนั้นสูงยาวเข่าดี มีผมเป็นแกะดำอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า  แต่อยู่ไปอยู่มา รู้สึกว่าก็ดีเหมือนกัน 

พวกมันเป็นคนดี ที่สำคัญไอ้พวกนี้ชอบแข่งรถ อะฮ้า เข้าทางผม แม้ว่าจะไม่มีปัญญาซื้อรถหรูๆแค่มองก็พอใจแล้ว

กลับมาที่ไอ้ต้อยคนแปลกเมื่อคืน ใครชื่อต้อยที่ผมรู้จักมั่งนะ เอ ...พี่ว้าก หรือพี่สันฯ หรือจะกลุ่มหลีด ช่างเถอะ แต่ก็แปลกดีแฮะ

 ไม่มีตัวหนังสือให้อ่านสักตัว แต่เข้าใจว่ามันจีบ เออ แปลกคน 



Rrrrrrr


“ไง มึง กว่าจะว่างโทรหากู “

//โทษทีมึง วันนี้กูไปหาซื้อของขวัญให้พี่อาร์ต  คงไม่ได้แวะเข้าหอมึง เย็นนี้เดี๋ยวพี่ทอยไปรับมึงนะ เพราะกูไม่ได้กลับเข้าม.แล้ว//

“ทอย ?  ทอยไหนวะ”


//เพื่อนพี่อาร์ตไงที่เอาของไปให้มึงเมื่อวานอ่ะ  พี่แกว่างอาสาไปรับมึงไปงานคืนนี้ หรือมึงจะนั่งแท็กซี่ไปเอง ไอ้ต่ายกับไอ้นาย มันอยู่ชลบุรี น่าจะกลับไปที่บ้านเลย ไอ้ปีย์มัน..//


“พอๆ กูไปกับพี่ทอยของมึงก็ได้ไม่ต้องมาสาธยาย  เออ แล้วกูไม่รู้จักพี่ทอยนี่นาพึ่งจะเจอเขาครั้งเดียวเอง ”

// เออ  มึงแค่แต่งตัวหล่อๆ มารอที่หน้าหอมึงพอ เดี๋ยวพี่ทอยไปรับ//

“กูน่ารักหรอก “ยืดอกรับครับว่าผมน่ารักมากกว่าหล่อ คนหล่อต้องพวกมันนั่นแหละ อย่างผมนี่แรน์ไอเท่ม น้องโอมคนน่ารัก งืออออออออ

//เออ น่ารักก็น่ารัก  เย็นนี้รอพี่ทอยเลย  //

“ครับคุณเพื่อน มีคู่แล้วลืมกูนะ  แต่ก่อนอะไรๆก็กู ใช่ซี้ กูมันหัวเน่า กูมันแค่เพื่อน ..กูมัน...” ตี๊ดๆๆๆ


ยังบ่นไม่จบมันตัดสายคนน่ารักได้ยังไง  เจอกันเย็นนี้กูจะบ่นให้หูชาเลยไอ้เพื่อนเลว  ว่าแต่งานวันเกิดพี่อาร์ต ผมยังไม่ได้หาของขวัญเลย



ติ๊งๆ เสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นยอดฮิตสีเขียวๆดังเดตือนให้ผมต้องเปิดดู

Toys:ส่งสติ้กเกอร์

รูปกระต่ายโคนี่โบกมือทักทาย  ทำให้ผมยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่เออ อยู่ดีๆ ก็อารมณ์ดี 


โอมจงลง:ส่งสติ้กเกอร์

ผมเลยส่งสติ้กเกอร์  หมีบราวโบกมือคืนไปให้


Toys:ส่งสติ้กเกอร์

และผมได้สติ้กเกอร์ โคนี่ส่งจูบมาแทน  คิกๆน่ารักนะเนี่ย 


ผมสลับส่งสติ้กเกอร์เล่นอยู่กับไอ้ต้อย นานพอสมควร  ก่อนจะนึกได้ว่าต้องไปซื้อของ


โอมจงลง:ส่งสติ้กเกอร์
เลยส่งติ้กเกอร์รูปหมีบราวกับโคนี่ ที่อยู่ในรถ



Toys:ส่งสติ้กเกอร์

ไอ้ต้อยส่งสติ้กเกอร์หมีบราวด์ที่มีเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คสองอันบนหัวมา


โอมจงลง:ส่งสติ้กเกอร์

ผมเลยส่งสติ้กเกอร์ กระต่ายโคนี่ถือกล่องของขวัญไปให้


Toys:ส่งสติ้กเกอร์

ไอ้ต้อยส่งสติ้กเกอร์ โคนี่ที่ทำท่าโอเคๆ มาให้



เออ แปลกว่ะ เหมือนเข้าใจกันผ่านสติ้กเกอร์ ผมเก็บโทรศัพท์ เข้ากระเป๋ากางเกง หยิบเอาเป้สะพายออกมาก่อนจะเดินออกจากห้อง

ทั้งๆที่ยังใส่กางเกงบอลเสื้อบอล ทีมโปรด  ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรเลยกับการแต่งตัวครับ  เพราะผมน่ารักอยู่แล้ว..งือออออออออออ 

ผมโบกแท็กซี่ เอาความรวดเร็วและคล่องตัวครับเวลามีไม่มาก ว่าแต่จะซื้ออะไรดีน๊า พี่อาร์ตชอบอะไรล่ะ

ผมนั่งคิดมาตลอดทางจนแท็กซี่พามาส่ง ที่ห้างใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย  ใช้เวลาไม่นานผมก็พาร่างอันสะโหลสะเหลมาอยู่ในห้างแล้ว

แอร์เย็นๆมันน่านอนหลับเสียจริง เอาล่ะ ขั้นแรกต้องไปหาร้านหนังสือ  ซื้อหนังสือนี่แหละให้พี่อาร์ตไม่ต้องคิดมากดี ฮ่าๆๆ

ว่าแต่หนังสืออะไรดีน๊า ถามไอ้โอ๊ตดีกว่าแฮะ คิดแล้วก็กดเบอร์หาเพื่อนสนิทที่หนีไปหลีหนุ่มทันที

//อะไรเตี้ย//

“กูไม่ได้เตี้ย กูน่ารัก มึงเรียกใหม่ ไม่เช่นนั้นกูจะฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทความสูงของกู”

//ครับทนายโอมครับมีอะไรให้รับใช้ครับ//

“พี่อาร์ตชอบหนังสือแนวไหนวะ กูจะซื้อเป็นของขวัญ”

//หนังสืออนาโตมี่ ไง//

“อนาโตมี่ ? พี่มันไม่มีเหรอวะ มหาลัยไม่ขายให้เหรอเรียนหมอยังไงไม่มีหนังสืออนาโตมี่ “

//มึงก็ซื้ออนาโตมี่ที่ยังมีเนื้อหนังครบสิ  อย่างพวกนางแบบที่ชื่อมิยาบิ อะไรแบบนั้น//

“แล้วก็จะหาได้ที่ไหนล่ะวะ ถามคนขายเขารู้จักใช่ไหม “

//รู้สิมึงถามเลย เดี๋ยวเขาหาให้เองแหละ หึหึ//เสียงเจ้าเล่ห์แปลกๆนะเพื่อนผม

“เออๆ เดี๋ยวจะถึงร้านหนังสือแล้ว แค่นี้ละกันเดี๋ยวกูไปถามเจ้าของร้านเอาก็ได้ “

//โชคดีนะน้องเตี้ย //


“สัส!!”

ผมอวยพรเพื่อนไปเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าร้านหนังสือในใจก็ท่อง มิยาบิๆ อนาโตมี่ๆ ไปเรื่อยๆกลัวลืม

 แต่ก่อนที่จะเดินเข้าร้านผมก็เห็นร่างสูงๆหน้าหล่อๆของพี่ทอยที่ยืนเลือกหนังสืออยู่หน้าร้านพอดี

บ๊ะ มันช่างเหมาะเจาะให้พี่ทอยช่วยเลือกดีกว่า เค้าเป็นเพื่อนพี่อาร์ตน่าจะรู้ว่าเพื่อนชอบแบบไหน


“พี่ทอยครับ”

“เฮ้ย!!! “

“ตกใจอะไรเบอร์นั้นพี่หน้าผมเหมือนผีเหรอ ถึงจะผีก็เป็นผีแคสเปอร์ผีน่ารักอ่ะ ไม่น่ากลัวนะบอกก่อน”

“อ่า..น้องโอม..มะ มาทำอะไรครับ”เสียงพี่ตะกุกตะกักชอบกล ติดอ่างเหรอวะ

“ก็วันนี้วันเกิดพี่อาร์ตอ่ะ ผมไม่รู้จะซื้ออะไรให้ไอ้โอ๊ตบอกให้ผมซื้อหนังสืออนาโตมี่ ที่มีนางแบบชื่อมิยาบิ ผมไม่เคยเห็นพี่ทอยช่วยหาหน่อยสิครับ “

ท่าทางอ้าปาค้างทำตาโตเหมือนทึ่งผมว่ารู้ความชอบพี่อาร์ตได้ไงประมาณนั้นมั้ง แต่ท่าทางพี่มันตลกอ่ะ ฮ่าๆๆ


“ดะ..เดี๋ยวนะ หนังสืออะไรนะ อีกทีซิ”


“หนังสืออนาโตมี่ครับ พี่เรียนหมอไม่รู้ได้ไงเนี่ย แล้วก็นางแบบอะไร บิๆนะ ..อ้อ มิยาบิ อ่ะครับ หาซื้อที่ไหน ไอ้โอ๊ตบอกว่าพี่อาร์ตชอบ”

“ฮ่าๆๆๆ โอ๊ตบอกงั้นเหรอครับ “เอ้าๆ หัวเราะอะไรล่ะเนี่ย

“งืออออ อย่าหัวเราะสิครับ ผมไม่รู้จะหาที่ไหนนี่ ไม่เคยเห็นหนังสือพวกนั้นด้วย อ่า”

“ไม่ต้องซื้อหรอกหนังสือแบบนั้น เดี๋ยวได้ทะเลากับอิงฟ้าตายเลย พี่พาไปซื้อของชอบไอ้อาร์ตดีกว่า “

“อ้าว พี่อิงไม่ชอบเหรอครับ ผมซื้อไห้พี่อาร์ตนะ หรือพี่อาร์ตก็ไม่ชอบหนังสืออนาโตมี่เหรอครับ ไอ้โอ๊ตนะไอ้โอ๊ตไอ้เพื่อนเลว หลอกกันได้”


ผมบ่นหงุงหงิงตามอารมณ์พี่ทอยพาผมเดินไปที่ร้านเครื่องมือแพทย์


“ขอดูสเตธยี่ห้อคาร์ดิโอ กับ สามเอ็มหน่อยครับ “พี่เขาพูดอะไรไม่เข้าใจเลยผม

 รอเพียงไม่นานคนขายก็ยกของมาวางบนโต๊ะ หลายอัน ไอ้ที่พี่ทอยเรียกอะไรเต็ดๆ น่ะ มันคือหูฟังของหมอครับ

อ่านี่สินะ คนรู้จริงไอ้เหี้ยโอ๊ตมันหลอกผมดีนะที่ผมไม่ซื้อหนังสือไปให้ผมมองคนตัวสูงที่ตั้งหน้าตั้งตาถามสรรพคุณไอ้เต็ดๆ เออ ผมจำไม่ได้ว่ะ



“พี่ทอยครับ อันนี้เค้าเรียกว่าอะไรอ่ะครับ”ผมสะกิดพี่ทอยพลางชี้ๆไปที่ของที่พี่กำลังเลือก

“อันนี้เขาเรียกสเตธโธสโคป (stethoscope) เรียกสั้นๆก็สเตธครับ น้องโอมมาหารกับพี่คนละครึ่งมาจะได้เป็นคู่กันไง”

ผมว่าหารคนละครึ่งเนี่ยพี่มันไม่มีตังค์แหงเลยลากผมมาหารครึ่ง แต่ก็เป็นความคิดที่ดีนะครับ สองคนหนึ่งชิ้นเป็นของดีด้วย

“อ้อ แล้วมันแพงไหมครับ ถามก่อนนะครับงบในกระเป๋าผมมีแค่ หนึ่งพันบาท เกินกว่านั้นผมไม่มีเงินนะบอกก่อน เพราะตั้งใจว่าจะซื้อหนังสือเล่มนึงก็คงราวๆ หกเจ็ดร้อยไม่น่าเกินพัน “


ผมว่าออกไปตรงๆ หนังสือแพทย์มันแพงนะครับบางเล่มก็หลายพันเลย พี่อาร์ทชอบอ่านหนังสือ ผมเลยคิดว่าซื้อหนังสือให้

แต่ไอ้เครื่องสเตธ อะไรนี่ของพี่ทอยก็เจ๋งดีนะครับ ถ้ามันไปห้อยอยู่บนคอพี่อาร์ทคงเท่ไม่หยอก


“ไม่แพงหรอก เดี๋ยวพี่ขอเลือกแป๊บนึงน้องโอมไปเดินๆดูอะไรตรงนั้นก่อนได้นะครับ เสร็จแล้วพี่จะบอกเนอะ”

“ครับๆ”ผมรับคำพลางเลี่ยงออกมาปล่อยให้พี่ทอยเลือกของไป ก็ดีเหมือนกันผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง

ศัพท์แพทย์บางคำผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร ให้พี่ทอยเลือกน่ะดีแล้ว ท่าทางคุ้นเคยกว่าผม 

คงเป็นหมอเหมือนกัน เพื่อนพี่อาร์ตคนนี้ผมไม่เคยเจอหน้า เป็นครั้งแรกที่เจอกันคือวันที่ผมไปรับของฝากแทนได้โอ๊ตนั่นแหละครับ

 พี่เขาก็หน้าตาดีนะ ตัวใหญ่มากสูงกว่าไอ้โอ๊ตอีกมั้ง  น่าจะเท่าๆไอ้กระต่ายควายเพื่อนผม คนพวกนี้กินอะไรกันนะ เฮ้อ

 หันมองตัวเองได้แต่ถอนหายใจ ไม่ๆๆ ผมไม่ซีเรียสเรื่องความสูงเพราะผมน่ารัก   หุหุหุ

“น้องโอมครับ เสร็จแล้ว ป่ะไปกินข้ากัน เดี๋ยวพี่เลฃี้ยงเองน้องโอมจะกินอะไร”

“อ๋า..จะมาเลี้ยงผมทำไมล่ะครับพี่  “

“อยากเลี้ยง  “

“รวย?”

“ครับ รวยมาก เลี้ยงน้องโอมได้ทั้งชีวิตเลย”

“แหมๆ  น่ารักนะคุณหมอ คิกๆ”

พี่ทอยยิ้มตาปิดก่อนจะเอื้อมมือมาจับข้อมือซ้ายของผมแล้วจูงออกจากร้านหนังสือ

อ่า....ผมว่าคนจะมองเราเยอะเกินไปละ  งือออออออออ


ผมเดินตามพี่ทอยเข้าไปที่ร้านยำแซ่บ เอ พี่มันรู้หรือบังเอิญกันนะว่าผมชอบร้านนี้มาก โดยเฉพาะเมนูยำนะ อร่อยมาก


“พี่ชอบยำร้านนี้นะ เออ พี่ก็ลืมถามว่าน้องโอมชอบอะไร แต่ไม่ถามดีกว่าพี่เลี้ยงนี่นะ พี่ต้องเลฃือกร้าน”

พูดเองสรุปเองเสร็จสรรพ คนอะไร ผมได้แต่อ้าปากเหวอกับคำของพี่ทอย

“โห พี่แวลาพาสาวไปเลี้ยงข้าวพี่ทำแบบนี้ป่ะ”

“ไม่หรอก เพราะพี่ไม่เคยเลี้ยงข้าวสาว เราน่ะคนแรกเลย”

“หูยยย ผมไม่ใช่สาวสักหน่อย”

“มาเป็นหนุ่มคนแรกของพี่ไหมล่ะ”

“ครับ...ถ้าพี่จะรุกขนาดนี้บอกมาเลยครับว่าจะจีบผม   “งืออออ..ผมคิดดังไปสินะ พี่ทอยถึงทำหน้าตาตื่นขนาดนั้น

“แล้วจีบได้ไหมล่ะ”

“ -////-  งือออออ “


“หึหึ น่ารักนะเราน่ะ  ไหนๆเราก็ถามพี่ละ งั้นพี่บอกเลยละกัน นายธีรนัย เกื้อกูลเกียรติ  ชื่อเล่นว่า ทอย สัตวแพทย์ปี 6 ขออนุญาตจีบนาย อัตถการ  กิตติอาภา หรือน้องโอมคนน่ารัก ตั้งแต่วินาทีนี้เลยนะครับ”


“-///-งื้อออออ “ ไม่รู้ทำไมหัวใจเต้นช้าลงเหมือนจะหายใจไม่ออก งือออผมประหม่า ผมกังวล แต่ผม...ชอบจังแฮะ 


“อนุญาตพี่ไหมครับ”เสียงทุ้มนุ่มหู ดังอยู่ใกล้ๆ  จนผมอดที่จะพยักหน้าไปให้ด้เวยความมึนงง

งืออออ .พี่มันยิ้มอีกแล้ววผมจะตายไหม คนอะไรหล่อเป็นบ้า พี่หมอหมา น่ารักจังเลยครับ 

ผมว่าผมคงต้องไปบอกไอ้ต้อยว่าไม่ต้องส่งสติ้กเกอร์มาจีบผมอีกแล้วเพระาผมมีคนอื่นมาจีบแล้วครับ

งือออออออออออออออออ

.
.
.
.
TBC...

เอาคู่รองของพันวามาส่ง ฮ่าๆๆๆ รู้สึกชอบน้องโอม ตั้งแต่เริ่มเขียน น้องมุ้งมิ้งมาก เป็นเคะตัวเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางดงหมาป่า อย่างพวกพี่โอ๊ต 

น้องน่ารังแกมาก เป็นทนายความที่อาจจะโดนลูกความจับกินในอนาคต เลยต้องส่งสัตวแพทย์รูปหล่อเพื่อนรักพี่อาร์ตมาให้แทน 

  หลายคนบอกเคมี ป้องปิง น่าจับคู่ เป็นอีกคูีที่ดีมากเลย เดี๋ยวค่อยเขียนเป็นตอนพิเศษเนอะ     

ส่วนน้องเงิน มีแฝดชื่อน้องเพชร   ในเรื่อง ตามใจ อยู่ในตอนพิเศษ น้องมีคู่เป็นหญิงค่า ในบรรดา สี่พี่น้อง น้องบัว น้องเพชรxเงิน ตังค์ จะมีน้องตังค์ที่มีคู่ผู้ชายนะคะ  อยู่ในเรื่องตามใจค่า เรื่องนี้จะมีน้องเพชรน้องเงินและน้องตังค์เข้ามาเป็ฯแขกรับเชิญเรื่อยๆค่า

ส่วนคู่พิเศษที่พันวาจับมา พี่ทอย น้องโอม  เพราะพันวาชอบความ หมอ ของทั้งคู่ อีกคนหมอหมา อีกคนหมอความ

น่าจะสลับกันเนาะ ถ้าอิพี่ทอยเป็นหมอควงามคงเข้มน่าดู


แจ้งข่าว

พันวาจะต้องเดินทางไปต่างประเทศสักพักนะคะ ไปนานพอสมควร บินหลายประเทศเลย  คงจะไม่ได้มาอัพ สักพัก

ซึ่งบอกไม่ได้ว่านานแค่ไหน แต่พันวาไม่ทิ้งนะคะ เสร็จภาระกิจเมื่อไหร่ จะรีบกลับมาอัพต่อจนจบแน่นอนค่ะ สัญญาเลย


ขอบคุณทุกท่าน ที่ตามอ่านตามเม้นท์ ตามมาให้กำลังใจพันวา  คนอ่านหน้าเก่าๆ ที่คุ้นเคยกันดี

พันวาขอบคุณอย่างสูงเลยค่าาาที่ยังติดตามและชื่นชอบงานเขียนของพันวานะคะ  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


แล้วเจอกันใหม่น๊าาาาา :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2019 10:16:21 โดย พันวา »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง่า....ทายคู่รองไม่ถูกอ่ะ

แหม่...ก็แหงหล่ะ  ทายถูกก็เก่งหล่ะ

ทั้งทอยเอย ทั้งโอมเอย  เคยมีฉากออกเหรอ?  ได้ยินแต่ชื่อ  อิอิ

ออฟไลน์ พันวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
:pig4: :pig4: :pig4:

ง่า....ทายคู่รองไม่ถูกอ่ะ

แหม่...ก็แหงหล่ะ  ทายถูกก็เก่งหล่ะ

ทั้งทอยเอย ทั้งโอมเอย  เคยมีฉากออกเหรอ?  ได้ยินแต่ชื่อ  อิอิ


55555  เป็นตัวละคร ที่เดินผ่านฉากเรื่อยๆแต่สะดุดตาผู้กำกับค่ะ 555555


ออฟไลน์ มะลิมะลิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ง่า..รีบๆกลับมานะรออยู่

ออฟไลน์ Maleewong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แวะมารอเคาะประตู ก๊อกๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

ออฟไลน์ Maleewong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ พันวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5

แผนที่ 13 พาเข้าบ้าน


อินทัช


ผมเหลือบมองน้องไม้ที่นั่งบีบมือตัวเองไปมา ไหนจะคิ้วที่ขมวดจนผมต้องยื่นมือไปจิ้มเบาๆให้คิ้วที่เริ่มจะผูกโบว์นั่นคลายออก

“เครียดทำไม ฮึ”

“เปล่าเครียดสักหน่อย”คนที่ปฏิเสธแต่มือยังไม่คลายออกจากกันทำให้ผมหัวเราะออกมาด้วยความขบขันกับอาการที่ไม่ตรงกับปาก

“แม่พี่ใจดีน่า อย่ากังวลสิครับ”คนที่ตอนแรกไม่ได้เครียดอะไรที่จะไปบ้านของผม แต่ตอนนี้กลับทำหน้ากังวลเกินเหตุ

“ก็ผมไม่เคยไปบ้านใครเลยนอกจากบ้านหนูบัว “

“ก็คิดซะว่าไปงานวันเกิดพี่อาร์ตก็พอไง อย่าคิดมากนะ ดูสิ คิ้วยุ่งหมดละ ฮ่าๆๆ”

“ขับรถไปเลยครับ มองทางๆ “

เสียงที่ทำเป็นดุไม่ได้น่ากลัวสักนิดกลับกันมันน่าเอ็นดูเสียจนผมอดที่จะยื่นมือไปบีบแก้มน้องไม่ได้ ใครบอกว่าผู้ชายจะน่าเอ็นดูไม่ได้ ก็คนตรงหน้าผมนี่ไง กิริยาท่าทางมีแต่คำว่าน่ารัก น่าเอ็นดู เต็มไปหมด

“อื้อออ อ่อยอ๋ม เอ็บอ้ะ”เสียงประท้วงไม่เป็นคำเพราะมือผมดึงแก้มนั้นจนยืด

“ฮ่าๆๆๆ ตลกดีนะเราเนี่ย อย่ากังวลไปเลย มีพี่อยู่ทั้งคนกลัวอะไร”

“นั่นสินะพี่โอ๊ตอยู่ด้วยนี่เนอะ  “น้องว่าพลางเอามือลูบแก้มตัวเองเบาๆราวกลับจะคลายความเจ็บที่ผมแกล้งบีบ

ผมฟังเสียงพูดนุ่มหูท่าทางอารมณ์ดีขึ้นของน้องไม้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก บางครั้งผมก็แค่คิดไปว่า ถ้ามีน้องไม้อยู่ด้วยกันไปแบบนี้ตลอดก็คงดี

ผมขับรถเลี้ยวเข้าเขตบ้านที่ประตูเปิดรอไว้แล้วเพราะผมโทรมาบอกแม่ว่าผมจะเข้ามาเร็วเพราะจะต้องมาช่วยแม่ทำของโปรดพี่อาร์ต

 แม้ว่าพี่ชายผมจะบอกว่าให้สั่งทางโรงแรมเอาเพราะกลัวแม่จะเหนื่อย แต่คุณแม่คนเก่งของพวกผมกลับทำหน้างอหาว่าพี่อาร์ตไม่อยากกินอาหารฝีมือแม่

นั่นเลยเป็นเหตุให้ผมต้องรับมาเร็วทั้งๆที่พึ่งจะบ่ายสามโมงเอง เพราะต้องมาช่วยแม่เตรียมของ วันเกิดเของผมกับพี่อาร์ตทีไร

แม่จะเหนื่อยเป็นพิเศษเพราะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น แม่ก็ยิ้มด้วยความสุขทุกครั้งที่อาหารที่แม่ทำขนมที่แม่ตั้งใจอบ ไม่เคยเหลือเลย

ยิ่งวันนี้ผมพาน้องไม้มาทำความรู้จักกับครอบครัวผมครั้งแรก อย่าว่าแต่น้องไม้ตื่นเต้นผมเองก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน

เพราะตั้งแต่พาพวกไอ้โอมมาแนะนำ นั่นเป็นกลุ่มเพื่อนล่าสุดที่ผมพามาบ้าน ซึ่งก็สามปีผ่านมาแล้ว

ท่าทางตื่นเต้นของน้องไม้เมื่อผมจอดรถที่โรงจอด ทำให้ผมยื่นมือไปอีกครั้ง ก่อนจะจับมือเรียวสวยนั่นมาบีบเบาๆ

“พร้อมยัง ทำหน้าเหมือนพี่พามาเปิดตัวเป็นสะใภ้ของบ้านนะเราน่ะ  หึหึ”ผมอดไม่ได้ที่จะแซวน้องจริงๆครับ

“พี่โอ๊ต อย่าพูดงั้นสิครับ “ท่าทางเหนื่อยใจของน้องไม้ยิ่งทำให้ผมหัวเราะเสียงดัง 

จะว่าไปผมแซวแบบนี้ยังน้อยกว่าน้องบัวแซวอีกครับ จะว่าไป เมื่อไหร่กันนะที่ผมเอ่ยคำว่าสะใภ้ของบ้านหรือแม้แต่คู่จิ้น แฟนกัน กับน้องไม้

ได้อย่างไม่เคอะเขินสักนิดไม่ตะขิดตะขวางใจสักหน่อย ไม่คิดอะไรมากไปกว่าคำว่า เอ็นดูเมื่อน้องทำท่าทาง งอนๆกึ่งๆละอาใจที่โดนจับคู่

ผมเดินนำน้องไม้เข้าบ้านพร้อมกับช่วยกันหิ้วของพะรุงพะรังที่นายแม่ฝากซื้อมาเพื่ม

“น้องไม้นี่แม่พี่ แม่ครับ นี่น้องไม้ครับ น้องที่มหาลัย”

น้องไม้รีบวางของก่อนจะยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มที่ผมมองว่ามันสดใสจนผมอยากจะดึงแก้มนั้นยืดอีกสักหมับ

“สวัสดีครับคุณน้า “

“ฮื่อ มาน้งมาน้าอะไรกันจ๊ะ เรียกแม่ก็ได้ค่ะ ดูสิ หน้าตาน่าเอ็นดูเสียจริง โอ๊ยลูก น่ารักมากเลยน่ารักกว่าในรูปอีก “

เสียงชื่นชมทั้งยังจับแก้มน้องไม้ทั้งสองมือบิดๆขยี้ๆเหมือนแม่จะมันเขี้ยว นอกจากไอ้โอมแล้วก็มีน้องไม้ที่แม่ชอบจับแก้มบิดๆแบบนี้
 แม่ผมแพ้ของน่ารักๆน่ะครับ

“มาเป็นลูกแม่แทนเจ้ายักษ์สองตัวนี่เลยนะลูก ดูสิ ลูกชายแม่ไม่เห็นน่ารักแบบนี้บ้างเลย”

“แม่ครับปล่อยน้องก่อนน้องเจ็บหมดแล้วครับ และอีกอย่าง ชมผู้ชายว่าน่ารักได้ไงกันแม่เนี่ย”

“หรือเราจะบอกว่าน้องไม่น่ารักเหรอเจ้าโอ๊ต ฮึ”

“อ่า.....ก็น่ารักครับ”ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่ ส่วนคนโดนชมก็เขินจนหูแดงหน้าแดงไปหมด  น่ารักจริงๆนั่นแหละ

“นั่นไง ใครเห็นก็ต้องบอกว่าน้องน่ารักทั้งนั้นแหละ  ไปนั่งรอในห้องนั่งเล่นก่อนเลยลูกไป เดี๋ยวแม่ปรุงน้ำยาขนมจีนเสร็จจะเข้าไปคุยด้วยนะ โอ๊ตพาน้องไปเลยลูก   ออยเอ๊ย มาเอาของนี่ไปใส่ตู้ไว้ก่อนไป บอกแม่บังอรมาทำตรงนี้ต่อ นะ”

เสียงสั่งงานของแม่ทำเอาผมทั้งสองคนยกยิ้มบางๆให้คนที่เป็นแม่งานวุ่นวายในครัว

“ไปนั่งห้องโน้นกันไป”ผมจับต้นแขนน้องไม้ก่อนจะดันตัวให้น้องเดินไปที่ห้องนั่งเล่น

“เอ่อ ผมอยากช่วยคุณน้า เอ่อคุณแม่น่ะครับมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”

“ไม่ได้ๆ น้องไม้เป็นแขกจะมาช่วยแม่ได้ยังไง ไปๆเลยทั้งคู่เลยเดี๋ยวแม่เอาบัวลอยไปให้ชิมก่อนนะ เห็นพี่โอ๊ตบอกว่าเป็นของโปรดน้องไม้เลยนี่นา แม่ทำเองเลยนะ น้องไม้ช่วยชิมหน่อยว่าอร่อยหรือเปล่านะคะ”

“ได้ครับ ผมว่าต้องอร่อยมากแน่ๆเลย”ท่าทางที่ยกมือลูบท้องทั้งรอยยิ้มที่ส่งไปให้แม่ผม ยิ่งทำให้ผมยิ้มตาม

 ไม่อยากให้ใครเห็นเลยรอยยิ้มแบบนี้ อยากให้ยิ้มให้ผมคนเดียว  ผมหวงน้องชายอ่ะ มีอะไรไหม ผมไม่เคยมีน้องนี่ 

แล้วพี่อาร์ตจะหวงผมแบบนี้ไหมนะ ไม่ได้ๆ วันนี้ต้องถาม

“มาเถอะ “ผมว่าพลางดึงแขนน้องให้ห่างจากประตูห้องครัวตรงเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น

นั่งลงได้ไม่นานเสียบงรถยนต์ก็ดังแว่วมา น่าจะเป็นพ่อผม เพียงอึดใจร่างสูงใหญ่ของเจ้าของบ้านก็โผล่เข้ามาที่ห้องนั่งเล่นและทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามผมและน้องไม้

“ไงไอ้ลูกหมา กลับบ้านได้ด้วย “

“โถ่ พ่อครับ วันนี้วันเกิดพี่อาร์ตนี่นา”

“อ้อ นี่ถ้าไม่ใช่วันเกิดพี่ชายไม่กลับบ้านว่างั้น  แล้วนั่นใครล่ะ”พ่อพยักพเยิดหน้ามาทางน้องไม้ที่นั่งตัวลีบอยู่ข้างๆผม

“น้องไม้ครับ เป็นรุ่นน้องที่มหาลัยครับพ่อ น้องไม้ครับนี่พ่อพี่เอง” 

“สวัสดีครับ”น้องไม้ยังมือไม้อ่อนเช่นเคย พ่อผมรับไหว้ก่อนจะพิจจารณาคนตรงหน้าที่นั่งเงียบๆเหมือนกับกลัวพ่อผม

ก็นะ พ่อผมเป็นคนหน้าดุ ไม่ค่อยยิ้มแย้มเท่าไหร่ ลักษณะจะคล้ายๆผมเวลาอยู่กับคนแปลกหน้า

“เรียบนอะไรอยู่เหรอเราน่ะ แล้วมารู้จักกับไอ้ลูกหมานี่ได้ยังไง”

“อ่า ผมเรียนอักษรครับ พอดีประกวดเดือนในงานเฟรชชี่เลยรู้จักกับพี่โอ๊ตครับ “

“อืม หน้าตาแบบนี้ได้เป็นเดือนมหาลัยแน่เลยใช่ไหม”

“โห  พ่อรู้ได้ไงครับ”ผมเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจแม้ว่าผมจะเคยเอารูปน้องไม้ให้พ่อกับแม่ดู เคยเล่าเรื่องของน้องให้พ่อกับแม่ฟัง

แต่ผมไม่ได้บอกว่าน้องไม้ได้ตำแหน่งเดือนมหาลัย

“ก็หล่อกว่าแกไงไอ้ลูกหมา ขนาดหน้าตาขี้เหล่อย่างแกยังได้เป็นเดือนมหาลัยเลย แล้วถ้าหน้าตาหล่อๆแบบนี้ไม่ต้องคิดเลย หึหึ”

พ่อผมหัวเราะเบาๆแต่คนโดนชมกลับยิ้มกว้างจนตาปิด

“เป็นคนแรกเลยครับที่ชมว่าผมหล่อ”น้องไม้ว่าทั้งยังยิ้มกว้างส่งให้พ่อผม ที่ยกยิ้มถูกใจเมื่อเห็นท่าทีผ่อนคลายความเกร็งของน้องไม้

“พ่อพูดตามความจริงที่เห็น นะ หึหึ”

“แต่พี่โอ๊ตหล่อกว่าผมนะครับ เพราะหน้าตาถอดแบบคุณพ่อมาหมดเลยครับ”

“หึหึ ขอบใจ  เป็นคำชมที่คาดไม่ถึงเลย หึหึ ตามสบายนะพ่อขอตัวก่อนเย็นๆเจอกันนะไอ้ลูกหมาดูแลน้องดีๆล่ะ”

พ่อผมยื่นมือมาตบหัวน้องไม้ปุๆก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานไป

“พ่อพี่โอ๊ตหล่อมากใจดีมากด้วยครับ”แต่คนที่ทำหน้าแดงเคลิ้ม ๆอยู่ข้างๆทำผมหน้างอเมื่อน้องเอาแต่ชมพ่อผม

“พี่ไม่หล่อเหรอครับ”

“ฮ่าๆๆ พี่โอ๊ตตลกอ่ะ โอ๋ๆอย่างอนสิครับพี่โอ๊ตของผมหล่อกว่าใครเลยครับ ฮึฮึ”

คำพูดที่น้องคงไม่จริงจัง แต่คำว่าพี่โอ๊ตของผมทำให้ผมยิ้มกว้างรู้สึกดีจนไม่อาจบังคับกล้ามเนื้อหน้าที่มันคอยแต่จะยิ้มให้น้อง

ผมว่าผมคงบ้าไปแล้วแน่ๆที่ดีใจกับคำชมแบบเด็กๆของน้อง 

 .......................

ด้านข้างของสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถูกปรับแต่งด้วยลูกโป่งและกระดาษสีอีกทั้งดวงไฟเล็กๆที่วิ่งสลับสีไปมาทำให้พื้นที่ๆเคยกว้างใหญ่

กลับแคบลงถนัดตา อีกทั้งจำนวนคนที่ที่มากกว่าทุกครั้งก็ทำให้บรรยากาศครึกครื้นกว่าที่เคย

ผมนั่งมองน้องไม้ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นขวัญใจมหาชนในเวลาแค่สั้นๆ เพราะทั้งแม่และพ่อผมไม่ปล่อยให้น้องไม้ว่างเลยคอยเข้ามาพูดคุย

และหาของกินมาให้ไม่ไห้ว่างเลยสักครั้ง ไหนจะเหล่าเพื่อนๆของผมและเพื่อนของพี่อาร์ตที่ดูเหมือนจะถูกใจน้องเป็นพิเศษไม่เว้นกระทั่ง อิงฟ้า


“น้องไม้โดนโอ๊ตแกล้งบอกพี่อิงได้เลยนะคะ ขานั้นเห็นนิ่งๆขี้แกล้งที่หนึ่งเลยนะ”

“นี่อิงจำได้ว่าหน้าแฟนอิงเหมือนกับพี่ชายเราเลยนะ “ผมอดที่จะเบ้ปากใส่เพื่อนไม่ได้

“น้องไม้เป็นคนแรกที่กูไม่รู้สึกหึงเลยสักนิด “พี่อาร์ตว่าด้วยน้ำเสียงร่าเริงทั้งยังกลั้วหัวเราะราวกับถูกใจอะไรหนักหนากับน้องไม้

“ทำไมวะ”พี่ทอยหันมาถามด้วยความสงสัย

“ก็มึงดูสิ น้องเขาสวยกว่าแฟนกูอีก มึงคิดว่ากูควรหึงคนที่สวยกว่าแฟนตัวเองเเหรอวะ”

“พี่อาร์ตครับ”เสียงน้องไม้ที่ดูเหมือนจะเหนื่อยใจกับทุกคนที่บอกว่าน้องสวยกว่าผู้หญิง ดูท่าทางน้องไม่ได้เครียดหรือเคืองอะไร

เมื่อมีคนชมว่าสวย น้องคงชิน แต่เป็นผมที่ไม่ชิน ความรู้สึกขัดใจเมื่อมีคนเข้าใกล้น้อง ขัดใจเมื่อรอยยิ้มน่ามองนั่นถูกส่งไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่ผม

“น้องอิงควรมานั่งตรงนี้ครับเดี๋ยวข้างๆน้องไม้พี่นั่งเอง”

เสียงเพื่อนพี่อาร์ตดังขึ้นพร้อมทั้งส่งสายตาให้น้องไม้ และมันทำให้ผมหงุดหงิดไม่รู้ทำไม 

“พี่ยังโสด และสดมากเลยน้องไม้  เรียนก็หนัก เวลาดูแลตัวเองไม่มี พี่อยากส่งใบสมัครคนดูแลให้น้องไม้กรอกไม่รู้ว่าสนใจคนโสดแบบพี่ไหมครับ”

รอยยิ้มกรุ้มกริ่มทั้งยังคำพูดที่สื่อเจตนาชัดเจนของเพื่อนพี่อาร์ตทำให้ผมเริ่มหงุดหงิด และยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเห็นน้องส่งยิ้มให้

ทั้งยังพูดคุยกับพี่คนนั้นอย่างไม่รู้สึกเคอะเขินอะไรแต่ก่อนที่ผมจะลุกหนีด้วยความรู้สึกหงุดหงิด

 คำตอบของน้องทำให้ผมนั่งต่อด้วยใบหน้าที่บอกได้ว่าบานยิ่งกว่าจานดาวเทียม



“ผมดูแลคนอื่นไม่ได้หรอกครับ ทุกวันนี้ผมยังให้พี่โอ๊ตดูแลอยู่เลย “น้องตอบยิ้มๆเป็นยิ้มที่ผมยิ้มตามได้ไม่ยากเลย

“อยากจะแหมมมมมม ให้ถึงดาวอังคารค่ะ”เสียงของหนูบัวเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน ผมขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ๆน้องไม้

 เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ไว้ มองผ่านๆเหมือนน้องนั่งพิงอกผมอยู่ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเอาคางวางบนไหล่น้องอ้าปากรับขนม ที่น้องยื่นมาให้

โดยไม่สนใจสายตาใครนอกจากเพื่อนพี่อาร์ตคนนั้น

“เอ่อ..กูว่า กูโสดต่อไปดีกว่า มึงว่าไหมอาร์ต “เสียงหัวเราะจากทุกคนดังขึ้นอีกครั้ง 

ผมหวงน้องชายผิดตรงไหนกันแล้วไอ้น้องชายที่ทำหน้าเหรอหราไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้มันน่าหวงมากๆนี่นา เฮ้ออออ


เวลาล่วงเลยมาพอสมควร พ่อกับแม่ไปนอนแล้วทิ้งให้หนุ่มสาว ที่ยังเฮฮาปาร์ตี้กันต่อ หลายคนลงเล่นน้ำด้วยความสนุกสนาน

 ผมยังคงนั่งขนาบข้างน้องไม้ไม่ห่าง


“ปีนี้มึงไม่เล่นน้ำ?”เสียงพี่ทอยเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะวันเกิดทุกปีไม่ว่าจะวันเกิดผมหรือวันเกิดพี่อาร์ต

พวกผมไม่เคยพลาดการเล่นน้ำพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอดคืน แต่ปีนี้ผมไม่ได้นึกอยากลงไปเล่นเท่ากับการนึกอยากนั่งอยู่ข้างๆน้องไม้แบบนี้



“ไม่ดีกว่าพี่ ปล่อยไอ้โอมมันสนุกไป”ผมว่าพลางหรี่ตามองเพื่อนพี่ชาย ด้วยความรู้สึกที่คิดว่าพี่ทอยจ้องมองไอ้โอมมากเป็นพิเศษ

สายตาแปลกๆที่ไล่ตามเพื่อนของผมทั้งยังการกระทำที่คอยดูแลไอ้เพื่อนตัวเล็กของพวกผมไม่ห่างตั้งแต่หัวค่ำจนถึงตอนนี้ทำให้ผมอดที่จะถามไม่ได้

“พี่ทอย จีบเพื่อนผมเหรอ “ 

“หึหึ ถามเพื่อนโอ๊ตดูสิ “พี่มันไม่ตอบแต่ก็ยังหันไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ไปรับเอาไอ้โอมที่เดินขึ้นจากสระ อุ้มได้พี่ทอยคงอุ้มไปแล้ว
 
“พี่ทอยใจดีนะครับดูแลพี่โอมดีมากเลย พี่โอมก็น่ารัก”คำว่าพี่โอมน่ารักทั้งสายตาเอ็นดูเจ้าเพื่อนตัวเล็กของผมทำให้ผมเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้

ถ้าไอ้เตี้ยโอมน่ารักผมคงรักมันนานแล้วครับ ทุกคนถูกภาพลักษณ์ภายนอกหลอกตา นั่นมันหมาป่าในคราบคอร์กี้ชัดๆ

“พี่โอ๊ตก็น่ารักครับ หึหึ”แค่นั้นผมก็ยิ้มกว้างเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ อา ผมว่าแบบนี้มันต้องแย่แน่ๆเลย

“เดี๋ยวผมไปช่วยพี่อิงเก็บจานตรงนั้นดีกว่า”น้องว่าพลางลุกเดินออกไปช่วยอิงที่กำลังเก็บจานบนเต๊ะเข้าไปไว้ในครัว

แม้ว่าจะมีแม่บ้านแต่อิงฟ้าก็ทำแบบนี้ทุกปี เพื่อนผมบอกว่าอะไรที่เราทำได้ก็ทำไปไม่เสียหายอะไร

พรุ่งนี้แม่บ้านเขาจะได้ล้างเลยไม่ต้องมาเสียเวลาเก็บ ซึ่งแม่บ้านของผมถูกแม่สั่งให้ไปนอนตั้งแต่ สี่ทุ่มแล้วครับ

ที่เหลือคงมีแต่พวกผมที่ยังปาร์ตี้กันสนุกต่อ แต่ไม่ได้เสียงดังอะไรมากมายแค่มีเครื่องดื่มและอาหารพร้อมไว้แล้วที่เหลือก็ดูแลตัวเองกันได้ครับ

ผมมองตามน้องไม้ที่เข้าไปช่วยอิงฟ้าเก็บจานพร้อมๆกับน้องบัวและไอ้ปีย์ที่ทำตัวติดกับนางฟ้าของมันไม่ห่าง

“ไงเราคนนี้ตัวจริงเหรอ”เสียงเพื่อนพี่โอ๊ตคนที่เอ่ยปากจีบน้องไม้ดังขึ้นใกล้ๆทำให้ผมหันหน้าไปมองพี่มันพร้อมทั้งขมวดคิ้วสงสัยในคำถาม

“อ้าวๆ สายตาแบบนี้อย่าบอกนะว่าไม่รู้  เฮ้ออ ทำไมพี่เจอแต่พวกที่ไม่ประสากับความรักทั้งๆที่เป็นหนุ่มฮ็อตกันขนาดนี้นะ”

“พี่ไอหมายถึงยังไงครับผมไม่เข้าใจ”

“เฮ้ออ พี่จะบอกอะไรให้นะ ในฐานะที่พี่มองเห็นโอ๊ตเหมือนน้องชายคนนึง ไอ้ท่าทางที่เรากันน้องไม้ออกจากพี่และเพื่อนๆน่ะ มันบอกได้อย่างเดียวว่าโอ๊ตหวงน้องไม้มากเลยนะ”


“ก็ใช่ครับผมหวงน้องมันผิดตรงไหน”ผมถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ ก็น้องชายผมๆก็ต้องหวงสิแปลกตรงไหนกัน

“หวงแบบไหนล่ะ อย่าบอกพี่ว่าหวงน้องชายนะ มันไม่ใช่ว่ะ หึหึ พี่ไปล่ะ คิ ดดูให้ดีนะโอ๊ต เพราะถ้าโอ๊ตช้า พี่จะจีบน้องไม้ล่ะนะ และคงไม่มีแค่พี่หรอก เพราะขนาดพี่พึ่งเจอน้องไม้วันแรกพี่ยังเห็นความน่ารักเต็มไปหมดเลย แล้วเพื่อนๆน้องไม้ที่มหาลัยคงไม่พลาดเหมือนพี่นะ หึหึ”


“พี่ไอเป็นเกย์เหรอครับ”ผมถามกลับอีกครั้ง ก็ผมเคยเห็นพี่มันควงสาวแทบจะไม่ซ้ำหน้าไม่ต่างจากพี่อาร์ตในอดีตเท่าไหร่อยู่ดีๆบอกสนใจจะจีบผู้ชายมันไม่แปลกไปหน่อยหรือไง

“อืม...เกย์เหรอพี่ไม่เคยคิดเลยนะ จนเจอน้องไม้เนี่ยแหละ ทำให้พี่รู้สึกว่าผู้ชายก็น่ารักได้ ผู้ชายสวยๆก็น่าสนใจดีไม่หยอก”

“ไม่ได้ครับคนนี้ไม่ได้!!”ผมรีบท้วงออกไปด้วยความลืมตัว

“ทำไมล่ะ... ถามตัวเองให้ชัดเจนไม่งั้นเจอน้องไม้คราวหน้าพี่จะรุกล่ะนะ หึหึ “


พี่ไอเดินออกไปสมทบกับพวกพี่อาร์ตแล้วแต่ผมยังคงนั่งคิดถึงคำพูดของพี่มันอยู่เงียบๆ

ใช้สายตาไล่ตามน้องไม้ไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่กันนะที่ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นกับผม เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดกับใคร

หวง หรือหึง อา...ผมรู้สึกสะดุดลมหายใจตัวเองเพราะอัตราการเต้นของหัวใจผิดจังหวะไปทันทีที่ตามความรู้สึกของตัวเองทัน

 แย่แล้วไอ้โอ๊ต แบบนี้ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความแล้ว แต่ก่อนจะคิดอไรไปมากกว่านั้นความคิดพลันสะดุดเมื่อเห็นไอ้ต่ายเดินเข้าไปยืนซ้อนหลังน้องไม้เพื่อช่วยหยิบเอาลูกโป่ง

ที่ผูกติดกับต้นไม้ริมสระให้ รอยยิ้มที่น้องส่งให้ไอ้ต่ายทำให้ผมหงุดหงิดจนต้องลุกขึ้นและเดินรี่เข้าไปหาน้องแทบจะทันที

 เออ ยอมรับก็ได้ ชอบน้องอ่ะ แล้วไง ก็ชอบอ่ะก็หวงอ่ะ หงุดหงิดโว้ยยยยจะยืนใกล้เกินไปไหมวะ


“อ๊ะ พี่โอ๊ต เป็นอะไรหน้าตึงเชียวครับ”น้องมันหันมาถามทันที่ที่เห็นผมเดินเข้าไปหา

“ขอบคุณนะครับพี่ต่าย”


“เออๆ ว่าแต่จะเอาไปทำไมลูกโป่งเนี่ยน่ะฮึ”

ไอ้กระต่ายร่างควายยื่นมือไปวางแหมะลงบนหัวทุยๆของน้องไม้ทั้งยังลูบไปมาเบาๆภาพนั้นยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดกว่าเดิม


“เอาไปให้หนูบัวครับเมื่อกี๊ตอนเดินเข้าไปที่ครัวบัวบอกอยากได้แต่ไม่กล้าบอกพี่ปีย์เห็นติดสายอยู่ครับผมเลยเดินมาเอาไปให้ แต่มัดไว้ซะสูงเชียว แหะๆ”


“โอ๊ะ โอ พี่ว่าพี่ควรไปเล่นน้ำกับพวกไอ้นายว่ะ ฮ่าๆๆๆ “มันหันมามองผมพลางส่งสายตาล้อเลียนมาให้แล้วผละออกไป


“ไปอาบน้ำดีไหมเราน่ะ วันนี้นอนที่นี่แหละดึกแล้ว “

ผมไม่ตอบอะไรกับไอ้กระต่ายควายแต่หันมาบอกน้องไม้ให้ไปอาบน้ำเพราะนี่ก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว เห็นแอบปิดปากหาวไปก็หลายครั้งละ

“แต่พี่ๆยังสนุกกันอยู่เลยนะครับผมไปนอนก่อนจะดีเหรอครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกพวกพี่อาร์ตก็แบบนี้ทุกปี ไม่สว่างคงไม่นอนกันหรอกนะ “

พี่อาร์ตกำลังเดินไปส่งอิงฟ้าที่บ้านส่วนไอ้ปีย์ก็กำลังไปส่งน้องบัว เพื่อนๆพี่อาร์ตกับกลุ่มเพื่อนของผมยังคงสนุกกับเครื่องดื่มและสระน้ำกันอยู่


น้องไม้ช่วยเก็บจานบางส่วนที่อิงฟ้าเก็บไปไม่หมดเอาไปไว้ในครัวให้  รอยยิ้มการวางตัวแม้แต่การรู้จักพูดคุยของน้องทำให้เข้ากับกลุ่มเพื่อนผมและเพื่อนพี่อาร์ตได้ไม่ยากเลย

 ท่าทางที่เป็นธรรมชาติ และรอยยิ้มจริงใจ แถมยังใจดีอาสาช่วยเหลือไปซะทุกอย่างที่น้องทำได้ นี่ถ้าน้องไม้ทำอาหารเป็นวันนี้ผมว่าพี่อาร์ตคงได้พ่อครัวเพิ่ม


“อ่ะนี่แปรงสีฟันแล้วก็ผ้าเช็ดตัวแม่คงเตรียมไว้ในห้องน้ำแล้ว ถ้าง่วงก็นอนก่อนเลย เดี๋ยวพี่ลงไปดูพี่อาร์ตกับเพื่อนๆก่อนเดี๋ยวจะมานอนด้วย”

“ครับๆพี่โอ๊ตอยู่กับพี่อาร์ตเลยได้นะครับ วันนี้วันสำคัญของพี่ชายนี่นา ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ขอบคุณมากนะครับที่พามาวันนี้ ผมดีใจมากๆเลยครอบครัวของพี่โอ๊ตก็ใจดีกับผมมากๆ”


รอยยิ้มจริงใจของน้องทำให้ผมรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ การที่เราเห็นใครคนหนึ่งมีความสุขเพราะเราเป็นคนทำให้ผมว่ามันดีมากๆเลย

ดีจนผมเดินเข้าไปกอดน้องเอาไว้ ส่งผ่านความรู้สึกดีๆไปทางอ้อมกอดของผม โอยยยไม่อยากปล่อยเลย


“อื้อ อะไรเนี่ยพี่ นี่ถ้ากอดตอนที่ยัยตัวแสบอยู่นะคงโดนถ่ายรูปลงเพจอีกแน่ๆเลย”

เสียงประท้วงไม่จริงจังนักของน้องไม้ยิ่งทำให้ผมได้ใจกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ผมว่าผมติดกอดน้องซะแล้วล่ะ

 แต่ก่อนกอดแบบไม่คิดอะไรแต่ตอนนี้ โอยยใจผม จะเต้นแรงไปไหนวะ T___T


“ดีสิลงเลยๆ พี่ชอบ  หึหึ”

“แปลกคนจริง ลงไปได้แล้วครับ ผมจะไปอาบน้ำ”

“โอเคๆ พี่ไปล่ะ ฝันดีนะครับ”

“ครับผม”รู้สึกว่าตัวผมอ้อยอิ่งไม่อยากออกจากห้อง เฮ้อ.....ผมเดินลงมาชั้นล่างก่อนจะเข้าไปหยิบวิสกี้ของพ่อที่ยกออกมาไว้ให้

อันที่จริงพ่อไม่สนับสนุนให้ไปเมานอกบ้านมากนัก แต่ถ้ามีวันพิเศษแบบนี้ รอบดึกๆ พ่อมักจะแอบแม่เอาออกมาวางไว้ให้

“กินตอนดึกๆเมาแล้วก็นอน ถ้าเมาแต่หัวค่ำ มันจะไม่ดีเท่าไหร่ หนึ่งเมานานเกินเปลือง สอง แม่แกบ่น”

นั่นเป็นความคิดเห็นของพ่อที่มักจะสปอยด์ลูกๆในทางมึนเมา วันนี้ก็เช่นกัน สาวๆกลับแล้ว น้องไม้ขึ้นห้องแล้ว

คงเหลือแค่พี่อาร์ตและเพื่อนสนิทของพี่มันอย่างพี่ทอยพี่ไอ พี่กันต์ และเพื่อนผม ไอ้ต่ายไอ้นายไอ้ปีย์ ไอ้โอม
 
“ไงส่งเด็กเข้านอนแล้วสิ”เสียงแซวจากพี่ทอยส่งมาก่อนพร้อมกับสายตาวิบวับของพี่ๆเพื่อนๆที่ส่งตามมาทำให้ผมส่ายหัวให้อย่างระอา

ในความขี้แซวและขี้เสือกอย่างไอ้โอมนี่ด้วย

ผมนั่งลงข้างๆไอ้โอมก่อนจะเอื้อมมือไปโอบไหล่มันไว้ก่อนจะลากเอาตัวมันมากอดไว้หลวมๆพร้อมทั้งส่งยิ้มเบาๆไปให้พี่ทอยอย่างผู้ชนะ

“ทำไรของมึงเนี่ยกูร้อน”

“เปล่าแค่อยากดูรีแอ้คของใครบางคน หึหึ “แน่นอนว่าสายตาวาววับของพี่ทอยที่ส่งมาทำให้ผมแอบหัวเราะในใจ

 จะชัดเจนไปไหนพี่ บรรยากาศงานวันเกิดพี่อาร์ตไม่ได้แตกต่างจากปีที่แล้วเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกของผมกลับต่างโดยสิ้นเชิง

 ปีที่แล้วเวลาแบบนี้พวกผมคงเล่นเกมส์แข่งกันเมากับฝั่งพี่อาร์ตและเพื่อนๆ เฮฮาเมาปลิ้นกันได้เต็มที่ เช้าๆค่อยให้แม่มาเก็บซากกัน


แต่ปีนี้ใจผมกลับมัวแต่ล่องลอยไปหาคนที่อยู่บนห้องนอนของผม แต่ถึงอย่างนั้นพวกผมก็ยังสนุกกับ วิสกี้ขวดใหญ่ของพ่อ

 เพื่อนๆพี่อาร์ตที่เริ่มจะครองสติไม่ไหวก็เมาพับหลับไปที่ละคน  ห้องรับแขกริมสระน้ำ เปลี่ยนเป็นห้องนอนของเพื่อนพี่อาร์ตและเพื่อนผม

ทุกปีผมกับพี่อาร์ตก็จะนอนกองกันรวมกับเพื่อนๆตรงนี้ที่ห้องนี้ แต่ปีนี้ผมคงต้องแอบกลับขึ้นห้องนอนของผมป่านนี้เจ้าคนน่ารักนั่นหลับไปหรือยังนะ 

ผมนั่งจิบไปเรื่อยพลางปล่อยให้ความคิดล่องลอยไป หากน้องรู้ว่าผมคิดไม่ซื่อน้องจะเป็นยังไงนะ

คิดถึงตรงนี้ผมก็เครียด น้องเจอเรื่องราวแย่ๆมา ผมจะเห็นแก่ตัวไม่ได้  คงต้องรอไปก่อนสินะ แต่ในระหว่างรอ ผมจะต้องทำให้น้องมันขาดผมไม่ได้เลย

ผมจะทำให้น้องเคยชินกับการมีผม และต้องผมคนเดียวเท่านั้น หึหึ

ผมยิ้มให้กับความคิดของตัวเองก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนตรงไปยังห้องที่มีเจ้าคนน่ารักอยู่ในนั้น

ความรู้สึกของผมที่มีให้น้องผมจะรอจนกว่าจะแน่ใจว่าน้องขาดผมไม่ได้แล้วค่อยบอกออกไป   ผมรอได้เชื่อสิ


 ตอนนี้คงต้องเนียนจีบไปก่อนสินะ หึหึ
.
.
.
.
TBC.....



หั่นโล้ววววววววววว สบายดีไหมค๊าาาา คิดถึงคนอ่านผู้น่ารักทุกคนเล้ยย

ตอนนี้พันวากลับมาแว้ววววว อาจจะยังไม่ว่าเต็มร้อย แต่ก็มาอัพได้นะเอออ 

ขออภัยที่หายไปนาน ยังมีใครรออยู่บ้างไหมน้อ

ตอไปคงได้มาอัพบ้างแล้วค่า แต่ไม่ถี่เท่าไหร่น๊าแหะๆ ยังมีโปรเจคใหญ่ที่ต้องทำอยุ่แต่จะหาเวลามาปั่นๆๆๆแน่ค่ะ :katai4: :katai4: :katai4:



ขอบคุณที่ยังรออยุ่นะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2019 22:23:12 โดย พันวา »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

welcome back

กลับมาแล้วหลังจากหายไปนานมาก

กลับมาพร้อมเสริฟความฟิน  อิอิ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ยินดีต้อนรับการกลับมานะคะ คิดถึงมากเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด