✿ Wonder Lover อลวลวุ่นรัก...กลับชาติมาเกิด ✿ [ภาค1+2] 14/09/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿ Wonder Lover อลวลวุ่นรัก...กลับชาติมาเกิด ✿ [ภาค1+2] 14/09/59  (อ่าน 246011 ครั้ง)

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ตอนนี้หมอทศน่ารักแฮะ :katai3:

ออฟไลน์ เซยูเนียส

  • เป็ดขึ้นคาน
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
พ่อทศน่ารักจริงๆ ><

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
ทวงครั้งที่ 7 รู้สึกผิด


   วสินอุ้มร่างผอมบางวางลงบนเตียงสี่เสาหลังใหญ่ ใบหน้าขาวซีดดูซีดกว่าทุกทีที่เคยทำให้ต้องยกมือขึ้นไปแตะบนหน้า
ผากชื้นเหงื่อ

   พบว่าอุณหภูมิของผิวกายอีกฝ่ายสูงจนผดสังเกต

   ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดลงบนผิวกาย ลากผ่านผิวหนังเอาสิ่งสกปรกออกจากพื้นผิวนั้น

   ทว่าแม้กายสะอาดแต่ก็ยังคงหลงเหลือบาดแผลและรอยช้ำปรากฏอยู่ทั่วร่าง

   “จะ เจ็บ”

   เสียงครางเครือดังแผ่วเบาคล้ายกับละเมอทำให้ยักษาชะงักมือ ดวงตาคมนิ่งชะงักมองใบหน้าซีดด้วยความรู้สึกผิด

   เขาทำอะไรลงไป…

   มือใหญ่จัดผ้าห่มขึ้นคลุมกายของวาลีเอาไว้ก่อนจะเดินออกมาด้วยความละอายใจที่ยังคงกัดกินหัวใจ

   

   ทันทีที่ประตูปิดลง คนที่คิดว่าหลับไปแล้วลืมตาขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด

   ทั้งที่โหดร้ายกับเขาขนาดนั้น แต่ทำไมจู่ๆถึงได้…ทำราวกับว่าเป็นคนละคน

   ทำไมถึงต้องเช็ดตัวและใส่เสื้อผ้าให้ทั้งที่น่าจะทิ้งเขาให้นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นเย็นๆนั่น

   วาลีหยัดกายลุกขึ้นมา ขาผอมบางแทบไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลือที่จะทรงตัว ได้แต่เอายันเข้ากับพนังห้องพยุงตัวเอาไว้ไม่ให้
ล้มลง

   

   วสินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งพร้อมกับชามข้าวต้มควันกรุ่นกับแก้วบรรจุน้ำสีน้ำเงินเข้มดูแปลกตาแต่ก็พบกับความว่าง
เปล่า ใจที่เคยนิ่งเฉยตอนนี้กลับวูบไหว

   สายตาคู่สวยสอดส่ายมองหาร่างขาวซีดทั่วชั้นบนของตัวบ้านแต่ก็ไม่พบ จึงได้เดินลงมายันชั้นล่าง

   ห้องแล้วห้องเล่าแม้แต่ห้องหนังสือที่เจ้าตัวชอบไปคลุกอยู่เวลาว่างก็ไม่มี

   ดวงตาคมนิ่งหรี่ตามองไปยังชายหาดด้านหน้าของตัวเกาะ มองเห็นกลุ่มผมสีดำอยู่ลิบตา

   ร่างกายซีดเซียวฟุบลงบนพื้นทรายสีขาวอย่างหมดแรง ไม่มีอะไรตกถึงท้องของเขามาตั้งแต่เย็นวาน จนตอนนี้เวลาเกือบ
จะเช้าช่วงเย็นของอีกวันแล้ว

   วาลีพยายามยันตัวขึ้นลุก ทั้งแขนและขาไร้เรี่ยวแรงจนสั่นไปหมด ริมฝีปากบางถูกขบกัดจนแดงช้ำ

   อะไรอะไรก็ไม่ได้ดั่งสักอย่าง ร่างกายมันไม่ฟังเขาเลย ทั้งที่อยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ร้องไม่ออก

   น้ำตามันเหือดหายไปนานแล้ว

   เพราะว่าไม่เคยร้องไห้ให้กับอะไรตั้งแต่จำความได้…

   

   “เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่”เสียงทุ้มดูนุ่มนวลถามไถ่อย่างห่วงใย

   ทว่าวาลีกลับสะดุ้งเมื่อเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงเดียวกับเสียงคำรามอย่างดุดันอยู่ข้างหู

   “ยะ อย่ามาแตะนะ”มือที่หมายมั่นจะแตะต้อด้วยความเป็นห่วงถูกปัดออกด้วยความโกรธเคือง

   “เข้าบ้านเถอะ แดดข้างนอกจะทำให้เจ้าป่วยไปมากกว่านี้”

   “นั่นมันเรื่องของผม เมื่อไรคุณจะปล่อยผมออกไปจากที่นี่สักที”

   วาลีถามเสียงพร่า มือทั้งสองข้างพยายามผลักดันร่างสูงใหญ่ของวสินออกห่าง ทว่าร่างก็ถูกอุ้มขึ้นมาโดยไม่สนคำปฏิเสธ

   



   “เนื้อตัวเจ้ามอมแมมอีกแล้ว”

   “ก็ยังดีกว่าสกปรกเพราะคุณแล้วกัน”ประชดประชันทั้งที่เบือนหน้าหนี

   “ข้าจะเช็ดตัวให้เจ้าใหม่ก็แล้วกัน”

   วสินทำเหมือนไม่ได้ยินคำต่อว่า กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช่นเดิม

   “อย่า แตะต้อง ตัวผม”วาลีเน้นย้ำ แต่ก็ไม่อาจขืนแรงของยักษ์ได้

   ผิวกายสีซีดเผยสู่สายตาของยักษาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาต้องข่มอารมณ์ความรู้สึกของตนเองไม่ให้ทำร้ายกายนี้อีกหน

   วาลีเบือนหน้าหนีทั้งที่ร่างกายกำลังสั่นเมื่อผ้าชุบน้ำเย็นๆนั้นไล้ไปทั่วร่าง

   ชุดนอนตัวใหม่ถูกสวมใส่ให้อีกครั้ง แต่วาลีก็ยังคงไม่มองเขาเช่นเดิม

   “เจ้าควรกินอาหารและยา”

   “  ”

   “หากเจ้าไม่กินมัน เจ้าจะไม่มีแรง”

   “ก็ได้ แต่น้ำที่คุณบังคับให้ผมกินทุกวันผมจะไม่ยอมกินมันอีกต่อไป”

   น้ำสีประหลาดในแก้วถูกเทราดลงบนพื้นด้วยมือของคนป่วย

   “เจ้าจำเป็นต้องกินมัน เรื่องนี้ข้าคงยอมเจ้าไม่ได้”

   “งั้นคุณก็บังคับผมสิ ให้เหมือนกับที่คุณบังคับผมเมื่อคืน เอาไหมล่ะ”

   “เจ้ามิใช่เด็กอ่อนเดียงสา วาลี”

   “คุณก็ไม่ใช่ยักษ์ที่มีจิตใจเหมือนกัน”

   “ยานั่นจะทำให้เจ้าดีขึ้น”

   “คุณบอกเองว่าผมไม่ใช่เด็ก การที่ไม่เชื่อคุณมันก็ไม่แปลกอะไรนี่”วาลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งจ้องมองวสินเขม็งอย่างไม่
ลดละ

   ยักษ์สูงวัยได้แต่ถอดถอนหายใจ หากบังคับไปก็คงจะมีแต่ดื้อรั้นไปมากกว่าเก่า คงจะต้องหาวิธีอื่นเอา



==============================================================



   ผ่านมาหลายวันแล้ว อาการที่น่าจะดีขึ้นกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนิด

   เรี่ยวแรงที่น่าจะกลับคืนมากลับไม่มีอะไรแปลกไปจากเดิม

   ร่างกายผมใช้เวลาส่วนมากนอนหลับอยู่บนเตียง นานครั้งถึงจะลุกออกไปจากเตียงเพื่อไปอ่านหนังสือในห้องหนังสือชั้น
ล่าง

   แม้จะเดินสวนกันอยู่บ่อยครั้งแต่วาลีกลับไม่แม้แต่จะปรายตามองอีกฝ่าย

   วสินเองก็คอยตามอีกฝ่ายอยู่ไม่คลาดสายตา ทั้งอาหารและความเป็นอยู่กลับคอยดูอย่างใกล้ชิดต่างจากทุกที่ที่มักจะออก
ไปถือศีล

   หลายวันแล้วที่วาลีไม่เปิดปากคุยกับเขาสักคำ ยักษ์สูงวัยได้แต่มองตามอีกฝ่ายด้วยสายตาที่นิ่งเฉย

   อยากจะดึงร่างนั้นเข้ามากอดเพราะความรู้สึกผิดที่เอ่อลุ้นอยู่ในจิตใจที่เคยนิ่งเฉย

   “ข้าอยากให้เจ้ากินกลับมากินยา”จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว เมื่อร่างกายของวาลีกลับไปแย่เหมือนครั้งแรกที่มาที่บ้านหลังนี้

   วาลียังคงนิ่งเงียบ ยกชามข้าวต้มที่ยังกินไม่หมดเดินหนี แล้วเทมันลงใส่ถังขยะ ก่อนจะล้าง


   แล้วเดินขึ้นไปยังชั้นบน

   เป็นอย่างนี้อยู่วันแล้ววันเล่า



   “เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่รึ”ประตูห้องนอนเปิดออกอย่างเบามือพร้อมกับคำถามที่ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน

   เช่นเดิมที่วาลียังคงไม่ตอบโต้ ไม่แม้แต่จะปรายตามอง กลับก้มลงอ่านหนังสือไม่สนใจแขกไม่ได้รับเชิญ

   

   “ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นเช่นนี้นะวาลี ข้าทำผิดต่อเจ้า”

   ดวงตาที่นิ่งเฉยเมื่อได้ยินประโยคนี้กลับเริ่มสั่นระริก พยายามจะไม่นึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในคืนนั้น

   “อย่างน้อยเจ้าก็ควรกลับมากินยานั่นดังเดิม”

   วสินพูดเสียงเบา จ้องมองร่างผอมบางนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาจดจ้องแต่หนังสือที่อยู่ในมือ

   “เจ้าอยู่ที่นี่ ไม่มีเพื่อนคุย คงจะเหงาอยู่มาก”

   คำพูดที่เหมือนจะแทงใจทำให้วาลีเริ่มปรายตามองอีกฝ่ายด้วยหางตา

   แต่ก็หลุบตาลงอ่านหนังสือในมืออีกครั้ง

   “ข้าอยากให้เจ้ากลับมาเป็นวาลีคนเดิม อย่างน้อยเจ้าก็ยังโต้ตอบข้าอยู่บ้าง”

   เมื่อไม่มีเสียงใดใดตอบรับวสินลุกขึ้นจากเตียง เดินออกมาจากห้องนอนนั้น

   เมื่อประตูปิดลงอย่างเบามือ วาลีหันไปจ้องมองประตู

   น้ำเสียงนุ่มหูนั่นทำให้หัวใจที่พยายามจะด้านชานั้นสั่นคลอน

   ความโกรธของเขามันกลายเป็นความเฉยเมยมานานแล้ว มีเพียงกำแพงสูงที่สร้างจากทิฐิเท่านั้นที่ขวางอยู่

   แต่แล้วประตูห้องก็เปิดแง้มออกมาอีกครั้ง แต่กลับไม่มีร่างของยักษ์เจ้าบ้านเข้ามา

   มันเปิดแง้มออกเพียงเล็กน้อย

   แต่แล้วเสียงแหลมเล็กก็ดังขึ้นเรียกให้มองด้วยความแปลกใจ

   โฮ่ง!! โฮ่ง!!

   เจ้าสัตว์ขนปุยสำขาวแลบลิ้นจนน้ำลายหยดลงบนพื้นวิ่งเข้ามาภายในห้อง กระโดดไปมาทั่วห้องนอนของเขา

   “หวังว่าเจ้าคงจะชอบมัน”เสียงทุ้มดังลอดผ่านเข้ามา แต่ไม่เห็นเจ้าของเสียง ไม่นานประตูก็ปิดลง

   เจ้าตัวเล็กสี่ขาวิ่งกระโดดไปทั่วห้อง แล้วหยุดตะกายอยู่ที่ขอบเตียง คล้ายกับจะเรียกให้ลงไปเล่นด้วย

   รอยยิ้มที่เหือดหายไปนับหลายปี จู่ๆกลับปรากอยู่บนใบหน้าอีกครั้ง

   ไม่รู้ตัวเลยสักนิด ได้แต่ยันตัวขึ้นมาด้วยความแปลกใจแล้วอุ้มเจ้าสี่ขาตัวเล็กขึ้นมายืนบนตัก

   “มะ หมา ใช่ไหม”

   ถามตัวเองคล้ายกับไม่แน่ใจ เพราะตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้สัตว์มีขนเลย

   เพราะกลัวว่าจะแพ้กับเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในตัวของมัน

   โฮ่ง!!

   เหมือนเจ้าตัวจะตอบรับคำถามด้วยเสียงเห่า ส่ายหางดุ๊กดิ๊ก แลบลิ้นเลียหน้าของเขา

   “อย่าเลียสิ”

   ถึงอย่าสั่งอย่างนั้น แต่เจ้าหมาก็ยังคงระริกระรี้ จะเลียให้ได้

   ดวงตาสีโศกสะดุดตาเข้ากับแผ่นกระดาษที่ติดมากับปลอกคอ



   ‘ให้อภัยข้าได้หรือไม่’

   

   นี่คือการง้อของยักษ์อย่างนั้นหรือ…

   ไม่รู้ว่ามันดูตลกหรืออะไรกัน ที่จู่ๆยักษ์ไร้ความรู้สึกอย่างวสินจะทำเรื่องแบบนี้

   วาลียิ้มออกมาที่มุมปาก ยกมือลูบหัวเจ้าสุนัขไปมา

   นี่เขาควรจะให้อภัยยักษ์ใจร้ายนั่นดีไหมนะ





============================================================

ใครอยากให้วารีท้องอะ อิชั้นเกรงว่าจะเจี๊ยวจ๊าวฟ้าวเฟี้ยวจนบรรดาแม่ๆปวดเฮดไปตามๆกัน รึเปล่า





ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ว้ายยยย มาอัพไวมากกกกก

จริงๆที่วาลีมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะยานั้นใช่หรือไม่?

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
กรี๊ดดด ทำไมนะอยากอ่านต่ออ่ะ ให้อภัยวสินเถ๊อะ เขาอุตส่าห์ง้อนะ
ปล.ท้องเลยค่ะ เจี๊ยวจ๊าวสิดี ชอบบบบ ออกจะครึกครื้น
ปปล.มาอัพอีกไวๆได้ไหม อยากอ่านต่อออ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
สั่นจังเลยไม่สะใจเลย

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
มันจะเจี้ยวจ๊าวก็ปล่อยไปเถอะจ๊ะ  อยากเห็นลูกครึ่งยักษ์อีกซักคน  :hao7:

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
กรี๊ดดด ทำไมนะอยากอ่านต่ออ่ะ ให้อภัยวสินเถ๊อะ เขาอุตส่าห์ง้อนะ
ปล.ท้องเลยค่ะ เจี๊ยวจ๊าวสิดี ชอบบบบ ออกจะครึกครื้น
ปปล.มาอัพอีกไวๆได้ไหม อยากอ่านต่อออ
อร๊ายยยยยยย
คิดว่ามาน่อไวแล้วนะเนี่ยยยยยย

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
อาวสินนี้น่ารักจังน้าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ noksamsee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เพิ่มเคะมาอีกคนก่อน่ารักดี

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
โหดในคืนจันทร์เต็มดวงแต่เวลาที่เหลือก็ดูแลดีออกนะ เห็นไหมมีเอาหมามาง้ออีกตะหาก

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
7.2 เจี๊ยวจ๊าว


   “เย้ ถึงแล้ววววววววพ่อธารา”สินสมุทรขี่คอพี่ธารายกมือชูไปมาท่าทางดีใจ

   “แม่มณี อุ้มๆ”สุดธารากระโดดชูมือจะให้ผมอุ้มลงจากเรือที่มาเทียบท่าเรือหน้าเกาะ

   “พ่อทศอุ้มหน่อย”อลันกระตุกมือให้คุณหมอทศอุ้ม

   “พ่อวรรณ”มีนาเรียกพ่อเสียงเบาเงยหน้ามองพ่อตาปริบๆ

   เด็กๆดูตื่นเต้นที่จะพามาเที่ยวเกาะ

   พูดง่ายๆก็คือพวกเราต่างก็ลงความเห็นกันว่าจะพาพี่ธารามาที่เกาะนี้เผื่อจะจำอะไรได้จากสถานที่ที่คุ้นเคยได้บ้าง

   ถือเป็นการพาเด็กๆมาพักร้อนด้วย และก็พาพี่อเลนกับอลันมาเที่ยว

   “เดี๋ยวข้ากับพี่วรรณพาสุวรรณสินธุ์ไปหาพ่อแม่ ของข้า”สุวรรณสินธุ์บอกพร้อมกับยิ้มบางมาให้

   “อื้อ”ผมพยักหน้ารับ

   คงจะพากันไปด้านล่างของตัวเกาะ พี่วรรณคงจะลำบากไม่ใช่เล่น ไม่รู้ว่าไปถึงข้างล่างได้ยังไง

   “นี่น่ะเหรอบ้านของฉัน”พี่ธาราอุ้มสุดธาราเอาไว้ ด้านบนก็มีสินสมุทรขี่คอ

   “อืม ที่นี่ล่ะ”

   “เกินกว่าที่จินตนาการไปหน่อย”

   “พ่อธารา ไปเล่นน้ำ”

   “ไปเล่นน้ำกันนะฮับ”

   เจ้าสองแสบพอมาถึงก็ตื่นเต้นร้องจะเล่นน้ำกันยกใหญ่

   “เอาของไปเก็บก่อนครับ ค่อยลงมาเล่นน้ำ

   “เย้ เล่นน้ำกัน”

   “แล้วมีนาไปไหนฮะ”

   “มีนาไปหาคุณปู่กับคุณย่า”

   “อยากไปด้วยจัง”

   “ไปไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวตอนเย็นบ่ายมีนาก็กลับมาแล้วครับ เดี๋ยวก็ได้เล่นด้วยกัน”ผมบอกเจ้าสองแสบขณะที่พวกเรา
กำลังเดินจากท่าเรือไปยังตัวบ้าน

   “มากันแล้วรึ”

   เหมือนเดิมที่คุณอาวสินออกมาต้องรับพวกเรา พูดคุยกับพี่ธาราที่ยังคงจำอะไรไม่ได้เลย

   ส่วนพี่อเลนก็ดูเหมือนว่าจะเถียงอะไรอยู่กับคุณหมอทศ อลันก็เอาแต่วิ่งเล่นกับเจ้าสองแสบ หรือวิ่งเล่นหรือหนีผมเองก็ยัง
ไม่รู้ได้แต่มองตามอยู่ไกล   ๆ

   สายตาก็เหลือบไปเห็นใครอีกคนที่ยืนมองมาทางพวกเราอยู่ไกลๆ

   คุณวาลี!!!

   ผมกับคุณวาลีเราสบตากันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่คุณวาลีจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบสานตาของผม

   “ไง”เขาทักเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้

   “สบายดีรึเปล่าครับ”

   เหมือนกับบรรยากาศรอบตัวมันข้นข้างอึมครึมยังไงไม่รู้

   “ฉันสบายดี”คุณวาลีตอบ แล้วความเงียบก็เข้าปรกคลุมอีกครั้ง

   ผมมองใบหน้าขาวซีดของคุณวาลี ทั้งที่น่าจะดีขึ้น แต่ทำไมดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

   หรือว่าการรักษาจะไม่เป็นผล



   โฮ่ง โฮ่ง

   จู่ๆเข้าสัตว์มีขนสีขาวรูปร่างปุกปุยก็วิ่งเข้ามาในห้องเรียกให้เด็กๆหันมามองกันยกใหญ่

   เจ้าสัตว์สี่ขาตะกายตัวอยู่ที่หน้าขาของคุณวาลีเรียกให้รอยยิ้มบางฉายอยู่บนใบหน้า

   ไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่นี่มีหมา

   “หมาของคุณเหรอครับ”ผมถามเมื่อเห็นรอยยิ้มของคุณวาลี

   “มันชื่อสโนว”คุณวาลีทรุดนั่งลงแล้วลูบหัวมัน



   “มีลูกหมาด้วยเหรอฮะ”อลันวิ่งเข้ามาถามตากลมโตด้วยความอยากรู้

   “อืม ชื่อสโนว”คุณวาลียิ้มให้แล้วตอบซ้ำ

   “น่ารักจังเลยฮะ ชื่อเหมือนสโนวที่ร่วงลงมาจากฟ้าเลย สีขาวเหมือนกันเลยฮะ”อลันช่างจ้อยิ้มให้วาลี มือป้อมๆชักเข้าชัก
ออกทำท่าอยากจะลูบขนเจ้าหมาแต่ก็ไม่กล้า

   “ลองจับดูสิ มันไม่กัดหรอก”คุณวาลียิ้มให้อลัน

   น่าแปลกที่คุณวาลีปกติไม่ได้ยิ้มง่ายแบบนี้จะยิ้มออกมา

   “ขนมนุ่มมากเลยฮะคุณอา”อลันยิ้มแก้มปริอวดแก้มสีชมพูใส

   “พึ่งจะอาบน้ำให้มันน่ะ”

   “หูย มีลูกหมาด้วย”เจ้าแสบสินสมุทรยื่นหน้าเข้ามาเบียดอลัน

   “ลูกหมาสีขาวจังเลย”เจ้าแสบสุดธาราก็ยื่นหน้าเข้าเบียดอลันอีกข้าง

   “อะ ถอยไปสิ อลันมาก่อนนะ”พอโดนเบียดเจ้าตัวเล็กกว่าก็บ่นอุบ

   “ฮ่าๆ ผิวอลันขาวเหมือนหมาเลย”

   “ใช่ๆ”

   เอ่อ จะดุลูกดีไหมเนี่ย ที่ดันไปล้อลูกคนอื่นว่าผิวสีเหมือนขนหมา

   “สินสุดอย่าไปว่าน้องสิครับ”

   ผมได้แต่ยิ้มแหยส่งให้คุณวาลีที่อมยิ้มคล้ายกำลังขำ

   

   “ลูกของเธอหมดเลยเหรอ”คุณวาลีถามออกมา

   “มะ ไม่หรอกครับ แค่สองคน”

   “เป็นคู่แฝดสินะ”

   “ครับ คู่แฝด ซนน่าดู”

   ผมว่ามองตามเจ้าสองแสบกับหนึ่งช่างจ้อวิ่งตามเจ้าหมาทั่วห้องรับแขกเสียงเจี๊ยวจ๊าว



   “ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวนะ”


   “จะไปไหนเหรอครับ ผมเอาขนมมาฝากคุณด้วย เอ่อ อยู่กินด้วยกันก่อนไหมครับ”

   “ฉันก็อยากอยู่ต่อนะ แต่ฉันเหนื่อย คงต้องขอตัวไปพักผ่อน ไว้ตอนเย็นก็แล้วกัน”คุณวาลีบอกเสียงเบาก่อนจะเดินขึ้นชั้น
บนไป



   สีหน้าซีดเซียวบวกกับท่าทางเหนื่อยอ่อนทำให้ผมไม่ค่อยวางใจสักเท่าไรเลย







   หลังจากที่พาเด็กๆไปนอนกลางวันที่ห้องชั้นสองผมก็พาพี่ธาราขึ้นมาที่ห้องของพี่ธาราที่อยู่ชั้นสาม

   ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เหมือนเมื่อครั้งนั้นตอนที่พี่ธาราทำให้ผมเป็นโรงงานผลิตลูกตั้งแต่ค่ำยันเช้า

   ผมยืนมองผ่านกระจกใสไปยังวิวด้านนอก มองเห็นท้องทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา

   “บรรยากาศดีนี่”เสียงที่ฟังดูสยิวกระซิบข้างหู

   ไม่รู้ว่าพี่ธารามายืนซ้อนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีเอวก็ถูกแขนแข็งแรงนั้นโอบให้หลังเข้าไปแนบชิดกับลำตัวของ
พี่ธารา

   “พี่ อะ เอ่อ จะไม่ดูรอบๆก่อนเหรอครับ เผื่อจะจำอะไรได้ แหะ แหะ”

   เหมือนจะมีสัญญาณอันตรายดังขึ้นมา เพราะมือซุกซนมันกำลังสอดเข้ามาใต้เสื้อยืดของผม

   “ไม่เอาน่าบรรยากาศดีขนาดนี้ จะเสียเปล่าเอานะ นายก็รู้ มารำลุกความหลังกันดีกว่า อย่างน้อยเราก็น่าจะเคยทำกันที่นี่”

   เสียงพร่าพูดเบาอยู่ข้างหู ลิ้นร้อนตวัดดึงเอาติ่งหูเข้าไปกัดทำเอาผมตัวแข็งทื่อ

   “เดี๋ยวสิ ไหนบอกว่าจะยังไม่ทำไง”

   ผมดันตัวออกมา ใช่มือทั้งสองข้างดันอกพี่ธาราให้ออกห่าง

   ใบหน้าตอนนี้มันรู้สึกร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก

   ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเผลอปรายตาไปมองที่สระน้ำนั่นตั้งแต่ตอนไหน

   “สระนั่น เราเคยทำกันที่นั่นด้วยสินะ นายถึงมองไม่วางตา”พี่ธารายิ้มยั่ว

   “มะ ไม่ ไม่เคยสักหน่อย ใครจะไปทำ อะ เฮ้ย”

   พูดยังไม่ทันจบก็ถูกอุ้มขึ้นพาดบ่า

   ตูมมมมมม

   ถูกโยนลงน้ำโดยไม่บอกไม่กล่าวทำให้จมลงไปที่ก้นสระด้วยความตกใจ

   พอจะตะกายตัวขึ้นมาเหนือน้ำ ร่างกายก็ถูกรั้งเข้าไปหาจากทางด้านหลัง

   ผมได้แต่เบิกตากว้างเมื่อพี่ธาราดึงผมเข้าไปเผชิญหน้า เอวถูกเกี่ยวให้ถลาเข้าไปหา ก่อนที่ริมฝีปากยิ้มยั่วนั้นจะจูบลงมา

   ผมได้แต่กำเสื้อของพี่ธาราแน่น ใกล้จะขาดอากาศหายใจอยู่เต็มทน แต่ลมหายใจร้อนๆมันก็ผ่านเข้ามาทางริมฝีปาก

   ทำให้ต้องหลับตาลง

   ไม่รู้ว่าเมื่อไรถูกจับให้มานั่งที่ตำแหน่งเดิมตรงที่เป็นช่วงตื้นสุดของสระ ร่างกายมันเปียกชุ่มจนเสื้อผ้าแนบเนื้อ

   “ฮะ แฮ่ก”ผมสูดเอาอากาศเข้าปอด ดันอกพี่ธาราเอาไว้

   แขนทั้งสองข้างยันเอาไว้กับขอบสระกักผมเอาในอ้อมกอด

   หน้าของผมแดงก่ำ ผมเงยหน้ามองพี่ธาราอย่างเจ็บใจที่ไม่ทันบอกอะไรก็ดันจับโยนลงสระ

   “อะ ไรของพี่เนี่ย”เช็ดหยดน้ำที่เปียกผมจนมันลู่ลงมาบนใบหน้า

   “ตรงนี้ใช่ไหมล่ะ ที่เราเคยทำกัน”พี่ธารากระซิบ เบียดเข้ามาหาจนรู้สึกถึงไออุ่น

   “คะ ใครบอก”ผมกระพริบตาปริบๆ เบี่ยงหน้าหลบใบหน้าที่ก้มลงมา หันไปมอต้นมะลิซ้อนพุ่มเตี้ยที่ปลูกอยู่ริมระเบียงรอบ
สระ


   “ดอกไม้นั่นยังหอมสู้นายไม่ได้เลย”พี่ธารากดจมูกลงมาที่พวงแก้ม

   “ผะ ผมจะขึ้นแล้ว”ปากก็บอกแบบนั้นแต่ไม่รู้ทำไมมันอ่อนยวบรู้สึกไม่มีแรงยอมให้พี่ธารากดจมูกลงมาแล้วสูดหายใจเข้า
ปอด

   “มาระลึกความหลังกันหน่อยไหม”

   “นะ ไหนจำไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”ผมเงยหน้าถาม

   “ไม่รู้สิ แค่เหมือนจะจำได้ว่าเราเคยมีอะไรกันที่สระนี่”รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นทำเอาผมอ่านไม่ออกเลยว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่น

   “จะ จริงเหรอครับ”

   “ไม่รู้สิ บางที ถ้านายจะยอมฉันบ้าง สักเล็กน้อย ฉันอาจจะเริ่มจำอะไรได้มากกว่านี้ มันก็ขึ้นอยู่กับนาย”

   “อะไรกัน โคตรขี้โกงเลย”

   ทำไมการฟื้นความจำมันถึงได้เปลืองตัวอย่างนี้ มณีไม่เข้าใจเลยสักนิด ใครก็ได้ช่วยบอกที

   นี่แค่เริ่มจะฟื้นความจำให้พี่ธาราด้วยการพามาสถานทีที่คุ้นเคย ผมก็เปลืองตัวไปมากขนาดนี้แล้ว

   จูบร้อนผ่าวถูกป้อนเข้ามาที่ริมฝีปากทำเอาผมต้องยอมเงยหน้ารับจูบของพี่ธาราอย่างช่วยไม่ได้

   ยังไงก็ขอให้มันได้ผลทีเถอะกับการลงทุนที่มากขนาดนี้

   “อะ อือ”ผมครางเสียงเบา เสื้อเปียกชุ่มถูกดึงไปกองอยู่บนอก มือใหญ่กำลังลูบไปทั่ว

   เข็มขัดถูกปลด กางเกงถูกรูดออกไป ทึ้งให้ช่วงล่างเปลือยเปล่า จนเห็นเจ้ามณีน้อยยืนขึ้นมาทักทาย

   “ยังน่ารักเหมือนเดิม”

   พี่ธารากระซิบข้างหูพลางจูบลงบนขมับ มือใหญ่กอบกุมแก่นกายที่อยู่ใต้น้ำของผมขยับอย่างเบามือก่อนจะเร่งรูดรั้งเร็วมือ
ขึ้นจนผมเริ่มรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

   “อือ พี่ธารา”

   “ดีไหม”

   “อือ ผม ไม่ไหว”

   “นายชอบมันใช่ไหมล่ะ”

   “อือ ผมจะไป”

   มันรู้สึกราวกับเป็นสิ่งที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ทำให้ไม่นาน น้ำสีขาวข้นก็ถูกปล่อยออกมาปะปนรวมอยู่กับน้ำในสระ

   พี่ธารายกมือที่ยังคงมีคราวข้นติดอยู่ก่อนจะตวัดลิ้นเลีย

   “บะ บ้าไปแล้ว”ผมหอบจนตัวโยน จ้องมองพี่ธาราคนนี้อย่างไม่เชื่อสายตา

   “อร่อยดีนี่ หมูน้อย”

   “ผม ไม่คุยกับพี่แล้ว”

   ว่าแล้วก็จัดการเก็บกางเกงที่จมอยู่ข้างตัวลุกขึ้นเดินหนีคนเจ้าเล่ห์ทันที

   ให้ตายเถอะ นี่แค่เริ่มต้น นี่มันแค่เริ่มต้น ผมจะต้องทำให้พี่ธาราฟื้นความจำให้ได้

   ว่าแต่ ผมจะทำให้ตัวเองรอดไปได้อีกสักแค่ไหนเชียว อีกไม่กี่คืนก็จะคืนเพ็ญอีกแล้ว



===================================================================



   “ถอยออกไปน่า น่ารำคาญ”

   ในห้องนอนหนึ่งช่วงเวลากลางดึก ได้ยินเสียงคลื่นทะเลดังอยู่ไกลๆ

   “อย่าหวงตัวไปหน่อยเลยน่า”ทศกัณฐ์กอดรัดร่างโปร่งบางเอาไว้แน่น

   “ไอ้หมอโรคจิต”

   “เลือกเอาว่าจะนอนเฉยๆหรือว่าจะให้หมอฉีดยาล่ะ”คุณหมอขู่

   “ก็ถอยไปสักทีสิ มันน่ารำคาญ”

   “อีกหน่อยนายก็ชินเอง”

   “เรื่องอะไร อื้อ อย่ามาทำลามกกับผมอีกนะ”ตวาดเสียงขุ่นเมื่อมือร้อนสอดเข้ามาใต้ชุดนอน

   ลูบไล้อยู่ที่หน้าท้องจนสะดุ้งเฮือก

   “นายไม่อยากมีน้องให้อลันรึไง”คุณหมอกระซิบทำเอาอีกคนชะงักใบหน้าหวานแดงเรื่อภายในความมืด

   “พะ พูดอะไร ใครจะไปอยากมี”

   “แต่อลันบอกกับฉันว่าอยากมีน้อง”

   “ไม่เอาด้วยหรอก”

   ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ใจมันก็เต้นแรง ถ้าหากมีน้องให้อลันอลันคงดีใจ เพราะเจ้าตัวเคยบอกอยู่หลายครั้ง แต่จะให้มีกับทศ
กัณฐ์อีกคงไม่มีซะดีกว่า

   “หึหึ นอนเถอะ วันนี้นายเหนื่อยมามากแล้ว”

   เสียงทุ้มห้วนกระซิบข้างหูก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะลูบลงบนกลุ่มผมสีดำไปมา


   แล้วถ้าถูกกอดอย่างนี้ใครจะนอนลง อเลนได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้น และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เผลอหลับไปในอ้อมกอดอุ่นนั้น




=================================================================



   ผ่านมาหนึ่งวัน ไม่มีวี่แววว่าพี่ธาราจะจำอะไรได้มากกว่าที่เราทำกับที่สระเลย แม้แต่ทางเดินในบ้านตัวเองยังจำไม่ได้

   พอมาคิดดูดีดี ครั้งที่พี่ธาราเคยจีบผม จำได้ว่าพี่ธาราชอบเอาขนมติดมือมาตลอดเวลาที่มาที่บ้าน

   ดังนั้นผมจึงตั้งใจจะทำขนมให้กับพี่ธารา

   ว่าแต่จะทำขนมอะไรดีล่ะ



   ในระหว่างที่บรรดาพันธุ์ผสมทั้งหลายต่างก็เล่นน้ำกันอยู่ที่หาดหน้าเกาะ บรรดาคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายต่างก็นั่งรับลมเฝ้า
ลูกเฝ้าหลาน สุวรรณสินธุ์กับมีนาก็กลายร่างเป็นเงือกว่ายน้ำจนเจ้าสองแสบตามไปแกล้งไม่ทัน ถึงได้หันมารุมแกล้งลูกยักษ์ด้วย
กัน

   ใจขณะที่ทุกคนกำลังสนุก แต่ใครอีกคนที่ผมไม่เห็นหน้าตั้งแต่ที่คุยกันตอนมาถึงหายเงียบไปเลย

   ผมเดินเข้ามาในบ้าน คิกว่าคงจะทำขนมอะไรง่ายๆให้พี่ธารากับเด็กๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไร เพราะทำไม่เป็นเลยสักอย่าง

   พอเดินเข้ามาในครัวก็เห็นร่างผอมผิวซีดไร้สีเลือดกำลังล้างชามข้าวต้มในมือ สงสัยเพิ่งจะกินข้างเสร็จ

   “คุณวาลี ทำอะไรอยู่เหรอครับ”ผมทักพร้อมกับยิ้มให้

   “ฉันเพิ่งจะทานข้าวเสร็จ เธอจะเอาอะไรเหรอ ให้ฉันช่วยหาเอาไหม”

   “คือพอดีผมคิดว่าจะทำขนมให้พี่ธารากับเด็กๆทาน แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี เพราะผมทำอะไรไม่เป็นสักอย่างเลย”ผมเกา
หัวแก้เก้อ

   ตอนนี้บรรยากาศอึดอัดเริ่มคลายลงจากที่คุณวาลีมีท่าทีต่างไปจากแต่ก่อนที่จะมาที่นี่

   ดูเหมือนอะไรบางอย่างที่ผมพูดไม่ถูกว่ามันคืออะไรมันหายไปจากตัวเขา

   “ให้ฉันช่วยเอาไหม ฉันพอมีเวลาว่าง”

   “จะดีเหรอครับ ผมกลัวจะรบกวน แต่ถ้าได้ก็จะดีมากเลย”ผมยิ้มกว้าง

   “ได้สิ ในตู้มีแป้งทำเค้ก บางทีเธออาจจะลองทำตามตำราทำขนมดู”คุณวาลีส่งยิ้มให้

   มันไม่ใช่ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แฝงอะไรเหมือนเมื่อก่อน

   “งั้นก็ดีเลยครับ ได้ลูกมือเก่งๆมาช่วยต้องออกมาดีแน่”

   ผมกับคุณวาลีเลือกทำเค้กนมสดหน้าแยมผลไม้ที่ดูจะง่ายสุดและมีวุตถุดิบครบถ้วน

   ในระหว่างที่คุณวาลีกำลังตอกไข่ซึ่งเป็นงานยาก ผมกำลังร่อนแป้งที่เป็นงานง่าย

   คุณวาลีก็ถามออกมา

   “ผู้ชายคนนั้น”

   “ครับ?”


   “ฉันหมายถึงธาราน่ะ เขาดูไม่เหมือนเดิม”คุณวาลีเงยหน้าขึ้นมาถาม

   “เอ่อ จะว่ายังไงดีล่ะครับ คือว่า พี่ธาราเขา ความจำเสื่อม”

   “งั้นเหรอ เธอกับลูกๆคงลำบากแย่”

   “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่อยากให้เขากลับมาจำเรื่องในอดีตได้แค่นั้นก็พอ เพราะผมเองเป็นต้นเหตุให้พี่ธาราเป็น
อย่างนั้นเอง”

   ผมบอก แต่ก็ยังคงยิ้ม ถึงแม้ใจจะเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้ง

   “ฉันเอาใจช่วยให้เขากลับมาจำได้ก็แล้วกัน”

   “ครับ ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”


   แล้วเราก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง



   “ฉัน มีอะไรจะถามเธออีกอย่างน่ะ”คุณวาลีเงยหน้าขึ้นมาถามหลังจากที่เราเงียบกันไป

   “ครับ?”ผมเงยหน้ามองใบหน้านิ่งสงบของเขา ใบหน้าของเขาตอนนี้ดูเป็นกังวล

   “เธอช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจะได้ไหม ฉันไว้ใจเธอ”

   “ครับ ไม่มีปัญหา เชื่อใจได้ หายห่วงครับ”ผมยิ้มเป็นการตกลง

   “ตอนที่เธอมีลูกกับธารา เธอทำยังไงเหรอ”

   ทำยังไงนี่คงไม่ได้หมายถึง ท่าไหน อะไรยังไงหรอกใช่ไหม

   “ทะ ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะครับ”ผมหน้าแดงชะงักมือ

   “มะ ไม่ใช่ เอ่อ ฉัน ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ฉันหมายถึง สาเหตุที่ทำให้เธอท้องได้”

   ค่อยโล่งใจหน่อย

   “ถ้าพูดถึงสาเหตุ ก็คงเป็นเพราะทำกันในคืนพระจันทร์เต็มดวงล่ะมั้ง”ผมทำท่าครุ่นคิด



   แต่ไม่รู้ทำไมไข่ในมือของคุณวาลีถึงได้ร่วงลงไปแตกบนพื้นซะอย่างนั้น

   “คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ”

   ผมถามเมื่อจู่ๆท่าทีของคุณวาลีดูแปลกไป ใบหน้านั้นซีดเผือดกว่าเก่าซะอีก

   มันยิ่งน่าสงสัย

   ประกอบกับที่แอบไปถามคุณอาวสินเรื่องที่ทำไมคุณวาลีถึงอาการแย่ลง คุณอาก็ตอบมาว่าคุณวาลีไม่ยอมกินยา

   เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำแน่นอน มณีฟันธง

   “ปะ เปล่า ฉันไม่เป็นไร”คุณวาลีก้มลงไปเช็ดเศษไข่บนพื้น

   ผมขมวดคิ้วเล็กๆ ทำท่าครุ่นคิดอยู่ยกใหญ่ในขณะที่คุณวาลีกำลังล้างมือ น่าแปลกที่ไหล่ของคุณวาลีสั่นเล็กๆระหว่างที่ผม
มองเขาอยู่จากทางด้านหลัง

   หรือว่า….ผมจะเจอเพื่อนร่วมชะตากรรม



   “งั้นผมถามคุณบ้างได้รึเปล่า”ผมยิ้ม

   “เธอจะถามอะไรล่ะ”เสียงนั้นดูแห้งไปเลย

   “คุณอาเคยทำคุณเจ็บท้องบ้างรึเปล่าครับ เจ็บแบบ จนทนไม่ไหว สลบไปเลย”ผมถามทำให้มือที่กำลังจะหยิบไข่ฟองใหม่
ชะงัก

   “ไม่เคยหรอก”คุณวาลีส่ายหน้า



   “ถ้างั้นคุณก็ไม่ท้องหรอกครับ วางใจได้”ผมบอกออกไปพลางหรี่ตาเพื่อจะจับผิด

   สีหน้าของคุณวาลีดูคลายลงอย่างเห็นได้ชัด

   “เธอพูดจริงเหรอ ที่พูดออกมาน่ะ”คุณวาลีเงยหน้าถาม

   ทว่าสีหน้านั้นก็ต้องแดงเรื่ออย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

   “อะ เอ่อ”คุณวาลีอ้ำอึ้งทันทีที่ผมจับผิดได้

   “ใช่สินะครับ”ผมยิ้มเล็กๆ

   “อะ อืม”จนสุดท้ายก็ต้องยอมรับเมื่อหนีไม่รอด

   “อย่าห่วงไปเลยครับ คุณอาวสินเป็นคนใจดี”

   “ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน”

   “จริงๆแล้วผมอยากให้คุณกลับมากินยาเหมือนเดิม”ผมเปิดประเด็นใหม่

   “เขาบอกกับเธอเหรอ”

   “ไม่ครับ ผมเป็นคนไปถามเอง”ผมบอกออกไป

   เขาดูมีสีหน้าที่แปลกใจ

   “ทำไม เธอถึง…เธอไม่โกรธที่ฉันทำกับเธอเหรอ”เขาถามเสียงเบาพลางก้มหน้า

   “ไม่หรอกครับ ผมไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น”ผมบอกออกไป

   “ฉันขอบใจเธอมากนะ ฉันนึกว่าจะไม่ได้เห็นเธอยิ้มให้ฉันอีกแล้ว”

   “อย่าพูดถึงมันดีกว่าครับ รีบทำกันดีกว่าอีกเดี๋ยวตัวแสบก็คงจะเล่นกันเสร็จแล้ว

   ผมว่า ในที่สุด ขนมเค้กที่รูปร่างหน้าตาดี ด้วยฝีมือของผมกับคุณวาลี ต้องลงเล็บโตๆเลยว่า ถ้าไม่มีคุณวาลี ขนมนี่คงจะ
ออกมาไม่เป็นรูปร่าง

   

   “แม่มณีฮะ แม่มณีทำอะไรอยู่”เจ้าแสบคนพี่ชะเง้อหวังจะมองเห็นของที่วางอยู่บนโต๊ะ

   “แม่มณีอุ้มหน่อย สุดอย่างเห็น”

   “ไม่ครับ ความลับ ตัวเปียกไม่ดีนะครับ ไปบอกพ่อธาราให้หน่อยว่า แม่มณีบอกให้ช่วยอาบน้ำสินกับสุดแทนก่อน”

   “รับทราบ/รับทราบ”เจ้าสองแสบตะเบะก่อนจะวิ่งเจี๊ยวจ๊าวกันออกไป

   “ดูท่าคงจะวุ่นวายน่าดูสินะ”คุณวาลียิ้ม

   “วุ่นวายมากกว่าที่เห็นเยอะครับ”ผมหัวเราะเล็กๆระหว่างที่ตัดเค้ก

   “น่าอิจฉาเธอนะ ที่มีคนที่รักอยู่รอบตัว”

   “มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ คุณเองอาจจะไม่รู้ตัวว่ามีเหมือนกัน นี่ครับส่วนแบ่งของคุณ”ผมตัดขนมเค้กใส่จานแบ่งให้คุณ
สาลีสองส่วน

   “ไม่หรอก ฉันไม่ชอบกินของหวานเท่าไร”เขาว่ายหน้าเบาเบา

   “ถ้าคุณไม่ชอบ คุณก็เอาให้ให้คุณอาวสินก็ได้นี่ครับ คนนั้นเขาชอบ”

   “แต่เขาเป็น เอ่อ ยักษ์ เขากินแต่เนื้อไม่ใช่เหรอ”

   “ใครบอกล่ะครับ คุณอาวสินไม่กินเนื้อ”

   “เขาบอกว่าจะกินฉัน”

   “นั่นคุณคงโดนเขาหลอกมา”ผมหัวเราะ ทำให้คุณวาลีขมวดคิ้วเล็กๆ แต่ก็ยอมรับจานเค้กแต่โดยดี

   “เขาจะดีใจนะครับ ที่คุณเอาขนมไปให้เขา”ผมบอก

   สัมผัสได้ถึงรอยร้าวแปลกๆระว่างคนทั้งสองที่อยู่ด้วยกันมาตั้งสามปี แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าไร

   หวังว่าเขาควรจะคืนดีกันเร็วๆ บางทีอาจจะมีพันธุ์ผสมโผล่มาอีกตัว



==================================================================
เฮ้ย มันยาวไหม ยี่สิบห้าหน้า โซอึนว่ายาวนะ คือตอนนี้มณีดูฉลาดมาก 555 แต่เรื่องตัวเองนี่จ๊าดง่าวมาก555 หวังว่าจะฟิน
สาวกวาลีตั้งชื่อหลานรอเลยค่ะ เสนอมาให้ไว เดี๋ยวจิให้ยืมอลันไปนอนกอดหนึ่งคืน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2016 18:12:34 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ เซยูเนียส

  • เป็ดขึ้นคาน
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
กรณีของมณีคงเป็นกรณีพิเศษนะ ที่ถูกทำให้เจ็บแบบนั้นเพราะต้องให้สินสมุทรกลับมาเกิดใหม่น่ะ

เราโหวตให้วาลีท้อง!!! เพราะทำไปขนาดนั้น ไม่ท้องนิ แสดงว่าท่านอาวิสนเราไม่มีน้ำยา 55555

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
ถือป้ายไฟรอแก็งค์เด็กเจี๊ยวจ๊าวเลยค่ะ อิอิ
พี่ธาราจำให้ได้เร็วๆสิ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เราว่าอาวสินไม่ได้โกหกว่าไม่กินเนื้อแต่คงเลือกเนื้อที่จะกินมากกว่าเช่น เนื้อวาลี เป็นต้น 555

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เห็นด้วยกับทอล์คของคนเขียนเรื่องมณี
ว่าแต่ บรรทัดสุดท้ายนั่นอะไร... ไหนว่าไม่ท้องไงล่ะมณี... คุณวาลีอุตส่าห์เบาใจ

ลูกของวาลีกับอาวสินเหรอ...คิดไม่ออกอ่ะ รอคนเขียนดีกว่า อิอิ

ออฟไลน์ cakecoco-boom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
อร๊ายยยยย ชอบจังวุ่นวายเจี๊ยวจ๊าว พี่ธาราหื่นจริงจังมาก 55 จริงๆจะโทษมณีไม่ได้นะ วาลีถามว่ามณีท้องยังไง ตอบอย่างนั้นก็ถูกอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่ามณีจะไม่ท้องสักหน่อย
ปล.ชื่อ สิวลี ดีไหมคะ ชื่อเล่นก็น้องสิ
รอตอนต่อไปจ้าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
หุยยยยยยย อาจจะเจ็บ แต่ไม่รู้ตัว(?)ก็ได้นะะะะะ :laugh:
รอตอนต่อไปปปปปปปป

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
วสินกับวาลี  o2  ชื่อพ่อกับแม่ก็คล้ายกันอยู่แล้วด้วย ชื่ออะไรดีน้า  :z2:

ออฟไลน์ dreeanm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาเชียร์ชื่อ สิวาลี อีกเสียงค่าาาา

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ยาวค่ะ...แต่อยากอ่านต่อ อิอิอิ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เดียวอาจจะมีพันธ์ผสมจากวาลีและจากอเลนคนที่สองอีกฮี่ๆๆๆ

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
คืนดีกันเร็ว เผื่อจะมีเจ้าพันธุ์ผสมเพิ่มอีก ^__^

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ธาราก็เนอะขอหื่นไว้ก่อนทุกสถานการณ์ หมอทศก็เหมือนกัน :hao3: #ทีมหื่น


ชื่อลูกอาวสินกันวาลี  "วนาลี" ดีมะ
 :pig4:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ถ้าวาลีท้อง งานนี้คงมีฝูงยักษ์แน่ๆ. 5555

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
ทวงครั้งที่ 8 ใจอ่อน


   วาลีชั่งใจเปิดประตูห้องนอนสีขาวออกอย่างเบามือ จานใส่ขนมเค้กที่พึ่งจะทำเสร็จสั่นเล็กๆเมื่อเจ้าของห้องกันมาสบตา
พอดี

   ดวงตาสีโศกหลุบลงมองพื้นหลบดวงตาของยักษ์ที่มองมาด้วยความแปลกใจ

   “เจ้ามีอันใดรึ วาลี”

   “เปล่า….ไม่มีอะไร”

   วาลีตอบเสียงขาดหาย สุดท้ายก้าวถอยหลังเมื่อไม่มีความกล้าพอที่จะสบตาคู่นั้น

   “นั่น เจ้าถืออะไรมา”ยักษาถามเสียงเรียบจ้องมองจานขนมในมืออย่างแปลกใจ

   “ขนมเค้ก เอ่อ มณีให้เอามาให้คุณ”เอาชื่อของบุคคลที่สามมาอ้างอย่างไม่ตั้งใจ

   “งั้นหรอกรึ เข้ามาสิ”

   ทั้งที่ไม่ใช่ประโยคคำสั่งแต่ก็ยอมเดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอีกฝั่งตรงข้ามกับวสิน

   “เจ้าทำเอง?”

   “ไม่ใช่ ผม อืม ช่วยกันทำกับมณี”ตั้งใจจะโกหกแต่ก็เปลี่ยนใจจนได้

   ร่างผอมของวาลีเกร็งตัวเมื่อรู้ว่าใครที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังจ้องมองตนอยู่

   “เจ้าเองก็กินด้วยกันสิ”

   “ไม่ล่ะ ผมไม่ชอบของหวาน”ตอบไป เหลือบตามองจานเค้ก เห็นมือใหญ่หยิบช้อนคันเล็กตักลงบนขนมเนื้อนุ่ม

   จึงได้เหลือบตาขึ้นมองใบหน้าคมคร้ามของยักษ์สูงวัยแต่ใบหน้ายังคงดูเยาว์

   วสินยิ้มเล็กๆเมื่อรู้ว่ากำลังถูกจ้องมองด้วยแววตาคล้ายกับมีคำถาม

   “จ้องข้า มีอะไรติดหน้าข้ารึเปล่า”

   “มะ ไม่”

   “แล้วเหตุใดเจ้าจึงจ้อมองข้าล่ะ”

   “ผมนึกว่าคุณชอบกินเนื้อ”

   “แล้วเจ้าล่ะ คิดว่าอย่างไร”

   “ผม…ไม่รู้”

   วาลีตอบ เบือนหน้าหนี



   “ผมขอตัว”

   ในที่สุดก็ทนความอึดอัดไม่ไหว ทว่าแขนข้างหนึ่งก็ถูกคว้าเอาไว้ด้วยมือใหญ่ให้หยุดชะงัก

   “ข้า…อยากให้เจ้ากลับมากินยาเหมือนเก่า เจ้าดูอิดโรยยิ่งนัก วาลี”

   ยักษาบอกเสียงเบา จ้องมองแผ่นหลังผอมบางของอีกฝ่ายแน่นิ่ง มือใหญ่ยังคงจับกุมแขนนั้นเอาไว้ เพื่อยื้อเวลาให้อีกฝ่าย
อยู่ต่อ เพียงนิดก็ยังดี



   “ผม….จะลองเก็บไปคิดดู”

   วาลีตอบเสียงเบาก่อนจะดึงมือแล้วเดินจากมา

   เพียงเท่านั้นหัวในจองยักษ์กลับกำลังแย้มยิ้มออกมาอย่างปลื้มปิติ

   อย่างน้อยวาลีก็ไม่ได้ปฏิเสธ



====================================================



   

   “จะพาอลันไปไหน”

   นานมากแล้วที่อเลนเดินตามสองพ่อลูกเข้ามาในป่าที่อยู่ด้านหลังของตัวเกาะ



   ทศกัณฐ์เดินนำเข้าไปในป่าโดยมีเจ้าตัวเล็กขี่คอ

   อเลนไม่ได้ถูกชวนมา แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจให้ตามมาโดยใช้อลันเป็นตัวล่อ อลันหัวเราะคิกคักชอบใจจนแก้มใสใสแทบจก
ยกขึ้นปิดตา

   เดินมาได้พักใหญ่ก็รู้สึกพื้นที่มันยกสูงขึ้นเหมือนทางเดินขึ้นเขา

   ไม่นานลมเอื่อยๆก็ค่อยๆพัดแรงขึ้น รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนหน้าผาสูง มองเห็นทะเลรอบด้าน

   สีน้ำเงินครามล้อมอยู่รอบกายสุดลูกหูลูกตา ลมทะเลพัดแรงจนผมลู่มาปรกหน้าทำให้มองด้านหน้าได้ไม่ชัด

   จนกระทั่งนิ้วแข็งเกลี่ยเอาปอยผมที่ปรกตาออกให้แล้วทัดหู

   ไม่รู้ทำไมหัวใจดวงเล็กๆที่อยู่ในอกถึงต้องเต้นกระหน่ำเวลาที่เงยหน้าขึ้นจ้องตาขออีกฝ่าย

   ทศกัณฐ์ยิ้มให้เล็กๆ จับแขนให้อเลนเดินเข้าไปใกล้

   ถูกพาไปที่ริมผามองดูวิวกว้างได้อย่างชัดเจน

   “ว๊าวววว สวยจังเลยฮะ พ่อทศ อลันชอบ”

   “แล้วแม่ของอลันล่ะ ชอบไหม”ทศกัณฐ์หันมาถาม

   อเลนไม่ได้หันมามองตอบ ทำไมถึงได้รู้สึกว่าหัวใจมันเต้นแรงไม่หยุด แล้วหน้ามันก็ร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

   เหมือนว่าถูกจีบหรืออะไรสักอย่าง ทำให้ทำตัวไม่ถูก

   อยากจะฉีกยิ้มกว้างแต่ก็ต้องห้ามเอาไว้ เม้มปากอมยิ้มเอาไว้ไม่ให้หลุดยิ้มออกไป

   เพียงเท่านั้นทศกัณฐ์ก็ได้คำตอบแล้ว

   เจ้าตัวเล็กด้านบนจ้อไม่หยุด ส่วนคนแม่ก็เงียบกลายเป็นใบ้ไปชั่วคราว

   มีเพียงสายลมที่พัดหอบเอากลิ่นอายของทะเลเท่านั้นที่พัดผ่านร่างทั้งสามไป





===============================================================



   ช่วงเย็นหาดทรายขาวหน้าเกาะกลายเป็นลานจัดเลี้ยงขนาดเล็กชั้นดีที่ทำให้ทุกคนมารวมตัวกัน

   ปาร์ตี้บาร์บีคิวที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็พากันหัวเราะพูดคุยกันสนุกสนาน



   เสียงเคาะประตูห้องเรียกให้ร่างผอมซีดของวาลีชะงักก่อนที่จะเอนตัวลงบนที่นอนให้ลุกขึ้นมา

   “เธอมีอะไรรึเปล่า”ถามเมื่อเปิดประตูออกมาพบกับมณีที่ยืนรออยู่

   “คือ ผมมาชวนคุณไปทานมื้อเย็นด้วยกัน”

   “ขอบใจนะ แต่ฉันไม่อยากรบกวน”

   “ไปเถอะนะครับ เด็กๆถามถึงคุณทุกคนเลย”

   “ถามถึงฉัน?”วาลีแปลกใจ

   “ครับ เขาอยากให้คุณไปร่วมวงด้วย”

   “ก็ได้…ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจะตามไป”


   “สัญญาแล้วนะครับ”มณียิ้มกว้าง

   ประตูห้องปิดลงอีกครั้ง วาลีถอนหายใจ

   ทั้งที่คิดว่าไม่มีใครสนใจตนเอง ครั้งนี้มันเลยทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย



   “คุณอาวาลีฮะ ทำไมคุณออาวาลีถึงตั้งชื่อมันว่าสโนวล่ะฮะ”เด็กช่างจ้อปีนขึ้นจากเสื้อมานั่งบนตักของวาลีทำให้ชายหนุ่ม
เกร็งตัวเล็กๆ แต่ก็คลายความกังวลจากรอยยิ้มไร้เดียงสา

   “ตัวของมันสีขาวน่ะ”วาลีตอบ จ้องมองเจ้าสุนัขที่กำลังวิ่งเล่นไปมาอยู่ไม่ไกล

   “แล้วคุณอาวาลีมีลูกไหมฮับ”เจ้าแสบคนพี่สินสมุทรเงยหน้าขึ้นมาถามหลังเบียดตัวข้างๆกับเขา

   “ไม่มีหรอก”วาลีส่ายหน้า

   “แล้วแฟนล่ะฮับ คุณอาวาลีมีไหมฮับ”สุดธาราถามบ้างเมื่อเบียดตัวลงอีกข้างของวาลี

   กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังถูกเด็กๆรุมล้อมเหลือก็แต่สุวรรณสินธุ์ที่ตอนนี้ติดหนึบอยู่กับชลาสินธุ์

   “คุณอาอยู่ที่นี่นานรึยังฮะ”อลันถามเสียงใส

   “สามปีน่ะ”

   “สินกับสุดก็อายุสามปีเหมือนกัน”

   “งั้นเหรอ แล้ว…อลันล่ะ”

   “อลัน…สองขวบฮะ”อลันตอบเสียงแผ่วเมื่ออายุน้อยกว่าเจ้าสองแสบขี้แกล้ง

   “แล้วคุณอาวาลีเป็นยักษ์เหมือนพวกเรา หรือว่าเป็นเงือกเหมือนมีนาฮับ”

   “ไม่หรอก ฉันเป็นคนเหมือนแม่ของพวกเธอ”วาลียิ้ม ส่ายหน้าเล็กๆให้กับเด็กช่างจ้อทั้งหลาย

   มันเป็นการสนทนาพูดคุยมากที่สุดของเขาในรอบสามปีเลยก็ว่าได้

   วาลีกำลังยิ้ม และวสินกำลังจ้อมองอยู่ไกลไกลโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว

   

   “อ้าว จะกลับไปนอนแล้วเหรอครับ”มณีถามขณะที่กำลังยกถาดของหวานออกมาจากในครัวพอดิบพอดีกับร่างสูงผอมของ
วาลีกำลังเดินสวนเข้าไปในบ้าน

   “อืม ฉันเริ่มรู้สึกเพลียนิดหน่อย”วาลีตอบเสียงแผ่ว

   “คุณดูเหนื่อยมาก”

   “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก”

   “คุณน่าจะกลับไปกินยาเหมือนเดิม”

   “ฉัน…”

   “ไม่เป็นไร ของแบบนี้มันขึ้นยู่กับการตัดสินใจของคุณ”มณีส่ายหน้า เพราะรู้ว่าวาลีคงจะอึดอัดไม่น้อย

   ความเงียบเข้าปรกคลุมอยู่ชั่วครู่

   วาลีเงยหน้าขึ้นมามองเสี้ยวหน้าเกลี้ยงเกลาของมณี

   ไม่ต่างกันนักกับวัยเด็ก รอยยิ้มที่เคยมียังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง

   “ฉันถามอะไรเธออีกจะได้ไหม”

   “ครับ ถามมาเลย”มณียิ้มรับ

   “เธอโอเคแล้วเหรอที่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกับคนพวกนั้น”

   วาลีถาม เบือนหน้าไปยังหน้าเกาะ มณีเอียงคอเล็กๆ แต่ก็เข้าใจว่าวาลีกำลังหมายถึงอะไร

   สิ่งที่วาลีหมายถึงก็คือยักษ์ หรือเงือก ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่าง

   “ผมไม่คิดอะไรมากหรอก ขอแค่มีความสุขผมก็ไม่สนใจอะไรแล้วล่ะครับ”

   “แต่ยักษ์พวกนั้น มีอายุมากกว่าเราเป็นร้อยปี เธอจะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจะรักเธอแค่คนเดียว”วาลีถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

   บางทีการที่วสินทำแบนั้นกับเขามันอาจจะหมายถึงการระบายอารมณ์หรืออะไรสักอย่างที่ทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า

   มณีหัวเราะเล็กๆ ดูท่าวาลีเองจะยังไม่เข้าใจอะไรนัก ร่างสูงโปร่งยิ้มคล้ายขบขันจ้องมองมายังวาลี

   “ผมว่าผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร แต่คุณเองไม่รู้เรื่องมากกว่าผมซะอีกนะครับ”


   “เธอหมายถึงอะไร”

   “คุณน่าจะรู้ไว้นะครับ ว่าคืนพระจันทร์เต็มดวงมีเอาไว้ให้ยักษ์เลือกคู่”

   “   ”วาลีนิ่งเงียบ

   พยายามทำความเข้าใจกับคำว่าคู่ที่มณีบอก

   “ยักษ์อย่างพวกเขาต่อให้มีอายุสักกี่ร้อยปี แต่มีคู่ได้แค่คนเดียว ถ้าลองได้เลือกคู่แล้วก็จะมีคนอื่นไม่ได้อีกเลย”

   “เธอแน่ใจ”

   “ครับ เห็นว่าถ้าคู่ชีวิตของเขาตายยักษ์ตนนั้นก็จะตายตาม การที่เขามาเลือกคู่ที่เป็นคนอย่าวงพวกเรา ผมคิดว่ามันไม่ใช่
เรื่องง่ายๆที่พวกที่มีอายุยืนอย่างพวกเขาจะยอมรับได้ง่ายๆ”มณีพยักหน้า พูดคล้ายกับเป็นกูรูผู้รู้ดี

   “เธอหมายถึงถ้าเธอตายธาราก็ตายงั้นเหรอ”

   “ประมาณนั้นครับ”

   กูรูผงกหัวไปมา แอบลอบมองอาการของอีกฝ่าย

   ดูท่าว่าวาลีคงจะไม่รู้ตัว และไม่ค่อยจะรู้อะไร

   



   วาลีทิ้งกายลงบนที่นอน ดวงตาสีโศกจ้องมองเพดานห้องพลางครุ่นคิด

   ทำไมยักษ์ตนนั้นถึงได้เลือกเขาล่ะ เป็นเพราะอะไรกัน ถึงได้ยอมละทิ้งชีวิตที่ยืนยาว มาผูกติดกับคนป่วยอย่างเขาที่ไม่รู้จะ
มีเวลาเหลืออีกเท่าไร

   นิ้วยาวแตะลงที่ริมฝีปากของตัวเองแผ่วเบา นึกถึงริมฝีปากร้อนที่เคยจาบจ้วงลงมาไม่รู้ตัว พลันหัวใจก็เต้นระรัว

   หรือว่าวสินจะรัก….เขา

   แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้ ที่ยักษ์ใจร้ายตนนั้นจะมีหัวใจ

   หรือเป็นเพราะอะไรกันแน่ เขาเองก็ยังไม่รู้

   ตอนนี้รู้แค่ว่าหัวใจของเขามันกำลังรู้สึกแปลก ความรู้สึกนี้มันเอ่อล้นออกมาจนรู้สึกสับสน

   ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกเหมือนกับดีใจ หรือยินดีกับอะไรสักอย่างที่มันจับต้องไม่ได้

   

================================================================





   หลังจากจบปาร์ตี้ของเหล่ายักษ์เอกมนุษย์ ที่ไม่รู้ว่ามารวมตัวกันอีท่าไหน

   ผมพาเจ้าสองแสบสินสมุทรกับสุดธาราเข้านอนเสร็จก็ลากสังขารขึ้นมายังชั้นดาดฟ้าซึ่งเป็นที่สิงสถิตของยักษ์จอมหื่นที่
คอยจ้องจะเขมือบ

   แผนการขนมลำลึกความหลังจบสิ้นไม่เป็นท่า ในเมื่อพี่ธารานึกอะไรไม่ออกเลยแม้แต่เรื่องที่คอยเอาขนมมาติดสินบนพ่อ
กับแม่เพื่อเข้าหาผม

   ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าภายในห้องไม่ได้เปิดไฟทิ้งเอาไว้ มีเพียงแสงดาวจากท้องฟ้าที่ส่องแสงลงมาผ่าน
หลังคาใสราวกับกระจก

   มองจ้องมองเงาตะคุ่มของพี่ธาราที่นั่งหย่อนเท้าอยู่ริมสระนอกระเบียง

   ดูท่าคงจะยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกัน

   “คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีรึไง”อดที่จะแขวะไม่ได้เมื่อเดินมาใกล้เห็นเจ้าตัวกำลังเงยหน้ามองพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสี
เหลืองนวล

   “เปล่า ฉันแค่กำลังมองว่าเมื่อไรพระจันทร์จะเต็มดวงสักที”

   พี่ธาราหันมายิ้มเจ้าเล่ห์เรียกให้ผมขนลุกไปทั่วร่าง

   นึกว่าจะลืมไปแล้วซะอีก

   ผมเบ้ปากเล็กๆนั่งลงหย่อนเท้าลงไปข้างๆกับพี่ธารา

   กลิ่นมะลิหอมกรุ่นพาเอานึกถึงวันเก่าๆ ผมเอนกายลงซบเพื่อหาไออุ่นจากพี่ธารา

   ไม่รู้ว่าเมื่อไรพี่ธาราจะจำได้สักที

   “นายกำลังยั่วฉันอยู่รึไง”

   “ผมเปล่าสักหน่อย”ผมส่ายหน้าเบาเบา เงยหน้ามองดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว

   พี่ธาราเอื้อมมือมาโอบเอวผมแล้วดึงเข้าไปหา

   “ผมอยากให้พี่จำได้เร็วๆ”ผมบอกเสียงเบา

   “ฉันก็อยากจะจำได้เร็วๆเหมือนกัน…บางที…เราอาจจะลองทำกันที่สระนี่ เผื่อฉันจะจำอะไรได้”พี่ธาราสอดมือเข้ามาในเสื้อ

   กะแล้วว่ามันต้องจบในรูปแบบนี้

   “ผมขี้เกียจคุยกับพี่แล้วล่ะ ผมไปอาบน้ำดีกว่า”

   ผมลุกขึ้นยืน แต่มือก็ถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้ให้ชะงักหันกลับไปมอง

   “นายคิดว่าการที่ฉันไม่ยอมอาบน้ำแต่มานั่งเอื่อยเฉื่อยอย่างนี้มันเพราะอะไรกัน”ถามพร้อมกับส่งตาเจ้าเล่ห์

   “จะไปรู้พี่เหรอ”

   ผมถามจ้องมองพี่ธาราที่ยันตัวลุกขึ้นมาบ้าง

   “ไปอาบน้ำด้วยกันเถอะ”

   สิ้นเสียงพี่ธาราก็ยกตัวผมขึ้นพาดไหล่

   “เดี๋ยวดิ อะไรของพี่ ไม่เอา อย่ามาทะลึ่งตอนนี้เซ่ ไอ้ยักษ์หื่น”

   “มาเถอะน่า อาบน้ำด้วยกัน เผื่อจะจำอะไรได้ ไม่ดีรึไง”

   สุดท้ายก็คิดกันเอาว่าอย่างผมจะไปขัดขืนอะไรยักษ์เจ้าเล่ห์อย่างพี่ธาราได้

   

==========================================================

แถมไว้จิ้น



   “สิน อย่าเบียดอลันซี่”อลันดันเจ้าตัวกลมใหญ่ผิวเข้มออกจากด้านหน้า เพราะโดนกอดรัดเข้าไปเต็มแรง

   “ใครบอกว่านี่สิน นี่สุดต่างหาก”

   “อื้อ สิน อย่ามาเบียดอลันน่า”อลันดันคนที่คิดว่าเป็นสินออก เข้ามาเบียดจากด้านหลัง

   กลายเป็นว่าตอนนี้โดนทั้งนอนเบียดและกอดจนเจ้าตัวเล็กกว่าเพื่อนเริ่มหุดหงิด

   “ใครบอกว่านี่สิน นี่สุดต่างหาก โดนหลอกแล้ว ฮ่าๆๆ”พอหลอกได้สำเร็จแฝดตัวแสบก็พากันหัวเราะร่วน

   “โอ้ย อย่ามากัดอลันนะ”อลันร้อนดึงแขนออกจากปากยักษ์แฝดคนพี่

   “บอกว่าอย่ากัด มันเจ็บนะ”พอดึงแขนออกจากคนพี่คนน้องก็คว้าไปกัด

   แสงจากไฟไนท์ไลท์ส่องพอให้เห็นใบหน้าได้ อลันดันทั้งคนพี่คนน้องออก แต่ก็สู้แรงไม่ได้สักที


   มองเห็นเขี้ยวเล็กๆของทั้งสองคนกับน้ำลายที่ยืดติดแขนมา

   “อีกสิบห้าปี จะกินอลันในวันพระจันทร์เต็มดวงเลย คอยดู”สินสมุทรแยกเขี้ยวขู่เบียดตัวเข้าไปหายักษืตัวเล็กที่นอนคั้นตรง
กลาง

   “จะกินให้ร้องไห้เลย”สุดธาราเองก็ไม่ยอมแพ้เบียดตัวเข้าไปหาแล้วยกแขนอวบๆดึงอลันเข้าไปกอด





 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด