8
ลำดับความสำคัญน้องฟิวทักแชตมาหาผมตอนเช้า ชวนไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน...
ผมหาวเบาๆ เพื่อนที่นั่งเรียนข้างกันหันมามอง เขาชื่ออาร์ต เรียนโภชนาการ ปี3 คณะสหเวชศาสตร์ รู้จักกันเพราะอาร์ตมานั่งข้างผมในคาบแรก ผมก็ขอยืมปากกาเขาเลย เพราะตอนมาเรียนหยิบแต่หนังสือติดมา
“ หาวอีกละ ” อาร์ตบ่น มือจดที่อาจารย์สอนหน้าห้องไปด้วย
ปีที่แล้วผมตกภาษาอังกฤษตัวนี้ไป เทอมนี้เลยต้องมาลงเรียนใหม่ ที่เหี้ยคือผมไม่ได้ทำข้อสอบไม่ได้นะ แต่ขาดเกินโควตาที่อาจารย์กำหนด ทำไงล่ะ? ก็ดรอปดิครับ แล้วก็กลับมาเรียนใหม่ปีนี้กับพวกสหเวชฯ ปี3
“ ตั้งใจเรียนหน่อยสิเชา เดี๋ยวนายก็ได้ลงตัวนี้ปีหน้าอีกหรอก นี่ปี3จริงเหรอเนี่ย ” ประโยคหลังพูดเบาๆ
นอกจากโดนบ่นแล้วยังหลอกด่าผมอีก ดูมัน…
“ อืมๆ ” ผมกดโทรศัพท์แชทกับเพื่อนต่อ ปล่อยให้หน้ากระดาษในหนังสือผมว่างไป “ ไม่ต้องเรียนเรายังติวให้นายได้เลย ”
อาร์ตกลอกตา ไม่อยากยอมรับอ่ะดิว่าผมเก่งอังกฤษ แต่มิดเทอมคราวที่แล้วที่อาร์ตทำได้เกิน 70% เป็นเพราะผมติวให้จริงๆ ฮ่าๆ
“ เออ รู้ว่าเก่ง แต่ไม่เรียนเลยแบบนี้อาจารย์ก็หมั่นไส้นายอีก เราเตือนเราหวังดีนะ ”
ผมหัวเราะ แล้วก็นึกขึ้นได้ “ เออ ที่บอกจะเลี้ยงข้าวเราอ่ะ เลี้ยงเมื่อไหร่ อยากกินแล้วนะ ” เลี้ยงขอบคุณที่ผมติวมิดเทอมให้นี่แหละ
“ อืม…. เมื่อไหร่ดีล่ะ ” ถ้าไม่บ่นผมอาร์ตก็จะตอบเนือยๆ แบบนี้
“ กลางวันนี้เลยป่ะ มีเรียนบ่ายมั้ย ” ผมพูดเล่น แกล้งท้า แต่อาร์ตเอาจริง…
“ มี แต่ถ้ากลับมาทันก็โอเค นายอยากกินอะไร ”
โห.. ป๋าเว้ย!
“ งั้นกินติ่มซำใกล้ๆ เดี๋ยวเรากลับมาส่งนายไม่ทัน ”
“ นายมีรถด้วยเหรอ ” อาร์ตหันมามองผม ท่าทางไม่เชื่อ “ ไม่เคยเห็นนายเอารถมา ”
ผมยักคิ้วกวนให้ เป็นเชิงว่าเดี๋ยวรู้ นั่นทำให้อาร์ตขำเบาๆ หันกลับไปมองหน้าห้องตั้งใจเรียนเหมือนเดิม
...ผมเพิ่งนึกออก.. น้องฟิวก็ชวนผมกินข้าวกลางวันเหมือนกันนี่หว่า
ผม: พี่นัดกับเพื่อนไว้แล้วครับ
อาจจะห้วนไป เติมอีกประโยคก็ได้...
ผม: ขอโทษนะ
ผมส่งข้อความกลับไป น้องคงเข้าใจ สักพักแชทเฟสผมก็แจ้งเตือนอีกรอบ เป็นน้องฟิวที่ส่งข้อความกลับมา
ฟิว: ไม่เป็นไรครับ กินกับพี่แซคพี่ขวัญเหรอ
ผม: เปล่า คนนี้ฟิวไม่รู้จัก
ข้อความของผมขึ้นว่า read ทันที แสดงว่าน้องเปิดแชตรออ่านข้อความผมอยู่ เหนือกล่องข้อความของผมแสดงสัญลักษณ์ว่าน้องฟิวกำลังพิมพ์ข้อความ แล้วก็หยุดไปสักพัก ก่อนจะพิมพ์ต่อ แล้วก็หยุดอีกรอบ
ผมรอดู ว่าน้องจะตอบกลับมาว่าอย่างไร
รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรที่ไม่เหมือนเดิม น้องฟิวก็สามารถรับรู้ความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ได้ น้องจึงพยายามทำอะไรที่ต่างไปเช่นกัน...
ฟิว: ฟิวไปด้วยได้มั้ยคับ
ผมเงียบ คิดคำตอบสักครู่
ผม: เดี๋ยวพี่ถามเพื่อนก่อนนะ
อืม... ผมคงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“ เราไปรับน้องก่อน สั่งอะไรไปก่อนเลยก็ได้ ” ผมจอดรถมอไซค์ให้อาร์ตลงหน้าร้านติ่มซำ
“ อืม น้องนายจะกินอะไรมั้ย เดี๋ยวเราสั่งให้ก่อน นายด้วย... ”
“ ไม่เป็นไร ขอบใจมาก เดี๋ยวเรามา ” ผมตบกระจกหมวกกันน็อคลงแล้วขับกลับไปที่คณะวิศวะ เพื่อรอน้องฟิวเลิกเรียนแล้วเดินลงมาตรงที่นัดกันไว้
หลังจากตอบฟิวไปอย่างนั้นผมก็ถามอาร์ตว่าอีกคนไปได้รึเปล่า แต่เดี๋ยวผมออกให้เอง อาร์ตดูแปลกใจแต่ก็บอกว่าได้ ผมจึงบอกน้องฟิวไปแบบนั้น น้องดูดีใจมากจากสติ๊กเกอร์ยิ้มกว้างและประโยคที่ว่า
‘ ครับ จะได้เจอพี่เชาแล้ว อยากให้อาจารย์ปล่อยไวๆ จัง ’
ผมจอดรถรอไม่นานฟิวก็เดินมาพร้อมเพื่อนสาวสองคน คนนึงผมทรงหัวเห็ด อีกคนหน้าจีนจืดๆ ตัวกลม
“ พี่เชา นี่เห็ดกับปุ๊ก เพื่อนฟิวคับ... ” น้องบอก คนหัวเห็ดชื่อปุ๊ก ส่วนคนอวบๆ ชื่อเห็ด
“ หวัดดีค่ะ ” ทั้งคู่ยิ้มเหนียมอายให้
ผมกระตุกมุมปากยิ้มกลับเล็กน้อย “ หวัดดีครับน้อง ” คงรู้ว่าผมกับฟิวเป็นอะไรกัน “ พี่ยืมตัวฟิวพาไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันหน่อย น้องไม่ว่าอะไรนะครับ? ”
ฟิวเขินกับประโยคนี้ น้องก้มหน้าหนีแก้มแดง กลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ
“ อุ๊ย! ไม่ว่าค่ะๆ “ คนที่อวบๆ ว่า “ แต่อยากไปด้วย อิอิ ”
ผมยิ้มไม่ได้ตอบอะไร น้องก็โดนเพื่อนหยิกเอวจนสะดุ้ง หันกลับไปมองเพื่อนหัวเห็ดตาขวาง
“ อีเห็ด! ” น้องหัวเห็ดเสียงเขียว “ พวกหนูล้อเล่นค่ะ แฮะๆ ”
“ ไม่เป็นไรครับ ไว้คราวหน้านะ วันนี้พี่เอามอไซค์มา ” ผมหัวเราะเบาๆ ก้มมองนาฬิกาเล็กน้อยก็เห็นว่าตอนนี้ผ่านไป 15 นาทีแล้ว ถ้าผมไม่รีบ อาจจะกินติ่มซำอิ่มไม่คุ้มกับที่มีคนเลี้ยง ” ไปยังฟิว? ”
“ ครับ.. ”
ผมส่งหมวกกันน็อกสีดำ-แดงของตัวเองให้น้องเหมือนเดิม
“ อ่ะ.. แล้วหมวกฟิว..? ” น้องแปลกใจ ถามถึงหมวกเหลืองติดสติ๊กเกอร์เป็ด
ความจริงมันอยู่ที่ห้อง ผมไม่ได้หยิบมาเพราะไม่คิดว่าจะต้องใช้ และผมก็ลอกสติ๊กเกอร์เป็ดออกเพื่อให้คิงสวมมันได้อย่างสบายใจไม่มีสติ๊กเป็ดปัญญาอ่อนติดอยู่ไปแล้ว ถ้าผมบอกน้องไปแบบนั้นก็ดูจะเหี้ยเกินไป
“ พี่ลืมไว้ที่บ้าน ใส่ใบนี้ไปก่อนนะครับเป็ดน้อย ” จับหมวกกันน็อกตัวเองสวมให้ฟิวด้วย เพื่อที่เราจะได้รีบไปที่ร้านติ่มซำกันสักที
พอถึงร้าน ผมพาฟิวไปหาอาร์ตที่โต๊ะ ร้านอาหารคนเต็ม มีทั้งพนักงานและเด็กมหาลัยผม
“ ฟิวนี่เพื่อนพี่ อาร์ตนี่ฟิว ” ผมแนะนำสั้นๆ สองคนจะได้ร่วมโต๊ะกันอย่างไม่อึดอัดเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร อาร์ตดูแปลกใจที่เห็นฟิว ส่วนฟิวส่งยิ้มเกร็งๆ ให้
“ หวัดดีครับพี่อาร์ต ” น้องนั่งข้างผม อาร์ตนั่งฝั่งตรงข้ามคนเดียว พยักหน้ารับทักทายน้องกลับ
“ นายสั่งอะไรไปบ้างแล้วอ่ะอาร์ต ” ผมถามเอาเมนูมาเปิดดู บนโต๊ะมีติ่มซำวางอยู่สองสามอย่าง “ นี่เสิร์ฟครบยัง? ”
“ ยัง เราสั่งแค่ของเรา รอนายมาสั่งของนายเนี่ย ” แล้วอาร์ตก็ยกมือเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์
ผมดูเมนูสั่งของที่ตัวเองอยากกินไปหกเจ็ดอย่างถึงหันมาถามฟิวว่าอยากกินอะไร น้องเอาแต่ก้มหน้าเงียบ แลดูอึดอัดพอสมควร ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
“ ...พี่เชาสั่งเลย..ฟิวกินอะไรก็ได้ครับ... ”
“ พี่สั่งแล้ว เมื่อกี้ไง ” ผมตอบตามความคิดตัวเอง ไม่ได้สนใจว่าคนฟังรู้สึกอย่างไร พอนึกขึ้นได้ถึงหันมอง
น้องฟิวเม้มปากเหมือนอดกลั้น บีบมือตัวเองแน่นกว่าเดิม
“ อ่า….ครับ... ”
ผมเงียบ แล้วถอนถอนหายใจเบา สั่งเมนูที่น้องชอบกินให้
“ เอาขนมจีบกุ้ง ซาลาเปาไส้ครีม กับซาลาเปาทอดมาเพิ่มด้วยครับ ”
อาร์ตเห็นมันคงงง พี่น้องห่าอะไรง๊องแง๊งอย่างกับเป็นแฟนกัน… ถามว่าทำไมผมต้องเอาใจฟิวด้วย? ก็เพราะว่าถ้าผมไม่ทำอะไรบางอย่าง น้องก็จะเอาแต่นั่งเงียบและไม่สั่งอะไรกิน ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายชวนออกมากินข้าวกลางวันด้วยกันก่อน…
“ เออเชา คาบหน้าอาจารย์ไม่เข้านะ ” จู่ๆ อาร์ตก็พูดถึงเรื่องในห้องเรียนขึ้นมา “ แกว่ามีประชุม ”
“ ตอนไหน? ” ผมจำไม่ได้นะว่าอาจารย์พูด วันนี้ผมไม่หลับเลยสักนิดด้วย สัปหงกก็ไม่มี ไม่น่าพลาดไปได้นะแบบนี้
“ ช่วงเบรค ที่นายบอกเราว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่จริงๆ แล้วแลกไลน์กับนิ้งหน่องอยู่ ” อาร์ตพูดเนือยๆ ของมัน
น้องฟิวนั่งอยู่ข้างผมถึงกับสะอึก น้องเงยหน้าขึ้นมามองผมสายตาตัดพอ
งานเข้าแล้วไงกู…….
“ เปล่า.. นั่นเขาขอไลน์เพื่อนเรา…. ” ผมแก้ตัวไปเนียนๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง มันทำผมตกใจ เกือบหาข้อแก้ตัวไม่ทัน “ ทำไม นายชอบนิ้งหน่องเหรอ ”
อาร์ตมองผมเหมือนเพิ่งถามคำถามที่เหลือเชื่อที่สุดในชีวิตมันไป
โอเค อาร์ตไม่ได้ชอบนิ้งหน่อง
“ อืม ”
“ เฮ้ย! ” กลายเป็นผมเองที่ตกใจ “ พูดจริงป่ะเนี่ย? ”
ผมว่าเพื่อนผมคนนี้มันเชือนไปแล้วว่ะ แกล้งแซวเล่นแต่มันคิดจริงเฉย แล้วคือปฏิกิริยาตอบรับของอาร์ตเฉื่อยมากจนผมประหลาดใจ ไม่เคยเจอมาก่อน
“ อืม นายรู้ได้ไงเชา ”
จริงๆ เราก็ยังไม่รู้หรอกอาร์ต แต่...
“ นายบอกเราเอง ”
อาร์ตเลิกคิ้วแปลกใจ “ เมื่อไหร่? ”
เชี่ย….… มือที่คีบฮะเก๋าผมอยู่นี่ถึงกับสั่น
“ เมื่อกี้ ” ผมตอบอาร์ต ไม่แปลกใจว่ามันรู้จักนิ้งหน่องมา 3 ปี แล้วแต่ยังจีบเธอไม่ติด แม่ง...ตลก...
อาร์ตดูอึ้งไปพัก “ เชานายกินซาลาเปาไส้ครีมนี้อีกมั้ย ” พอผมส่ายหน้าอาร์ตก็หยิบซาลาเปาไปกิน เปลี่ยนเรื่องแก้เก้อ อาร์ต...มึงไม่เนียนมาก...
ผมชวนอาร์ตคุยระหว่างมื้ออาหารเรื่อยๆ จนเกือบลืมไปว่าน้องฟิวก็นั่งอยู่ข้างกัน น้องนั่งกินเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาเท่าไหร่ ผมเหล่ตามองเล็กน้อย น้องทำหน้าซึม เหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว…
เฮ้อ!
“ ฟิว อิ่มรึเปล่า? กินขนมจีบกุ้งอีกมั้ย หรือเอาโค้กอีก? ” ผมเทคแคร์น้องบ้าง ยิ้มพลางถามถึงอาหารและเครื่องดื่มที่น้องชอบ โค้กของฟิวหมดแล้ว และก็ยังไม่ได้เติม ขวดโค้กอยู่ใกล้มือผม.. ทำไมไม่บอก? น้ำเข็งน้องฟิวละลายหมดจนเป็นน้ำอยู่ก้นแก้ว
ฟิวเม้มปากส่ายหน้าไปมา
“ ไม่เป็นไรคับ…. ฟิวอิ่มแล้ว… ”
“ กินอีกหน่อยดิ ยังเหลือซาลาเปาทอดอีกชิ้นนึงนะ ”
ผมก็ไม่ได้สั่งให้น้องเยอะ จริงๆ ต้องบอกว่ามื้อนี้น้องกินน้อยมากต่างหาก ทำไมมันต่างจากตอนพาไปกินปิ้งย่างกันสองคนจังวะ
น้องฟิวเป็นเด็กไทยไม่กินผัก กินแต่เนื้อ พาไปปิ้งย่างน้องกินเยอะพอๆ กับผมที่หนักกว่า 80 กก. ทั้งที่น้องตัวเล็กนิดเดียว แต่พอเป็นติ่มซำวันนี้ดูไม่เจริญหาอารสักเท่าไหร่…
เอาจริงผมก็เดาสาเหตุได้ น้องไม่สนุกที่อาร์ตอยู่ด้วย แต่ผมก็เตือนน้องแล้ว ว่าผมไปกับเพื่อน และน้องไม่รู้จักเพื่อนผมคนนี้ แต่ถึงไปกับเพื่อนคนอื่นที่น้องรู้จัก น้องก็ไม่สนุกเหมือนกันอยู่ดี…
เพื่อนผมส่วนใหญ่รู้จักน้องฟิวในฐานะน้องชาย และผมเคยเป็นติวเตอร์ให้เขาก่อนเข้ามหาลัยเท่านั้น มีแค่คิงที่รู้ว่าผมกับน้องฟิวเป็นอะไรกัน คนอื่นคิดว่าผมโสดกันอยู่ทั้งนั้น ถึงสเตตัสเฟสบุ๊กผมขึ้นว่า Complicated แต่มันก็ขึ้นอย่างนั้นอยู่เป็นชาติตั้งแต่ผมจีบน้องแรกๆ และผมไม่ได้เปลี่ยนสักทีจนพวกมันเลิกสนใจไปเอง
หลังมื้อกลางวันจบลง อาร์ตจ่ายเงินเลี้ยงเรากันหมดทุกคน (มันป๋า ผมพยายามจ่ายส่วนของน้องฟิวแล้ว แต่มันไม่เอา) ผมคร่อมมอไซค์ ถือหมวกกันน็อคไว้ในมือขวา น้องฟิวเดินเข้ามาทำท่าจะขึ้นมอไซค์
“ ฟิวครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งเพื่อนที่คณะก่อนนะครับ เดี๋ยวมันไปเรียนบ่ายไม่ทัน ”
น้องฟิวชะงัก มองผมนิดนึงแล้วก็ก้มหน้าจนคางแทบชิดคอ
“ ครับ... ” น้องตอบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ผมรู้ว่าน้องเสียใจ น้อยใจ แต่ยังไม่มีเวลาใส่ใจมาก ตอนนี้จะบ่ายโมงอยู่แล้ว “ อาร์ตขึ้นมาเร็ว ” ผมสวมหมวก
อาร์ตมีท่าทางลังเล แต่มันก็รีบเหมือนกัน เห็นว่าวิชาถัดไปถ้าสาย 15 นาทีอาจารย์จะล็อกห้อง
“ แล้วน้องนาย..? ”
“ ฟิวเอาไง รออยู่นี่มั้ย เดี๋ยวพี่กลับมารับพาไปส่งอีกรอบ ” มอไซค์ผมก็นั่งได้แค่ 2 คน
น้องเม้มปาก หายใจช้าๆ ตอบโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองผมสักนิด
“ ไม่เป็นไรคับพี่เชา…ส่งเพื่อนแล้วรีบไปเรียนเถอะ เดี๋ยวฟิว...เดินกลับเอง... ”
“ หรือจะนั่งแท็กซี่มั้ย พี่ออกให้? ”
“ …...ไม่เป็นไร พี่เชา...รีบไป...เถอะ... ”
“ โทษทีนะ ” ผมยื่นมือไปขยี้ผมน้องเบาๆ จับหัวโยกไปมา “ พี่ไปแล้ว ฟิวถึงห้องเรียนแล้วไลน์มาบอกด้วยนะครับ ”
น้องยิ้มออกมาเล็กน้อย พยักหน้ารับ ผมถึงสตาร์ทรถแล้วรีบบึ่งกลับไปส่งอาร์ตที่คณะสหเวชศาสตร์แล้วก็รีบขับกลับคณะตัวเอง วิชาถัดไปของผมก็ใช่ว่าจะไปสายได้เท่าไหร่เหมือนกัน
ถึงห้องเรียนแล้วผมก็ส่งข้อความไปหาน้องฟิว
‘ เย็นนี้พี่ขอแก้ตัวด้วยมื้อเย็นนะ เดี๋ยวพาไปกินปิ้งย่าง ’
-----------------------------------------------------------
จบตอนนี้มีคน
เชาแน่เลย จริงๆต้องถามว่าใครไม่เกลียดมันบ้าง....
ขอเม้าอีเชานิดนึง 5555 อธิบายเกี่ยวกับเหตุผลการกระทำในตอนนี้ด้วยแหละ อีเชาเป็นคนเรียงลำดับความสำคัญของคนแบบนี้...
เขียนอธิบายกลัวงง T_T ทีนี้ สิ่งที่น้องฟิวเจอเนี่ยไม่ใช้การโดนผลักไปอยู่กับกลุ่มคนรู้จัก แต่เป็นการที่เชาปฏิบัติกับอาร์ต ซึ่งเป็นแค่เพื่อนใหม่,คนรู้จัก ดีกว่าน้องฟิว ที่เป็นแฟนกัน น้องฟิวดูไม่ออกหรอกค่ะว่าตัวเองกำลังโดนเชาเล่นอะไร น้องแค่เชาไม่สนใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อน รู้สึกไม่ดีเอามากๆ และน้อยใจ...
การกระทำของเชาแย่มาก เรายอมรับ เชาควรจะโดนดีเข้าสักวัน แต่ประเด็นคือใครจะทำร้ายความรู้สึกเชาได้ ในเมื่อมันไม่ได้ให้ความสำคัญกับใครมากขนาดนั้น...นอกจากตัวเองและครอบครัว
สรุปคือ มาช่วยกันรอดูอีเชาล้มกันไปพร้อมๆ กันนะคะ 555555555555ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
ปล. ถ้าตรงไหนรู้สึกแปลกๆ หรือขัดใจยังไง ท้วงบอกเราได้เลยนะคะ บางทีเรายังถ่ายทอดเรื่องราวได้ไม่สุด แต่เราอยากให้ทุกคนอินไปกับเรา สนุกไปกับเราจริงๆ เพราะระหว่างเขียนเราสนุกมากเลย แต่คนอ่านอาจจะหน่วงหรือปวดตับ... ต้อง.......ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง