ตอนที่ 14 เลิก...เรียนพิเศษซะ !
หลักจากสัปดาห์ของเรื่องแหวนทองคำขาวนั้นผ่านไป....ในสัปดาห์ถัดมา.........
ตามปกติแล้ววินจะต้องไปเรียนพิเศษเพื่อเตรียมสอบเอ็นทรานซ์ตั้งแต่ต้น ๆ เทอม
เกือบจะทุกวัน ยกเว้นวันศุกร์ วันจันทร์วินจะไปเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนกวดวิชาของ
คุณครูสมศรีคอร์สสปรินเตอร์ ตอนเกือบ ๆ 6 โมงเย็น แถวศรีย่าน วันพุธไปเรียน
ภาษาไทยกับอาจารย์ที่เกษียณมาจากโรงเรียนเตรียมอุดมแล้ว สอนเก่งมาก ๆ ท่านเปิด
สอนอยู่ในสถาบันกวดวิชาอ.เสาวนิตย์ โดยที่นี่จะเปิดการสอนหลาย ๆ วิชา ที่เรียนก็ชั้น
บนของโรงหนังสยามแถว ๆ ดังกิ้นโดนัท (นึกออกเนอะ) ส่วนวันเสาร์วินมีเรียน
ภาษาอังกฤษที่โรงเรียนครูสมศรีอีก แต่เป็นคอร์สเอ็นทรานซ์2 และวันนี้เป็นวันพุธ วินต้อง
ไปเรียนภาษาไทยตามปกติ โดยวันนี้มีนักเรียนใหม่มาอีกคน ซึ่งมาจากโรงเรียนชายล้วน
เครื่องแบบกางเกงสีกากีแถว ๆ ในเมืองนั่นแหละ พอมาถึงก็มานั่งที่ข้าง ๆ วิน เพราะที่
เราเรียนกันเป็นห้องเล็ก ๆ มีคนเรียนอยู่ประมาณ 7 – 8 คน เป็นผู้ชาย 2 คนเท่านั้น
ที่เขามานั่งกับวินไม่ใช่เพราะอะไร เพราะวินนั่งหลังสุด (ตั้งใจเรียนมากนั่นเอง...อิอิ)
“ดีครับ” นักเรียนใหม่เอ่ยทักวิน พยักหน้าเล็กน้อย
วินพยักหน้าตอบไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ส่งสายตาวิ๊ง ๆ ๆ ไป (เขาแอบหน้าตาดีนี่นา...ฮ่า ๆ)
เนื่องจากนักเรียนใหม่คนนี้มาเรียนเอาตอนเราเริ่มกันไปแล้วครึ่งทาง ก็เลยตามไม่ค่อยทัน
เขาเลยหันมาถามวินบ่อย ๆ วินก็อธิบายไปตามเข้าใจ บางครั้งวินตอบไม่ได้ อธิบายมั่ว ๆ
ไปก็มี (คนมันอวดฉลาดน่ะ) แต่ในที่สุดเขาก็พอตามทัน
“ขอบคุณครับ”
ท่าทางนายคนนี้จะเด็กเรียนมาก ๆ ถึงจะไม่ได้ใส่แว่น แต่ก็สุภาพ และเรียบร้อยซะ (วินว่า
ตัววินเองหนิมแล้วนะ)
วินก็ไม่ได้ตอบเขาไปอีก ได้แต่ยิ้ม ๆ พยักหน้ารับ
เราเรียนกันประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ โดยที่วินก็ตั้งใจเรียนเต็มที่ พร้อมกับอธิบายให้เพื่อน
ใหม่ฟังเกี่ยวกับบทเรียนที่เขาตามไม่ทันด้วย
“เราชื่อปุ่นนะ ... ชื่อไรอ่ะ” เด็กใหม่แนะนำตัวขณะที่ทุกคนกำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน
“วิน” วินตอบไปสั้น ๆ วินไม่ค่อยคุ้นเคยที่จะพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จักมากนัก.......เขินนั่นเอง
ปุ่นถือว่าเป็นคนหน้าตาดีใช้ได้ ถ้าไม่ติดที่ว่าตัวเตี้ยไปนิด คงจะประมาณ 160 – 163 ซม.
วันนั้นวินและปุ่นเดินกลับลงมาจากบันไดพร้อม ๆ กัน และวินก็แยกย้ายกับเขาเมื่อถึง
ร้านอาหาร “บ้านหญิง” ร้านอาหารสุดฮิตซึ่งที่นั่งในร้านจะเต็มตลอดเมื่อถึงเวลากลางวัน
คุณแม่ของวินจะมารอรับทุกครั้งที่ท่านมาได้ และวันนี้ท่านก็ว่าง เลยซื้อขนมปัง ลูกชิ้น
ทอด น้ำมะพร้าวปั่น (น้ำปั่นสุดโปรดของวิน) มารอวินอยู่ในร้านบ้านหญิง อาทิตย์นั้นก็
ไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรมาก เรื่องแหวนวินก็แทบจะลืม ๆ ไปหมดเหมือนกัน วันศุกร์แมท
และวินก็ไปเที่ยวกันเหมือนทุก ๆ ครั้ง เมื่อมาถึงสัปดาห์ถัดมา จำได้แม่นว่าปลายเดือน
สิงหาคม เพราะช่วงที่วินต้องเข้าสู่ห้วงแห่งความทุกข์ใจ นั่นคือช่วงเวลาที่วินและแมทคบ
กันได้ครบ 4 เดือนแล้ว มาถึงพุธนี้ปุ่นก็มานั่งกับวินอีกเช่นเคย เราเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น
พูดคุย และเล่านู่นนี่บ้างขณะเรียน จนอาจารย์ต้องทำเสียง “จุ๊ ๆ” อยู่บ้าง ปุ่นเป็นคน
ขี้สงสัยมาก ๆ ถามวินตลอด แต่วินก็ยินดีตอบ เราเรียนกันครบสองชั่วโมงก็เลิก
…..มาวันนี้ปุ่นก็เดินกลับกับวินเหมือนสัปดาห์ที่แล้ว เพียงแต่วันนี้คุณแม่ไม่ได้มารับวิน
วินเลยเอารถไปจอดที่สำหรับจอดรถตรงหมอชิตของบริษัท BTS และนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่
สยามแทน เวลาตอนนั้นประมาณ 2 ทุ่ม (เริ่มเรียน 5 โมงครึ่ง) ขณะที่เราลงบันได (ข้าง ๆ
ร้านบ้านหญิง) ลงมาพร้อมกัน ปุ่นก็หันมาพูดกับวิน
“เออวิน.....เราขอเบอร์วินไว้หน่อยดิ เผื่อมีไรจะได้โทรไปถามอ่ะ” ปุ่นเอ่ยขึ้น
“อ๋อ...เออ ได้ ๆ 01-xxx –xxxx” ปุ่นยกโทรศัพท์ขึ้นมากดตามที่วินบอกขณะเดินลงมา
ด้วยกัน ... บอกตามตรงว่าวินก็ไม่รู้ว่าปุ่นเขาคิดอะไรกับวิน หรือเขาแค่ต้องการที่จะ
ปรึกษาเรื่องเรียนจริง ๆ เพราะตอนนั้นวินก็ไม่ได้คิดอะไร เลยให้ไป
“วินหิวป่าว......กินอะไรกันที่บ้านหญิงมั้ย.....เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง ถือว่าเป็นการขอบคุณวิน
ที่อุตส่าห์ช่วยสอนเรามาสองอาทิตย์แล้ว” ปุ่นพูดยังไม่ทันจบ....
วินก็เห็นคนหน้าคุ้น ๆ ยืนกอดอก อยู่ด้านล่างบันได เยื้อง ๆ ร้านบ้านหญิงนั่นเอง
“แมท…” วินอุทานขึ้นมาเบา ๆ แต่ก็พอทำให้ปุ่นได้ยิน ปุ่นคงมองตามสายตาวินไป
ก็พบกับสายตาอำมหิตยืนแข็งทื่อด้านล่าง ทั้งวินและปุ่นหยุดกันอยู่ ที่อีกสามขั้นสุดท้าย
ก็จะถึงพื้นที่แมทยืนอยู่
“มานี่ !!!!!!!!” แมทกระชากมือวินจนตัวลอยลงมาจากบันไดสามขั้น วินล้มลงหัวเข่ากระแทกลงพื้นอย่างจัง โดยไม่มีอะไรมาทุ่นแรงโน้มถ่วงแต่น้อย หนังสือกระจัดกระจาย
คนก็หันมามองเป็นตาเดียว แต่วินไม่ได้ทันสนใจ เพราะรู้สึกเจ็บจนร้าว ไปจนถึงหน้าท้อง
เลยทีเดียว
“ไอห.เอี้ย ! ...animal…ม.อึง เป็นใคร....นี่แฟนกรู...ม.อึงรู้มั้ยไอควาย !!!” แมทยืนชี้หน้า
พ่นคำสบถใส่ปุ่นที่ยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
“เห้ย.....ไม่ใช่แล้ว” ปุ่นเถียงกลับมา
“ม.อึงไม่ต้องพูดเลย ... กรูเห็นม.อึงขอเบอร์มันอยู่เมื่อกี๊” แมทเรียกวินว่า ‘มัน’ พร้อมชี้นิ้ว
มาที่วิน ........แมทคงเห็นวินกับปุ่นตั้งแต่ตอนลงบันไดมาแล้ว เลยเห็นว่าปุ่นขอเบอร์วิน
และกดเบอร์บันทึกลงโทรศัพท์
“แมท...ไม่ใช่ - - นี่เพื่อนวินที่เรียนภาษาไทยด้วยกัน” วินที่เจ็บจะตาย พยายามอธิบาย
“เงียบไปเลยวิน เดือนก่อนก็ไอห.เอี้ยฟิว..นี่มีใหม่อีกแล้วหรอ....วินเป็นคนยังไงเนี่ยฮะ !!!”
แมทตะโกนดังมาก เหมือนตอนนั้นมีเพียงเรา 3 คนอย่างนั้น
“ม.อึงจะไปไหนก็ไปเลยนะ - - ไป !!!” แมทชี้หน้าไล่ปุ่น
“ไม่ !!” ปุ่นตะโกนกลับมา วินตกใจเล็กน้อยที่ปุ่นมีความกล้าเช่นนี้ เห็นตอนแรกออก
จะนิ่ง ๆ เงียบ ๆ...ไม่คิดว่าจะกล้าอยู่สู้แมท
“โห...ไอห.เอี้ย นี่ม.อึงหน้าด้านขนาดนี้เลยหรอว้ะ” แมทพูดจบก็ทำท่าจะก้าวขึ้นบันได
ไปหาปุ่น ส่วนปุ่นเองก็ไม่ได้ถอยแต่อย่างใด แต่โชคดีวิน (ที่ยังลุกไม่ขึ้น) ดึงขาแมทไว้
“แมท...นี่แมทเข้าใจผิดแล้วนะ” วินพูด
แมทสะบัดขาแรงพอให้มือวินหลุด แต่วินก็คว้าไว้ได้อีก
“แมทเรากลับเถอะ - - ปุ่น...กลับไปก่อน” วินพูดกับแมท และหันไปขอร้องปุ่น
วินคิดว่าปุ่นจะเดินกลับขึ้นไป แล้วไปลงทางฝั่งโรงหนัง ซึ่งอยู่อีกฝั่งแทน แต่ปุ่นกลับเดิน
ลงมา และเดินมาใกล้ ๆ แมท แล้วมองหน้าอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะเดินปัดตัวไปแรง ๆ
“เออ...แล้วม.อึงก็ไม่ต้องกลับมาอีกนะ...ไอ้ animal !!!” แมทด่าตามหลังปุ่นไป ปุ่นหัน
มาหยุดมองอยู่แป๊บนึง แต่ก็หันหลังกลับ แล้วเดินต่อไป
“แมท...พอแล้ว - - อายเค้า” วินพูดขึ้นเบา ๆ
“อายหรอ ..... วินน่ะแหละทำตัวน่าอายมาก” แมทหันมาพูดกึ่งๆ ตะคอกใส่วิน แล้วฉุด
วินลุกขึ้น..........พระเจ้าช่วย...เจ็บหัวเข่าสุด ๆ จะทำไงเนี่ย วินไม่กล้าแม้แต่จะมองดู
หัวเข่าตัวเองเลย คิดดู กางเกงนักเรียนก็สั้น วินเอาเข่าลงจัง ๆ ไม่มีอะไรรองรับเลย ทั้ง
แสบแผลที่ถลอก ปวดก็ปวดจากแรงกระแทก......อะไรกันเนี่ย วินยังไม่ได้ทำอะไรเลย !
“กลับไปกับแมทเดี๋ยวนี้” แมทส่งสายตาพิฆาตมาที่วิน วินพยักหน้าเบา ๆ และเดินไป
ตามแรงฉุดของแมท....แมทจูงมือวินเดินเร็ว ๆ ....ถ้าวินเป็นคนอื่นวินก็คงมองไอสองคนนี้
วินไม่โทษสายตาชาวบ้านในตอนนั้นเลย ไม่รู้สึกอายแล้วด้วยซ้ำ.....เจ็บเสียมากกว่าอีก
แมทจอดรถอยู่ในซอยภายในสยาม เมื่อถึงรถ แมทเหวี่ยงมือวินแล้วชี้ไปที่ด้านผู้โดยสาร
ขณะที่แมทกำลังไขกุญแจรถอยู่
“ขึ้นรถ !” แมทแผดเสียง
วินก็เปิดประตูขึ้นไป ทั้งที่ในใจตอนนั้นวินอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล ๆ คนอะไรไม่ฟัง
เหตุผลเอาเสียเลย....แย่ที่สุด...วินต้องมาเจ็บตัวทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
วินนั่งกัดฟันอยู่ในรถ รู้สึกโกรธแมทมาก....มากที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แมทเข้ามานั่งในรถไม่พูดอะไรกับวินอยู่พักหนึ่ง และในที่สุด....
“เลว !... วินรู้ตัวมั้ย...ว่าตัวเองทำตัวเลวระย.อำแค่ไหน!” แมทสบถเหมือนคนเริ่มติดใจ
กับการพูดคำหยาบเสียแล้ว
“แมท !” วินตะคอก ทำเอาแมทหน้าหุบเล็กน้อย
“วินบอกไม่มีอะไรไง....เค้าเป็นเพื่อน...’เพื่อน’ จริง ๆ ได้ยินมั้ย” วินขึ้นเสียงต่อไป
“ตอแห.ล !!!..... ไอ้ฟิวก็อีกเรื่องแล้ว....นี่ยังมาไอ้เด็ก xxx นี่อีก” แมทเอ่ยถึงปุ่นโดยพูดถึง
ชื่อสถาบันของเขา
“วินไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ....ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเรียนที่นี่แล้ว” แมทออกคำสั่งราวกับเป็น
คนออกค่าเล่าเรียนให้วินอย่างนั้น
“ไม่ได้...วินจะเรียนแมท...อีกไม่กี่เดือนวินก็จะเอ็นท์แล้วนะ” วินเถียง
“ไม่รู้.....ยังไงแมทก็ไม่ให้วินเรียนที่นี่แล้ว - - แมททนไม่ได้หรอกถ้าจะต้องโดนสวมเขา”
แมทยังยืนกราน
“ก็วินบอกไม่มีอะไรไง...ที่เค้าขอเบอร์วิน ก็เพราะเค้าเป็นเด็กใหม่เพิ่งมาเรียน...เค้าเรียน
ตามไม่ทันคนอื่น เค้าเลยอยากจะโทรมาปรึกษาเรื่องเรียนก็เท่านั้น” วินอธิบาย
“เดี๋ยว....แล้วแมทมาได้ยังไง...ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้มารอวินที่นี่” วินที่เพิ่งนึกออกว่าจู่ ๆ
แมทมายืนอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร และวินก็เรียนที่นี่มาครึ่งเทอมแล้ว ทำไมอยู่ ๆ แมทถึง
มาดักรอวินได้ในวันนี้
“วินไม่ต้องรู้หรอก...ว่าแมทรู้ได้ยังไง - - เอาเป็นว่า จะทำอะไรก็ระวังไว้แล้วกัน” แมทตอบ
จากนั้นแมทก็ออกรถ และไปส่งวินที่หมอชิต พอลงจากรถ วินก็รู้สึกปวด ๆ ร้าว ๆ ที่หัวเข่า
อีกครั้ง วินอาศัยแสงไฟจากสถานีรถไฟฟ้าหมอชิตดูหัวเขาตอนนั้นเอง มีแต่เพียงรอย
ถลอก และรอยแดง ๆ เท่านั้น ไม่มีเลือด ดูเกือบเหมือนจะปกติเสียด้วยซ้ำ วินต้องข้ามฝั่ง
ไปเพื่อเอารถที่จอดอยู่ โชคดีที่มีบันไดเลื่อน ถ้าให้วินก้าวขึ้นบันไดเองคงแย่แน่ ๆ
พอถึงบ้านวินก็รีบเข้าห้องน้ำเพื่อล้างแผล วินแปลกใจปนดีใจที่หัวเข่าไม่มีแผลที่
น่าเป็นห่วงหรือน่าตกใจมากนัก แต่ความรู้สึกเจ็บและปวดมันยังคงอยู่ รู้สึกตุ๊บ ๆ อยู่
ตลอดเวลา วินไม่รู้จะทำอย่างไรก็ได้แต่เอายาที่มีติดบ้านมานวด ๆ เพื่อคลายความ
เจ็บปวด….แต่หัวเข่าก็เขียวอยู่เป็นอาทิตย์ และวินต้องบอกคนอื่น ๆ ว่าล้มตกบันไดเอง
ตลอดทั้งคืนนั้นจนถึงวันศุกร์ วินคิดอยู่บ่อย ๆ ว่า อะไรที่ทำให้จู่ ๆ แมทก็มายืนอยู่
ตรงนั้น ทำไมถึงได้พอเหมาะพอดี ทำไมต้องเป็นช่วงที่ปุ่นเพิ่งมา ทั้ง ๆ ที่วินก็เรียนที่นี่มา
ตั้งนานแล้ว เหมือนแมทรู้เลยว่าปุ่นเพิ่งเข้ามาเรียน แต่อะไรที่ทำให้แมทมาในคืนนั้นนะ?
พอถึงวันศุกร์แมทก็มารับวินเช่นเคย เขาทำตัวปกติ และหวานใส่วินเหมือนเคย จนทำให้
วินรู้สึกดี และก็ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีก ในวันศุกร์นี้แมทพาวินไปที่บ้านของเขา โดย
ให้เหตุผลว่าคุณแม่อยากทานมื้อเย็นด้วย และก็ขอให้วินโทรบอกที่บ้านว่าจะกลับค่ำอีก
วินก็ตกลงตามนั้น เมื่อถึงบ้าน.....ก็เหมือนเช่นเคย เราีมีอะไรกันอีกครั้ง.....หลังจาก
ทุกอย่างจบลง......
“วินครับ.....” แมทพูดขึ้นเสียงหวาน
“ฮึ” วินตอบ
“แมทรักวินนะ....แต่แมทไม่สบายใจเลยที่วินต้องเรียนที่นั่นอ่ะ - - วินไม่ไปเรียนแล้วไม่ได้
หรอครับ.....นะครับนะ” แมทใช้น้ำเสียงขอร้อง
“แมท....วินแค่ไปเรียน ปุ่นกับวินไม่ได้คิดอะไรกันเลย” วินตอบ
“วินทำให้แมทไม่ได้หรอ - - ถ้าอะไรที่ทำให้วินไม่สบายใจ แมทก็จะไม่ทำนะครับ”
แมทกล่าว ทำให้วินรู้สึกไม่ดีที่จะต้องเลิกเรียนที่นี่ คุณแม่ของวินก็จ่ายค่าเล่าเรียนไปแล้ว
แต่ด้วยความหน้ามืดตามัวทำให้วินคิดอะไรไม่ได้มาก ความรักมากมายที่มีต่อแมทมัน
บอกให้วินทำเพื่อแมท ทำให้แมทสบายใจ
“อืม...วินจะคิดดูก่อนนะ” วินเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ เกิดมายังไม่เคยโดดเรียน หรือเลิก
เรียนพิเศษที่คุณแม่ส่งเสียมาก่อน จึงตอบไป
“ครับ ๆ.........ยังไงก็ทำเพื่อแมทนะ - - แมทอ่ะทำเพื่อวินได้ทุกอย่าง” แมทกล่าว
วินเริ่มเปลี่ยนเรื่องในใจ คิดไปถึงเหตุการณ์วันนั้น คิดว่าแมทน่าจะไถ่ถามเกี่ยวกับ
ความรู้สึกทางใจและทางกายของวินบ้าง ที่วินตกลงมาจากบันไดสามขั้นขนาดนั้น
แต่เขาก็ทำเหมือนว่าลืมมันไปหมดแล้ว แต่ความรักที่คงบวกกับความหลงในขณะนั้น
ทำให้วินมองเขาในแง่ดีมาตลอด
จู่ ๆ พี่แสงเดือนก็มาเคาะที่หน้าห้องของแมท แม้ว่าวินที่นอนอยู่ตรงนั้นจะเพิ่งแต่งองค์
ทรงเครื่องเรียบร้อยแล้ว (เพราะขี้อาย) แต่แมทที่ตอนนั้นยังไม่ได้ใส่อะไรเลย ก็หยิบ
ผ้าเช็ดตัวไปนุ่งและออกไปเปิดประตู ........ สีหน้าพี่แสงเดือนตกใจเล็กน้อย แสดงสีหน้า
ตะลึง ๆ อยู่ขณะหนึ่งเลยทีเดียว ภาพของวินในสายตาของพี่แสงเดือนตอนนั้นคงไม่มี
เรื่องแบบนี้อยู่เสียเท่าไหร่นัก
“คุณผู้หญิงให้มาตามคุณวินค่ะ” พี่แสงเดือนที่ยังคงมองหน้าวินแบบอึ้ง ๆ เอ่ยขึ้น
วินรู้สึกได้ด้วยสามัญสำนึกทันทีว่า ‘นี่แมทคงบอกคุณแม่เรื่องปุ่นไปเรียบร้อยแล้วหละ’
วินเคาะประตูห้องคุณแม่ แล้วเปิดเข้าไปได้เพียงไม่มาก วินก็เพิ่งเข้าไปได้เพียงครึ่งตัว
จู่ ๆ วินก็รู้สึกถึงแรงกระชากที่แขนเข้าไปในห้องอย่างแรง
“คุณแม่” วินเอ่ยทักขึ้น เมื่อเห็นหน้าเจ้าของแรงเมื่อครู่
คุณแม่ไม่พูดอะไร แต่เข้ามาจับหัวไหล่ของวินทั้งสองข้างไว้แน่น แล้วคุณแม่ก็จ้องหน้าวิน
ด้วยสายตาเย็นชาแต่แข็งกร้าวเหมือนเคย คุณแม่เม้มปากแน่นเหมือนคนกำลังกัดฟัน
“คุณแม่...” วินพูดขึ้นเสียงสั่น ๆ ด้วยความตกใจกลัว ...ไหนแมทบอกว่า คุณแม่อยาก
ทานมื้อเย็นกับวิน.......แต่นี่คุณแม่จะทานวินเข้าไปเสียเองแล้ว
“แม่ – บอก – ว่า – ยังไง – วิน” คุณแม่พูดโดยไม่อ้าปาก ขบฟันไว้แน่น เอ่ยขึ้น โดยย้ำทุก
พยางค์ที่ท่านพูด
“คุณแม่.....แมทเข้าใจวินผิด - - มันไม่มีอะไรจริง ๆ นะคุณแม่” วินตอบไป น้ำตาเริ่มคลอ
(อีกแล้ว....วินนี่อ่อนแอเสียจริง ๆ)
“อย่ามา - - โกหก - - ชั้น” คุณแม่พูดกลับมา น้ำเสียงแข็งมาก แถมยังใช้คำแทนตัวเอง
ที่ท่านไม่เคยพูดกับวินมาก่อน
“ถ้า – ยังอยาก – คบ – กับ – ลูกชาย – ของชั้น – อย่างมี – ความสุขอยู่.....เลิก – เรียน –
ที่นั่น – ซะ – เข้า – ใจ – มั้ย” น้ำเสียงคุณแม่ตอนนั้นมันทำให้วินปฏิเสธไม่ได้ วินกลัว
คุณแม่มาก...กลัวมากจริง ๆ ในตอนนั้น วินได้แต่พยักหน้าน้ำตาไหลพรากไป
หลังจากวินพยักหน้ารับคำแล้ว ท่านก็คลายมือ จากบริเวณหัวไหล่ของวินออก วินรู้สึก
ได้ทันทีว่าเลือดวิ่งไปเลี้ยงแขนของวินอย่างเร็ว นี่คุณแม่บีบแขนวินไว้แน่นขนาดนี้เลย
หรือนี่?
“ดี...อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกนะวิน” คุณแม่เปลี่ยนน้ำเสียงมาเป็นปกติ แต่ยังคง
ความเย็นชา และสายตาที่มองวินอย่างเหยียดหยามอยู่
“คุณแม่...วินไม่ได้ทำอะไรเลย - - แมทเข้าใจไปเองทั้งนั้น” วินเถียงกลับ ครั้งนี้วินไม่
ผิดจริง ๆ ....วินจะยอมได้อย่างไร
“อย่ามาเถียง!” คุณแม่ยกมือขึ้นชี้หน้าวิน มือคุณแม่เกร็งเสียจนมือของท่านสั่น
“คิดว่าแมทโง่งั้นหรอ.....วินว่าลูกแม่โง่งั้นหรอ....ฮะ!” คุณแม่ตะคอกแบบกั๊กเสียงไว้
เพื่อไม่ให้เล็ดรอดออกไปถึงนอกห้องจนใคร ๆ ได้ยิน
“คุณแม่....” วินร้องไห้
“เงียบเดี๋ยวนี้นะวิน....แม่ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนี้มาก่อนในชีวิต”
คุณแม่ตัดสินวินอีกแล้ว....วินไม่รู้จะทำอย่างไร...วินจึงหันหลังเดินไปที่ประตู เพื่อที่จะ
ออกไปจากห้องของคุณแม่
“ใครให้เธอไป” คุณแม่แผดเสียงขึ้น วินจึงหยุดและหันกลับมา
คุณแม่เดินตรงเข้ามาที่วินและใช้นิ้วชี้ของท่านผลักหน้าผากของวินอยู่ 3-4 ที ค่อนข้างแรง
อยู่ทีเดียวเลย
“อย่างเธอน่ะ.....เดี๋ยวแมทก็เขี่ยทิ้ง - - อย่ายโสนักเลย....พวกผู้ดี ‘เก่า’ อย่างบ้านเธอน่ะ
ชั้นไม่ก้มหัวให้หรอก แม้แต่ลูกของชั้น ชั้นก็จะไม่ยอมให้อีพวกตระกูลดังที่เหลือแต่ชื่อ
หน้าไหนมาทำร้ายเด็ดขาด” ในความคิดวินตอนนั้นอยากจะผลักคุณแม่ให้ไปไกล ๆ
หน้าวินเหลือเกิน คุณแม่แสดงกริยาที่ดูถูกวินโดยการใช้นิ้วดันหน้าผากวินยังไม่พอ
ยังกล่าวว่านามสกุล และตระกูลของวินอีก....คุณแม่คือคนแรก และคนเดียวที่ทำอย่างนี้
ตั้งแต่เกิดมาวินไม่เคยถูกกระทำแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“จำไว้นะ” คุณแม่พูดประโยคสุดท้ายจบ ก็ใช้นิ้วผลักหน้าผากวินอย่างแรง จนหน้าหงาย
“ออกไปได้แล้ว . . . และก็เชิญกินข้าวกับลูกชายของชั้นไปตามสบายเลยนะ - - ชั้นคงไม่
ไปร่วมโต๊ะอาหารกับพวกตอแห.ลหรอก” คุณแม่พูดจบก็สะบัดหน้าเดินไปที่เตียงนอน
วินที่มีคำพูดมากมายอยากจะอธิบายก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่เดินน้ำตานองออกไปจาก
ห้องนอนของท่าน
“วินเป็นอะไร !” แมทที่ออกมาพอดีเอ่ยถามขึ้น
วินที่ตอบช้าเกินไป จึงไม่ทันคุณแม่ที่ได้ยินเสียงของแมทถามขึ้น แล้วออกมาจากห้อง
เกือบจะทันที
“วินก็มาขอโทษแม่น่ะสิลูก ... จะอะไรซะอีก....แล้ววินเค้าก็ ‘สัญ – ญา’ ว่าเรื่องแบบนี้
จะไม่เกิดขึ้นอีก - - แถมเค้าก็รับปากแม่แล้วนะ...ว่าจะไม่กลับไปเรียนที่นั่นอีก”
คุณแม่นี่ช่าง..........วินจะพูดอย่างไรดี.......?
“วิน .... ขอบคุณมากเลย” แมทเข้ามาจับหัวไหล่วินแล้วเขย่าเบา ๆ แสดงความดีใจ
วินก็ได้แต่พยักหน้า แล้วหันไปมองคุณแม่ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยคำถามมากมาย
ท่านก็ดูไม่ใยดีนัก จึงสะบัดหน้ากลับเข้าไปในห้องนอน
“แมท....วินกลับก่อนนะ” วินบอกแมท
“อ้าว ! ทำไมหละ...ไม่อยู่กินอะไรด้วยกันก่อนหรอ” แมทถามน้ำเสียงตกใจ
“ไม่อ่ะ....วินไม่หิว.....วินอยากกลับบ้าน” วินตอบไป....ตอนนั้นใครกินอะไรลง วินก็ว่า
เก่งมากแล้วหละ
แมทมีสีหน้างง ๆ แต่ก็ยอมเดินไปส่งวินที่รถแต่โดยดี วินหวังว่าเขาจะถามอะไรวินสักคำ
วินจะได้พลั้งปากบอกความจริงไปบ้าง แต่แมทก็ไม่เคยถาม แมทเป็นคนที่ปากหนักมาก
ตลอดเวลาที่เราคบกัน แมทไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของวินเท่าไหร่ และหลัง ๆ ก็ดูจะใส่ใจ
แต่ความรู้สึกของตัวเองแต่เพียงผู้เดียวเสียด้วย
____________________________________________________________________
ตัวอย่างตอนต่อไป
ตอนที่ 15 หน้าที่...ของเพื่อนสนิท
ตอนที่ 15 สั้น ๆ เดี๋ยวขอมาต่อตอนเย็น ๆ
(กะว่าจะอัพวันละตอนซะหน่อย -*-)