พิมพ์หน้านี้ - .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 5 (18/08/17)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: cherilnatcha ที่ 17-04-2015 01:02:59

หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 5 (18/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 17-04-2015 01:02:59
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



บทนำ





ผมนั่งดูดมาร์โบโลแดงรอคนอยู่ บนโต๊ะมีคาราเมลแมคคิอาโต้ที่ไม่ค่อยพร่องลงไปเท่าไหร่ทั้งที่ผมนั่งอยู่อย่างนี้มาสักพักแล้ว ผมเช็คมืออีกรอบก็ยังไม่มีข้อความใหม่ตอบกลับมาจากน้องฟิว แฟนของผม นอกจากข้อความตอนบ่ายสองโมงที่น้องไลน์มาบอกว่าเขากำลังออกจากหอ ใกล้ถึงแล้ว...


มีคนนั่งลงที่นั่งว่างข้างกัน มือหยิบแมคคิอาโต้ของผมไปดูดหน้าด้านๆ แต่ช่างมัน ไม่มีอารมณ์สนใจ


" ยังไม่มาอีกเหรอวะ " คิงถาม มันเป็นรูมเมทผมแต่เราแยกกันมา เมื่อคืนมันนอนห้องแฟน


ผมพยักหน้า คีบบุหรี่จากปากแล้วพ่นควันออกไปข้างๆ มองบุหรี่ที่มือผม ไม่พูดอะไรมาก หยิบบุหรี่ซองขาวกลิ่นเมนทอลของตัวเองออกมาดูดด้วยกัน


" ทู้มึงแม่งดังไปถึงม.อีเจนนี่เลยว่ะ " คิงกล่าวถึงเพื่อนคนนึงของมัน อยู่มหาวิทยาลัยกลางเมืองอุดมไปด้วยตุ๊ดและเกย์ " เชามึงลบทู้ไปรึยังวะ "


" กูลบแล้ว... " ผมตอบเซ็งๆ " แต่แม่งมีแคชไง แม่งก็แชร์แคชกันต่อ " หงุดหงิดว่ะ ที่จริงผมควรลบเนื้อหาก่อน แล้วค่อยลบกระทู้ แต่นั่นล่ะ ผมทำแต่อย่างหลังออกไป กระทู้น่าปวดหัวนั่นแม่งเลยยังถูกแชร์อยู่เรื่อยๆ


" แล้วมึงทำไง? "


" ช่างแม่ง " ไปไวขนาดนี้กูทำอะไรได้แล้วว่ะคิง


เรื่องของเรื่องคือผมดันไปตั้งกระทู้ ระบายเรื่องของตัวเองกับแฟนในพันทิป...


คนอ่านมากๆ แชร์มากๆ แล้วก็ดันมีรีพลายนึงในนั้นถามว่าผมใช่ ช. วิศวะเครื่องกล ปี3 ม.A รึเปล่า ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะช่วงนั้นไม่ได้เข้าพันทิปเลย รู้ตัวอีกทีก็มีคนกระหน่ำแอดเฟรนด์เฟสบุ๊กผมมาเต็มไปหมด(แน่นอนว่าผมไม่ได้กดรับเพื่อน) ทักเยอะแยะ โพสหน้าวอลล์ แค่นี้ก็น่ารำคาญพอแล้ว ยังมีคนออกมาเคลมว่ารู้จักผมกับแฟนแล้วบอกเล่าเรื่องเราในอีกมุม ทำให้จากตอนแรกที่คนให้กำลังใจกลายเป็นรุมด่าผมซะเสียหมา


ผมแบบ... เชี่ยไรวะเนี่ยย!!!


ที่เหี้ยที่สุดคือแฟนผมรู้เรื่อง...


ผมพยายามบอก พยายามอธิบายว่าที่เขียนไปนั่นเขียนเอามัน ไม่คิดอะไรจริงๆ ก็ไม่ฟัง เอะอะไรให้คุยกับเพื่อนตลอด เพื่อนแฟนผมแม่งก็โคตรน่ารำคาญ นอกจากจะไม่พยายามช่วยให้เรื่องมันดีขึ้นแล้วยังจิกกัดผมสารพัด ทำตัวอย่างกับเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม น่าหงุดหงิดชิบหาย


" มาแล้ว "


คิงสะกิดบอก บุ้ยไปทางซ้ายมือของมัน ผมมองตาม


เด็กหนุ่มตัวเล็กก้มหน้าตลอดทางที่เดินมากับเพื่อนผู้หญิงสองคน คนหนึ่งตัดผมทรงหัวเห็ด อีกคนเป็นอาหมวยหน้าจืดตัวกลมๆ ทั้งคู่กอดแขนน้องฟิวกันคนละข้าง เดินมาหาผมกับคิงที่นั่งดูดบุหรี่กันอยู่


ทั่งคู่ย่นจมูก มองอย่างไม่พอใจ คนซ้ายที่หน้าหมวยไอค่อกแค่กเหมือนประชด คิงเห็นแล้วก็คิ้วกระตุก ผมรอดูว่ามันจะทำอะไร คิงขี้หงุดหงิด โมโหง่าย และไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่ด้วยว่าคนที่กวนตีนมันเป็นผู้หญิงหรือชาย มันด่าอย่างเท่าเทียมกันหมด


" ตีนติดคอไง? " มันพ่นควัน อยู่เหนือลมพอดีควันเลยตีเข้าหาทั้งสามคนที่นั่งอยู่


คราวนี้ไอสำลักกันจริงจัง…


ผมขี้เกียจอะไรมาก เป็นคนดับบุหรี่ก่อน แล้วมองแต่แฟนตัวเองที่นั่งตัวลีบอยู่ตรงกลาง น้องตาบวมช้ำ จมูกแดงก่ำอย่างคนเพิ่งร้องไห้อย่างหนักมา...


" ดับบุหรี่ด้วยค่ะ พวกหนูแพ้ควัน! " คนอวบๆ ยังคงมองคิงตาขวางอยู่


มันคงไม่ทำตาม ผมจึงบอกมัน " มึงดับบุหรี่ดิ๊คิง " กูรำคาญสองคนนี้เยอะ


คิงมีท่าทางไม่พอใจ มันดูดอีกครั้งสองครั้งก็ดับบุหรี่ เราจึงเริ่มคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด


ทั้งกระทู้พันทิปเจ้าปัญหา,


ความสัมพันธ์ของผมกับคิง


และสาเหตุ ‘ อาการหมดรัก ’ ของผม...




-------------------------------------------


สวัสดีค่ะ เรื่องแรกที่แต่ง ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:
้เรื่องนี้ไม่ดราม่ามากค่ะ อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ  :o8: เผือก, เสื่อ, กาน้ำร้อน ไม่ต้องค่ะ ไม่น่าถึงขั้นนั้น ฮาา
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 17-04-2015 01:57:35
เทรนดี้มากเลยค่ะ
เราอ่านๆพันทิบมาก็มานั่งนึกว่าคนที่โพสต์นี่กะเอามันหรือว่าหาที่ระบายจริงๆ?

ตามอ่านค่ะ
เอ..ตามสไตล์พันตริฟท์นี่ต้องว่า
ปูเสื่อ +รอเผือกใช่ไหมคะ?
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: pp4 ที่ 17-04-2015 02:17:28
รอตอนต่อไปค่ะ น่าสนใจดี ^^
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 17-04-2015 02:24:44
ปูเสื่อรอเลยค้าาาา ช่วยมาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 17-04-2015 05:51:29
 :mc4: :mc4: รอๆค่า แนวนี้น่าสนุกดีเหมือนกัน :mew1:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-04-2015 07:59:48
 :pig2:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 17-04-2015 08:40:54
ดีใจที่ไม่ดราม่า เอากุ๊บกิ๊บพอ
ใครนางเองกันแน่น่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กชายมั่วนิ่ม ที่ 17-04-2015 09:52:03
ชอบๆๆๆ  รอตอนต่อไปค่ะ ^^

คนแต่งสู้ๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 17-04-2015 09:55:23
รอจ้า
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 17-04-2015 10:06:02
ทำไมล่ะคะ ทำไมดิฉันถึงอยากอ่านต่อมากๆ เลยล่ะ??? พลีส  :hao7:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-04-2015 11:29:02
หมดรักจริงใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(บทนำ)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 17-04-2015 11:59:00
กระตุ้นต่อมเผือกค่ะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่1) "สวัสดีครับ นี่กระทู้แรกของผม..."
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 17-04-2015 20:20:36
1
สวัสดีครับ นี่กระทู้แรกของผม
ผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วย

 




--ผมกำลังลังเล ว่าจะลองเปิดใจคุยกันหรือเลิกกับแฟนเลยดี--



นี่เป็นกระทู้แรกของผม สมัครสมาชิกเพื่อพิมพ์ทู้นี้โดยเฉพาะเลยนะเนี่ย 555555555 ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ



อย่างที่จั่วหัวกระทู้ไว้เลย ผมคบกับแฟนมาได้ปีกว่าๆ รู้จักกันมาเกือบสองปีได้ เรารักกันมากครับ เมื่อก่อนก็แฮปปี้มีความสุขดีอยู่หรอก แต่อยู่ดีๆ ผมก็เกิดรู้สึกเบื่อขึ้นมา ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่อะไรเดิมๆ ที่เขาทำแล้วผมเฉยๆ ตอนนี้มันกลับทำให้ผมหงุดหงิด อย่างน้องเขาจะเป็นคนขี้อาย งุ้งงิ้งๆ ใช่มั้ย เมื่อก่อนผมก็โอเค ให้เดาทาง เดาอารมณ์ว่าเขาต้องการอะไรมันก็สนุกดี แต่ตอนนี้โคตรน่าเบื่อ คืออยากได้อะไร อยากบอกอะไรก็พูดตรงๆ เลย ผมก็พอรู้แหละว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม คิดหลายรอบมากก็ยังคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงดี จะบอกเลิกเลย หรือลองปรับความเข้าใจก่อนดี แล้วเรื่องมันก็ค่อนข้างซับซ้อนอยู่เหมือนกัน คือสมมุติผมอยากเลิกกับเขา มันก็จะกระทบอย่างอื่นด้วยอ่ะ แล้วน้องเขาก็ไม่ได้ผิดหรือไม่ดีตรงไหนด้วย




แก๊กๆ....แก๊ก....



แกร๊ก...!



" ทำไรวะเชา "



" พิมพ์ทู้ "



" ห่ะ? "



" พิมพ์กระทู้ไง "



คนที่เปิดประตูเข้ามาคือคิง รูมเมทผม มันมักจะออกไปวิ่งออกกำลังกายที่สนามกีฬาของมหาลัยตอนเย็น และจะกลับมาตอนทุ่มกว่าๆ ถึงสองทุ่มบ่อยๆ



" เพื่อ? "



รูมเมทมองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจ



ผมถอนหายใจ ช่างมัน ยังไม่เล่าให้มันฟังเรื่องตัวเอง เห็นว่าผมไม่ตอบหรืออธิบายอะไรเพิ่มเติม มันจึงถอดแว่นสายตาวางไว้ที่โต๊ะตัวเองแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ



" ทำไมวันนี้มึงกลับเร็วอะ " ผมหันมองตามไล่หลังมันไป เสื้อกล้ามมันแนบตัว ชุ่มเหงื่อจนบิดน้ำได้เป็นลิตร



" อะไรนะ?! "



" กูถามว่าทำไมวันนี้ถึงกลับเร็ว " ผมตะโกนเสียงดังขึ้นนิดนึง แข่งกับเสียงน้ำซู่ซ่าจากฝักบัว



" วันนี้กูไม่มีแลปบ่าย อาจารย์แม่งโทรมาขอเลื่อน เซ็งชิบหาย แม่งกูต้องไปตามเก็บแลปวันอื่นอีก " คิงมันบ่นๆ ตามมา



ผมเข้าใจมันนะ แลปผมน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คิงมันเรียนวิทยา-เคมี เข้าแลปทีต้องใช้เวลา เตรียมสารนั่นนู่นนี่ ทดลอง จดบันทึกอะไรเสร็จแล้วมันยังต้องเก็บล้างอีก ถ้าทำไม่เรียบร้อยเทสารละลายความเข้มข้นสูงลงท่อรวมแม่งซวยอีก



" มึงอ่ะเชา ตอนเที่ยงมาแดกข้าวคณะกูนี่ว่างเหรอ? "



คณะวิศวะของผมกับคณะวิทยาศาสตร์คิงมันไม่ค่อยไกลกันเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เรียกว่าใกล้



" กูเบื่อๆ ขี้เกียจแดกข้าวคณะตัวเอง "



ผมตอบคิง พิมพ์ข้อความในกระทู้เพิ่มแล้วลบ แล้วพิมพ์เพิ่มใหม่ สุดท้ายก็ลบอีก ถอนหายใจยาวๆ เอาวะ! กดโพสเลยแล้วกัน



" เฮ้ย เชา สบู่มึงหมดเหรอวะ "



" อ้าว.. หมดแล้วเหรอ? " เห้ย ผมเพิ่งซื้อขวดใหม่มาไม่ถึงเดือนเลยนะ ทำไมหมดไววะ



" เออดิ " คิงเปิดประตูห้องน้ำ มันนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหน้าเซ็ง ในมือถือขวดสบู่คว่ำลง มันออกแรงบีบมีเสียง ฟีบๆ กับฟองออกมาเล็กน้อย



...หมดจริงด้วยว่ะ



" มึงมีสำรองมั้ยวะ "



ผมส่ายหน้า " หึ! ใครจะคิดว่ามันจะใช้หมดเร็ววะ ซื้อมาไม่ถึงเดือน "



" โหยเชี่ย... ลงไปซื้อเซเว่นมาให้กูหน่อยดิ " คิงเดินไปที่กระเป๋ามัน หยิบแบ๊งค์ร้อยมาส่งให้ผม



" เซเว่นล่างหออ่ะนะ ขี้เกียจลงไปว่ะ " จากใจเลย ห้องเราอยู่ชั้น 5 ลิฟต์เสีย เจ้าของยังไม่ซ่อม ต้องเดินขึ้นลงบันไดอย่างเดียว แถมต้องเดินไปปากซอยอีกหน่อยด้วย " ไม่งั้นมึงไปขอห้องไอ้เงาะ มันอยู่ชั้น 4 เอง "



คิงทำหน้าหงุดหงิด ผมเห็นแล้วอยากหัวเราะจริงๆ แต่ไม่ได้ ต้องเก็กทำหน้าขี้เกียจลงไปซื้อสบู่ให้มันก่อน ฮ่าๆ



" แล้วให้กูไปอย่างนี้เนี่ยนะ " มันมองสภาพตัวเปียก ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวของตัวเอง



" เออน่า มึงไปแป๊ปเดียวไม่มีใครเห็นมึงหรอก "



" เออๆ กูไปก็ได้ " มันพูดอย่างเสียไม่ได้ สภาพตอนนี้มันอนาถมาก ผมบอกเลย " มึงอย่าเสือกล็อกห้องล่ะ! "



ผมหัวเราะ คิดไม่ถึงจริงเรื่องแกล้งล็อกห้องเนี่ย ไอ้คิงมันฮึดฮัดๆ หน่อยแล้วก็คีบแตะของผม เปิดประตูเดินไปห้องไอ้เงาะ เพื่อนอีกคนที่อยู่ชั้น 4



เหย.. ลองรีเฟรชเล่นๆ มีคนมาตอบกระทู้ผมแล้ว




สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ เราเองก็เพิ่งผ่านเรื่องทำนองนี้มา แต่สุดท้ายเป็นฝ่ายถูกบอกเลิกนะ แฮ่ :P



คุณบอกว่าคุณรักกันมาก ลองปรับความเข้าใจกันก่อนมั้ยครับ ผมว่าช่วยได้นา



โหยยย เราเสียใจนะ ถ้าเราเป็นแฟนคุณน่ะ เพราะยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
ลองคุยกันก่อนดีกว่าค่ะ ค่อยๆ พูด ค่อยคุยนะคะ



นี่มันเรื่องของผมชัดๆ



จขกท พิมพ์จบยังอ่ะคะ? คือมันเหมือนแบบค้างๆ คาๆ อยู่



คิดเหมือนกันเบยยย รอ ร๊อ รอ ค่ะ




ยังครับ ยังพิมพ์ไม่เสร็จ 5555555 ผมกดปุ่มผิดเมื่อกี้ ใจเย็นนะ คือผมกำลังจะเล่าดีเทลแล้ว เอาจริงๆ ผมจบไม่ลง มันเหมือนเรามีอะไรร่วมกันเยอะมากๆ ผมรู้สึกผูกพันนะ แล้วผมเป็นคนแรกน้องเขาด้วย



เราเจอกันช่วงงานเปิดบ้านวิศวะ แบบผมอยู่ปี2 แล้วเขาอยู่ม.6 อ่ะ เริ่มแรกเดิมทีผมไม่ได้สนใจเขาเลย ไม่เลยจริงๆ แต่เพื่อนน้องเขาถามนั่นนู่นนี่เกี่ยวกับคณะเกี่ยวกับวิชาเรียนเยอะผมเลยตอบ แล้วคือผมก็เป็นคนเฟรนด์ลี่ไง 55555 เขาถามอะไรมาผมก็ตอบหมด แถมปล่อยมุขเล่นตลกกับ…




แกร๊ก..



ประตูเปิดอีกรอบ ผมสะดุ้งแบบไม่ได้ตั้งตัว หันไปมองเห็นคิงมันกลับเข้ามาพันผ้าขนหนูที่เอวผืนเดียวเช่นเดิม พร้อมขวดสบู่ในมือเรียบร้อย มันขมวดคิ้ว หน้ายุ่งยากใจ



" เห้ยเชา.. "



" อะไรวะ? "



" เมื่อกี้กูไปเคาะผิดห้องว่ะ "



" เห้ย! "



" เออ ห้องไอ้เงาะมันเสือกล็อกอยู่ สงสัยยังไม่กลับ กูคิดว่าจำผิด แว่นกูก็ไม่ได้ใส่ลงไปไง เลยเคาะห้องข้างๆ คิดว่ามันเป็นห้องไอ้เงาะ แต่มีผู้หญิงเปิดประตูออกมา กูช็อกสัส "



" เหี้ย... " ผมอุทาน



" เออ แต่เหมือนเขารู้ว่ากูเป็นใคร ทักกูถามว่าเพื่อนมึงใช่มั้ย มีไรเปล่า กูเลยขอยืมสบู่ห้องเขามาเลย "



" ใครวะ อยู่ห้องข้างไอ้เงาะเนี่ยนะ " ผมพยายามนึก แต่ไม่รู้จักใครที่อยู่ห้องข้างไอ้เงาะเลย มีเพื่อนร่วมเจอร์ เป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ แต่คนนั้นมันย้ายออกไปแล้วนี่หว่า



" เห็นหน้าไม่ชัดว่ะ แต่เอ็กซ์ๆ นมใหญ่ๆ "



" นึกไม่ออกว่ะ "



" งั้นช่างแม่งเถอะ ถือว่าอันนี้กูยึดเลยแล้วกัน " มันถือสบู่เดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำต่อเลย



เออดี... เหี้ยสมเป็นมึงดี คิง



จบเรื่องสบู่คิงผมก็กลับมาโฟกัสที่เนื้อหากระทู้ผมก่อน โหคือนึกว่าจะสั้นๆ มันเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ หรือผมควรจะพิมพ์ใส่ Word แล้วเซฟ แล้วอัพรวดเดียวเลยดี



เราเจอกันช่วงงานเปิดบ้านวิศวะ แบบผมอยู่ปี2 แล้วเขาอยู่ม.6 อ่ะ เริ่มแรกเดิมทีเลยนะ ผมไม่ได้สนใจเขาเลย ไม่เลยจริงๆ แต่เพื่อนน้องเขาถามนั่นนู่นนี่เกี่ยวกับคณะเกี่ยวกับวิชาเรียนเยอะผมเลยตอบ แล้วคือผมก็เป็นคนเฟรนด์ลี่ไง 55555 เขาถามอะไรมาผมก็ตอบหมด แถมปล่อยมุขเล่นตลกกับกลุ่มน้องไปอีก แล้วบุคลิกผมไม่เถื่อนมากเหมือนคนอื่นๆ ด้วย(อันนี้ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ น้องเขาบอกเอง 55555555 ) น้องเลยกล้าคุย ก่อนกลับก็ถามเฟส ถามไลน์ผมเรียบร้อย แต่น้องไม่ได้ถามนะ ส่วนใหญ่คนคุยเป็นเพื่อนเขา เขาแทบไม่พูดเลย แล้วเอาตรงๆ ครั้งแรกที่น้องแอดไลน์ทักผมมาผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใคร 555555555555555 เขาแอดหลังจากวันเปิดบ้านสองสามอาทิตย์เลย ผมก็ลืมป่ะวะว่าเคยให้ไลน์ใครไปบ้าง



เนื้อหาที่คุยกันผมจำไม่ได้แล้ว แต่คร่าวๆ ประมาณว่าเขาอยากเข้าคณะผมมาก แต่กลัวไม่ติด ช่วงนั้นผมคุยกับน้องเขาเรื่อยๆ จนสนิทกับน้องในระดับนึงเลยถามไปแบบเล่นๆ ขำๆ ว่าให้ผมติวให้มั้ย ผมจำตอนนั้นได้แม่นมากเลย



ผม: เดี๋ยวพี่ติวให้ป่ะล่ะ แต่...มาที่หอพี่ได้ป่ะ ขี้เกียจออกไปติวข้างนอกอ่ะ 5555555555555



น้องอ่านไลน์ผม แต่ไม่ตอบทันที ผมก็ไม่อะไรนะ ชิว ตอนนั้นยังไม่คิดอะไร ชวนแบบไม่กลัวเขาคิดหรืออะไรเลย ก็แค่ถามไปเฉยๆ แล้วที่ให้มาติวที่หอเพราะขี้เกียจออกไปร้านกาแฟ มันเปลืองตังค์ผมด้วย (ตอนนั้นคิดแค่นั้นจริง ไม่ได้จีบ ไม่รู้สึกอะไรเลย) เขาหายไปนานมากกกกกกก แบบสามสี่ห้าวันถึงจะตอบผมว่าตกลง



น้อง: ได้คับ แล้วพี่คิดราคาเท่าไหร่ยังไง ผมจะได้บอกแม่ถูก...



งงมากนะตอนนั้น ไม่คิดว่าน้องเอาจริง ผมไม่คิดว่าหน้าตัวเองดูฉลาดขนาดจะเป็นติวเตอร์หรือน้องมันจะฝากความหวังได้เลยนะ(ถามเพื่อนด้วยว่าหน้ากูดูฉลาดมั้ย เพื่อนเบือนหน้าหนีไม่ยอมตอบเลยครับ) แต่ตอนนั้นเที่ยวบ่อย หาตังค์กินเหล้าด้วย เลยเอาวะ สอนก็สอน คิดว่าผมก็เอนท์ติดเข้ามาได้มันน่าจะรอดล่ะน่ะ แล้วนี่ก็ปี 2 แล้ว ไม่ง่อยแล้ว ก็ตกลงราคากันแล้วอาทิตย์ถัดมาน้องเขาก็มาหอผมเลย





" นี่เรื่องของมึงกับแฟนนี่ "



เห้ย! คิงมันอาบน้ำเสร็จมานั่งอยู่ข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมตกใจ หันไปมองมัน แต่มันมองจออยู่ ภาพจอสะท้อนกับเลนส์แว่น



" มึงตั้งกระทู้จริงเหรอวะ? "



" เออ ก็ทำไปแล้ว.. " ผมกดอัพเดทเนื้อหา แล้วปิดหน้าต่าง ปิดคอม มีเพื่อนมาอ่านอยู่ข้างๆ นี่ผมอายเหมือนกันนะ " เห้ย.. เดี๋ยวคิง นี่กลิ่นสบู่มึงเหรอ... "



ผมยื่นหน้าไปใกล้เพื่อน สูดจมูกเพื่อดมกลิ่นที่ลอยมาติดจมูก จากกลิ่นบางเบา พอสูดเข้าไปเมื่อกี้มันฉุนขึ้นจมูกเลย



" โห ไอ้เหี้ยยย!! กลิ่นตุ๊ดสัส " มันคงเป็นกลิ่นที่ผู้หญิงว่าหอมแหละ แต่มันฉุนและตุ๊ดมากถ้าพวกผมจะมีกลิ่นอย่างนี้ติดตัว



" เหรอ กูไม่เห็นได้กลิ่น " มันว่า มองผมเหมือนผมเพิ่งพูดอะไรเหลือเชื่อออกไป



" เออดิ มึงดมตัวเอง "



คิงยกมือขึ้นมาจ่อจมูกตัวเอง สูดหายใจฟืด หลังจากนั้นไม่ถึงสามวินาที สีหน้ามันเปลี่ยนไปทันที



" เหี้ย... สบู่ยี่ห้อห่าอะไรวะ กลิ่นตุ๊ดสัดหมา มึงลงไปซื้อเซเว่นใหม่ดิ๊ กูไม่อยากมีกลิ่นเหี้ยนี่ติดตัวพรุ่งนี้เช้า "



ผมนี่เอามือกุมขมับเลย มันเกลียดกลิ่นเหี้ยนี่แต่ให้ผมลงไปซื้อสบู่ใหม่ที่เซเว่นที่ห่างจากหอแบบลง 5 ชั้น และเดินต่อ 300 เมตร ให้มันเนี่ยนะ



" ใช้แม่งไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปซื้ออันใหม่มา "



" โหยยย ไรวะ " ไอ้เหี้ยคิงชักสีหน้า



" งั้นมึงลงไป " ผมเอาแบ็งค์ร้อยที่มันพยายามยัดเยียดให้ผมลงไปซื้อสบู่ก่อนหน้านี้คืนให้ ไอ้คิงไม่รับ



" ดมๆ ไปกลิ่นเหี้ยนี่ก็หอมดี... " พูดหน้าตาเฉยแล้วเดินไปล้มตัวนอนเล่นมือถือบนเตียง



" ... "



พรุ่งนี้ผมคงเอาเงินร้อยบาทนี่ไปซื้อสบู่ใหม่เสียที หลังจากนั้นผมก็เข้าไปอาบน้ำบ้าง ได้รู้ว่าไอ้สบู่เหี้ยนี่มันมีชื่อยี่ห้อว่า Soap and Glory ขวดใหญ่สีชมพู หาซื้อได้ที่ร้านบูทส์ ซึ่งผมคงต้องเอาไปคืนผู้หญิงนมใหญ่ที่คิงบอกว่ารู้จักผมด้วย ไม่งั้นคงโดนเธอด่าพ่อไปตลอดปีการศึกษา...






----------------------------

สวัสดีค่ะ พบกันอีกรอบ :-[ ดีใจจังมีคนปูเสื่อรอด้วย :m15:
จริงๆ คนเขียนก็ชอบอ่านพันทิปค่ะ o18 พอดีกับช่วงปิดเทอม กระทู้เด็กหัดแต่งนิยายเยอะเลยเอาบ้างซะเลย.... แต่รับรอง ทู้ไม่ปลิว คนเขียนไม่หายแน่นอนค่ะ  :-[

ปล. รีพลายแรกลืมบอกค่ะว่าคนเขียนยืมlog in เพื่อนมา เอาเป็นว่าเป็นที่ทราบกันโดยทั่วแล้วนะคะ แฮ่



ปลล. " เดี๋ยวมาต่อค่ะ "

 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่1) "สวัสดีครับ นี่กระทู้แรกของผม..."
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 17-04-2015 21:49:02
รีบมาต่อนะคะ  รอเผือกค้าาาา
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่1) "สวัสดีครับ นี่กระทู้แรกของผม..."
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 17-04-2015 22:51:24
เดี๋ยวมาต่อ
ก็ต้องมี
นิยายเชิญห้องข้างๆค่ะ5555
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่1) "สวัสดีครับ นี่กระทู้แรกของผม..."
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 17-04-2015 23:24:50
สงสารน้องเค้าอยู่นา รอรอรอ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 20-04-2015 21:10:21
2
เพื่อนกัน...




หลังเลิกเลกเชอร์ช่วงเช้าผมกับเพื่อนรีบออกจากห้องเรียนไปโรงอาหารทันที วันนี้อาจารย์ปล่อยเลท มีเวลาพักเที่ยงประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วต้องรีบไปเข้าเรียนตอนบ่ายต่อ แล้วสภาพโรงอาหารตอนพักกลางวันคณะผมน่ะเหรอ โอ้โหหห คนเยอะสัสๆ อย่าให้พูด



" เชามึงแดกนี่เปล่าหรือไปแดกกับเพื่อนที่วิทยาอีก? "



ที่จริงผมเลี่ยงไม่มากินข้าวเที่ยงคณะตัวเองมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว อ้างกับเพื่อนส่องหญิงบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ไปกินข้าวกับเพื่อนต่างคณะบ้าง



" นี่แหละ ไปที่อื่นไม่ทันจริงว่ะ "



อาจารย์ที่สอนเช็คชื่อบ่ายโมงตรง ขาดได้ 3 ครั้ง แต่ถ้าขาด หักครั้งละ 0.5 คะแนนเพียวๆ จากเกรด



พวกผมเดินเข้าโรงอาหาร ตกลงกันให้แซคไปหาโต๊ะ ขวัญและผมไปต่อแถวซื้อข้าวซื้อน้ำ ระหว่างนี้สายตาผมกวาดทั่วโดยอัตโนมัติมองหาคน



ไม่ใช่เพราะอยากเจอ เพราะไม่อยากเจอต่างหาก ถ้าเห็นแล้วจะได้หลบหน้าทัน...



" ขวัญ กูฝากซื้อข้าวได้มั้ยวะ กูไปคุยกับไอ้เงาะแปปนึง "



เมื่อกี้เหมือนผมเห็นเงาะมันถือจานข้าวเดินไปที่โต๊ะอยู่



" เงาะไหนวะ? "



" เงาะเพื่อนกู.. เงาะโยธาอ่ะ "



เงาะเป็นเพื่อนม.ปลายของผม มันเรียนต่างเมเจอร์ ผม เงาะ กับ คิงเรียนจบที่เดียวกันมา แต่คิงมันเพิ่งสนิทกับไอ้เงาะขนาดเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวไปเคาะห้องมันเพื่อขอสบู่ได้ก็แค่เมื่อเทอมที่แล้ว เนื่องจากไปกินเลี้ยงม.ปลายด้วยกัน ส่วนพวกวิศวะรู้จักกันช่วงรับน้องเป็นส่วนใหญ่



" อ๋อ เคๆ " ขวัญพยักหน้า รับเงินจากผม " เอาไร เหมือนกูนะ? "



" เออ สั่งมาเลยๆ ขอบใจมาก เดี๋ยวกูมา "



ผมตบบ่ามันหน่อยแล้วเดินออกจากแถว หลบฝูงชนหน่อย เดินไปหาไอ้เงาะที่โต๊ะมัน แล้วก็เพิ่งเห็นว่ามันมากันแก๊งใหญ่มาก เป็นเด็กโยธาเกือบยี่สิบคน ผมพยักหน้าทักเพื่อนไอ้เงาะบางคนที่เห็นหน้าอยู่บ้างแล้วทักเพื่อนตัวเอง



" เฮ้ย เงาะ! "



" อ้าวเฮ้ย! ไอ้เชา!! เป็นไงวะมึง ศุกร์ที่แล้วทำไมมึงเบี้ยววะ "



ศุกร์ที่แล้วมีนัดกินเหล้ากับเพื่อนม.ปลายเกือบยี่สิบคนที่ร้านแถวข้าวสารเนื่องในโอกาสวันหยุดช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา คิงมันไป แต่ผมไม่ได้ไปเพราะติดธุระอย่างอื่น



" มึงเบี้ยวกันทั้งสองคนเลย รู้มั้ยชมพู่แม่งบ่นอยากเจอไอ้เหี้ยคิงตลอดเวลา มันพูดอยู่ได้ โอ๊ยมึงง กูแอบส่องเฟสคิง คิงหล่อสัส คิงหล่อสัส คิงหล่อสัส ทำไมวันนี้มันไม่มาวะ " ไอ้เงาะเลียนเสียงซะหน้าชมพู่ลอยขึ้นมาเลย ผมหัวเราะไปกับมันแล้วตอบ



" โทษที กูติดธุระว่ะ นึกว่าคิงไป สรุปมันไม่ได้ไปเหรอวะ "



" หึ ไม่ได้ไป "



ชักมีลับลมคมใน เย็นนั้นผมเห็นคิงแต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอก ซึ่งนานๆ มันจะทำสักที ถ้ามันไม่ได้ไปข้าวสารแล้วมันจะไปไหน?



จากนั้นเงาะมันชวนผมคุยเรื่องวันศุกร์นานมาก มันเล่าให้ฟังว่าเพื่อนแต่ละคนตอนนี้เป็นยังไงกันบ้างเพราะนอกจากเห็นแต่ละคนผ่านๆ ในนิวฟีดของเฟสบุ๊กแล้วผมแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใครเลย



ผมเองก็นั่งฟังนั่งคุยกับมันจนขวัญมันมาตามถึงโต๊ะ ผมถึงรู้ว่ากูต้องรีบแดกแล้วรีบไปเรียนนี่หว่า สุดท้ายรีบยัดเต็มที่ ขึ้นตึกไปให้ทันเช็คชื่อบ่ายโมงตรงกันแทบไม่ทัน



นึกออกก็ตอนอาจารย์เลคเชอร์ไปได้เกือบชั่วโมง ว่าจะถามไอ้เงาะเกี่ยวกับสาวนมใหญ่ข้างห้องมัน.. ผมลืมไปได้ยังไง
 



" โอเค ถึงแล้ว.. "



BMW series 4 จอดเทียบหน้าหอผมยังกับราชรถมาเกย



ฮ่าๆ แต่น่าเสียดายที่คนขับผมไม่ใช่เจ้าชายและผมไม่ใช่เจ้าหญิง ( ซึ่งผมไหว้ล่ะ อย่าจินตนาการอย่างนั้นเลย ผู้ชายตัวโตอย่างผมเป็นเจ้าหญิงคงอุบาทว์สัดๆ )



" ขอบใจมากเลยนกยูง "



ผมยิ้มกว้างให้เจ้าของ BMW series 4 คันนี้ เธอเป็นผู้หญิงชื่อนกยูง เรียนคณะวิศวะเหมือนกันแต่เรียนวิศวเคมี ถามว่าสนิทสนมกับผมมากมั้ย ก็ตอบไม่ถูก แต่เราทักกันทุกครั้งที่เจอ และวันนี้เธอก็มีน้ำใจมากพอขับรถมาส่งผมหลังจากที่เราเจอกันที่ห้างฯ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่



หลังเลิกเรียนตอนเย็น ผมไปดูหนังเป็นเพื่อนไอ้ขวัญ มันอยากดูหนังผีเรื่องนี้มากแต่ไม่มีคนไปเป็นเพื่อนเพราะไอ้แซคไปซ้อมบอลคณะ ผมว่างอยู่แล้วก็เลยตกลงไปกับมัน และถือโอกาสซื้อสบู่จอห์นสันแอนด์จอห์นสันขวดใหม่ด้วย คิงมันผิวแพ้ง่าย และไอ้สบู่เด็กนี่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ยี่ห้อที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผิวบอบบางของมัน



พอดูหนังจบต่างคนก็ต่างแยกย้าย ไม่กินข้าวห้างเพราะไอ้ขวัญไม่มีตังค์ 55555 ขวัญนั่งรถเมล์กลับบ้าน ส่วนผมที่เดินเล่นๆ อยู่บังเอิญไปเจอนกยูงพอดี นกยูงชวนผมกินข้าวด้วยกัน ผมตกลงแล้วเธอก็ขับมาส่งผมถึงหน้าหอนี่ล่ะ



" เราไปละ กลับบ้านดีๆ " ผมตบไหล่นกยูงเหมือนเพื่อนเลย เพิ่งนึกได้เธออาจจะไม่ชอบให้ผู้ชายแตะตัว " เมื่อกี้ขอโทษ "



" โอย ไม่เป็นไร เพื่อนกัน "



หัวเราะไม่คิดมากผมก็โอเค ปลดเบลท์แล้วเปิดประตูรถเดินกลับขึ้นหอ



เดินขึ้นบันไดมาถึงชั้นตัวเองเลยเห็นว่ามีผู้หญิงคนนึงยืนมองซ้ายขวาเหมือนมองอะไรอยู่ที่ทางเดิน



แม่เจ้า.. โคตรเอ็กซ์เลย!!



คือเขาตัวผอมๆ สูงปานกลาง ใส่เสื้อยืดเอวลอยกับกางเกงขาสั้น หุ่นโคตรดี ผมนี่ไม่รู้จะมองอะไรดีระหว่างนมหรือขา คือนมเขาก็ทะลักอ่ะ แต่ขาก็โคตรเรียวเหมือนกัน.. ขาวด้วย..



ผู้หญิงเอ็กซ์ๆ คนนี้หันมาเห็นผมพอดีแล้วยิ้มให้ผม... เขายืนอยู่หน้าห้องผม?



" คือเรามาเอาสบู่คืนอ่ะเชา ต้องใช้ "



เห้ยยยย! รู้จักผมได้ไงวะ ผมยังไม่รู้จักเขาเลย หรือนี่คือคนที่ไอ้คิงพูดถึงเมื่อวาน? แม่งเด็ดจริงว่ะเฮ้ย!!



" ขึ้นมาสองสามรอบ นึกว่ารอบนี้จะต้องลงไปมือเปล่าอีกซะแล้ว "



" อ่ะ เหรอ เอ้ย.. ขอโทษทีๆ " ผมยิ้มกลับไปให้เขา หัวเราะแก้เก้อ  หยิบกุญแจมาไขเปิดห้อง " เดี๋ยวไปเอาให้นะ รอแปปนึง "



เหี้ย... เขาเป็นใครวะ โคตรเด็ดเลย รู้จักผมด้วย รู้ด้วยว่าไอ้คิงเป็นรูมเมทผม แต่แบบ โอยย เมื่อกี้ได้มองหน้าชัดๆ หน้าออกหวาน ไม่ได้ดึงดูดมากแต่หุ่นโคตรแจ่มครับ ไม่ต้องมองหน้าหรอก มองแต่นมกับขาก็ฟินแล้ววววววว



" อ่ะ อันนี้ใช่ป่ะ? " ผมยื่นขวดสบู่สีชมพูครีมๆ คืนให้



" ใช่ๆ เป็นไง กลิ่นหอมมั้ย " เธอรับของกลับไปแล้วยิ้มให้ผม



" อ่า.. หอมดีๆ " ผมยิ้มแห้ง หอมฟรุ้ตตี้กันทั้งคู่เลย เมื่อเช้าผมกับไอ้คิงก็เพิ่งใช้ไป โดนไอ้แซคแซวด้วย แย่กว่าคือมันดันมีเพื่อนผู้หญิงในเซคที่ใช้สบู่ยี่ห้อนี้แม่งมาดมตัว แล้วเป็นไง... ก็รู้กันทั้งห้องไง T_T " ขอบใจมากนะ "



" ไม่เป็นไรๆ งั้น..เราไปแล้วนะ " เธอเอามือไพล่หลัง หลุบตามองพื้นแล้วมองหน้าผม ดูขัดๆ เขินๆ



" อืม ขอบใจมากนะ "



เขายิ้มแล้วโบกมือให้ผมเหมือนบ๊ายบาย หมุนตัวหันหลังเดินกลับห้องตัวเองที่อยู่ชั้น 4 ส่วนผมนี่เข้าห้องตัวเองรีบเปิดคอมทักแชตเฟสไปหาไอ้เหี้ยเงาะทันที


 
ผม: ไอ้เหี้ยเงาะ สาวข้างห้องมึงเด็ดสัส ชื่ออะไรวะ ที่ขาวๆ เอ็กซ์ๆ อะ



ใช้เวลาหลายนาทีกว่าเงาะมันจะตอบแชตผม



เงาะ: เชี่ย มีจริงเหรอวะ!!

ผม: เออดิ กูเพิ่งเจอมา ไอ้คิงก็เคยเห็น

เงาะ: เดือนก่อนข้างห้องกูเพิ่งย้ายออกไป กูไม่รู้จริงว่ะว่าใครมาอยู่ใหม่

ผม: มึงแม่งไร้ประโยชน์สัส

เงาะ:  olo



ผมอ่านแชตมันแล้วไม่ได้ตอบอะไรเป็นอันจบบทสนทนา



มีคนทักแชตเฟสมาอีกหลายข้อความตั้งแต่เปิดเฟสคุยกับไอ้เงาะตั้งแต่ประโยคแรกแล้วแต่ผมไม่เปิดอ่าน



" เฮ้ออออออ "



ผมพ่นลมหายใจยาว notification ของน้องเขายังเด้งขึ้นมา ผมทำเป็นมองไม่เห็นแล้วปิดเฟส



ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเพลงในยูทูบ พอดีเพื่อนทักมา มันชวนตีดอทบอกว่าขาดคน ผมตอบตกลงทันที เปิดเกมเข้าไปจอยกับพวกมันอยู่หลายตา



เหมือนเวลาแม่งวาร์ป ผมรู้ตัวอีกทีก็ตอนไอ้คิงมันเปิดประตูเข้าห้องมา สภาพมันเดินสโหลสะเหล กลิ่นเหล้าติดตัวยังกับอาบมาเลย



" กี่โมงแล้ววะ "


คิงถามเสียงแหบแห้ง เพราะคำถามนี้ผมถึงต้องกดดูเวลาจากหน้าจอคอม



" ตีสองสี่สิบ " จำได้ว่าผมเพิ่งตีดอทไปสี่ห้าตาเอง ทำไมเวลามันผ่านไปไวจังวะ



" อืม "



มันงึมงำตอบ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสามสี่เม็ดแล้วถอดออกทางหัวก่อนจะตามด้วยกางเกง เหลือแต่บ็อกเซอร์แล้วมันก็โยนเสื้อผ้ามันกะให้ลงตะกร้าผ้าแต่พลาด ผมขำ กากว่ะ คิงมันจิ๊ปากไม่พอใจ เดินโซเซเข้าห้องน้ำไป



คิงรักษาอนามัยตัวเอง ทุกครั้งที่มันไปดื่ม ต่อให้เมาเหี้ยกลับมาแค่ไหนมันต้องไปอาบน้ำแปรงฟัน หรืออย่างน้อยก็ให้น้ำไหลผ่านตัวสักหน่อยมันถึงค่อยนอน แต่ไอ้นิสัยแบบนี้ของมันก็ทำผมฮาหลายครั้งเหมือนกัน เพราะมันจะไปหลับในห้องน้ำ ลำบากผมกับเพื่อนคนอื่นลากมันออกมานอนบนเตียง



ผมพิมพ์บอกเพื่อนว่าจบตานี้แล้วไปแล้ว ตีๆ สลับฟาร์มแป๊บๆ ทีมผมก็แพ้ กูว่าแล้ว... ผมไม่หงุดหงิดอะไรหรอก เล่นเอามันไม่คิดมาก ผมเปิดกระทูอีกรอบ



ไปหอแล้วยังไงต่อคะ จขกท มาต่อด่วนค่ะ!!!!


ว้ายยยยยยยย กลายเป็นกระทู้สีม่วง สาววายฟินค่า


ไปนอนก่อน เดี๋ยวมาตามต่อนะค้า


รออ


รอออออ


โอ้โห กำลังได้ที่เลย ต่อค่ะ มันค้างมากเลย จขกท


ปูเสื่อรอ...


อ่านไปก็ไม่อะไรนะ มาสตั๊นท์ตรงนี้ " น้อง: ได้คับ แล้วพี่คิด... " โถ่ ทำไมไม่จั่วหัวก่อนครับว่า ช-ช T_T


มาต่อรึยังค้า


ต่อหน่อยค่าจขกท


ตายค่ะน้อง พี่นั่งรีเฟรชจนถึงตีสาม พรุ่งนี้มีงานเช้า 555555555555 พรุ่งนี้ค่ำๆ ยังไม่มาลงพี่จะงอนค่ะ




เอาตรงๆ ผมค่อนข้างตกใจนะ ว่าตัวเองหายไปวันนึง มีคนมาคอมเม้นท์ 100 กว่าคนแล้ว ยิ่งคอมเม้นท์ล่าสุดที่บอกว่าเขานั่งรีเฟรชรอจนถึงตีสามถึงกับทำให้ผมหัวเราะออกมา อะไรจะขนาดนั้น...



อาทิตย์ถัดมาน้องมาที่หอผมจริง แต่ไม่ได้มาติวที่ห้องผมเพราะรูมเมทผมอยู่ เกรงใจมัน เลยพากันไปที่ร้านกาแฟใกล้ๆ



ถึงตอนนั้นแล้วผมทำอะไรกับน้องต่อวะ... โห ต้องนึกนานเลยนะเนี่ย เพราะมันผ่านมาเป็นปีแล้ว ตอนนั้นเดือนตุลาคม ปี2 เทอม 1 ตอนนี้เพิ่งเลยมิดเทอมของปี3 เทอม2 ผ่านมาเป็นปี



ผมลงมือพิมพ์ต่อกระทู้นิดหน่อย แล้วก็ลุกเดินไปดูไอ้คนเมาในห้องน้ำเห็นว่ามันเข้าไปนานแล้วแต่ยังไม่มีเสียงน้ำไหลสักทีไม่รู้มันเป็นอะไรมากรึเปล่า... เปิดประตูเข้าไปเห็นสภาพเพื่อนแล้วผมหัวเราะไหล่สั่น มือกุมท้อง



แม่งงงงงง ไอ้คิงงงง 5555555



คิงนั่งหลับอยู่บนโถส้วม แปรงสีฟันคาอยู่ในปาก ฟองขาวของยาสีฟันไหลเยิ้ม มันคงกำลังจะอาบน้ำเลยถอดบ็อกเซอร์ออกไปเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือย ทุเรศสัส



" เฮ้ย คิง ไอ้เหี้ยคิง ตื่นๆ "



ผมตบแก้มมันปลุกให้มันได้สติหน่อย มันเหมือนได้สติ พูดอืออาในคอ แปรงสีฟันร่วงตกลงพื้น



" เหี้ยคิง ตื่นหน่อย ลุก! เดี๋ยวกูพาไปอาบน้ำ "



ผมดึงแขนมันขึ้น แต่เหมือนมันเมาหลับไม่รู้เรื่องไปแล้ว ผมเลยจับแขนมันพาดบ่า ออกแรงดึงมันไปอยู่ใต้ฝักบัว มือนึงพยุงมันไว้แล้วหาที่ดีๆ ที่ตัวเองจะไม่เปียกมากแล้วเปิดน้ำราดตัวมันเลย



" บรื๋ออ! "



มันได้สติขึ้นมาหน่อยนึง ยกมือลูบหน้าลูบตาตัวเอง บ้วนยาสีฟัน ผมจึงปิดน้ำให้



" อาบน้ำต่อเปล่า หรือแค่นี้พอแล้ว "



คิงหันมามองผมช้าๆ มันจ้องอยู่สักพักเหมือนในหัวประมวลผลอยู่ โดนน้ำไปเมื่อกี้คงสร่างบ้างแหละ



ส่วนสายตาผมก็มองมันไปเรื่อยตามประสา ไอ้คิงมันขาวพอๆ กับสาวหุ่นเอ็กซ์มาขอสบู่คืนเมื่อค่ำ แต่ตัวมันสูงไล่เลี่ยกับผม ผมมองไหล่ แผ่นอก ไล่มาถึงเอว v-shape และส่วนที่ต่ำลงไปตาเป็นมัน นั่นเพราะคิงน้อยมันเริ่มตื่นขึ้นมา



“ ... ”



เงยหน้าขึ้นมามองสบตามันอีกรอบ เราจ้องกันแบบไม่มีใครหลบสายตาก่อน ตาสีเข้มมันเหมือนมีประกายบางอย่างที่ดึงดูดไม่ให้ผมหลบสายตาได้



ตื่นเต้น...เหมือนมีผีเสื้อเป็นร้อยตัวบินอยู่ในท้อง



คิงขยับปากพูดบางอย่างทำให้ผมใจเต้นตึกๆ ดังมากในหัวยิ่งกว่าเดิม



แล้วผมก็ยิ้ม... ความต้องการและความอยากเอาชนะทำให้ผมถอดเสื้อผ้า เร่งรีบเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับมันในชุดวันเกิดด้วยกันทั้งคู่...



มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติมากจนผมสามารถปัดสำนึกผิดชอบชั่วดีในใจไปได้อย่างง่ายดาย…




---------------------------

มาต่อแล้วค่ะ วันนี้มาพร้อมกับ...
(http://i627.photobucket.com/albums/tt358/chopstick69/CCeSJXjUIAA5gcJ.jpg)

สัญญานะคะว่าจะไม่แชร์ต่อ ไว้พบกันตอนหน้าค่า

ปล. เราไม่แน่ใจว่าโพสรูปนี้แล้วผิดกฎเล้าหรือเปล่า ถ้าใช่ต้องขออภัยด้วยล่วงหน้าและเรายินดีลบออกให้นะคะ  :mew2:



ปลล. " เดี๋ยวมาต่อค่ะ "
:hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 20-04-2015 21:17:35
เฮ้อ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 20-04-2015 22:04:02
แค่เพื่อน แมนๆเตะบอล
กรี๊ดดดด  :hao6:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 20-04-2015 23:35:48
นี่คือเรื่องเล่าหรือนิยายหรือเบสออนทรูสตอรี ครับ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 21-04-2015 00:03:20
รีบมาต่อให้ไวเลยค่ะ
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 21-04-2015 00:17:35
หือออออออออ....
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 21-04-2015 00:51:39
นี่คือเรื่องเล่าหรือนิยายหรือเบสออนทรูสตอรี ครับ


ใช่ค่ะ อยากทราบเหมือนกันนน  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 21-04-2015 01:04:30
รออ่านต่อค่ะ ชอบอ่ะ คือเราไม่เล่นพันทิปนะคะ แต่แบบว่าชอบอ่า
คิงเป็นพระเอกหรือเปล่าเอ่ย???
รอออออออ.... :n1:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: patchamai28 ที่ 21-04-2015 01:43:02
ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องแทบไม่กล้ากดเข้ามาอ่าน กลัวจะได้ต้มน้ำ  555
แต่เนื้อเรื่องน่าติดตาม
รีบมาต่อน้า  :katai5:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 21-04-2015 07:29:33
นี่ ขอแนะนำนะว่าให้จขกท เขียนใส่เวิร์ดหรืออะไรก็ได้ให้หมดก่อนแล้วค่อยเอามาโพสต์
เดี๊ยน  กด F5 รัวๆมาตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ
อยากอ่านตอนต่อว่าคุณเชากับคิงใครรับใครรุกกันแน่

ป.ล  เราเล่นมุกพันดริ๊ฟท์เด้อ อย่าเข้าใจผิดน้า   ไหนๆเราก็ปูเสื่อรอแล้ว
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: BlackClover ที่ 21-04-2015 09:21:26
ปูเสื่อ รอกินเผือก (พร้อมภาพปูเสื่อ อย่างยาววว)

#มุกชาวพันดริ๊ฟ  5555
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่2) " เพื่อนกัน... "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-04-2015 10:28:55
สงสารน้องเขาจัง
สุดท้ายเพื่อนก็ได้กัน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่3) " น้องฟิวแฟนเชา "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 24-04-2015 02:17:33
3
น้องฟิวแฟนเชา





คืนนั้นหลังจากในห้องน้ำเสร็จรอบนึงเราก็นัวเนียกันมาต่อที่เตียง กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตี4 โดยที่คิงมันอยู่ในสภาพเมากึ่ม หลับไปแบบไม่รู้ตัว ทิ้งผมอารมณ์ค้างอยู่คนเดียว



ก่อนนอนก็อดคิดไม่ได้ว่าคิงมันต้องมีอะไรในใจถึงออกไปดื่มหนักขนาดนั้น และคำแก้ตัวดีๆ หากคิงมันถามขึ้นมาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น…
 


ผมตื่นอีกรอบตอนแปดครึ่ง ปลุกเพื่อนที่นอนอยู่ข้างๆ ตัดสินใจทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่น่าจะเป็นทางออกที่เซฟที่สุดสำหรับผมและมัน...



คิงงัวเงียบอกวันนี้มีแต่เรียนบ่ายผมจึงรีบอาบน้ำแล้วออกไปเรียนให้ทัน 9 โมงเช้า



พอเลิกเรียนตอนเที่ยง ผมยืมโทรศัพท์ไอ้แซคโทรปลุกคิงเหมือนปกติ



" ไอโฟนมึงอ่ะ " แซคถาม



" ซ่อม ยังอยู่ร้านอยู่เลย "



ไอโฟนผมเพิ่งพังไปเมื่ออาทิตย์ก่อน เผลอปาอัดผนัง หน้าจอแตก จริงๆ มันเสร็จตั้งแต่สองสามวันแรกแล้ว แต่ผมขี้เกียจไปเอา เลยปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น



" โหนานว่ะ "



ผมอือออไปกับแซค กดเบอร์คิงที่จำได้ในหัว แล้วก็เห็นว่ามันถูกเมมไว้ในโทรศัพท์แซค เขียนว่า ' King Chem. ' ผมทดคำถามว่ามันมีเบอร์คิงได้ไงไว้ในใจก่อน เพื่อตั้งใจสื่อสารกับคิง ตอนมันแฮงก์นี่พูดไม่เป็นภาษาเลย ต้องใช้สมาธิมากๆ ในการฟัง



" อือ " เสียงงัวเงียลอดผ่านโทรศัพท์มา



" เที่ยงแล้ว มึงมีแลปตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ "



" อือ! " แปลว่ามันเข้าใจแล้ว แต่กำลังไม่พอใจที่ถูกปลุกอยู่



" พารากูวางไว้กับน้ำแล้วใกล้หัวเตียง แดกด้วย "



" อืออออ! " เสียงเหมือนผ้าห่มถูกตลบออกดังลอดออกมา คงลุกจากที่นอนแล้ว



" ไหวเปล่า " ผมถามย้ำอีกครั้ง



" อือออออออออ " ตอบทิ้งเสียงยาวๆ ผมเดาว่ามันพูดคำว่า ไหว



" โอเค งั้นเดี๋ยวกูวางละ บาย " ได้ยินเสียงอือตอบรับกลับมาผมถึงวางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้แซค



เพื่อนสองคนผมมันมองหน้าผมอยู่ เหมือนมันดูตั้งใจฟังบทสนทนาของผมกับไอ้คิงเมื่อกี้ด้วย



" มีอะไรวะ? " ผมเลิกคิ้วถาม



" เชากูถามจริง " แซคเริ่ม หน้ามันค่อนข้างไม่สบายใจ ขณะที่ขวัญมันทำสีหน้าเคร่งเครียดแบบที่ผมเห็นไม่บ่อยนัก " มึงกับคิงเป็นคู่เกย์กันรึเปล่าวะ "



" ห่ะ? เปล่า " ผมปฎิเสธไปทันที มองพวกมันตาโตด้วยความแปลกใจว่าทำไมมันคิดแบบนี้ " เหมือนเหรอวะ "



" เออ! มึงโทรเช็คมันตลอด มีอะไรมึงก็ทำให้หมด ซื้อสบู่มึงยังซื้อให้เลย " ขวัญว่าบ้าง



" ไม่ใช่ กูกับคิงไม่ได้เป็นอะไรกัน "
ผมยืนยันเสียงหนักแน่น



" แน่นะมึง "



" เออดิ ถามย้ำทำไมนักวะไอ้ขวัญ "



ขวัญกรอกตาไปมา สีหน้าอึดอัดและไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่



" กูเกลียดเกย์ มึงอย่าเป็นเหอะ กูขอ "



ผมนิ่ง คำพูดของขวัญทำผมอึ้งไปหลายวินาที ตกใจและแปลกใจมากที่คนอย่างมันที่สบายๆ อะไรก็ได้ง่ายๆ จะเกลียดเกย์ได้ มันขัดกับบุคลิกมันมากเลย



" กูรับไม่ได้ว่ะถ้าจะมีเพื่อนแบบนั้น "




บ่ายวันนี้ผมไม่ค่อยมีอารมณ์ทำแลปเท่าไหร่เพราะคำพูดขวัญ หลังจากนั้นมันถามผมย้ำหลายรอบมากว่าไอ้คิงเป็นรึเปล่า ผมก็ตอบปัดให้จบๆ ไปว่ามันเป็น แต่ผมไม่ได้เป็น



เท่านั้นล่ะ ไอ้ขวัญมันขุดสารพัดคำขึ้นมาเลย



" เชามึงไม่หลอนเหรอวะ "



" ผู้ชายที่จ้องจะเอาตูดมึงอ่ะ "



" ไม่กลัวจริงเหรอวะ มึงอยู่ห้องเดียวกับมันเลยนะเว้ย "



" มันแอบล้วง แอบดูดมึงตอนกลางคืนป่ะวะ "



" เชามึงระวัง เตียงมึงอาจจะมีเชื้อโรคก็ได้ เชี่ยย!! แม่งน่าขยะแขยงสัส!!! "



สีหน้าขยะแขยงอย่างที่สุดเมื่อมันพูดถึง



เชี่ย! กูทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย!!



ผัวะ!!



หมัดผมชกไอ้ขวัญจนหน้าหัน ตัวมันชนโต๊ะลงไปกองกับพื้นดัง ตึงง!! ผมสะบัดมือไล้ความชาที่ข้อนิ้วเล็กน้อยมองไอ้ขวัญที่นิ่งค้างไปเกือบห้าวินาที



ไอ้ขวัญมันพยายามยันตัวลุกขึ้น แล้วก็เซล้มหน้าคะมำไปอีกรอบ ตอนนั้นที่คนอื่นในห้องเพิ่งได้สติ แซคคนแรกเข้าไปดูไอ้ขวัญ ช่วยพยุงมันขึ้นมา ไอ้ขวัญคงหายมึน มันพุ่งตัวเข้ามาจะชาร์ตผมแต่แซคกับเพื่อนคนอื่นจับมันไว้ก่อน



" ไอ้เชามึงต่อยกู!!!! "



" เฮ้ย! ไอ้ขวัญใจเย็น!! "



ผมไม่กลัวว่ามันจะพุ่งชาร์ตเข้าใส่ ตัวผมกับมันก็คนละไซส์แล้ว ไอ้ก้างขาตะเกียบอย่างมันจะทำอะไรผมที่ตัวใหญ่หนากว่าได้



" เชี่ยแซคปล่อยกู! กูเย็นอยู่!! " ไอ้ขวัญมันผลักไอ้แซคออก มองหน้าผม " กูเตือนมึงเพราะหวังดีเหอะ! มึงระวังโดนมันหลอก!! สันดานพวกแม่งก็เหมือนกันหมด!!! Kตุ๊ด!!!! ไอ้เหี้ย!!!!!! "



โครมม!!!



เก้าอี้ใกล้ตีนที่สุดถูกผมถีบล้มโครม เสียงอื้ออึงน่ารำคาญเมื่อครู่เงียบลงทันที ทุกสายตาจ้องมาที่ผม โดยเฉพาะไอ้เหี้ยขวัญ



" มึงอย่าพูดแบบเมื่อกี้อีกไอ้เหี้ยขวัญ!! "



ถึงไอ้ขวัญมันเป็นเพื่อนผมเหมือนกันแต่การที่มันด่าคิงก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะปล่อยผ่านไปได้โดยไม่รู้สึกอะไร คิงมันเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เพื่อนใคร ใครก็โกรธกันทั้งนั้น!



" ไอ้เชา!!! กูเพื่อนมึงนะเว้ย!!!! "



" มึงเป็นเพื่อนไง ถ้ามึงไม่ใช่กูไม่จบแค่เมื่อกี้แน่!!!! "



" ว้าย!! ขวัญเลือดออก! "



เพื่อนผู้หญิงสักคนส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ



แซคกับเพื่อนร่วมเซคอีกสองสามคนเลยรีบพาไอ้ขวัญไปห้องพยาบาล ความวุ่นวายทั้งหมดจึงยุติลงเท่านี้



ส่วนผมเดินออกไปหาที่สงบจิตสงบใจให้ตัวเองคลายความหงุดหงิด เห็นเพื่อนร่วมเจอร์อีกคนยืนสูบบุหรี่อยู่เลยเข้าไปขอมันสูบมวนนึง ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาผมเลิกบุหรี่ให้แฟนเลยไม่มีติดตัว



" เออ เอาดิ " มันก็ยื่นให้ทั้งซองและไฟแช็ค ผมเคาะออกมามวนนึงเพื่อจัดการตัวเอง ดูดอยู่จนหมดมวนก็เดินกลับเข้าห้อง...


 
เอาตรงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นทำผมเสียสมาธิไปมาก เพราะขวัญมันเป็นคู่ทำแลปของผมด้วย สุดท้ายต้องลอกแลปของเพื่อนคู่ข้างๆ ส่งไป สัดเอ๊ย!



" เชา คืนนี้สามทุ่มครึ่งมึงยังจะมาอยู่รึเปล่า " แซคเดินเข้ามาถามผม ขวัญอยู่ห่างออกไป ( พวกมันกลับมาหลังผ่านไปเกือบชั่วโมง ) มันมองผมตาค้อนขวาง ไม่พอใจเป็นอย่างมาก



" ไม่รู้ กูดูก่อน "



ผมตอบเสียงห้วน สะพายกระเป๋าพาดบ่า



" ยังไงถ้าจะมาก็เจอกันร้านเดิมนะเว้ย " แซคตบบ่าผม สีหน้าลำบากใจเพราะอย่างไรมันก็เป็นคนกลาง " มึงโกรธไอ้ขวัญกูเข้าใจ แต่ยังไงคืนนี้มันก็มีพวกไอ้ฟลุก มีพวกปี4 มึงก็ไปสนุกกับพวกมันได้นะเว้ย "



" อืม " ผมตอบสั้นแล้วเดินออกมา อารมณ์โมโหมันเริ่มมอดลงแล้ว เหลือแต่ความรู้สึกหงุดหงิดทำให้ใจขุ่นมัว แต่ถ้ามีเรื่องให้ปะทุขึ้นมาผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าจะคุมอารมณ์ตัวเองอยู่ได้รึเปล่า



เดินออกจากแลปลูบหน้าลูบตาตัวเอง



อยากดูดบุหรี่อีกตัวชิบหาย... เดินไปซื้อเซเว่นดีมั้ยเนี่ย



" พี่เชา... "



เสียงเรียกชื่อเบาแต่ก็พอได้ยินเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง...



เด็กชายตัวผอมสูงประมาณบ่าของผมสะพายกระเป๋าเป้สีเหลืองสดใส ยืนรอใครสักคนอยู่ท่าทางเหนียมอาย ใส่เสื้อช็อปวิศวะเช่นเดียวกัน



น้องฟิว แฟนที่ผมหลีกเลี่ยงการเจอหน้ามา 1 สัปดาห์เต็ม



แม่งเอ๊ย.... ส่งมาเขาทดสอบความอดทนผมรึไงวะ



" ฟิวทักเฟสบุ๊กไป...พี่เชาไม่ได้ตอบ ฟิวถามตารางพี่เปิ้ล แล้วฟิวก็เลยมาหา.... " พูดเสียงเบา สบตาผมแล้วหลุบตาหนี ก้มหน้าแล้วก้มหน้าอีกจนคางจะชิดคออยู่แล้ว



" อืม " ผมตอบรับ รู้สึกหน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อย พลิกข้อมือดูเวลาเห็นว่าเป็นเวลาทุ่มกว่า " กินอะไรมารึยัง "



ฟิวส่ายหน้า เม้มปาก " ยังครับ.. วันนี้ฟิวไม่หิว " แปลว่าเขาไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน



" งั้นไปกินข้าวด้วยกัน พี่หิว "



ไม่ต้องรอตอบรับหรือปฎิเสธผมก็เดินนำมาแล้ว น้องกำสายสะพายกระเป๋าเป้ตัวเองแล้วเดินตามผมมาเดินคู่กัน ปากแดงอมยิ้มอย่างปิดไม่มิด



" พี่เปิ้ลถามด้วยล่ะว่าถามตารางเขาทำไม ฟิวเลยบอกไปว่าเพื่อนฟิวฝากถามมา " ฟิวเดินไปเล่าไปยิ้มไป " พี่เชาจอดรถไว้ตรงนู้นใช่มั้ย ฟิวจำได้ "



"  เหรอ? "



" ครับ! รถพี่เชาเด่นจะตาย ใครเห็นก็รู้ Honda CBR250 สีแดงมีของพี่เชาคนเดียวเลยมั้ง "



ป้าผมซื้อรถให้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่แล้วรวบกับผลสอบที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ ผมไม่ชอบขับรถใหญ่ แล้วก็เกรงใจด้วย เลยขอแค่มอเตอร์ไซค์มาแทน



" ช่วงนี้ยุ่งๆ เหรอครับ ไม่เห็นพี่เชาออนเฟสบุ๊กเลย... มือถือ..ก็ไม่มีด้วย... "



" อืม ยังไม่มีเวลาไปเอา "



ที่จริงต้องบอกว่าผมไม่อยากไปเอามือถือมากกว่า ผมตอบน้องแบบขอไปที พยายามแล้วแต่มันไม่เนียนเอาเสียเลย



" เอ่อ... เป็นอะไรเหรอครับ พี่เชาดูอารมณ์ไม่ค่อยดี... " ฟิวหยุดเดิน แตะแขนดึงชายเสื้อผมไว้ ผมหันมามองฟิวด้วยใบหน้าเซ็งสุดขีด



" วันนี้หงุดหงิด ต่อยกับเพื่อนมา "



" อ่า...ครับ... " น้องเงียบไป



เราเดินมาถึงรถมอเตอร์ไซค์สีแดง ผมเอาหมวกกันน็อคตัวเองส่งให้ ฟิวรับไว้ยิ้มให้ผมพึมพำว่าขอบคุณครับเบาๆ



ปกติเขาจะมีหมวกกันน็อคสีเหลืองติดสติ๊กเกอร์รูปลูกเป็ด เป็นหมวกกันน็อคประจำตำแหน่ง แต่ตอนนั้นหมวกนั่นอยู่ในห้องผม



" กินไร? "



" อะไรก็ได้ครับ พี่เชาอยากกินอะไรฟิวกินได้หมด " ฟิวขมวดคิ้วเล็กน้อย เงอะงะ ไม่เคยสวมหมวกแบบเต็มใบของผมมาก่อน ส่วนผมคร่อมมอเตอร์ไซค์เตรียมสตาร์ทเครื่องแล้ว



" มานี่ "



เห็นเงอะงะทำไม่ทันใจผมจึงจัดการสวมให้เอง ฟิวกล่าวขอบคุณเสียงเบา ใบหน้าใสพยายามกลั้นยิ้มหน้าแดง



ผมขับรถพาไปตลาดโต้รุ่งใกล้กับมหาลัย จอดรถแล้วก็บอกให้เข้าไปนั่งในร้านก่อนส่วนผมจะไปซื้อของที่ 7-11 น้องพยักหน้าผมจึงเดินไปเซเว่นซึ่งอยู่อีกฟากของถนน ล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือก็ลืมไปว่ามันซ่อมอยู่



ตื๊อดื่อ...



“ 7-11 สวัสดีค่า ”


ความอดทนของผมหมดลงแล้ว



" มาร์โบโลแดงกับไฟแช็คอันนึง... "






-----------------------------------


แฮ่.. วันนี้มาดึกเลย  :o8:
ขออนุญาตตอบข้อสงสัยนะคะ

นี่คือเรื่องเล่าหรือนิยายหรือเบสออนทรูสตอรี ครับ


ใช่ค่ะ อยากทราบเหมือนกันนน  :hao7: :hao7:

เรื่องนี้ถ้าตามกฎเล้าก็เป็นเรื่องแต่งค่ะ ฮา ใส่ไขไปหลายใบอยู่นะคะ


ส่วนเรื่องจะคิง/เชา หรือ คิง/เชา............ คิงจะคิงจริงสมชื่อ หรือเชาจะเป็นเชาชายเหนือชาย จริงๆ คนเขียนก็อยากบอก.... แต่รอติดตามกันไปเรื่อยๆ นะคะ บางคนอาจจะเดาถูกไปแล้วก็ได้ค่ะ :katai5:

แล้วก็เรื่องน้องฟิว... น้องนางไม่ได้ผิดอะไร เชาแค่หมดโปรฯ ตรงนี้แหละค่ะสำคัญที่สุดว่าแต่ละคนจะประคับประคองความรักของทั้งคู่กันอย่างไร เรียกว่าบทพิสูจน์รักแท้  o18



ปล. ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  :pig4:





ปลล. " เดี๋ยวมาต่อค่ะ "  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่3) " น้องฟิวแฟนเชา "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 24-04-2015 02:44:30
ปักหมุด
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่3) " น้องฟิวแฟนเชา "
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 24-04-2015 03:00:20
พอเห็นเรื่องนี้อัพ ยังไม่นอนเลยรีบตามมาอ่าน ฮือ รอคนเขียนทุกวัน มานั่งรีเฟรชตลอดว่าอัพหรือยัง
ชอบมากอ่ะ อยากให้คิงเป็นพระเอก แต่ชื่อเรื่องเหมือนคู่เชาฟิว ยังไม่ไม่รู้
แต่เรายังเชียร์คิง รักนางมากมาย เชานี่แบบ...หื้ย คิดไรกะคิงปะ ขอไรได้หมดแม้กระทั่ง...(ละไว้ในฐานที่รู้กัน)  :ruready
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่3) " น้องฟิวแฟนเชา "
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 24-04-2015 03:13:36
น่าติดตามมากเลยค่ะ ช่วยมาต่อไวๆด้วยนะคะ

ชอบมากค่ะ

สู้ๆนะคะ คนเขียน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่3) " น้องฟิวแฟนเชา "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-04-2015 06:08:29
หมดรักก็รีบๆบอกไป
อย่ายื้อให้มันเจ็บปวด
ทุกคนก็เห็นแก่ตัวกันหมดแหล่ะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่3) " น้องฟิวแฟนเชา "
เริ่มหัวข้อโดย: patchamai28 ที่ 24-04-2015 10:17:49
ก็บอกเลิกน้องไปเหอะ  :z3:
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่3) " น้องฟิวแฟนเชา "
เริ่มหัวข้อโดย: jilalala ที่ 25-04-2015 21:11:29
น้องฟิวน่าสงสารอ้าาาา  :monkeysad:
ทำไมเชาทำกับน้องแบบนี้ *เสียใจ* ขอบทน้องอีกเยอะๆน้าเป็นกำลังใจให้น้องฟิวนะจ๊ะ

ปล.เกลียดผู้ชายแบบเชาจริงๆ (ขอให้โดนคิงเยิ้บ กิกิ)  :katai1: :katai4:

 :katai4: รออ่านอยู่นะคะ >w< มาต่อเร็วๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่4) " โกรธอะไร.. ขอโทษนะ "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 26-04-2015 17:32:00
4
โกรธอะไร... ขอโทษนะ





" โทษที รอนานเปล่า "



คนตัวสูงใหญ่เดินกลับมานั่งลงตรงข้ามผม มีกลิ่นบุหรี่ติดตัว และยิ่งเขาพูดกลิ่นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น



" ไม่นานครับ " ผมส่ายหน้า " พี่เชาไปสูบบุหรี่มาเหรอ... นึกว่าพี่เลิกแล้วซะอีก " ท้ายประโยคผมเสียงเบาลง



แค่ผมถามว่าเขาไปสูบบุหรี่มาใช่มั้ย สายตาแข็งๆ ที่มองมาก็ทำให้ผมหลุบตามองมือตัวเอง เสียงเบาลงอัตโนมัติ
ผมกลัว...กลัวทำให้พี่เชาโกรธอีก



ช่วงนี้ผมกลัวอะไรไปหมด กลัวพี่เชาโกรธ กลัวพี่เชาไม่พอใจ กลัวพี่เชาโมโห กลัวพี่เชาขึ้นเสียง กลัวพี่เชาตะคอกใส่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไร แต่ก็กลัวไปแล้ว



เพราะเหตุการณ์วันนั้นแท้ๆ เลย... 



พี่เชาไม่ผิด ผมผิดเอง และกว่าผมจะรู้ตัวพี่เชาก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว...



" อืม วันนี้เครียด " พี่เชาพ่นลมหายใจเล็กน้อย เขาหยิบเมนูกระดาษเคลือบพลาสติกของร้านอาหารตามสั่งขึ้นมาดู " สั่งอะไรไปรึยัง " และเปลี่ยนเรื่อง....



" ยังครับ... ฟิวรอพี่เชา...มาสั่งพร้อมกัน " ผมอ้อมแอ้มตอบ เกาแก้ม



การมากินอาหารด้วยกันระหว่างผมกับพี่เชามักมีคำถามเกิดขึ้นมาเสมอ



ข้อที่1 กินที่ไหน และตามมาด้วย ข้อที่2 จะกินอะไร



ช่วงแรกพี่เชาก็ตะล่อมถามผมว่าชอบกินอะไร กินอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แพ้อาหารประเภทไหนมั้ย หนักเข้าก็ถามบ้างว่า อยากกินร้านตากแอร์ หรือข้างทาง หรือริมน้ำ หรือร้านบรรยากาศดี ผมไม่ค่อยกล้าตอบหรือปฏิเสธเราเลยลองมาแทบทุกร้าน ช่วงแรกพี่เชาสั่งให้ผม โดยถามอยู่เสมอว่าอันนี้กินได้มั้ย ผมก็จะตอบ แล้วพี่เชาก็จะจำข้อมูล พอนานเข้า แค่ผมเปิดเมนูพี่เชาก็ทายได้เลยว่าผมต้องการกินอะไร



นึกถึงตรงนี้แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะพี่เชาเป็นคนช่างสังเกต และใส่ใจผมเสมอมา



" งั้นเหรอ " พี่เชาพลิกเมนูดูอีกรอบ ตาสีน้ำตาลกวาดมองรายการอาหารตามสั่งที่อยู่ในเมนูไปมา คิ้วหนาขมวดใช้ความคิดก่อนจะวางเมนูลง กวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟแล้วสั่งอาหาร " เอากระเพาเป็ดไข่ดาว กับผัดไทกุ้งสดไม่งอก เอ้อ.. น้ำเปล่าด้วย "



เด็กเสิร์ฟสาวพยักหน้าแล้วส่งยิ้มเขินๆ ให้พี่เชาครั้งหนึ่งแล้วหมุนตัวเดินไปบอกแม่ครัว เธอร้องเรียกซะเสียงดังจนผมที่นั่งอยู่หน้าร้านได้ยิน



" แม่!!! กระเพาเป็ดไข่ดาวกับผัดไทกุ้งสดไม่งอก!!!! "



พี่เชาหัวเราะขำเล็กน้อยขณะมองตามเด็กเสิร์ฟสาวไปด้วย เธอหันมาสบสายตากับพี่เชาพอดีเห็นพี่เชายิ้มอยู่จึงสะบัดหน้าหันหนีไปทางอื่นด้วยใบหน้าเขินอาย



ผมมองภาพนั้นแล้วยิ้ม... แต่ยิ้มแบบไม่สุดเท่าไหร่ บอกว่าหวงพี่เชาก็ได้ ไม่ผิดนัก ขณะเดียวกันก็รู้สึกน้อยใจและไม่มีความมั่นใจในตัวเองเหมือนกัน



พี่เชาจัดว่าเป็นคนที่หน้าตาดีคนนึง คิ้วหนาเข้ม ตาคมสองชั้นสีน้ำตาลทรายแดง จมูกโด่งมีเนื้อ และริมฝีปากหนาหยักลึก มองดูไปหน้าพี่เชาก็คล้ายสิงโตอยู่ บวกกับผมเปิดหน้าผากยาวประบ่าไร้ทรงที่พี่เชามัดรวบเป็นจุกไว้ที่กลางหัวและเคราที่ขึ้นอยู่บริเวณสันกราม ปลายคาง และเหนือริมฝีปากทำให้พี่เชาทั้งเท่และเถื่อน แล้วพี่เชาก็ตัวใหญ่หนา สูง180 ซม.กว่า ลุคดิบเซอร์ๆ สมกับเรียนวิศวเครื่องกลจริงๆ



พอลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับพี่เชา ผมสูงแค่ไหล่พี่เชา น้ำหนักผมพอดีตามเกณฑ์ ไม่อ้วนไปไม่ผอมไป ผิวขาว หน้าจืดๆ ธรรมดา จะดีหน่อยก็ตรงที่ดวงตาของผม เพื่อนและคนอื่นบอกว่าผมตาสวย ผมตาหวาน เมื่อก่อนไม่ค่อยมั่นใจเลยใส่แว่นไว้เสมอ(เพราะสายตาสั้นด้วย) แต่ตอนนี้ผมค่อยๆ เปลี่ยนมาใส่คอนแท็กเลนส์ ก็เลยดูดีขึ้นบ้าง..... มั้ง



" พี่เชา.. วันนี้ทะเลาะกับเพื่อนเรื่องอะไรเหรอครับ "



ผมถามทำลายความเงียบ พี่เชาดูดน้ำจนหมดและกำลังเคี้ยวน้ำแข็งไปมองนู่นมองนี่อยู่หันมามองผม



" อะไรนะ.. ขอโทษที เมื่อกี้พี่ไม่ได้ยิน "



" ......ฟิวถามว่า...ทำไมพี่เชาถึงทะเลาะกับเพื่อนเหรอครับ..... "



พี่เชาเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ไม่ใช่คนที่ใช้กำลัง วันนี้ตอนผมเดินไปหาพี่เชาที่ช็อปหลังเลิกแลป พี่เชามีท่าทางหงุดหงิด บอกว่าต่อยกับเพื่อนมา



" .................. " พี่เชาเงียบไปสักพัก ตอบผมด้วยคำถาม " ถามทำไม " เสียงพี่ห้วนเล็กน้อย ใบหน้าเคร่งเครียดแสดงอาการไม่ชอบใจ



ผมเหมือนตัวหดลีบลงเหลือแค่สองนิ้ว ใจนี่แป้วไปแล้ว ผมก้มหน้าหลบสายตาพี่เชา



" ก็...ปกติ... พี่เชา..ไม่ใช้ความรุนแรง... นี่ครับ... " เหมือนเสียงถูกเปลี่ยงออกมาแค่จากคอหอย มันช่างประหม่าและเกรงกลัว
อีกแล้ว... ผมเป็นแบบนี้อีกแล้ว...



ไม่เอาสิฟิว.. แบบนี้พี่เชาไม่ชอบนะ...



" ฮืม " พี่เชาลูบหน้า ดูท่าจะเครียดกับเรื่องนี้จริงๆ " มันกวนตีน แม่งรวนเรื่องที่คิงเป็นเกย์ไม่เลิก "



" ... "



ได้ยินชื่อพี่คิง รูมเมทและเพื่อนสนิทต่างคณะของพี่เชาทำให้ผมเม้มปาก รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก ผมกลัวพี่คิง ไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ากลัว ไม่น่าเข้าใกล้ แล้วพี่เชาก็ให้ความสำคัญกับพี่คิงมาก มากกว่าผมด้วยซ้ำ... ลึกๆ ผมอิจฉาพี่คิง... ฟิวเด็กไม่ดี...



พี่คิงไม่ได้ทำอะไรผิด…. แต่มัน..ช่วยไม่ได้นี่นา….ก็พี่คิงมีพร้อมทุกอย่าง...



พี่คิงสูง หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม และขาวมาก… ถึงจะหน้าเหวี่ยง แต่ก็ต้องยอมรับว่าพี่คิงหล่อ… คิ้วเข้ม ตาสองชั้นกรีดลึกเหมือนกรีดตาตลอดเวลานั้นเสริมให้พี่คิงดูดุ สวมแว่นแล้ว...ก็ยังดุ… จมูกโด่งพอเหมาะโดยไม่ต้องเสริม และไหนจะปากบางสีแดงอมส้มเป็นธรรมชาตินั่นอีก...  พี่คิงอยู่หมู่บ้านเดียวกับพี่เชา แปลว่าที่บ้านพี่คิงก็มีฐานะ เพราะพี่เชาเคยเล่าให้ฟังว่าตรงข้ามบ้านพี่เชาเป็นบ้านของท่านทูตออสเตรีย….



ผมยื่นมือไปกุมมือพี่เชาบนโต๊ะอย่างกลัวๆ กล้าๆ



" ไม่เป็นไรนะครับพี่เชา เพื่อนพี่เขาคงไม่ได้ตั้งใจ... "



พี่เชาเงียบ มองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมเผลอหายใจสะดุดอีกแล้ว เขาชักมือที่ผมกุมอยู่กลับ ปากหนาเม้มเป็นเส้นตรง ไม่ว่าพี่เชาจะตั้งใจหรือไม่ ผมรู้สึกถึงรังสีกดดันและไม่พอใจแผ่ออกมา



รู้เลยว่าผมเผลอพูดหรือทำอะไรผิดไปอีกแล้ว



ก่อนที่บรรยากาศจะแย่ไปกว่านี้เด็กเสิร์ฟสาวก็ยกจานอาหารที่เราสั่งมาให้



" ได้แล้วค่า กะเพราเป็ดไข่ดาวกับผัดไทยกุ้งสดนะคะ "



ผมรอดตัวแล้ว...ใช่มั้ย?







หลังกินข้าวเสร็จผมมาเดินห้างใกล้มหาลัยกับพี่เชา เดินผ่านร้านอุปกรณ์กีฬาแบรนด์นึงแล้วก็หยุดเดิน รั้งแขนพี่แล้วชี้ชวนให้ดูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม



" พี่เชา ดูนั่นดิ รองเท้าคู่นั้นยังอยู่อยู่เลย "



สายตาของพี่เชามองตามไปที่รองเท้ากีฬาคู่สวยที่วางโชว์อยู่บนชั้นวาง ถึงมันจะไม่อยู่ในตำแหน่ง New Arrival เหมือนเดิมแต่ผมยังจำหน้าตามันได้แม่นเลย รองเท้าผ้าใบผมขาดตอนจะแข่งกีฬาเฟรชชี่ ( ถึงผมจะโดนกีดกันไม่ให้เล่นฟุตบอลหรือบาสเพราะตัวเล็ก ทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ผมก็เล่นปิงปองเป็นนะครับ ถึงจะเก่งสู้เพื่อนที่เป็นนักกีฬามหาลัยไม่ได้ก็เถอะ T T ) ก็ได้พี่เชานี่ล่ะ ขับมอเตอร์ไซค์บึ่งพาผมมาซื้อรองเท้าเปลี่ยนเล่นได้ทัน ปัจจุบันรองเท้าคู่นั้นก็ยังอยู่ในชั้นวางที่ห้องผม ถือว่าเป็นรองเท้าคู่เก่งของผมด้วยล่ะฮะ



" เออ สวยดี สีเหลืองแบบที่ฟิวชอบด้วย เข้าไปลองมั้ย? "



" .... "



ปฏิกิริยาตอบรับของพี่ทำผมหน้าชา รู้สึกจุกในอก กลืนก้อนขมลงคอไปแล้วค่อยๆ อธิบายให้พี่เชาฟัง



" ไม่ใช่คู่นั้นครับ ฟิวหมายถึงคู่สีฟ้าเทา... ที่พี่เชาเลือกให้ "



เมื่อกี้พี่เชาอาจจะได้ยินที่ผมพูดไม่ชัดทำให้เข้าใจผิด..



ไม่หรอก พี่เชาไม่ลืมรองเท้าคู่นั้นหรอก ก็เขาเลือกให้ผม ซื้อให้ผมเอง..ด้วยนี่นา...



" อ้าวเหรอ.. เอ้อ จริงด้วย ขอโทษนะ เมื่อกี้ไม่ทันฟังให้ดี "



มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้า ผมหดคอหนีหลุบตามองมือตัวเอง แล้วพี่เขาก็หัวเราะขำยิ่งกว่าเดิม จับหัวผมโยกไปมา ลักษณะคล้ายโอบผมอยู่กลายๆ



" ฟิวยกโทษให้พี่นะครับ "



เสียงทุ้มกระซิบ พี่เชาพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกเขิน



ผมพยายามกลั้นยิ้มแล้วพยักหน้าหงึก จับมือตัวเองไปมา ไม่รู้จะเอามันไปไว้ตรงไหนดี ก็ดูเอาเถอะครับ... ผมจะไม่พอใจพี่เชาลงได้ยังไง เมื่อเห็นผมสีหน้าดีขึ้นพี่เชาก็ปล่อยมือ เดินข้างๆ กันแทน เขาพลิกข้อมือดูเวลาจากนาฬิกาดีเซลที่ข้อมือขวา



" สองทุ่มครึ่งแล้ว อยากกลับหอรึยัง เดี๋ยวพี่ไปส่ง "



" ยังครับ " ผมส่ายหน้าพูดประโยคถัดมาอุบอิบอยู่ในลำคอ " ยังอยากอยู่กับพี่เชานานกว่านี้... " เขินจัง หน้าผมต้องแดงแน่ๆ



" ห๊ะ? อะไรนะ " พี่เชามองผมทำหน้างง ไม่ได้ยินว่าเมื่อกี้ผมพูดอะไร



" อ่า... เปล่าครับ ช่างมันเถอะ "



" อืม " พี่เชาพูดแค่นั้น แล้วเราก็เดินดูของไปเรื่อยๆ ต่อ



เหมือนหัวใจพองโตเมื่อกี้ของผมมันโดนเจาะให้ฟีบด้วยประโยคเมื่อกี้ของพี่เลย ผมรู้ว่าพี่เชาไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ พี่เชาจะรู้มั้ยนะ...



" เอ้อ ฟิว คืนนี้กลับหอหรือกลับบ้าน? " เหมือนจู่ๆ พี่เชาก็นึกออก ถามขึ้นมา บ้านผมอยู่แถวสมุทรปราการ ส่วนมหาลัยอยู่ใจกลางเมือง เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปกับการเดินทางมาก หม่าม๊าจึงให้ผมอยู่หอในของมหาวิทยาลัย



" เดี๋ยวกลับบ้านครับ... หม่าม๊ามารับที่ BTS บางนาตอนสี่ทุ่มครึ่ง "



" อ้าวทำไมล่ะ ปกติทุกทีมารับที่หอเลยไม่ใช่เหรอ "



" อื้อ.. แต่อาทิตย์นี้โฟร์ไม่กลับ ฟิวเลยกลับเอง ให้มารับแค่บางนาพอ "



โฟร์เป็นน้องสาวผม เรียนศิลปกรรมเอกแฟชั่น ปี1 เราเป็นฝาแฝดกัน พ่อกับแม่ห่วงโฟร์มาก เพราะเป็นเด็กผู้หญิงแล้วก็เป็นน้องเล็กด้วย ซึ่งถามผม ผมก็คิดนะ ผมกับโฟร์ป้ำๆ เป๋อๆ โดนหลอกง่ายพอกัน แต่โฟร์เป็นผู้หญิง แล้วก็หน้าตาน่ารักด้วยจึงน่าเป็นห่วงมากกว่าผม ปกติถ้าโฟร์กลับด้วยป๊ากับหม่าม๊าจะมารับถึงหอใน แต่ดึกๆ หน่อย เพราะทั้งคู่ไม่ชอบรถติด แต่ถ้ามีผมแค่คนเดียวก็จะมารับที่ BTS บางนา



" งั้นเดี๋ยวไปส่ง "



" ส่ง? ส่งไหนครับ " เป็นผมที่งงบ้าง



พี่เชาเคยไปส่งผมที่บ้านหลายครั้ง เจอป๊า หม่าม๊าและน้องโฟร์มาหมดแล้ว กินข้าวเมื่อก่อนก็เดือนละครั้ง และหม่าม๊ากับโฟร์ก็ชอบพี่เชามากด้วย โดยเฉพาะโฟร์ แต่ที่ผมกังวลคือทุกครั้งพี่เชาเอารถยนต์ไป ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์อย่างครั้งนี้
แต่ว่า.. เอาตามจริงแล้วผมรู้สึกว่าดีจัง.. เพราะได้นั่งมอไซค์กับพี่เชานานๆ แล้ว... 



" รถไฟฟ้าไง ไม่งั้นจะไปยังไง? "



อีกแล้ว.. เหมือนให้ความหวังทำให้ลูกโป่งผมพอง แล้วก็ปล่อยลมให้ฟีบอีกแล้ว



ผมหงอยลง เหมือนพี่เชาจะสังเกตได้



" ลืมของไว้ที่ห้องเหรอ? "



" ... "



ผมเงียบไปพักนึงแล้วก็ส่ายหน้า ช่างเถอะ..พี่เชาไม่ผิด เป็นผมที่คิดไปเอง.. คาดหวังเองว่าเขาจะไปส่งบ้านเหมือนเมื่อก่อน...



" เปล่า ไม่ได้ลืม "



" ป่ะ งั้นไปกันเลยมั้ย พี่มีนัดกับเพื่อนตอนสามทุ่มอ่ะ เลทนิดหน่อยได้ "



คืนวันศุกร์อย่างนี้หนีไม่พ้นไปกินเหล้ากันแน่ๆ



" ไปกินเหล้ากับพวกพี่แซคเหรอครับ... "



เพื่อนสนิทพี่เชาในคณะมี 2 คน พี่แซคที่หน้าตี๋ๆ ล่ำๆ เป็นนักบอล กับพี่ขวัญที่จัดฟัน ผอมๆ แห้งๆ ส่วนเพื่อนอีกคนอยู่คนละภาคแต่พี่เชาพูดถึงบ่อยๆ คือพี่พรต (ซึ่งพี่เชาเรียกเขาว่าพี่เงาะ) เรียนวิศวโยธา ถ้าไม่ใช่พี่แซคก็พี่พรตนี่ล่ะ...



" อื้ม แล้วก็มีปีโตไปด้วย " พี่เชากอดคอผมพาเดินไปด้วยกัน " ทำไม อยากกินเหรอ? "



" ปะ..เปล่าครับ! ฟิวไม่ไหวหรอก.. แค่ช็อตเดียวก็จอดแล้ว.. "



พี่เชาหัวเราะอยู่ข้างหู มือใหญ่ขยี้ผมของผมไปมา



" หึ! อ่อนเอ๊ย! "



" ง่า...พี่เชา... "



เอาเถอะ... ไปส่งแค่ที่สถานีรถไฟฟ้าก็ได้ ไม่เป็นไร อย่างน้อยผมก็ได้เจอพี่เชาสมใจแล้ว หลังจากไม่เจอหน้า ติดต่อพี่เชาไม่ได้เป็นอาทิตย์แน่ะ!



หลังจากนั้นพี่เชาก็ปล่อยผมลงที่สถานีสยาม ผมลงจากมอเตอร์ไซค์ ดึงแขนพี่เชาไว้ก่อนที่เขาจะออกรถ



" เดี๋ยวพี่เชา ฟิวเกือบลืมเอานี่ให้พี่เลย " ผมเปิดกระเป๋าเป้ตัวเองค้นแล้วหยิบมันออกมา " เห็นพี่เชาไม่ว่างไปเอามาสักทีฟิวเลยเอามาให้แล้ว จ่ายเงินซ่อมเสร็จเรียบร้อยเลยนะครับ "



ในมือผมคือไอโฟน5s สีทองของพี่เชา



อาทิตย์ที่แล้วมันเกิดอุบัติเหตุทำให้หน้าจอแตก ตอนนั้นพี่เชาคงโมโห ถึงรีบเดินออกไปโดยที่ไม่ได้เอามันไปด้วย ผมจึงเก็บไปซ่อมให้พี่ร้านที่รู้จัก ได้ตั้งแต่ 2 วันแรกแล้ว บอกให้พี่เชาไปเอาก็ติดต่อไม่ได้... ผมเลยตัดสินใจไปเอามาให้แทน



" พี่เชาคับ วันนั้น...เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว....ฟิวขอโทษนะครับ "



เหมือนพี่เชาจะชะงักไปเล็กน้อย ผมเม้มปากรอดูปฏิกิริยาพี่เชา เห็นเขาคิ้วกระตุกขมวดเข้าหากันผมก็หลุบตาหนีมองมือตัวเองอีกแล้ว...



พี่เชาเงียบไปเกือบ 5 วินาทีก่อนจะพูดขึ้นมาว่า



" ช่างเถอะ...มันผ่านมาแล้ว "



" ไม่โกรธฟิวแล้ว..จริงนะครับ? "



" อืม "



ได้ยินอย่างนี้ผมถึงยิ้มออกมา โล่งใจขึ้นเยอะเลย ผมนึกว่าพี่เชาจะโกรธผมอีกซะแล้ว



" นี่ๆ ฟิวซื้อเคสใหม่ แปะสติ๊กเกอร์เอาไว้ จะได้ไม่หยิบผิดกับของพี่คิงนะครับ "



พี่เชากับพี่คิงใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกัน สีเหมือนกัน และยังไม่ใส่เคสเหมือนกันอีก ต่างคนต่างหยิบผิด คิดว่าของอีกคนเป็นของตัวเองบ่อยๆ ผมอยากมีโมเมนท์แบบนี้บ้างจัง… แต่คงยาก เพราะมือถือของผมเป็น SAMSUNG แค่ยี่ห้อก็ต่างกันแล้ว แต่ไม่เป็นไรครับ ผมมีวิธี!



ผมพลิกให้ดูข้างหลังเคสสีใส ที่แปะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจตามด้วยสิงโต



" รัก.. " นิ้วผมชี้ที่รูปหัวใจ " พี่เชา... " นิ้วเลือนไปที่รูปสิงโตข้างๆ เพราะพี่เชาเหมือนสิงโต



หลังจากพูดประโยคเมื่อกี้หน้าผมเห่อร้อนไปหมด ต้องหน้าแดงไปทั้งหน้าแน่ๆ รีบยัดโทรศัพท์ใส่มือให้พี่เชาแล้วเดินเร็วๆ หนีขึ้นสถานีรถไฟฟ้า โอยยย ฟิว..ทำไมแรดขนาดนี้ T/////T





---------------------------------



วันนี้เป็นน้องฟิวเล่าค่ะ
เรื่องนี้จะเล่าสองคนนะคะ ส่วนใหญ่เป็นเชา มีบ้างที่เป็นมุมมองน้องฟิวค่ะ แต่ไม่เยอะมาก มีแค่พอให้เข้าใจมุมมองความรักของทั้งคู่มากขึ้น

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:

ปล. หลังจากวันนี้ขออนุญาตหายนะคะ ทนพิษไฟนอลไม่ไหวค่ะ ส่งโปรเจกต์กระจุยกระจาย :z3: ไว้เจอกันอีก 2 อาทิตย์ค่า  :katai5:




ปลล. " เดี๋ยวมาต่อค่ะ "
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่4) " โกรธอะไร.. ขอโทษนะ "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-04-2015 19:03:12
สงสารฟิวส์ว่ะ
เพราะรักมากถึงยอม
แม้ตัวเองจะไม่ผิดก็ตาม
อีกคนก็เลยคิดว่าเป็นของตาย
เป็นของเก่าที่น่าเบื่อ ไม่มีอะไรให้เร้าใจ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่4) " โกรธอะไร.. ขอโทษนะ "
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 26-04-2015 19:41:17
ฟิวน่ารักจังง ตอนพี่เชาอยู่กับฟิวแล้วน่ารักมากเลยอะ  :hao5:
คิงนี่มีแววเป็นเคะราชินี :ruready
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่4) " โกรธอะไร.. ขอโทษนะ "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 26-04-2015 20:15:15
ไม่รู้จะว่าไง
น้องมันไม่ผิด
ถ้าไม่รักแล้วก็น่าจะปล่อยน้องไปเสียแต่เนิ่นๆ
ยังดีที่ไม่พาน้องไปเอา
ท่าเชาจะไม่ได้คิดว่าน้องเป็นของตายหรอก
แต่เชาไม่ได้สนใจน้องอีกต่อไปแล้วไง
สู้เลิกไปจะดีกว่า
เชา-คิงนี่แมน-แมนมากเลยนะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่4) " โกรธอะไร.. ขอโทษนะ "
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 26-04-2015 20:28:30
เกลียดเชาอ่ะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่4) " โกรธอะไร.. ขอโทษนะ "
เริ่มหัวข้อโดย: yanggi ที่ 26-04-2015 21:08:56
เรื่องนี้ลุ้นมากอ่ะ ผ่านมาสี่ตอนยังไม่บอกเลิกกันซักที  :mew5: :mew5: :mew5:
 ตอนนี้ชีวิตต้องการดราม่า  รอติดตามอยู่นะคะ   :katai1:  :ling2:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่4) " โกรธอะไร.. ขอโทษนะ "
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 26-04-2015 21:20:08

นานๆทีจะมีบทความน่าสนุกแบบนี้เกิดขึ้นมาสักครั้ง เป็นเรื่องที่น่าอ่านและน่าคอมเมนท์มาก เพราะว่าเรื่องแบบนี้แทบจะกลายเป็นปัญหาสังคมและปัญหาชีวิตคู่ในปัจจุบันไปแล้ว

เชาสอบตกหลุดรุ่ยเลยนะครับในสายตาผม ข้อแรก เชามีข้อเสียหลักๆซึ่งผู้ชายปัจจุบันส่วนมากมักจะมี คือไม่เห็นค่าของความรักในวัยมหาวิทยาลัย เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง และขาดการเอาใจเขามาใส่ใจเรา นี่เป็นข้อเสียหลักๆเลยที่ทำให้ชีวิตคู่ไปไม่รอด และทำให้เด็กวัยรุ่นขาดการพัฒนาตนเองในช่วงมหาวิทยาลัยไปอย่างน่าเสียดาย

การเอานิสัยตัวเองเป็นศูนย์กลาง จะทำให้ขาด Restriction และขาดการยั้งคิดรวมถึงการยับยั้งชั่งใจ นอกจากนี้ การไม่เห็นคุณค่าของความรักก็ทำให้ไม่สนใจว่ามันจะลงท้ายยังไง เพราะคิดว่ายังไงก็เลิกแล้วหาคนใหม่ นี่เป็นนิสัยปกติพื้นฐานมากของผู้ชายที่ไม่แคร์โลกและค่อนข้างเจ้าชู้

โอเค ถ้านิสัยทั้งคู่มันเจ้าชู้และไม่แคร์โลกเหมือนกัน จะทำอะไรมันก็แล้วแต่แหละครับ เป็นการใช้เวลาอย่างเปล่าประโยชน์เพื่อตอบสนองความสุขทางเพศ ก็เป็นเรื่องปกติ อันนี้ผมไม่ว่าอะไร แต่ถ้าเกิดว่ามีใครคนใดคนหนึ่งมีนิสัยพื้นฐานที่ดี มีทัศนคติเชิงบวกกับความรัก คุณควรจะเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากกว่านี้นะครับ

ความรักเป็นศาสตร์ที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน การวิเคราะห์ความเหมาะสมอาจพึ่งพาทั้งหลักการเชิงตรรกศาสตร์ความสมเหตุสมผล และความใคร่หลงซึ่งเป็นผลมาจากอารมณ์

เด็กวัยรุ่นขาดการมองว่าการมีความรักหรือการได้คบใครสักคนเป็นตัวอย่างที่จะสะท้อนการใช้ชีวิตคู่ รวมถึงสะท้อนนิสัยอันจะสร้างปัญหาให้กับเขาในอนาคต

ยกตัวอย่างเช่น เคสของเชากับฟิวส์ ถ้าเกิดว่าเชายังรู้สึกว่าคบกับฟิวส์แล้วไปไม่รอด เคสนี้ผมแนะนำให้เลิกนะ เลิกแบบตัดเลยด้วย เพราะผมว่านิสัยของฟิวส์นี่ไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ เค้าแค่ไม่กล้าแสดงออก เพราะว่าเชามีลักษณะของ Male dominate characteristic หรือการแสดงบทบาทที่เหนือกว่า ดังนั้นฟิวส์จะรู้สึกเหมือนอยู่ใต้อาณัติครับ เค้าจะไม่ค่อยกล้าแสดงออกอะไรเพราะรู้สึกว่ามีคนปกป้องแล้ว อาจจะหงอๆ ถ้าเชายอมรับในตัวฟิวส์มากขึ้นและให้โอกาสเค้ากับเรื่องหลายๆเรื่อง ผมว่าเราจะเห็นมุมใหม่ๆของฟิวส์ที่ไม่ซ้ำซากแบบปัจจุบัน แต่เพราะตอนนี้ เชาขาดคุณสมบัติของความอดทน เป็นผู้ชายที่ขาดความยั้งคิดในแต่ละเรื่อง และไม่ตัดสินใจด้วยเหตุผล การใช้แต่อารมณ์เป็นคุณสมบัติแรกๆที่ทำให้ชีวิตคู่ไม่มีทางไปรอด

อีกทั้งการขาดคุณสมบัติแบบนี้จะทำให้เขามีปัญหาในยามที่พ่อแม่แก่ตัวลง เพราะเชาจะไม่สามารถอดทนทำอะไรๆได้นาน และชอบอะไรที่ตัดสินใจเร็ว มองอะไรค่อนข้างฉาบฉวย ดังนั้นการจะมาอดทนใจเย็นดูแลผู้สูงอายุที่พฤติกรรมจะง๊องแง๊งยิ่งกว่าฟิวส์ แน่นอนว่ามันเป็นไปแทบไม่ได้เลย และนี่เป็นตัวอย่างหนึ่งว่าการกระทำของเชาขาดความถูกต้องและชอบธรรมตามหลักจริยาสังคม

ต่อมา คิง คิงเป็นผู้ชายเงียบๆ ดูดุนิดหน่อย แต่ข้อเสียคือไม่คิดหน้าคิดหลัง การกระทำอะไรบางครั้งต้องพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมและผลกระทบของผู้ที่จะได้รับปัญหานั้นๆ ทั้งด้านอารมณ์ความรู้สึกที่จับต้องไม่ได้(intangible) และด้านวัตถุที่จับต้องได้(tangible)

การขาดความรอบคอบตรงนี้อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ และมักเกิดขึ้นได้หากมีอุบัติเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือ เมื่อเกิดปัญหาและผลกระทบขึ้น เราควรต้องรับผิดชอบแก้ไขในการกระทำนั้นๆด้วยครับ เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบต่อการขาดความระมัดระวังของตนเอง การไม่แสดงถึงความรับผิดชอบในการแก้ปัญหานี้ แสดงถึงการปัดปัญหาและเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่4) " โกรธอะไร.. ขอโทษนะ "
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 26-04-2015 21:25:50
มันต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้เชาเปลี่ยนไปดิ

เหตุการณ์ครั้งนั้นคืออะไร.?

ติดตามต่อไปค่ะ ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่4) " โกรธอะไร.. ขอโทษนะ "
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 29-04-2015 21:05:16
สรุปว่าเรื่องนี้ฟิวxเชา
เอ๊ะ?หรือจะ 3P เราไม่เกี่ยงนะ //เดี๋ยวๆ 55555
แต่เราอวยคู่เชาxคิงนะ ค่อนข้างจะชอบรุกxรุกมาก
แม้ว่าอาจจะไม่ใช่อย่างที่ฝัน.... :sad4:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่4.5) " ก็น้องมันน่ารัก "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 02-05-2015 15:58:06
4.5
ก็น้องมันน่ารัก...



ติ๊ง!
น้อง: ได้คับ แล้วพี่คิดราคาเท่าไหร่ยังไง ผมจะได้บอกแม่ถูก…




ข้อความไลน์จากน้องฟิวเด้งเตือนขึ้นมาขณะที่ผมกำลังคุยกับเพื่อนอยู่เลยว่าจะออกไปกินเหล้ากับพวกมันคืนนี้ได้หรือเปล่า ผมมุ่นคิ้วสงสัย อ่านทวนข้อความที่น้องส่งมาอีกรอบ



เอาจริงเหรอวะ… ให้ผมสอนเนี่ย?



“ คิง มึงเคยสอนพิเศษป่ะวะ ” ผมหมุนเก้าอี้หันไปหาเพื่อน มันนั่งเล่นคอมอยู่บนเตียง ใส่หูฟัง “ คิง! ”



“ อะไร ” มันเพิ่งได้ยินผม ดึงหูฟังออกข้างนึง และมองผมด้วยสายตาเหมือนผมเพิ่งไปขัดมันทำอะไรที่มันกำลังติดพันอยู่…



“ มึงเคยสอนพิเศษมั้ย ชั่วโมงละเท่าไหร่ ”



ไหนๆ น้องเขาก็ถามมาแล้ว ผมจะปฏิเสธไปก็ใช่ที่ป่ะครับ ฮ่าๆ เนื้อหาม.ปลายไม่ง่ายแต่ก็คงไม่ยากขนาดนั้น ผมปี 2 แล้ว เรียนมาพอสมควรแล้ว เนื้อหาไหนลืมก็คงต้องทวนกันหน่อย ไม่น่าโง่จนสอนน้องไม่ได้หรอกมั้ง



“ ไม่รู้ ไม่เคยสอน ” มันตอบห้วนๆ “ ถามกูทำไม? ”



“ กูจะสอนพิเศษ ” ผมยักคิ้วตอบ ไอ้คิงมันมองผมด้วยสายาไม่อยากเชื่อ ท่าทางมันแปลกใจมาก



“ มีคนให้มึงสอนด้วย หน้ามึงดูฉลาดขนาดนั้น? ”



“ K… ”



ไอ้คิงหัวเราะออกมาหน่อยนึงกับท่าทางผม มันพูดต่อ “ ที่กูเคยเห็นก็ชม.ละ 300 ”



ก็แค่นั้น… ผมพิมพ์ตอบน้องไปว่าคิดชม.ละ 300 บาท และถามเรื่องรายละเอียดวิชาทั่วไปว่าต้องสอนอะไรบ้าง น้องบอกมาแค่ว่าน่าจะเลขเป็นส่วนใหญ่ ตายห่าแล้วกู... ถ้าเป็นอังกฤษจะไม่อะไรเลย ให้ผมสอนเลขเหรอวะ.. เออก็ได้ ยอม ชม.ละ 300 ผมสอนวันละ 2-3 ชม. ก็ได้แล้ว 600-900 บาท กินเหล้าสบายๆ ฮ่าฮ่าฮ่า



น้อง: งั้นพี่เชาสะดวกวันไหนบ้างเหรอคับ ;-;



สอนวันไหนบ้างดีวะ….



ผมนึกตารางตัวเองสักครู่… อืม.. พฤหัส, ศุกร์ไม่ได้ เผื่อไปกินเหล้า



ผม: จันทร์, พุธ



วันอังคารผมจะได้พักด้วย น้องตอบกลับมาว่าขอเริ่มอาทิตย์หน้าเลย



น้อง: แล้วเอ่อ.. หอพี่เชาอยู่ไหนเหรอคับ ผมจะได้ไปถูก



จะมาติวที่ห้องผมจริงๆ เหรอวะ…



ผมหันมองสภาพห้องตัวเองอัตโนมัติ



จริงๆ ห้องผมก็ไม่ถือว่าเล็กมาก อยู่กันสามคนได้ไม่อึดอัดขนาดนั้น เปิดประตูมาเจอเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ อยู่ด้านหน้า มีห้องน้ำ ทีวี 32 นิ้ว โซฟาชุด ฉากกั้น ด้านหลังเป็นโต๊ะทำงานและเตียงนอน 6 ฟุดอยู่อยู่ติดระเบียง ห้องผมมีพื้นที่นะ แต่แม่งรกสัดๆ คิงมันชอบความเป็นส่วนตัวอีก.. เอาน้องมาติวที่นี่มันอาจจะปากหมาด่าจนน้องกลัวไม่กล้ามาเรียนกับผมอีกก็ได้



ผม: เจอร้านกาแฟใกล้ๆ ดีกว่า…



ผมนัดร้านน้องไป มันเป็นร้านกาแฟบรรยากาศดีแถวนี้ ไม่ไกลจากหอผมมาก



น้อง: ได้คับ วันจันทร์เจอกันคับพี่เชา ฝันดีคับ…


น้องส่งสติ๊กเกอร์รูปส่งจูบมา ทำให้ผมประหลาดใจ แต่น้องก็ส่งข้อความมาอธิบายต่อทันทีบอกว่ากดผิด พร้อมกับอีโมติคอนร้องไห้ สติ๊กเกอร์รูปส่งจูบมันอยู่ใกล้ๆ กับรูปตลบผ้าห่มคลุมนอน หึหึ ขนาดผมไม่เห็นหน้าเขาผมยังรู้เลยว่าเขาลนลานตอนพยายามอธิบายผมขนาดไหน...



“ ยิ้มอะไรวะเชา ”



“ กูยิ้มเหรอ? ”



“ เออ ”



ผมหัวเราะ ถ้าจะยิ้มได้ก็คงมีสาเหตุเดียว



“ ก็น้องมันน่ารัก... ”








------------------------------
ว่าจะไม่ลงๆ สุดท้ายอดใจไม่ไหว ส่ง 4.5 สั้นๆ มาขัดตาทัพ เดี๋ยวเครียดกันเกินไปค่ะ แฮ่ :o8:

ให้เห็นมุมดีๆ ของเชาบ้าง.... อย่าเพิ่งเกลียดเชากันนะคะ :monkeysad: ผ่านไป 4 ตอนเอง มีมุมอื่นๆ ของเชาให้รู้จักอีกเยอะเลยค่ะ (ซึ่งอาจจะทำให้คนอ่าน :o12: หรือ :z6: ก็ได้....... :o8:)

ตอนที่4 เชาโดนคุณเกรย์ทไวไลท์อ่านซะพรุนเลย  :o8:
จริงๆ เชาก็เป็นคนที่สมควรโดน :z6: คนนึงแหละค่ะ 5555555 แต่ไม่ต้องห่วงไปนะคะ นางจะได้บทเรียนและทุกคนจะเติบโตขึ้นค่ะ  o18

เจอกันอัก 1 สัปดาห์นะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และการติดตามค่ะ :pig4:


ปล. " เดี๋ยวมาต่อค่ะ "  :katai5:

หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่5) " เมินเฉย "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 08-05-2015 20:19:22
5
เมินเฉย






ผมพลิกโทรศัพท์ตัวเองในมือไปมา มองสติ๊กเกอร์รูปหัวใจแปะต่อกับสิงโตที่น้องฟิวเพิ่งติดไว้ให้
แค่เห็นมันหน้ากับรอยยิ้มเขินๆ ของน้องก็ลอยขึ้นมา
.
.
.
ผมถอดเคสโทรศัพท์ กำมันแน่นด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก... แล้วโยนเคสนั้นทิ้งลงถังขยะ เอาโอโฟนเครื่องเก่าไปเทิร์นเครื่องใหม่ออกมาอย่างไม่ยินดียินร้าย



" เฮ้ย! เชา!! "



แซคกวักมือเรียกให้ผมไปทางโต๊ะที่มันนั่งอยู่ ตรงนั้นมีอีกสิบกว่าคน มีปี2 ปี4 กับปี 5 มาอย่างละ 3 คน และมีเด็กที่ผมไม่คุ้นหน้านั่งอยู่ด้วยอีก 1 คน มองทั่วโต๊ะแล้วไม่มีไอ้ขวัญ... ก็ดี...



" ขอแก้วเพิ่มด้วย "



ผมนั่งลงข้างแซค ทักทายปีโต และรุ่นน้องด้วยความสนิทสนม มากินกับพวกผมบ่อยสุดก็มีอยู่เท่านี้ล่ะ วันนี้พิเศษหน่อยตรงที่ปี 5 มากินด้วย



" มีอะไร ทำไมมึงมาช้าวะ " ไวท์ถาม คนนี้อยู่ ปี5 พวกนี้เรียนจบไปแล้ว แต่ยังแวะเวียนมากินเหล้ากับพวกผมอยู่บ้าง



" ซื้อโทรศัพท์ใหม่ว่ะพี่ ยังทำห่าอะไรไม่ค่อยเป็นเลย " ผมตอบ " เมมเบอร์ให้หน่อยดิ " ผมล้วงโทรศัพท์เครื่องใหม่ออกมาจากกระเป๋า สติ๊กเกอร์กันรอยของมันยังถูกแปะไว้ที่ตัวเครื่องอยู่เลย



" เชี่ย ใหม่จริงว่ะ " คนอื่นๆ หัวเราะ ไวท์หยิบโทรศัพท์จากมือผม เมมเบอร์ตัวเองให้อย่างคล่องแคล่วแล้วส่งต่อให้คนอื่น



" เอาก่อนมั้ยวะ " แซคยื่นแก้วตัวเองให้ ผมรับมาจิบนิดหน่อย แล้วกระดกรวดเดียวจนหมดแก้ว



" โหไอ้สัส มึงรีบไปไหนวะ " หยิบแก้วคืนแล้วส่ายหน้าเหมือนปลง ยื่นส่งแก้วเปล่าให้เด็กปี1 ที่ผมคุ้นหน้าแต่ไม่รู้ชื่อชงให้ใหม่



" อยู่เครื่องกลใช่มั้ย ชื่ออะไร " ผมถาม



" ชื่อมาร์กครับ... " ปี1 มีท่าทางเกร็งๆ เวลาตอบคำถามหรือสบตาผม



แม่งตลกว่ะ.. ผมอดไม่ได้ แกล้งขู่มันไป



" ชื่ออะไร พูดเสียงดังๆ หน่อยสิวะ!! "



ปี1 สะดุ้งเฮือก ลนลานขานรับผมด้วยท่าทางตื่นกลัว



" ชื่อมาร์กครับ! "



ท่าทางปี 1 ตลกจนทั้งโต๊ะพากันหัวเราะออกมา ก็รู้กันหมดแหละว่าผมเป็นยังไง แค่ขึ้นเสียงขู่น้องไปงั้น เห็นท่าทางเกร็งเลยกะหยอยเล่นให้ผ่อนคลาย



" โหย พี่แม่ง... ผมตกใจหมด " น้องมันเสียงอ่อย ลูบต้นคอตัวเองด้วยท่าทางผ่อนคลายมากขึ้น ส่วนผมเองเมื่อได้แก้วแล้วก็จัดการชงเองดีกว่า



" สรุปมึงได้นี่มาแทนเครื่องเก่าที่หน้าจอแตกเหรอ? " ส่งจนครบวงแล้วมือถือใหม่ผมก็มาตกอยู่ที่แซคเป็นคนสุดท้าย มันถามระหว่างที่เมมเบอร์ตัวเองลงไป " แม่งซ่อมไม่ได้เลยเหรอวะ น่าเสียดายว่ะ "



เครื่องเก่านั้นผมเพิ่งซื้อมาใช้ไปประมาณปีกว่า ก็คุ้มประมาณนึงล่ะ แต่เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิด เลยคิดว่าเปลี่ยนเครื่องใหม่ไปเลยดีกว่า จะว่าไปผมก็ได้เครื่องนั้นมาช่วงที่เจอกับน้องฟิวใหม่ๆ พอดี...



" อืม "



แซคส่ายหน้า " จอแตกเปลี่ยนใหม่แค่ไม่กี่พัน "  มันว่า ส่งมือถือคืนให้ ผมหัวเราะรับโทรศัพท์คืนมา



" เปลี่ยนหน้าจอไปแล้ว มันก็ไม่ใช่เครื่องเดิมแล้วเหอะ "



" เหรอวะ " แซคทำหน้าไม่เห็นด้วย " มันก็เครื่องเดิมเหอะ ระหว่างซื้อใหม่กับเปลี่ยนจอไม่กี่พัน เป็นกูกูเปลี่ยนจอว่ะ... แต่มึงอยากเปลี่ยนอยู่แล้วอ่ะดิ "



" คงงั้น " ผมยักไหล่ตอบมันยิ้มๆ ไอ้แซคส่ายหน้า หัวเราะขำ



" มึงนี่มัน.. ' มึง ' จริงๆ "




 
คืนนั้นผมกินไปเยอะจนอ้วกแตกอยู่หน้าร้าน พอมีสติออยู่บ้าง แต่ก็จำได้บ้างไม่ได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง รู้สึกเหมือนคนที่พาผมไปส่งที่ห้องจะเป็นแซค มันให้ใครสักคนขับมอเตอร์ไซค์ของผมตามกลับมาที่หอ



“ ไอ้เชา… มึงตัวหนักสัส อย่าทิ้งน้ำหนักมาที่กูดิวะ ”



เสียงนั้นบ่นพึมพำๆ อยู่ข้างตัวผมก่อนจะตามมาด้วยเสียงเคาะประตูรัวๆ เหมือนจะเรียกคนข้างในให้ออกมาเร็วๆ



ก๊อกๆๆๆๆๆ!



แกร๊ก….



" มาได้ไง? "



คิงเปิดประตูมารับ ผมจำได้ เสียงไม่ยินดียินร้ายฟังแล้วติดจะกวนตีนนี้มีแค่เพื่อนผมคนเดียว



" คิดถึงคิงไง เลยมาหา " ประโยคน้ำเน่าขนาดนี้ ใช้ไอ้แซคแน่รึเปล่าก็ไม่มั่นใจ " เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวสิ.. อย่าเพิ่งปิดประตูใส่ เอาไอ้เชาเข้าไปก่อน "



ผมรู้สึกเหมือนมีอีกคนมาพยุงตัวเอง กลิ่นสบู่หรืออะไรบางอย่างจากคนข้างตัวอีกคนทำให้ผมคุ้นชิน ตวัดแขนโอบรอบร่างที่สูงพอๆ กับตัวเองไว้แน่นแล้วกดจมูกที่ซอกคอ สูดกลิ่นหอมนั้นเข้าไปฟอดใหญ่



" หนัก ปล่อยกูก่อน "



สัมผัสหนักๆ ตบบนหลังของผม ทั้งที่ตอนนี้หนักหัวจะแย่แต่ก็ทำตามที่เสียงนั้นบอก ดูเหมือนจะมีคนอ่านใจผมได้ด้วย อีกมือจากทางด้านหลังมาช่วยพยุงผมอีกแรง



" เดี๋ยวช่วย ขอเข้าห้องหน่อยดิ "



ประตูห้องถูกเปิดกว้างขึ้น ให้ผมและแซค… อืม ตัวหนาหุ่นนักบอลอย่างนี้คงเป็นไอ้แซคแหละ มันพยุงผมเข้าไปให้ห้องแล้วปล่อยที่เตียง



ผมขยับตัวเข้าหาหมอนตัวเองอัตโนมัติ ขยับตัวหาท่านอนสบายๆ แล้วก็ปล่อยตัวเองนอนหลับไป แต่อาการปวดหัวตื้อๆ รบกวน ทำให้ผมกึ่งหลับกึ่งตื่น และยังมีเสียงคนอีกสองคนในห้องคุยกันอีก


 
" ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเหรอคิง ปฏิเสธตลอดเลย "


แซคถามคิงด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ หวังว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ ทว่าปฏิกิริยาตอบรับกลับเป็นความเฉยชา



" อืม "



" ขอชั่วโมงสองชั่วโมงเอง "



" กูทำอย่างอื่นอยู่ " กลอกตาแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น



ดูก็รู้ว่าคิงไม่ได้ให้ความสำคัญเลย รู้ดีว่ามันเป็นข้ออ้าง...



เพื่อนแซคเพิ่งจะบอกว่าเจอคิงอยู่ที่ร้านเหล้าในวันที่แซคชวนออกไปเที่ยวด้วยกันแต่อีกฝ่ายปฏิเสธว่าตัวเองมีธุระสำคัญอย่างอื่นต้องทำ



" เพื่อนเราบอกว่าเห็นนายอยู่นั่งเล่นเอกมัยเมื่อคืน " แซคว่าต่อ และถามในคำถามที่ไม่ควรถามที่สุดออกไปด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเสียใจ " ไหนนายบอกว่ามีทำงานกลุ่มที่ห้องเพื่อน "



" ... "



คิงเงียบไปอึดใจแล้วถอนหายใจยาว


น่ารำคาญ.. คำนี้วนเวียนในหัว และก็ถูกแสดงออกชัดเจนบนใบหน้า



" แล้วมึงเสือกอะไรวะ " เพื่อนก็ไม่ใช่… แฟนยิ่งไม่ใกล้เคียง… " กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึง แล้วก็ไม่ใช่เพื่อนมึงด้วย " จะอะไรกับเขานักหนา...



คิงถอนหายใจแรง " กูง่วง จะนอนแล้ว " โดนปลุกมากลางดึกก็เป็นสาเหตุให้หงุดหงิดและเหวี่ยงอย่างนี้เหมือนกัน



แซคอึ้งไปสักพัก หน้าแดงก่ำขึ้นช้าๆ ไม่รู้เพราะโกรธ อาย หรือไม่พอใจอะไรมากกว่ากัน มองคิงด้วยสายตาที่หลายหลาย ที่แน่ๆ มันมีความเสียใจและผิดหวังอยู่ในนั้น



“ งั้นถ้าไม่ชอบแล้วอ่อยก่อนทำไมวะ!!! ”



ตะคอกใส่หน้า แล้วหันหลังเดินกลับไป เขากระชากประตูปิดอย่างแรงเพื่อคลายความไม่พอใจ เสียงดันลั่น สนั่นสะเทือนไปทั้งหอ



ทั้งคู่รู้จักกันจากการแนะนำของคนกลาง 'อีเจนนี่' คิงเรียกแบบนั้น เกย์สาวต่างมหาหลัยที่รู้จักคนเยอะไปหมด



เจนนี่บอกว่าแซคเป็น ‘ เกย์รับ ต้องการหาเพื่อนแก้เหงา ไม่ต้องการคนรู้จัก ไม่ต้องการมีพันธะผูกพันธ์ ’ แปลง่ายๆ ตามความเข้าใจของคิงคือ แซคเงี่ยน แต่ไปเที่ยวผับเกย์ไม่ได้ เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่ามันเป็นเกย์ ยิ่งมันเป็นรับ มันยิ่งอาย…



เขาอ่อยตรงไหน อยากถามมันจริงๆ?



เรื่องควรจะจบตั้งแต่คืนวันปีใหม่ก่อนหน้านู้น แต่แซคไม่จบ แซคเองที่เป็นฝ่ายพยายามสานสัมพันธ์ต่อ คิงซึ่งเป็นคนขี้รำคาญและไม่ได้ถูกสเป็คแซคขนาดนั้นจึงค่อนข้างหงุดหงิดกับแซคและพาลใส่เจนนี่ไปพอสมควร และบางทีก็พาลใส่เชาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปด้วย...



“ เหี้ยอะไรวะเนี่ย! ”



หงุดหงิด…หงุดหงิดมาก... แต่ก็เท่านั้น ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี



เลยได้แต่ปล่อยไปแล้วไปปิดไฟนอนต่อเหมือนเดิม พรุ่งนี้ค่อยไปซื้อซิมใหม่เผื่อมันโทรมาตอแยอีก อีกสักอาทิตย์ค่อยไลน์บอกเบอร์ใหม่กับเจนนี่ให้อีกฝ่ายหงุดหงิดเล่น จะได้ถือว่าหายกันที่แนะนำคนให้แบบไม่ดูให้ดีซะก่อน!





“ โอยย… ”



ผมตื่นเช้าด้วยอาการมึนตึ้บ เส้นเลือดในหัวเต้นตุบๆ ลูบหน้าตัวเองให้รู้สึกดีขึ้นลุกไปหาน้ำกับพารามากิน พลางนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ผมเมาจนอ้วก อ้วกแล้วก็ไปดื่มต่ออีก แล้วก็อ้วกอีกรอบ ใช่… ผมจำได้ เผลออ้วกใส่ตีนใครสักคนไปด้วย ใครแม่งโดนวะ ซวยสัด



ตอนนี้ผมอยู่ในชุดตัวเดียวกับเมื่อวานไม่มีผิด ไม่ต้องหวังอะไรจากไอ้คิง มันไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมหรอก อย่างมากก็เอาโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ผมออกมาวางไว้ให้บนโต๊ะ และนั่นไง.. กระเป๋าเงินหนังและโทรศํพท์เครื่องใหม่วางอยู่บนโต๊ะจริงด้วย



แกร๊ก..



เสียงเปิดประตูจากทางห้องน้ำ ผมหันไปมอง คิงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าขนหนูเดินตัวเปียกออกมาเช่นเคย เราสบตากันตรงๆ ผมไม่ละสายตาไปก่อน มันเองก็จ้องกลับเช่นกัน



เหมือนเล่นเกม ‘ ถ้าใครหลบสายตาก่อนแพ้ ’ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เคยมีใครพูดขึ้นมาก่อนว่า เออ เราตกลงจะเล่นเกมแบบนี้กัน...



มันเป็นไปเอง...โดยสัญชาติญาณ



“ มองเหี้ยไรวะเชา ” คิงขึงตาใส่ กล่าวคำทักทายยามเช้าหยาบคายที่ผมฟังจนชิน มันพ่นลมหายใจแล้วเดินไปหน้าตู้เสื้อผ้า เช็ดผมไปด้วย เป็นสัญญาณว่าจบเกมตานี้แล้ว



“ มึงจะออกไปข้างนอกเหรอ ”



ผมถาม เห็นมันหยิบเสื้อยืดกับกางเกงขายาวสีน้ำเงินมาใส่ ดูดีกว่าใส่ไปซื้อข้าวหน้าปากซอย และยิ่งมั่นใจ เมื่อมันหยิบน้ำหอมมาฉีด



Bvlgari กู…



“ อืม กูจะไปจตุจักร ” มันหาว ปัดผมหน้าม้าปรกหน้าตัวเองไปข้างๆ อยู่หน้ากระจก



“ ห๊ะ?! มึงเนี่ยนะไปจตุจักร ”



ผมคงลืมบอกไป คิงเป็นคนนิสัยเรื่องมากและอยู่ในที่ๆ อากาศร้อนมากไม่ได้ มันจะหน้าแดง ปวดหัว และตัวร้อน จากเดิมที่ขี้หงุดหงิดง่ายอยู่แล้ว ดีกรีความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นไปอีก ฉะนั้นจตุจัตรที่ทั้งร้อนและคนเยอะจึงไม่น่าอยู่ในที่ๆ คิงมันจะไปได้



“ เออ ทำไม ” เสียงมันห้วนขึ้นอีก สวมแว่นแล้วมองผมหน้าบึ้ง



“ ไปทำอะไรวะ ”



“ ซื้อของ ” อาจจะเป็นเพราะเห็นผมกลอกตา มันจึงต่อประโยคให้จบ “ ต้นไม้ ”



ผมเดาะลิ้นคิดแป๊ปนึงแล้วก็ยื่นข้อเสนอ



“ วันนี้เดี๋ยวกูกลับบ้าน ไปด้วยกันก่อน แล้วตอนเย็นกูเอารถยนต์ออกมากับมึงที่จตุจักร ”
แล้วเงียบ เพื่อรอมันตัดสินใจ



“ ตกลง ”



ว่าแล้ว.. ผมกระตุกยิ้ม พึงพอใจในชัยชนะเล็กๆ ของตัวเอง ที่สามารถทำให้คนเรื่องมากเปลี่ยนแผน และทำตามความต้องการของผม



“ งั้นเดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อน มึงรอแป๊ป ”



“ อืม ”



ควรจะหงุดหงิดที่แฮงก์ แต่ก็อารมณ์ดี หยิบผ้าเช็ดตัวเดินผ่านคิงเข้าห้องน้ำ



“ สระผมด้วย หัวมึงเหม็นสัด ”



ผมปิดประตู หัวเราะออกมา หน้าคิงที่พูดประโยคเมื่อกี้แม่งตลก เห็นแล้วขำชิบหาย




------------------------------------------------------------

เข้ามาแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว... เนื่องจากยังส่งโปรเจกต์ไม่เสร็จดี  :z3:
ขอมอบ  :z6: ให้กับเชา... เอาไปเลยนาย...

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ   :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่5) " เมินเฉย "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-05-2015 20:45:15
รีบปล่อยน้องไปเถอะนะ
น้องฟิวส์จ๋า ถ้าเชาปล่อยเราไปแล้ว
อย่าไปตื้อ อย่าไปเวิ่นเว้อ อย่าไปตอแยนะ
น่ารักๆ อย่างฟิว คงได้เจอคนเีๆที่จริงใจสักวัน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่5) " เมินเฉย "
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 08-05-2015 20:58:53
 เลิกกับน้องไปเถอะ จริงๆ สงสารน้อง

ป.ล #ทีมเชาคิง 55555555
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่5) " เมินเฉย "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 08-05-2015 21:12:29
สรุปเรื่องนี้เชา-คิง หรือ คิง-เชา โดยมีน้องฟิวส์เป็นตัวประกอปสินะ
เชากับคิงนี่น่าจะเป็นประเภทเดียวกัน
ใครตัดใคร ใครตามใครเดี๋ยวก็รู้สินะ
คิงน่าจะไม่เอาเชาเป็นตัวเป็นตนเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่5) " เมินเฉย "
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 08-05-2015 21:48:36
อ่านมา 5 ตอนรวด ไม่ชอบตัวหลักทั้งสองของเรื่อง คือ เชา และคิง มันอธิบายออกมาเป็นตัวอักษรไม่ถูก ยังไม่อยากเชียร์ให้ใครได้คู่กับใคร อ่านพาร์ทของฟิวแล้ว สงสารน้องมากเลย มาเจอคนแรกที่เป็นแบบนี้ อยากให้เชาปล่อยน้องไป จะยื้อไว้ทำไมในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าความรู้สึกที่มีให้กับน้องมันเจือจางลงไปมากแค่ไหน บอกไปเลย ครั้งเดียว เจ็บแต่จบ แล้วเอ็งจะทำอะไร คู่กับใคร ก็ไปเถอะ จะชอบใคร จะเอาใครก็ไปเถอะ แต่อย่าทำตัวแบบนั้นทั้งๆที่ยังคลุมเครืออยู่อย่างนี้ มันจะส่งผลระยะยาว จากแผลธรรมดา จะกลายเป็นแผลติดเชื้อเรื้อรัง สำหรับคนที่เขารักเอ็งแบบถวายหัว ยิ่งซื่อๆใสๆ ไม่ทันคนแบบหนูฟิวนะ ใครมันจะตามเกมส์เอ็งทันวะคะ ท่านเชา เราล่ะสงสารหนูฟิวจับจิต


เวิ่นยาวมาก (ข้ามๆไปก็ได้นะจ้ะ) ฮืออออ อินจัด สนุกมาก ลุ้นมาก(ว่าใครคู่ใคร) หน่วงมาก ชอบมาก มาต่ออีกเยอะๆนะคะ รออ่าน และเป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 11-05-2015 00:19:50
6
เราสามคน




“ เหี้ย กูไม่ใส่ ”


“ เฮ้ย! ไม่ได้!! เดี๋ยวโดนจับ ”


“ ก็เรื่องของมึง ”


อ้าว ไอ้สัด!


ที่ยื้อแย่งกันอยู่ตอนนี้คือเรากำลังจะไปบ้านผมซึ่งอยู่ไกลถึงแจ้งวัฒนะด้วยรถมอเตอร์ไซค์ (บิ๊กไบค์ก็ได้ ให้ดูดีหน่อย) ผมมีหมวกกันน็อคสองใบ คือแบบเต็มใบสีดำ-แดงของตัวเอง และแบบครึ่งใบสีเหลืองสดใสสำหรับคิง


“ ใครติดสติ๊กเกอร์อุบาทว์แบบนี้กูอยากรู้? ”


กลอกตา กระชากหมวกสีเหลืองมาจากมือผมแล้วชี้ให้ดูสติ๊กเกอร์รูปเป็ดสีเดียวกับหมวก น้องฟิวเป็นคนแปะไว้


“ … ”


ผมหุบยิ้มลง ดึงหมวกกันน็อกกลับคืนมาแล้วลอกสติ๊กเกอร์รูปเป็ดออกไปให้มันเห็นจะๆ


สติ๊กเกอร์ฉีกขาดออกจากกัน แต่ช่างแม่ง ผมดึงจนมันออกทั้งหมด อย่างไรซะสติ๊กเกอร์อันนี้มันก็เก่าแล้วด้วย…


เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคนแปะนั่นล่ะ


“ ทีนี้ใส่ได้ยัง? ถ้ายังมึงก็จ่ายเงินกู แล้วเดี๋ยวพาไปซื้อใบที่อยากได้เลย ”


“ เออๆๆ!! ”


ถึงจะทำหน้าหงุดหงิดไปก็เท่านั้น อย่างไรมันก็เอาหมวกสีเหลืองใบนี้ไปใส่ ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ตามผมก่อนผมจะออกรถ จากใจกลางกรุงเทพฯ ไปเขตชานเมืองที่เมื่อถึงเวลาเร่งด่วน รถมันก็ติดได้พอกันอย่างแถวแจ้งวัฒนะ


.
.
.


ผมขับมอเตอร์ไซค์ผ่านทางเข้าหมู่บ้านเข้ามา ผ่านป้อมยามประมาณ 3 ป้อม เพราะที่นี่เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ และมีหลายหมู่บ้านติดกันแบบไม่มีรั้วกั้นที่ชัดเจน ก่อนจะจอดรถที่หน้าบ้านสไตล์ยุโรปหลังนึง ...บ้านผมเอง


ที่ลานจอดรถหน้าบ้านมีรถยนต์จอดอยู่ครบทั้งสองคัน คือรถเบนซ์คลาสสิกสีครีม และ e-class สีเทา


“ อ้าว? มีคนมาอยู่ใหม่อีกแล้วว่ะ ”


ผมถอดหมวกกันน็อค หันมาบอกเพื่อน บุ้ยไปทางบ้านสไตล์ยุโรปหลังข้างๆ บ้านผมที่มีรถยนต์ป้ายทะเบียนสีฟ้าขององค์การระหว่างประเทศจอดอยู่  เดิมทีบ้านหลังนั้นเป็นบ้านของคิง แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเมื่อ 6 ปีก่อน มันก็ย้ายมาอยู่บ้านผมเป็นการถาวร


“ อืม.. ” มันตอบ ไม่ยินดียินร้าย ถอดหมวกกันน็อคแล้วผลักส่งคืนให้ด้วยท่าทางหงุดหงิดเหมือนเคย ผมหัวเราะเบาๆ ถือหมวกกันน็อคทั้งสองไปแล้วเดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน


ในหมู่บ้านผมไม่มีรั้วกั้นระหว่างบ้าน แต่แถวนี้ไม่มีขโมย เพราะคนในละแวกบ้านของผมส่วนใหญ่เป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติ ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นคงมีปัญหาตามมามากกว่าแค่เรื่องลักขโมยเยอะ เช่น บ้านหลังใหญ่ของท่านทูตออสเตรียประจำประเทศไทยที่อยู่ตรงข้ามบ้านผม เป็นต้น


แต่ยังไม่ทันจะจับลูกปิด ประตูก็ถูกเปิดออกมาเสียก่อน มัม(mom) ยืนอยู่หลังประตู ส่งยิ้มกว้างมีความสุขมาให้ก่อนจะกอดผมกับคิงพร้อมๆ กัน


คิงมันเข้าไปกอดมัมก่อนผมอีก ห่า.. นั่นป้ากู


ผมเลยเข้าไปกอดทั้งคู่ไว้แทนเสียเลย ฮ่าๆ


“ มัมหวัดดีครับ ”


ป้าผมเป็นคนเดียวจริงๆ ที่คิงไม่เหวี่ยง และพูดจาสุภาพด้วย มันรักมัมมาก ทำไมผมจะไม่รู้


“ คิดถึงจังเลย ไม่โทรหามัมตั้งอาทิตย์นึงแน่ะ ” ป้าพูดกลั้วหัวเราะตอบคิง หอมแก้มฟอด และหันมาหอแก้มผมด้วยอีกคน เสียงดังพอกัน


“ แล้วผมล่ะมัม ” ผมแกล้งท้วงทำหน้างอ


“ โอ๊ย! มัมก็คิดถึงเชา แต่เชาไม่โทรหามัมน่ะเรื่องปกติ แต่คิงไม่โทรหามัมน่ะผิดปกติ ”


ผมหันมองไอ้คิง เพิ่งรู้ว่ามันโทรหามัมบ่อยๆ


“ นี่กำลังจะโทรหาคิงพอดี ไลน์นี่มันยังไง มาจะส่งรูปให้เพื่อนแต่ลืมไปแล้ว ”


ท้ายประโยคบ่นๆ แล้วเดินนำพวกผมสองคนเข้าบ้าน หันมามองคิงที่เดินตามมัมไป มันไม่ได้ยิ้มแต่ก็ดูออกว่ากำลังมีความสุข ทั้งคู่ไปนั่งที่โซฟาแล้วคิงก็สอนมาเล่นไลน์ในไอแพดอีกรอบด้วยความใจเย็น


จริงๆ แล้ว มัม ไม่ใช่แม่ของผม


มัมเป็น ‘ ป้า’ ของผม เป็นพี่สาวของแม่ เป็นคนไทยแท้ๆ เป็นลูกสาวคนโตของนายพลฯ ทหารเรือเมื่อก่อน และก็แต่งงานกับทูตฝรั่งเศส ทั้งคู่รู้จักกันในงานเลี้ยงสมาคมที่มาเป็นตัวแทนครูวิชาภาษาฝรั่งเศสสของโรงเรียน บ้านหลังนี้เดิมเป็นของท่านทูตฝรั่งเศสนั่นล่ะครับ แต่เมื่อท่าเสียไปเมื่อ 10 ปีก่อน มัมก็อยู่คนเดียวมาตั้งแต่ตอนนั้น


ผมเป็นครึ่งแขกขาว แน่นอนแม่เป็นคนไทย และพ่อเป็นคนตุรกี


แม่ของผมเป็นภรรยาคนที่สามของพ่อ ผมอยู่บ้านใหญ่ได้ถึง 7 ขวบก็แยกบ้านออกมาอยู่บ้านเล็กกับแม่แค่สองคน พ่อมาเยี่ยมที่บ้านบ้างเป็นครั้งคราว ถึงผมจะไม่ใช่ลูกคนโต แต่ผมก็เป็นลูกชายคนแรกในบ้าน ทีแรกเขาไม่ยอมให้แม่ย้ายออกมาด้วยซ้ำ ผมจำได้เลือนลาง ตอนนั้นผมเด็กมากเหลือเกิน


พอ 10 ขวบ ผมก็มาอยู่บ้านมัม (ซึ่งท่านทูตฝรั่งเศสเพิ่งเสียไปพอดี) พร้อมกับแม่ ดูเหมือนตอนนั้นจะเป็นตอนที่แม่ตัดสัมพันธ์กับพ่ออย่างสิ้นเชิง ทั้งคู่ขาดจากกัน แม่เปลี่ยนกลับใช้นามสกุลเดิม รวมทั้งผมด้วยที่เปลี่ยนใช้นามสกุลของแม่ เพราะแม่ต้องการตัดทุกอย่างที่ทำให้นึกถึงพ่อออกไป.... รวมทั้งผมด้วย…


เราอยู่ด้วยกัน 3 คนที่บ้านมัม 3 เดือน แม่ก็ไปทำงาน และไม่กลับมาอีกเลย


ตอนนั้นผมไม่รู้อะไรเท่าไหร่ มัวแต่เล่นกับไอ้เด็กลูกครึ่งเกาหลีหน้าตากวนตีนข้างบ้าน(ไอ้คิงครับ ไม่ใช่ใครอื่นเลย)


จนถึงวันที่ 5 ผมถึงถามมัมว่าเมื่อไหร่แม่จะกลับบ้าน?


มัมร้องไห้แล้วกอดผม เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมเห็นคนเข้มแข็งอย่างมัมร้องไห้ วันที่สามีของมัมเสีย มัมไม่ไม่น้ำตาสักหยด น่าแปลกที่ตอนนั้นผมไม่รู้สึกเสียใจและไม่ได้ร้องไห้เลย


คงเป็นเพราะตอนนั้นผมคิดว่ามัมทำแทนผมไปแล้ว…


ผมไม่เคยมีแม่ ฉะนั้นการที่เขาจากไปจึงไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า

 
ผมไม่เคยคาดหวัง ผมจึงไม่เสียใจ…


“ มัมจะทำอาหารเหรอ? ”


ผมถาม เห็นโต๊ะในครัวมีของสดวางอยู่ ตอนนี้เวลา 11 โมงครึ่งพอดี ผมทิ้งตัวนั่งโซฟาเดี่ยว หยิบรีโมทเปิดทีวีดู เป็นช่อง BBC กำลังรายงานข่าวอยู่พอดี มัมคงเปิดค้างไว้ ผมกดเปลี่ยนช่อง หาหนังหรือไม่ก็ซีรี่ส์สนุกๆ ดูสักเรื่องสลับกับมองคิงและมานั่งจิ้มไอแพด


“ ฮืม ตอนแรกว่าจะทำ แต่เชากับคิงกลับมาพร้อมๆ กันแบบนี้ เราไปกินข้างนอกดีกว่า ”


“ กินแถวไหนอ่ะมัม ”


“ ไปกินร้านอาหารริมน้ำแถวปากเกร็ดกัน สั่งกุ้งเผาด้วย ดีมั้ยคิง ” มัมหันไปลูบหน้าลูบตาถามคิงลูกรัก


“ ดีครับ ”


มัมว่ายังไงคิงมันไม่เคยขัดอยู่แล้ว ลองเป็นคนอื่นสิ มันไม่แม้แต่จะฟังด้วยซ้ำ


“ แล้ววันนี้กลับมาค้างมั้ย หรือกลับตอนเย็น? ”


ผมมองหน้าคิงแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม


“ ผมยังไงก็ได้ แต่คิงบอกมันจะไปจตุจักรช่วงเย็นๆ ”


“ ซื้อเสื้อผ้าเหรอ? ” มัมถาม


“ เปล่าครับ ซื้อต้นไม้ ”


“ ฮื้อ! งั้นไปนี่ดีกว่า ต้นไม้ถูกกว่ากันเยอะเลย ”


ด้วยเหตุดังนั้นเองเราจึงจะไปซื้อต้นไม้ที่นั่นแทนที่จะเป็นจตุจักร เพราะผมตามใจคิง ส่วนไอ้คิงตามใจมัมอีกที…





กลายเป็นว่าที่คิงมันจะไปซื้อต้นไม้ตอนแรกเนี่ย มันจะไปซื้อให้มัมแล้วเอามาให้มัมที่บ้านเย็นนี้ แล้วผมกลับบ้านพอดี มันเลยถือโอกาสซะเลย วันนี้ทั้งวันผมจึงรับหน้าที่เป็นสารถีขับรถและถือถุงปุ๋ย ถือต้นไม้ และขนของให้ ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองเป็นคนขับรถหรือลูกจริงๆ กันแน่


“ ตอนขามาขับรถเร็วขนาดนี้หรือเปล่าฮึเชา ”


“ ก็ปกตินะ ”


“ จริงเหรอ? ” เอ้า! ไม่เชื่อผมอีก “ จริงหรือเปล่าคิง ” คราวนี้หันไปถามลูกรักที่นั่งอยู่เบาะหลัง


“ จริงครับ เหยียบร้อยขึ้นเป็นปกติ ” อ้าวๆ ไหงมาพูดแบบนี้วะคิง ผมมองมันผ่านกระจงมองหลัง เห็นไอ้คิงส่งสายตากวนตีนกลับมา


“ เชา! ไม่ได้เลยนะไม่ได้!! ขี่มอเตอร์ไซค์ขับเร็วขนาดนั้นได้ยังไง ” มัมดุผมเสียงเข้ม หน้าจริงจัง “ ถ้าไม่เป็นห่วงตัวเองก็เป็นห่วงคนข้างหลังบ้างสิ! ”


“ โหยมัม.. ผมยื่นหมวกกันน็อคให้คิงใส่ก่อนเลย ไม่ต้องห่วงมันหรอก ”


ผมหัวเราะขณะที่พูดไปด้วย ส่วนมัมทำหน้าบึ้งกว่าเดิม


“ อ้าว..ไม่ขำเหรอ ”


“ ใช่เรื่องตลกเหรอเชา ”


“ ... ”


“ คิดถึงใจคนอื่นบ้างสิ ที่พูดที่เตือนเพราะเป็นห่วงเชานะ รู้ใช่มั้ย ” ผมเงียบและมัมก็พูดต่อไป “ ถ้าเชาหรือคิงเกิดอุบัติเหตุเป็นอะไรไปขึ้นมาจะทำยังไง? เราก็ต้องเจ็บตัว แล้วคิดว่าถ้าเราเจ็บ มัมจะไม่เจ็บด้วยเหรอ? ”


“ ครับ รู้แล้วๆ ” ผมถอนหายใจมองไปทางอื่นเล็กน้อย ก่อนจะลดความเร็วของรถลง


อะไรวะ... อยู่ดีๆ ก็โดนบ่นเฉย แค่ขับเร็วนิดหน่อย ถนนมันโล่งพอดีนี่หว่า ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลย…





ก่อนกลับบ้านผมแวะห้างฯ ให้มัมไปซื้อของสดเข้าบ้านกับคิงก่อน ส่วนตัวเองแยกไปหาที่สูบบุหรี่ให้อารมณ์ดีขึ้น แล้วค่อยกลับเข้าห้างซื้อกาแฟดื่ม นั่งรอคิงโทรฯ ตาม ระหว่างนั้นก็เล่นโทรศัพท์ไปด้วย โดนแท็กรูปเมื่อวานที่ไปกินเหล้ามาหลายรูปเลย
เฮ้ย.. คลิปที่ผมยุเพื่อนให้ถ่ายคนอื่นตอนเมามาแล้วว่ะ ปี 5 แม่งแท็กทุกคนแล้วโบ้ยบอกว่าผมเป็นต้นคิด คนที่โดนแกล้งมากสุดเป็นเด็กปี1 มันโดนมอมแล้วเข้าไปอ้วกในห้องน้ำหญิง อย่างเด็ด 555555 ผมพิมพ์ข้อความแซวในโพส สักพัก ปี4 แม่งโพสรูปที่ผมเมาอ้วกอยู่หน้าร้านบ้าง


อ้าว…. เหี้ยแล้วไง...


แล้วคิงโทรมาตอนผมกำลังจะโต้ตอบพวกมันไปพอดี


“ เสร็จแล้วเหรอ? ” ผมถาม แม่งเร็วว่ะ นึกว่าจะนานกว่านี้


“ อืม มึงอยู่ไหน ”


“ กินกาแฟอยู่ รอแปป เดี๋ยวไปหา ” พอผมพูดจบคิงมันตอบกลับมาแค่คำว่าอืม แล้วก็ตัดสายไป ผมยกกาแฟร้อนขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วหยิบมือถือหย่อนกลับใส่กระเป๋ากางเกงเดินออกจากร้าน


คิงกับมัมยืนรอผมอยู่ เห็นมาถือถุงพลาสติกอยู่ในมือจึงยื่นมือไปถือให้โดยไม่พูดกับมัมสักคำ ตั้งแต่ในรถตอนนั้นผมก็ไม่ได้พูดกับมัมเลย อึดอัดนะ แต่ไม่พอใจว่ะ ผมกลับบ้านทีก็น่าจะพูดแต่เรื่องอะไรดีๆ ทำไมต้องบ่นกับเรื่องแค่ผมขับรถเร็วแค่นี้ด้วย


“ เชามึงสูบบุหรี่มาเหรอ ” ไอ้คิงชักสีหน้าไม่ชอบใจ


“ เปล่า! ”


“ เปล่าเหี้ยอะไร กลิ่นขนาดนี้! ” มันเริ่มขึ้นเสียงบ้างแล้ว มัมเลยจับแขนคิงเหมือนจะเตือนให้หยุด เห็นมั้ย! ขนาดมัมยังเตือนมึงเลย


“ กลิ่นติดมามั้ง คนข้างๆ กูแม่งสูบ ” ผมตอบปัดกลับไป ไม่พอใจเหมือนกัน


มันยอมหยุดแต่ยังมองผมตาขวาง เป็นเชี่ยไรของมึงเนี่ยคิง ปกติมึงก็สูบเหอะ ผมสงสัย แต่ไม่พูดออกมาเพราะมัมอยู่ตรงนี้ เขาอาจจะเสียใจได้ ถ้ารู้ว่าคิงลูกรักสูบบุหรี่ เหอะ!


“ เออๆๆ กูฉีดน้ำหอมให้แล้ว พอใจยัง ” มาถึงรถเอาของเก็บแล้วผมก็หยิบน้ำหอมโปโลแบล็กขวดเล็กแบบพกพาออกมาฉีด เดิมผมใช้รถคันนี้ก่อนที่มัมจะซื้อ Honda CBR250 ให้ ช่วงนั้นสูบบุหรี่จัดกว่าตอนนี้อีก พอคบกับน้องฟิวถึงได้ค่อยๆ ลดลงมาแล้วเลิกไปในที่สุด แต่ก็นั่นล่ะ..


ไอ้คิงมีท่าทางฮึดฮัด แต่ไม่ตอบโต้อะไรผมนอกจากการกระชากประตูรถปิดแรงๆ เชี่ย.. นิสัยเด็กว่ะ ผมส่ายหน้า เปิดประตูรถรัดเข็มขัดแล้วขับรถออกไป


“ คิงสรุปมึงเอาไง ค้างหรือไม่ค้าง ” ผมถามระหว่างทางกลับบ้าน มองหน้ามันผ่านกระจกมองหลังไปด้วย


“ กูค้าง มึงอยากกลับก็กลับไปก่อนเลย ” ประโยคหลังประชดประชัน


ผมกลอกตา หลังจากนั้น ผม, คิง และมัมก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย




ผมนั่งมองคิงกับมัม ทั้งคู่อยู่ในครัว กำลังเตรียมอาหารเย็น โดยที่มัมเป็นคนจัดการและมีคิงคอยช่วย


น่าแปลกใจมากเพราะผมไม่เห็นเห็นคิงเข้าครัวพร้อมมัมมาก่อน


บ้านของคิงสนิทสนมกับมัมมาตั้งแต่ผมมาอยู่กับมาตอน 10 ขวบ อย่างที่บอกคือมันเป็นลูกนักวิจัยข้างบ้าน พ่อเกาหลี-อเมริกันคิงเป็นผอ.ศูนย์วิจัย ส่วนแม่ก็เป็นนักวิจัยคนไทย


เมื่อก่อน แบบตอนเด็กๆ เลย ผมคุยกับมันไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะพูดคนละภาษา


คิงพูดไทยน้อยมาก ส่วนใหญ่มันพูดแต่เกาหลี พูดอังกฤษนิดหน่อยแต่ไม่ค่อยแข็งแรง ขณะที่ผมพูดภาษาอังกฤษกับไทย มัมพยายามสอนภาษาฝรั่งเศสผมด้วย แต่ผมเกเรไม่ตั้งใจเรียนจึงลืมไปหมดแล้ว


ตอนนั้นรู้สึกว่าไอ้เด็กเกาหลีลูกนักวิจัย ‘ คิม ’ ข้างบ้านแม่งกวนตีน ทำหน้ามู่ทู่มองตาขวางตลอดเวลา แต่ก็ยังไปเล่นกับมันเสมอ
คิงมันชอบสอนภาษาเกาหลีแบบควายๆ ให้ผม เช่น บอกว่าให้เรียกมัมว่า ‘ อาจุมม่า ’ หรืออยากชมใครว่าฉลาดต้องพูดว่า ‘ พาโบล ’ ซึ่งจริงๆ แล้วแปลว่าโง่… รู้ได้ไง? ก็ผมไปพูดคำนี้กับเพื่อนเกาหลีที่โรงเรียนอีกคน (ตอนนั้นเรียนนานาชาติ) มันถลาเข้ามาจะต่อยผมทันที


กวนตีนมั้ยล่ะครับ ไอ้คิงน่ะ...


แต่จะกวนตีนหรืออะไร ผมรับได้ที่มันเป็นมันแบบนี้ อยู่กับมันมาเป็นสิบปี มันเป็นทั้งเพื่อนทั้งน้องชาย มีหมั่นไส้บ้างที่มัมเอาใจใส่มันมากกว่าผม แต่ก็ไม่เคยคิดโกรธจริงจัง


หลังจากพ่อและแม่จริงๆ ของคิงมันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกตอนมันอายุ 14 มันนิ่งซึมไม่ทำอะไรเป็นเดือน ญาติเกาหลีจะมาเอามันไปอยู่อเมริกาแล้ว แต่มันไม่ไป ผมไม่รู้ว่ามัมทำยังไง สุดท้ายคิงมันก็อยู่กับเรา และเป็นลูกมัมอีกคน


เรามีกันอยู่แค่ 3 คน ผม มัม และคิง






---------------------------------------------------


ไม่แน่ใจว่าตอนนี้จะทำให้คนอ่านเปลี่ยนมุมมองต่อเชา-คิงไปบ้างรึเปล่า...
แต่นั่นล่ะค่ะ ที่สองคนมีนิสัยแย่ๆ ในเรื่องความสัมพันธ์เพราะทั้งคู่มีแผลในใจ เหวอะหวะทีเดียวในความคิดเรานะคะ ฮา แต่ถ้าถามว่าใครอาการหนักกว่ากันคงต้องบอกว่าเป็นเชา  :z6: 

ขออนุญาตตอบคุณ Freja นะคะ T T จริงๆ ฟิวไม่ใช่ตัวประกอบนะคะ น้องเป็นตัวดำเนินเรื่องคนนึงค่ะ เดี๋ยวน้องจะค่อยๆ มีบทบาทมากขึ้น(จากกระทู้พันทิปในตอนแรก)

พยายามให้ได้เห็นหลายๆ แง่มุมของทุกคนที่สุด


ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ  :pig4:  :pig4: :pig4:

ปล.ตอนแรกว่าจะไม่ดราม่ามาก.. แค่กรุบกริบพอ แต่ดูเหมือนว่าจะ...................  :a5:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 11-05-2015 00:42:05
จนถึงตอนนี้เราก็ยัง #ทีมคิงเชา อยู่ตลอดกาลและนานเทอญ จะไม่แปรภักดิ์ค่ะ
แม้ว่าจะไม่ใช่อย่างที่หวัง  :o12:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 11-05-2015 00:48:06
ขอบคุณมากค่ะ ที่ตอบคำถาม ที่จริงเราแซงเล่นค่ะ  :o12: แต่แป๊กไปเลย

เข้าใจความแน่นแฟ้นของเชา-คิงมาหน่อยหนึ่งแล้ว
เรื่องแม่เขานี่เศร้าเลยนะ เพราะว่าไม่รู้จะบอกเด็กตอนนั้นว่าไง เคยเจอเด้กผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกันที่แม่บอกว่าพ่อออกไปซื้อนมแล้วก็ไม่กลับมาเลย 7 ปีแล้วแทนที่จะบอกลูกดีๆก็ไม่บอกว่าพ่อแม่เลิกกัน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 11-05-2015 01:32:37
เกลียดเชาเกลียดคิงอยู่ดี
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 11-05-2015 02:38:02
เกลียดดด
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 11-05-2015 03:48:10
เอาจริงๆ นะ อ่านมาถึงตอนนี้ รู้สึกสงสารฟิวอ่ะ ยิ่งได้อ่านพาร์ทฟิวแล้วด้วย

อยากให้ฟิวคิดได้ไวๆ ดูจากกระทำน่าจะรู้นะ เข้าใจว่ารักเชา..แต่ก็นะ อย่าทรมานตัวเองเลย



ส่วนเชากับคิง ก็พอเข้าใจ สนิทกันขนาดนี้ จะรู้สึกอะไรเกินเลย ก็ไม่แปลก แต่ก็นะ ยังไม่มีความเห็นสำหรับคู่นี้
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: domeloly ที่ 13-05-2015 12:42:07
ทำใจอ่านไม่ได้ ที่พระเอกจะแสนเลวมีแฟน อยู่แล้วยังไปเอากับเพื่อน
ส่วนอีเพื่อนก็ไม่เลือก. ทุเรศทั้งคู่!!!
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 13-05-2015 13:01:09
บักเชา บักคิง  :m31: มันขึ้นนนนนน แต่ก็นะ ยังไงมันก็ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ ทั้งเชาทั้งคิงต่างก็ดูเป็นเพื่อนที่รักกันดี ความสันพันธ์ของตัวดำเนินเรื่องสามตัวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันต่อไป เรื่องนี้ดราม่าหนักมากไหม? คงไม่มากใช่ไหมมมม ฮือออ สงสารหนูฟิวส์เหลือเกินนน เป็นกำลังใจให้น้าตัวเอง :katai3:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: greenk ที่ 13-05-2015 13:18:56
 เราสงสารน้องฟิว เกลียดแมมทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-05-2015 13:36:46
ถ้าเป็นเรื่องอื่นคงอยู่ทีมรอเชียร์ เชา-คิง
แต่เรื่องนี้ขออยู่ทีมเชียร์ฟิวคนเดียวเลย
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 13-05-2015 14:03:43
คือหมดรักแล้วก็เลิกนะ ความรักมันห้ามกันไม่ได้ก็จริง
แต่ทำให้มันถูกต้องได้
ยื้อต่อไปคนที่เจ็บก็มีแต่น้องฟิว
เราสงสารฟิวเลยอยากให้เชาเลิกกับน้อง

ปล. #ทีมเชาคิง เราว่าคนมีปัญหาสองคนควรช่วยเยียวยากัน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: Banarot ที่ 13-05-2015 14:30:53
ทีมฟิว
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 13-05-2015 14:40:04
งงนะเนี้ย
ตกลงใครคู่ใคร
ทำไมเชา ดูโกรธ ฟิวมากขนาดนั้น เหมือนฟิวทำอะไรผิดมากมาย
มันไม่เหมือนอาการหมดรักเลยนะนั้นอะ
มันต้องมีที่มาที่ไปดิ
แต่คิงกับเชานี้ จะเอายังไง ได้กันแล้วด้วย แล้วกี่ครั้งแล้ว
เห่อสับสน เรื่องไม่กระจ่างเก็บเงื่อนงำไว้เยอะ 555
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-05-2015 16:35:43
เราอยากรู้ว่าน้องฟิวทำอะไรไว้ เชาถึงขนาดปาไอโฟนหน้าจอแตกนี่ไม่ธรรมดาอะค่ะ ฟิวบอกเองว่าปกติเชาไม่ใช้กำลัง

ตอนที่ผ่านๆมานี่ก็ทำให้เห็นว่าปกติเชาอารมณ์เสียง่ายอยู่นะ แต่เขาดูเป็นคนที่น่าจะเลือกการเงียบแล้วเดินหนีไปสงบอารมณ์

เพราะอยู่กะคิงปกติเชาเป็นฝ่ายยอมความตลอดเท่าที่ดู ไม่ว่ากับคนอื่นจะเป็นแบบนี้ไหมแต่เราว่ามันน่าจะเป็นหนึ่งในความเคยชินของเขา คือเงียบก่อน

น้องฟิว น่ารักนะ อะไรๆก็ดูน่ารัก แต่ไม่รู้สิ เป็นสไตล์นี้คบแปปๆเราว่าเราก็เบื่อค่ะ ไม่ต่างจากคบผู้หญิงเท่าไหร่เลยนี่หว่า ต้องมานั่งดงนั่งเดาว่าจะอยากกินอะไรอยากไปไหนยังไง..

แต่เราไม่ชอบที่มีอะไรไม่พอใจแล้วเชาเอาไปลงพันทิพนะ เรารู้สึกว่ามันเป็นปัญหาของคนสองคน ควรจะจบแค่นั้น ไม่พอใจน้องไม่อยากคบแล้ว เบื่อแล้ว หรืออะไร ก็ไปบอกน้องตรงๆสิคะ เลิกให้มันเป็นเรื่องๆไป


ยื้อไว้ได้อะไรอะนอกจากตัวเองพาลไม่พอใจใส่น้องไปวันๆ..
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6) " เราสามคน "
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-05-2015 21:42:43
มัน-หนุก-อ่ะ

ดราม่าแตก อยากแจกเผือก
จริงๆ เมื่อเข้ามาอ่านเรื่องนี้

ขอปูเสื่อรอด้วยอีกคน

เชิญเข้ามาเล่าในห้องนี้ได้เลยจ๊ะ
 :pig2:
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6.5) " ต้องดีแค่ไหน? "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 14-05-2015 17:31:40
6.5
ต้องดีแค่ไหน...?





“ คิง มัมถามอะไรหน่อยสิ ”


คิงแยกกับเชามาซื้อของสดเข้าบ้านสำหรับทำอาหารเย็นวันนี้


“ อะไรครับ.. ”


“ เมื่ออาทิตย์ก่อนนู้นที่คิงเอารถมัมมาคืน ” มัมเว้นจังหวะ


คิงนึกย้อนไป ตอนสอบกลางภาคเสร็จเขากลับบ้านพร้อมเชา เชากลับไปก่อน เอามอไซค์กลับไป ส่วนเขาอยู่ต่อแล้วขอยืมรถเบนซ์มัมขับเข้าเมืองไปหาเพื่อน เที่ยวฉลองในช่วงก่อนวันสิ้นปี แต่เช้าวันถัดมาก็ขับรถกลับบ้าน อยู่กับมัม ฉลองปีใหม่ด้วยกันสองคน ขณะที่เชามันไปฉลองปีใหม่กับแฟนรุ่นน้องเครื่องกล ปี1


“ มัมเจอถุงยางอยู่ในรถ ”

.

.

.

“ ของใครบอกมัมได้มั้ย ”


ชิบหาย...


คิงอึ้งไปหลายวินาที ขณะที่มัมเพียงมองด้วยใบหน้าเฉยๆ อ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร แค่นิ่งรอคำตอบ


“ ของผมครับ... ” โดนโกรธก็ช่าง เขาไม่อยากโกหก


ใบหน้าของมัมแสดงความคลางแคลงใจ


ปกติเขากับเชาจะสลับกันรับผิด แล้วแต่ว่าใครเป็นคนพาอีกคนซวย เรื่องใหญ่สุดก็ตอนเกรด 9 อายุ 14-15 ปี พวกเขาเรียนนานาชาติ มัมเจอบ้องกัญชาในห้อง… มันดูดกันทั้งคู่นั่นแหละ แต่คิงเก็บของไม่ดี มัมเลยมาเจอ ฉะนั้นจึงเป็นคิงเองที่ยอมรับผิด ทั้งที่เชาเป็นคนเริ่มชวนก่อน (และหลังจากนั้นมัมก็ย้ายเขาทั้งคู่เรียนโรงเรียนสาธิตฯ ในเมืองที่เพื่อนมัมเป็นอาจารย์อยู่ในนั้นทันที)


“ คิงมีแฟนเหรอ ไม่เห็นเล่าให้มัมฟังเลย ” มัมยิ้มเล็กน้อย “ พามาแนะนำก็ได้ มัมไม่ว่า แต่มัมไม่อยากให้คิงชิงสุกก่อนห่าม ”
ถึงมัมจะยืดหยุ่นแต่มัมก็มีกรอบจารีตประเภณีแบบสังคมเก่าอยู่ มัมปล่อยอิสระตามใจเชาและคิง ขณะเดียวกัน อะไรที่ไม่ถูกต้องก็จะตักเตือนด้วยเหตุผล


“ เปล่าครับ ไม่ได้เป็นแฟนกัน ” เรียกว่าแฟนไม่ได้แน่นอน เพราะคนที่เขาใช้ถุงยางนั่นด้วยจบที่ต่างฝ่ายต่างแยกกันตอนเช้า ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ


มัมเงียบ ไม่พูดอะไร แล้วเดินเลือกซื้อผักต่อ


รู้เลยว่ามัมผิดหวังในตัวเขา มัมเลี้ยงเขากับเชามาอย่างดีที่สุด และคาดหวังให้เป็นคนดีที่สุด


แล้วดีที่สุดนี่ดีแค่ไหน... ถึงจะพอใจ ถึงจะบอกว่าเป็นคนดี?


“ มัมโกรธผมเหรอ ”


“ คิงไม่ควรมีอะไรกับใครแบบนั้น ผู้หญิงเขาจะเสียหาย ”


เป็นเชา... มันคงเถียงกลับไปแล้วและมันมีเหตุผลให้การกระทำตัวเองเสมอ แต่คิงไม่ใช่เชา และเขาไม่ได้อยากเอาชนะมัม



“ ผมขอโทษ ”


เขาเสียใจมากกว่า... ที่ทำให้มัมผิดหวัง




-------------------------------------------

มาพร้อมกับ .5 ค่ะ แฮ่

อธิบายเพิ่มเติมนะคะ สำหรับตอน .5 ต่างๆ จะเป็นตอนเสริมขึ้นมาให้เห็นมุมมองของแต่ละคนมากขึ้น มีความเกี่ยวเนื่องต่อมาจากตอนหลัก แต่ก็ไม่สำคัญขนาดว่าเป็นตอนเดียวกัน เลยจับแยกออกมา พวกตอนจุดห้าจะสั้นๆ เล่าเป็นประเด็นๆ ไป และจบในตอน

เรื่องใครคู่ใคร อันนี้นี่..... :o8: ยังไม่สามารถบอกได้ค่ะ รอติดตามกันไปพร้อมกันนะคะ ที่แน่ๆ เชาเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักแน่นอน (ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคนที่ :เฮ้อ: มากก็ตาม )

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  :L2: ดีใจมากจริงๆ ที่คนอ่านอินกันขนาดนี้  :o8:
ไม่พอใจเชาเรา  :z6: ให้ค่ะ สมควรโดน

หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6.5) " ต้องดีแค่ไหน? "
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 14-05-2015 17:39:13
คนแต่งอนุญาติ แล้ว งั้นเอ็งเอาไปรัวๆเลย บักเชาาาา! :angry2: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6.5) " ต้องดีแค่ไหน? "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 14-05-2015 17:56:56
เชามันกำลังนอยด์นะ  นอยด์อะไรที่ตัวเองก็บอกไม่ได้มั๊ง รำคาญน้องฟิวส์อาจจะคิดอยู่ว่าอยากเลิกแต่ไม่อยากให้น้องเสียใจมากๆ ถ้าฟิวส์ร้องไห้เชาก็รำคาญอีกนั่นแหละ  ฟิวส์นี่อาจจะมีท่าทางอะไรที่ไปกระทบปมของเขาอยู่ถึงได้นอยด์ได้ขนาดนี้  ทั้งเชาและคิงมีประเด็นพอๆกันนั่นแหละ  ยิ่งกว่าเพื่อนและยิ่งกว่าแฟน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6.5) " ต้องดีแค่ไหน? "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-05-2015 19:38:52
เรื่องคิงหรือเปล่าที่ทำเชาแรงได้ขนาดนั้น
ฟิวอาจจะเผลอไปแตะต้องอะไรคิงเหรือเปล่า
ถ้าเป็นอย่างนั้น ฟิวไม่ควรไปจมปลักรักเชาหรอก
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6.5) " ต้องดีแค่ไหน? "
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 14-05-2015 19:56:55
รัก สาม เรา~~
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6.5) " ต้องดีแค่ไหน? "
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 14-05-2015 20:21:29
ถ้าไม่ใช่คนสำคัญที่สุด

ก็สู้เป็นคนที่ไม่สำคัญไปเลยดีกว่า

จะได้ไม่ต้องมาคอยเจ็บ ปวดที่ใจ
..จากความคาดหวัง ลมๆแล้งๆ ของเรา..

เข้าใจนะ
ถ้าหมดรัก
ก็ไม่ต้องมาโป้ปดกัน
ปล่อยให้ไปตามทางใครทางมัน

ขอเหอะ
ไอ่ที่บอกว่าหมดรักแล้ว
แต่ทำเป็นว่ายังแคร์กัน

มันน้ำเน่าวะ
หุหุ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6.5) " ต้องดีแค่ไหน? "
เริ่มหัวข้อโดย: Mom2maM ที่ 15-05-2015 00:45:53
สงสารหลานฟิว
แต่เฮียยังไม่กล้าออกตัวปกป้องหลานฟิวแรง
เพราะไม่รู้วหลานฟิวไปทำอะไรมา ถึงขนาดที่หลานเชาเปลี่ยนไปขนาดนี้

แถมหลานฟิวโผล่มาลุคใสๆ
เฮียกลัวเน่าใน

เดี๋ยวเฮียเงิบ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่6.5) " ต้องดีแค่ไหน? "
เริ่มหัวข้อโดย: sataav ที่ 15-05-2015 12:01:11
เพิ่งอ่านเรื่องนี้ถึงตอนล่าสุดคะ
บอกเลยว่า

สงสารฟิวมาก
และ เชากับคิงเลวมาก !  :fire:

คิงมันแย่ตรงที่ทำอะไรไม่แคร์คนอื่นเลย
ดูจากนิสัยก็ยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่

ส่วนเชา เราเดานิสัยนางไม่ค่อยออก
แต่เรื่องที่นอนกับคิงอ่ะ มันก็คือ นอกใจน้องดี ๆ นี่เอง
ถึงตรงนี้นิสัยจะเป็นแบบไหนเราก็ไม่แคร์ละ อันนี้คือ เลวเลย

ส่วนฟิวส์ ถ้าเป็นเพื่อนเรานะ
เราจะแนะนำให้ตัดใจ เลิกให้ขาดไปเลย
แต่ก็นะ ดูฟิวส์รักเชามากอ่ะ ทำอะไรก็คิดถึงแต่เชา ในขณะที่เชาไม่ได้คิดถึงใจฟิวเล๊ย
แล้วเราก็เห็นด้วยกับความเห็นคนอื่นนะ ที่บอกว่า ฟิวส์ดูหงออ่ะ
บางที ถ้าฟิวส์ลองออกห่างเชาบ้าง เราอาจจะได้เห็นฟิวส์ในลุคใหม่ ที่ดูสดใสกว่าเดิม

ไม่รู้ดิ อ่านแล้วแบบ สงสารฟิวส์จริง ๆ
ขนาดเราไม่ชอบคนนิสัยแบบนี้นะ (ส่วนตัวเราขี้รำคาญ ขี้วีน)
อ่านแล้วยังแบบ 'เฮ้ย ฟิวส์น่ารัก แสนดีขนาดนี้ ทำไมนังเชายังใจร้ายได้ลงคอวะ'

ขอให้ในตอนต่อ ๆ ไปนายสดใส มีความสุขมากกว่านี้นะ ฟิวส์ เราเป็นกำลังใจให้ ( T ^ T )b

ส่วนคู่เชา x คิง
จากตอนที่ผ่านมา เราว่าสองคนนี้เหมาะจะเป็นแค่ครอบครัว หรือ เพื่อนสนิทกันก็พออ่ะ
เพราะ นิสัยสองคนนี้มันมีอะไรชวนให้ทะเลาะ ขัดแย้งกันเยอะนะ
อย่างเชาอารมณ์ร้อน คิงก็เรื่องมาก ขี้วีน นิสัยสองคนนี้ไม่ชวนให้มีใครยอมใครเลย
จริงอยู่ที่ในเรื่องเหมือนเชาจะไม่หือไม่อืออะไรกับความงี่เง่าของคิง ดูเหมือนจะปล่อย ๆ ไป ตามใจมึง
แต่หากดู ๆ แล้วนี่มันความเคยชินนะ คงจะเป็นเพราะรู้จักกันมานานมาก ยิ่งถูกเลี้ยงมาด้วยกันเหมือนครอบครัว
มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

ซึ่งถ้าเป็นคนในครอบครัว ต่อให้นิสัยไม่เข้ากันยังไง
สุดท้ายก็ต้องยอมรับ และ เคยชินกับมัน
เราคิดว่าเชาคงทำแบบนั้นกับคิงนัันแหละ

แต่ถึงสองคนนั้นจะเคยชินอะไรกันยังไง
เราว่าการเป็นคนรักกันมันต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกค่ะ
แค่ความเคยชินมันไม่พอหรอก มันต้องมีการยอมรับนิสัย นู้นนี่นั้นอีกนานานับประการเลยคะ

เอาเป็นว่า เราเป็นคนนึงนะที่ชอบคิง (เฮ้ เราชอบนายจริง ๆ นะเว้ย)
แต่ไม่เห็นด้วยกับการทำผิดของนายที่ไปนอนกับคนมีแฟนแล้ว (ถึงจะเมาก็เหอะ)
และ ไม่เห็นด้วยกับการให้นายคบกับเชาอีก

โอ๊ยย เรื่องนี้เราอินค่ะ 5 5  5

ยังไงก็ ขอเป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนนะคะ
นิยายโอเคมากเลยคะ อ่านแล้วได้บรรยากาศชวนคิด ปนหดหู่ดี
เราชอบแนวนี้แหละค่ะ 5 5 5
รีบมาอัพต่อนะคะ เรารออยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะ  :L1:

ป.ล. ว่าแต่ ฟิวส์ เธอไปทำอะไรมาน่ะ
เธอต้องทำอะไรแน่ ๆ ไม่งั้นนังเชาไม่ถึงขั้นมาพูดว่า 'หมดรัก' หรอก

หวังว่าจะไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายโคตร ๆ นะ ไม่งั้นที่เราอุตส่าห์สงสารมาตั้งเยอะนี่ จบเห่ Orz
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่7) " กระทู้เด็ดพันทิป "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 17-05-2015 16:30:18
7
กระทู้เด็ดพันทิป





--ผมกำลังลังเล ว่าจะลองเปิดใจคุยกันหรือเลิกกับแฟนเลยดี—
 


นี่เป็นกระทู้แรกของผม สมัครสมาชิกเพื่อพิมพ์ทู้นี้โดยเฉพาะเลยนะเนี่ย 555555555 ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


อย่างที่จั่วหัวกระทู้ไว้ ผมคบกับแฟนมาได้ปีกว่าๆ รู้จักกันมาเกือบสองปีได้ เรารักกันมากครับ เมื่อก่อนก็แฮปปี้มีความสุขดีอยู่หรอก แต่อยู่ดีๆ ผมก็เกิดรู้สึกเบื่อขึ้นมา ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่อะไรเดิมๆ ที่เขาทำแล้วผมเฉยๆ ตอนนี้มันกลับทำให้ผมหงุดหงิด อย่างน้องเขาจะเป็นคนขี้อาย งุ้งงิ้งๆ ใช่มั้ย เมื่อก่อนผมก็โอเค ให้เดาทาง เดาอารมณ์ว่าเขาต้องการอะไรมันก็สนุกดี แต่ตอนนี้โคตรน่าเบื่อ คืออยากได้อะไร อยากบอกอะไรก็พูดตรงๆ เลย ผมก็พอรู้แหละว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม คิดหลายรอบมากก็ยังคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงดี จะบอกเลิกเลย หรือลองปรับความเข้าใจก่อนดี แล้วเรื่องมันก็ค่อนข้างซับซ้อนอยู่เหมือนกัน คือสมมุติผมอยากเลิกกับเขา มันก็จะกระทบอย่างอื่นด้วยอ่ะ แล้วน้องเขาก็ไม่ได้ผิดหรือไม่ดีตรงไหนด้วย ผมจบไม่ลง มันเหมือนเรามีอะไรร่วมกันเยอะมากๆ ผมรู้สึกผูกพันนะ แล้วผมเป็นคนแรกน้องเขา


เราเจอกันช่วงงานเปิดบ้านวิศวะ ผมอยู่ปี2 แล้วเขาอยู่ม.6 เริ่มแรกผมไม่ได้สนใจเขาเลย ไม่เลยจริงๆ แต่เพื่อนน้องเขาถามนั่นนู่นนี่เกี่ยวกับคณะเกี่ยวกับวิชาเรียนเยอะผมเลยตอบ แล้วคือผมก็เป็นคนเฟรนด์ลี่ไง 55555 เขาถามอะไรมาผมก็ตอบหมด แถมปล่อยมุขเล่นตลกกับกลุ่มน้องไปอีก บุคลิกผมไม่เถื่อนมากเหมือนคนอื่นๆ ด้วย(อันนี้ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ น้องเขาบอกเอง 55555555 ) น้องเลยกล้าคุย ก่อนกลับก็ถามเฟส ถามไลน์ผมเรียบร้อย แต่น้องไม่ได้ถามนะ ส่วนใหญ่คนคุยเป็นเพื่อนเขา เขาแทบไม่พูดเลย ครั้งแรกที่น้องแอดไลน์ทักผมมาผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใคร 555555555555555 เขาแอดหลังจากวันเปิดบ้านสองสามอาทิตย์เลย ผมก็ลืมป่ะวะว่าเคยให้ไลน์ใครไปบ้าง


เนื้อหาที่คุยกันผมจำไม่ได้แล้ว แต่คร่าวๆ ประมาณว่าเขาอยากเข้าคณะผมมาก แต่กลัวไม่ติด ช่วงนั้นผมคุยกับน้องเขาเรื่อยๆ จนสนิทกับน้องในระดับนึงเลยถามไปแบบเล่นๆ ขำๆ ว่าให้ผมติวให้มั้ย ผมจำตอนนั้นได้แม่นมากเลย
 


ผม: เดี๋ยวพี่ติวให้ป่ะล่ะ แต่...มาที่หอพี่ได้ป่ะ ขี้เกียจออกไปติวข้างนอกอ่ะ 5555555555555
 


น้องอ่านไลน์ผม แต่ไม่ตอบทันที ผมก็ไม่อะไรนะ ชิว ตอนนั้นยังไม่คิดอะไร ชวนแบบไม่กลัวเขาคิดหรืออะไรเลย ก็แค่ถามไปเฉยๆ แล้วที่ให้มาติวที่หอเพราะขี้เกียจออกไปร้านกาแฟ มันเปลืองตังค์ผมด้วย (ตอนนั้นคิดแค่นั้นจริง ไม่ได้จีบ ไม่รู้สึกอะไรเลย) เขาหายไปนานมากกกกกกก แบบสามสี่ห้าวันถึงจะตอบผมว่าตกลง
 


น้อง: ได้คับ แล้วพี่คิดราคาเท่าไหร่ยังไง ผมจะได้บอกแม่ถูก...
 


งงมาก ไม่คิดว่าน้องเอาจริง ผมไม่คิดว่าหน้าตัวเองดูฉลาดขนาดจะเป็นติวเตอร์หรือน้องมันจะฝากความหวังได้เลยนะ(ถามเพื่อนด้วยว่าหน้ากูดูฉลาดมั้ย เพื่อนเบือนหน้าหนีไม่ยอมตอบเลยครับ) แต่ตอนนั้นเที่ยวบ่อย หาตังค์กินเหล้าด้วย เลยเอาวะ สอนก็สอน คิดว่าผมก็เอนท์ติดเข้ามาได้มันน่าจะรอดล่ะน่ะ แล้วนี่ก็ปี 2 แล้ว ไม่ง่อยแล้ว ก็ตกลงราคากันแล้วอาทิตย์ถัดมาน้องเขาก็มาหอผมเลย


อาทิตย์ถัดมาน้องมาที่หอผมจริง แต่ไม่ได้มาติวที่ห้องผมเพราะรูมเมทผมอยู่ เกรงใจมัน เลยพากันไปที่ร้านกาแฟใกล้ๆ หอผมแทน ผมขอแทนชื่อน้องเขาว่าน้องป.แล้วกัน (ทำไมกูเพิ่งมาตั้งตอนนี้วะ...)


ผมติวให้น้องป. เกือบเทอม แรกๆ เจอหน้ากันเฉพาะวันจันทร์กับพุธ (อังคารผมพัก พฤหัส, ศุกร์ผมเอาไว้เผื่อไปกินเหล้า 5555555555) แต่เราคุยไลน์กันแทบทุกวัน น้องป.ถามอะไรมาผมก็ตอบ เรื่องเรียนบ้าง ไร้สาระบ้าง แต่ส่วนใหญ่น้องป.จะถามเรื่องเรียน ผมนี่แหละพาน้องไร้สาระ 5555


บางครั้งผมอยากดูหนัง แต่ขี้เกียจดูคนเดียวก็ชวนน้องป.ดูหนัง เลี้ยงข้าวบ้าง (จากเงินค่าสอนพิเศษที่น้องป.ให้ผมมา) ช่วงหลังๆ ผมเลิกเรียนค่ำ ขี้เกียจไปไหนไกลเลยนัดน้องมาเจอแล้วติวที่คณะตัวเอง ผมตอบคำถามข้อไหนของน้องไม่ได้ก็ให้เพื่อนที่มันรู้เรื่องตอบบ้าง สอนน้องป.ให้บ้างจนน้องรู้จักกับปีผมไปหลายคน ไม่มีใครคิดว่าน้องป.จะกลายมาเป็นแฟนผมได้ แม้แต่ตัวผมเอง
ผมเคยหลอกน้องป.ไปกินเหล้า 55555555 ตอนนั้นน้องอกหักจากสาวที่โรงเรียนมา ผมเลยถือโอกาสยกคลาสแล้วพาน้องไปร้านเหล้ากับเพื่อนตัวเอง อยู่ตั้งแต่สองทุ่มยันร้านปิด น้องป.ที่ไม่เคยดื่มมาก่อนโดนมอม เมาเละหมดสภาพ ผมไม่กล้าพาน้องกลับบ้าน เลยเอาน้องไปนอนที่ห้องตัวเอง... รูมเมทด่าผมยับ ไม่ใช่ที่มอมเด็กสอนพิเศษ แต่เรื่องที่พาใครไม่รู้มานอนห้อง แต่สุดท้ายมันก็ยอมให้น้องนอนนี่(เพราะโดนมัดมือชก ก็ผมพาน้องมาถึงห้องแล้ว) ส่วนมันไปนอนคอนโดฯแฟน คืนนั้นน้องป. ตื่นมาอ้วกสองรอบแล้วก็หลับไป เช้าต่อมาไม่สบาย ไข้ขึ้น ผมต้องดูแลต่ออีกหนึ่งวันเต็มน้องถึงอาการดีขึ้น ผมขับรถไปส่งน้องที่บ้าน ให้น้องลงหน้าบ้านแล้วก็ขับรถกลับหอ ผมคิดว่าน้องอาจจะเข็ด ไม่กลับมาเรียนอีก ก็ทำใจในระดับนึงแล้ว(ว่ารายได้พิเศษตัวเองหายไป) แต่หลังจากนั้นสักอาทิตย์น้องก็ติดต่อกลับมา บอกว่าติดสอบแกท-แพทเลยหายไป ไม่ได้บอกก่อน น้องกลับมาเรียนอีกครั้งสองครั้งแล้วก็เลิกเรียน เพราะสอบเสร็จหมดแล้ว คราวนี้น้องหายไปยาวเลย ถามว่าตอนนั้นเหงามั้ย บอกเลยว่าโคตรรรรเหงา นั่นทำให้ผมเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองรู้สึกอะไรบางอย่างกับน้องป. และจากหลายๆ อย่างน้องป.ก็ดูสนใจผมอยู่ก่อนแล้ว แต่เพื่อให้แน่ใจจริงๆ ว่าผมจริงจังกับคนนี้ ผมรอให้ผลแอดมิชชั่นประกาศออกมาก่อน และเมื่อน้องมีรายชื่อเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยของผมแล้ว ผมจึงไลน์ไปหาน้อง


จากนั้นเราก็เริ่มคุยกันแบบจริงจัง(ตอนนั้นช่วงมี.ค.) ผมพาน้องไปกินบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่น้องชอบกิน อัดวีดีโอเล่นกีต้าร์และร้องเพลงให้ฟัง แชทคุยกันแทบจะทั้งวัน และถ้าทนคิดถึงมากๆ ไม่ไหวก็จะโทรหา หรือนัดกันเจอที่สยามหรือที่อื่นๆ ตลอดปิดเทอมจนน้องป.มาเป็นรุ่นน้องผมที่มหาลัย ผ่านช่วงรับน้องมาจนเกือบถึงไฟนอลเทอม1 ผมก็ขอน้องป.เป็นแฟน(สักที)
น้องป.นี่เป็นแฟนคนแรกที่ผมจริงจังด้วย ผมไม่เคยเล่นกีต้าร์ร้องเพลงให้ใครฟัง ไม่เคยเทียวรับ-ส่งใคร ไม่เคยทำอาหาร ไม่เคยรู้สึกอยากดูแล หรือให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตมาก ไม่เคยใจเย็น ไม่ยอมใคร ไม่เคยขอโทษใครก่อน แต่คนนี้...แค่คนนี้จริงๆ ผมยอมหมด หรืออย่างน้อยก็พยายามฝืนและเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อน้อง


น้องป.ใหม่ในทุกๆ เรื่อง น้องไม่เคยมีแฟน น้องไม่เคยโดนใครจีบ(น้องว่ามาแบบนี้ครับ แต่ผมว่าน้องมันโดนจีบแต่ไม่รู้เรื่องมากกว่า) ปฏิกิริยาตอบสนองของน้องป.ดูใสซื่อมาก ใครเห็นก็อดไม่ได้ต้องแกล้ง ต้องเอ็นดู
จากที่เล่ามาทั้งหมด ทุกอย่างมันดูเป็นไปด้วยดีมาก ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าอาการ ‘ เบื่อแฟน ’ ของผมมันมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และสาเหตุเกิดจากอะไร?


ระหว่างที่นั่งพิมพ์กระทู้นี้ทำให้ผมคิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ผมและน้องป.มีร่วมกัน นึกถึงน้องกินซุปข้าวโพดกระป๋องแคมป์เบลแล้วเลอะปากจนผมต้องเช็ดให้, นึกถึงตอนผมพยายามร้องเพลงและเล่นอูคูเลเล่อันจิ๋วทั้งที่ไม่ถนัดเอาซะเลย, วันที่ผมเซอร์ไพรซ์น้องด้วยการพาไปสยามโอเชียนเวิลด์ และอีกหลายสิ่งหลายอย่างมากๆ ที่ผมทำให้น้อง...


ใครเคยเป็นบอกผมที ยังรักแต่ก็เบื่อ อะไรที่เคยดีเหมือนมันจืดชืดลงทุกวันๆ ทั้งที่รักมาก แต่ก็รู้สึกแบบนี้ อย่างนี้เรียกอะไรครับ?
กลับไปที่หัวกระทู้ด้วย 555555 ผมควรคุยหรือเลิกเลยดี แล้วถ้าคุย ผมจะพูดยังไงให้น้องป.ไม่คิดมาก? หรือเฮิร์ทน้อยที่สุด(เผื่อกรณีที่เลวร้ายมากจริงๆ)


ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 



“ โอ๊ยยยยยย แก!!!! กระทู้นี้ทำฉันฟินจิกหมอนทั้งคืน ”


เห็ดทำหน้าฟิน จับมือผมบีบๆๆ อย่างกับเป็นหมอนอีกใบ จิ้มไอแพดเปิดกระทู้ที่ทำให้ฟินไว้ยื่นให้ผมดูใกล้จนแทบจะชิดหน้าตัวเอง ผมสะดุ้งตกใจ ยังไม่ได้อ่านอะไรเห็ดก็เอาไอแพดกลับไป


“ ฉันว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้อยากเลิกกับแฟนจริงๆ หรอก อาจจะแค่สับสนอยู่ก็ได้ ” เห็ดทำตาเคลิ้ม “ ดูที่เขาทำให้แฟนสิ! ทั้งเล่นกีต้าร์ เลิกบุหรี่ เซอร์ไพรส์วันเกิด โอย ทำไมฉันไม่มีแบบนี้บ้างอ่ะ ”


ปุ๊ก เพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกันส่ายหน้าเพลีย แล้วยื่นนิ้วชี้ดันหัวเห็ดจนแทบจะหงายหลัง!


ง่า...กลุ่มบิวมองมาเหมือนรำคาญด้วยอ่ะ...


“ ว๊ายยยยยๆๆๆ!!!!! ” เห็ดจับแขนผมไว้มั่น จะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่แต่ปุ๊กก็ยังเอานิ้วชี้ดันอยู่อย่างนั้น ท่าทางสะใจปนสนุกอยู่ “ ปุ๊กหยู๊ดดดด หยุดนะคะ ว้าย! จะร่วงแล้วค่า!! ”


 “ เหวอ... ” ผมจะล้มไปตามแรงดึงของเห็ดเหมือนกันปุ๊กเลยหยุด


“ ว้าย! ขอโทษ ฟิวแกเป็นไรเปล่า ” ปุ๊กเข้ามาจับตัวผมท่าทางลนลาน “ อีเห็ด! ดู!! นังฟิวแขนช้ำหมดแล้ว ”


ง่ะ! แขนผมไม่บอบบางขนาดนั้นนะ แค่แดงนิดหน่อยเอง ผมผิวขาว ระบบน้ำเหลืองไม่ค่อยดี โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็แดงก็ช้ำแล้ว เป็นแผลง่าย หายยากอีก ไม่ชอบเลย...


“ อุ๊ย! แก ฉันขอโทษ ฉันไมได้ตั้งใจ... ” เห็ดเสียงอ่อย ดึงแขนผมไปดูบ้าง มีรอบแดงเห่อ กับมีรอยถูกจิกด้วยเล็บเพราะเมื่อกี้ตอนเห็ดจะล้มเห็ดจับแขนผมไว้แน่น


“ ไม่เป็นไร นิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย ” ผมลนลาน รีบส่ายหน้าบอกเพื่อน แต่เห็ดยังคงมีสีหน้ารู้สึกผิด


“ แก... ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่ตั้งใจ แดงเลยอ่า... ”


“ เพราะมึงเลยอีเห็ด ฟิวเจ็บตัวเลย ” 


“ อะไร! มึงง่ะ! ผลักหัวกู อีปุ๊ก! ”


กลุ่มผมประกอบด้วยผม ปุ๊ก แล้วก็เห็ดครับ...


ปุ๊กเป็นสาวเหนือ อยู่จังหวัดลำปาง ผิวขาว ตัวผอม ตัดผมทรงหัวเห็ด นิสัยปุ๊กก็น่ารัก ปากหวาน คิดมาก ขี้น้อยใจ แล้วก็ชอบเอาใจคนอื่น


ส่วนเห็ดมาจากอุบล เห็ดตัวกลมๆ ผิวเข้มกว่าปุ๊กเล็กน้อย หน้าจีนมาก จีนจนตอนแรกผมแปลกใจ แต่ตอนนี้ชินแล้ว เห็ดเป็นคนปากไว รักความถูกต้อง และชอบต่อปากต่อคำก็เลยทะเลาะกับปุ๊กบ่อยๆ ผมคิดไม่ออกเลยว่าแล้วเทอมนี้ที่ผ่านมา เห็ดกับปุ๊กเป็นรูมเมทกันไม่ตีกันตายได้อย่างไร...?


เห็ดกับปุ๊กกอดแขนผมคนละข้างแล้วเขม่นกัน ดูจะไม่เลิกง่ายๆ


“ ง่ะ อย่าตีกันสิ... ”


พอดีกับอาจารย์เข้ามาในห้องแล้วเริ่มเช็คชื่อพอดี ทั้งคู่จึงหยุดแล้วมองหน้ากัน


“ มองอะไรอีปุ๊ก ”


“ มึงนั่นแหละมองอะไร เห็ด... ”


ทั้งคู่อมยิ้ม หัวเราะคิกคักแบบรู้กันว่าอาจารย์ใหม่ที่เข้ามาหล่อ….. ทีเรื่องแบบนี้ล่ะสามัคคีกันขึ้นมาเฉย


ดูเหมือนอาจารย์คนนี้จะมาแทน อาจารย์ไม่พูดอะไรมาก เอาปากกาชี้ที่แต่ละกลุ่มที่นั่งกันอยู่แล้วถามเลขที่เอาเพราะอาจารย์รีบเลยไม่มีใบรายชื่อมาด้วย


“ เอ้า! สาว 3 คนตรงนั้น เลขที่เท่าไหร่บ้าง ” อาจารย์พูดแซวออกไมค์ บางคนหันมามองก็ขำๆ เพราะสาวๆ ที่อาจารย์เรียกมีแต่ผมที่แต่งชุดนักศึกษาชาย


“ 15,34 แล้วก็ 38 ค่าอาจารย์! ”


ฮือ... ผมเขินมือปิดหน้า เพื่อนร่วมห้องขำกันหมดเลย ไม่ตลกสักหน่อย!


 
“ เพื่อนขา... กลางวันกินกันที่ไหนดีคะ ” เห็ดตั้งคำถาม เรียนเสร็จแล้ว กำลังเก็บของ


“ อักษรมั้ย? ” ปุ๊กเสนอ


เห็ดทำหน้าเบ้


“ ไปทำไม? ”


“ เผื่อเจอพี่ฮัทไง ” ปุ๊กเอามือปิดแก้มทำหน้าเขินอาย พี่ฮัทเป็นผู้ชายที่ปุ๊กแอบชอบ เขาเรียนอักษรศาสตร์ เอกสเปน น้องสาวผมบอกมาว่าพี่ฮัทเป็นเกย์สาว แต่ผมไม่กล้าบอกปุ๊ก.. กลัวเพื่อนเสียใจ


“ ป่ะ! ฟิว เก็บของ ”


ผมเม้มปาก.. ลังเลจะบอกเพื่อนดีมั้ย


“ คือว่า...เรา.... ”


“ ว่า? ”


ปุ๊กกับเห็ดจะว่ามั้ยอ่ะ แต่ผมอยากไปจริงๆ นะ ชวนพี่เชา..พี่เชาตกลงแล้วด้วย..


“ เรา.... เดี๋ยวเราไปกิน...ข้างนอกนะ.. ” ผมพูดเสียงเบา ก้มหน้า


“ หืมมมมมมมมมม? ” ไม่ต้องบอกก็รู้ ปุ๊กกับเห็ดทำสายตาล้อเลียนผมอยู่แน่ๆ ฮืออ เขินจัง “ กับใครรรรร ”


“ ง่า.. ก็คนเดิม ” อ้อมแอ้มตอบ


“ คนไหน ฉันลืมง่ะฟิว แบบไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้ขี้ลืมมม ”


ง่ะ...


“ เราไปกับ...พี่เชา…. ”


เห็ดกับปุ๊กอมยิ้มมองหน้ากันแล้วยิ้ม


“ จ้าาาาา ” ประสานเสียงล้อผมเลย


“ ฉันอิจฉาแกจริงๆ เลย มีแฟนหุ่นแซ่บหล่อล่ำ ” ปุ๊กว่า


“ จริง! แกเนียนมาก นี่ถ้าไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่าแกกับพี่เชาเป็น...กัน ” เห็ดอมยิ้มเอานิ้วชี้จิ้มกันแทนคำที่เว้นว่าง แล้วมองด้วยสายตาทะเล้นล้อเลียน


ผมก้มหน้าเขินแก้มแดง


ผมคบกับพี่เชาตั้งแต่ปี1 เทอม 1 ตอนนี้เทอม 2 แล้ว แต่ปุ๊กกับเห็ดเพิ่งจะรู้เมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนที่ผมร้องไห้โทรหาสองคนเพราะทะเลาะกับพี่เชารุนแรงมาก พอโดนคาดคั้นว่าเป็นใครก็เลยจำใจบอก แต่ผมกำชับทั้งสองคนว่าห้ามบอกใคร ผมไม่อยากให้คนในคณะมองพี่เชาไม่ดี…


แต่สรุปแล้วเห็ดกับปุ๊กก็ไม่ได้ไปกินข้าวที่อักษร ทั้งคู่มาส่งผมกับพี่เชา แล้วกินข้าวคณะตัวเอง เราเดินไปหาที่เชาที่นั่งอยู่ที่บิ๊กไบค์สีแดง พี่เชามองเห็ดกับปปุ๊กด้วยความแปลกใจ เพราะพี่เชาไม่เคยเจอเพื่อนผมมาก่อน


“ พี่เชา นี่เห็ดกับปุ๊ก เพื่อนฟิวคับ... ”


“ หวัดดีค่ะ ” ทั้งคู่ดูอายและเจี๋ยมเจี้ยมขึ้นมาทันที


“ หวัดดีครับน้อง ” พี่เชายิ้มให้ “ พี่ยืมตัวฟิวพาไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันหน่อย น้องไม่ว่าอะไรนะครับ? ”


น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลทำให้ผมเขินแก้มแดง บวกกับรอยยิ้มเท่ๆ ของพี่เชายิ่งเพิ่มระดับความเขินให้ผมมากขึ้นไปอีก


“ อุ๊ย! ไม่ว่าค่ะๆ แต่อยากไปด้วย อิอิ ”


งื้อออ! เห็ดจ้องพี่เชาของผมไม่วางตาเลย พี่เชาแฟนเรานะ T-T


“ อีเห็ด! ” ปุ๊กหยิกเอว เห็ดสะดุ้งหันมามองปุ๊กเคืองๆ ส่วนปุ๊กก็ยิ้มแห้งดูเขินให้พี่เชา “ พวกหนูล้อเล่นค่ะ แฮะๆ ”


“ ไม่เป็นไรครับ ไว้คราวหน้านะ วันนี้พี่เอามอไซค์มา ” พี่เชาหัวเราะท่าทางขำขันมากกว่าซีเรียส ” ไปยังฟิว? ”


“ ครับ.. ” ผมอมยิ้ม กำลังจะถามหาหมวกกันน็อกสีเหลืองเป็ดใบประจำของตัวเอง แต่พี่เชากลับส่งหมวกกันน็อกสีดำ-แดงของเขาให้ผมเหมือนเดิม


“ อ่ะ.. แล้วหมวกฟิว..? ” หมวกผมติดสติ๊กเกอร์รูปเป็ด สติ๊กเกอร์ประจำตัวผมไว้ด้วย


“ พี่ลืมไว้ที่บ้าน ใส่ใบนี้ไปก่อนนะครับเป็ดน้อย ” ว่าจบพี่เชาก็สวมหมวกกันน็อกให้จับหัวผมโยกไปมา ผมเม้มปากกลั้นยิ้มพยักหน้า แล้วก็นึกได้ว่าปุ๊กกับเห็ดยังอยู่ตรงนี้ เห็นผมหวานกับพี่เชาไปเต็มๆ เลย ง่ะ..อายจัง..


ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์บ๊ายบายเพื่อนแล้วพี่เชาก็ขับออกมาเลย..


ผมกอดเอวพี่เชา ซบหน้ากับแผ่นหลังกว้าง ปากยิ้มมีความสุข แต่ในใจลึกๆ ผมรู้สึกหน่วงอย่างบอกไม่ถูก


พี่เชาลืมหมวกไว้ที่บ้านแปลว่าพี่เชากลับไปหาป้าที่แจ้งวัฒนะ และคนที่นั่งไปด้วยอีกคนก็คงเป็นพี่คิง พี่คิงจะกอดเอวพี่เชา จะได้ซบหลังพี่เชาแบบผมรึเปล่า...


ผมอยากไปบ้านพี่เชาบ้างจัง….


พี่เชาสัญญา แต่ไม่เคยพาไป...สักที...







-------------------------------------------------------------


รีรันกระทู้เชาตั้งแต่ต้นจนจบ... (ในตอนต้นๆ ยังไม่จบค่ะ 5555555)

จำสองสาวเพื่อนฟิวต้นเรื่อง(บทนำ)ได้มั้ยคะ พวกนางเปิดตัวแล้วค่าาา  #ทีมฟิว เตรียมเฮได้ ผู้ผดุงความยุติธรรมให้น้องออกมาแล้ว มีตัวแรงมิฉะนั้นเรื่องคงไม่เกิด เพราะน้องนางจะยอมเชาต่อไป  :เฮ้อ:


ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  :L2: :L2: :L2:


ปล. ขออนุญาตถามหน่อยค่ะ หลัง 6.5 มีใครทีมคิงบ้าง.... ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่อยากจะบอกว่าคนเลวก็รักแม่ 55555

หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่7) " กระทู้เด็ดพันทิป "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 17-05-2015 18:22:20
อยากให้เคลียร์เร็วๆ  บางทีก็เหมือนกับว่าคิงมันไม่สนอะไรเลย  นอนกับเชาหรือใครก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับตัวคิง  เหมือนปล่อยๆชีวิตไปไม่อยากคิดลึกซึ้ง  เชาก็เหมือนห่วงและรักคิง คู่นี้มีสิ่งที่ผูกพันธ์กันเยอะมากๆ ความสัมพันธ์ 3 คน แม่ เชา คิงนั้นเหมือนเป็นพื้นที่ส่วนตัวศักด์สิทธ์ที่ปิดกั้นไม่อยากให้ใครเข้ามาล่วงล้ำ  เดาเอานะว่าบางทีเชากำลังสองจิตสองใจกับฟิวส์เพราะว่าฟิวส์ไม่เหมือนตัวเองกับคิง จะรับก็อยากเสียพื้นที่ส่วนตัว จะทิ้งก็มีความรู้สึกดีๆให้กันอยู่ เชาถึงได้เกิดอาการนอยด์กับสิ่งที่เป็นอยู่  ฟิวส์ไม่เข้าใจหรอกเพราะว่าฟิวส์เป็นแบบธรรมดา ทำตัวธรรมดา ยังมองไม่เห็นปัญหา ยังมองตัวตนจริงๆของเชาไม่ออก เห็นแต่ความเท่ห์ ความหล่อ

เรามโนตามที่เราอ่านและเข้าใจนะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่7) " กระทู้เด็ดพันทิป "
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 17-05-2015 19:18:09
เนื้อเรื่องเรียกร้องมากครับ สัมผัสได้ว่าคนเขียนวางพล็อตไว้ดีมาก แต่อยากให้คนอ่านค่อยๆซึมซับปัญหาของแต่ละคน ดังนั้นผมต้องตอบรับ ขอวิจารณ์กันสักหน่อย

ความจริงแล้ว ผมเขียนอธิบายปัญหาของเชาไว้อย่างเกือบครบถ้วนแล้วในคอมเมนท์ก่อน ซึ่งผมก็ขอต่อยอดหน่อย

ผมว่าผมสงสารฟิวครับ และผมว่าพฤติกรรมเชานี่เข้าข่าย 'สมควร' โดนอัดเข้าสักวัน ผมไม่ได้พูดโดยใช้อคติส่วนบุคคล แต่ผมพูดในฐานะคนกลางที่มองเห็นการกระทำของเชาซึ่งไม่ได้สนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเลย ไม่ว่าจะเป็นคุณป้า หรือแม้แต่ฟิว

ยกตัวอย่างเคสแรกสุด คือคุณป้าตักเตือนเรื่องความเร็ว ผมว่ามันก็ค่อนข้างเมคเซนส์นะครับ คือควรรับฟังหน่อย เพราะมันไม่ได้ส่งผลกระทบแค่คุณคนเดียว จะคึกคะนองแบบวัยรุ่นน่ะได้ ไม่ได้ห้าม แต่ควรจะต้องคิดถึงคนอื่นบ้าง แม้ว่านิสัยส่วนบุคคลของเชาจะไม่เอื้อให้คิดถึงคนอื่นเลยแม้แต่นิดก็เถอะ

โอเค ผมเข้าใจปมความผิดหวังด้านครอบครัวของเชานะครับ เพราะไม่ได้ถูกเลี้ยงมาแบบมีความอบอุ่น เลยไม่รู้สึกว่าต้องแคร์ใคร เพราะไม่เคยคาดหวังอะไรจากคนอื่น เลยรู้สึกว่าทำไมคนอื่นต้องมาคาดหวังหรือกำหนดกฏเกณฑ์กับชีวิตตัวเองด้วย อันนี้ผมเข้าใจ แต่ปัญหาคือ คุณไม่ได้แบกโลกไว้คนเดียวขนาดนั้น การแคร์ความรู้สึกคนอื่นไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอ การที่ใส่ใจและรับฟังคนอื่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตคุณจะถูกบังคับ และครอบครัวของคุณจะล้มเหลวเหมือนกับพ่อแม่ของคุณ

คุณไม่ได้ 'หลงทาง' อยู่ในความมืดโดยที่ไม่สามารถหาทางออกได้ คุณปฏิเสธที่จะมองเห็นและเดินตามแสงสว่างของคนอื่นที่ส่องมาหาคุณต่างหาก เพราะคุณคิดว่าแสงจะแผดเผาและทำให้คุณเจ็บปวด คุณถึงรำคาญและไม่อยากที่จะไปยุ่ง แต่แท้จริงแล้ว หากไม่เจ็บปวด หากไร้ซึ่งความกล้าที่จะทดลอง 'เชื่อ' ในความดี มนุษย์ก็จะไม่มีวันเติบโตขึ้น

ความเจ็บปวดทำให้เรามองเห็นมุมมองใหม่ๆ แต่ก็เช่นกัน เพราะเรามีคนอยู่รอบข้าง ความเจ็บปวดนั้นจึงจะทุเลาลง เพราะมีคนชี้นำ ปลอบโยน ห่วงหา และให้ความสุข ความเจ็บปวดนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักและความมุ่งมั่น และนั่นคือสิ่งที่ครอบครัว เพื่อน และคนรัก เค้าทำให้ซึ่งกันและกัน

นี่คือสิ่งเชาคิดไม่ได้ เชาไม่รู้สึกว่าการแคร์ความรู้สึกของฟิวคือเรื่องที่ควรทำ เชาไม่รู้สึกว่าการรับฟังคนที่เลี้ยงดูมาคือสิ่งที่น่าจะมีประโยชน์ การที่เชาไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น วันนึงจะทำให้ตัวเขาเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ผมถึงแนะนำให้เชาเลิกกับฟิวเถอะ เพราะเชาควรจะรู้ได้แล้วว่าคนอื่นเค้าไม่ได้คิดแบบเชา ผมอยากให้ฟิวคิดได้ว่าไม่ควรทำให้ตัวเองเสียใจไปมากกว่านี้ เพราะเชาไม่ได้คิดจะแก้ไขปัญหา เชาไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าตัวเขาเองน่ะมีปัญหา ดังนั้นพอตัวเองไม่รู้ การที่จะยอมรับและแก้ไขเรื่องนี้ มันยาก

ฟิวเป็นเด็กที่น่ารัก เป็นเด็กดี เป็นเด็กร่าเริง ฟิวมีปัญหาเพราะมีความบกพร่องด้านการทำงานของน้ำเหลือง ดังนั้นการที่เค้าเป็นเด็กที่มีความดีอยู่เต็มหัวใจขนาดนี้ มันเป็นเรื่องที่น่านับถือมากเลยนะครับ ฟิวเป็นคนมองโลกในแง่บวก เป็นคนที่จริงจัง ทำอะไรคือทุ่มเทให้สุดๆเสมอ (อาจจะเพราะที่บ้านทุ่มเทให้ฟิว เนื่องจากเห็นว่าป่วย) และพยายามจะไม่คิดมากเรื่องอะไรเล็กๆน้อยๆ เพราะเค้าเห็นค่ากับความรักที่มีให้กับเค้า

การที่ฟิวต้องมาเจอคนที่เลวร้ายในด้านทัศนคติแบบเชา มันไม่โอเคเลยนะ มันหลายเรื่องแล้ว ทั้งยอมเอามือถือไปซ่อมให้ ติดสติกเกอร์ให้เพราะกลัวสลับกัน ทะเลาะกันเค้าก็เป็นฝ่ายยอมตลอด แล้วนี่อะไร เคสมือถือที่อุตส่าห์ทำให้ เอาไปโยนทิ้งถังขยะแบบไม่ใยดี แล้วเอามือถือไปเทิร์นเหมือนเป็นสิ่งไม่สำคัญ เพียงเพราะเหตุผลแค่รำคาญ สติกเกอร์ติดหมวกกันน็อค ก็ฉีกทิ้งแบบไม่มีเยื่อใยเพราะคิดว่าไร้สาระ

ถ้าผมเป็นพี่ชายฟิวนี่ เชาโดนผมชกไปแล้ว ต่อให้รู้ว่าเค้ามีปัญหาทางใจก็เถอะ แต่คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายความรู้สึกคนอื่นแบบนี้? คุณคิดว่าตัวเองไม่แคร์โลก ดังนั้นคนอื่นก็ไม่ควรจะแคร์คุณด้วยงั้นสิ? คุณคิดว่าผมจะปล่อยให้คนในครอบครัวผมที่เป็นคนดีของสังคม มาโดนทัศนคติร้ายๆของคนๆนึง กัดกินจนต้องเสียใจแบบนี้น่ะเรอะ?

มันไม่ได้หมดใจหรอก คุณไม่ได้ 'มีใจ' ให้ฟิวมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก คุณก็แค่รู้สึกว่าอยากลองดู ถ้ามีแฟนแล้วมันจะเป็นยังไง ปัญหาก็คือ เรื่องมันดันมาตกอยู่กับคนดีๆอย่างฟิวไงครับ

ส่วนคิง อันนี้ผมไม่รู้เท่าไหร่ เพราะบทยังไม่โยนให้เค้ามาก แต่ที่ผมรู้คือ คิงเป็นคนเงียบ คิดมาก แต่ก็เหมือนกับเชา คือไม่ได้คิดว่าตัวเองมีปัญหาอะไร คิงมี emotional conflict คือยอมตามคนอื่น แต่ในเวลาเดียวกันก็อยากรู้ว่าต้องตามเท่าไหร่ถึงจะพอ เป็นคนประเภทที่ยอมฟังที่คนอื่นพูด แต่ไม่ยอมรับและไม่ยอมคิดตาม ดังนั้นจะเกิดกำแพงทางความคิด และในที่สุดจะทำให้กลายเป็นคนที่แก้ปัญหาได้แบบครึ่งๆกลางๆเพราะไม่มีจุดยืนของตนเองที่แน่ชัด (ขัดกับเชาที่มีจุดยืนที่มั่นคงเกินไปในอัตตาผิดๆ)

ผมชอบเรื่องนี้นะครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่าทำเนื้อเรื่องมาดี ติดตามครับๆ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่7) " กระทู้เด็ดพันทิป "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-05-2015 19:39:47
ไม่รู้ว่าอนาคตเชากับคิงจะเป็นไง
แต่เราสงสารฟิว เชาเคยรักฟิวจริงหรือเปล่า
แถมได้ลองของใหม่อย่างคิงไปด้วย
คงทำให้เชาตัดสินใจได้แล้วล่ะ
ว่าคงจะบอกเลิกฟิวเป็นแน่แท้
เพราะถ้าฟิวรู้ว่าเชากับคิง x กัน
ฟิวคงเสียใจกว่าเดิมหลายเท่า
นอกใจ ไม่รักแล้ว หรือไม่เคยรัก
ไม่ว่าเชาเป็นแบบไหน ฟิวก็เสียใจ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่7) " กระทู้เด็ดพันทิป "
เริ่มหัวข้อโดย: sataav ที่ 17-05-2015 20:07:44
เราเสียใจทุกครั้ง ที่ได้อ่าน Part ฟิวส์
เรารำคาญความเป็นคนขี้อายของฟิวส์นะ
แต่แบบ ฟิวส์เป็นเด็กดีมาก ความคิด การกระทำ ความใส่ใจ ทุกอย่างมันมาแบบใส่ซื่อ ทำด้วยเจตนาดี จริงใจ
ขนาดที่ว่า เราไม่ชอบคนบุคลิกแบบนี้ยังยอมใจอ่อนให้กับความดี ความน่ารักของฟิวส์เลย

เราเห็นแบบนี้ทีไรเราหงุดหงิดนะ
ความดี ความน่ารักของฟิวส์ คนที่ควรได้ไปไม่ควรเป็นเชาจริง ๆ

เห็นด้วยกับความเห็นที่บอกว่า 'ถ้าเป็นพี่ชายฟิวส์นี่ ต่อยเชาไปแล้ว'
ถ้าเราเป็นพี่สาว หรือ แม่ฟิวส์นะ จะตบให้เลือดกลบปากเลย !

แม่งเอ๊ยยยย จิตใจทำด้วยอะไรวะ  :ling1:

ส่วนเชานี่ ไม่รู้จะพูดยังไง
ความเลว ความใจร้ายนายมันเกินทน จนไม่เหมาะกับฟิวส์จริง ๆ

เรายังไม่แน่ใจนะว่าเชารักฟิวส์มั๊ย ใจคิดว่าคงรักแหละ
แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะรักหรือไม่ ก็ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญแล้ว
เพราะ แกนี่มันไม่เหมาะกับฟิวส์จริง ๆ

ส่วนคิงส์ ใครจะเชียร์ก็เชียร์ไปเถอะ
เราคนนึงละ ขอบายคู่ เชา x คิงส์
เราว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วไม่เหมาะจริง ๆ

โอเค เราเกลียดเคะบ๊องแบ๊วแบบฟิวส์ และ เราชอบมาก เคะราชินีแบบคิงเนี่ย
แต่ราชินีไม่มีศีลธรรมนอนกับคนมีแฟนแล้วแบบนี้ก็ไม่ไหววะ (เริ่มวะ เริ่มเว้ยละเรา 5 5 5)

เอาเป็นว่า #ทีมฟิว อีกคนนึงคะ
ถึงจะยังไม่รู้ว่าฟิวไปทำอะไรมา แต่ก็สงสารฟิวมากจริง ๆ
(แต่ไม่แน่เหมือนกันนะ ถ้ารู้ว่าฟิวทำอะไรเลวร้ายมาก ๆ มา เราอาจจะย้ายทีมทันทีเลยก็ได้ 5 5 5)

เอาเป็นว่า รีบมาต่อนะคะ
เรายังรอติดตามให้กำลังใจอยู่คะ นักเขียน
คุณเขียนดีมาก เรานึกออกเลย เหมือนชีวิตจริงเลยอ่ะ 5 5 5 5
แบบ แต่ละตัวละครนี่เราคิดตามเลยนะว่า ถ้าเป็นเพื่อน หรือ คนใกล้ตัวเราจะจัดการกับใครยังไง (อินเกิ๊น)

สู้ ๆ ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่7) " กระทู้เด็ดพันทิป "
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 17-05-2015 21:10:19
ณ ตอนนี้ พาร์ทนี้ คือ...ฟิวออกสาว คือยังดีล่ะ มันมุ้งมิ้งแปลกๆ แบบพอนางพูดถึงเชา นึกถึงเชา คิดถึงเชา โลกมันกลายเป็นสีม่วงๆ ส่วนตัวแล้ว ตั้งแต่ตอนก่อนนู้นรู้สึกคล้ายว่านางมีท่าทีเหมือนผู้หญิง(จำไม่ได้ว่าตอนไหน) พออิฉันอ่านมาถึงตอนนี้ ก็ยิ่งชัด ใครทีมใครไม่รู้อ่ะตอนนี้ แต่อิฉันทีมคนแต่ง เชียร์ให้เข็นตอนต่อไปมาเร็วๆ เป็นกำลังใจให้เสมอนะตัวเอง :katai3:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่7) " กระทู้เด็ดพันทิป "
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 17-05-2015 22:42:01
ไม่เข้าใจตัวเอง
แล้วจะมีปัญญาอะไรไปเข้าใจคนอื่น


จงมีชีวิตแบบ งง งง ต่อไปเหอะเชา
อย่าดึงคนอื่นเข้ามาร่วมวงด้วยเลย

สงสารคนอื่นเค้า
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่8) " ลำดับความสำคัญ "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 22-05-2015 01:47:11
8
ลำดับความสำคัญ




น้องฟิวทักแชตมาหาผมตอนเช้า ชวนไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน...


ผมหาวเบาๆ เพื่อนที่นั่งเรียนข้างกันหันมามอง เขาชื่ออาร์ต เรียนโภชนาการ ปี3 คณะสหเวชศาสตร์ รู้จักกันเพราะอาร์ตมานั่งข้างผมในคาบแรก ผมก็ขอยืมปากกาเขาเลย เพราะตอนมาเรียนหยิบแต่หนังสือติดมา


“ หาวอีกละ ” อาร์ตบ่น มือจดที่อาจารย์สอนหน้าห้องไปด้วย


ปีที่แล้วผมตกภาษาอังกฤษตัวนี้ไป เทอมนี้เลยต้องมาลงเรียนใหม่ ที่เหี้ยคือผมไม่ได้ทำข้อสอบไม่ได้นะ แต่ขาดเกินโควตาที่อาจารย์กำหนด ทำไงล่ะ? ก็ดรอปดิครับ แล้วก็กลับมาเรียนใหม่ปีนี้กับพวกสหเวชฯ ปี3


“ ตั้งใจเรียนหน่อยสิเชา เดี๋ยวนายก็ได้ลงตัวนี้ปีหน้าอีกหรอก นี่ปี3จริงเหรอเนี่ย ” ประโยคหลังพูดเบาๆ


นอกจากโดนบ่นแล้วยังหลอกด่าผมอีก ดูมัน…


“ อืมๆ ” ผมกดโทรศัพท์แชทกับเพื่อนต่อ ปล่อยให้หน้ากระดาษในหนังสือผมว่างไป “ ไม่ต้องเรียนเรายังติวให้นายได้เลย ”


อาร์ตกลอกตา ไม่อยากยอมรับอ่ะดิว่าผมเก่งอังกฤษ แต่มิดเทอมคราวที่แล้วที่อาร์ตทำได้เกิน 70% เป็นเพราะผมติวให้จริงๆ ฮ่าๆ


“ เออ รู้ว่าเก่ง แต่ไม่เรียนเลยแบบนี้อาจารย์ก็หมั่นไส้นายอีก เราเตือนเราหวังดีนะ ”


ผมหัวเราะ แล้วก็นึกขึ้นได้ “ เออ ที่บอกจะเลี้ยงข้าวเราอ่ะ เลี้ยงเมื่อไหร่ อยากกินแล้วนะ ” เลี้ยงขอบคุณที่ผมติวมิดเทอมให้นี่แหละ


“ อืม…. เมื่อไหร่ดีล่ะ ” ถ้าไม่บ่นผมอาร์ตก็จะตอบเนือยๆ แบบนี้


“ กลางวันนี้เลยป่ะ มีเรียนบ่ายมั้ย ” ผมพูดเล่น แกล้งท้า แต่อาร์ตเอาจริง…


“ มี แต่ถ้ากลับมาทันก็โอเค นายอยากกินอะไร ”


โห.. ป๋าเว้ย!


“ งั้นกินติ่มซำใกล้ๆ เดี๋ยวเรากลับมาส่งนายไม่ทัน ”


“ นายมีรถด้วยเหรอ ” อาร์ตหันมามองผม ท่าทางไม่เชื่อ “ ไม่เคยเห็นนายเอารถมา ”


ผมยักคิ้วกวนให้ เป็นเชิงว่าเดี๋ยวรู้ นั่นทำให้อาร์ตขำเบาๆ หันกลับไปมองหน้าห้องตั้งใจเรียนเหมือนเดิม


...ผมเพิ่งนึกออก.. น้องฟิวก็ชวนผมกินข้าวกลางวันเหมือนกันนี่หว่า



ผม: พี่นัดกับเพื่อนไว้แล้วครับ


อาจจะห้วนไป เติมอีกประโยคก็ได้...


ผม: ขอโทษนะ


ผมส่งข้อความกลับไป น้องคงเข้าใจ สักพักแชทเฟสผมก็แจ้งเตือนอีกรอบ เป็นน้องฟิวที่ส่งข้อความกลับมา


ฟิว: ไม่เป็นไรครับ กินกับพี่แซคพี่ขวัญเหรอ


ผม: เปล่า คนนี้ฟิวไม่รู้จัก


ข้อความของผมขึ้นว่า read ทันที แสดงว่าน้องเปิดแชตรออ่านข้อความผมอยู่ เหนือกล่องข้อความของผมแสดงสัญลักษณ์ว่าน้องฟิวกำลังพิมพ์ข้อความ แล้วก็หยุดไปสักพัก ก่อนจะพิมพ์ต่อ แล้วก็หยุดอีกรอบ


ผมรอดู ว่าน้องจะตอบกลับมาว่าอย่างไร


รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรที่ไม่เหมือนเดิม น้องฟิวก็สามารถรับรู้ความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ได้ น้องจึงพยายามทำอะไรที่ต่างไปเช่นกัน...


ฟิว: ฟิวไปด้วยได้มั้ยคับ


ผมเงียบ คิดคำตอบสักครู่


ผม: เดี๋ยวพี่ถามเพื่อนก่อนนะ


อืม... ผมคงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ




“ เราไปรับน้องก่อน สั่งอะไรไปก่อนเลยก็ได้ ” ผมจอดรถมอไซค์ให้อาร์ตลงหน้าร้านติ่มซำ 


“ อืม น้องนายจะกินอะไรมั้ย เดี๋ยวเราสั่งให้ก่อน นายด้วย... ”


“ ไม่เป็นไร ขอบใจมาก เดี๋ยวเรามา ” ผมตบกระจกหมวกกันน็อคลงแล้วขับกลับไปที่คณะวิศวะ เพื่อรอน้องฟิวเลิกเรียนแล้วเดินลงมาตรงที่นัดกันไว้


หลังจากตอบฟิวไปอย่างนั้นผมก็ถามอาร์ตว่าอีกคนไปได้รึเปล่า แต่เดี๋ยวผมออกให้เอง อาร์ตดูแปลกใจแต่ก็บอกว่าได้ ผมจึงบอกน้องฟิวไปแบบนั้น น้องดูดีใจมากจากสติ๊กเกอร์ยิ้มกว้างและประโยคที่ว่า


‘ ครับ จะได้เจอพี่เชาแล้ว อยากให้อาจารย์ปล่อยไวๆ จัง ’


ผมจอดรถรอไม่นานฟิวก็เดินมาพร้อมเพื่อนสาวสองคน คนนึงผมทรงหัวเห็ด อีกคนหน้าจีนจืดๆ ตัวกลม


“ พี่เชา นี่เห็ดกับปุ๊ก เพื่อนฟิวคับ... ” น้องบอก คนหัวเห็ดชื่อปุ๊ก ส่วนคนอวบๆ ชื่อเห็ด


“ หวัดดีค่ะ ” ทั้งคู่ยิ้มเหนียมอายให้


ผมกระตุกมุมปากยิ้มกลับเล็กน้อย “ หวัดดีครับน้อง ” คงรู้ว่าผมกับฟิวเป็นอะไรกัน “ พี่ยืมตัวฟิวพาไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันหน่อย น้องไม่ว่าอะไรนะครับ? ”


ฟิวเขินกับประโยคนี้ น้องก้มหน้าหนีแก้มแดง กลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ


“ อุ๊ย! ไม่ว่าค่ะๆ “ คนที่อวบๆ ว่า “ แต่อยากไปด้วย อิอิ ”


ผมยิ้มไม่ได้ตอบอะไร น้องก็โดนเพื่อนหยิกเอวจนสะดุ้ง หันกลับไปมองเพื่อนหัวเห็ดตาขวาง


“ อีเห็ด! ” น้องหัวเห็ดเสียงเขียว “ พวกหนูล้อเล่นค่ะ แฮะๆ ”


“ ไม่เป็นไรครับ ไว้คราวหน้านะ วันนี้พี่เอามอไซค์มา ” ผมหัวเราะเบาๆ ก้มมองนาฬิกาเล็กน้อยก็เห็นว่าตอนนี้ผ่านไป 15 นาทีแล้ว ถ้าผมไม่รีบ อาจจะกินติ่มซำอิ่มไม่คุ้มกับที่มีคนเลี้ยง ” ไปยังฟิว? ”


“ ครับ.. ”


ผมส่งหมวกกันน็อกสีดำ-แดงของตัวเองให้น้องเหมือนเดิม


“ อ่ะ.. แล้วหมวกฟิว..? ” น้องแปลกใจ ถามถึงหมวกเหลืองติดสติ๊กเกอร์เป็ด


ความจริงมันอยู่ที่ห้อง ผมไม่ได้หยิบมาเพราะไม่คิดว่าจะต้องใช้ และผมก็ลอกสติ๊กเกอร์เป็ดออกเพื่อให้คิงสวมมันได้อย่างสบายใจไม่มีสติ๊กเป็ดปัญญาอ่อนติดอยู่ไปแล้ว ถ้าผมบอกน้องไปแบบนั้นก็ดูจะเหี้ยเกินไป


“ พี่ลืมไว้ที่บ้าน ใส่ใบนี้ไปก่อนนะครับเป็ดน้อย ” จับหมวกกันน็อกตัวเองสวมให้ฟิวด้วย เพื่อที่เราจะได้รีบไปที่ร้านติ่มซำกันสักที




พอถึงร้าน ผมพาฟิวไปหาอาร์ตที่โต๊ะ ร้านอาหารคนเต็ม มีทั้งพนักงานและเด็กมหาลัยผม


“ ฟิวนี่เพื่อนพี่ อาร์ตนี่ฟิว ” ผมแนะนำสั้นๆ สองคนจะได้ร่วมโต๊ะกันอย่างไม่อึดอัดเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร อาร์ตดูแปลกใจที่เห็นฟิว ส่วนฟิวส่งยิ้มเกร็งๆ ให้


“ หวัดดีครับพี่อาร์ต ” น้องนั่งข้างผม อาร์ตนั่งฝั่งตรงข้ามคนเดียว พยักหน้ารับทักทายน้องกลับ


“ นายสั่งอะไรไปบ้างแล้วอ่ะอาร์ต ” ผมถามเอาเมนูมาเปิดดู บนโต๊ะมีติ่มซำวางอยู่สองสามอย่าง “ นี่เสิร์ฟครบยัง? ”


“ ยัง เราสั่งแค่ของเรา รอนายมาสั่งของนายเนี่ย ” แล้วอาร์ตก็ยกมือเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์


ผมดูเมนูสั่งของที่ตัวเองอยากกินไปหกเจ็ดอย่างถึงหันมาถามฟิวว่าอยากกินอะไร น้องเอาแต่ก้มหน้าเงียบ แลดูอึดอัดพอสมควร ไม่รู้ว่าเป็นอะไร


“ ...พี่เชาสั่งเลย..ฟิวกินอะไรก็ได้ครับ... ”


“ พี่สั่งแล้ว เมื่อกี้ไง ” ผมตอบตามความคิดตัวเอง ไม่ได้สนใจว่าคนฟังรู้สึกอย่างไร พอนึกขึ้นได้ถึงหันมอง


น้องฟิวเม้มปากเหมือนอดกลั้น บีบมือตัวเองแน่นกว่าเดิม


“ อ่า….ครับ... ”


ผมเงียบ แล้วถอนถอนหายใจเบา สั่งเมนูที่น้องชอบกินให้


“ เอาขนมจีบกุ้ง ซาลาเปาไส้ครีม กับซาลาเปาทอดมาเพิ่มด้วยครับ ”


อาร์ตเห็นมันคงงง พี่น้องห่าอะไรง๊องแง๊งอย่างกับเป็นแฟนกัน… ถามว่าทำไมผมต้องเอาใจฟิวด้วย? ก็เพราะว่าถ้าผมไม่ทำอะไรบางอย่าง น้องก็จะเอาแต่นั่งเงียบและไม่สั่งอะไรกิน ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายชวนออกมากินข้าวกลางวันด้วยกันก่อน…


“ เออเชา คาบหน้าอาจารย์ไม่เข้านะ ” จู่ๆ อาร์ตก็พูดถึงเรื่องในห้องเรียนขึ้นมา “ แกว่ามีประชุม ”


“ ตอนไหน? ” ผมจำไม่ได้นะว่าอาจารย์พูด วันนี้ผมไม่หลับเลยสักนิดด้วย สัปหงกก็ไม่มี ไม่น่าพลาดไปได้นะแบบนี้


“ ช่วงเบรค ที่นายบอกเราว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่จริงๆ แล้วแลกไลน์กับนิ้งหน่องอยู่ ” อาร์ตพูดเนือยๆ ของมัน


น้องฟิวนั่งอยู่ข้างผมถึงกับสะอึก น้องเงยหน้าขึ้นมามองผมสายตาตัดพอ


งานเข้าแล้วไงกู…….


“ เปล่า.. นั่นเขาขอไลน์เพื่อนเรา…. ” ผมแก้ตัวไปเนียนๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง มันทำผมตกใจ เกือบหาข้อแก้ตัวไม่ทัน “ ทำไม นายชอบนิ้งหน่องเหรอ ”


อาร์ตมองผมเหมือนเพิ่งถามคำถามที่เหลือเชื่อที่สุดในชีวิตมันไป


โอเค อาร์ตไม่ได้ชอบนิ้งหน่อง


“ อืม ”


“ เฮ้ย! ” กลายเป็นผมเองที่ตกใจ “ พูดจริงป่ะเนี่ย? ”


ผมว่าเพื่อนผมคนนี้มันเชือนไปแล้วว่ะ แกล้งแซวเล่นแต่มันคิดจริงเฉย แล้วคือปฏิกิริยาตอบรับของอาร์ตเฉื่อยมากจนผมประหลาดใจ ไม่เคยเจอมาก่อน


“ อืม นายรู้ได้ไงเชา ”


จริงๆ เราก็ยังไม่รู้หรอกอาร์ต แต่...


“ นายบอกเราเอง ”


อาร์ตเลิกคิ้วแปลกใจ “ เมื่อไหร่? ”


เชี่ย….… มือที่คีบฮะเก๋าผมอยู่นี่ถึงกับสั่น


“ เมื่อกี้ ” ผมตอบอาร์ต ไม่แปลกใจว่ามันรู้จักนิ้งหน่องมา 3 ปี แล้วแต่ยังจีบเธอไม่ติด แม่ง...ตลก...


อาร์ตดูอึ้งไปพัก “ เชานายกินซาลาเปาไส้ครีมนี้อีกมั้ย ” พอผมส่ายหน้าอาร์ตก็หยิบซาลาเปาไปกิน เปลี่ยนเรื่องแก้เก้อ อาร์ต...มึงไม่เนียนมาก...


ผมชวนอาร์ตคุยระหว่างมื้ออาหารเรื่อยๆ จนเกือบลืมไปว่าน้องฟิวก็นั่งอยู่ข้างกัน น้องนั่งกินเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาเท่าไหร่ ผมเหล่ตามองเล็กน้อย น้องทำหน้าซึม เหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว…


เฮ้อ!


“ ฟิว อิ่มรึเปล่า? กินขนมจีบกุ้งอีกมั้ย หรือเอาโค้กอีก? ” ผมเทคแคร์น้องบ้าง ยิ้มพลางถามถึงอาหารและเครื่องดื่มที่น้องชอบ โค้กของฟิวหมดแล้ว และก็ยังไม่ได้เติม ขวดโค้กอยู่ใกล้มือผม.. ทำไมไม่บอก? น้ำเข็งน้องฟิวละลายหมดจนเป็นน้ำอยู่ก้นแก้ว


ฟิวเม้มปากส่ายหน้าไปมา


“ ไม่เป็นไรคับ…. ฟิวอิ่มแล้ว… ”


“ กินอีกหน่อยดิ ยังเหลือซาลาเปาทอดอีกชิ้นนึงนะ ”


ผมก็ไม่ได้สั่งให้น้องเยอะ จริงๆ ต้องบอกว่ามื้อนี้น้องกินน้อยมากต่างหาก ทำไมมันต่างจากตอนพาไปกินปิ้งย่างกันสองคนจังวะ
น้องฟิวเป็นเด็กไทยไม่กินผัก กินแต่เนื้อ พาไปปิ้งย่างน้องกินเยอะพอๆ กับผมที่หนักกว่า 80 กก. ทั้งที่น้องตัวเล็กนิดเดียว แต่พอเป็นติ่มซำวันนี้ดูไม่เจริญหาอารสักเท่าไหร่…


เอาจริงผมก็เดาสาเหตุได้ น้องไม่สนุกที่อาร์ตอยู่ด้วย แต่ผมก็เตือนน้องแล้ว ว่าผมไปกับเพื่อน และน้องไม่รู้จักเพื่อนผมคนนี้ แต่ถึงไปกับเพื่อนคนอื่นที่น้องรู้จัก น้องก็ไม่สนุกเหมือนกันอยู่ดี…


เพื่อนผมส่วนใหญ่รู้จักน้องฟิวในฐานะน้องชาย และผมเคยเป็นติวเตอร์ให้เขาก่อนเข้ามหาลัยเท่านั้น มีแค่คิงที่รู้ว่าผมกับน้องฟิวเป็นอะไรกัน คนอื่นคิดว่าผมโสดกันอยู่ทั้งนั้น ถึงสเตตัสเฟสบุ๊กผมขึ้นว่า Complicated แต่มันก็ขึ้นอย่างนั้นอยู่เป็นชาติตั้งแต่ผมจีบน้องแรกๆ และผมไม่ได้เปลี่ยนสักทีจนพวกมันเลิกสนใจไปเอง




หลังมื้อกลางวันจบลง อาร์ตจ่ายเงินเลี้ยงเรากันหมดทุกคน (มันป๋า ผมพยายามจ่ายส่วนของน้องฟิวแล้ว แต่มันไม่เอา) ผมคร่อมมอไซค์ ถือหมวกกันน็อคไว้ในมือขวา น้องฟิวเดินเข้ามาทำท่าจะขึ้นมอไซค์


“ ฟิวครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งเพื่อนที่คณะก่อนนะครับ เดี๋ยวมันไปเรียนบ่ายไม่ทัน ”


น้องฟิวชะงัก มองผมนิดนึงแล้วก็ก้มหน้าจนคางแทบชิดคอ


“ ครับ... ” น้องตอบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ผมรู้ว่าน้องเสียใจ น้อยใจ แต่ยังไม่มีเวลาใส่ใจมาก ตอนนี้จะบ่ายโมงอยู่แล้ว “ อาร์ตขึ้นมาเร็ว ” ผมสวมหมวก


อาร์ตมีท่าทางลังเล แต่มันก็รีบเหมือนกัน เห็นว่าวิชาถัดไปถ้าสาย 15 นาทีอาจารย์จะล็อกห้อง


“ แล้วน้องนาย..? ”


“ ฟิวเอาไง รออยู่นี่มั้ย เดี๋ยวพี่กลับมารับพาไปส่งอีกรอบ ” มอไซค์ผมก็นั่งได้แค่ 2 คน


น้องเม้มปาก หายใจช้าๆ ตอบโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองผมสักนิด


“ ไม่เป็นไรคับพี่เชา…ส่งเพื่อนแล้วรีบไปเรียนเถอะ เดี๋ยวฟิว...เดินกลับเอง... ”


“ หรือจะนั่งแท็กซี่มั้ย พี่ออกให้? ”


“ …...ไม่เป็นไร พี่เชา...รีบไป...เถอะ... ”


“ โทษทีนะ ” ผมยื่นมือไปขยี้ผมน้องเบาๆ จับหัวโยกไปมา “ พี่ไปแล้ว ฟิวถึงห้องเรียนแล้วไลน์มาบอกด้วยนะครับ ”


น้องยิ้มออกมาเล็กน้อย พยักหน้ารับ ผมถึงสตาร์ทรถแล้วรีบบึ่งกลับไปส่งอาร์ตที่คณะสหเวชศาสตร์แล้วก็รีบขับกลับคณะตัวเอง วิชาถัดไปของผมก็ใช่ว่าจะไปสายได้เท่าไหร่เหมือนกัน


ถึงห้องเรียนแล้วผมก็ส่งข้อความไปหาน้องฟิว


‘ เย็นนี้พี่ขอแก้ตัวด้วยมื้อเย็นนะ เดี๋ยวพาไปกินปิ้งย่าง ’





-----------------------------------------------------------


จบตอนนี้มีคน  :z6:  เชาแน่เลย จริงๆต้องถามว่าใครไม่เกลียดมันบ้าง....
ขอเม้าอีเชานิดนึง 5555 อธิบายเกี่ยวกับเหตุผลการกระทำในตอนนี้ด้วยแหละ อีเชาเป็นคนเรียงลำดับความสำคัญของคนแบบนี้...
(http://i627.photobucket.com/albums/tt358/chopstick69/1.gif)
เขียนอธิบายกลัวงง T_T ทีนี้ สิ่งที่น้องฟิวเจอเนี่ยไม่ใช้การโดนผลักไปอยู่กับกลุ่มคนรู้จัก แต่เป็นการที่เชาปฏิบัติกับอาร์ต ซึ่งเป็นแค่เพื่อนใหม่,คนรู้จัก ดีกว่าน้องฟิว ที่เป็นแฟนกัน น้องฟิวดูไม่ออกหรอกค่ะว่าตัวเองกำลังโดนเชาเล่นอะไร น้องแค่เชาไม่สนใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อน รู้สึกไม่ดีเอามากๆ และน้อยใจ...

การกระทำของเชาแย่มาก เรายอมรับ เชาควรจะโดนดีเข้าสักวัน แต่ประเด็นคือใครจะทำร้ายความรู้สึกเชาได้ ในเมื่อมันไม่ได้ให้ความสำคัญกับใครมากขนาดนั้น...นอกจากตัวเองและครอบครัว
สรุปคือ มาช่วยกันรอดูอีเชาล้มกันไปพร้อมๆ กันนะคะ 555555555555

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ   :L1: :L2:

ปล. ถ้าตรงไหนรู้สึกแปลกๆ หรือขัดใจยังไง ท้วงบอกเราได้เลยนะคะ บางทีเรายังถ่ายทอดเรื่องราวได้ไม่สุด แต่เราอยากให้ทุกคนอินไปกับเรา สนุกไปกับเราจริงๆ เพราะระหว่างเขียนเราสนุกมากเลย แต่คนอ่านอาจจะหน่วงหรือปวดตับ... ต้อง.......ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง 
:o8:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่8) " ลำดับความสำคัญ "
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-05-2015 03:41:29
น้องฟิวเยอะเหมือนกันนะ...

พอดีเป็นชะนีแข็งแกร่งกินเองเลือกเองสั่งเองจ่ายเองมาตลอด...แต่เดาว่าส่วนหนึ่งเพราะอิเชาทำน้องเคยตัวด้วยแหละ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่8) " ลำดับความสำคัญ "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 22-05-2015 05:15:42
เราเฉยๆกับเชานะน่าจะเพราะรู้แล้วว่ามันเ-ี้ยอะไรปานนี้ก็เลยไม่คาดหวังไม่ตาโตกับสิ่งที่เชาทำ เหมือนกำลังรอว่าตะดูว่าเมิงจะไปถึงไหนแบบนี้

ฟิวส์นี่ออกสาวมากๆค่ะ  การที่ไปกับเชาแล้วน้อยใจแสดงออกด้วยการก้มหน้าพูดเบาๆเสียงขาดๆหายๆผู้หญิงชอบทำนะ กดดันทางอารมณ์ให้แฟนรู้สึกผิด  น้องอายุยังน้อยยังทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น  แต่จริงๆแล้วการไปไหนกับคนที่ไม่รู้จักก็อึดอัดและลำบากมากๆสำหรับคนที่ไม่ชินกับการเข้าหาคน  น้องอาจจะคาดหวังมากเกินไปว่าเชาที่เป็นแฟนจะเทคแคร์ดีกว่านี้  น้องน่าจะเริ่มรับรู้ได้แล้วนะจากการพูด เรื่องหมวก มือถือ

เราเดาเอาว่าคนที่จะทำให้เชาล้มอาจจะเป็นคนที่สามารถตีฝ่าเข้าวงในของเชา หรือไม่คิงก็เจอคนที่ใช่ของคิง เพราะว่าถ้าเป็นคนที่ใช่ก็อาจจะต้องเลือกระหว่างคนวงในกับแฟน คิงอาจจะเลือกแฟนมากกว่าเชา  หรือเชาเองถ้าเป็นคนที่ใช่ก้อาจจะต้องเลือกระหว่างคิงกับแฟน  คิงยังไม่เจอจิ๊กซอว์ส่วนที่หายไปของตัวเองหรือเปล่า? ถ้าเจอคนที่รักแล้วเขาไม่รักตอบเชาก็ล้มครืนเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่8) " ลำดับความสำคัญ "
เริ่มหัวข้อโดย: fonqfeliqz ที่ 22-05-2015 12:31:57
รู้สึกว่าชีวิตตัวเองเหมือนกับ"ฟิว"มากๆเลย ณ จุดนี้คืออารมณ์เดียวกัน คิดแบบเดียวกันเกือบทั้งหมด แต่ดีหน่อยตรงที่ของผมเขาไม่ได้เลวเหมือน"เชา" เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ผมคงเป็นฝ่ายบอกเลิกเอง(ผมจาม่ายทนนนนน555)

สงสารฟิวมากๆ(สงสารตัวเองด้วย;_;) จริงๆรู้สึกอยากให้น้องคิดเยอะๆ คือน้องก็รู้ว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่เอะใจหน่อยเหรอ มีตอนนึงที่บอกว่า เชาหลบหน้าฟิวมาเป็นอาทิตย์ คือน้องไม่สงสัย ไม่คิดมาก ไม่โวยสักหน่อยเหรอ แบบก็นะ บางทีก็อึดอัดที่ฟิวเป็นแบบนี้ น้องน่าจะมีความเด็ดขาดกว่านี้ มีความมั่นใจในตัวเองเยอะๆหน่อย ดูจากการที่มีเพื่อนแรงพอตัว ก็น่าจะช่วยๆกันปรับน้องหน่อย

ส่วนอิเชา ต้องโดนตบเท่านั้น! ไม่ชอบเลยคนที่ใช้อารมณ์เป็นหลักเหตุผลเป็นรอง ยิ่งรู้ตัวว่าอายุเยอะกว่า ก็จะยิ่งข่มคนอื่น ใช้อารมณืข่มตลอด กูถูกนะ มึงจะทำไม อะไรเงี้ย(โดนเหมือนกัน เกลียดดด)

ส่วนคิง อันนี้ก็ไม่ค่อยชอบตรงที่อะไรก็ได้ ตามใจเชาไปหมด คือเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ก็มีอะไรกันแก้ขัดงี้เหรอ ตื่นมาก็ทำเฉยๆไม่คิดไรทั้งคู่ ครอบครัวนะเห้ยยยยยย

เอาเป็นว่ารอและติดตามครับ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่8) " ลำดับความสำคัญ "
เริ่มหัวข้อโดย: sataav ที่ 22-05-2015 21:55:08
เชารู้มั๊ย ว่าฉันเกลียดแกมากเลยนะ
แต่ให้ตายเถอะ

ลำดับความสำคัญของคนในชีวิตแกกับฉันเหมือนกันประหนึ่งสำเนาถูกต้อง  :z3:

โธ่เว้ย เราไม่อยากเหมือนคนนิสัยแบบนี้
คนแบบเชามันเห็นแก่ตัวเกินไป เรารับไม่ได้ !

อย่างไรก็ตาม เราไม่เห็นด้วยที่ว่าการลำดับความสำคัญแบบนี้
จะมีผลทำให้เชาเป็นคนเลวได้ขนาดนี้
เพราะ อย่างมาก มันก็มีผลแค่ระดับความสนใจในเพื่อน , ครอบครัว หรือ แฟนใครมากกว่ากัน
แต่ไม่เกี่ยวที่ว่า เชาจะทำร้ายใครได้ ทำร้ายใครไม่ได้ เพราะ ใคร ๆ ก็ล้วนไม่ควรโดนทำร้ายทั้งนั้น

ส่วนการที่เชาเป็นคนแบบนี้
เราว่าน่าจะเป็นผลมาจากเหตุการณ์ในอดีตตอนเด็ก ๆ ที่เคยประสบพบเจอมา
แต่มันไม่น่าจะหนักหนานะคะ เพราะ มัมเองก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรกับเชา
มันไม่มีทางที่จะเป็นแผลในใจที่รุนแรงขนาดนั้น

เราว่า เชามันเห็นแก่ตัวด้วยตัวเองมากกว่า มันคงเป็นโดยสันดานเลยคะ

บางคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับเรานะ
เพราะ หลาย ๆ คนคงเห็นแล้วว่าเชามันให้ความสำคัญตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง

เฮ้ แต่คุณต้องเข้าใจนะว่า 'คนที่ให้ความสำคัญกับตัวเองมาก' กับ 'คนเห็นแก่ตัว' มันไม่เหมือนกันนะ

ให้ความสำคัญกับตัวเองคือ รักตัวเอง
แต่ถ้าเห็นแก่ตัวคือ รักเพียงแค่ตัวเอง และ พร้อมจะทำร้ายคนอื่นได้ทุกเมื่อ

ซึ่งเราว่าถึงตอนนี้เชาจะไม่ออกอาการ แต่เชื่อเถอะ
ถ้าวันนึงมันรู้สึกว่ามัม หรือ คิงทำอะไรให้มันไม่พอใจ ไม่ได้ดั่งใจมันมาก ๆ
เชามันก็กล้าจะทำร้ายคนพวกนั้นเหมือนกันแหละ

เราเห็นด้วยกับคุณนักเขียนคะ ที่บอกว่า 'เราต้องเห็นเชาล้ม'
เพราะ ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เราจะได้เห็นอะไรที่น่าสนใจหลายอย่างเลยคะ

1. เราจะได้เห็นว่าตกลงคิงให้ความสนใจกับเชาแค่ไหน หรือ ไม่สนใจ ปล่อยมึงไป
2. เราจะได้เห็นว่าเชาในนาทีนั้นมองหาใคร มีใครในจิตใจเป็นที่พึ่ง
3. ตัวเชาเอง จะได้รู้ด้วยว่า ในนาทีที่คุณล้ม ใครคือคนที่คุณพึ่งได้ ใครคือคนที่รักคุณจริง ๆ

เอาละ ต่อไปนี้เราขอนำเสนอวิเคราะห์ที่มาต่าง ๆ นานาของอาการหมดรักของเชาก่อนนะคะ

ส่วนตัว เราเป็นคนหนึ่งนะคะที่เชื่อว่า เชารักฟิวส์
แต่อาจจะเพราะ เหตุการณ์ที่ฟิวส์เคยทำ (ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าทำอะไร)
มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เชารู้สึกว่า ฟิวส์ไม่ใช่แบบที่มันคาดหวัง
แล้วเชาก็ผิดหวัง จนสุดท้าย ความผิดหวังนั้นมันก็ไปบั่นทอนความรู้สึกรักของเชาให้หมดลง จนกลายเป็น
'อาการของคนหมดรัก'

ซึ่งหนึ่งในอาการของคนที่มีอาการนี้
ส่วนใหญ่จะปนด้วย 'อารมณ์สับสนว่าเรารักเขาจริง ๆ มั๊ย' และ 'อารมณ์เบื่อ'
และ สิ่งที่ตัดสินใจจะทำคือ การตีตัวออกห่างจากคนที่เรารัก
เพื่อแก้อาการเบื่อของตัวเอง และ พิสูจน์ว่าเรารักเขาจริง ๆ รึเปล่า
ซึ่งเป็นวิธีที่โง่เง่าที่สุด เพราะ มันไม่เคยได้ผลลัพธ์ที่แท้จริง

ที่เราบอกว่า มันเป็นวิธีที่โง่เง่าที่สุด
เพราะ คนเราหากลองลดเวลาอยู่กับคน ๆ นึง เราจะมีเวลาทำอะไรเยอะขึ้นเป็นธรรมดา
เราจะได้ทำอะไรใหม่ ๆ มากขึ้น ได้เจอคนใหม่ ๆ มากขึ้น
มันจะน่าตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ จนในที่สุดเราก็จะตีความไปเองว่า

'เราคงไม่ได้รักคน ๆ นั้น เพราะ เราอยู่กับเขาแล้วไม่มีความสุขแบบนี้'

เฮ้ มโนกันไปเองให้ตายเถอะ เอางี้ เราลองเปรียบเทียบเป็นอย่างอื่นนะ

เวลามีหนัง หรือ ภาพยนตร์ใหม่ ๆ มาคุณไม่ตื่นตาตื่นใจรึไง
ที่คุณยังสนุกสุขกับหนังเรื่องนั้นได้ เพราะ คุณเพิ่งดูมันไม่กี่ครั้งเท่านั้นแหละ
ลองคุณดูหลาย ๆ ครั้งสิ คุณก็เบื่อได้เหมือนกัน

และ ถ้าคุณลองดูหนังเรื่องนี้บ่อยเข้า แล้วลองไปเทียบกับเรื่องเก่า ๆ ที่คุณเคยเบื่อแล้ว
คุณจะยังตอบมั๊ยละว่า หนังเรื่องอื่นเก่า ๆ ไม่สนุกเท่าเรื่องนี้
คุณจะยังกล้าตอบมั๊ยละว่า หนังเรื่องใหม่ที่ตื่นตาตื่นใจเรื่องนี้ จะเป็นหนังที่ตราตรึงใจคุณไปตลอด หึ

สุดท้ายแล้ว มันอาจจะเทียบเรื่องเก่าที่คุณดูซ้ำบ่อยที่สุดไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวเลยด้วยซ้ำ

ซึ่งเราว่าเชาเอง ก็เข้าหลักเกณฑ์ตามที่เราพูดมาคือ
เชาไปเจอสิ่งที่น้องทำบางอย่าง แล้วคงผิดหวังเพราะ น้องไม่ได้เป็นแบบที่ตัวเองคาดหวัง
เลยกลับมาเบื่อ และ สงสัยว่าตัวรักน้องมั๊ย
จากนั้นจึงเลือกจะใช้วิธีงี่เง่าที่เราบอกข้างต้นคือ ตีตัวออกห่างจากน้องเพื่อพิสูจน์ความรักตัวเอง
ทั้งที่ความจริงแล้ว ถ้ามันสงสัยมันควรจะใช้เวลาอยู่กับน้องให้มาก ๆ เปิดใจกับน้องให้มาก ๆ
เพื่อดูว่าเรามีความสุขกับการรักอยู่กับน้องอยู่มั๊ย มากหรือน้อยแค่ไหน

แต่แน่นอน ความเบื่อของเชามีมากกว่า เลยเลือกที่จะถอยออกมาห่าง ๆ น้อง

แล้วพอถอยออกมาก็ตามสเต็ปเลย
มองหาสิ่งใหม่ ๆ อยากลองทำสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งคนเห็นแก่ตัวโดนสันดานแบบเชา
มันคงไม่แคร์หรอกว่าการอยากลองทำอะไรของมัน จะทำร้ายแฟนที่มันเบื่อมากแค่ไหน
มันเลยกล้านอกใจ มีอะไรกับเพื่อนสนิท และ ล่าสุด เหมือนจะไปขอหญิงอื่นเพื่อมาติดต่อด้วยนี่
แน่นอน พอทำแบบนี้ ความตื่นเต้นเร้าใจ จะมากกว่าการพิสูจน์แบบโง่ ๆ ของคนมีศีลธรรมมากกว่าเดิม

จากนั้น มันก็จะรู้สึกว่า 'ให้ตาย มันสนุกฉิบหาย' และ มันก็จะมั่นใจว่าเนี่ยแหละ 'มันหมดรักน้องแล้ว'

แต่เชื่อเราเถอะ หายนะจะมาเยือนมันหลังจากนี้แหละ
มันจะเริ่มค้นพบว่าสิ่งที่มันสนุก มันคืออะไรที่ไม่ใช่มาก ๆ
มันจะเริ่มรำคาญโวยวาย รู้สึกหงุดหงิดที่ทุกอย่างไม่เป็นตามที่มันคาดเหมือนครั้งก่อน ๆ
จนสุดท้าย มันคงจะล้มลงจากสิ่งใหม่ที่มันคาดหวัง

และ ถ้ามันคาดหวังจากคิง เราว่าคงล้มแรงมาก
เพราะ มันคาดหวังจากคนในครอบครัวที่ให้ความสำคัญรองลงมาจากตัวเอง

ที่นี้แหละ เราจะได้มาเห็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจสามเหตุการณ์ที่เรากล่าวไว้ในข้างต้น

จะว่าไป พูดถึงคิง เราเห็นความคิดเห็นนึงด้านบนที่บอกว่า
"เชาจะต้องเจอคนที่ฝ่าวงล้อมเข้าไปถึงตัวเชาให้ได้" หรือ "คิงต้องเจอคนที่ใช่"
ถึงจะเจอคนที่ทำให้เชาล้มแรง ๆ ได้

เราเห็นด้วยคะ เราคิดว่าน่าจะเป็น "การมาของคนที่ใช่ของคิง" คะ

คิงเป็นคนที่เราชอบบุคลิกนะ แต่ก็นั่นแหละ
นางเป็นคนไม่สนใจใครเลยจริง ๆ
แต่พอเราเห็นความสนใจ และ ความรักที่นางมีต่อมัม
เราว่า ถ้านางเจอคนที่ใช่จริง ๆ นางจะแคร์ รัก และ ให้ความสำคัญมาก
ซึ่งมากพอจะทำให้ไอ้เชาล้มแรงโคตร ๆ แน่คะ 5 5 5

ส่วนกรณีที่ว่า "ต้องเจอคนที่ฝ่าวงล้อมเชาเข้ามาได้"
เราว่า เป็นไปได้นะคะ แต่คน ๆ นั้นคงต้องเจ๋งมากจริง ๆ
เพราะ ถึงฝ่ามาได้ ความเห็นแก่ตัวไอ้เชาเชานี่ไม่สิ้นสุดหรอกคะ
ต่อให้ฝ่าวงล้อมมาได้ ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดความเลวนางได้หรอกคะ

เรามองว่า ขนาดไอ้เชาเชานี่ไปจีบฟิวส์เอง
มันเป็นคนหาบ่วงมาผูกคอเอง มันก็ยังไปกะล่อนเองเล๊ย

ส่วนฟิวส์ เรายังสงสัยอยู่นะว่าเธอทำอะไร
แต่เรายังให้กำลังใจเธอนะ แม้ว่าหลาย ๆ คนจะบอกเธอดูนิสัยผู้หญิ๊ง ผู้หญิงของเธอมันน่ารำคาญ
ซึ่งอันที่จริงฉันก็รำคาญเธอเรื่องนี้หน่อย ๆ ก็เถอะ 5 5 5

แต่เราก็ยังสงสารและให้กำลังใจเธออยู่ดี
เพราะ ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง เธอก็ไม่ควรโดนเขานอกใจทำร้ายแบบนี้ (อีกอย่าง เธอต้องไม่ได้นอกใจเขาด้วยนะ !)

แล้วเธอเห็นมั๊ย ไอ้เชามันเป็นคนเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้แถมเห็นแก่ตัว
ดังนั้น เราว่า เธอถอยออกมาดีกว่า ไม่ว่าเธอจะมาค้นพบอะไรภายหลังก็ตาม

เพราะ ถ้าเธอถอยออกมา เธอจะได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องยอมใคร
มีความสุขสดใสกว่าเดิม ได้เรียนรู้อะไรเยอะกว่าเดิมแน่ ๆ
แล้วคราวหลัง ถ้ามีความรัก อย่ายอมให้คนที่รักจนดูโง่แบบนี้นะ ไม่งั้นเธอจะไม่มีวันมีความสุขอีกเลยแบบนี้ เข้าใจมั๊ย

สู้ ๆ นะฟิวส์ #ทีมฟิวส์ อีกหนึ่งเสียงค่ะ

ส่วนคิง เราด่านายเรื่องนอนกับเชาไปแล้วละเลยไม่อยากพิมพ์ซ้ำ (เราขี้เกียจ 5 5 5)
เอาเป็นว่า เราขอให้นายเจอคนที่ใช่เร็ว ๆ นะ เราอยากเห็นเชาล้มแรง ๆ

แล้วก็ต่อไป แก ไอ้หมาเลว ไอ้เชาเชา
ฉันขอสาปส่งแก ขอให้เวรกรรมที่แกทำกับฟิวส์ไว้ มันวนมาถึงแก
ขอให้แกเจ็บ ขอให้แกล้มแรง ๆ แล้วโดนตีนยีซ้ำเลย

ฉันเกลียดแก  :z6:

สุดท้ายนี้ ขอโทษที่ออกความคิดเห็นพล่ามซะยาวจนน่ารำคาญนะคะ คุณนักเขียน
แต่เรื่องนี้ทำดีมากคะ มันให้ความรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ของตัวละครจริง ๆ
เราไม่รู้สึกว่าตัวละครในเรื่องนี้เป็นจินตนาการเลย

ให้ตายเถอะ คุณเขียนดีมาก ฉันตกหลุมรักนิยายเรื่องนี้แล้ว 5 5 5  :กอด1:

เอาเป็นว่า เราจะยังคงติดตามนิยายเรื่องนี้
และ รอคอยการโดนเวรกรรมตามทันของไอ้หมาเลวเชาเชาอยู่นะคะ

อ้อ แล้วเราก็จะยังให้กำลังใจคุณนักเขียนต่อไปเรื่อย ๆ เลย สู้ ๆ ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่8) " ลำดับความสำคัญ "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-05-2015 22:19:04
เชาคงล้มเพราะคิงซินะ
เชาเลือกคิงแต่คิงไม่เลือกเชา
รอฉากที่ฟิวจะเปิดใจยอมรับ
ว่าเชาไม่ได้รักตัวเองเลยไม่ไหวแล้วนะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่8) " ลำดับความสำคัญ "
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 23-05-2015 00:14:59
เชาเลว ฟิวก็น่ารำคาญ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่8) " ลำดับความสำคัญ "
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 23-05-2015 12:40:15
ถูกใจคอมเมนท์คุณ JustWait กับคุณ Sataav มากๆครับ!

เห็นด้วยกับคุณ JustWait นะครับ คือถูกใจประโยคนี้มาก 'กินเองสั่งเองเลือกเองจ่ายเองตลอด' 555 นั่นสิครับฟิว อย่าไปหวั่นดิครับ ไม่ต้องไปสนใจมัน เราแกร่งได้ด้วยตัวเอง เทคแคร์ตัวเองบ้างเลย กลัวมันทำไมครับ

ส่วนคุณ Sataav นี่พูดแทนผมไปหมดแล้วมังครับเนี่ย เรื่องความสำคัญของการรักตัวเองกับการเห็นแก่ตัว มันไม่เหมือนกัน นี่พูดได้ถูกต้องเลยครับ คือไม่ใช่ว่าเรามีการจัดเรียงความสำคัญของตัวเองแบบนี้ๆ แล้วจะไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนที่เหลืออีกเลยแม้แต่คนเดียว อย่างนี้เรียกเห็นแก่ตัว ไม่ใส่ใจ และไร้ความรู้สึกครับ

โดยปกติแล้วก็จริง ที่มนุษย์มักมีการจัดเรียงความสำคัญแบบเชา เพราะมนุษย์มี bias ที่ได้รับมาจากความรัก ดังนั้นการที่จะสนใจเรื่องของคนๆนึงเหนือเรื่องของอีกคน มันเป็นเรื่องปกติครับ ไม่ได้ผิดอะไร แต่มันจะผิด เมื่อคุณสนใจจนไม่ได้มองถึงผลกระทบด้านความรู้สึกที่จะเกิดกับอีกคน เช่น ถ้าคุณสนใจแต่กับตัวเอง ให้ความสำคัญแต่ตัวเอง คุณก็ต้องรู้ด้วยว่าเรื่องนั้นมันอาจทำให้คนอื่นเสียความรู้สึก(กรณีเรื่องความเร็ว) เช่นเดียวกัน ถ้าคุณสนใจครอบครัว บางครั้งคุณก็ต้องสนใจคนรอบข้างที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำนั้นๆของคุณด้วยครับ(ฉีกเป็ดฟิวออกเพื่อคิง) มันไม่ใช่ว่าเราจะสนใจแต่เรื่องที่เราอยากจะสนใจได้

จิตวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า การไตร่ตรอง ความรอบคอบ ความมีเหตุมีผลและคำนึงถึงคนอื่นครับ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่8) " ลำดับความสำคัญ "
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 23-05-2015 14:33:39
ค่ะ อิฉันจะรอดูอิเชามันล้ม...พังครืน กระแทกพื้น หน้าแหก แตกหัก ซี่โครงร้าว เจ็บหนักๆ ให้รักคุด ไม่มีอะไรฉุด หรือหยุดได้ อยากให้มัน สำนึก เข็ดขยาด และหลาบจำ ว่าสิ่งที่แกทำ มันระยำแค่ไหน!!!! ไอ้เชาาาาา :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่8) " ลำดับความสำคัญ "
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 23-05-2015 17:55:54
สิ่งที่เชาเรียกว่า..รัก
คำนี้ใช้กับฟิว ได้จริงดิ

เพราะถ้าไม่ใช่รัก
ก็คงจะใช้คำว่า หมดรัก
ไม่ได้หรอกนะ

อย่าว่าแต่เรื่องลำดับความสำคัญเลย
ไอ่เรื่องพื้นๆ กับการลำดับความรู้สึก
ยังใช้ไม่ได้เลย

คนอย่างเชา..ยังงี้
ต้องเอา F ไปแดรก
ได้อย่างเดียว

หุหุ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่8) " ลำดับความสำคัญ "
เริ่มหัวข้อโดย: kaireaw ที่ 24-05-2015 00:42:00
พูดไม่ออกสงสารน้องฟิว น้องไม่ผิดเลย อยากรู้ว่าเชาคิดอะไรอยู่
ก็ยังดูเหมือนแคร์ แต่บางทีก็ไม่แคร์ น้องฟิวพยายามจะปรับตัวเข้าหาเพราะรู้ว่าเชาเปลี่ยนไป
ส่วนคิงนี่รู้สึกยังไงเดายากจัง นี่คิดว่าคิงชอบเชาด้วยซ้ำ แต่ไม่อยากให้คนรอบข้างหรือมัมรู้สึกไม่ดีเลย พยายามทำตัวคบใครแบบไม่สนใจสถานะ เหยยยยยังไง
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่9) " อีกหนึ่งกระทู้เด็ด "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 28-05-2015 18:47:33
9
อีกหนึ่งกระทู้เด็ด




---ขอคำปรึกษาหน่อยครับ ผมควรช่วยเพื่อนอย่างไรดีเรื่องรูมเมท---


คือผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงครับ แล้วเพื่อนก็มีรูมเมท


ตอนแรกก็เห็นมันดูแล มันทำความสะอาดห้อง ซื้อของอะไรให้เหมือนรูมเมทปกติ แต่พักหลังๆ มาเนี่ยผมว่ามันเริ่มไม่ใช่ละ เพื่อนผมเทียวรับ-ส่งรูมเมทตลอด ไปกินข้าวกลางวันที่คณะรูมเมท ถ้ามาเรียนก่อนแล้วรูมเมทมีเรียนบ่ายมันก็จะโทรปลุก มันจ่ายค่าหอให้ ค่าน้ำ-ค่าไฟก็เป็นคนจ่าย สบู่ที่ห้องหมด มันก็เป็นคนไปซื้อให้… มันทำให้รูมเมทหมดทุกอย่างอ่ะ ผมว่ามันเริ่มไม่ใช่แล้ว


จนตอนหลังผมมั่นใจละว่ารูมเมทมันเป็นเกย์ ผมรู้สึกทะแม่งๆ มาตั้งแต่แรกแล้วแต่ยังไม่อยากปักใจเชื่อ ตอนนี้รู้ความจริงจากปากเพื่อนตัวเองแล้ว ผมยิ่งไม่รู้จะทำอย่างไร ผมเป็นห่วงเพื่อนมาก มันน่าขยะแขยงมากเลยที่เพื่อนผมต้องนอนเตียงเดียวกับไอ้เกย์นั่น มันอยู่ร่วมห้องกัน แค่คิดก็อยากจะอาเจียนแล้ว และอีกอย่างผมรู้สึกว่าเพื่อนผมถูกหลอกอยู่ นี่แค่ค่าหอกับอำนวยความสะดวกให้ไอ้เกย์นั่น ถ้าวันดีคืนดีเพื่อนผมโดนหลอกเอาเงิน หรือหลอกตุ๋ยแล้วอัดคลิปแบล็กเมล์ทีหลังจะเป็นยังไง??


เป็นเกย์ไม่ได้เป็นโรคค่ะ


แล้ว HIV ล่ะครับ พวกคุณเป็นตัวพาหะเลยไม่ใช่เหรอ


ผมว่า จขกท เสือกเรื่องผัวเมียเขาป่ะคับ


เพื่อนผมแมนๆ ครับ มันไม่ได้เป็นเกย์


จขกท สติดีป่ะคะ


สติดีครับ เป็นห่วงเพื่อน เลยมาตั้งกระทู้ถาม


ตั้งทู้มาโดนด่าชัดๆ


มาม่าพร้อมใน 3 2 1




เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าเอามือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะจนไหล่สั่น ท่าทางจะขำอะไรบางอย่างมาก แต่แสดงออกไม่ได้เพราะอาจารย์ยืนสอนอยู่ชั้นล่างสุดของห้องสโลป


“ เป็นอะไรวะแก ”


“ แกอ่านกระทู้นี้.. อย่างจี้ หึ! คห.103 โคตรเด็ด ”


“ ไหนๆ อุ้ย...หึหึ.. ”


พอเธอได้อ่านก็หัวเราะไหล่สั่นตามเพื่อนไปอีกคน


“ เจ้าของกระทู้ปัญญาอ่อนว่ะ ”


“ เออ ฉันก็ว่างั้น สติดีป่ะวะ ตั้งกระทู้มาให้โดนด่าเฉยเลย ”


ผมนั่งหาว บังเอิญได้ยินพวกเธอคุยกันพอดี คงกำลังพูดถึงกระทู้ในพันทิปสักกระทู้ ว่าไปผมก็ไม่ได้เข้ากระทู้ตัวเองมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ตอนนี้ถึงไหน… ช่างเหอะ เอาจริงๆ ผมขี้เกียจสนใจว่ะ แค่ตอนที่พิมพ์ลงไปมันเหมือนได้ระบาย ก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นประมาณนึงแล้ว


“ อุ๊ยแก… จ่าแชร์ทู้นี้แล้ว อีเจ้าของกระทู้เสร็จแน่ ฮิฮิ ”


อื้อหือ สนุกขนาดเพจเฟสบุ๊กแชร์เลยเหรอวะ ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดเฟส ไม่ต้องเข้าเพจนั้นก็มีเพื่อนแชร์กระทู้พันทิปมาจากเพจนิยมชมชอบเรื่องดราม่าเรียบร้อย ขึ้นนิวฟี๊ดล่าสุดแบบเมื่อกี้นี้เลย


ผมกดตามลิ้งค์กระทู้พันทิปเข้าไป



เมื่อไม่นานมานี้ผมก็เตือนเพื่อนให้มันระวังรูมเมทตัวเอง แต่มันดันโกรธและต่อยผมซะงั้น ผมเป็นห่วงมันจะต่ายห่า แต่มันทำเหมือนไม่ใช่เพื่อนผมเลย เป็นไปได้ป่ะครับว่าเพื่อนผมจะโดนของ???


คิดไปได้….. เราว่าเขาเป็นแฟนกันมากกว่าค่ะ


อ่านดีๆ ครับ เพื่อนผมไม่ได้เป็นเกย์


ผมว่าโดน….โดนคุณนั่นแหละเสือกเรื่องของเขา


คุณ จขกท ควรพบจิตแพทย์ด่วนค่ะ


ใจเย็นแล้ววางถุงกาวก่อนนะครับ


เราว่า จขกท ดูจะเกลียดเกย์มากเลยนะคะ


ผมไม่ได้เกลียด ผมแค่ไม่ชอบ เกย์ก็อยู่ส่วนเกย์ไปสิครับ อย่ามายุ่งกับเพื่อนผม


ผมว่าโดนของเขมรครับ ญาติผมเคยโดนมาเหมือนกัน พวกนี้น่ากลัวมาก


จริงเหรอครับ ผมขออนุญาติหลังไมค์ไปนะครับ ผมเป็นห่วงเพื่อนจริงๆ


ขอโทษครับ ผมล้อเล่น


ล่อเป้า ล่อเป้า ล่อเป้า ล่อเป้า ล่อเป้า


นิยายเชิญห้องข้างๆ ค่ะ


เรื่องจริงครับ คุณลองมาเจอเองแล้วจะรู้




“ ไอ้เหี้ยขวัญ!!! มึงไม่จบใช่มั้ยวะ!!!!! ”


หมดคาบอาจารย์เดินออกไปแล้ว ผมเข้าไปกระชากคอเสื้อไอ้ขวัญกลางห้องสโลป ตะคอกใส่มันเสียงดัง มือผมกำคอเสื้อมันแน่น


ไอ้ขวัญมองผมกลับ มันมีท่าทางตกใจแบบยังไม่ทันได้ตั้งตัว ตาเบิกกว้างเลิกคิ้วสูง


“ เรื่องอะไร? ”


“ ไอ้สัด! มึงจะเอาใช่ป่ะ?!!! ” ผมเงื้องหมัดซัดมันหน้าคว่ำหายหมั่นไส้ หน้าแม่งกวนส้นตีน!


ผัวะ!!


“ เฮ้ย! เชามึงเป็นเหี้ยอะไร ใจเย็นดิวะ ”


แซคเข้ามาห้ามมันพยายามผลักผมกับไอ้เหี้ยขวัญให้แยกกัน เพื่อนคนอื่นในเซคส่งเสียงฮือฮาเมื่อพวกผมที่สนิทกันมาตั้งแต่ปี 1 ทะเลาะกันอีกรอบ คราวนี้กลางห้องสโลป และไม่ใช่มีแค่พวกผมเซคเดียวที่อยู่ในห้อง


“ มึงถามมัน ไม่ใช่กู!! ”


รอบแรกที่ดูถูกคิงกูเตือนมึงแล้ว! รอบนี้มึงยังไปตั้งทู้ถามในพันทิปอีก มึงนั่นแหละ เป็นเหี้ยอะไรนักหนาไอ้เหี้ยขวัญ!!


“ กูไม่หาเรื่องใครก่อนอยู่แล้วถ้าไม่มีเหตุผล! ” มึงด่ากู นินทากู ถ้ากูผิดจริงกูยอมรับ แต่นี่มึงด่าคิง!! มึงรังเกียจขยะแขยงมันแล้วมึงแสดงออกแบบนี้ ไอ้สัดกูยอมไม่ได้ว่ะ!!!!


“ เชี่ยขวัญมึงทำอะไรไอ้เชาวะ ”


“ กูไม่ได้ทำอะไรมัน! ” ไอ้เหี้ยขวัญไม่มีท่าทางสะทกสะท้าน มันตีหน้าเซ่อเหมือนไม่รู้เรื่อง ซี๊ดปากด้วยความเจ็บ “ เชามึงเป็นเหี้ยอะไรขึ้นมาเนี่ย! ”


“ เป็นเกย์แล้วไงวะ หนักหัวพ่อมึงรึไง!!!! ”


ผมสลัดไอ้แซคออกไป ผลักอกไอ้ขวัญจนมันถอยหลังชนโต๊ะเสียงดังก้องไปทั่วห้อง


“ มึงจะเอาไงไอ้เหี้ยขวัญบอกกูมา! มึงจะเอาไง!! ”


ไอ้ขวัญเจ็บตัวงอ มันเงยหน้ามองผม สายตาหงุดหงิด เกลียดชัง และผิดหวังอยู่ในนั้น “ ไอ้เชา!! มึงต่อยกูมึงปกป้องมันเหรอวะ!!!! ” ไอ้ขวัญเองก็ขึ้นบ้างแล้ว “ กูเพื่อนมึง! กูหาทางช่วยมึง มึงทำกับกูงี้เหรอวะ!! ”


“ พวกมึงหยุด! ” แซคอยู่ตรงกลาง มันพยายามห้ามผมกับเพื่อนอีกหลายคน


“ กูทำได้ยิ่งกว่านี้อีก! ” ผมสบถ จะพุ่งเข้าไปซัดไอ้ขวัญอีกรอบ เกิดเสียงโวยวายดังลั่น ไอ้แซคพยายามห้ามทั้งที่ตกใจ พร้อมกับเพื่อนอีกสามคนที่เข้ามาล็อกตัวผม


“ เชี่ยเชาใจเย็น! ค่อยๆ พูดจากันดีๆ สิวะ ” พวกมันพยายามบอกให้ผมเย็น มึงลองเป็นกูดูสิ! แล้วคอยดูว่ามึงจะเย็นลงมั้ย!!!




ในที่สุดทุกอย่างจบลงที่อาจารย์เข้ามาห้าม เขาไม่เคร่งมากจึงแค่ตักเตือนในห้องสโลปนั้นแล้วปล่อยพวกเราออกมา เป็นเพราะในห้องไม่มีอะไรเสียหายด้วย รูปการณ์แม่งจะเปลี่ยนไปทันทีถ้าโต๊ะหรือเก้าอี้พังหรือมีการทำลายข้าวของ


“ เชาสรุปเมื่อกี้มึงเป็นเหี้ยอะไรวะ ” แซคถาม มันยืนอยู่ข้างผมสีหน้าหงุดหงิดและงุนงง “ ยังไม่ทันคืนดีกันมึงต่อยมันอีกแล้ว เชี่ยกูสงสารไอ้ขวัญว่ะ ”


ไอ้เหี้ยขวัญโดนผมต่อยเจ็บตัวไปสองรอบ ขณะที่ผมไม่เป็นอะไรเลย ว่ากันตามตรงไอ้ขวัญมันแทบจะไม่โต้ตอบกลับ มากสุดก็ป้องกันตัว ส่วนผมซัดแม่งแบบสุดแรงที่มีด้วยอารมณ์เดือดดาล


“ มันทำตัวเอง ”


ผมตอบเสียงขึ้นจมูกเล็กน้อย เมื่่อกี้จมูกผมโดนศอกเหี้ยขวัญเข้าไป จนตอนนี้ยังชาอยู่เลย


“ มันทำอะไรล่ะ?”


“ ไปถามมันเอง ” แม่งกูไม่อยากพูด พูดแล้วขึ้น!!


“ Kเหอะ เมื่อกี้มึงต่อยมันมันยังไม่รู้เรื่องเลย ” แซคพูดด้วยท่าทางหงุดหงิดมากกว่ารำคาญ ” มีอะไรก็บอกกูมาดิวะ ยังไงมึงก็เพื่อนกัน เดี๋ยวกูช่วยเคลียร์ให้ ”


ผมมองแซค จ้องตามัน แซคมันสบตาผมกลับไม่หลบ ผมพยายามอ่านความคิดมันจากสายตาที่มันสื่อมา..    หน้าตาจริงจังเหมือนอยากรู้เรื่องนี้และทำให้มันจบจริงๆ


“ แล้วสรุปมึงต่อยมันทำไม? ”


ผมเงียบสักพัก แล้วตอบมันด้วยคำถามกลับ “ ถ้าน้องมึงเป็นเกย์แล้วเพื่อนมึงด่ามันที่มันเป็นอย่างนั้นกับมึงไม่เลิก มึงจะทำไง? ”


“ …….” มันดูอึ้งไป “ กู…..คิดไม่ออกว่ะ น้องกูเป็นผู้หญิง ” แซคเป็นพี่ชายคนโต มันมีน้องสาว เพื่อให้มันเข้าใจมากขึ้นผมจึงยกตัวอย่างให้มันฟัง


“ สมมุติซินเป็นทอม แล้วเพื่อนมึงแม่งชี้หน้าด่าน้องมึงต่อหน้ามึง... ”


สีหน้าแซคเปลี่ยนไปทันที


“ ไอ้เหี้ย! กูก็ต่อยแม่งดิวะ ”


“ อืม กูก็รู้สึกไม่ต่างจากมึง ”


ไอ้แซคอึ้งไป หน้ามันมีข้อสงสัย แต่ก็ลังเลว่าจะถามดีหรือไม่ถามดี สุดท้ายมันก็เลือกถาม


“ เชากูถามอะไรหน่อย... ” มันดูลำบากใจ “ เออ ถ้ามึงไม่อยากตอบมึงก็ไม่จำเป็นต้องตอบกูนะ กูแค่สงสัย ”


“ ถามมาดิ ” มีแค่ไม่กี่เรื่องหรอกที่มันสงสัย และผมมั่นใจว่าเป็นเรื่องของคิง


“ มึงกับคิง… ยังไงกันแน่วะ “ เห็นมั้ย ผมว่าแล้ว “ เฮ้ย! อย่าเพิ่งเข้าใจกูผิดนะ กูไม่คิดว่ามึงเป็นแน่ๆ อ่ะ และกูก็..ไม่ได้รังเกียจ.. เอ่อ เพศที่ 3 หรืออะไร ถ้าเผื่อมึง..เป็นขึ้นมาจริงๆ... ”


“ กูไม่ได้เป็นเกย์ กูชอบผู้หญิง ” ผมตอบ ยืนยันกับมันหนักแน่น


จริงๆ คำถามนี้ผมคิดมากพักใหญ่แล้ว เพราะน้องฟิว...ก็เป็นผู้ชาย ผมคบน้องฟิวที่เป็นผู้ชาย นั่นก็แปลว่าผมเป็นเกย์ถูกป่ะ แต่ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเกย์ ‘ จริงๆ ’ ว่ะ ผมชอบมองนมกับขามากกว่ากล้ามกับตูด ผมเห็นผู้หญิง..ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าหรอก แค่อยู่ด้วยกันสองคนแล้วเธอหุ่นดีผมก็มีอารมณ์แล้ว แต่กับผู้ชาย...อารมณ์ผมไม่ได้ถูกจุดติดด้วยอะไรแบบนั้น


ผมเคยลองกับผู้ชายแค่สองคน คือคิง และ น้องฟิว ซึ่งมู้ดของทั้งคู่แม่งต่างกันมาก…


กับคิง ทุกอย่างแม่งมันส์ ทำอะไรก็สนุกไปหมด แม่งสุด ผมจูบดูดปากกับมันได้จนเมื่อยกราม ผมสามารถเอากับมันได้ไม่รู้สึกอะไร และมั่นใจว่ามันก็รู้สึกไม่ต่างกัน เราทั้งคู่ไม่ต้องมานั่งเป็นห่วงความรู้สึกห่าเหวอะไรกันมากมายขนาดนั้น ‘ เซ็กส์ ’ ก็เป็นแค่นั้น และผมกับไอ้คิงก็ยังเป็นเหมือนเดิมตลอดมา


ส่วนน้องฟิว…. เอาตรงๆ นะ ผมไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองอยู่กับผู้ชายเท่าไหร่ น้องมันหงอ มันขี้กลัว ขี้ตกใจ เหมือนลูกเป็ด เห็นผมเป็นฮีโร่ก็ปลื้ม เดินตามต้อยๆ เวลาผมอยู่กับน้องฟิวผมจึงเอานิสัยที่มักจะปฏิบัติกับผู้หญิงมาใช้ ไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นไปเองจริงๆ เวลามีอะไรกับน้องฟิวผมใจเย็นกว่าตอนเอากับคิง….เยอะ


ถ้ามองผ่านเรื่องสรีระรูปลักษณะภายนอกไป ความรู้สึกผมตอนคบน้องฟิวก็เหมือนผมคบผู้หญิงนั่นแหละ...ผมว่าน้องฟิวดึงดูดผมด้วยตรงนี้... ผมจึงมั่นใจ ว่าตัวเองไม่ใช่เกย์แน่นอน


กลับมาที่แซคอีกรอบ มันนิ่งไปหลังจากที่ได้ยินคำยืนยันหนักแน่นของผม ดูคล้อยตามและเชื่อแล้วว่าผมเป็นผู้ชายจริงๆ แต่ก็ยังสงสัยคลางแคลงอยู่


“ แล้วคิงอ่ะ กับคิง.. รูมเมทมึงมันยังไงกันแน่... ”


“ กูกับมันเป็นเพื่อนกัน ”


“ ……….เออ.. กูเชื่อมึง ” แซคมองตาผมนิ่งไม่หลบ น้ำเสียงมันหมายความอย่างที่พูดจริงๆ


นั่นทำให้ผมพ่นลมหายใจ ยิ้มออกมา มันรู้สึกดีนะครับเวลาได้รับความเชื่อใจจากเพื่อนน่ะ..


“ ขอบใจว่ะ... ” ผมตบบ่าแซค มันตบบ่าผมกลับแล้วพาดแขนไว้อย่างนั้น ยักคิ้วกวนๆ เท่าที่ไอ้ตี๋ไร้คิ้วแบบมันจะทำได้ให้ 55555555 ก่อนผมจะต้องหุบยิ้มเพราะประโยคถัดมาของแซค




“ มึงเป็นเพื่อนมัน... แล้วมันล่ะ คิดกับมึงแค่เพื่อนรึเปล่า? ”








----------------------------------------------------------

แล้วเรื่องนี้ก็สอนให้รู้ว่า อย่าด่าคิงต่อหน้าเชา เอ๊ย! อย่าดูถูกคน ต่อหน้าคนสำคัญของเขา :katai5:

เราว่าขวัญน่าสงสารนะ 555555 ตัวเองเกลียดเกย์ขั้นรุนแรง แต่อีเชามีแฟนเป็นผู้ชาย และแซคก็ยังเป็นเกย์แอบๆ อีก คนอะไรจะซวยขนาดนี้ 5555555555555555 (สาบานว่าสงสาร)

แซคทิ้งคำถามเด็ดเอาไว้ให้เชา ผสมกับความอยากรู้ของตัวเอง ที่ถึงจะโดนคิงทำร้ายความรู้สึกก็ยังสลัดเรื่องของคิงออกจากหัวไม่ได้ ปัจจุบันแซคก็ยังไม่ลบเบอร์คิงออกจากเครื่อง

เรียกว่ารักหรือหลง เราก้ไม่มั่นใจ...  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่9) " อีกหนึ่งกระทู้เด็ด "
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 28-05-2015 19:06:39
อยากจะถีบความชัดเจนไปกระแทกหน้าเชาจริงๆ บักเชาเอ็งชัดเจนไปเลยย ชัดเจนอ่ะ ชัดเจนนนนนน!! ต้องการความชัดเจนนนน!!!  :katai1: ส่วนน้องฟิวสงสัยอะไรถาม อย่าทุ่มเทให้กับความรักมากเกินไป เด็ดขาดลูก เด็ดขาด!!! เอาตัดทีเดียวฉับเลย! อินค่ะ! อินเนอร์ล้วนๆ (จะจบยังไงว้าาา) เป็นกำลังใจให้  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่9) " อีกหนึ่งกระทู้เด็ด "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-05-2015 19:20:05
เฮ้อออ เชากับคิงเอากันหลายครั้งแล้วดิ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่9) " อีกหนึ่งกระทู้เด็ด "
เริ่มหัวข้อโดย: sataav ที่ 28-05-2015 22:18:54
เราอ่านตอนนี้แล้วเราแอบแสยะยิ้ม หึ
อีกนิด อีกนิดเชาจะเบื่อฟิวส์จนต้องเลิกเพราะ รัก ไม่ก็หลงคิงส์แน่ ๆ

เราเดาจากประโยคนี้
-- เราทั้งคู่ไม่ต้องมานั่งเป็นห่วงความรู้สึกห่าเหวอะไรกันมากมายขนาดนั้น
‘ เซ็กส์ ’ ก็เป็นแค่นั้น และผมกับไอ้คิงก็ยังเป็นเหมือนเดิมตลอดมา --

เชื่อเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักหล่อนจะล้มตอนนี้แหละ เชา
เพราะ เมื่อหล่อนได้เลิกกับฟิวส์สมปรารถนา
หล่อนจะได้ทดลองสิ่งต่าง ๆ นานากับผู้หญิงคนอื่นตามที่หล่อนอยากทำ

แต่สุดท้ายหล่อนก็จะค้นพบว่า พวกผู้หญิงคนอื่นก็คล้าย ๆ ฟิวส์
แล้วก็รู้สึกขึ้นมาว่าคิงเนี่ยดีจริง ๆ นิสัยแบบนี้ ไม่ต้องมาแคร์ความรู้สึกมาก
จากนั้นหล่อนก็จะรัก ไม่ก็หลงจนหัวปักหัวปำ

จากนั้น หล่อนก็จะเจอเหตุการณ์ให้ต้องล้มตอนนี้แหละ หึ หึ หึ

ส่วนในกรณีที่ว่า เชาจะรักหรือจะหลงคิงส์นั้น
เราไม่กล้าเดาเต็มปากเต็มคำ ณ ตอนนี้
แต่หากดูจากรูปการณ์ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนที่ 9 นี่ เราขอตอบว่า 'หลง' ค่ะ

เพราะ ถ้ารักจริง ๆ เชาไม่น่าจะไม่อะไรพูดทำนองว่า
'ดีแล้วที่ไม่ต้องมาคอยแคร์ความรู้สึกหลังมีอะไรกัน'
อันนี้มันสันดานเห็นแก่ตัวเชา มันเอาสบายมากกว่า
(แต่ความจริง มนุษย์เราบางทีก็หลงรักคนจากนิสัยได้เหมือนกันนะคะ)

งั้นทำไมเชาถึงห่วงคิงนักละ ถึงขั้นมีเรื่องมีราวกับขวัญเลยนะ

คำตอบอยู่ตามที่เชาย้อนถามแซคเลยค่ะ
มันเป็นเรื่องของความเป็นห่วงคนในครอบครัว
เรื่องนี้เราขอยืนยันจากประสบการณ์ตัวเอง และ ผู้มีพี่น้องคนอื่น ๆ เลยว่าเรื่องนี้ 'จริง 90%' ค่ะ
(อีก 10% ไว้เผื่อพวกที่เกลียดน้องตัวเองเข้าไส้ 5 5 5)

อันที่จริง ถึงคุณไม่มีพี่น้องแต่มีครอบครัว คุณก็จินตนาการความรู้สึกนี้ได้นะคะ
อาจจะลองนึกขึ้นมาดูว่า พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรักโดนดูถูก ด่า รังเกียจ คุณจะรู้สึกยังไง

นั่นแหละคะ ถ้าคุณเคารพรักเขาจริง คุณจะรู้สึกไม่ต่างจากเชาเลย

และนี่ คือ สาเหตุที่เรายังคงไม่ยืนยันว่า เชารักคิง
แต่ก็ไม่แน่นะคะว่า หลังจากนี้ อาจจะมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างยืนยันเรื่องนี้ก็ได้


ส่วนเรื่องที่ 'คิงอาจจะรักเชา' เราว่าอยู่ในเกณฑ์เป็นไปได้ แต่ยากค่ะ
มันมีปัจจัยนิสัยหลาย ๆ อย่างที่ คิงคงจะไม่หลงรักเชาแน่ ๆ
อีกอย่าง ต่อให้ทั้งสองคนมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันจริง
ถ้ามัมไม่เห็นด้วย ก็เป็นไปได้ยากค่ะ
เพราะ ลำดับความสำคัญของคิง เดาได้ไม่ยากเลยว่ามัมอยู่สูงสุด
และ คงสูงมากพอที่จะทำให้คิงยอมตัดใจเพื่อมัม ดีกว่าที่จะทำตามใจตัวเอง

โอ้ ถ้าคิงเจอคนที่รักจริง ๆ คน ๆ นั้นจะน่าอิจฉาน่าดูเลยนะคะ
ซึ่งเราก็ภาวนานะคะว่า คน ๆ นั้นคงไม่เป็นเชา 5 5 5

ส่วนฟิวส์ เรายังยืนยันเหมือนเดิมนะเธอ
เลิกกับไอ้เชาเถอะ ยิ่งอ่านตอนนี้เราว่าเลิกแล้วชีวิตจะดี เพราะ

มันยังสับสนกับตัวมันเองอยู่เลย ฟิวส์

ดูจากการที่เชามันบอกว่าตัวเอง 'ไม่ได้เป็นเกย์' สิ
แถมมีเหตุผลด้วยนะว่าเพราะ ยังมีอารมณ์กับผู้หญิง
ส่วนที่คบกับฟิวส์ ก็แถไปว่าฟิวส์นิสัยเหมือนผู้หญิง เลยไม่คิดว่าจะต่างกับผู้หญิงตรงไหน

เช้ด นางมีเหตุผลนะเว้ย แต่เดี๋ยวก่อน

มีมาบอกขยายต่อว่า 'เอากับคิงส์แล้วมันส์ ไม่ต้องมาคอยแคร์ว่ารู้สึกอะไร สบาย ๆ'
ไม่เหมือนฟิวส์ที่นิสัยเหมือนผู้หญิง

เอ้า งั้นจะเบื่อฟิวส์ทำซากอะไรวะ เฮ้ย ตอบดิ

เผลอ ๆ นะฟิวส์ มันไม่ได้แค่สับสนในตัวเอง
มันไม่ยอมรับตัวเองด้วยซ้ำมั้งหน่ะว่า ตัวเองเป็นเกย์

ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น รีบทิ้งมันไปเถอะ
เพราะ ถ้าขนาดตัวมันเองมันยังกล้าหลอกเลย กับคนอื่นจะไม่กล้าเหรอ

สุดท้ายนี้ จบเหมือนกันทุกความเห็น 5 5 5
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนนะคะ รีบมาต่อนะ จุ๊บ จุ๊บ

ป.ล. ขอเสนอให้คนที่ใช่ของคิง เป็นน้องฟิวส์ค่ะ
เพราะ น้องดูเป็นคนอ่อนโยน คอยเป็นห่วง คอยใส่ใจดูแลคนที่รัก
น้องเหมือนมัมคนที่สองได้เลยนะ 5 5 5
แล้วถ้าคิงรักน้อง สิ่งต่าง ๆ ดี ๆ ที่น้องทำมันจะคุ้มค่ามาก ๆ
เพราะ คิงจะตอบแทนความรักนั้นอย่างดีเหมือนที่คิงส์ตอบแทนดูแลมัม

เราหวังให้ความคิดนี้ของเราเป็นไปได้นะ
แต่ยังต้องดูก่อนแหละเนอะว่า
คุณนักเขียนจะกำกับเรื่องให้น้องปะทะเจอะเจอกับคิงส์รูปแบบไหน
ถ้ามันเป็นรูปแบบที่ทำให้คิงรำคาญนิสัยฟิวส์ สงสัยเราต้องพับเก็บจินตนาการนี้ใส่กระเป๋า
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่9) " อีกหนึ่งกระทู้เด็ด "
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-05-2015 23:18:36
หลายความรู้สึกมาก
จนไม่รู้จะพูดจะบอกอะไรออกมา
อับจนปัญญาเกินกว่าจะเรียบเรียง

เชา
??????????

จบ
หึหึ

+1 ให้คนแต่ง
สุดยอดมาก
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่9) " อีกหนึ่งกระทู้เด็ด "
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 28-05-2015 23:55:11
ผมว่าขวัญมันผิดประเด็นไปหน่อยนะ...

โอเค ผมยอมรับว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา อาจจะประเภทเดียวกับขวัญ แต่คิดว่าคงต่างมุมมองกันหน่อย ขวัญไม่ชอบคนที่เป็นโฮโมเซกชวล อันนี้เป็น personal bias ของเขาครับ ผมไม่สามารถไปเปลี่ยนเขาได้ และการทำให้เขารู้ว่ามันไม่น่าเกลียดหรือร้ายแรงอะไรก็ต้องใช้เวลา ซึ่งกระบวนการแก้ไข personal bias ของคนที่ไม่ชอบโฮโมเซกชวลในปัจจุบันถือเป็นประเด็นที่ต้องคุยกันยาว อันนี้ไว้ก่อน

แต่ที่ผมบอกว่าผมเป็นประเภทเดียวกับขวัญ เพราะถ้าผมเป็นขวัญ ผมก็คงด่าเชาจริงๆแหละ แค่เปลี่ยนประเด็น ผมคงดูถูกคิงในกรณีที่ว่าเชามันให้ความสำคัญกับคิงและตัวเองจนลืมความสำคัญของคนอื่น(คุณป้า และน้องฟิว) แต่ไม่ได้ดูถูกในกรณีของโฮโมเซกชวล ผมคงดูถูกเชาและคิงในแง่ของการเห็นแก่ตัวจริงๆ และผมก็คงไม่ได้แคร์อะไรในการที่เชาจะต่อยผม เพราะมันเป็นเรื่องปกติของกระบวนการคิดเชา แต่ที่ผมอยากจะเตือนเขาจริงๆคือถ้าเชายังมีพฤติกรรมแบบนี้ต่อ มันจะไม่ใช่แค่ความรู้สึกส่วนตัวของคุณจะเสียหายเวลาที่คุณเกิดการกระทบทางจิตใจแรงๆ แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง คุณจะไม่มีเพื่อนที่ให้คำปรึกษาดีๆให้คุณลุกได้ คุณจะไม่มีเพื่อนฉลาดๆคอยให้คำแนะนำและวิธีการช่วยเหลือ คุณจะไม่เหลือเพื่อนที่คอยปรารถนาดีและเห็นคุณอย่างแท้จริง เพราะคุณขับไสไล่ส่งเขาไปหมด และเพราะคุณถูกอัตตาแบบหลงผิดบดบัง จึงทำให้ต้องสูญเสียมิตรภาพที่ดี

การมีเพื่อนไว้น่ะดีครับ แต่เพื่อนที่ดีต้องเป็นกัลยาณมิตรที่ดีด้วย ไม่ใช่เป็นเพื่อนที่คอยยืนมองคนตกหลุมตายไปวันๆ ไม่เช่นนั้นมันจะทำให้เสียคุณค่าและเวลาในช่วงชีวิต เพราะมนุษย์มักมีชีวิตที่สั้นและเต็มไปด้วยปัญหา การได้รับไมตรีมีคนที่เป็นกัลยาณมิตรจึงนับว่าเป็นลาภอันประเสริฐที่มนุษย์จะเพียรหาได้
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่9.5) " มึง กูเหงา "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 03-06-2015 22:09:46
9.5
มึง กูเหงา




‘ มึง กูเหงาว่ะ ’


แซคทักแชทเฟสบุ๊กไปหาเพื่อนตอนตีสี่สามสิบเจ็ดนาที


สิ่งที่เพื่อนของแซคคิดคือ… มึงบ้ารึเปล่า ป่านนี้ยังไม่นอน ไม่เหมือนเด็กถาปัตย์นะเว้ยที่นอนไม่เป็นเวล่ำเวลาน่ะ


‘ แล้วเด็กวิทยาคนนั้นที่เพื่อนไอ้อาร์มแนะนำอ่ะ ’


เขาพิมพ์ถามเพื่อนกลับไป ได้จังหวะเลยเปลี่ยนเพลงในยูทูปด้วยพอดี ตอบแชทเพื่อนร่วมคณะอีกคนที่ทักแชตมาบ่นโหยหวนถึงงาน 3 วีคที่ต้องปั่นให้เสร็จภายในคืนเดียว พรุ่งนี้พรีเซนท์เช้า ไม่มีงานก็ตายกันถ้วนหน้าสิครับ!


“ ไอ้เชี่ย! มึงแอบเล่นเฟสเหรอวะ ” เพื่อนที่นั่งตัดโมฯอยู่บนพื้นด่าพร้อมถีบเก้าอี้เข้าให้ เขาก็ไถลไปน่ะสิ ดีนะจับขอบโต๊ะดราฟต์ได้ทัน


“ สัด! เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เกือบโดนงาน ” ด่าเพื่อนตัวเองกลับไป “ กูไม่ได้แอบเล่นเฟส ไอ้เคนมันทักแชตมาถามว่างานถึงไหนแล้ว ”


“ เออๆ รีบทำเพลทให้เสร็จแล้วมาช่วยกูตัดโมเลยนะมึง! อรุณเบิกฟ้านภาโบยบินเมื่อไหร่ตายหมู่แน่ ”


เขาพยักหน้าตอบเพื่อนส่งๆ หันมาตั้งหน้าตั้งตาตอบแชทจากแซคเพื่อนสมัยมัธยมต่อ เพราะแซคมันเรียนวิศวะเครื่องกล มันเลยมีเวลาเพ้อเจ้อเรื่องพวกนี้ ลองเรียนถาปัตย์มั้ยน้อง ได้แฟนแน่ แฟนกับงาน คบกันนาน เบื่อไม่ได้ ไล่ไม่ไป ทิ้งแม่งแม่งตามหลอกหลอนจนชีวิตมึงบัดซบแน่


‘ คิงไม่ได้ชอบกูว่ะ ’


อ่อ…


เขาย่อหน้าต่างเฟสบุ๊ก เรียกโปรแกรม Illustrator ชู้สุดที่รัก รองลงมาจาก sketchup เพราะยกให้ CAD เป็นเมียหลวงไปแล้วววว คลิกไปได้สองสามคลิกเสียงเตือนแชทเฟสบุ๊กก็ดังขึ้นมาอีก


' แม่ง ทำไมกูชอบใครแล้วเขาไม่ชอบกูกลับบ้างวะ '


' เจ็บๆ จุกๆ ว่ะ '



' กูเบื่อว่ะ ทำไมวันๆ นึงมันผ่านไปช้านักวะ '


' ไปเรียน เจอเพื่อน เตะบอลตอนเย็น กลับหอมากูก็ไม่มีอะไรทำ เฟลเหมือนเดิม เฟลจนกูไม่อยากทำอะไรเลย '


ว่างเหรอมึง อยากมาช่วยกูตัดโมมั้ย... เกือบกดเอนเทอร์ส่งข้อความไปแล้ว ถ้าข้อความถัดมาของแซคไม่เด้งขึ้นมาซะก่อน


‘ กูผิดตรงไหน ทำไมไม่มีคนดีๆ เข้ามาสักที ’


เฮ้ยยย! แม่งดราม่า เฮิร์ทจริงจัง


‘ แซคมึงใจเย็นก่อน ’ คือตอนนี้เขายังไม่มีเวลา  ถ้ามัวแต่ปลอบเพื่อนตัวเขาเองนี่ล่ะจะได้ F มาปลอบใจแทน ‘ มึงลองอ่านทู้ลูกเป็ดตัวสุดท้ายในพันทิปดู สักวันนึงคนที่คู่ควรและมีค่าพอสำหรับมึงจะเดินเข้ามาเอง


อื้อหือ หล่อสัด..


แต่เปล่าเลย โควทคำพูดที่จำได้ในกระทู้นั้นมาล้วนๆ


‘ อ่านแล้ว แม่งใช้ไม่ได้กับกู ’


แล้วแบบไหนใช้ได้กับมึงวะ


‘ มึงมีแฟน มึงไม่เข้าใจกูหรอก ’


แซคตอบกลับมาแบบนี้เขาก็ขึ้นสิ


‘ กูเรียนเก้าโมงถึงห้าโมงเย็น เรียนเสร็จทำงานสตูฯ กลับหอตีสองตีสาม ตื่นเช้าไปเรียนต่อ เสาร์-อาทิตย์ปั่นโปรเจกต์ วนลูปแบบนี้มาเป็นเทอม อ๋อมแอ๋มนี่ใครนะ อ๋อ แฟนกูเอง สงสัยกูทำงานหนักไปว่ะลืมหน้าไปแล้ว มึงอยากเป็นแบบนี้มั้ยล่ะไอ้เหี้ย เขาบอกเลิกกูไปสองสามรอบแล้วที่ไม่มีเวลาให้ มึงมีปัญหาของมึง กูก็มีปัญหาของกูเหมือนกันไอ้สัด! เลิกเพ้อเจ้อ……. ’


ผัวะ!


เขาโดนตบหัวจากด้านหลังจนหน้าคว่ำ เชี่ยใครวะ คนกำลังอารมณ์ขึ้น! แต่พอเงยหน้าปุ๊ป สติกลับมาพร้อมกับคำว่างานตัวโตๆ เขียนอยู่บนหน้าผากเพื่อน มันมองอยู่ด้วยสายตาหงุดหงิดเหี้ยๆ


“ ไอ้เคนถามง๊านนน ”


เนี่ย! หน้าจอเฟสยังขึ้นข้อความจากไอ้เคน(ตอนเที่ยงคืน)อยู่เลย


“ ถามพ่อง!! เชี่ยเคนถ่ายรูปงานลงไอจีลาตายไปตั้งแต่ตีสองแล้วไอ้เหี้ย! ”





----------------------------------------------


ตอนนี้เพื่อคนเหงา เศร้า เปลี่ยว และเฟลจนไม่อยากทำอะไร 55555555555
ใครเคยเป็นบ้าง มันเจ็บๆ แบบจุกๆ เห็นคนมีคู่แล้วก็ได้แต่ เฮ้ออออออออ...

#นั่นล่ะครับท่านผู้ชมมม แซคก็กำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่

แต่เราไม่อยากบิวด์อารมณ์เหงาหม่นเศร้าแบบนั้น เดี๋ยวจะเฟลกันไปใหญ่ แค่เรื่องหลักก็.........แล้ว :o8: ... จึงกลายเป็นเล่าผ่านมุมมองของ ' เขา ' เพื่อนชาวถาปัตย์ของแซคแทน ชาวคณะนี้เขาเป็นคนตลก อารมณ์ดีโดยธรรมชาติ สำคัญสุดคือไม่ค่อยมีเวลา 55555555555555555

ผ่านมา 9.5 ตอนแล้ววว คนอ่านบอกฟิวยังไม่เลิกกะเชาสักที 5555555555555 ใจเย็นนะคะ ตอนนี้พยายามเขียนอยู่ มันยากมากเลย....งี้แหละค่ะที่เขาว่า " บอกรักบอกง่าย บอกเลิกบอกยาก " อ้าวไม่เกี่ยวเหรอ 5555 โอเค เอาเป็นว่า...


ขอบพระคุณทุกการติดตามค่ะ   :กอด1:


หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่9.5) " มึง กูเหงา "
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 03-06-2015 23:23:28
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่9.5) " มึง กูเหงา "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-06-2015 23:24:49
เชาจะบอกเลิกฟิวตอนไหนก็รอได้
ขออย่างเดียว ฟิวอย่ายื้อ จากไปแบบเริ่ดๆ
แล้วจะไปแอบร้องไห้ทีหลังก็ไม่ว่ากันหรอกนะ
แต่ดูฟิวจากที่ผ่านๆมา ถึงฟิวจะดูเหมือนอ่อน
อะไรๆก็ยอมเชา พยายามเข้าใจอยู่ฝ่ายเดียว
แต่ลึกๆ เชื่อว่าฟิวเป็นคนเคารพการตัดสินใจ
ของคนอื่น ไม่รู้ว่าจะได้ดั่งใจหรือเปล่า แต่จะรอ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่10) " แค่คิดก็กลัวแล้ว "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 09-06-2015 21:48:20
10
แค่คิดก็กลัวแล้ว





ผมนั่งรอพี่เชาอยู่ที่หน้าตึกตั้งแต่หลังเลิกเรียนจนตอนนี้ทุ่มกว่า เพื่อนกลับไปหมดแล้วแต่พี่เชาก็ยังไม่มารับผมสักที พยายามโทรไปพี่เชาก็ไม่รับสายอีกแล้ว


ถ้าผมยังรอพี่เชาอยู่ที่ตึกเรียนตัวเองพี่เชาคงไม่มาแน่ๆ ผมเลยรวบรวมความกล้าแล้วเดินไปหาพี่เชาที่ห้องเรียนพี่เชา ปรากฏว่าที่ห้องว่างเปล่า คนกลับไปหมด


ผมเม้มปาก รู้สึกใจแป้วและเจ็บจี๊ดในอก รู้ตัวอีกทีน้ำตาไหลก็ซึมลงมาตามแก้ม.. อะไรเนี่ย ผมร้องไห้อีกแล้วเหรอ ไม่เอาสิฟิว.. เข้มแข็งไว้ พี่เชาไม่ชอบคนขี้แยนะ...


“ ฮัลโหล สวัสดีครับพี่เปิ้ล ” ผมพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ทำเสียงปกติโทรหาพี่เปิ้ล รุ่นพี่เครื่องกลปี3 เซคเดียวกับพี่เชา


“ นี่ฟิวเองนะคับ...พี่เปิ้ลว่างคุยมั้ย? ”


ยากจัง ทำไมผมเก็บความรู้สึกไม่เก่งอย่างคนอื่นนะ


“ อ๋อจ้าน้องฟิว ว่างอยู่จ้า น้องฟิวโทรมามีอะไรรึเปล่าเอ่ย ” เสียงพี่เปิ้ลสดใส


“ พี่เปิ้ลพอจะรู้มั้ยครับว่าตอนนี้พี่เชาอยู่ไหน ”


“ เชาเหรอฟิว? มีอะไรรึเปล่า ” น้ำเสียงพี่เปิ้ลดูตกใจ “ เกิดเรื่องอะไรกับเชาเหรอ?! ”


“ เปล่าคับ คือฟิวมีนัดกับพี่เชา แต่ติดต่อพี่เชาไม่ได้ตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว ” พี่เชาบอกว่าจะมารับผมไปกินปิ้งย่าง พี่เชาบอกกับผมเอง เขาไม่มีทางลืมแน่ๆ


“ พี่เห็นหลังเลิกเรียนเชามันออกไปกับขวัญ.. เอ๊ย! ไม่ดิแซค โทษทีจ้ะ พี่เบลอ.. มันทะเลาะกับขวัญอยู่ ”


ทะเลาะกับพี่ขวัญ? หลังจากวันนั้นที่ผมไปหาพี่เชาที่ช็อป พี่เชากับพี่ขวัญยังไม่คืนดีกันอีกเหรอ


“ มีอะไรเหรอครับ? ” ผมถามเสียงแหบแห้ง


“ อ๋อ.. ก็วันนี้เชากับขวัญมันต่อยกันอ่ะน้องฟิว กลางห้องสโลปเลยนะ! ” เสียงพี่เปิ้ลตื่นเต้นขณะเล่า “ ตอนนั้นในช็อปก็ครั้งนึงแล้ว มีวันนี้อีก พวกพี่อย่างงง..มันเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ปี 1 แต่เพิ่งจะมาทะเลาะกันตอนปี 3 ทำไมก็ไม่รู้ ”


“ ... ” ผมเงียบฟัง “ เขาทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอครับ? ” และกลั้นใจถาม เผื่อว่าการทะเลาะกันครั้งนี้จะไม่เกี่ยวกับ ‘ พี่คิง ’


“ เหมือนขวัญคิดว่าเชาเป็นเกย์หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ ก็เลยทะเลาะกัน เนี่ยวันนี้ก็เพิ่งพาขวัญไปทำแผลที่ห้องพยาบาลมา ” พี่เปิ้ลเล่าเสียงเจื้อยแจ้วอย่างคนช่างพูดช่างคุย ผมรู้สึกโล่งอก


โชคดีจัง… ไม่เกี่ยวกับพี่คิง


ผมรู้ว่าพี่คิงเป็นพระเอกเกาหลีที่เอาแต่ใจและเพรียบพร้อมไปด้วยทุกอย่าง หน้าตาดี ผลการเรียนเยี่ยม และครอบครัวมีฐานะ ส่วนผมก็คงเป็นแค่คนใช้ตัวประกอบไร้บทบาท  แม้ว่าพี่เชาจะเป็นแฟน ผมก็รู้สึกได้ว่าเขาให้ความสำคัญกับพี่คิงมากกว่าสนใจผม


ไม่กล้าเอาตัวเองไปเทียบกับพี่คิงหรอก พี่คิงห่างชั้นกับผมตั้งเยอะ สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่ตัดพ้อในใจเท่านั้น...


“ แต่เชาเวลาโกรธนี่น่ากลัวมากเลยนะ! พี่นี่ขนลุก เสียวสันหลังวาบ ”


น้ำตาผมไหลผ่านแก้มหยดแหมะลงมาที่มือ..


เวลาที่พี่เชาโกรธ...ผมรู้ซึ้ง ก็ทำพี่เชาโกรธมาแล้วรอบนึง….


ตั้งแต่ผมรู้จักกับพี่เชามา วันนั้นเป็นวันแรกเลยที่ผมรู้สึกว่าพี่เชาน่ากลัว… และเมื่อผมบอกว่าน่ากลัว… มัน ‘ น่ากลัว ’ จริงๆ


พี่เชาเหมือนสิงโตป่าที่กำลังจะอาละวาด ตาสีน้ำตาลของพี่เชาดุดัน ริมฝีปากหยักที่ยิ้มให้ผมเสมอๆ กัดฟันเม้มเป็นเส้นตรง อารมณ์คุกกรุ่นปั่นป่วนรุนแรงเหมือนภูเขาไฟรอเวลาระเบิด


ตอนนั้นพี่เชาเกือบจะทำร้ายผมแล้ว… แต่เขายั้งมือไว้ทัน และระบายอารมณ์หงุดหงิดด้วยการปาโทรศัพท์มือถือตัวเองอัดใส่ผนัง…


ผมนี่อ่อนไหวชะมัด แค่นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นผมก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกแล้ว…


“ น้องฟิว… น้องฟิว! ยังอยู่ป่ะจ๊ะ? ”


อ่ะ…!?


“ อะ..อยู่ครับ! ” ผมลนลานตอบพี่เปิ้ล เมื่อกี้เหม่อ ไม่ได้ฟังเลยพี่เปิ้ลพูดอะไร “ พี่เปิ้ลว่าอะไรนะครับ ”


“ พี่บอกว่า เมื่อกี้พี่บอกฟิวผิดจ้ะ พี่เพิ่งถามเพื่อนมา มันบอกว่าวันนี้สองคนทะเลาะกันเพราะรูมเมทเชาเป็นเกย์ แต่เชาไม่ได้เป็นนะจ๊ะ ไม่ต้องตกใจไป ”


ผมตกใจ.. อึ้ง.. พูดไม่ออก…


“ ค..ครับ…. ” ผมตอบรับพี่เปิ้ลด้วยเสียงเบาหวิว


พี่เชาไม่ได้เป็นเกย์ แล้วที่คบกับผม...คืออะไรเหรอ...?


“ เอาเบอร์แซคมั้ยน้องฟิว เผื่อเชายังอยู่กับแซค? ”


“ อะ...เอา...ครับ ”


“ จ้า น้องฟิวจดนะ ศูนย์เก้า…. ” พี่เปิ้ลบอกเบอร์พี่แซคมา ผมเมมตามแล้วกล่าวขอบคุณพี่เปิ้ลไป บอกลาพี่เปิ้ลแล้ววางสาย


เบอร์พี่แซคอยู่ในมือถือผมแล้ว ผมอยากกดโทรออกเพื่อคุยกับพี่เชาให้รู้เรื่อง แต่ความกลัวที่มีมากกว่ากลับทำให้นิ้วผมไม่ยอมขยับแข็งค้างไว้อย่างนั้น


แค่คิดว่าคำตอบของพี่เชาคืออะไร ผมก็กลัวจนใจสั่นไปหมดแล้ว


“ อ้าวฟิว! ว่าไง ”


เสียงเรียกคนมาใหม่ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก หันกลับไปมองที่มาของเสียงแล้วก็คิดว่า…. ไม่น่าหันมาเลย…


“ อ่า.. หวัดดี..ไมค์... ”


ไมค์เรียนคณะครุศาสตร์ ไม่ได้ใกล้กันเลยกับคณะวิศวะของผม แถมตอนนี้ยังเป็นเวลาทุ่มเกือบ 2 ทุ่มแล้วด้วย เขามากับเพื่อนอีกสองคน ผมคุ้นหน้าเพื่อนไมค์ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กภาคคอมที่ผมเคยแข่งปิงปองเฟรชชี่เกมด้วย


“ มาทำอะไรแถวนี้? ” ไมค์ถามต่อ เขาเดินเข้ามาหา ผมกอดกระเป๋าตัวเองเสมือนเป็นเครื่องป้องกันอัตโนมัติ ผงะถอยหลังไปสองก้าว...


“ ระ..เรามาหาพี่... ไปก่อนนะ! ” รีบพูดเร็วๆ แล้วเดินหนีออกมา


ไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้… ผมไม่ควรจะเจอไมค์อีก ไม่ว่ามันจะด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม เห็นเขาแล้วรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทำอะไรไม่ค่อยถูก ทั้งที่จริงไมค์แค่เข้ามาทักทายและมองตามมาเท่านั้น… ไม่รู้สิ ผมกลัวเขาไปแล้ว มองหน้าไม่ติดด้วย...


ผมกับไมค์รู้จักกันตอนกีฬาเฟรชชี่ เขาเล่นวอลเล่ย์บอลให้กับคณะของเขา และมาดูทีมวอลเลย์บอลหญิงด้วย ปุ๊กลงแข่งวอลเลย์บอล ผมกับเห็ดเลยมาอยู่เป็นเพื่อนก็เลยเจอกับไมค์


การพบเจอกันของผมกับไมค์คล้ายกับนิยายสักเรื่องที่พระเอกเจอกับนางเอกด้วยอุบัติเหตุที่ไม่ทันคาดคิด ไมค์ซ้อมตบเสิร์ฟลูกบอลให้กับลูกทีมของเขาอยู่ข้างสนาม เดาเรื่องต่อได้ไม่ยาก... ลูกตบของไมค์กระแทกเข้าแก้มผมเต็มๆ จนหนห้าหัน ตอนนั้นมันเจ็บมากจริงๆ นะ ผมหน้าชา มึนหัว เห็นดาววิ้งๆ


แต่ความจริงแล้ว ด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้ไมค์ไกลจากคำว่าพระเอกนิยายไปมาก และพี่เชาต่างหากที่เป็นพระเอกในใจผม...


หลังจากนั้นผมเดินแก้มปูดไปาหาที่เชาที่คณะข้างๆ พี่เชาอยู่กับเพื่อนนิติฯ เขาขำผมใหญ่เลย แต่ก็กอดคอผมพาไปขอน้ำแข็งเพื่อนนักกีฬามาประคบเย็นที่แก้มให้ พี่เชาบ้า ชอบแกล้งผมก่อนค่อยโอ๋


นึกถึงตอนนั้นแล้วผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้


“ เจ็บป่ะ? เจ็บอ่ะดิ ฮะๆๆ ” พี่เชาหัวเราะยิ้มกว้าง


ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากส่งสายตาน้อยใจไปให้ นั่นยิ่งทำให้พี่เชาหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม


“ ฮ่าๆๆ มานี่มา โอ๋นะครับ ” พี่เชากอดคอผมและโยกหัวไปมา เขายิ้มมุมปากมองผมด้วยสายตาที่ทำให้ผมเขินจนทำตัวไม่ถูก “ หันมาหน่อยครับเป็ดน้อย เดี๋ยวพี่ประคบน้ำแข็งให้ ”


งื้อออออออ…! โดนพี่เชาทำอย่างนี้ใส่ใครไม่เขินก็บ้าแล้ว!!



ผมชอบเวลาอยู่กับพี่เชาเมื่อก่อนจัง…


พี่เชาทั้งเท่ แสนดี ช่างเอาอกเอาใจผม เขามักมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ผมเสมอ เทียวรับ-ส่งผมตลอด ทั้งที่รถของพี่เชาก็เป็นรถใหญ่ ช่วงแรกก่อนที่พี่เชาจะขับมอเตอร์ไซค์พี่เขาใช้รถเบนซ์สีเทาของที่บ้าน จะเข้าออกทีก็ลำบากเพราะคันใหญ่ เจอรถติดอีก มีบ้างเหมือนกันที่พี่เชาหงุดหงิดกับรถติด แต่ถ้าผมนั่งไปด้วยเราก็จะคุยกัน พี่เชามักจะหยอกหรือแกล้งผม แล้วตัวเองก็จะอารมณ์ดีขึ้น ชอบบอกว่าผมเป็นเป็ดน้อยแต่ตัวพี่เชาก็เป็นสิงโตขี้แกล้งเหมือนกันนั่นแหละ ฮึ่ม!


คิดถึงพี่เชาเพลินผมเดินออกมาจะถึงประตูทางเข้าออกของคณะแล้ว เอาไงดีเนี่ย เห็ดกับปุ๊กก็กลับหอกันไปแล้ว พี่เชาก็ไม่อยู่… ผมได้เบอร์พี่แซคมาแต่ก็ไม่กล้าโทรไปรบกวนพี่เขา


ผมหยิบมือถือออกมาดูเบอร์พี่แซคอีกรอบ เอาไงดี… โทรดี… หรือไม่โทรดี…


อ๊ะ?!! ตายล่ะ!!!! ผมเผลอกดปุ่มโทรออกไปแล้ว!! ฮือออออ! รีบวางเลยดีมั้ย รีบวางดีกว่าผมกลัว…


“ ฮัลโหล ”


พี่แซครับสายแล้ว!!! โอย ทำไงดีๆ


“ ฮัลโหล… ได้ยินมั้ยครับ?? ”


“ คะ..ครับ! ได้ยินครับ... ” ผมลนลานตอบ ใจเต้นตึกๆ มือสั่นปากสั่น “ นี่... เอ่อ... เบอร์พี่แซคใช่มั้ยคะ...ครับ? ”


“ ใช่ครับ? นั่นใคร ”


“ ผม..ฟิว..เอ่อ... เครื่องกล ปี1 ครับ... ” ฮือ.. พี่แซคไม่น่ารู้จักผมหรอก กลุ่มพี่เชาไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมคณะเท่าไหร่นี่นา ส่วนพี่แซคถึงเขาจะเป็นนักบอล แต่ก็คุยรู้จักแต่กับพวกรุ่นน้องนักบอลด้วยกันเท่านั้น


“ อ่อ.. ครับ แล้วน้องโทรหาพี่มีอะไรเหรอ? ”


“ พี่แซค...อยู่กับ..เอ่อ... พี่เชามั้ยครับ..ตอนนี้.... ” ผมอุบอิบในลำคอ


“ ห๊ะ? น้องว่าไงนะ ขอใหม่หน่อย พี่ฟังไม่ถนัด ” เหมือนมีเสียงแตรรถยนต์ดังแทรกขึ้นมา “ พี่อยู่ข้างนอกว่ะ น้องพูดดังๆ กว่านี้ได้มั้ย ”


“ คะ..ครับ!! พี่แซคอยู่กับพี่เชามั้ยครับตอนนี้!!! ” ผมเผลอตะโกน... ง่ะ.. ก็พี่แซคให้พูดดังๆ นี่นา


“ อือใช่ มีไร? ”


“ ผม...พอดีพี่เปิ้ล ปี3 บอกเบอร์พี่แซคมา ผมจะติดต่อพี่เชาแต่..คือ.. ผมติดต่อไม่ได้.... ” พี่แซคจะว่ามั้ยนะ


“ อ๋อ! เหรอ งั้นคุยกับมันเองละกัน น้องชื่ออะไรนะ ”


“ ฟิวครับ ”


“ เฮ้ยเชา! ฟิว ปี1 ภาคเราโทรมาหามึงอะ ”

.
.
.
“ ฮัลโหล ”


ผมค่อยยิ้มออกมา พี่เชารับสายแล้ว


“ พี่เชา! ” ผมเพลอเรียกเขาเสียงดัง ก็ดีใจนี่นา “ ฟิวติดต่อพี่เชาไม่ได้อีกแล้ว... โทรติดแต่ไม่มีคนรับสายเลย... ”


“ อืม พี่ปิดเสียงเอาไว้ ฟิวมีอะไร ” เสียงพี่เชาห้วน อาจจะยังอารมณ์เสียเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไปอยู่


“ เอ่อ.. คือว่า… ฟิว..คือฟิว... ” ผมอยากถามพี่เชาเรื่องนัดเย็นนี้ นี่ค่ำแล้ว ไม่รู้ว่าพี่เชาจะกินข้าวหรือยัง พี่เชาดูอารมณ์ไม่ดีด้วย แต่ว่า…


“ พี่เชาทะเลาะกับเพื่อนอีกแล้วเหรอครับ ฟิวได้ยินมา... ” ผมกำสายสะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองแน่น กล้าๆ เข้าไว้ฟิว! ให้กำลังใจตัวเอง ถ้ามัวแต่หงอไม่พูดไม่แสดงความคิดเห็นอะไรตลอดพี่เชาจะเบื่อ อยากให้เป็นอย่างนั้นเหรอ?


“ ทะเลาะกันเรื่องพี่คิงด้วย บอกฟิวได้มั้ยครับ ฟิวเป็นห่ว…... ”


“ ฟิว ตอนนี้พี่อยู่ข้างนอกไม่สะดวกคุย โทษที เดี๋ยวโทรกลับนะ ”


พี่เชาวางสายไปแล้ว พูดยังไม่ทันจบเลยว่าผมเป็นห่วงขนาดไหน ผมกลัวพี่เชาต่อยเพื่อน กลัวพี่เชาเป็นแบบนั้นอีก…


ในวันที่เราไปเลี้ยงฉลองวันสิ้นปีที่ผมโดนโกรธ พี่เชาต่อย.. ไม่สิ.. กระทืบไมค์ซะจนผมกลัวจนตัวสั่น


ผมไม่อยากเห็นพี่เชาเป็นแบบนั้นอีกแล้ว เขาน่ากลัว… เหมือนไม่ใช่พี่เชาที่ผมรู้จัก…


มือถือผมสั่นอยู่ในมือ ผมพลิกมันขึ้นมาดูและกดรับสายด้วยอาการมึนเบลอ ผมรู้สึกแน่นในอก เสียงเห็ดและปุ๊กดังแว่วเป็นช่วงๆ จากโทรศัพท์ที่ผมถือแนบอยู่ข้างหู จับใจความไม่ค่อยได้แต่ผมก็รับปากทั้งคู่ว่าจะไปหาที่หอ


และหลังจากที่ผมถึงหอ เห็ดและปุ๊กก็เอาบางอย่างให้ผมดู สิ่งนั้นทำให้ในหัวผมตื้อไปหมด สติสัมปะชัญญะดับวูบไปอย่างสิ้นเชิง...




พี่เชาเบื่อผมแล้วจริงๆ






--------------------------------------------

และแล้วก็ถึงเวลา ที่เธอได้รู้ความจริงงง..... อ้าว ยังอีกเหรอ 555 โอเคๆ พยายามตลกไปใน 9.5 กลับมาตอน10 โลกแสนสวยของน้องฟิวเป็นอันพังครืนลง จริงๆ น้องรู้ตัวตลอดนะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ได้ตาบอดหูหนวกขนาดนั้น แหม..อีเชาออกจะชัดเจน :z6:  แต่น้องพยายามทำเป็นมองไม่เห็น ปิดตาข้างเดียวของตัวเพื่อยื้อความสัมพันธ์ในรูปแบบเดิมๆ ไว้ น้องไม่ได้กลัวเชาหมดรักหรอกค่ะ จริงๆ น้องกลัว 'การเปลี่ยนแปลง' ซึ่ง......เป็นนิสัยพื้นฐานของน้องเลย 55555555

จบประเด็นแรก มาประเด็นสอง หลังจากนี้ขออนุญาติอัพช้าลงนะคะ จากอาทิตย์ละครั้งเป็นสองอาทิตย์ครั้ง (หรืออาจเลทกว่านั้น........) เนื่องจากติดฝึกงานค่ะ

ขอบพระคุณสำหรับทุกการติดตามนะคะ  :L2: :กอด1:  :pig4:

หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่10) " แค่คิดก็กลัวแล้ว "
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 09-06-2015 22:08:30
เอาตรงๆบางที่เราก็เบื่อและเริ่มจะรำคาญกับนิสัยฟิวแล้วเหมือนกันนะไม่ต้องพูดถึงอิพี่เชาหรอก
คือแบบนางจะอะไรนักหนาก็ไม่รู้อ่อนแอบอบบางซะจนนึกว่าเป็นเด็กอนุบาลเข้าโรงเรียนใหม่ๆซะงั้น
หวังว่าฟิวจะมีพัฒนาการที่เข้มแข็งขึ้นบ้างนะ เพราะนี่เพิ่งเริ่มต้นมาได้10ตอนเอง จะพยายามเอาใจช่วยแล้วกัน
แต่ถ้านานกว่านี้คงเอาใจช่วยไม่ไหวแระ เพราะเหนื่อกับนิสัยนางเหลือเกิน ขนาดเราแค่คนอ่านยังเหนื่อยแทนเลย
ถ้าอิพี่เชามันไม่เอาก็ปล่อยมันไปเถอะ ผู้ชายมีออกเยอะแยะ อย่าได้แคร์เราสวยสู้ตาซะอย่าง อิๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่10) " แค่คิดก็กลัวแล้ว "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-06-2015 22:43:16
คิดว่าเชาชอบเซ็กส์ของคิงเพราะว่ามันไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลง  เชาไม่อยากให้มีอะไรเปลี่ยน  เหมือนกับว่าแวดวงคนสำคัญของเชาเป็นคอมฟอร์ทโซนที่ไม่อยากออกและไม่อยากให้ใครเข้า

เซ็กส์ของฟิวส์พอทำแล้วทุกอย่างเปลี่ยนไป ฟิวส์รักเชามากขึ้น ตามมากขึ้น คิดว่าสนิทมากขึ้น  เชาเองก็คิดว่าฟิวส์เหมือนผู้หญิงก็เลยทำกับฟิวส์เหมือนผู้หญิง  เชามีเซ็กส์นะไม่ใช่ร่วมรัก ในขณะที่ฟิวส์น่าจะเป็นการร่วมรัก

ได้แต่มองเชา alienate คนรอบข้าง  รอดูตอนสิงโตไม่มีปัญญาแกะเอาเสี้ยนออกเอง วันหนึ่งที่ความรู้สึกของเชาเปลี่ยนไปจากที่ไม่แคร์ใครมาเป็นขอแค่อยากมีใครสักคนแล้วไม่มี  กำแพงมันแข็งใครบอกก็ไม่เชื่อก็คงได้แต่รอวันที่เชาเดินหน้าชนอย่างเดีนวเพื่อให้เชาเข้าใจ

รู้สึกเหมือนคิงมีวงในเขตคอมฟอร์ทโซนส่วนตัวของตัวเองอีกชั้นหนึ่ง แปลกๆคู่นี้  เชาแสดงออก คิงไม่แสดงออกเลย

ที่หมายถึงคนที่ฝ่าวงล้อมเข้าไปหาเชานั้นก็อาจจะเป็นคนที่เชาเปิดประตูให้แล้วเจ้าตัวไม่สนใจจะเข้าก็ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่10) " แค่คิดก็กลัวแล้ว "
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 09-06-2015 22:55:20
อ่านตอนนี้แล้วสงสารฟิว
เอาจริงๆ ผมก็ไม่ชอบนิสัยน่ารำคาญที่เหมือนผู้หญิงของฟิวหรอก ถ้าสมมุติผมเป็นคู่กรณี

แต่ตอนนี้ในฐานะคนที่มองจากวงนอก ผมว่าฟิวสงสาร ผมไม่สนนิสัยส่วนตัวที่น่ารำคาญต่างๆ ด้วย

จากประโยคที่คิดในใจ " ผมชอบเวลาอยู่กับพี่เชาเมื่อก่อนจัง…"
ผมว่าผมเข้าใจนะ คงรักไปแล้วจริงๆ
เมื่อก่อนพี่เชาคงเหมือนผู้ชายอบอุ่นคนนึงสินะที่เป็นที่พึ่งคอยปกป้องฟิวได้

เฮ้อ แต่ตอนนี้พี่เชาเปลี่ยนไปแล้ว ฟิวก็คงรู้ ควรจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ และเข้มแข็ง
และคิดให้ได้เถอะ เพราะถ้ายื้อไว้มันจะเจ็บสุดๆ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่10) " แค่คิดก็กลัวแล้ว "
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 10-06-2015 02:15:10
ถ้าเป็นชีวิตจริงๆฟิวนี้โดนเขี่ยทิ้งไปนานแล้วนะ...รอบๆตัวผมบอกได้เลยไม่มีสักคนที่เป็นเกย์แล้วชอบเกย์ที่นิสัยแบบผู้หญิงแบบนี้ รวมถึงตัวผมเอง บอกตามตรงว่าไม่เข้าใจอารมณ์เกย์สาว นิสัยหญิง ฟิวทำตัวได้น่ารำคาญมากถึงมากที่สุด และคนแบบฟิวมีโอกาสที่จะโดนทิ้งได้มากที่สุดหากยังไม่มีอะไรพัฒนา แต่ฟิวน่าสงสารไหมน่าสงสารนะ คนที่ไม่รู้จักรัก เจอคนแรกก็หนักเลย

ผมมองในมุมมองของคิงกับเชาได้ชัดเจนนะ คิงเป็นเกย์ที่ชัดเจนในตัวของตัวเอง ไม่มีความสับสนใดๆในตัวเองแน่ๆ พร้อมที่จะสัมพันธ์และยุติสัมพันธ์กับอีกฝ่ายได้ง่ายได้ คิงมีความเยอะในแบบของคิง มีความเป็นตัวของตัวเองอย่างชัดเจน คิงง่ายในสิ่งที่ง่าย ยากในสิ่งที่ยาก  ตรงนี้คือสิ่งที่ทำให้เชาหลงใหลในตัวของคิง

ส่วนเชา สับสนในตัวเอง แต่ถ้าให้มองในมุมมองหนึ่ง ผมว่าเชาน่ะรู้สึกบางอย่างกับคิง แต่พยายามซ่อนมันไว้ลึกๆมากกว่า เพราะรักถึงได้รู้ ถึงได้สังเกต และเกิดการปรับตัว (คล้ายๆกับที่เชาทำกับฟิวในระยะแรก) แต่ที่ต่างกันคือเชายินดีกับสิ่งที่ทำ พร้อมจะทำให้ตลอด และก็คงจะยินดีที่จะทำให้เรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าเหตุผลเพราะความผูกพันหรือว่าในใจลึกแล้วคือความรัก???

ปล. ผมมองมุมมองของคิงกับเชาได้ชัดกว่าของฟิว เพราะผมเป็นคนแบบเดียวกับคิงและเชาแบบรวมๆกันไป แต่ผมเข้าใจฟิวได้แค่เล็กน้อยมาก เพราะผมไม่เคยเป็นสิ่งที่ฟิวเป็น แต่ที่ผมพอเข้าใจในเรื่องของฟิวบ้างอาจจะเป็นเพราะมีคนแบบฟิวให้ผมรู้จักบ้าง แต่บอกได้เลยว่า 95% คนนิสัยแบบฟิวไม่เคยคบกับใครได้ยาวหรอก โดนทิ้งทั้งนั้น บอกตรงๆถ้าให้มองตามความเป็นจริงนะ ฟิวไม่มีทางคบกับเชาได้แบบไปถึงฝั่งฝันแน่ๆ คนที่เหมาะกับเชามากที่สุดในตอนนี้คือคิงมากกว่า

ปล. 2 อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยถามพวกผู้ชายที่หันมาคบผู้ชายหลายๆคนให้เหตุผลว่า เบื่อนิสัยผู้หญิง (ไม่ได้หมายความว่าเบื่อผู้หญิงนะ) แต่เบื่อนิสัยโน่นนี้นั้น ดังนั้นไม่แปลกใจที่ทำไมเชาถึงเบื่อ




หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่10) " แค่คิดก็กลัวแล้ว "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-06-2015 10:47:23
นิสัยแบบฟิวพบได้ทั่วไปเลยค่ะ
คนกลัวการเแลี่ยนแปลง
จะหลบเลี่ยงความจริง
แต่ต้องแบบไม่เจอจังๆนะ
แต่ถ้าเจอแบบจังๆล่ะก็
เชื่อว่าฟิวจะทำใจยอมรับได้
ตอนนี้ฟิวก็ได้อ่านในกระทู้
ที่เชาไปโพสน์ไว้แล้วซินะ
ถึงเวลาเผชิญความจริงแล้วนะฟิว
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่10) " แค่คิดก็กลัวแล้ว "
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 14-06-2015 11:17:26
สงสาร  :hao5:
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่11) " พาย "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 24-06-2015 00:50:25
11
พาย





หลังจากคุยกับน้องฟิวผ่านเครื่องแซควันนั้น ผมไม่เจอน้องมาเป็นอาทิตย์ น้องไม่ติดต่อ ไม่ทักแชทเฟสไม่อะไรเลย
รู้สึกยังไง….?


ก็ไม่ได้อะไร ตอนนี้ผมกำลังสนใจเรื่องอื่นอยู่มากกว่า


คิงมันแปลกๆ ไป มีแฟนรึเปล่าไม่รู้ แต่อาการแบบนี้ผมว่าเป็นไปได้สูง มาแนวเดียวกับตอนนู้นเลย แม่งชอบมีลับลมคมในกับผม แชทแล้วอมยิ้มคนเดียว ไอ้คิงมันเป็นบ่อยมากช่วงนี้


เห็นคิงเอาไม่เลือกแบบนี้ มันเป็นคนค่อนข้างจริงจังในเรื่องความสัมพันธ์คนนึง ถ้าไม่สนใจใครมันก็ไม่แคร์เลย แต่ถ้ามันแคร์ใครเมื่อไหร่ มันก็ทุ่มเทให้คนๆ นั้นเต็มที่


อาจจะเพราะเห็นคิง ผมเลยอยากทุ่มเทให้ใครอย่างมันบ้าง.. และในเวลานั้นน้องฟิวก็เข้ามาพอดี


“ ยืมรถกูอีกแล้วเหรอ? ” ผมถามแล้วโยนกุญแจรถให้มัน “ ไปไหนวะ ”


มันแต่งตัวจะออกไปข้างนอก เดาไม่ถูกว่ามันจะไปไหน


“ พาหมาไปหาหมอ ” มันตอบสั้นๆ


“ มึงมีหมาตั้งแต่เมื่อไหร่คิง? ” ผมมองมันแบบไม่ค่อยเชื่อ หอพักที่เราอยู่ห้ามเลี้ยงสัตว์ หรือมันหมายถึงแฟนมันวะ…


“ สักพัก ”


“ ตอบไม่เคลียร์ ”


“ เชา กูยืมหมวกเหลืองมึงด้วยนะ ” มันหยิบหมวกกันน็อกสีเหลืองเป็ดขึ้นมาด้วย เฉไฉเปลี่ยนเรื่องอีก “ เออ.. โทรเข้าเครื่องกูให้ดิ๊ หาไม่เจอ.. ”


“ อะไรวะ ” ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองที่โต๊ะข้างเตียงมาแล้วกดโทรออกเข้าเบอร์คิง เสียงเรียกเข้ามันดังอยู่ใกล้ตัวผม… อยู่ใต้หมอนชัวร์ ผมกดตัดสาย ล้วงมือไปใต้หมอนแล้วคลำๆ หา หยิบไอโฟนสีทองของมันออกมา พอดีกับมีคนไลน์เข้า หน้าจอที่ดำอยู่แสดงหน้าต่างข้อความ


คิน: ออกมายัง


“ หึหึ ” ผมยิ้มแต่ไอ้คิงยังไม่รู้ว่าผมคิดอะไร มันมองผมแปลกๆ


“ อะไรของมึง ตกลงเจอมั้ย ”


“ เจอ ” ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้มัน “ คินเหรอ? ”


“ อะไร? ”


“ แฟนมึงอ่ะ ”.


หน้าคิงเหวอสัดๆ ผมปล่อยเสียงหัวเราะขำเสียงดัง


“ คราวนี้นักดนตรีอีกป่ะ ” ผมแซวมัน


แฟนคนก่อนไอ้คิงเป็นนักดนตรี เรียนดุริยางค์เอกกีต้าร์ไฟฟ้า สถิติ 6 เดือนเลิก สูงสุดและจริงจังสุดเท่าที่เคยเจอ คิงมันนอยด์แดก อกหักไปสักพักถึงค่อยกลับมาเป็นปกติ


“ เอาเรื่องมึงให้รอดก่อนค่อยมาเสือกเรื่องกู ”


ผมหุบยิ้ม โดนมันพูดแทงใจด้วยหน้านิ่งๆ ส่วนคิงพอเห็นท่าทางผมมันก็หัวเราะหึ ท่าทางสะใจขณะที่เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อการ์ดผมไปด้วย โอเค หนนี้มึงชนะ


“ กูไปละ ค่ำๆ เอามาคืน ”     


“ เออ! กูนอนต่อแล้ว บาย ” ผมล้มตัวนอนต่อ ได้ยินเสียงไอ้คิงหัวเราะในลำคอก่อนมันจะเดินออกไป คำพูดแซคเมื่อวันก่อนลอยขึ้นมา


‘ มึงเป็นเพื่อนมัน... แล้วมันล่ะ คิดกับมึงแค่เพื่อนรึเปล่า? ’ ผมนิ่งไปไม่นานก็ขำ ไอ้แซคมันงงว่าผมหัวเราะอะไร




‘ ไม่มีทาง...กูกับมันไม่มีทางเป็นได้มากกว่าเพื่อนแน่ๆ ’





ผมตื่นอีกทีตอนบ่ายกว่าๆ แปรงฟัน ล้างหน้า หยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์เดินไปกดลิฟต์ หลังจากมันเสียไม่ได้ซ่อมมาร่วมสองสัปดาห์ ในที่สุดก็ใช้ได้สักที


ลิฟต์หยุดรับคนที่ชั้นสี่ ประตูเปิดออกและมีคนใหม่ก้าวเข้ามา ผมละสายตาจากจอที่กำลังเช็คเฟสบุ๊กเรื่อยเปื่อย


“ อ้าว ”


“ อ้าว? ”


ผมกับเธอพูดขึ้นมาพร้อมกัน ตรงหน้าคือผู้หญิงหุ่นแจ่มที่ให้ยืมสบู่เมื่อตอนนู้น เธอยังน่ามองเหมือนเดิม วันนี้สวมเสื้อยืดลายการ์ตูนของยูนิโคล่กับกางเกงขาสั้น(ผมนี่มองเพลินเลย....) ช่างบังเอิญ ที่ผมก็ใส่เสื้อลายเดียวกับเธออยู่เช่นเดียวกัน


“ หวัดดีเชา ชอบแซลลี่เหมือนกันเหรอ ” เธอชี้ลายบนเสื้อยืดผม อมยิ้มมอง


เชี่ย.. น่ารักสัด


“ มีเพื่อนให้มาอ่ะ เธอว่าเหมือนเราป่ะ ดูดิ ตัวใหญ่ๆ ขนเยอะๆ ” ผมชี้ที่ตัวการ์ตูนบนเสื้อ มันเป็นปิศาจขนฟูสีฟ้าตัวใหญ่ มีลายจุดโพลก้าดอทสีชมพู ผมไม่ได้ซื้อเสื้อตัวนี้เอง เพื่อนผู้หญิงซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่แล้ว


เห็นเธอชวนคุยเหมือนรู้จักผม ผมเลยคุยตอบ ทำสาวข้างห้องเงาะหัวเราะ ยิ้มจนตาปิด


“ อืม เหมือนอยู่ๆ ”


“ เธอจะไปไหนอ่ะ? ” ผมถาม ท่าทางลงมาซื้อของแค่แป๊บเดียว เห็นถือแค่โทรศัพท์และกระเป๋าเงิน


“ กินข้าว ร้านป้าสม ”


แถวหอมีร้านอาหารไม่กี่ร้านที่พอกินได้ ร้านป้าสมเป็นหนึ่งในนั้น


“ เรากำลังจะไปกินข้าวเหมือนกัน กินด้วยคนได้มั้ย ”


สาบานจริงๆ ว่าผมไม่ได้จีบ เธออยู่ข้างห้องเงาะ และก็เป็นคนที่ให้ยืมสบู่ตอนนู้น ผมแค่อยากผูกมิตรเท่านั้น


ดูเธอชะงักทำอะไรไม่ถูกไปครู่นึง แล้วก็พยักหน้า “ ได้สิ แถวนี้อะไรอร่อยบ้างเหรอนอกจากร้านป้าสม เราเพิ่งย้ายมา ยังกินไม่หมดเลย ”


เจอปัญหาเดียวกับผมเหมือนตอนย้ายเข้ามาใหม่เป๊ะ


“ ก็มีอยู่หลายร้านนะ ”


“ จริงเหรอ? ” เสียงตื่นเต้น ท่าทางดีใจที่ใกล้ๆ หอมีของกินอร่อย แต่เสียใจด้วยนะ...


“ หลายร้านที่กินไม่ได้อ่ะ ” พูดจบผมก็หัวเราะออกมา สาวข้างห้องเงาะมุ่ยหน้าลงเล็กน้อย ขณะที่มองค้อนผม นั่นยิ่งทำให้ผมขำมากกว่าเดิม


“ เฮ้ย เธอ! ระวัง!! ”


ผมจับไหล่ดึงเธอเข้าหาตัวเอง มอเตอร์ไซค์ที่วิ่งมาเฉียดจะชนเธอไปนิดเดียว มันขับผ่านไปแล้วยังมีหน้าหันมามองหน้าสายตาไม่พอใจอีก มึงนั่นแหละสมควรโดนด่า ซอยก็แคบยังขับรถไม่มองคน


“ เป็นอะไรเปล่า.. ”


ผมปล่อยมือที่จับไหล่อยู่ มองสำรวจว่าไม่ได้เป็นอะไร แล้วก็อดมองนมเธอไม่ได้… แม่ง.. ขนาดใส่เสื้อสีเข้มแล้วยังดูออก


“ ไม่เป็นไรๆ ขอบใจนะ ” เธอยิ้มน้อยๆ ให้ ผมให้เธอเดินด้านในและผมอยู่ริมถนนแทน จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อกี้อีก




เรานั่งอยู่ที่ร้านป้าสม เปล่า ผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่เพราะป้ายชื่อหน้าร้านเลยทำให้ผมรู้ชื่อแกอย่างช่วยไม่ได้ สาวข้างห้องเงาะนั่งอยู่ตรงข้าม ถือกระดาษกับปากกาอยู่ในมือ ผมเท้าคางมองเธอจรดปากกาลงบนกระดาษ


“ เชากินอะไร? ”


เธอรู้ชื่อผมกับคิงได้ยังไงอันนี้ผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่คุ้นหน้าเธอเลย


ผมว่าผมพลาด… ไม่รู้จักผู้หญิงน่ารักน่ามอง แถมเอ็กซ์ขนาดนี้ได้ยังไง ชื่อผมยังไม่รู้ ไม่ต้องสืบคณะหรือภาควิชาเลย


“ กะเพราเนื้อไข่เจียว เธออ่ะ? ”


“ สุกี้น้ำ ”


ผมเหลือบมอง ที่กระดาษเขียนว่าสุกี้น้ำจริงๆ เธอลุกขึ้นเอากระดาษที่จดรายการอาหารไปให้ป้าสมที่ผัดข้าวอยู่หน้าร้าน หลายคนในร้านมองตาม เด็กมัธยมหัวเกรียนกระทุ้งเพื่อนมันให้หันมองด้วยซ้ำ เห็นแล้วก็ขำ..


“ ทำไมถึงกินสุกี้น้ำล่ะ ” ผมถามเมื่อเธอกลับมานั่ง ไม่อยากให้บรรยากาศเงียบเกินไป “ ไดเอ็ทเหรอ? ”


“ เปล่า เราชอบกินผัก ” ตอบแล้วยิ้มเล็กน้อย “ ทำไมกินสุกี้น้ำต้องหาว่าไดเอ็ทล่ะ ”


“ ก็ปกติผู้หญิงกินกัน ”


นั่นทำให้เธอหัวเราะจนตาปิด ส่วนผมยังเอามือเท้าคางอมยิ้มมองเธออยู่ พอสาวข้างห้องเงาะเห็นว่าผมมอง เธอก็ค่อยๆ หุบยิ้มลง พยายามปรับสีหน้าเป็นปกติ


“ เราอยากกิน เราก็เลยสั่ง ไม่เกี่ยวกับลดความอ้วน ”


“ อืม ” ผมพยักหน้ารับ เราคุยกันนิดหน่อยเด็กในร้านก็ยกอาหารมาวาง แล้วตามด้วยแก้วน้ำแข็งสองแก้ว


“ ขอบคุณค่ะ ” ยิ้มให้พนักงานเล็กน้อย หยิบขวดน้ำเปล่ามาเปิด แต่ท่าทางฝาเกลียวจะแน่นไปเพราะไม่เห็นเธอเปิดได้สักที


“ มา เราทำให้ ” ผมยื่นมือขอขวดน้ำ ปกติเวลามากินข้าวกันกับน้องฟิวผมมักเป็นคนเปิดฝาขวดน้ำ และรินน้ำบ่อยๆ นี่ผมก็ทำไปด้วยความเคยชินอีกแล้ว


“ ไม่เป็นไรๆ ใกล้ได้แล้ว ” เธอตอบ บิดข้อมืออีกนิดก็ได้ยินเสียงคลิ๊ก เปิดขวดน้ำสำเร็จ รินน้ำเปล่าใส่แก้วตัวเอง “ เชาเอาน้ำเปล่าด้วยมั้ย ”


“ อืม ขอบใจ ”


เธอรินน้ำให้ผมจนหมด แล้ววางขวดพลาสติกเปล่าไว้ที่เดิม


แปลกดี… เธอคนนี้ไม่ร้องขอ แถมยังทำอะไรด้วยตัวเอง




ผมนั่งมองเธอพิมพ์แชทยุกยิกระหว่างรอเด็กมาคิดเงิน ความคิดเดิมๆ ยังวนเวียนในหัวผม คือเธอรู้จักผมได้ยังไง และผมไม่รู้จักเธอได้อย่างไร?


รู้จักทั้งผมทั้งคิงผมว่าไม่ธรรมดาเลย โดยเฉพาะคิง มันแทบเป็นตัวละครลับของวิทยาภาคเคมี ไม่ยุ่งไม่สุงสิงกับใครมาก ไม่ทำกิจกรรมคณะ เพราะมันว่ามีอย่างอื่นที่สำคัญกว่าให้มันทำ เช่น การไปวิ่งออกกำลังกาย, ไปเที่ยวกับเพื่อนต่างมหาลัย หรือ การไปเฝ้าแฟน (ในตอนที่มันมี) ผมบอกแล้ว.. มันเป็นคนทุ่มเท


ปัจจุบันเงาะมันก็ยังถามผมอยู่บ้างว่าสรุปผมรู้หรือยังว่าสาวข้างห้องมันคือใคร และเด็ดขนาดไหน เพราะมันยังไม่เคยเห็นเธอเลยตั้งแต่ย้ายมา


“ คิดรวมหรือแยก ” ผมหันมองเด็กเสิร์ฟที่มาคิดเงิน


“ แยกค่ะ ” เธอว่า และหยิบเงินในกระเป๋าเงินของตัวเองส่งให้ ผมก็เอาแบ็งค์ร้อยจากกระเป๋ากางเกงตัวเองให้เช่นกัน พอเราได้ตังค์ทอนก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้าน


ผมชี้บอกร้านอาหารที่กินได้และไม่ได้ รวมถึงร้านขนมด้วย ท่าทางตื่นเต้น พอผมบอกว่าถ้าเดินไปเรื่อยๆ ตอนเย็นจะมีรถเข็นโรตีกับน้ำแข็งไสมาขาย


“ จริงอ่ะ เราไม่เคยเดินเข้าไปเลย ปกติกินอยู่แถวๆ หอไม่ก็เซเว่นตลอด ”


ผมไม่แปลกใจเลย เพราะแรกๆ ผมก็เป็น เธอเล่าให้ฟังว่าแถวหอเก่าไม่ค่อยมีของกินขาย เลยเคยชินกับการกินอาหารสำเร็จรูปและข้าวกล่องเวฟ


“ แต่ช่วงหลังรูมเมทเรากินคลีนนะ ข้าวอะไรทำเองหมด ใช้หม้อหุงข้าวเครื่องเดียว เราอย่างทึ่งเลย ”


ของผมนี่ไม่มีอ่ะ รูมเมททขี้เกียจเกินไป ผมเนี่ยแหละที่เวฟข้าวให้มันแดก ถึงมันจะทำอาหารรสชาติดีกว่าผมก็ตาม


“ อ้าวแล้วเมทล่ะ? ”


“ แยกกันแล้ว ”


ผมพยักหน้ารับ โทรศัพท์สั่นสองที เปิดดูก็เห็นว่าคิงมันไลน์มาหา


คิง: ซื้อเบียร์ไว้ให้กูหน่อย



มันเป็นอะไรวะ จู่ๆ อยากแดกเบียร์…


“ เธอ เดี๋ยวเราแวะเซเว่นก่อนกลับนะ ” ผมบอก เซเว่นต้องเดินไปทางหน้าปากซอยอีก เผื่อเธออยากกลับก่อนก็จะได้แยกกันตรงนี้เลย เพราะผมต้องไปซื้อเบียร์ให้ไอ้คิง


“ อ้าวเหรอ โอเค งั้นไว้เจอกันนะ ” เธอยิ้มโบกมือบ๊ายบายเล็กน้อย หมุนตัวกำลังจะเดินกลับไป


“ เอ๊ยยย เดี๋ยว! ” ผมร้องห้าม เธอหันกลับมา เลิกคิ้วเป็นเชิงว่ามีอะไร “ เธอชื่ออะไร รู้ชื่อเราแต่เรายังไม่รู้ชื่อเธอเลย ”


สาวข้างห้องเงาะอึ้งไป แล้วก็หัวเราะขำขันออกมา


“ จริงดิ! งั้นที่เรียกเธอเพราะไม่รู้ชื่อเราอ่ะดิ ”


เธอยิ้มกึ่งล้อเลียนกึ่งขำขัน ผมยิ่มเจื่อนให้แล้วหัวเราะไปด้วย ความจริงก็เสียเซลฟ์อยู่บ้างเหมือนกัน


“ เราชื่อพาย ”





-----------------------------

ตอนนี้มีเซอร์ไพรส์มาฝากคนอ่านสองอย่างค่ะ

เซอร์ไพรส์ที่1 เชาไม่ได้คิดกับคิงเกินเพื่อน
เซอร์ไพรส์ที่2 พาย เป็นผู้หญิงใจดีให้ยืมสบู่เมื่อตอนที่1-2 ค่ะ ใครจำได้บ้าง  :-[

ลงแล้วก็ ขอตัวไปนอนก่อนค่ะ ฟิ้ววว

และเช่นเคย ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และการติดตามนะค้าาา  :L2: :L1: :L2:


ปล. ฝากเรื่องสั้นไว้ในใจคนอ่านด้วยนะคะ แฮ่ เรื่องนี้เป็นขั้นสุดแห่งการมโน เขียนช่วงที่ชีวิตยังสวยสดใส ไม่รู้จักความผิดหวังอยู่ค่ะ  :o8: http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47418.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47418.0) เรื่องนี้ใสๆ จริงๆ ไม่หน่วงปวดตับหดหู่ค่ะ รับรอง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่11) " พาย "
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 24-06-2015 16:35:27
เซอร์ไพรส์ 1 แสดงว่าเชาทำไปด้วยความคุ้นเคยแบบพี่น้องและความผูกพันธ์? เชาไม่ได้คิดแล้วคิงล่ะ?

เซอร์ไพรส์ 2 จำได้ครับ

ตกลงเรื่องนี้มีนายเอกไหมครับ?? อันนี้สงสัยจริงๆ จากที่คนเขียนบอก

เชาไม่ได้คิดอะไรกับคิง ดังนั้นประเด็นคู่นี้ตกไป

เชากับพาย แลดูก่ำกึ่ง แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ใช่นิยายวายแล้ว??

เชากับฟิว แค่คิดก็สยอง (กรอกตา) รู้สึกไม่ไหวอะ รู้สึกอินเพราะเจอมากับตัวเอง ไม่ไหวกับคนแบบฟิวจริงๆ ยิ่งตอนนี้มีพาย ผญ ที่ดูแกร่งและเก่งกว่าฟิวมาเป็นตัวเปรียบเทียบ ขอบอกตรงๆว่าฟิวน่ะแพ้หมดรูปเลยล่ะ ง่อยขนาดนั้น แต่ถ้าวันไหนฟิวจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ก็คงจะดี (ล่ะมั้งนะ)
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่11) " พาย "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-06-2015 18:31:53
พายนี่คือแฟนคนต่อไปของเชาเหรอ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่11) " พาย "
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 24-06-2015 20:40:37
ตัวละครเริ่มเปิดมาแล้ว ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้เชาจะไม่ได้คิดอะไรกับคิงแต่เราก็ยังปักธงคู่นี้ต่อไป อยากจะบอกคนเขียนว่าขอบคุณที่มาอัพนิยายนะคะ เรารออ่านนิยายเรื่องนี้นานมาก นั่งมองก็ไม่เห็นมาอัพซักที รอนะคะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่11) " พาย "
เริ่มหัวข้อโดย: gatenutcha ที่ 25-06-2015 10:08:17
อ่า ....  เอาที่เราคิดนะ เชากับคิงมันเป็นความสัมพันธ์แบบ ความผูกพันธ์ <เขียนถูกไหมอ่ะ  ฮ่าฮ่า>
แต่เราอ่านแล้วสงสารน้องฟิวอ่ะ  เหมือนน้องรักเชาข้างเดียวไงไม่รู้   สู้ๆนะน้องฟิว พี่เชียร์น้องฟิว
ส่วนเขาก็ยังไง เหมือนไม่ชัดเจนสักอย่างว่าจะทำยังไงแบบไหน สงสารน้องฟิวจัง เจอคนแบบนี้
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่12) " ยังไม่ลืม "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 18-07-2015 21:33:34
12
ยังไม่ลืม




คิงกลับมาตอนหัวค่ำ ซื้อข้าวเย็นกลับมาด้วย เป็นสเต็กและสปาเก็ตตี้ใส่กล่องพลาสติกทัพเพอร์แวร์จากร้านในห้าง


" ซื้อเบียร์มายัง " ถามคำแรกเลย


" อยู่ในตู้เย็น " ผมตอบ เป็นฝ่ายหาจานกับมีดและส้อมออกมาวางที่โต๊ะหน้าทีวี คิงมันถอดเสื้อการ์ดผมแขวนไว้ ถอดกางเกงยีนส์พาดเก้าอี้เหลือแต่บ็อกเซอร์กับเสื้อยืด แล้วไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นออกมารินสองแก้ว มันส่งให้ผมก่อน


" เล่นฟีฟ่าป่ะ? " คิงบุ้ยไปที่เครื่องเพลย์4 ดอยไอ้เหี้ยเงาะมา


" จะแดกหรือจะเล่นเกม เลือกสักอย่าง "


รู้สึกว่าคิงมันแปลกไปตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว ไอ้คิงดื่มเหล้า ไม่แดกเบียร์ ที่มันว่าให้ซื้อเบียร์ให้ผมยังประหลาดใจอยู่เลย เพราะคนกินเบียร์น่ะผม


" เปล่า " มันปฏิเสธ จิบเบียร์ในแก้ว " แดกดิ รอไร กูรินให้แล้ว "


มันนอยด์ แต่ไม่พอใจเรื่องอะไรอยู่ผมไม่รู้


" ทะเลาะกับแฟนมารึไงวะ "


" เปล่า "


" งั้นมึงเป็นอะไร " แทนที่มันจะตอบคำถาม มันกระดกแก้วซดเบียร์อึกๆ เฮ้ย! ข้าวเย็นมึงยังไม่แดกเลยนะเว้ย " เชี่ย.. พอๆ มึงใจเย็นก่อนคิง " ผมรีบห้าม ก่อนที่มันจะซดทีเดียวหมดแก้ว ดึงแก้วเบียร์ออกมาจากมือของมัน อื้อหือ เหลืออยู่ค่อนแก้ว โอเค กูแดกให้เอง..


" กินข้าวก่อนเร็ว " ผมเลื่อนจานให้ มันไม่มีทีท่าอยากกินเท่าไหร่ " กิน " ต้องย้ำอีกครั้งมันถึงจะทำด้วยท่าทางไม่เต็มใจเท่าไหร่


" นอยด์อะไร เมื่อเช้ายังดีอยู่เลย " ถามแล้วจิบเบียร์ไปด้วย


" เชาเมื่อไหร่มึงจะตัดผมวะ "


เอ้า! กลายเป็นเรื่องผมผมอีก ผมถอนหายใจ ลุกไปหายางมัดผมรวบผมประบ่ายาวไร้ทรงของตัวเองเป็นจุกที่กลางหัว กลับมานั่งกินข้าวต่อ


" เป็นไรเนี่ย... "


" กูเจอภัทรมา "


เชี่ย! เบียร์ที่กินเข้าไปแทบพุ่ง


" ภัทรไหน " ผมเอาแขนเสื้อเช็ดปาก ถามไอ้คิงแบบไม่ค่อยอยากเชื่อ " ไอ้เหี้ยภัทรแฟนเก่านักดนตรีที่เลิกเพราะจู่ๆ แม่งก็หายไปเฉยๆ อ่ะนะ "


ไอ้คิงมันมองผมตาค้อนขวาง ไม่พอใจที่ผมจี้ปมแฟนเก่ามัน ส่วนผมลอยหน้าลอยตาเก็กหน้าขรึมไม่หลุดยิ้มขำออกมา


แฟนเก่าคิงต้องบังเอิญมากถึงเจอกันได้ มันไม่ได้พูดถึงมาเกือบปีแล้ว ผมเองก็ลืมๆ หน้าไปแล้วเหมือนกัน เคยเห็นหน้าแค่ไม่กี่ครั้งตอนยืมโทรศัพท์ไอ้คิงเล่นเฟสเพราะแบตมือถือของตัวเองหมด


ว่ากันตามตรงผมไม่ค่อยยุ่งกับเรื่องส่วนตัวไอ้คิงเท่าไหร่ มันเองก็เช่นกัน เราเหมือนวงกลมสองวงที่ซ้อนกันแค่ส่วนน้อย โดยมัมเป็นจุดศูนย์กลางอยู่ในวงกลมเชื่อมผมกับคิงไว้ด้วยกัน ซึ่งเรื่องของภัทร แฟนเก่าไอ้คิงก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ผมจะเข้าไปก้าวก่าย


" เออ! " คิงกระแทกเสียง หน้าบึ้งตึง ไม่รู้ว่าโมโหเพราะผมจี้ปมหรือผมด่าแฟนเก่าแม่ง หรืออาจจะทั้งสองอย่าง 555555


" เฮ้ยๆ ใจเย็นเพื่อน กูไม่ล้อละ " ผมรีบยิ้มส่งให้ นานๆ ทีคิงมันจะเปิดปากเล่าเรื่องของมัน เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะแซว แต่หากเล่นมากไปคิงมันก็ปิดปากเงียบเหมือนเดิม ผมอดเสือก เอ๊ย! ไม่รู้เรื่องเพื่อนตัวเองอีก " เล่าต่อดิ " ผมรินเบียร์ใส่แก้วเพิ่ม


" กูแวะซื้อสเต็กที่ห้าง "


" อ่าฮะ "


" มันมาเดินห้างคนเดียว " พูดด้วยความรู้สึกหลากหลาย


ผมชะงัก น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปกะทันหันทำให้ผมเงยหน้ามองหน้าคิงชัดๆ 


ความลังเลสับสนแสดงออกมาในท่าทางและน้ำเสียงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ความรู้สึกแปลกๆ ก่อตัวขึ้นในหัวผม ใจผมเต้นเร็วขึ้น อวัยวะในช่องท้องบิดเกร็งด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก สิ่งที่คิงจะพูดต่อไปคงไม่ใช่เรื่องดี อย่างน้อยก็สำหรับผม


" แม่งบอกว่าตั้งแต่เลิกกับกูไป...มันยังเหมือนเดิม... "


ผมว่าผมไม่อยากรู้แล้วว่ะ...




ผมเดินมาเซเว่นคนเดียว ยืนอยู่หน้าตู้เครื่องดื่มลูบหน้าลูบคอตัวเอง คิดอะไรในใจแล้วถอนหายใจออกมา เปิดตู้หยิบเบียร์ขวดใหญ่ออกมาสี่ห้าขวดเอาไปจ่ายเงิน เคาะนิ้วกับเคาน์เตอร์ระหว่างรอพนักงานคิดเงิน สายตาเหลือบไปเห็นขวดแก้วสีใสใส่แอลกอฮอล์ไร้สีไร้กลิ่นพอดี


" แอบโซลูทขวดนึง " ผมชี้ของที่ดื่มประจำด้านหลังพนักงาน " มาร์โบโลแดงด้วย " ของไม่จำเป็นเริ่มเพิ่มขึ้นมาทีละอย่าง โดยเฉพาะชิ้นสุดท้าย...


ผมวางกล่องถุงยางลงไป


ตอนแรกลังเลแต่สุดท้ายก็หยิบมา อย่างน้อยมีแต่ไม่ได้ใช้ ก็ยังดีกว่าไม่มีใช้ในเวลาจำเป็น...


ความคิดบางอย่างลอยวนอยู่ในหัว ผมหยิบเงินจ่ายพนักงานจนกระทั่งมีเสียงทักจากด้านหลัง เหมือนถูกดึงสติกลับมา


" โอ้โห กินกันกี่คนเนี่ย "


" อ้าวพาย หวัดดี "


สาวข้างห้องเงาะใส่เสื้อคนละตัวกับเมื่อกลางวันและสวมเสื้อกันหนาวทับ เดาว่าเธอเพิ่งอาบน้ำ กลิ่นสบู่หวานหอม(ที่เคยยืมไป)ลอยมาจากตัว ระหว่างนั้นผมก็จ่ายเงินและยกของหลบให้พายเอาของตัวเองคิดเงินบ้าง ถือถุง 7-11 เต็มสองมือ


" เนื่องในโอกาสอะไร วันเสาร์ อยากกินเหรอ? " พายส่งยิ้มน่ารักมาให้ หยิบกล่องน้ำผลไม้ออกมาเจาะดูดระหว่างทาง


" ประมาณนั้น " ผมหัวเราะตอบเบาๆ ไอ้คิงอยากกิน ส่วนผมกินเป็นเพื่อนมันเฉยๆ และไหนๆ มันก็เลี้ยงแล้ว ผมเลยซื้อของเต็มที่


" พายออกมาทำอะไร ซื้อของเหรอ "


" ช่าย " เธอตอบเสียงยาว อมยิ้มแบบที่ใครเห็นก็ต้องเคลิ้มตาม " เอาไปกินตอนดูหนัง "


" ที่ห้องอ่ะนะ ดูเรื่องไรอ่ะ "


" Casablanca "


หนังอะไรวะ ผมคงทำหน้าประหลาดออกไป พายจึงหัวเราะขำ


" เรื่องนี้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 1942 แน่ะ ตอนแรกเราก็ไม่รู้จักเหมือนกัน แต่อาจารย์สั่งให้ไปดูแล้วเขียนเปเปอร์มาส่ง "


" อย่างนี้ก็เรียนฟิล์มอะดิ? " มีวิจารณ์หนังด้วย ผมแค่รู้มาว่าพายเรียนนิเทศศาสตร์แต่ไม่รู้ว่าเธอเรียนเอกอะไร ตอนกลางวันคุยกับเธอไม่ได้ละเอียดขนาดนั้น


" เปล่า เราเอกพีอาร์ อันนี้เป็นวิชาเลือกไม่บังคับเรียน "


" อ่อ "


เราคุยกันเรื่องหนังต่อตั้งแต่เจอกันใน 7-11 จนกระทั่งผมเดินมาส่งเธอถึงหน้าห้อง


" อ้าว ถึงแล้ว " เธอยิ้มเขินๆ ให้ เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าตลอดทางตัวเองทำอะไรบ้าง " เราพูดคนเดียวเลย "


" ไม่หรอก คุยกับพายสนุกดี " ที่จริงพายยังเล่าเรื่องไม่จบเลยด้วยซ้ำ ค้างอยู่กำลังจะถึงจุดสำคัญ " ทักมาคุยต่อในแชทดิ เราอยากรู้เหมือนกัน "


" หาเรื่องขอเฟสเราป่ะเนี่ย.. "


" เฮ้ย! เปล่า ชิน นึกว่าเพื่อน " เฟสบุ๊กพายไม่ต้องขอจากเจ้าตัวหรอก ไปถามเอาจากเพื่อนของเพื่อนผมที่เรียนนิเทศก็ได้


" ล้อเล่น! " พายยิ้มด้วยอากัปกิริยาน่ามอง เหมือนเธอจงใจแกล้งแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่หรือไม่ชอบอะไร ก็สนุกดี " มาๆ ไหนเราขอเฟสบุ๊กเชาหน่อย "


ผมบอกของตัวเอง พายกดยุกยิกในมือถือแล้วก็เงยหน้าบอกว่าแอดแล้ว ผมหยิบมือถือขึ้นมาบ้างกดรับ ถึงได้เห็นว่าพายมีเพื่อนร่วมกันหลายคน


" งั้นเราไปแล้ว "


" บ๊ายบาย ไว้เจอกัน " พายยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับให้เธอ รอจนประตูห้อง 406 ของพายปิดผมก็หุบยิ้มพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างก่อกวนใจผม แค่คิดว่าต้องขึ้นไปเจอไอ้คิงในสภาพนั้นอีกก็ทำให้ผมขุ่นเคืองใจแล้ว


มันก้ำกึ่งระหว่างความรู้สึกยังไงผมก็บอกไม่ถูก แต่แม่งโคตรอึดอัดเลย


ก๊อกๆๆ!


" เฮ้ยคิง เปิดประตูดิ๊... " ผมเคาะห้องตัวเอง ของในมือหนักจนขี้เกียจหยิบกุญแจมาเปิดเข้าห้อง ไม่นานมันก็มาเปิดประตูให้ คิดว่าคิงมันร้องไห้อยู่ แต่เปล่า...ถึงสีหน้ามันใกล้จะทนไม่ไหวแล้วก็ตาม


" กูซื้อว๊อดก้ามาด้วย เอาอะไร? "


" เบียร์... " พูดจบก็เดินตามวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะ นั่งลงและเปิดขวดเบียร์วาง กำลังจะเอารินใส่แก้วไอ้คิงก็หยิบไปซดเรียบร้อย โอเค.. กูตามใจมึง


ผมไม่ได้ถามต่อว่าหลังจากมันบังเอิญเจอแฟนเก่าเกิดอะไรขึ้นต่อบ้าง ผมไม่อยากรู้ เรื่องของมันไม่ใช่อะไรที่ผมต้องรับรู้ทุกเรื่อง เราเชื่อมกันด้วยมัม เรื่องนอกเหนือจากนี้ผมไม่อยากไปก้าวก่ายมันมาก


" กูไม่เข้าใจว่ะ " จู่ๆ คิงก็พูดขึ้นมา หน้ามันแดงก่ำหลังจากเราต่างคนต่างดื่มกันมาสักพัก เป็นบรรยากาศชวนอึดอัดแต่ผมชินซะแล้วกับเหตุการณ์แบบนี้ ถึงไม่มีอะไรคุยกันอย่างน้อยผมก็ยังอยู่ข้างมัน


" เรื่อง? "


" ภัทร "


" มันขอกลับมา? "


" เปล่า "


" แล้วเรื่องอะไร "


" ทำไม..แม่งบอกว่าแม่งยังเหมือนเดิมวะ ผ่านมาตั้งนาน.. " คิงซดเบียร์ดขวดสุดท้ายหมด ท่าทางมันอยากดื่มอีก ผมจึงเลื่อนแก้วของตัวเองให้ มันยกขึ้นดื่ม วางแก้วลง


" ....บางคนสี่ห้าปีแล้วก็ยังไม่ลืม " ผมหยิบเบียร์แก้วสุดท้ายมากินต่อจนหมด " มึงก็ยังไม่ลืมมันเหมือนกัน... "


คิงมันไม่พูดอะไรอีก


ผมปล่อยให้มันจมอยู่กับความคิดตัวเอง ผมลุกไปเยี่ยว เปิดน้ำล้างหน้าล้างตาตัวเองไล่ตะกอนความรู้สึกที่โดนกวนขึ้นมาให้กลับลงไปในที่เดิมของมัน กลับมาอีกทีคิงมันไปอยู่ที่ระเบียงแล้ว มาร์โบโลแดงกับไฟแซคที่ผมวางไว้บนโต๊ะก็หายไปด้วย..


แม่งลุกไหวด้วยว่ะ... มันพยายามจุดไฟแช็ก แต่ผมว่าอีกเดี๋ยวมันต้องสำลักควันไม่ก็อ้วกที่ระเบียงแน่ๆ แล้วผมก็ทายไม่ผิด มันคายบุหรี่ทิ้ง มือจับราวระเบียงโก่งคออ้วกทุกอย่างที่เพิ่งลงท้องไปออกทั้งหมด ผมเดินเข้าไปลูบหลังมัน


" มึงไหวรึเปล่า "


" ...ไหว "


ผมปล่อยมันเดินเซซ้ายเซขวาเข้าห้อง ปิดประตูระเบียง หยิบมือถือออกมาเช็คเฟสตามนิสัยเวลาไม่มีอะไรทำ ซองฟอยล์สีแดงร่วงติดมาด้วย หล่นลงพื้น


คงไม่ใช่คืนนี้... ช่างแม่งเหอะ..


ผมปลดล็อกไอโฟน โนติฟิเคชั่นหลายอย่างเด้งขึ้นมา มองแชทเฟสเป็นอย่างแรก พายทักแชตมาอย่างที่เธอว่า และไอ้เงาะก็ทักผมมาเหมือนกัน



เงาะ: เชา มีคนบอกว่านี่คือมึงว่ะ...



พร้อมกับลิ้งค์กระทู้ที่คุ้นเคยแนบมาด้วย



--ผมกำลังลังเล ว่าจะลองเปิดใจคุยกันหรือเลิกกับแฟนเลยดี--







----------------------------------


เลทไปหลายอาทิตย์เลย ขอโทษด้วยนะคะ  :o8:
สารภาพว่าเขียนไม่ออกพักใหญ่ๆ เพราะงานก็หนัก ตรงนี้ก็หน่วง...

ทั้งเชาทั้งคิงซับซ้อนทั้งคู่ เราเขียนลบๆ แก้หลายรอบกว่าจะรู้สึกว่ามันโอเค (ไม่แน่ใจทำให้คนอ่านขัดใจมั้ย สำหรับเรานี่โอเคแล้วจริงๆ ค่ะ)

สำหรับคุณหมอตัวเปียกที่ทักท้วงเรื่องเชากับพาย เราไม่อยากให้สรุปเนื้อเรื่องแค่ตอนเดียวค่ะ บทบาทของพายตอนนี้เป็นเพื่อนใหม่เชา และอาจจะพัฒนาไปเป็นแฟน(อย่างที่คุณหมอตัวเปียกว่า) หรือเป็นเพื่อนที่เชาสามารถเรียกได้ว่า 'สนิท' อย่างเต็มปากเต็มคำก็ได้ เพราะเชายอมรับและค่อนข้างประทับใจหลายๆ อย่างในตัวพาย อีกเหตุผลคือเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่มีแต่ผู้ชาย ผู้ชายทุกคนเป็นเกย์ และผู้หญิงที่เข้ามาในเรื่องจะต้องเป็นนางร้ายเสมอไปค่ะ

เราหวังว่าคำตอบของเราจะตอบคำถามคุณ snowbox ได้ด้วยนะคะ  :hao5:


ตอบซะยาวเลย แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะคะ  :pig4: :L2:



ปล. ขออนุญาตโฆษณาค่ะ  :-[ เรามี Wordpress แล้วนะคะชื่อว่า peachyjollycheeks สามารถพูดดคุยในนั้นได้ ในนั้นมีอาการฯหมดรักและเรื่องอื่นๆ (ที่ยังไม่สมบูรณ์ในหลายๆ แง่ เราจึงไม่ลงในเล้า และอยากโฟกัสกับเรื่องนี้เรื่องเดียวด้วย) ถ้าชื่นชอบเรื่องรสชาติแปลกๆ(ที่ยังไม่เสร็จดี) หน่วงๆ ขมๆ อมหวานเล็กน้อยล่ะก็ ขอเชิญค่ะ....
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่12) " ยังไม่ลืม "
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 18-07-2015 22:06:14
มาอัพแล้วกับชื่อตอนยังไม่ลืม เราก็ยังไม่ลืมนิยายเรื่องนี้เหมือนกันนะ :hao5:
อยากจะบอกว่า ตัดตอนได้ทำร้ายจิตใจมาก!
เราอยากอ่านฉากปิ๊ดปิ้วของเชากับคิง ฮือ อวยคู่นี้ จะไม่ทน!
ไม่อยากจะคิดไปเอง แต่เชาหึงคิงรึเปล่าน้า? หึหึ :-[
หายไปนานไม่เป็นไรค่า ยังรอเสมอ แต่ขออย่างเดียว อย่าทิ้งนิยายเรื่องนี้น้า ยังมีนักอ่านคนนี้รออ่านอยู่นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่12) " ยังไม่ลืม "
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 18-07-2015 22:15:56
อ่านตอนนี้แล้วมันดูว่าที่บอกว่าเชาไม่คิดอะไรกับคิงมันดูแปลกๆไป

เชากำลังสับสนในความไม่พอใจที่กำลังเกิดขึ้นในใจที่มีต่อคิง ไม่อยากจะบอกว่าหึง แต่มันน่าจะเป็นอะไรที่คล้ายคลึง (รึป่าว)

ส่วนเรื่องพาย ผมคงรีบตัดสินไปหน่อยแหละ ต้องขอโทษด้วยครับ 

แต่จริงๆผมเองก็ลืมไปแล้วนะครับ ว่าเม้นท์ไปแบบไหน ห้าๆ มาต่อบ่อยๆนะครับ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่12) " ยังไม่ลืม "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-07-2015 22:45:46
เหมือนกับว่าความรู้สึกของเชาที่มีต่อคิงจะเป็นแบบว่าเชาชินที่คิงอยู่กับตัวเองมาตลอด ไม่ว่าคิงจะเลิกหรืออยู่กับแฟนมากี่คน แต่ที่ๆเชายืนอยู่ในวงกลมของคิงจะไม่เปลี่ยน

อย่างแฟนเก่าของคิงคนนี้ถ้าหากว่าคิงกลับไปคืนดีด้วย เชาก็ท่าจะรู้ว่าอะไรก้คงเปลี่ยนไปสำหรับทั้งคู่  เซ็กส์ที่เกิดจากความพอใจไร้ความผูกมัดของทั้งสองคงจะไม่มีอีก  ที่ยืนของเชาก็จะเปลี่ยนไป  ถ้าหากว่าคิงกลับไปหาภัทร โอกาสที่เชาจะหันไปหาพายก็น่าจะชัดมากขึ้น   เชารู้สึกดีและสบายใจเมื่อคุยกับพาย  ถ้าคิงหายไปที่ตรงนี้ก็ว่าง  แต่หลังจากเดินเข้ามาแล้วจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า?   เหมือนกับที่เชาที่คบกับน้องแต่ก็หงุดหงิดเพราะว่าน้องเปลี่ยน(เพราะว่ารักเชามาก)และไม่เป็นไปตามที่เชาคิดไว้หรือเปล่า

เดาเอา + มโนเด้อ


หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่12) " ยังไม่ลืม "
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 18-07-2015 22:50:47
น่าสนใจมากค่ะ อ่านไปแค่เริ่มเปิดกระทู้ แต่ต้อง +1 ให้ก่อนเลย
ไอเดียดี ชอบๆ
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่13) " SSSwagrin "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 25-07-2015 15:44:54
13
SSSwagrin


เลิกเลยค่ะ แฟนเฟินอะไรคะ ไร้สาระ #โสดแล้วพาล


ชักอยากเห็นหน้าจขกท.กับแฟนซะแล้วซิค่ะ


เราเข้าใจความรู้สึกจขกท และเคยผ่านจุดๆ นั้นมาแล้วเหมือนกัน


เลือกเลิกแทนที่จะคุยค่ะ และก็เสียใจมาจนถึงทุกวันนี้


นึกถึงช่วงเวลาดีๆ สิครับ


กำลังเป็นอยู่เหมือนกัน... ทำใจไม่ได้จริงๆ เรื่องแบบนี้พูดยากเนอะ
แต่ให้กลับไปเหมือนเดิมเราก็ไม่ไหว สงสาร ไม่อยากหลอกเขา ไม่อยากหลอกตัวเอง


ประสบการณ์เดียวกันเป๊ะ


อยากมีแฟนแบบจขกท.จังคับ ว่างแล้วคุยกับผมมั้ย
ปล. ล้อเล่นนะคับ
ปลล. แต่ถ้าจขกทเอาจริงก็หลังไมค์ได้ ผมโสด 5555


ขออนุญาตแชร์เรื่องราวของตัวเองบ้างนะคะ เราเป็นคนเฟรนด์ลี่ ขี้เล่น มีคนมาชอบเยอะค่ะ คุยกับคนเยอะมาก (คือไม่ว่าจะโสดหรือไม่โสดก็มีคนคุยไม่ขาดอ่ะ) เราคิดว่าเราไม่ต้องการผูกมัดกับใครจนกระทั่งมาเจอกับแฟนเก่าเราค่ะ ที่บอกว่าเป็นแฟนเก่าเพราะเลิกกันแล้ว เขาทนนิสัยเราไม่ได้ (คนอื่นๆ อย่าเพิ่งว่าเรานะคะ เราสำนึกผิดแล้ว) เขาเป็นรุ่นพี่เราค่ะ ตอนที่เจอกันเราอยู่ปี 1 และเขาอยู่ปี 2 เป็นพี่สวัสดิการ เขาไม่ได้หน้าตาดีมากหรือเปย์ให้เราตลอดเหมือนที่แฟนคนก่อนๆ ทำให้ แต่ ' ความดี ' ของเขาค่ะที่ชนะใจเรา เขาดีกับเราแบบที่เราคิดว่า เฮ้ย! พ่อแม่หรือเพื่อนยังไม่ให้เรามากขนาดนี้เลยนะ เราถามเขาว่าทำไมเธอดีกับเราจัง เขาบอกเราว่าเพราะ ' รัก ' แค่คำเดียวเรายอมคบกับคนนี้เลยค่ะ(หลังจากเล่นตัวปฏิเสธเขามาเกือบปี เขาก็ยังเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา T-T) แต่เราก็ยังเลิกนิสัยเดิมไม่ได้ คือคุยกับคนอื่นๆ ไปทั่ว มีแฟนแล้วแต่ก็ยังคุย เลื่อนนัดแฟนไปเที่ยวกับกิ๊กสี่ห้าวันก็มีค่ะ จำได้แม่นเลยไปบางแสนแล้วแฟนเซอร์ไพรส์มาหาที่ห้อง เรานี่บึ่งรถกลับหอแทบไม่ทัน อ้างกับแฟนว่าอยู่ข้างนอกออกมาดูหนังกับเพื่อน แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะ จะรู้คุณค่าของที่มีอยู่ก็ต่อเมื่อมันสายไปแล้ว แฟนจับได้(ไม่ใช่คนที่ไปบางแสนด้วยนะคะ คนนั้นรอดค่ะ ไม่สงสัยระแคะระคายใดๆ ทั้งสิ้น) ทะเลาะกัน ด้วยความรำคาญเราเลยบอกเลิกแฟนเหมือนทุกครั้ง ยกวลีเด็ดขึ้นมา " เค้าไม่ได้เป็นอะไรกับ(ชื่อกิ๊ก) เธออย่ามาพาลใส่เค้านะ ถ้าไม่ไว้ใจนักก็เลิกกันไปเลยดิ เค้าเบื่อทะเลาะกับเธอแล้ว รู้มั้ยเดี๋ยวนี้ทำตัวจู้จี้ขี้บ่น ทีเมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย " น่านน ไม่รับผิดแล้วยังโยนความผิดให้นางอีก แต่ตอนนั้นเราคิดไม่ได้ค่ะ คิดแค่ว่าปฏิเสธให้จบๆ ไปและคิดว่าเดี๋ยวนางก็มาง้อเรา แต่เราคิดผิดค่ะ รอบนี้นิ่งมาก เฉยมาก บอกว่า เลิกก็เลิก แล้วออกจากห้องไม่ติดต่อไม่อะไรมาอีกเลย ทีแรกเราคิดว่าคราวนี้เที่ยวได้สบายใจละ อิอิ แรกๆ ไม่อะไร ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทักไป เธอกินอะไรยัง วันนี้เค้าเจอเพื่อนเธอด้วย ฯลฯ แต่เขาไม่ seen ไม่ตอบเลยค่ะ อ้าว นี่เราโดนหมางเมินเหรอ ก็ได้ งั้นจะประชดละนะ หลังจากนั้นก็เที่ยวจริงๆ ค่ะ เที่ยวหนักมากกก จนเพื่อนทัก เราเล่าให้ฟัง เพื่อนด่า ซ้ำเติม แถมยังไล่ให้เราไปง้อแฟนอีกค่ะ อ้าววว สรุปเราผิด? (แน่สิยะ) แต่เราก็ไม่ได้ง้อแฟนค่ะ ในเมื่อเธอไม่คุยกับเรา เราก็ไม่อยากคุยกับเธอเหมือนกันจนผ่านไปนานเข้าๆ เริ่มรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไป เราทักเขากลับไปอีกรอบ คราวนี้เงิบเลยค่ะ เราโดนบล็อก ตอนนั้นปรี๊ดดดดมาก ไปหาถึงห้องหลายรอบมากแต่ไม่เจอ(นางชิ่งเราเก่งมาก นี่เพิ่งค้นพบความสามารถนางนอกเหนือจากความดี 55) จนไปเจอที่ห้าง ช้อปจัสปาล เซลล์ 50% ที่เซนลาด (จำแม่น 555555) บังเอิญมาก แถมเขามากับผู้หญิงอีกคนด้วย! เราเดินตรงเข้าไปหานางเลยค่ะ เพื่อนเพิ่นพยายามรั้งไว้(มันคงรู้เรื่องแล้ว เพื่อนสนิทเราเป็นน้องรหัสเขา) เดินไปถึงไม่พูดพล่ามทำเพลงเราใส่ก่อนเลยค่ะ เสียงดังมาก คนหันมามองกันเพียบอ่ะ  " คิดว่ากล้าดียังไงถึงบล็อก! นี่เรากำลังจะง้อนะ ไม่คิดจะให้ความร่วมมือเลยเหรอ แล้วอีนี่คืออะไร สรุปคืออยากเลิกใช่ป่ะ " อาละวาดสิคะ จะเหลือเร๊อะ
นั่นแหละค่ะทำให้เรากับเขาขาดกันโดยสิ้นเชิง พอเลิกกันจริงๆ แล้วรู้ว่าเขามีคนใหม่เราเสียใจมากนะ ทีนี้รู้ซึ้งเลยเวลาเขาจับได้ว่าเรานอกใจเขารู้สึกยังไง

เล่ายาวเหยียด ขอสรุปสั้นๆ เราเข้าใจจขกท. ที่เบื่อแฟน(เราก็เป็น ถึงเป็นสาเหตุให้เราไปหาคนอื่นแก้เบื่อไง) เราเลิกกับเขาถึงรู้ว่าเรารักเขามากแค่ไหน และรู้สึกเหมือนโลกจะถล่มตรงหน้าจริงๆ จขกท.ไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าคุณรักแฟนคุณมากแค่ไหนจนกระทั่งคุณเสียเขาไป และเมื่อคุณเสียเขาไปแล้ว อะไรการันตีคะว่าคุณจะได้เขากลับมา? ความแน่นอนไม่มีอยู่จริงค่ะ และคุณก็ต้องรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบของตัวเองให้ได้ คุยกับแฟนเถอะค่ะจขกท. ปรับความเข้าใจกัน จูนกัน นึกถึงช่วงเวลาที่รักกันให้มากๆ เข้าไว้ แล้วคุณค่ะไม่พลาดเหมือนเรา ตอนนี้เราทำใจได้แล้ว กำลังเริ่มต้นกับคนใหม่และพยายามไม่คุยกับคนอื่น บอกเลยว่ายากมากกกกกกก แต่ยากขนาดไหนก็ต้องอดทนค่ะ ผลของความพยายามมักหอมหวานเสมอ สู้ๆ นะคะ จขกท

ปล. เราเป็นไบ คบทั้งผู้หญิงผู้ชาย และแฟนเรา(ทั้งคนเก่าและคนปัจจุบัน)เป็นผู้หญิงค่ะ


ทำ...ถูก...แล้ว.....
อ้าวยังไม่เลิกเหรอคับ ท่ดๆๆ


อ่ะ ผมแปะเอ็มวีให้ละ(พร้อมเอ็มวีจากยูทูป)


เอาเวลาที่โพสกระทู้พันทิปไปคุยกับแฟนดีกว่ามั้ยคะ เราเป็นผู้หญิงค่ะ และเกลียดมากถ้าแฟนเริ่มเบื่อเราทั้งที่เราก็เหมือนเดิม แล้วมาอ้างนั่นนู่นนี่ รักกันจริงไม่เบื่อกันหรอกค่ะ!!!


มาโพสลงที่นี่ต้องการอะไรเหรอคับ


ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจากมีเนื้อหาไม่เหมาะสมอาจสร้างความขัดแย้งในเว็บบอร์ดฯ


อ้าว คดีพลิก


แซ่บมาก


ชั่ว


ฮือออออ เหมือนแฟนตัวเองเป็นคนตั้งกระทู้ ตัวเองไม่ได้ตั้งใช่มั้ย ตอบ!!


คิดดีๆ ครับเจ้าของกระทู้
คุณรักเขา หรือติดภาพลักษณ์ที่เขาทำตอนอยู่ต่อหน้าคุณแรกๆ?
เขาเปลี่ยนไป หรือคุณไม่เหมือนเดิม
คุณเอาเขาไปเปรียบเทียบกับใครรึเปล่า
ถ้าใช่...ก็เลิกเถอะครับ คุณหมดรักเขาแล้วล่ะ


สงสารน้องป.เลยหว่ะ หลงนึกว่าเป็นคนดี ที่แท้ก็...


เอ๊ะ อะไรกัน


เคยโดนทิ้งไว้กลางทาง มันเจ็บปวดมากจริงๆ คอนเฟิร์ม
คิดถึงใจเขาใจเรานะก่อนทำอะไร


มาไม่ทันนนนน T_T ขอวาปค่ะ


ขอวาร์ปด้วยคนค่ะ


ด้วยคนค่ะ ปิ๊งๆ



ยังรักแต่ก็ไม่อยากเลิก ใช่แน่เหรอคะ :)



ชี้แจงทีค่ะ 5555


เอาแล้วไง


(ภาพแทะเผือก+ปูเสื่อ)


ก็ไม่อะไรอ่ะค่ะ แค่คิดว่าเราชาวพันทิปกำลังโดนคน สันดาดเลว หลอกอยู่แค่นั้นเองค่ะ


ยังไงครับ คห.นี้


พร้อมเสิร์ฟ


ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจากมีเนื้อหาไม่เหมาะสมอาจสร้างความขัดแย้งในเว็บบอร์ดฯ


อยากรู้ด้วยคน


กลิ่นมาม่าเริ่มโชยมาละ


ผมนี่ต้มน้ำรอเลย


ปูเสื่อ+รอเผือกค่ะ


ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจากมีเนื้อหาไม่เหมาะสมอาจสร้างความขัดแย้งในเว็บบอร์ดฯ


ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจากมีเนื้อหาไม่เหมาะสมอาจสร้างความขัดแย้งในเว็บบอร์ดฯ


เกิดอะไรขึ้นเนี่ยยยยยย


(รูปแทะเผือก)


(รูปปูเสื่อรอยาวๆ)


(รูปปูเสื่อรออลังการ)


เอาแล้วๆ มีกลิ่นตุๆ ดีนะผมยังไม่อินมาก


ดิฉันเป็นเพื่อนน้องป. ในกระทู้เองค่ะ สงสัยจังทำไมเวลาดิฉันแฉเรื่องเลวๆ แล้วต้องโดนลบด้วย เอาเป็นว่าใครอยากรู้ความจริงหลังไมค์มานะค่ะ


ขออนุญาติหลังไมค์ไปนะคะ


หลังไมค์ไปนะครับ


หลังไมค์ด้วยคนค่ะ


ด้วยค่ะ


+1 คับ


เปิดวาร์ป เชิญทัศนา... [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


มาแล้วววว (รูปซดมาม่า)


อ้าว คดีพลิก


ดิฉันว่าแล้ววววว


ก็เผลอเห็นใจจขกท. T_T โดนหลอกซะได้เรา


เกลียด


ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจากมีเนื้อหาไม่เหมาะสมอาจสร้างความขัดแย้งในเว็บบอร์ดฯ


ทุเรศค่ะ พูดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่น้อง น้องป.น่าสงสารมากกกกกกก
ถ้าจะเลิกก็เลิกเถอะค่ะ คุณไม่คู่ควรกับน้องแม้แต่นิดเดียว


คุณหลอกดาว คุณทำได้ยังไง


ทำไมเราเปิดวาร์ปไม่ได้ T_T


มาไม่ทัน


ใครมีวาร์ปขอหน่อยครับ


ด้วยคนค่ะ


ด้วยคนค่ะ


เข้ามารอค่ะ


(รูปแจกเผือก)


(ภาพGIFเบะปาก) แก้ไขข้อความเมื่อ...


จขกท. ใช่ ช. วิศวะเครื่องกล ม.สีXX รึเปล่าคะ


เงียบ


ไม่ตอบอะไรเลยแปลว่าใช่รึเปล่าคะ


ดิฉันว่าอีกสักพักจขกทต้องแจ้งลบแน่


ว่าแล้วว่าต้องเป็นคนนี้ แต่ตอนอยู่ม.เขาก็หลุดสาวบ้างนะ


ช. ไหนคะน้อง พี่ศิษย์เก่าม.XX วิศวะเครื่องกลเหมือนกันค่ะ


ฮือ ไม่น่าหลงกรี๊ดเลย


ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื้อหาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อนามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ สถานที่ทำงาน ภาพถ่ายบุคคล


มาไม่ทัน


ระ...เร็วมาก


ขอวาร์ปอีกรอบค่ะ


ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก มีเนื้อหาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อนามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ สถานที่ทำงาน ภาพถ่ายบุคคล


คนนี้ค่ะ  [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ตอนแรกก็คิดว่าคนนี้เหมือนกัน แต่มันตงิดๆ ตรงเขาชื่อย่อ บ. ไม่ใช่ ช.


ถ้าคนนี้จริง ช. อาจจะมาจากชื่อเก่าเขาก็ได้ค่ะ
เราได้ยินว่าเขาเคยเปลี่ยนชื่อ พวกเพื่อนสนิทเก่าๆ ก็เรียกเขาว่า ช. นะคะ



ผิดคนแล้วค่ะ ช. มาจากชื่อเล่นเลยค่ะ แปลว่าชั่วด้วยนะค่ะ
ใบ้ให้ว่า ช. คนนี้เป็นเดือนภาคเครื่องกลฯ ค่ะ




[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


หน้าตาดี สันดานชั่ว (N)(N)(N)


ใช่จริงเหรอคะ O_O


ช็อกสัสรัสเซีย ชะนีไม่มีที่ยืน...


" ทุเรส " ครับ คำเดียวเลย


หนูหลงกรี๊ดคนแบบนี้ไปได้ยังไง


น่าสงสารน้องป.นะคะ ทั้งจขกท. ทั้งเพื่อนจขกท. เลวได้ใจจริงๆ ค่ะ


เพื่อน จขกท. นี่เกี่ยวอะไรอ่ะคับ ผมมาไม่ทันวาร์ป


ต้องบอกว่าชายก็ร้าย เพื่อนก็เลว :) ชั่วเสมอกัน เอ๊ย เหมาะสมกันจริงๆ ค่ะ










" เหี้ยอะไรวะเนี่ย!!! "











-------------------------------------------

เราเองถ้าเจอเหตุการณ์แบบเชา.. ก็คงรู้สึก เหี้ยอะไรวะเนี่ย เหมือนกัน สงสารนะแต่นายทำตัวเองว่ะ 5 5555 5 :laugh: หลังจากนี้เชาก็จะเป็นเหยื่อโซเชียล...

อยากจะบอกว่าตอนนี้เขียนลื่นมากค่ะ เป็นเพราะช่วงนี้งานไม่ค่อยเครียดบวกเสพดราม่าเยอะด้วย แต่ละอันนี่แซ่บๆ ทั้งนั้น โมโน่, ปีเตอร์พลอย, พลอยกับนักข่าว ล่าสุดคือ หญิงซาร่า   o18 ซึ่งอ่านแล้วจริงจังขนาดนั้นมั้ยก็เปล่า แค่อ่านเล่นๆ ขำๆ คงไม่จริงจังขนาดตั้งสเตตัส หรือด่าฝ่ายไหน เพราะการกระทำของเราอาจจะทำให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อโซเชียลโดยไม่รู้ตัวก็ได้ เหมือนอย่างเชาไงคะ 555 (อินเนอร์เรามาเต็ม  :laugh: )

เรื่องน้องฟิวเชาผิดเต็มๆ แต่นั่นเป็นคนละเรื่องหรือเปล่ากับการที่ social bullying กันแบบนี้?

อย่างไรก็ตาม เชานายรับกรรมไปนะ ทำตัวเองเองง่ะ ช่วยอะไรไม่ได้จีจี  o18

สุดท้าย ขอบพระคุณคนอ่านทุกคนเช่นเคยนะคะ  :L1: :pig4: :กอด1:


ปล. คำผิดในบทนี้มากหน่อย แต่อยากให้ได้รสเหมือนกำลังตามติดกระทู้จริงๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่13) " SSSwagrin "
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 26-07-2015 19:11:42
รอนิยายเรื่องนี้มานาน พอมาอ่านตอนสิบสาม อ้าวเห้ย คือเข้าใจสังคมพันทิปนะคะ แล้วก็เข้าใจธีมนิยายด้วย
สงสารเชาจังเลยค่ะ โดนคุ้ยประวัติเสียเยอะเลย เกลียดคอมเมนท์สุดท้ายจัง
ชายก็เลว เพื่อนชายก็เลว อ้าว! คิง(ของฉัน)ไปเกี่ยวด้วยอะไร๊
สารภาพตามตรงว่าจำเนื้อหาตอนก่อนๆ ไม่ค่อยได้  :serius2:
เดี๋ยวจะย้อนกลับไปอ่านใหม่นะคะ แต่ว่าอยากอ่านสปอยล์จังเลยเน้อ
อยากรู้ว่าในสปอยล์พันทิปมีอะไร รีบมาต่อนะคะ เดี๋ยวคนอ่าน(ที่สมองสั้นอย่างเรา)ลืมนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่13) " SSSwagrin "
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 26-07-2015 21:16:28
ช กับ ป แต่คนนั้นชื่อ ฟ ไม่ใช่เหรอ หรือว่างงเองหว่าเรา ห้าๆ

เดี๋ยวนี้เวลามีดราม่าต้องฟังหูไว้หู นี้ถ้าพวกเราไม่ได้รู้เหตุการณ์มาก่อนก็อาจจะไหลไปกับคำดราม่าเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่13) " SSSwagrin "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-07-2015 23:37:44
รอลุ้นวันถึงฉากที่นัดกันเคลีร์ย
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่13) " SSSwagrin "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 28-07-2015 00:55:04
social bullying จริงๆ   ไปขุดมาประจานเพื่อสนองตัณหาความอยากรู้ของตนเอง  ปัญหาก็คือคนอื่นโดนด้วยนี่สิ    แต่ว่าไปอีกทีตามพื้นฐานนิสัยของเชาว์นี่ท่าจะไม่แคร์อะไรมากแต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าโดนนินทาใส่ไข่ขนาดไหน    ก็ถูกอยู่ที่ว่าเชาว์ทำตัวเองแทนที่จะเคลียร์กับน้องกลับเอาไปโพสต์ในพันทิป   แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการขุดคนอื่นมาประจานจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง  ที่ห่วงก็คือเรื่องมันจะไปกันใหญ่ คนจะพูดถึงในวงกว้างแล้วข้อมูลต่างๆจะประเดประดังเข้ามาผสมจนกลายเป็นมั่ว   นิสัยนี้มักจะติดไปอีกนานแม้เลยเข้าช่วงวัยทำงานแล้วก็ตาม   
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่13) " SSSwagrin "
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 30-07-2015 23:06:08
ไอ่หมาหน้าเควี่ยยยยย
(ฆวยเหี้ย)

อยากเข้าไปพิมพ์คำนี้ในทู้พันทิป


พอทีกับไอ่ ช.
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่13) " SSSwagrin "
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-07-2015 23:21:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่13) " SSSwagrin "
เริ่มหัวข้อโดย: Mom2maM ที่ 06-08-2015 22:42:46
อ่านตอนล่าสุด
ยังกับเฮียหลุดไปทานมาม่าที่โลกสวยมาเลยคับ

ถูกใจขนาด ลำแต๊ ลำว่า

 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: ....อาการของคนหมดรัก....(ประกาศ) " แจ้งข่าวคราวค่ะ "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 14-08-2015 22:04:56
แจ้งข่าวคราวค่ะ ตามหัวข้อเลย

เนื่องด้วยตอนหน้าเนื้อหาหนักหน่วง(ในแง่การดำเนินเรื่องและตัวละคร) และเขียนได้ไม่เป็นที่น่าพอใจสักที จึงจะลงช้ากว่าปกติหนน่อยนะคะ

ไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนค่ะ

ขอบคุณทุกการติดตามเช่นเคยนะคะ  :pig4: :L1:



อย่างไรก็ตาม ระหว่างหาข้อมูลเขียนตอนถัดไปมันหนักหน่วงมากเลยเขียนเรื่องใหม่ออกมาแบบประชดตัวเอง คนละขั้วกับเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง ตามนี้เลยค่ะ " ผู้ชายคนนี้โดนนอกใจ และนี่คือสิ่งที่เขาทำ " http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48320.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48320.0)
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ประกาศ) " แจ้งข่าวคราวค่ะ "
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 15-08-2015 00:29:32
รอครับ
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14) " เหี้ยสิ้นดี "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 17-08-2015 21:30:52


14
เหี้ยสิ้นดี




ผมขี้เกียจพิมพ์ตอบ กดโทรออกหาไอ้เหี้ยเงาะ มันรับสายยังไม่ทันพูดอะไร


" มึงไปเอามาจากไหน "


' เอาอะไรวะ '


" ..เหี้ยกระทู้Kที่มึงส่งให้กู "


' อ่อ แฟนกูมาอ่านอ่ะ เขาก็มาถามกู เกิดอะไรขึ้นวะเชา ไม่ใช่มึงจริงๆ ใช่มั้ยวะ '


" K " ผมด่ากลับไปด้วยความโกรธเกรี้ยว


' เออดีแล้วไม่ใช่มึง กูเห็นตอนแรกตกใจสัด '


' แต่มาคิดดูแล้ว กูว่าแม่งก็ไม่น่าใช่มึงว่ะ  '


" เออดิ.. "


' เฮ้ย! เชี่ยยย แม่งมีคนเอาเฟสมึงไปปล่อยด้วยว่ะเชา!!! ไอ้เหี้ยยย!!! ' ไอ้เงาะสบถ ' มีรูปมึงไม่ได้เซนเซอร์ กูนั่งเปิดในกระทู้อยู่ '


ได้ยินเท่านั้นโลกของผมเงียบไปชั่วขณะ สายตาเริ่มมึนเบลอ ผมจนหูอื้อตาลายไปหมด คลื่นอารมณ์ในหัวก่อตัวสูงใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นคลื่นยักษ์ซัดเข้าสู่ชายฝั่ง มือผมหยิบฉวยซองบุหรี่ได้เป็นอย่างแรกปาอัดมันลงพื้นด้วยแรงมากที่สุดที่มี มือถือในมือก็เกือบจะโดนปาทิ้งไปอีกรอบแล้วเช่นเดียวกัน แต่ผมยั้งมือเอาไว้ที่ระดับอก เพิ่มแรงบีบที่เครื่องมือสื่อสาร ยั้งไว้ เครื่องนี้มึงเพิ่งซื้อมาใหม่   


โครมม!!


ผมกระชากประตูกระจกระเบียงอย่างแรงแทน ขอบบานเลื่อนอลูมีเนียมชนกันเกิดเสียงดังลั่น เดินกระทืบเท้าปึงปังไปที่โต๊ะแล้วกดเปิดคอมขึ้นมา


' เฮ้ยย! เชามึงใจเย็น '


" เย็นเหี้ยอะไรล่ะ! "


ปัง!!


ผมทุบโต๊ะระบายอารมณ์ อะไรๆ แม่งก็ชวนหงุดหงิดไปหมด ทั้งเสียงไอ้เหี้ยเงาะในมือถือ คอมที่บู๊ทเครื่องช้าเหลือเกินกว่าจะเปิด แม้กระทั่งไอ้คิงที่เมาหลับอยู่บนโซฟา ผมก็พาลนึกไปถึงตอนที่มันพูดถึงแฟนเก่าเหมือนว่าลืมไปว่าไอ้เหี้ยนั่นเคยทำให้มันเจ็บมากแค่ไหน!!


ห่าเอ๊ย!!!


ทำไมทุกอย่างแม่งก็ดูขัดหูขัดตาไปหมดวะ ไอ้เหี้ย!!


' เชามึง.. '


ผมกดตัดสายไอ้เหี้ยเงาะ ปาโทรศัพท์ลงเตียงอย่างแรงแล้วฟาดหลังมือกับ CPU เผื่อมันจะช่วยให้คอมพิวเตอร์ผมทำงานเร็วขึ้น


" ไอ้สัตว์! "


คอมติดสักที! ผมเปิดเว็บบราวเซอร์ เข้าลิงค์ที่ไอ้เหี้ยเงาะส่งมาให้อีกครั้ง คราวนี้คลิกเข้าไปอ่านสปอยล์ทุกอันที่แนบมา ไม่มีอันไหนที่ปล่อยผ่านไปเลย


ไอ้เหี้ยเงาะยังพยายามโทรกลับมาอีก ผมกดตัดสายมันสองรอบ รอบสุดท้ายตัดสินใจปิดเครื่องเพื่อตัดปัญหา!!
ก๊อกๆๆๆ


" เชา! เปิดประตูให้กูหน่อย มึงโอเคเปล่าวะ "


แม่งเดินขึ้นมาเคาะห้อง ผมลุกขึ้น ระบายลมหายใจแรง ความกรุ่นโกรธและอารมณ์โมโหที่มีอยู่ทำให้ร้อนไปทั้งหน้า ผมกำมือแน่นนจนรู้สึกเจ็บเพื่อยั้งอารมณ์ตัวเองไว้ก่อนจะเดินไปหน้าห้อง กระชากประตูเปิด


" มีอะไร! "


สีหน้าไอ้เงาะร้อนรนอย่างคนทำอะไรไม่ถูก มันไม่เคยเห็นผมโมโหขนาดนี้มาก่อน


" มึงโอเคป่ะวะ กูได้ยินเสียงดังลงไปถึงข้างล่างเลย "


" โอเคก็เหี้ยแล้ว! "


" ... "


" กู.…. มึงกลับไปก่อนไป กูอยากอยู่คนเดียว " พยายามคุมน้ำเสียงตัวเอง ก่อนที่จะพาลตะคอกใส่ไอ้เหี้ยเงาะไปอีกคน แม่งไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยผมรู้ และผมก็ไม่อยากให้ใครก็ตามเห็นสภาพโกรธจัดของตัวเองเช่นเดียวกัน


" ... " ไอ้เงาะอึ้งแดก พูดอะไรไม่ออก มันนิ่งไปพักแล้วก็พยักหน้า ผมจึงปล่อยมือจากลูบิด ลมตีเข้ามาพอดีพัดประตูปิดเกิดเสียงดังสลั่นไปทั้งระเบียงทางเดิน


ปัง!!!!


ผมเดินกลับไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ความอดทนที่มีอยู่อย่างจำกัดของผมได้ถูกKล็อกอินที่ใช้ชื่อว่า SSSwagrin ตัดสะบั้นจนไม่มีชิ้นดี


ไอ้เหี้ย SSSwagrin แม่งเป็นใครวะ ชี้เป้ามาที่ผมตลอด มันเป็นคนคอมเม้นท์ชวนคนให้รุมด่า ในกระทู้มีล็อกอินผีอีกหลายล็อกอินสมัครมาเมื่อแฉทุกอย่างของผมโดยเฉพาะ รวมถึงปล่อยเฟสบุ๊ก และปล่อยรูปส่วนตัวที่จะเห็นได้ก็ต่อเมื่อเป็น Friend กันเท่านั้น


Kยยยยยเหอะะะ!!!!


แม่งงงงงเอ๊ย พ่อมึงตายรึไงไอ้สัตว์ กูทำห่าอะไรให้มึงยัง K! ไอ้เหี้ย!!


ในเฟสบุ๊คผมเริ่มมีคนส่งข้อความมาด่าเพราะผมตั้ง Privacy เอาไว้ มึงจะเห็นหน้าวอลหรือโพสได้ก็ต่อเมื่อมึงเป็น Friend แล้วเท่านั้น แต่กล่องข้อความยังใช้งานได้ดีอยู่ ในนั้นจึงเต็มไปด้วยถ้อยคำด่าทอต่อว่า ผมไม่เปิดข้อความขยะพวกนี้อ่านให้เสียเวลา กดรีพอร์ทและบล็อกอย่างเดียวเท่านั้น


คลิ๊กคลิ๊กๆๆๆ!


คลิ๊กติดสักทีสิวะ ไอ้เหี้ย!!!


กระแทกเม้าส์ลงกับโต๊ะอย่างแรงมันถึงจะตอบสนอง ในกระทู้ของผมข้อความยังไหลอยู่บ้าง ผมกดแจ้งลบกระทู้ของตัวเองเพื่อตัดปัญหา





ใช้เวลาสักพักใหญ่พายุอารมณ์ผมถึงได้สงบลงไป ผมผ่อนลมหายใจเข้าออกอีกหลายทีจนอารมณ์คงที่แล้วก็ลุกขึ้น หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและนอนได้สักที นี่ตีสองกว่าแล้ว


ก๊อกๆๆ


เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกรอบขณะที่ผมกำลังอาบน้ำอยู่ ผมพ่นลมหายใจ ล้างสบู่ หยิบบ็อกเซอร์มาสวมแล้วเดินไปเปิดประตู
" เหี้ยไรอีกวะเงาะ….?! "


ทว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่ใครที่ผมรู้จักทั้งนั้น อีกฝ่ายยิ้มแล้วผงกหัวให้ผมเล็กน้อย ไอ้ลักยิ้มที่แก้มกับท่าทางชิลๆ ผ่อนคลายตลอดเวลาทำให้ผมรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน


และพอคิดดีๆ ผมชักไม่อยากจำได้แล้วสิ


" คิงอยู่ห้องรึเปล่า? "


ไอ้เหี้ยภัทร แฟนเก่านักดนตรีของคิง…




ผมกับแฟนเก่าไอ้คิงไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว อย่างที่เคยบอกไปผมไม่เคยเจอตัวมันมาก่อน นอกจากเห็นหน้ามันบ้างจากในเฟสบุ๊กคิง มันถอดรองเท้าผ้าใบสีขาวขมุกขมัวไว้หน้าห้องแล้วพาร่างสูงเก้งก้างเข้ามา


" โห.. นี่กินกันสองคนจริงดิ " มันถามขณะที่กวาดตามองรอบแล้วหันไปเห็นขวดเบียร์บนโต๊ะหน้าโซฟา ถัดไปเป็นคิงนอนหงายเหยียดตัวมือก่ายหน้าผากอยู่บนนั้น " หลับไปนานยัง? " คงหมายถึงคิงที่นอนอยู่


" อืม " ผมประหยัดคำพูด ตอบสั้นและห้วน


ความรู้สึกประหลาดเสียดแทงอยู่ในอกของผมอีกรอบเหมือนโดนเข็มเล่มยาวแทงเสียบหัวใจอย่างต่อเนื่องจนมันจมมิดเล่ม มันเป็นความรู้สึกเดียวกับที่เก็นขึ้นตอนเย็นที่ได้ยินคิงพูดถึงแฟนเก่า ปวดจี๊ดและชาอยู่อย่างนั้น ยิ่งหนักหน่วงและเจ็บปวดกว่าเดิมเมื่อเจ้าตัวที่ถูกกล่าวถึงมายืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ


ในห้องเงียบมาก มันไม่พูดอะไรอีกนอกจากไปนั่งที่โซฟาดูว่าคนเมาที่ตัวเองมาหาเป็นยังไงบ้าง


" ปลุกมันดิ "


ผมพูดทำลายความเงียบน่าอึดอัด สวมเสื้อและมองคนมาใหม่ที่ไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ แต่มันก็มาแล้ว มาตอนตี 2


ภัทรมองผมและมองคิง มันไม่มีท่าทางว่าจะทำผมเลยเป็นฝ่ายปลุกไอ้คิงให้มันเอง


" ขอบใจ "


รอยยิ้มมันทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบใจ เพราะอิจฉา? ไม่ใช่หรอก.. เพราะอีกฝ่ายเก็บซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงของตัวเองใต้รอยยิ้มนั้นต่างหาก นั่นทำให้ผมเดาทางไม่ถูกและอดรู้สึกไม่ได้ว่าคน ' แบบนี้ ' เหรอวะที่ไอ้คิงเคยชอบ


แม่ง.. น่าหมั่นไส้


ถ้าผมทนไม่ไหวอาจจะเข้าไปต่อยมันก็ได้ ใครจะรู้


" เชี่ยคิง.. ตื่น "

 
ผมตบแก้มปลุกคิง มันงึมงัมตอบแต่ยังไม่ยอมตื่น นั่นทำให้ผมเพิ่มแรงขึ้นอีกนิดพร้อมกับพยุงร่างที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นนั่ง
" อื้อ! " มันส่งเสียงเหมือนไม่พอใจ คิงเป็นประเภทเมาแล้วหลับ ได้นอนสักงีบตื่นขึ้นมามันก็สร่างเมา ผมปลุกเรียกชื่อมันอีกที
คิงลืมตาทีละนิด เมื่อมันเห็นว่าอะไรเป็นอะไร และใครนั่งส่งยิ้มอ่อนมาให้มันก็ชะงักค้าง ตาเบิกกว้างตกใจ


" ......มึงมาได้ยังไง "


ผมควรปล่อยให้สองคนคุยกันต่อ อาจจะบอกว่าจะนอนแล้ว และลุกหนีไปนอนที่เตียงโดยหันพลังให้คนทั่งคู่และพยายามข่มตานอนให้หลับ ใช่.. ผมต้องทำแบบนั้น เรื่องระหว่างคิงกับภัทรผมเป็นคนนอกจึงต้องถอยออกมา ก่อนที่ตัวเองจะถูกผลักกระเด็นโดยคนที่ผมให้ความสำคัญ


ความรู้สึกแบบนี้แม่ง.. เหี้ยสิ้นดี






--------------------------------


ปรากฎว่าเสร็จเร็วกว่าที่คิดไว้ค่ะ ตอนแรกนึกว่าจะสักอาทิตย์ด้วยซ้ำ แต่เร็วกว่าที่คาดก็ถือว่าดีนะคะ ไม่อยากให้คนอ่านขาดตอน เดี๋ยวอารมณ์จะไม่ต่อเนื่องและลืมเนื้อเรื่องไปซะก่อน แฮ่.. พอดีได้หนังสือเกี่ยวกับการเขียนบทหนังมาเลยเอามาประยุกต์หน่อย ช่วยชีวิตมากๆ เลยค่ะ เพราะบทเชาระเบิดอารมณ์ถ่ายทอดลำบากมาก เขียนแล้วลบหลายรอบจริงๆ (และเขียนไม่ออกเลยก็มี....)

เชาเป็นคนที่ฉลาดและเล่นเกมในบางครั้งค่ะ ซึ่งจะทำก็ต่อเมื่อมีแรงจูงใจ แต่เชาไม่ใช่คนที่ ' คิดเยอะ ' ขนาดนั้น การเผชิญหน้ากับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำให้เจ็บๆ เสียดๆ เลยทำให้ในใจเขวไปบ้าง อย่างไรก็ตามเชาก็ยังเป็นเชาค่ะ มีความมั่นใจในอัตตาของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม 5555 ซึ่งคนแบบนี้เนี่ยไม่ปล่อยให้ตัวเองล้มหรอกค่ะ แต่ถ้าล้มเมื่อไหร่ ล้มแรงแน่นอน ติดตามไปพร้อมๆ กันนะคะ 

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และการติดตามค่ะ และขอบคุณคนอ่านขาประจำที่ยังอยู่ด้วยกัน แม้ว่าเราจะมาหลายอาทิตย์/ตอนก็ตาม  :o8:  :L1:  :กอด1:


ปล. หลังจากนี้ระยะเวลาในการลงตอนถัดๆ ไปอาจจะประมาณ 3-4 อาทิตย์ครั้งนะคะ เราติดพรีทีสิสค่ะ  :katai1: แต่ถ้าเขียนเสร็จแล้วจะรีบมาลงให้อย่างแน่นอนค่ะ
 

หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14) " เหี้ยสิ้นดี "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-08-2015 22:09:23
ไม่อยากคาดเดาอะไรอีกแล้ว
รอลุ้นไปเรื่อยๆแล้วกัน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14) " เหี้ยสิ้นดี "
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 17-08-2015 22:47:50
โอย ค้างมากกกก มาต่อเร็วๆนะคะ อยากรู้ว่าสุดท้ายจะจบยังไง
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14) " เหี้ยสิ้นดี "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-08-2015 02:20:12
เพื่อนที่เกลียดเขาคงมีเต็มไปหมดสินะ   ว่าจริงๆแล้วเชาจะมีเพื่อนจริงๆหรือเปล่านี่?
เชาคงไม่ล้มเพราะโดนโลกโซเชี่ยลอย่างเดียวหรอก อาจจะล้มเพราะคิงมีแฟนด้วยหรือเปล่า?  ตอนนี้กำลังสงสัยเงาะ 55555

ยังไงเราก็ไม่ชอบสิ่งที่คนทำกับเชา   ตามไปขุดคุ้ย ด่าคนอื่นทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แล้วก็ชี้ช่องให้คนอื่นตามไปถล่ม ตามไปด่า  เพื่อความสะใจล้วนๆ 
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14) " เหี้ยสิ้นดี "
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 18-08-2015 04:57:45
ว้ายยยย ตอนนี้แม่ยก #คิงเชา ถูกใจแรงมากค่ะ
ชอบตอนนี้ ฮุฮุ เชาแอบคิดอะไรกับคิงรึเปล่าละนั่น แอบฟินไส้ติ่งบิดไส้แตก
ถึงตอนนี้เชาจะดูน่าสงสาร แต่เราก็เขินได้ 5555 อวยแรงมาก
รอตอนต่อไปค่ะ คิงก็น่าสงสาร เชาก็น่าสงสาร น้องฟิวก็น่าสงสาร แนะนำให้คนน่าสงสารทั้งสามคนมาเล่น 3p #เดี๋ยวๆ
 :katai2-1:  :hao7:  :hao5:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14) " เหี้ยสิ้นดี "
เริ่มหัวข้อโดย: Mom2maM ที่ 18-08-2015 23:06:03
หน่วงแท้เหลา
 :katai1: :katai1: :katai1:

ลุ้น ลุ้น
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14) " เหี้ยสิ้นดี "
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 18-08-2015 23:35:56
ความรู้สึกแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะไปทางไหนดีสินะ ถึงได้รู้สึก "เหี้ยสิ้นดี"

คนที่ขุดคุ้ยเรื่องคนอื่นเหมือนกัน นี่บอกเลยว่าเป็นคนหนึ่งที่เกลียดวิธีการยืมมือคนอื่นฆ่าแบบในเวปโลกสวย

รู้สึกไม่โอเคกับวิธีการสกปรกแบบนี้
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14) " เหี้ยสิ้นดี "
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 18-08-2015 23:46:30
คำนี้..แรงนะ

ไม่คาดคิดว่า..เชา
จะด่าตัวเองด้วยคำนี้

จะสงสารหรือไม่สงสาร
เอาเป็นว่า..ไม่สงสารนะ

คนอื่นเค้าเคยเจ็บเพราะเธอมาเยอะ
รับความรู้สึกแบบนี้บ้างจะเป็นไรไป
เผื่อว่าจะได้เข้าใจคนอื่นกะเค้าบ้าง
..ซะที..
หุหุ

+1 ให้นะครับ..คนแต่ง
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14.5) " ทำไมถึงเพิ่งมาบอกตอนนี้ "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 25-08-2015 22:58:12
14.5
ทำไมถึงเพิ่งมาบอกตอนนี้



คิงไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่ เขาคิดว่าตัวเองอาจจะละเมอหรือฝันอยู่ แต่รอยยิ้มอ่อนของอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ฉีกกว้างขึ้นจนเห็นลักยิ้ม ทำให้เขามั่นใจว่าไอ้เหี้ยภัทรมาอยู่ตรงหน้าแน่นอน


“ ก็บอกให้มาเอง ” หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดแชทเฟสบุ๊กยื่นให้คิงดู เขากลอกตาทำหน้าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์มือถือจากภัทรเช่นกัน


“ เก็บไป ขี้เกียจดู ”


เพราะจริงๆ ก็เริ่มนึกออกลางๆ แล้วเหมือนกันว่าตอนนั้นทำอะไรลงไป…


เมา ประกอบกับเพิ่งเจอมันไปตอนเย็น เลยทักแชทไปหา พิมพ์ว่าอะไรไม่รู้ จำไม่ได้ แต่ข้อความเหล่านั้นก็ทำให้ภัทรมาอยู่ในห้องของเขาแล้วตอนนี้


กูนี่..ทำไปได้.....


ภัทรหัวเราะเบาในลำคอแล้วเก็บมือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม


“ รีบมาเลยนะเนี่ย ฝากไอ้ตังค์เก็บของ กลับไปโดนมันด่าเช็ดแน่ ”


ภัทรเล่นดนตรีตอนกลางคืนกับเพื่อนในวงอีกสามคน มันเป็นมือกีต้าร์ แต่เมื่อกี้มันพูดถึงตังค์…


“ มันยังอยู่อีกเหรอ ”


ตังค์คือนักร้องนำ เห็นว่าจะเลิกร้องเพลงไปหลายครั้งแล้วเพราะเรียนหนัก หลังคิงเลิกกับภัทรมาก็ไม่ได้ไปเจอคนอื่นอีกเลยไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ภัทรว่าฝากตังค์เก็บของให้ก็แปลว่ามันยังอยู่ไม่ได้เลิกไปอย่างที่ตัวเองว่า


“ จำได้ด้วย? ”


ภัทรยิ้มดีใจและก็ยิ้มมากขึ้นเมื่อคิงเงียบแทนคำตอบ


“ ว่างๆ ก็ไปได้นะ ยังเล่นอยู่ร้านเดิม ”


คิงชะงัก เขานิ่งไปสักพักแล้วก็ตอบกลับ


“ อืม ”


ไม่เข้าใจ...ว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร


“ แต่ถ้าจะมาจริง บอกล่วงหน้าหน่อยก็ดี ” ภัทรพูดต่อ ท่าทางมันเขินหน่อยๆ “ คือ..ตังค์มันก็จะออกจริงๆ นั่นแหละ เลยร้องแทนมัน วันนั้นไม่ต้องดูก็ได้ ไม่ได้ร้องเพราะขนาดนั้น.. ”


ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาอาจจะรู้สึกดี แต่ตอนนี้การเห็นท่าทางของภัทรยิ่งทำให้คิงปวดใจ รู้สึกหน่วงๆ อย่างบอกไม่ถูก เหมือนแผลเก่าที่คิดว่ามันสมานกันดีแล้วกำลังปริเปิดอีกรอบ


เพราะภัทรเองต่างหากที่ห่างๆ จากคิงไป พอถามก็ตอบว่าไม่มีอะไร งานหนัก และไม่ว่าง… ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้แม่น พอลองถอยห่างออกมาจนคิดว่าทำใจได้แล้ว ไม่ได้นึกถึงมาสักพักใหญ่ๆ แล้วก็มาบังเอิญเจอในเย็นวันนี้ และบอกว่ายังรู้สึกเหมือนเดิม


ทำไมวะภัทร...


“ ทำไมมึงเพิ่งมาบอกตอนนี้... ”


ตอนที่กูเข็ด.. กับมึงแล้ว….



-----------------

ขอบคุณทุกการติดตามของคนอ่านนะคะ  :L1: :pig4: :กอด1:

และขอเอาเสี้ยวเรื่องเบาๆ (นี่เบาแล้ว?) ของคิงมาให้ หวังว่าจะชอบกันนะคะ

หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14.5) " ทำไมถึงเพิ่งมาบอกตอนนี้ "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-08-2015 23:03:11
ลุ้นต่อไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14.5) " ทำไมถึงเพิ่งมาบอกตอนนี้ "
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 25-08-2015 23:20:06
อะไรล่ะนั่นนนนนนนนนน คิงอย่าใจอ่อนง่ายๆ น้า
กลับไปรักเชาดีกว่า //เดี๋ยวนะๆ ทีมอวยเชาคิงค่ะ มาเกือบทุกตอน คิคิ รอครึ่งที่เหลือนะคะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่14.5) " ทำไมถึงเพิ่งมาบอกตอนนี้ "
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 26-08-2015 01:03:26
ฮือออ คู่นี้ก็หน่วงคู่นั้นก็หนัก ยังไงๆ
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่15) " ผิดปกติ "
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 05-09-2015 21:06:12
15
ผิดปกติ





ผมตื่นขึ้นมาตอนเก้าโมงนิดๆ ผมลืมตาโพลงมองเพดาน แล้วหันหน้าไปด้านข้างมองคนที่ยังนอนหลับอยู่ เปลือกตาปิดสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว


เมื่อคืนหลับไม่ค่อยเต็มอิ่มเท่าไหร่ ตลอดการสนทนาของคิงกับภัทร ผมตื่นและได้ยินแทบทุกประโยคก่อนที่แฟนเก่าไอ้คิงกลับไปตอนตี4 คิงมันเข้าไปอาบน้ำร่วมครึ่งชั่วโมงถึงมานอน


ผมถอนหายใจ ลุกจากที่นอนแล้วไปอาบน้ำสระผม ปล่อยให้น้ำจากฝักบัวไหลผ่านหัวตัวเองอยู่สักพัก เผื่อจะทำให้หัวผมโล่งขึ้นและคิดออกสักทีว่าควรจัดการกับปัญหาที่โถมเข้ามาอย่างไร ทั้งกระทูถาม, เรื่องที่ผมโดนเอาข้อมูลส่วนตัวไปเผยแพร่ และความรู้สึกครึ้มๆ ขมุกขมัวในใจ


โดยเฉพาะเรื่องสุดท้าย ที่ทำให้ผมรู้สึกแย่อย่างถึงที่สุด


ผมเคยบอกไปแล้วว่าผมกับคิงเป็นแค่วงกลมสองวงที่ซ้อนทับกันส่วนหนึ่ง และนับวันพื้นที่ตรงนั้นยิ่งน้อยลงทุกที


ถ้าหากวันหนึ่ง.. มัมที่เชื่อมเราไว้ไม่อยู่แล้ว ผมกับคิงจะเป็นยังไงต่อ?


คิงกลับไปอยู่กับญาติฝั่งพ่อที่อเมริกา และเราต่างก็ใช้ชีวิตต่อไปหรือเปล่า มันจะยังติดต่อกลับมาหาผมมั้ย และอื่นๆ ที่ผมคิดสะระตะอยู่ในหัว


ผมปิดน้ำ ตัดสินใจเลิกคิดแล้วบีบสบู่จอห์นสันแอนด์จอห์นสันออกมาทำความสะอาดร่างกาย รีบอาบน้ำแปรงฟัน ผมเดินออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าและเริ่มเก็บห้องบริเวณโซฟาหน้าที่วีที่เต็มไปด้วยขวดเบียร์ สายตาเหลือบไปเห็นไอโฟน 5 สีดำตกอยู่ตรงซอกโซฟา หยิบมันออกมาแล้วกดปุ่มวงกลมตรงกลาง หน้าจอไม่ได้ล็อกไว้ ผมเลื่อนนิ้วโป้งไปทางขวามันก็โชว์หน้าต่างเฟสบุ๊กที่เปิดค้างไว้

 
คิง: เป็นเหี้ยไรถึงมาทักกู


คิง: ตายห่าหายไปเป็นปี


คิง: รวย


คิง: ค วย


คิง: ลบเฟสเบอกูอ่ะดิ รึแฟนมึงสั่งวะ


คิง: เลิกกูแล้วเอาตุ๊ดเหรอ เหอะ ไม่เท่ากูร้อกก


ภัทร: เป็นไรเนี่ย เมา?


คิง: เรื่องกุ


ภัทร: …


คิง: ทักกุทพไม


ภัทร: แปปนะ ต้องขึ้นเล่นแล้ว


คิง: คิดออกแล้วบอกด้วยที่ห้อง


คิง: ไม่มามึงกาก


 
เพราะแบบนี้..ภัทรถึงมาหาคิงที่ห้อง?


ผมกดปิดหน้าจอและวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ซ่อนมันไว้ในซอกโซฟา ไม่อยากเห็นและไม่อยากให้คิงมาเจอ น่าจะปิดเครื่องด้วย แต่ช่างแม่งเหอะ





" เชาหวัดดี "


วันนี้ผมหลีกเลี่ยงการเจอกับใครก็ตามที่รู้จักผมที่สุด สายตาที่มองผมคงเปลี่ยนไปหลังจากอ่านกระทู้ ซึ่งผมรับไม่ได้ ทว่าผมกลับเจอพายเป็นครั้งที่ 3 ติดกัน 2 วันแล้ว พายถือตระกร้าผ้า สวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเช่นเดิม แต่วันนี้ผมไม่มีอารมณ์มองขาขาวๆ ของพาย


" อืม " ผมแค่นยิ้มส่งให้พายเล็กน้อยแล้วหันหน้าไปทางอื่นระหว่างรอลิฟต์พาเราลงไปชั้น 1


" เป็นอะไร หน้าตาไม่ค่อยโอเคเลย "


" มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ " ผมพ่นลมหายใจ " ช่วยถือมั้ย ตะกร้าผ้าอ่ะ " พายทำหน้างง ผมจึงต้องบอกต่อว่าจะช่วยอะไร ใบหน้าขาวใสคลี่ยิ้มกว้างจนตาปิดพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ


" ไม่ต้องหรอก ถือได้ ไม่หนักเท่าไหร่ "


ผมพยักหน้ารับแล้วก็เงียบ พายพูดต่อ


" เชาเป็นคนดีนะเนี่ย ตัวเองเครียดอยู่ยังช่วยอีก "


ผมเนี่ยนะคนดี ฮะๆ พายไม่รู้จักผมจริงๆ มากกว่า


" เหรอ? "


" อื้ม " อีกฝ่ายพยักหน้าสำทับ ท่าทางเคร่งจริงจังเกินจริงจนผมต้องหัวเราะหึออกมา


" อาจจะทำดีเพราะจีบพายก็ได้นะ " แกล้งถามแหย่ แล้วรอดูว่าพายจะตอบอะไร ผมคิดว่าต้องบ่ายเบี่ยง ไม่ก็เปลี่ยนเรื่อง แต่พายไม่ได้ทำทั้งสองอย่าง


" ถ้าจีบเราจริงแค่นี้ยังไม่ติดหรอก "


ผมอึ้ง เหวอเลย ไปต่อไม่ถูก ไม่คิดว่าจะโดนตอบกลับแบบนี้ด้วยใบหน้าทะเล้นขี้เล่น เหมือนหยอกผมกลับมากกว่าจะหมายความอย่างนั้นจริงๆ ไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน ผมค่อยๆ ยิ้มกว้างแล้วหัวเราะออกมาแบบอดไม่ไหว


พายหัวเราะไปกับผมด้วย


" ขำอะไร? " พายถามทั้งที่ตัวเองก็หัวเราะอยู่เหมือนกัน


" ขำพาย คิดได้ไงเนี่ย ฮะๆๆ คิดไม่ถึงจริง "


" เชาเล่นก่อนเองนะ " เธอยิ้ม ขำจนไหล่สั่น และเมื่อประตูลิฟต์ที่ชั้นหนึ่งเปิดออก ผมต้องสะกิดบอก พายถึงเดินออกไปยังเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ผมก้าวเท้าตามและกอดอกยืนมองเธอเอาผ้าลงถังและใส่ผงซักฟอก


" มีอะไรเหรอ "


" กินข้าวยัง ไปกินด้วยกันมั้ย " ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมถามออกไปแบบนั้น อาจเป็นเพราะรอยยิ้มและบรรยากาศสบายๆ รอบตัวพายที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเราน่าจะเข้ากันได้ เหมือนเจอเพื่อนเก่า หรืออะไรทำนองนั้น...


พายมีท่าทางประหลาดใจ ไม่คิดว่าผมจะชวนไปดื้อๆ แต่เธอก็ตอบตกลง






 
เช้าวันจันทร์ผมเริ่มต้นอย่างเอื่อยเฉื่อย ผมมีเรียนเก้าโมงเช้าแต่ผมไม่มีความกระตือรือร้นเลยแม้แต่นิดเดียว ขนาดคิงที่ปกติจะตื่นสาย วันนี้มันตื่นเช้ากว่าผมและเป็นคนปลุกให้ผมไปอาบน้ำ


" เข้ามอพร้อมกูรึเปล่า " ผมถาม ยืนพิงขอบประตูห้องน้ำและแปรงฟันไปด้วย คิงอยู่หน้ากระจก กำลังกลัดกระดุมเสื้อนักศึกษา มันแต่งตัวเนี้ยบ ดูสะอาดสะอ้านไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นเรื่องปกติ


" ไปดิ " มันตอบ ยัดชายเสื้อนักศึกษาลงกางเกงแล้วพับแขนเสื้อนักศึกษาขึ้นมาเหนือศอก ผมเดินกลับเข้าห้องน้ำบ้วนยาสีฟันทิ้งแล้วไปอาบน้ำ เสร็จออกมาคิงนั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ที่โซฟาเรียบร้อย ข้างตัวมันมีไอโฟนสีดำอีกเครื่องวางไว้...


ผมกลอกตาไปทางอื่นด้วยความรู้สึกรำคาญเล็กๆ เกิดขึ้นในใจ แต่งตัวสวมเสื้อช็อปไปก็หงุดหงิดไป แต่คิงคงไม่สังเกตุ มันไม่ได้ใส่ใจผมขนาดนั้น


" ขากลับล่ะ กลับพร้อมกูมั้ย " ผมถามไปงั้น คาดเดาคำตอบได้แต่ก็ยังอยากได้ยินจากปาก


" ไม่อ่ะ กูมีนัดต่อ " คิงเก็บโทรศัพท์ที่ภัทรลืมไว้ใส่กระเป๋าสะพาย มันลุกขึ้น " ไปรึยัง? "


ผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากพยักหน้า หยิบหมวกกันน็อคของตัวเองไปด้วยแล้วเดินนำมันลงไปด้านล่าง เข็นมอเตอร์ไซค์ตัวเองออกมาขึ้นคร่อม สวมหมวกกันน็อค แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์รอคิงขึ้นมาบ้างก่อนจะขับไปส่งมันที่หน้าคณะวิทย์และขับต่อไปยังคณะวิศวะของตัวเอง


ไม่ชอบเลยที่คิงมันกลับมาคุยกับแฟนเก่ามันอีกรอบ...




 
ในห้องเรียนมีเสียงดังของนักศึกษาคุยกันก่อนอาจารย์เข้าสอนเป็นปกติ แต่มันไม่ปกติตรงที่เมื่อผมก้าวเข้ามาในห้อง สายตาหลายๆ คู่ก็จับจ้องมาที่ผมแล้วค่อยๆ เงียบเสียงลง อย่างกับว่าหัวข้อสนทนาก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผมโดยเฉพาะ
น่าหงุดหงิด แต่ยังไม่ถึงกับทนไม่ได้ ผมจึงพยายามไม่สนใจ ก้าวอาดๆ ไปนั่งที่ประจำของตัวเอง ระหว่างทางเดินไปผมสบตากับขวัญ มันย้ายไปนั่งกับเพื่อนอีกกลุ่มและทำหน้าคล้ายสยองปนขยะแขยงขณะที่ผมเดินผ่าน แต่พอผมจ้องกลับไปมันก็สะดุ้งเลิกลั่ก เฉไฉมองไปทางอื่นแทบไม่ทัน


ทุเรศชิบหาย ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของมันมาก่อน...


ผมนั่งกดโทรศัพท์แชทกับพาย เธอถ่ายรูปห้องเรียนมาให้ดู อาจารย์ยังไม่เข้าสอนตามมาด้วยภาพตัวการ์ตูนน่ารักเบะปากทำท่าเบื่อ ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย การคุยกับพายทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย ผมยกมือถือขึ้น กดปุ่มกล้องกำลังจะถ่ายรูปในห้องเรียนส่งให้พายดูเหมือนกัน แซคก็ก้าวเท้าเข้ามาในเฟรมซะก่อน


" ไงมึง " ผมทักมันก่อน แล้วเบนกล้องไปอีกทางที่แซคไม่บัง ถ่ายรูปห้องเรียนส่งกลับไปให้พาย


" ไอ้ขวัญล่ะ ยังไม่มาเหรอ " แซคนั่งลง วางกระเป๋าบนโต๊ะแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้


" นู่น " ผมพยักเพยิดไปทางกลุ่มริมประตูที่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย


อันที่จริงอาทิตย์ทีผ่านมาไอ้ขวัญก็ยังนั่งกับผมและแซคอยู่บ้าง เพียงแต่ว่ามันไม่เปิดปากคุยกับผม และชอบมองค้อน ไม่พอใจ มีอะไรแต่ไม่ยอมพูดออกมาทำให้ผมรำคาญ ขี้เกียจคุยกับมันก่อนเหมือนกัน จนกระทั่งวันนี้แหละที่มันไปนั่งที่อื่น


" เป็นเหี้ยอะไรวะ? " แซคสบถมากกว่าจะถามแบบต้องการคำตอบ


ผมไหวไหล่ไม่ได้พูดอะไร ตาจ้องหน้าจอ มือกดตอบแชทพายต่อ เธอส่งสติ๊กเกอร์แมวพุชชินมาอีกจนผมเห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้ น่าเสียดายที่พิมพ์แชทมันแสดงอารมณ์ได้แค่ 555


' แน่ หัวเราะได้แปลว่าอารมณ์ดีแล้ว งั้นเราเรียนก่อนน้า '


' บายจ้า '


พายกล่าวลา ตามด้วยสติ๊กเกอร์พุชชินยูนิคอร์น ผมยังยิ้มอยู่ วางมือถือลงแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้บ้างถึงเห็นว่าแซคมองผมอยู่ก่อนแล้ว


" อะไร? " ผมทำเป็นไม่รู้เรื่อง แซคยิ้มล้อเลียนกลับมา


" คุยกับใครอ่ะ ยิ้มกรุ้มกริ่มเลยนะ "


" มึงใช้คำว่ากรุ้มกริ่มด้วยเหรอ? " แกล้งพูดไปเรื่องอื่นพร้อมทำหน้าประหลาดใจมากราวกับเพิ่งได้ยินคำน่าเหลือเชื่อ


แซคหน้าเสียทันที เผลอพูดออกมาให้โดนผมล้อซะได้ ทั้งที่ตอนแรกมันเป็นฝ่ายล้อผม


" เออน่า... " มันตอบปัด


" ไหนมึงยิ้มกรุ้มกริ่มดิ๊แซค " เห็นโอกาสแล้วผมไม่ปล่อยให้แซคถามกลับมาที่เรื่องตัวเองได้หรอก แน่นอนว่าแซคตามผมไม่ทัน และอาจารย์ก็เข้าห้องมาแล้ว ทั้งคาบเช้าผมจึงมีคำว่า ' กรุ้มกริ่ม ' ไว้หยอกเพื่อน ล้อมันได้อีกสักพักเลย


ผมคิดว่าสายตาแปลกๆ มันคงจะจบแค่นั้น ทว่าผมคิดผิดถนัด ผมมากินข้าวที่โรงอาหารคณะ ทั้งสายตา ชี้นิ้วมาที่ผมและคุยกันเกิดขึ้นอย่างไม่เกรงใจจนของเพื่อนร่วมเซคเมื่อตอนเช้ากลายเป็นเรื่องเล็ก


แซคซื้อข้าวราดแกง ส่วนผมกินข้าวมันไก่ เดินผ่านผู้หญิงสองคนไปแบบไม่สนใจขณะที่พวกเธอทั้งคู่มองผมจนเหลียวหลัง ชี้ไม้ชื้อมือ


" แกว่าใช่เปล่าวะ "


" มองยังไงก็ใช่อ่ะ.... "


มีเสียงแว่วๆ แข่งกับเสียงอื้ออึงในโรงอาหาร ผมได้ยินไม่ถนัด และขณะที่ผมกำลังต่อแถวซื้อข้าวอยู่ก็มีใครบางคนมาสะกิดแขนจากด้านหลัง ผมหันไปเลิกคิ้วมองผู้หญิงตัวเล็กในชุดเสื้อช็อปเหมือนกัน แต่คงอยู่คนละภาค เพราะผมจำไม่ได้


" พี่ใช่พี่เชา เครื่องกล ปี3 ป่ะคะ "


" ...ใช่ครับ มีอะไร? " ผมไม่รู้จักน้องมาก่อน อาจจะเป็นปีสองหรือไม่ก็ปีหนึ่ง วิศวะเด็กเยอะจะตาย ไม่มีทางที่ผมจะจำหน้าได้ทุกคน


" พี่ใช่คนเดียวกับในกระทู้นั้นรึเปล่าคะ "


คำถามของน้องทำให้ผมหน้าชา เหมือนโดนตบหน้าทั้งที่มือของน้องเขาไม่ได้แตะต้องตัวผมแม้แต่นิดเดียว


" คือหนูกับเพื่อนอ่านกระทู้ของพี่อ่ะคะ แล้วสงสัยมากเลย เถียงกันไปมา หนูว่าไม่ใช่ แต่เพื่อนหนูว่าใช่ เลยคิดว่ามาถามพี่ให้เคลียร์ดีกว่า "


น้องยังคงพูดเสียงเจื้อยแจ้วไปเรื่อยๆ ท่าทางขำขันสนุกสนาน แต่ผมไม่ตลกด้วย!


ผมกำมือแน่นข่มอารมณ์แล้วเดินหนี ไม่ได้หันกลับไปมองว่าใครจะมองตามตาปริบ หรือการที่ผมเดินหนีออกมาแบบนี้จะยิ่งทำให้คนเข้าใจว่าผมไม่ได้ปฏิเสธและยิ่งทำให้กระแสข่าวมันโหมกระพือหนักขึ้นไปอีก


หลังจากนั้นผมก็พยายามไม่ใส่ใจเสียงนินทาและสายตาคนรอบข้างเพราะคิดว่าแค่ลบกระทู้ไปซะให้พ้นๆ มันก็จบแล้ว แต่ผมพลาด พลาดที่ลืมไปว่าในโลกอินเตอร์เน็ตมันมีสิ่งที่เรียกว่า เว็บแคช และ…


การตั้งกระทู้ใหม่...





--------------------------------------

อยากจะบอกว่าเล่นกับ troll พวกนี้ไม่จบง่ายๆ หรอกนะจ๊ะเชา  :hao3:
รับผลของการกระทำของตัวเองต่อไปเถอะ

ตอนนัดคุยในบทนำใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว หวังว่าคนอ่านจะไม่เบื่อไปก่อนและอยู่ด้วยกันจนถึงตอนนั้น  :heaven

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะคะ  :pig4: :L1:



ไว้เจอกันตอนหน้า(คาดว่าอีกสักพัก.............)ค่า

ปล. ขออนุญาตประชาสัมพันธ์เรื่องใหม่ค่ะ แฮ่ๆ เป็นเรื่องที่ของภพธร พี่ชายภัทร(แฟนเก่าคิง)ผู้ไร้แก่นสารในชีวิต โทนเรื่องออกแนวบันเทิง ไร้สาระและเสียดสีสังคมเล็กๆ น้อยๆ เป็นส่วนใหญ่ค่ะ
ผู้ชายคนนี้โดนทิ้ง และนี่คือสิ่งที่เขาทำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48320.0) แล้วคุณจะต้องอึ้งงงง!
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่15) " ผิดปกติ "
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 06-09-2015 03:59:10
อ๋ายยยย  เราโยงไม่ถึงกันว่าเป็นพี่ชายของภัทรเรื่องนี้

รู้ทั้งรู้ว่าเขาเองที่ผิดแต่ก็ไม่ชอบกลุ่มประชากรในเน็ตเลยนะที่ขุดคุ้ย  การที่เชาโพสต์อะไรลงไปในเน็ตไมไ่ด้หมายความว่าคนอื่นจะมีสิทธิ์ที่จะมายุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น   จากนี้ไปอยากรู้ว่าคนที่ขุดคุ้ยตั้งกระทู้ใหม่จะทำลายชีวิตคนอื่นยังไง   

คิงท่าจะรักภัทรมาก   เชาจะไม่เหลือใครจริงๆแล้วสินะ   เพื่อนอย่างขวัญนี่แบบ..... แต่ก็ดีอย่างนะจะได้รู้ไปเลยว่าใครดีใครร้ายกับเราจริงๆ แล้วเชาจะยังเหลือใครอยู่บ้าง

เราอาจจะมองผิดมุมจากคนอื่นๆนะ  คนละเจนค่ะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่15) " ผิดปกติ "
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 06-09-2015 19:26:46
ไม่ชอบสิ่งที่เชาโดนกระทำ..การเอาเรื่องส่วนตัวคนอื่นมาประจานมันเลวมาก เป็นการละเมิดอย่างรุนแรง แล้วเพื่อนอย่างขวัญน่ะไม่ต้องมีก็ได้ ไม่ได้มีสาระสำคัญกับชีวิต ส่วนคนอื่นๆก็เป็นได้แค่สวะอะในความคิดผมนะ

แอบรู้สึกเหมือนเชากำลังหาทางออกไม่เจอ ความรู้สึกสับสน ถาโถมมากมาย

แฟนที่คิงไปนอนด้วยในบทนำคือภัทรใช่ไหมครับ

นี่แอบอยากรู้ว่าฟิวกับเชาจะเป็นยังไงต่อไป...แต่ผมยืนยันนะว่าถ้าผมเป็นเชา ผมบอกตรงๆว่าทำไม แล้วก็คงขอเลิกอะ นิสัยแบบฟิวน่ารำคาญเกินไป
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่15) " ผิดปกติ "
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-09-2015 21:09:23
ทำตัวเองทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่15) " ผิดปกติ "
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 06-09-2015 23:14:52
#ทีมเชาคิง
แต่ว่าคงแห้ว
รอดูต่อไปค่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่15) " ผิดปกติ "
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 08-09-2015 01:06:27
เชา แกไม่ได้คิดอะไรกับคิงจริงๆใช่ไหม ดูเหมือนจะแอบหึง รึเพราะเป็นเพื่อนสนิท เลยหวง ข้องใจทุกครั้งเวลาอ่านเชาบ่นเรื่องคิง  :hao4:

ประเด็นกระทู้ของเชาดูรุนแรงมาก เพราะเขากำลังสับสนและยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ แต่ทำไมดูรุนแรงขนาดนั้นเหมือนทำผิดแบบมากๆ (รึเราพลาดตรงไหนไป 55) รึเพราะยังรั้งฟิวเอาไว้

อยากให้ฟิวฮึดแล้วเดินจากออกไปเอง รักตัวเองหน่อยฟิว
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่15) " ผิดปกติ "
เริ่มหัวข้อโดย: Mom2maM ที่ 12-09-2015 22:12:17
#ทีมฟิว

เฮียก็เป็นประชากรพันทิปนะ
กระทู้แนวๆ นี้ชอบมาก
อ่านที่คนอื่นด่ากันมันส์เลย

ยิ่งกระทู้พวกที่จขกท.ผิดเต็มๆแบบเชาว์
แต่พยายามทำเหมือนเป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องเอี้ยๆทั้งหมด กรูไม่ผิด
แถสัข้างถลอก
คนคห.อื่นๆต้องมาด่า มาขุด เรียกสติ แนวๆนี้ เฮียยิ่งชอบ
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่15) " ผิดปกติ "
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 13-09-2015 11:17:27
ฟิวหายไปไหนล่ะ. สงสารฟิว
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่16) " คนที่รัก " (04/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 04-10-2015 01:56:10
16
คนที่รัก




' วันนี้เราไปกินข้าวคณะพายได้รึเปล่า '


ผมส่งข้อความไปหาพาย สองสามวันมานี้รู้สึกรำคาญการกินข้าวคณะตัวเองเพราะไปไหนก็มีแต่คนมอง คนซุบซิบนินทา และผมก็ขี้เกียจไปคณะวิทย์ไอ้คิงด้วย มันกลับไปคุยกับภัทรอีกรอบ ไม่ค่อยกลับห้อง... ไปอยู่ไหนผมก็พอจะเดาได้


พายดูประหลาดใจแต่ก็ไม่ว่าอะไร นัดให้ผมไปกินข้าวร้านอาหารแถวมหาลัยแทน ผมจึงบอกแซคว่ากลางวันนี้จะไปกินข้าวข้างนอก มันไม่ว่าอะไร


" กูไปด้วยมั้ย? " แซคถาม ผมรู้ว่ามันเป็นห่วงผม เพราะมันมาบอกกับผมตรงๆ เหมือนกันว่าได้อ่านกระทู้แล้วและมันไม่เชื่อว่าเป็นผม


" ไม่เป็นไร กูไปกับพาย "


เพื่อนผมสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินชื่อพายออกมาจากปากผม มันยิ้มล้อเลียน


ผมเพิ่งรู้จากแซคว่าพายดังในมหาลัยพอสมควร ความจริงผมน่าจะรู้ก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่เห็นเฟสบุ๊กพาย ทุกครั้งที่เธอลงรูปตัวเองจะมีคนมาไลค์ประมาณ 300-400 ไลค์ มีคอมเม้นท์อีกเยอะแยะ ซึ่งผมไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่

 
" คนนี้เอาจริงแน่ใช่มั้ย "

 
" เอาจริงอะไร? " ผมขำ " เพื่อนกัน ไม่ได้คิดอะไรโว้ย "


" เออ ให้แน่ อย่าให้กูเห็นขึ้น relationship นะ "

ผมขำหนักกว่าเดิม เออออไปกับมันแล้วค่อยเดินแยกไปที่รถมอเตอร์ไซค์ตัวเอง ขับไปรับพายหน้าคณะว่าจะพาไปด้วยกันแล้วก็แป้ก เพราะพายใส่กระโปรงทรงสอบ นั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ไม่ได้...


พายหัวเราะล้อเลียนผมใหญ่แล้วก็ชวนผมไปกินข้าวด้วยกันกับเธอและเพื่อนๆ ในคณะนิเทศศาสตร์


เพื่อนของพายเป็นกลุ่มผู้หญิงหกเจ็ดคนอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ ด้วย ทั้งโต๊ะมีแค่ผมคนเดียวที่เป็นผู้ชาย


" เราไปซื้อน้ำนะ เอาอะไรมั้ย? " พายถามเพื่อน แล้วก็หันมาถามผม " เชาอ่ะ น้ำเปล่าหรือโค้กมั้ย "


" ขอโค้ก ขอบใจมาก " ผมตอบพาย ให้เงินพายไปด้วย เธอพยักหน้าเดินไปกับเพื่อนอีกคน และเมื่อทั้งคู่เดินไปสักพักแล้ว ผมก็โดนเพื่อนของพายรุมตั้งคำถามใส่ทันที


กลายเป็นว่าผมมากินข้าวคราวนี้ก็ไม่ค่อยได้คุยกับพายเท่าไหร่ เพื่อนพายชวนคุยตลอด พอกินข้าวเสร็จผมก็ต้องรีบกลับไปเรียนแลปบ่ายต่อ พายเดินมาส่งผมที่รถ


" เย็นเลิกกี่โมงเหรอเชา? "


" ไม่รู้สิ... ทุ่มนึงล่ะมั้ง " ผมหันไปตอบพาย ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วสวมหมวกกันน็อค " มีอะไรเหรอ "


" ไปกินข้าวเย็นกัน "


ผมเลิกคิ้วประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พายชวนผมก่อน


" เราเห็นสีหน้าไม่ค่อยโอเคมาหลายวันแล้ว " พายยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พายเกี่ยวผมทัดหูแล้วพูดต่อ เป็นประโยคที่กระแทกมากลางใจผมเต็มๆ


" เล่าให้เราฟังได้นะ เรายินดีฟัง... "


นั่นสินะ... บางทีผมอาจจะต้องการแค่นี้ คนที่ตั้งใจฟังผมจริงๆ...



บ่ายนี้ผมคิดว่าอะไรๆ มันจะซาๆ ลงไป แต่เปล่า เพื่อนร่วมเซคร่วมห้องยังมองผมด้วยสายตาแปลกไปและยังซุบซิบ กล่าวถึงผมในบทสนทนาของพวกเขาอยู่ โดยเฉพาะเรื่องที่ผมเป็นตอแหลพูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่น


ไอ้สัตว์...


ปึง!


" เป็นเหี้ยอะไรนักหนา! " ผมตวาดเสียงดัง ทั้งห้องเรียนเงียบกริบ ขนาดแซคที่นั่งอยู่ข้างผมยังอึ้ง ไม่มีใครทันคิดว่าผมจะระเบิดอารมณ์ลงกลางห้องแบบนี้เป็นครั้งที่สาม


" มึงมีอะไรก็มาถามกูตัวๆ นินทาหาพ่อมึงเหรอ คิดว่ากูไม่ได้ยินรึไง!!! "


" ถ้าพวกมึงไม่กล้าถามกูบอกให้ "

 
" กูไม่ได้ทำ เชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของพวกมึงแล้วไอ้สัตว์!! "



ผมถีบเก้าอี้ระบายอารมณ์ แล้วเดินออกจากห้องไปหาที่ดูดบุหรี่ เคาะออกมาจ่อเข้าปากจุดไฟ ผมดูดยาวๆ อมควันไว้แล้วปล่อยออกมาเฮือกเดียว

 
แม่งเอ๊ย.. หัวโล่งเลย..


ผมสะบัดหน้าสองสามครั้งแล้วจ่อบุหรี่เข้าปากอีก คราวนี้ดูดช้าลงพร้อมกับคิดอะไรไปด้วย

 
สักพักแซคก็เดินมาหาผม มันมาเพื่อนอีกสิบกว่าคน หนึ่งในนั้นคือเปิ้ล เพื่อนผู้หญิงในเซค เธอคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันกับน้องฟิว แต่ผมไม่ได้สนิทกับเปิ้ลขนาดนั้น แปลกใจเหมือนกัน พวกมันมาทำไม


" มีไร " ผมถามเสียงห้วน ดูดต่อไม่สนใจพวกแม่ง


" เชา... กูขอโทษว่ะ.. " เปิ้ลพูดคนแรก ท่าทางมันอึดอัดพอสมควร " กูไม่รู้คิดไปได้ไงว่าเป็นมึง... "


ผมเงียบ กลอกตา ไม่พูดอะไรเพราะกำลังหงุดหงิดอยู่ ไม่โมโหเท่าตอนอยู่ในห้องแล้ว แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าอารมณ์แย่ๆ นี้จะหายไปทั้งหมด


แล้วพวกมันก็รุมกันขอโทษผม บางคนเข้ามาตบไหล่ด้วย ผมอย่างงง พอเดินกลับกันไปหมดเหลือแค่ผมกับแซคแล้วผมก็ยิงคำถามใส่มัน


" เมื่อกี้คือเหี้ยอะไรวะ... " เหวอเลยดิผม


" พวกแม่งเพิ่งคิดได้ไง มันไม่ใช่มึงตั้งแต่แรกอยู่แล้วอ่ะเชา แค่มึงเป็นเกย์ก็ไม่ใช่แล้ว เชื่อกันไปได้ไงวะ " แซคแค่นหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องตลก


" มึงเคลียร์กับพวกแม่งให้กูเหรอ? " ผมถามแซค ที่ดูจะเป็นไปได้ที่สุดเพราะมันไม่ได้ตามผมออกมาในทันที และมันก็มาพร้อมกับคนอื่นๆ


แซคยิ้มยักคิ้วใส่ผมเหมือนจะบอกว่า เป็นไง กูเทพป่ะล่ะ อะไรแบบนั้น ผมเห็นแล้วอย่างฮา


" สัส หึหึๆ หน้ามึงตลกเหี้ยๆ "


" เนรคุณว่ะเชา กูอุตส่าห์ช่วยมึง "


" เออๆ ฮะๆๆ " ผมดับบุหรี่ กุมท้องหัวเราะแทน จนหายขำผมถึงยื่นมือไปตบบ่าแซคสามสี่ครั้งวางมือคล้องคอมัน " ขอบใจว่ะแซค " มันช่วยผม เชื่อใจผมทั้งตอนที่ผมต่อยกับขวัญและตอนนี้.. กูไม่ลืมแน่..





ผมเจอเปิ้ลด้วยขณะที่ผมกำลังเดินเล่นกับพายหลังจากที่เราเพิ่งกินราเมนมื้อเย็นอิ่มกันไป


" อ้าวเชา... " เปิ้ลประหลาดใจ มองผมแล้วหันมองพายแล้วอมยิ้มราวกับว่าต้องการจะแซวผมกับอีกฝ่าย


พายเห็นผมทักเปิ้ล เธอหันมามองแล้วก็ส่งยิ้มน่ารักให้เช่นกัน ก่อนที่เราสองคนจะเดินไปตรงอื่นต่อ


และหลังจากที่เจอเปิ้ลค่ำนั้น… กลับหอผมเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดเว็บบราวเซอร์ หน้านิวฟีดเฟสบุ๊ก และ ไทม์ไลน์ของผมเต็มไปด้วยสิ่งนี้…


#ทีมเชา


' เพื่อนกูไม่ได้เป็นเกย์ เลิกแชร์กระทู้เหี้ยนี่สักทีเหอะ #ทีมเชา '


' จขกทดอกมาก ใส่ความคนอื่น #ทีมเชา '


' มึงโอเคนะ กูอยู่ข้างมึง #ทีมเชา '


และข้อความอีกหลายข้อความที่ผมไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะเห็นอะไรแบบนี้…


ไอ้รอดน่ะมันก็โอเคอยู่ แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้เหมือนกันว่าสังคมแบบนี้แม่ง… ไร้สาระชิบหาย เมื่อมีคนเริ่มก็ย่อมมีคนตาม ไม่ว่าจะเป็นตอนที่คนเริ่มนินทา หรือใครก็ตามที่ริเริ่มแฮชแท็กทีมเชา


ผมหยิบมือถือขึ้นมา มันถูกเสียบชาร์ตแบตอยู่กับคอมพิวเตอร์นานพอที่จะกดเปิดเครื่องได้ ก่อนหน้านี้แบตหมดตอนอยู่กับพายพอดี ผมกดโทรออก ดังสองครั้งแซคก็รับสาย


" ฮัลโหลแซค "


" เออ ว่าไง "


" มึงเปิดเฟสบุ๊กอยู่ป่ะ "


" ยังว่ะ มีไรวะ "


" แม่งมีแฮชแท็กทีมเชาเต็มนิวฟีดกูเลยว่ะ "


" เฮ้ยจริงเหรอวะ! แบบนี้ก็ดีดิ "


" ใครเริ่มวะ " ผมอยากรู้


" กูว่าเปิ้ล "


" เออ เป็นไปได้ " หัวเราะขำออกมา " ขอบใจมึงมากนะเว้ยที่ช่วยกู "


คนอื่นทำไปเพราะด้วยกระแสหรือรู้สึกผิดกับผมอย่างไรผมไม่เก็บมาใส่ใจ แต่แซคที่ออกหน้าแทนผม ปกป้องผม เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเราทำให้ผมซึ้งน้ำใจมันมาก


" ขอบใจมึงจริงๆ ว่ะ "


" เฮ้ย! ไม่เป็นไรเลยเว้ย เพื่อนกัน " แซคตอบกลับมาเหมือนเป็นเรื่องเล็ก " แล้วมึงเป็นไง โอเคแล้วอ่ะดิ "


" เออ "


" แล้วพายว่าไง "


ผมแปลกใจ มันจะถามถึงพายทำไม


" ทำไมต้องว่าไง "


" อ้าว ก็วันนี้เพิ่งไปกินข้าวกับพายมาไม่ใช่ไง กูเพิ่งคุยกับเปิ้ลไปเอง "


อ่อ เปิ้ลนี่เองที่บอก ผมว่านอกจากเธอจะริเริ่มแฮชแท็กนั่นแล้ว เธอต้องเริ่มกระจายข่าวระหว่างผมกับพายแน่ๆ พายเองก็เป็นคนดังคณะนิเทศเหมือนกัน ดังแบบคนส่วนใหญ่รู้จักพาย แต่พายไม่รู้จักใคร


" หวานเลยนะ "


มันแซวผมไม่เลิกเว้ย


" หวานเหี้ยไร เพื่อนกัน "


" หรา "


พูดก็ไม่เชื่ออีก


" เออๆ แล้วแต่มึงเลยเพื่อน เอาที่มึงสบายใจ " ผมขี้เกียจเถียงละ ผมกับพายเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ แค่ในตอนนี้น่ะนะ 5555


เอาจริงพายโคตรน่ารัก ขาว หุ่นดี แถมยังนิสัยดี มีเหตุผลกว่าผู้หญิงหลายๆ คนที่ผมเคยคบด้วยอีก ที่ผมลองคบกับน้องฟิวก็เพราะว่าเบื่อนิสัยผู้หญิง แต่พอเอาเข้าจริง แม้แต่น้องฟิวที่เป็นผู้ชายก็นิสัยแบบนั้น จนผมคิดว่าช่างแม่งแล้วผมก็ได้รู้จักกับพาย


พายตอบโจทย์ผมมาก ติดอยู่ตรงที่ผมแค่สนใจ ยังไม่ได้ชอบพายขนาดต้องเริ่มจีบอย่างเอาเป็นเอาตาย และผมคิดว่าถ้าผมทำอย่างนั้น พายเองจะเป็นฝ่ายตีตัวออกห่างจากผมไปเองก็ได้ ในกรณีที่เธอไม่ได้มีใจให้น่ะนะ


" สรุปพายยังไม่ใช่อีกเหรอ "


" มึงนั่นแหละ ยังไม่เลิก "


" โห่... "


" เออ ไม่มีอะไรแล้วแค่นี้นะ เพื่อนกูชวนดอทแล้ว "


แซคไม่ลืมล้อผมกับพายส่งท้ายก่อนวางสาย ผมถอนหายใจปิดหน้าจอไอโฟนวางไว้เหมือนเดิม ปิดเฟส เตรียมเข้าเกม พอดีกับประตูห้องถูกเปิดออก คิงก้าวเข้ามาในห้องอยู่ในชุดกีฬาชุ่มเหงื่อ


" อ้าว " 


" อะไร " คิงหันมาเลิกคิ้วใส่ผม ถอดรองเท้า ถอดถุงเท้า โยนกระเป๋าลงโซฟาแล้วถอดเสื้ออันเป็นกิจวัตรประจำวันหลังวิ่งออกกำลังกายเสร็จ


" นึกว่าวันนี้มึงจะค้างคอนโดภัทร " น้ำเสียงผมประชดประชัน " คืนดีกันแล้วนี่ "


" เหี้ยไรของมึง " คิงพาดผ้าเช็ดตัวบนบ่า ขมวดคิ้วชักสีหน้ารำคาญใส่ผม " นอยด์เรื่องตัวเองแล้วอย่ามาพาลใส่กูดิ "


" กูไม่ได้นอยด์ "


" ... "


มันถอนหายใจยาวและแรง กลอกตาใส่ผมเหมือนจะบอกด้วยสายตาว่าผมนอยด์แทนการพูด


ผมไม่ได้นอยด์เรื่องตัวเองจริงๆ อารมณ์ตอนแรกผมปกติดีด้วยซ้ำ ผมก็แค่หงุดหงิด ที่เห็นคิงเข้ามาในห้องพร้อมกับรองเท้าวิ่ง
และชุดกีฬาที่ไม่ใช่ของมัน....


อยากถามว่ามันไปไหนมา แต่แค่ดูก็พอเดาได้ว่าถ้าถามแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คิงไม่มีทางตอบผม และผมไม่สามารถระงับอารมณ์ไม่ให้ทะเลาะกับมันอีกได้อย่างแน่นอน


" มึงใจเย็นแล้วค่อยมาคุยกับกู " คิงพูดน้ำเสียงไม่พอใจแล้วปิดประตูห้องน้ำ มีเสียงฝักบัวตามมา มันเริ่มอาบน้ำ ขณะที่ผมถอนหายใจ มือลูบหน้าอีกหลายครั้ง อาการหงุดหงิดไม่พอใจครั้งนี้ก็ไม่ยอมลดลงไปง่ายๆ เช่นครั้งอื่น


ผมจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ยากทุกครั้งที่เป็นเรื่องของคิง


ทว่ามันกลับปัดเรื่องของผมออกไปจากหัวได้อย่างง่ายดาย...


แม่งโคตรไม่ยุติธรรม มันเหมือนผมโยนกรวดลงทะเลเพื่อหวังว่าจะถมจนกลายเป็นถนนได้สักวัน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ... ความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า


ติ๊ง!


โทรศัพท์ผมส่งเสียงเตือนข้อความเข้า ผมหยิบมาดูอีกรอบ เป็นข้อความจากน้องฟิว...


เฮ้อ!!!


แค่เห็นชื่อก็เหนื่อยแล้ว ผมอุตส่าห์โล่งใจ ไม่เจอเขาได้เป็นอาทิตย์ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นที่น้องฟิวโทรไปหาแซคทำให้ผมหมดความอดทนกับน้อง มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่เรื่องเล็กน้อยครั้งนี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของผมถึงขีดจำกัด ผมบล็อกเฟสน้องไปหนึ่งวันเต็มด้วยอารมณ์โมโหล้วนๆ พอมีสติมากขึ้นก็ปลดบล็อก เหลือแค่อันเฟรนด์แทน ผมไม่รู้น้องฟิวรู้หรือยัง


แต่ช่างแม่งเหอะ...


ผมไม่สนใจความรู้สึกน้องแล้ว
.
.
.
ผมหมดรักน้องฟิวแล้ว





---------------------------------------------


กราบขอโทษงามๆ เลยค่ะ หายไปนานมากจริงคราวนี้....
พอดีว่าช่วงก่อนหน้านี้ติดโปรเจกต์มิดเทอม บวกปัญหาชีวิต ฯลฯ ทำให้คราวนี้ขาดช่วงไปยาวจริงอะไรจริง  :ling3:

อะเฮื้อ.. ดีใจ โดนจับได้ว่าใบ้เรื่องคิงกับแฟนไว้ตั้งแต่บทนำต้นเรื่อง  :กอด1:


บทนี้คลายปมแล้วว่าตกลงเชาหมดรักฟิวแล้วจริงหรือไม่... (จริงๆ ก็พอเดาได้นานแล้วน่ะนะ  :hao4: ) แล้วก็เป็นเหตุผลที่ฟิวหายไปเลยเหมือนกันค่ะ เพราะเชาเป็นคนเล่าเรื่อง เมื่อคนเราเลิกสนใจใคร เราก็จะไม่มองหา ไม่ติดต่อ ไม่พยายามรับรู้เรื่องใดๆ ของเขาทั้งสิ้น ยิ่งอีกฝ่ายเป็นฟิวที่เชามีความรู้สึกลบไปเยอะแล้วด้วย การที่เชาจะเมิน/ทำเป็นไม่เห็น/จงใจไม่พูดถึง ฯลฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

อย่างไรก็ตาม มันมีเหตุการณ์ที่นำพาให้เชาเกิดความรู้สึกลบเหมือนกัน ฟิวสมควรโดนเกลียดเพราะเรื่องที่ทำมั้ย เราบอกเลยว่าไม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกันถ้าคนอย่างเชาจะเริ่มมีความรู้สึกลบต่อฟิวจนถึงขั้นรำคาญและหมดรักเพราะ ' เรื่องนี้ ' ซึ่งไม่เกี่ยวกับคิงด้วยค่ะ

ตอนถัดไป(ตอนที่17) น่าจะถึงเวลาเคลียร์กันสามคนสักที... ซึ่ง..ตอนหน้าก็คาดเดาไม่ได้อีกแล้วว่าเมื่อไหร่จะมาลง  :z3: :z3: สัญญาว่าจะแต่งให้จบ ไม่ดองแน่นอนค่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามของทุกคนมากๆๆจริงๆนะคะ มันทำให้รู้สึกดีมากเลยที่มีคนอ่านเจ้าประจำมาคอมเม้นท์ทุกตอน(ถึงจะเป็นไปในทิศทางติเชากันหมดก็เถอะ5555) อดทนกับความเหี้ยของเชาและความเอาแต่ใจของเรา(ที่ดึงดันจะเขียนแบบนี้)อีกนิดนะคะ ใกล้ถึงจุดไคลแมกซ์แล้ว... :L1:

 :L1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่16) " คนที่รัก " (04/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-10-2015 06:31:43
ไม่รู้ว้าฟิวทำอะไรให้เชาคิดลบกับฟิว
แต่เชื่อเถอะถ้าเชารักฟิวจริงๆ
ก็คงให้อภัยได้ไม่ยากเลย
อย่างเชาคงไม่ใช่แค่ไม่รักแล้ว
แต่คงจะไม่เคยรักฟิวเลยต่างหาก
ตอนคบเขาก็ดีกับเขาทุกอย่าง
ตอนจะเลิกก็แมนๆกล้าๆหน่อย
ไร้ความรับผิดชอบมากมาย
อยากรู้ชีวิตรักวันข้างหน้าของเชา
ว่ามันจะเหี้ยสักแค่ไหน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่16) " คนที่รัก " (04/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 04-10-2015 10:17:22
สงสารฟิวนะ เชาโหดร้ายกะฟิวมากเกินไปละนะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่16) " คนที่รัก " (04/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 04-10-2015 14:38:12
คนมันไม่รักแล้ว ทำยังไงก็ไม่รัก ยิ่งคอยตามตื้ออีกฝ่ายก็ยิ่งติดลบ
ตัดใจเถอะฟิว เพื่อตัวเอง ตื้อไปก็เจ็บ ช่างเชามัน

เข้าใจอารมณ์ทั้งเชาทั้งฟิวเลย

อยากรู้ใครมันปั่นกระแส
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่16) " คนที่รัก " (04/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 05-10-2015 20:03:46
เชามีสันดานเหมือนกับหมา
ในนิทานอิสป เรื่องหมากับเงา

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ความโลภมากอยากได้ทุกสิ่ง…จะทำให้สูญเสียทุกสิ่งไป”

และผู้ที่อยากได้ในสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับตน สมควรที่จะสูญเสียสิ่งที่ตนมีอยู่
หรือสุภาษิตไทย “โลภมาก ลาภหาย” นั่นเอง

หุหุ
ไอ่หมาเชา
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่16) " คนที่รัก " (04/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Mom2maM ที่ 06-10-2015 00:38:08
อ่านตอนล่าสุด ดูท่าว่าเชาจะไม่อะไรกับน้องฟิวแล้วล่ะ ฟิวคงกลายเป็นคนอื่นแล้วจริงๆ

แถมยิ่งกลับไปอ่านบทนำอีกรอบ ตาเชายังใช้คำว่า "แฟน" เรียกได้เต็มปาก มันยิ่งจื๊ดว่ะ

หมดรักมันไม่ผิด เพราะมันเป็นความรู้สึก มันคืออารมณ์
แต่มันผิดตรงที่การจัดการอารมณ์ของตัวเอง
นี่เล่นตัดความสนใจออก ปล่อยฟิวไว้ ไม่บอกไปว่าหมดใจให้กัน
อีกฝ่ายมันเจ็บนะเฟ้ย
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่16) " คนที่รัก " (04/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 06-10-2015 20:57:54
ไม่ผิดและไม่แปลกกับสิ่งที่ฟิวทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร เพราะคนที่รักและจมไปกับห้วงความรู้สึกนั้นมันมักจะขาดสติยั่งคิดในสิ่งที่ควรและไม่ควรจะทำได้อยู่แล้ว

ส่วนเชา เชาไม่เคยรักฟิวเลย ยิ่งประโยคที่บอกว่าลองคบฟิวเพราะเบื่อและรำคาญนิสัยแบบผู้หญิง มันยิ่งชี้ชัดว่าตั้งแต่ต้นเชาไม่เคยรักฟิวเลย มันเป็นแค่ความอยากรู้อยากลองเท่านั้น และอย่างที่ผมเคยบอก ยิ่งมีพายมาเป็นตัวเปรียบเทียบ ฟิวยิ่งหมดทางสู้เลย

ความรู้สึกของเชาผมมองว่ามันเป็นความรู้สึกที่มันเกินเลยกับคิงนะ ไม่แน่ชัดว่าในแง่มุมไหน อาจจะเป็นแค่แง่มุมของคนที่เคยเป็นที่หนึ่งของเพื่อนที่สนิทกันมากๆ คนคุ้นเคยกัน ซึ่งพอมาวันนี้มันเปลี่ยนไป เชาเลยสับสนและหลุดไปกับเรื่องนี้มาก (มากกว่าฟิว เพราะเชาพูดถึงคิงมากกว่า)

อีกเรื่องนึงนะครับ คนเขียนแสดงนิสัยการแสดงความคิดเห็นบนโลกโซเชียลได้ดีครับ ขอชมเลย

หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่16) " คนที่รัก " (04/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 09-10-2015 00:10:17
อ่านรวดเดียวจนตามทัน
เชาแม่งเลวจริง
เลวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ดีแล้วที่คิดได้ว่าหมดรัก
เลิกกันไปเลยค่ะ
จะได้จบๆกันซะที
น้องฟิว จะได้หลุดพ้น
#ขอโทษที่อินไปนิดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่16) " คนที่รัก " (04/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: armchair2535 ที่ 09-10-2015 00:43:59
ห้ามได้คู่กันเด็ดขาด  นี่เกลียดพระเอกมากกกก   ถ้าตอนจบให้คู่กันจะเกลียดนิยายเรื่องนี้มาก    ฟิวต้องเข้มแข็งนะ  กับผู้ชายพรรค์นี้คิดสะว่ามันเป็นเชื้อโรคก็พอ!!!!!!
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 27-10-2015 19:14:15
17
ไม่รักกันแล้วเหรอ




' พี่เชาเป็นคนตั้งกระทู้อันนี้จริงเหรอคับ '


ผมกดพิมพ์ข้อความพร้อมกับแนบลิงค์เว็บแคชของกระทู้นั้นไปให้พี่เชาด้วยมืออันสั่นเทา กัดริมฝีปากตัวเองและพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลซึมออกมาอีกรอบด้วยความเสียใจ


ข้อความของผมไม่ได้ขึ้นว่า ' อ่าน ' แต่ผมคิดว่าพี่เชาเห็นข้อความของผมแล้ว ผมนั่งจ้องมือถืออยู่อย่างนั้นเกือบสิบนาทีถึงมีข้อความตอบกลับมาจากพี่เชา

 
' เปล่า พี่ไม่ได้ทำ '

 
น้ำตาผมรื้ออยู่ที่ขอบตา กลั้นสะอื้นไว้ในลำคอแล้วใช้หลังมือปาดน้ำตาก่อนที่มันจะไหลลงมา ตาผมบวมช้ำ จมูกผมแดงไปหมด ผมเสียทิชชู่ไปหลายม้วน แต่ความเสียใจและน้ำตาของผมกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่ายๆ


ยิ่งได้เห็นพี่เชาตอบผมมาแบบนี้... ผมยิ่งปวดใจ


ผมรู้นิสัยพี่เชาดี ถ้าพี่เชาปฏิเสธ หากไม่มีหลักฐาน ให้ตายยังไงพี่เชาก็ไม่มีทางยอมรับ


ก่อนหน้านี้ผมปิดตาข้างเดียวมาโดยตลอดเพื่อให้ความรักของผมกับพี่เชาไปต่อได้ ผมรู้ว่าตั้งแต่เรามีปัญหากันคืนปีใหม่นั้น อะไรๆ ก็ไม่เหมือนเดิม แต่ผมก็พยายามไม่ใส่ใจ ลืมๆ มันไป และระมัดระวังตัวไม่ทำอะไรให้พี่เชาโกรธอีก


ได้แต่หวังว่าพี่เชาจะไม่เบื่อผม พี่เชาจะไม่ทิ้งผมไป...


คิดว่าต้องขาดใจตายแน่ๆ ถ้าผมไม่มีพี่เชา และช่วงอาทิตย์กว่าเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาก็พิสูจน์ความจริงกับผม...


ผมใจจะขาดจริงๆ นั่นแหละ...


แต่ก็ไม่ยักตาย...


ผมยังมีชีวิตอยู่ ยังไปเรียน กินข้าว ทำกิจกรรมกับเห็ดและปุ๊กได้เหมือนปกติ มีแค่ข้างในผมเท่านั้นที่รู้สึกว่างเปล่า


เห็ดกับปุ๊กเป็นห่วงผมยิ่งกว่าใคร ทั้งสองคนตัวติดกับผมตลอดเวลาในช่วงแรก กลัวว่าผมจะทำอะไรบ้าๆ ลงไป ทั้งคู่โกรธพี่เชามาก โดยเฉพาะเห็ดที่เป็นคนรักความยุติธรรมอยู่แล้ว ทันทีที่รู้ความจริงจากผม เห็ดก็เข้า log in ของตัวเองและทวงความยุติธรรมให้กับผม


ถ้าผมรู้ว่าเห็ดทำอะไรลงไปบ้างผมคงห้ามเห็ดไปแล้ว ทว่าความเป็นจริงคือผมไม่รู้อะไรเลย ผมเอาแต่ร้องไห้และก็ร้องไห้เสียใจ ทำไมพี่เชาถึงทำแบบนี้

 
ผม: พี่เชาไม่รักฟิวแล้วเหรอ

 
น้ำตาผมไหลอาบแก้มหลังจากที่พิมพ์ประโยคนี้ส่งไปให้พี่เชา หากเห็ดกับปุ๊กรู้ผมคงโดนดุยกใหญ่ หั้งคู่ห้ามไม่ให้ผมคุยกับพี่เชาเด็ดขาด และผมก็ทำมันได้มาตลอดที่เห็ดและปุ๊กอยู่กับผม


ทว่าวั้นนี้...ความโหยหาที่ผมอยากคุยกับพี่เชา อยากเจอหน้า อยากถามถึงเรื่องราวทั้งหมด มันถึงจุดๆ นึงที่ผมไม่อาจทนได้อีกต่อไป


พี่เชาอ่านข้อความผมแล้ว สักพักก็ตอบกลับมา

 
พี่เชา: ไปเอามาจากไหน

 
น้ำตาของผมยิ่งไหลพรั่งพรูมากยิ่งขึ้น สะอื้นไป ตอบข้อความของพี่เชาไป

 
ผม: พี่เชาไม่สนใจฟิวมาสักพักแล้ว
ผม: ก็พยายามคิดว่าพี่เชาคงยุ่ง ไม่มีเวลาให้กัน
ผม: แต่ตอนนี้ ฟิวรู้แล้วว่าพี่เชาไม่สนใจฟิวจริงๆ

 
พี่เชา: มันไม่ใช่อย่างนั้น

 
ผม: แล้วมันเป็นแบบไหน
ผม: พี่เชาให้พี่คิงสำคัญกว่าใคร
ผม: พี่เชาไปกับเพื่อนมากกว่าอยู่กับฟิว
ผม: ทุกคนคิดว่าพี่เชาโสด
ผม: พี่เชาบอกกับพี่เปิ้ลว่าพี่เชาไม่ได้เป็นเกย์
ผม: แล้วฟิวล่ะ บอกฟิวได้มั้ยฟิวเป็นอะไรกับพี่เชา

 
ทุกอย่างในหัวผมมันพรั่งพรูออกมาอย่างหยุดไม่ได้ ผมสะอื้นหนักจนหอบหายใจไม่ทัน มือสั่นปากสั่นไปหมด

 
พี่เชา: ฟิว พี่ไม่อยากคุยเรื่องนี้ในนี้ อยู่ไหน เดี๋ยวไปหา

 
ผม: พี่เชาไม่ต้องเสียเวลามาหรอกครับ
ผม: ปล่อยฟิวตายไปเลย
ผม: ไหนๆ ฟิวก็ไม่สำคัญแล้วนี่...

 
โทรศัพท์ผมแผดเสียงดังลั่นจนผมสะดุ้ง ผมคุ้ยมันออกมาจากกองผ้าห่ม หน้าจอขึ้นรูปพี่เชาเด่นชัด ผมปาดน้ำตาจากแก้ม กดตัดสาย


..!!!


มันดังขึ้นมาอีกรอบ พี่เชาโทรกลับ และผมก็กดตัดสายทิ้งอีก

 
พี่เชา: ฟิว อย่าทำแบบนี้
พี่เชา: รับสายพี่

 
" ฮึก..! "


พี่เชาต้องกำลังเดือดดาลอยู่แน่ๆ ผมสะอื้นน้ำตาไหลพี่เชาก็โทรกลับมาเป็นครั้งที่สาม


" ครับ...ฮึก.. ฟิวพูด... "


" ฟิวอยู่ไหน! " พี่เชาโมโหจริงๆ ด้วย เขากดเสียงต่ำ แค่ฟังแค่นี้ผมก็รู้แล้ว " อยู่หอหรืออยู่บ้าน พี่จะไปหา "


" พี่เชาไม่ต้องมาหรอก " ผมสะอื้นหนักกว่าเดิม เขาไม่สนใจผมแล้วทำไมต้องมาหาด้วย " ฮึก.. กลับไปหาพี่คิงเถอะครับ ฟิวเข้าใจแล้ว! "


" ฟิวอย่าเพิ่งตอนนี้ได้มั้ย บอกมาว่าอยู่ไหน หอหรือบ้าน! "


" ฮึก.. ฮึก..! ฮือๆ... " ยิ่งได้ยินเสียงพี่เชาแบบนี้ผมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ทำไมต้องตะคอกใส่กันด้วย ก็รู้ว่าโกรธ แต่.. ฮึก... แต่ไม่เห็นต้องทำ..ฮึก.. ขนาดนี้เลย...


" แม่งเอ๊ย!! " สบถอีกคำแล้วก็ตัดสายทิ้ง ผมกำมือถือไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิมอย่างกับจะขาดใจ


ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้อยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีรูมเมทก็เปิดประตูเข้ามา เขามองหน้าผมและผงะไปเล็กน้อยด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพผม แดนก้าวเข้ามาในห้อง ไม่พูดอะไร ปลดเป้ตัวเองวางไว้บนเตียงแล้วเปิดคอม เสียบหูฟังเข้าหู


" ฮึก.. อึก.....ฮือออ!! "


ไม่รู้ทำไมพอเห็นรูมเมทตัวเองไม่สนใจผมถึงได้ร้องไห้เสียใจหนักขึ้นอีก ผมร้องไห้จนหายใจไม่หัน ตัวสั่นมือสั่นไปหมด ผมคิดว่าผมอยู่คนเดียวได้แล้ว ผมรบกวนห้องเห็ดมานานเกินไปแล้วผมควรกลับห้องตัวเอง แต่พี่เชาก็ไม่ยักติดต่อมา แดนรูมเมทผมก็ไม่ติดต่อผมเหมือนกัน ทั้งที่เราเป็นรูมเมทกันแท้ๆ


ใช่สิ ผมมันไม่สำคัญนี่ ทั้งพี่เชา ทั้งรูมเมทถึงได้ไม่สนใจผมเลย ฮึก..!


" เฮ้ย! ฟิว!! เป็นอะไร " แดนถามเสียงตกใจ เข้ามาดูอาการผมอย่างทำอะไรไม่ถูก


ปึงๆๆๆๆ!!!!


“ ฟิว เปิดประตู! ” พี่เชารัวเคาะประตูห้องเราเสียงดังจนแดนสะดุ้งตกใจ ถอยหนีห่างจากผมตาเหลือก


“ เฮ้ย! ฟิวไปทำอะไรไว้เนี่ย ” รูมเมทผมละล่ำละลักตื่นกลัว


ปึงๆๆๆๆ!!


“ แดนอย่าเปิด ” ผมขอร้อง เอื้อมมือจะจับตัวแดนไว้แต่อีกฝ่ายถอยหนี


“ ไม่เปิดไม่ได้! มึงบ้ารึเปล่า ทำอะไรไว้เคลียร์เองเลยนะ กูไม่เกี่ยว!! ”


แดนตรงไปที่ประตูแล้วเปิด พี่เชายืนอยู่หน้าประตู ร่างสูงใหญ่และใบหน้าถมึงทึง


“ โทษทีเสียงดัง ปี1รึเปล่า ”


“ ชะ..ใช่ครับพี่ แดน ปี1 สถาปัตย์ครับ ”


“ ขอเข้าไปคุยกับน้องชายหน่อยดิ ”


“ ครับพี่ ผมไปก่อนนะครับ... ” พูดจบแดนรีบเดินออกจากห้องทันที พี่เชาก้าวเข้ามาในห้อง ปิดประตูล็อกเดินมาหาผมที่เตียง


“ พี่มีเรื่องอยากคุยกับฟิว ”


“ แต่ฟิวไม่มี.. ฮึก... ”


“ ก็ฟิวเป็นแบบนี้ไงพี่เลยไม่อยากบอก ”


“ ฮึก.. แล้วพี่เชาคิดว่าฟิวโง่เหรอครับ ฟิวจะโง่จนดูไม่ออกขนาดนั้นเลยเหรอ ”


“ ... ”


“ ไม่อยากคุยกับพี่เชาแล้ว ฮือ.. ”


“ ฟิว ” พี่เชากดเสียงต่ำ


“ ก็ไม่สนใจกันแล้วนี่ พี่เชาไม่รักฟิวแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเลย ฟิวจะถอยเอง ฮึก.. ฮือ... ”


“ ฟิวอย่างี่เง่าดิ กระทู้นั้นพี่ยอมรับว่าเขียนก็ได้ แต่ก็เขียนเอามันไปงั้นพี่ไม่ได้คิดอะไร ”


ผมเอามือปิดหู ส่ายหน้า “ ไม่อยากได้ยิน พี่เชาจะทำอะไรก็แล้วแต่พี่เชาสิ ” พูดไปอย่างนั้น แต่ในใจผมเจ็บมาก เหมือนผม...ผมไม่มีคุณค่า


พี่เชาท่าทางอดกลั้นมาก เหมือนอยากเข้ามาจับผมเขย่าแต่เขาก็กำมือเอาไว้ระงับอารมณ์ตัวเอง


“ ฮึก..ฮือ... ” ผมน้ำตาไหล เอามือปาดออกป้อยๆ แต่มันก็ไม่หยุดสักที


“ แล้วฟิวจะเอายังไง ”


“ ฮิอ.. ”


“ เลิกร้องไห้แล้วตอบพี่ ฟิวจะเอายังไง จะให้พี่ทำยังไง! กระทู้อันนั้นพี่ก็แจ้งลบไปแล้ว แม่งเอาพี่ไปด่า เอารูปส่วนตัวพี่ไปประณาม คนซวยคือพี่ ไม่ใช่ฟิว!!! ”


ฮึก!


ตกใจกับเสียงตะคอก ผมหยุดร้องไห้สะอึกสะอื้นกะทันหัน พี่เชาตอนนี้กำลังน่ากลัว ความโกรธคุกกรุ่นรอการปะทุ


“ เรื่องเข้าใจผิดแค่นี้ฟิวอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่สิวะ ”


“ ฟิว.. ฟิวไม่รู้…. ”


พี่เชาหน้าบึ้งถมึงทึงขึ้นอีก เขาพยายามอย่างงเต็มที่เพื่อจะระงับอารมณ์ของตัวเอง หายใจเข้าออกแรงๆ หลายครั้งแล้วก็พูดว่า


“ พี่ว่าพี่ไม่ไหวแล้วว่ะ ฟิวจะเอายังไงไปคิดมาแล้วค่อยบอกพี่ ”




น้องฟิวใช้เวลาอีกสามวันกว่าจะโทรหาผม เรื่องข่าวเหี้ยนั่นซาไปแล้ว เด็กต่างภาคยังมีบ้างที่มองและสงสัย แต่การที่มีเด็กภาคผมทำ #ทีมเชา ขึ้นมา และแก้ต่างตามด่าคนที่ยังแชร์แคชกระทู้เก่าและกระทู้ใหม่ที่ตั้งมาเพื่อด่าผม จนกระทู้ใหม่อันนั้นปลิวไปเรียบร้อยทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมาก อย่างน้อยผมกลายเป็นที่รู้จักค่อนมหาลัย หรืออาจจะลามไปถึงมหาลัยอื่น เพราะมีคนนำรูปผมที่โดนแฉไปลงเพจผู้ชายเซอร์ที่มียอดไลค์มากกว่าแสน พายแคปจอเพจนั้นส่งมาแซวผมทางแมสเสจเฟสบุ๊ก(ทำให้ผมรู้ด้วยว่าเธอกดไลค์เพจนั้น555)


“ ฮัลโหล ” ผมรับสายน้องฟิว


“ ไอ้หน้าตัวเมีย! ” หลังจากคำนี้ มีเสียงผู้หญิงด่าผมมาอีกชุด ผมยังงงอยู่พอปะติดปะต่อได้ว่าอาจจะเป็นเพื่อนน้องฟิวใช้เบอร์น้องโทรเข้ามาเพื่อด่าผม


ผมเลยตัดสายทิ้งแม่ง


เบอร์น้องฟิวโทรเข้ามาอีกทันที คราวนี้ผมกดรับ และพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะทันพูดอะไรขึ้นมา


“ ขอคุยกับน้องฟิวหน่อย ”


“ พี่ยังมีหน้ามาขอคุยกับเพื่อนหนูอีกเหรอ!! ”


เอ๊า!


“ โคตรทุเรศ โคตรหน้าด้านเลยอ่ะ ” คราวนี้เป็นเสียงของผู้หญิงคนละคนกับที่ด่าผมตอนแรก “ รู้มั้ยว่าฟิวเข้าโรงพยาบาลเพราะพี่! ฟิวไม่สบายมากต้องเข้าพบจิตแพทย์ ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนไม่เป็นอันทำอะไรเพราะใคร!! เพื่อนหนูสูญเสียความมั่นใจในตัวเองหมดแล้ว คิดว่าตัวเองไม่มีค่า ”


ผมพ่นลมหายใจยาว พูดอีกครั้ง


“ ขอคุยกับฟิวหน่อย ”


“ ไม่ได้! ฟิวสภาพจิตใจไม่พร้อม พี่เชาคุยกับฟิวพี่ก็ทำให้เสียใจอีก พี่คุยกับหนูเนี่ยแหละ หนูรู้เรื่องหมดแล้ว ”


แม่งเอ๊ย เรื่องมากชิบหาย…


“ นี่เรื่องของพี่กับฟิว พี่ไม่อยากคุยกับคนอื่น ”


แปลง่ายๆ ว่ามึงเสือก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ตัว


“ งั้นพี่ก็สบายใจได้ เพราะหนูไม่ใช่คนอื่น ต่อไปถ้ามีอะไรกับฟิว พี่คุยผ่านหนู ”


โอ้โหไอ้เหี้ย! น่ารำคาญชิบหาย คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ ผู้พิทักษณ์คุณธรรมรึไงไอ้สัตว์


“ แล้วถ้าพี่อยากคุยตัวๆ ล่ะ ” ผมพูดอย่างหมดความอดทน


เรื่องน้องฟิวมันคาราคาซังนานเกินไปแล้ว ผมรำคาญอยากตัดให้มันจบๆ ไปสักที ยิ่งน้องมีเพื่อนนิสัยเยอะน่ารำคาญและขี้เสือกแบบนี้ยิ่งทำให้ผมไม่ลังเลเลย


“ ก็ได้ แต่พวกหนูจะไปด้วย! ”


“ เห้ย มากไปป่ะน้อง ”


“ ไม่มากไปหรอกค่ะ เทียบกับเรื่องเหี้ยๆ ที่ทำไว้ ” คราวนี้เป็นเสียงเดียวกันกับที่ด่าผมว่าหน้าตัวเมียตอนแรก


ถ้าอยู่ตรงหน้าแล้วเพื่อนน้องฟิวเป็นผู้ชายผมชกไปแล้ว ปากดีชิบหาย จากที่ผมไม่อยากใส่ใจมาเจอแบบนี้ทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ


“ สรุปจะมาด้วยใช่มั้ย ”


“ ค่ะ! เผื่อพี่ทำตัว ‘ หมาๆ ’ ใส่เพื่อนหนูอีกหนูจะได้ช่วยทัน ”


น้ำเสียงประชดประชันแบบนี้กวนส้นตีนชิบหาย กูไม่พูดไม่ด่าผู้หญิงไม่ได้แปลว่ากูไม่โมโห


“ วันเสาร์ที่ร้าน ” ผมบอกชื่อร้านกาแฟสาขาไกลจากมหาลัยและคนไม่ค่อยพลุกพล่าน


“ ไม่ค่ะ หนูจะนัดวัน-เวลาเอง แล้วพี่ก็ต้องพาคิง วิทยาปี4 รูมเมทพี่มาเคลียร์ด้วย! ”


“ มันเกี่ยวอะไร ”


“ ทำไมจะไม่เกี่ยวคะ ชู้พี่ทั้งคน!!! คิดว่าพวกหนูโง่เหรอที่จับไม่ได้เรื่องพี่กับรูมเมทน่ะ!!!! เสียใจด้วยนะคะเพราะพวกหนูมีหลักฐาน กระทู้ที่พี่ขวัญเพื่อนพี่เขียนไงล่ะคะ!! ”


กระทู้ไอ้เหี้ยขวัญที่ตั้งตอนที่ผมกับมันทะเลาะกันตอนนู้นน่ะนะ โห ไอ้เหี้ย!!! ไปกันใหญ่แล้ว





“ ปัญญาอ่อนว่ะ ”


ได้ยินเสียงไอ้คิงถอนหายใจผ่านตามสาย ผมกลอกตา เปลี่ยนใช้มือซ้ายถือโทรศัพท์แทน นั่งลงที่โต๊ะด้านนอกร้านกาแฟ
ผมไม่ตกลงที่จะให้ไอ้คิงมาด้วย เพราะรู้ว่ามันไม่มีทางมาตามนัดไร้สาระแบบนี้อยู่แล้ว แต่จู่ๆ วันนี้ตอนเช้ามันก็โทรมาหาผมจากห้องแฟนบอกว่ารู้เรื่องหมดแล้ว เดี๋ยวมันตามมาทีหลัง


“ อือ กูก็ว่างั้น มึงถึงไหนแล้ว? ” ตอนนี้บ่ายโมงกว่า ก่อนเวลานัดประมาณครึ่งชั่วโมง


“ เพิ่งแต่งตัวเสร็จ อีกครึ่งชั่วโมงถึง ”


“ เออ ”


“ เจอกัน ” แล้วมันก็ตัดสายทิ้งไป ผมวางโทรศัพท์กับโต๊ะและหยิบคาราเมลแมคคิอาโต้ขึ้นมาดื่ม คิดอะไรเรื่อยเปื่อย หยิบบุหรี่ออกมาดูด รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนเดินเข้ามาหาและหยิบกาแฟผมได้ดูดหน้าด้านๆ


ไอ้คิง


และ ภัทร ผู้ชายตัวสูงที่ผมเห็นเดินไปอีกทางจากปลายหางตา





-----------------------------

ลงตอนที่ 17 แล้วค่า อยากแจ้งคนอ่านด้วยว่า ตอนหน้าก็จะจบแล้ว ดีใจมาก 5555 เราก็งงๆ ค่ะ รู้ตัวอีกทีก็.. อ้าว ตอนหน้าจบภาคนี้แล้วเหรอ...

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาส่วนที่ลงอยู่เป็น " ภาคฟิว " ยังมี  " ภาคเชา " อีกประมาณ 7-9 ตอน (ถ้าเราคำณวนไม่ผิดค่ะ จั่วหัวเอาไว้ก่อน ยังไม่ลงมือเขียนจริง) ทีนี้ปัญหาอยู่ตรงภาคเชาเนี่ยเชาจะซวยเพราะผู้หญิงค่ะ ชีวิตถึงจะถึงจุดต่ำสุด และมีตอนจบที่(คาดว่า)ทำให้คนอ่าน และเราด้วย :-[ พอใจ+สะใจ แต่เนื้อหาหลักจะกลายเป็นชาย-หญิง ไป อาจมีชาย-ชายบ้าง ถ้ากล่าวถึงอดีตเชา-ฟิว หรือความสัมพันธ์เชา-คิงค่ะ เลยอยากถามความคิดเห็นว่าเราลงต่อเลยได้หรือไม่ (นับเป็นเรื่องเดิม เป็นอีกช่วงชีวิตนึงของตัวละครหลัก) หรือ นับเป็นเรื่องใหม่ (ลงไม่ได้)  :mew2:

แจ้งเรื่องสุดท้าย เราคิดว่าเราอยากรวมเล่มเรื่องนี้เก็บไว้ค่ะ
มีแบบสอบถามความสนใจแนบมาให้ รบกวนด้วยนะคะ http://goo.gl/forms/HQkq19yiDg (http://goo.gl/forms/HQkq19yiDg)
แจ้งล่วงหน้ามากๆๆๆๆค่ะ เพราะกว่าจะได้ตีพิมพ์จริงๆ ก็ปีหน้าเลยค่ะ (ยังมีภาคเชา, ภาคคิง และตอนพิเศษอีก)

ขอบคุณทุกๆการติดตามนะคะ  :กอด1:

ใกล้ถึงสุดปลายทาง(ภาคฟิว)แล้ว

ปล. เรามีภาพประกอบตัวละครที่วาดเอาไว้ ทำไว้เป็นลิงค์สำหรับดูต่อเพื่อไม่ให้เสียอรรถรสในการจินตนาการ ตามนี้เลยค่ะ
เชา-ฟิว (http://picture.in.th/id/dd3ae49e1e9abb9e2df25c7ad4993f36) เชา-ฟิว-คิง-ภัทร (https://drive.google.com/open?id=0B2E7_E84r7dTWGpqRW5rdzQ2S2c)
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 27-10-2015 19:51:10
สงสัยเราจะเป็นคนเดียวเสียละมั๊งที่รำคาญฟิว
ไม่ลุกมาทำอะไรเองเลย
ชีวิตทีคนทำให้ทุกอย่าง
ขนาดเรื่องของตัวเองแท้ๆยังให้เพื่อนที่เป็นผู้หญิงช่วย
นึกถึงตอนที่เสียใจกับเชาในห้องแล้วร้องไห้จะเป็นจะตาย
รูมเมทไม่สนใจก็จะตาย  เขาไม่มาง้อในทันทีก็จะตาย
จะฉะกับผู้ชายที่หลอกฟันก็ต้องให้เพื่อนผู้หญิงออกหน้า
เพื่อนสาวสองคนนั้นก็เกินไป  ระวังกรรมตามสนองก็แล้วกัน
เพราะต่อให้เชาเลว  ที่สองคนนั้นทำก็เกินไป
ไม่ได้ว่าฟิวเป็นผู้ชายแล้วจะร้องไม่ได้
แต่ว่าคนเราโตแล้วจะหญิงหรือชายก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง
ไม่ใช่รอให้คนอื่นมาจัดการให้ 
แบบนั้นเป็นภาระของคนอยู่รอบข้างค่ะ

ไม่ได้ว่าเชาดี   ก็รู้ๆกันอยู่แล้ว เชาจะโดนผู้หญิงหลอกหรือเพื่อนทิ้งก็ต้องโทษตัวเองแล้วแหละที่ทำอะไรแย่ๆลงไป   ท่าชะนีสองคนนั้นจะอัดคลิปแล้วเอาไปลงโซเชี่ยลเพื่อเปิดโปงเชาแล้วเชาจะไม่เหลืออะไรเลย  แต่ก็นะ  เพื่อนที่ติดตามในโลกโซเชี่ยลนั้นเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้นเอง  คิงเองก็ได้เจอแฟนแล้ว   เพื่อนอย่างขวัญก็ไม่น่าคบหาแต่อย่างใด  ที่ทำกับเชานั้นก็เพราะว่าขวัญเกลียดคิงแน่ๆถึงได้โยงคิงเข้ามาเกี่ยวด้วย  ไม่รู้ว่าแอบชอบคิงอยู่หรือเปล่า

คนเขียนๆการใช้โลกโซเชี่ยลได้เรียลดีค่ะ    ภาพประกอปนี่คิงเริ่ดมากๆ 

หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-10-2015 20:03:05
ไม่เข้าใจว่าเชาจะถามฟิวทำไมว่าจะเอาอย่างไร
ทั้งๆที่คนตัดสินเรื่องนี้ไปแล้วคือเชา
ไม่กล้าบอกเลิกด้วยคำพูดเหรอ
กะจะให้ฟิวเป็นคนพูดมาเอง
แถมมีนัดเคลียร์กันอีก

รอลุ้นตอนต่อไปใจจะขาดแล้วนะ
รีบมาต่อเร็วๆ นะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 27-10-2015 22:17:34
คนที่ทำให้เราเจ็บที่สุด
ไม่ใช่เพราะคนอื่นที่มาทำร้าย
แต่คือการทำร้ายตัวเอง
นั่นล่ะ..เจ็บปวดที่สุด

เพราะดูเหมือนว่าตัวเอกในเรื่องนี้
เชา-คิง-ฟิว
ต่างก็เป็นคนทำร้ายตัวเองทั้งนั้น

ทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด
จากการกระทำของตัวเอง
เป็นคนลงมือกระทำ..ไม่ใช่เหรอ

+1 คนแต่ง
ดี๊ดี
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 27-10-2015 22:38:31
ฟิวนี่เอาแต่ร้องไห้ ผู้ชายนะเห้ย เป็นผมก็รำคาญว่ะ

คือเชานี่ก็อีกเรื่องนะ
แต่ขอพูดถึงฟิวละกัน..คือถ้าอีกฝ่ายจะส่งให้ฟิวตัดสินใจ ก็บอกไปเลยจะเอายังไง มาขนาดนี้แล้ว น่าจะคิดได้แล้ว
นี่เอาแต่ร้องไห้ ก็เป็นแบบที่เห็น คุยกันไม่รู้เรื่องอีก

และสุดท้ายมีให้เพื่อน ผญ ออกโรงอีก คือแบบ เห้ย เรื่องของตัวเองน๊า --*
แล้วที่เพื่อนพูดไม่ดี ก็เข้าใจนะอยากปกป้องเพื่อน แต่ก็ดูแย่ๆอะ
รอลุ้นตอนต่อไป หวังว่าจะจบกันได้
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Mom2maM ที่ 27-10-2015 22:52:53
ไม่เข้าใจว่าที่แต่ละคนบอกว่าฟิวร้องไห้มากไป
น้องเป็นผู้หญิงกันใช่หรือเปล่า
เลยบอกว่า ผู้ชายต้องไม่ร้องไห้

ฟิวส์เป็นเกย์นะ (เฮียก็เป็น)
จะร้องไห้ก็ร้องไปเถอะ
ร้องมากๆจนถึงจุดนึงมันก็ไม่ร้องเองแหล่ะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 27-10-2015 23:49:59
ยังไงก็สงสารฟิว
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Zxjmm ที่ 28-10-2015 00:14:26
เราเป็นอีกคนที่รำคาญฟิวและเพื่อนของฟิวมากตอนนี้
เพื่อนฟิวทำเหมือนรู้จักเลาดีมากกกกทั้งๆที่เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 28-10-2015 01:40:22
กลวิธีของคุณคนแต่งถือว่ายอดเยี่ยมเลยนะครับ ต้องขอชมจากใจจริงเลย ความจริงก็ติดตามมาตั้งแต่ต้น และตั้งแต่ไปอ่านอีกเรื่อง (ผู้ชายคนนี้โดนทิ้ง และนี่คือสิ่งที่เขาทำ) มันทำให้ผมมั่นใจได้สิ่งหนึ่งครับ

ผู้แต่งวางแผนก่อนจะเขียน... และที่สำคัญ คิดแบบวางแผนได้ดีมากครับ

คิดในแง่นี้คือคิดแบบไตร่ตรอง คิดแบบละเอียดลึกซึ้ง มีการใคร่ครวญถึงความสมเหตุสมผลและความสมจริง มีการคำนึงถึงภาพลักษณ์บุคลาธิฐานและนัยยะของการกระทำและตัวละคร มันสะท้อนออกทางพล็อตและแนวทางดำเนินเรื่องนะครับ อย่างที่ผมบอกไปในคอมเมนท์แรกของเรื่องนี้(คอมเมนท์แรกนั่นอินมาก พูดเรื่องเชาล้วนๆ) ว่าผมสัมผัสได้ว่าโครงเรื่องเปิดมาแบบน่าสนใจ และเมื่ออ่านละเอียดก็เห็นว่ามีคุณค่าทางสังคมสูง เป็นวรรณกรรมสะท้อนบุคลิกของมนุษย์และสะท้อนสังคมได้อย่างร้ายกาจเลยครับ

อย่างไรก็ดี ข้อเสียส่วนมากของวรรณกรรมสะท้อนสังคมมักจะพลาด คือ วรรณกรรมนี้ไม่ได้สื่อถึงสิ่งสำคัญที่จะบ่งบอก 'การแก้ปัญหา' ความจริงแล้ว วรรณกรรมสะท้อนสังคมดั้งเดิมถูกสร้างขึ้นในสังคมที่คาดหวังไว้ว่าผู้รับสาส์นจะมีระดับวุฒิภาวะและความคิดสูงมากพอจะไตร่ตรองและพิจารณาถึงปัญหา รวมถึงแก้ไขมันได้อย่างถูกทำนองคลองธรรมครับ ซึ่งมันเป็นอุดมคติมาก ต้องพิจารณาถึงสิ่งแวดล้อมที่สาส์นของเราจะส่งออกไปถึงด้วย เช่น ถ้าแวดล้อมไปด้วยบุคลากรที่ยังไม่เก่งกาจหรือรอบคอบด้านความคิดมากพอ วรรณกรรมสะท้อนสังคมจะเป็นมีดอาบยาพิษอย่างร้ายกาจ สังเกตได้ว่าในประเทศจีน สื่อภาพยนตร์หรือละคร จะไม่เน้นสะท้อนสังคม แต่จะเน้นสร้างสรรค์ให้คนรักชาติมากกว่า เช่นเดียวกันกับประเทศญี่ปุ่น สื่อภาพยนตร์หรือละคร จะมีเน้นเสียดสีสังคมบ้าง หรือสะท้อนความจริงที่ดำมืด แต่ทุกเรื่องจะมีจุดเด่นของการ 'แก้ปัญหา' ได้ในที่สุด เขาจะใส่ทางแก้ปัญหาที่หลากหลายมาให้เพื่อให้ผู้รับสาส์นชมครับ

ดังนั้น คำแนะนำของผมคือ ในภาคเชา ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ใส่การแก้ปัญหา หรือใส่แนวทางที่ทำให้เชาหลุดพ้นจากระบบความคิดที่ผูกมัด และทำให้เขากลายเป็นคนที่มีนิสัยไม่น่าคบหาในสังคมครับ เพราะผมรู้สึกว่าในภาคนี้(ฟิว) จุดประสงค์ของสาส์นไม่มีอะไรมากไปกว่าจะสะท้อนภาพการใช้โซเชีลเน็ตเวิร์ค(ซึ่งลุกลามใหญ่โต) ภาพลักษณ์ของเพศที่สามในวงกว้างของมหาวิทยาลัย(ที่ถูกแสดงออกมาในแง่ลบ) การขาดวิจารณญาณของบุรุษเพศในวัยรุ่น และปัญหาเชิงจิตใจของบุคลิกมนุษย์ประเภทต่างๆ มันเป็นวรรณกรรมเสียดสีสังคมที่ค่อนข้างชัดเจน แต่ผมว่าอาจจะหนักไปหน่อย

เพราะตัวเรื่องส่งนัยยะเนื้อหาในแง่ลบมากเกินไปครับ ขอพูดถึงเรื่องแรกก่อน ภาพลักษณ์เพศที่สามในวงมหาวิทยาลัยครับ เนื่องจากว่าตัวเอกในการดำเนินเรื่อง(เชา) มีปัญหาในเรื่องระบบความคิดที่ไม่เป็น neutral ดังนั้นจะทำให้มองโลกในแง่มุมที่มี bias เราจึงจะเห็นการตอบรับภาพลักษณ์เพศที่สาม[ในบริบทนี้หมายถึงการที่ชอบผู้ชายบางคนด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้สื่อถึงการเป็นสาวประเภทสองหรือมีรสนิยมในการชอบเพศชายเป็นพิเศษ]ในมุมเพื่อนของเชา ซึ่งเป็นนัยยะแสดงถึงการตอบรับของสังคมจริงพอสมควร เป็นนัยยะที่หนึ่งของพล็อตเรื่อง ซึ่งค่อนข้างหนัก(เพราะสื่อไปทางลบ)

นัยยะที่สอง การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค ข้อนี้ก็เช่นเดียวกัน การสะท้อนภาพการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างเพลิดเพลินและขาดความรอบคอบ ทำให้เกิดปัญหาลุกลามใหญ่โต แต่อย่างที่กล่าวไปแล้วครับ เชาเป็นคนที่มี bias ดังนั้น ทุกอย่างของโทนเรื่องจึงต้องกรองก่อน ภาพของ Social Bullying นั้นเป็นเรื่องจริงก็จริง แต่ต้องคำนึงด้วยว่า เชานั้น 'เขียนกระทู้เอง' และการเขียนแบบ 'ไม่คิด' ก็สมเหตุสมผลแล้วที่จะโดน Social Bullying ครับ เนื่องจากพฤติกรรมของเชาเองนั้นไม่น่าเป็นที่ยอมรับในสังคม อนึ่ง การปฏิเสธว่าไม่ได้เขียน ต่อหน้าฟิว อันนี้เป็นสิ่งที่สำหรับผม น่าเกลียดที่สุดเลยนะครับ เพราะว่ามันสื่อถึงการกระทำที่ไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำผิด ไม่ยอมรับในผลลัพธ์ที่ตัวเองทำลงไปแบบไม่คิดอะไร เป็นการปัดสวะและไม่รับผิดชอบอย่างสิ้นเชิงครับ ผมคิดว่าประเด็นของโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้น อยากให้มองเกี่ยวกับเรื่องของการตีแผ่ความจริงในแง่มุมหลายๆมุมมากกว่า(ซึ่งเป็นแนวทางของการแก้ให้มันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นในสังคมจริง) แต่ตัวเชาไม่สามารถยอมรับในจุดนี้ได้ จึงแสดงออกมาด้วยนิสัยส่วนตัวแย่ๆอย่างที่กล่าวไปข้างต้น

อีกเรื่องที่ผมงงๆครับ คือเรื่อง #ทีมเชา ผมไม่เข้าใจว่าการกระทำ(การออกมาปกป้องเพื่อนในสิ่งที่เพื่อนทำผิด)นี้มันแสดงนัยยะถึงอะไร แล้วก็ผมไม่คิดว่าการกระทำแบบนี้มันน่ายกย่องน่ะนะครับ เพราะเชาเขียนเอง โกหกเพื่อนด้วยว่าไม่ได้เขียน ทำให้เพื่อนต้องมานั่งแก้ข่าว(ซึ่งจริงๆเชาเป็นคนเขียน) เป็นการสร้างภาพลวงซึ่งเป็นบวกซ้อนภาพจริงซึ่งเป็นลบ ผมคิดว่ามันงงๆนิดหน่อยครับ ถ้าจะสื่อจุดนี้เป็นทางแก้ปัญหาของการเสียดสีสังคมในประเด็นโซเชียลเน็ตเวิร์ค ผมว่ามันเขวๆไปนิดหน่อยนะครับ

เรื่องสุดท้ายคือเรื่องฟิว (เรื่องเชาผมพูดไปในคอมเมนท์แรกแล้ว ขอละไว้นะครับ) ผมคิดว่าฟิวเป็นบุคลาธิฐานที่ผู้แต่งพยายามสื่อให้เห็นถึงความโดดเดี่ยวและความเปราะบางทางจิตใจของมนุษย์ครับ เนื่องจากเชาเป็น first fall in love ของฟิว ในทางจิตวิทยา มันจะฝังใจครับ อีกทั้งครอบครัวของฟิวเลี้ยงมาแบบค่อนข้างหวงแหน เป็นสภาพแวดล้อมในการเติบโตที่ค่อนข้างอ่อนไหว จึงทำให้ฟิวเห็นโลกในแง่มุมที่เป็นบวกมาตลอด ดังนั้นเขาจะรับมือกับโลกที่เป็นแง่มุมด้านลบไม่เป็นครับ เป็นเรื่องปกติที่ฟิวจะอยู่ไม่ได้เมื่อขาดเชา เพราะเขามองเชาเป็นหลักมั่นทางจิตใจ(existing resort) ของความรักไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ มันจึงทำให้ฟิวเป็นคนไม่ค่อยเติบโตในด้านวุฒิภาวะสักเท่าไหร่ครับ แต่สิ่งที่ผมอยากเห็นมากกว่า คือการที่ฟิวจะสามารถตั้งตัวหรือแก้ปัญหากับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ไปได้ยังไงครับ ผมอยากเห็นกระบวนการแก้ปัญหามากกว่าการสะท้อนภาพปัญหาโดยทิ้งปมเอาไว้น่ะครับ (แต่ถ้าผู้แต่งจบแบบปลายเปิดไว้ ผมอาจจะคอมเมนท์แนวทางการแก้ปัญหาของนัยยะทั้งหมดที่เปิดไว้ให้นะครับ)

เข้าใจว่าผู้เขียนจะทยอยสะท้อนภาพของช่วงชีวิตเชาว่าจะลงเอยยังไง แต่ผมคิดว่ามันมีประเด็นยิบย่อยรายทางที่น่าจะสื่อถึงการแก้ปัญหาร่วมไปด้วยน่ะครับ เพราะสุดท้ายการโฟกัสที่เชาก็อาจจะต้องสื่อถึงการแก้ปัญหาอยู่ดี หรือไม่เช่นนั้นอาจจะจบด้วยปลายเปิดแบบ Sad End เพื่อให้ครบถ้วนตามฉบับวรรณกรรมสะท้อนสังคมล้วนๆในอุดมคติครับ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 28-10-2015 09:22:22
เป็นเกย์ร้องไห้ได้นะ แต่ควรที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ใช่นิสัยแบบ ผญ จ๋าแบบฟิวเลย ไม่ไหวน่ะ นิสัยน่ารำคาญเกินไป

ถ้าคนเขียนจะลงก็ต่อในเรื่องนี้ล่ะครับ แต่เพิ่มภาคสองไว้สักหน่อยครับ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 01-12-2015 02:38:26
แวบมาสอดส่อง สารภาพว่าอยากอ่านต่อมาก แต่ขออ่านตอนจบแล้วทีเดียวเลยดีกว่า 5555
มันค้างคาา
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 01-12-2015 09:02:07
สิ่งที่หล่อหลอมให้เป็นฟิว ไม่ว่าจะเป็นสภาพสังคม ครอบครัว การเลี้ยงดูหรือแม้กระทั่งเพื่อน ก่อนมาเจอเชา กำลังทำให้ฟิวเกิดภูมิต้านทานในร่างกายตัวเอง เหมือนเปิดมุมมอง เปิดโลกให้ฟิวเห็นว่าโลกบางทีมันก็โหดร้ายและไม่มีที่ยืนให้แก่ผู้ที่อ่อนแอ ตามกฎการ selection หลังจากนี้มันก็อยู่ที่ฟิวแหละว่าจะยืนด้วยขาตัวเองได้เมื่อไหร่ เลิกร้องไห้ ทำตัวให้คนอื่นเป็นห่วงได้ตอนไหน ไหนๆ ตัวเองก็รู้แล้วว่าร้องไห้แค่ไหนเจ็บยังไงก็ไม่ตาย โดยส่วยตัวเชื่อว่า คนแบบฟิว ถ้ายังไม่หลุดพ้น ก็คงจมปลัก ร้องไห้ และเข้าพบจิตแพทย์ วนลูปเป็น cycle ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าหลุดพ้นเมื่อไหร่ นางจะกลายเป็นคนที่เข็ดกะความรักหรือไม่ก็อาจจะรักตัวเองมากขึ้นก็ได้ ช่วงเวลาที่หลุดพ้นนี่ดิ น่ากลัวสำหรับคนอย่างฟิว

ส่วนเรื่องเพื่อนฟิว ดันเล่าในมุมมองของอิหมาเชาเชาไง มันเลยดูเหมือนเพื่อนนางขี้เสือก แต่จะบอกอย่างนึง คือ เรื่องบางเรื่อง ควรปล่อยให้เค้าสองคนเคลียร์กันเอง ถ้าเค้าจะเลิกกัน เราแค่มีหน้าที่ปลอบใจเพื่อน อยู่ข้างมัน คอยให้กำลังใจมัน เพราะถ้าวันใดที่เค้าคืนดีกัน เราจะกลายเป็นหมาทันทีนะ (หรือถ้าแค้นแทนเพื่อน จะจัดการแก้เกมส์ยังไง เอาให้เจ็บแสบ นั่นก็เป็นอีกเรื่องนึงหลังจากที่เค้าทั้งสองเลิกกัน.. บอกเลยว่าถ้าคนแบบเชา มาเจอคนจริง มันตายตั้งแต่ตั้งกระทู้ล่ะ สืบจาก ip address ง่ายจะตาย)

ส่วนเพื่อนผู้ภักดีและสตรีผู้หิวกล้วยของเชา ไม่ว่าจะคิงหรือใครก็แล้วแต่ นี่คนประเภทเดียวกัน ศีลเสมอกัน มักจะคบกันได้ หึหึ

ไม่ผิดที่ฟิวนางจะร้องไห้ประหนึ่งตัวเองอยู่ยุคมนฤดี สุวนันท์ นะ แต่ฟิวต้องไม่ลืมว่าตัวเองก็เป็น ผช ในมุมมองของคนนอกที่มองมา มันน่ารำคาญ เห็นแล้วมันอยากเดินไปตบกะโหลกสักป้าปสองป้าป แล้วจิกหัวขึ้นมาถามว่า กะพ่อแม่ตัวเองเคยร้องไห้เสียใจหนักแบบนี้ไหม เค้าทำให้เกิดมา ไม่ใช่เพื่อให้มึงมาร้องไห้ให้กับใครก็ไม่รุ้ที่มันไม่ได้รักมึงจริง อย่าโง่! (เมนเทอร์บีบอกมา)

อยากบอกฟิวว่า "รักตัวเองให้มากๆ ให้ได้เท่ากับที่พ่อแม่เค้ารัก"

โอ้ ลืมพูดถึง อิหมาพันธุ์เชาเชา ตัวละครสำคัญไปได้ไง อิอิ ไม่พูดอะไรมาก รอดูวันที่นางตกต่ำถึงขีดสุดจากผลกรรมที่นางได้ทำไว้กับฟิวและการโกหกคนอื่น... เวรกรรมสมัยนี้แบ่งตัวไวยิ่งกว่า high speed internet อี้กกก อิ 4G ที่ว่าแน่ ยังมองตาปริบๆ 555 ถ้ามาช้านี่พูดเลย เจอแบบจัดหนักจัดเต็มประหนึ่งเจอเบญจเพสชุดคอมโบ้

ไม่ผิดนะที่คนเราจะหมดใจก่อน แต่คนที่หมดใจก่อน ควรบอกกันตรงๆ ว่าไม่ได้รัก ไม่ใช่ไปตั้งกระทู้เพื่อเป่าประกาศ หึ!

ถ้าจะลงต่อตอนไหมก็ลงในนี้ดีกว่า แล้วเปลี่ยนหัวกระทู้เอา เดี๋ยวขาดอรรถรสในการอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะ คุณเขียนได้ดี ทำให้มีอารณ์ร่วมได้ ขอชื่นชมจากใจเลย
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่17) " ไม่รักกันแล้วเหรอ " (27/10/15)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 06-12-2015 13:41:38
เกลียดไอ้เชา สมแล้วที่โดนด่าว่าหน้าตัวเมีย

ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับ มึงกลับไปเอาหัวมุดกระโปรงแม่มึงไป๊!!!

เดือดแทน ผู้ชายไรวะไม่แมนเลย (ขอโทษ ที่หยาบคาย)
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 06-01-2016 18:05:29
18
ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว




“ คุยเลยป่ะ ”


ผมขี้เกียจปล่อยให้เรื่องนี้ยืดเยื้อแล้ว น่ารำคาญ เพื่อนน้องฟิวทั้งสองคนจ้องผมกับคิงด้วยสายตาจงเกลียดจงชังแบบยังไงชาตินี้ก็ไม่มีทางญาติดีด้วย เออ… เรื่องของมึงเหอะ


“ ฟิวจะเอาไง? ”

ผมถามน้อง มองแค่เด็กหนุ่มตัวเล็กเพียงคนเดียว นั่นทำให้ผมนึกไปถึงตอนที่เจอกับน้องครั้งแรก ผมก็มาสั่งกาแฟกินรอน้องมาเรียนพิเศษด้วย น้องมาถึงงก็นั่งเงียบอยู่ตรงข้ามด้วยอาการตื่นกลัว ทำอะไรไม่ถูก


หากครั้งนี้ต่างกันตรงที่ผมมาเพื่อจบเรื่อง ไม่ได้เริ่มต้นใหม่…


“ นี่ยังกล้าถามอีกเหรอ! ” เด็กผู้หญิงอ้วนๆที่นั่งขนาบซ้ายเริ่ม ผมเบนสายตามามองเธอ และรุ่นน้องคนนี้ก็จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว


“ ไม่เสือกดิ ”


เสียงนิ่งๆของคิงพูดแทนสิ่งที่ผมคิดทั้งหมด ผมหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเอง รู้ว่ามันรำคาญ แต่ไม่คิดว่ามันจะพูดอะไรออกมา
น้องคนนี้หน้าตึง ตวัดสายตาค้อนขวางจ้องคิงแทน


“ พี่ว่าอะไรนะคะ ”


“ เรื่องของคนสองคน มึงเสือกอะไรเขา ”


และใบหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายของคิงก็ดูกวนตีนแต่ก็น่ากลัวอยู่ในทีพอตัวมากทีเดียว


ผมยกมือกุมขมับ รู้สึกปวกหัว ไม่รู้คิดถูกคิดผิด คิงมามันช่วยพูดในสิ่งที่ผมไม่อยากพูดให้น้องฟิวเข้าใจได้ แต่คำพูดและวิธีการไม่ต่างจากเอาน้ำมันราดใส่กองไฟของเพื่อนสาวพิทักษ์คุณธรรมของน้องเลย


“ หนูเสือกเรื่องเพื่อนยังดีกว่าพี่แล้วกัน ” น้องคนเดิมพูดเสียงดังใส่คิง “ เป็นมือที่สามความสัมพันธ์คนอื่น! ”


“ มึงพูดดีๆ นะ ”


“ หนูพูดไม่ถูกตรงไหน พี่นั่นแหละต้นเหตุทำให้เพื่อนหนูเสียใจ!! ”


“  ปัญญาอ่อนสัส มึงเสียใจเอง มึงร้องไห้เอง มึงโง่ทำตัวเองเองทั้งนั้น!!! ”


น้องฟิวถึงกับสะอึก เงยหน้าขึ้นมามองคิงทำให้สบตากับผมพอดี น้องตกใจมองเลิกลั่กไปทางอื่นแล้วก้มหน้าต่อไป ปล่อยให้เพื่อนสาวอีกคนกอดไหล่ลูบหลังปลอบ


ผมเห็นแล้วถอนหายใจ กลอกตามองทางอื่นเหนื่อยๆเซ็งๆ...


“ เชี่ยคิง ใจเย็น.. ”


แม่งเอ๊ย… นี่มันวันอะไรวะเนี่ย มึงเป็นเหี้ยอะไรกันไปหมด… กูจะนอยด์แดกแล้วได้อารมณ์เสียจริงๆก็วันนี้ล่ะ


“ กูเย็นอยู่ ”


เย็นชิบหาย เพื่อนกู… เฮ้อ!


“ เอางี้น้อง พี่ขอคุยกับฟิวสองคนได้มั้ย น้องจะไปไหนก็ไปๆ ” ผมโบกมือไล่อย่ารำคาญ “ ตั้งแต่มาฟิวได้พูดความรู้สึกตัวเองสักประโยคยัง น้องแย่งพูดหมดแล้วเอาแต่ด่า พี่ว่าแบบนี้แม่งไม่เรียกคุยว่ะ.. ”


ไม่รู้ว่าเพื่อนน้องฟิวแม่งไปเก็บกด กักเก็บความเกลียดผมมาจากไหน ทั้งที่เจอหน้าแม่งก็แค่ครั้งเดียว แถมไม่นานด้วยตอนที่ผมไปรับน้องและพาไปกินข้าวกับเพื่อนต่างคณะ


“ เกี่ยวแน่! เกี่ยวตั้งแต่เพื่อนพี่มารุมด่า รุมขุดเรื่องของหนูในเฟสแล้ว!!! ”


ห๊ะ?


“ อย่ามาตีเนียนไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่พี่แล้วเขาจะมาด่าหนูทำไม!! พี่แค้นนักเหรอที่หนูตั้งกระทู้ประจานพี่ทั้งที่มันก็เป็นเรื่องจริง เห็นอยู่ทนโท่!! ”


“ น้องพูดอะไร พี่ไม่เข้าใจ ”


น้องที่ด่าผมตั้งแต่แรกยันตอนนี้มีท่าทางโมโหมากขึ้นกว่าเดิม โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนเพื่อนอีกคนต้องจับเอาไว้


“ อ๋อ! ไม่รู้เรื่องเหรอ แล้วนีคือเหี้ยอะไร มันคืออะไร!! ”


น้องคนนั้นหยิบกระดาษปึกนึงออกมาโยนใส่หน้าผม…! ผมเบิกตากว้าง ตกใจ ไม่เคยมีคนทำแบบนี้ใส่ตัวเองมาก่อน


“ อีเหี้ย!! มึงเยอะไปแล้วนะ! ”


ไอ้คิงขึ้นแทน ผุดลุกขึ้นยืนแล้วขึ้นเสียงใส่ แม้แต่เพื่อนน้องฟิวก็ตกใจผงะไปข้างหลัง  ขณะที่ผมยังยืนนิ่ง แต่หน้าร้อนไปทั้งหน้า กระแสอารมณ์พุ่งพรวดขึ้นมาจนเกือบถึงจุดที่ทนไม่ไหว ผมมองทั้งสามคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามตาแข็ง แต่ยังข่มใจไม่ให้ระเบิดออกมา


“ คิง ”

กัดฟันพูดปรามมันเอาไว้ ข่มความรู้สึกไม่ให้เข้าไปต่อยผู้หญิง หยิบกระดาษที่มันปาใส่หน้ามาดู และกวาดสายตาอ่านคร่าวๆ


ในกระดาษเป็นการแคปหน้าจอเฟสบุ๊กของเพื่อนน้องฟิวคนที่ปากหมาใส่ผมมาตั้งแต่แรก ในนั้นน้องทั้งโดนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ประชดแดกดัน ขุดเอารูปเก่าๆมาล้อเลียนจนกลายเป็นเรื่องสนุกสนาน โดยเฉพาะเรื่องหน้าตาและรูปร่าง


“ ตอบหนูมาสิคะ พี่ไม่ทำแล้วใครจะทำ! ”


“ ไม่รู้ ”


ผมให้คำตอบที่ดีที่สุดได้แค่นั้น


“ กวนตีนคนอื่นไว้เยอะเองล่ะสิ! ”


ผมจับไหล่ไอ้คิงทันทีที่มันเริ่มปากหมา ถึงจะเป็นเรื่องจริง...แต่มันก็ไม่ควรพูดให้เรื่องแย่ไปกว่านี้


“ เชี่ยคิง เย็นหน่อยโว้ย.. ”


ถอนหายใจหนึ่งครั้ง หันไปมองทางแฟนมันที่นั่งมองอยู่เช่นกัน แต่ยังไม่เดินเข้ามาสีหน้าเป็นห่วงเพื่อนผมอย่างชัดเจนจนผมเบือนหน้าหนี


“ มึงไปอยู่ตรงนู้นก่อนไป กูเคลียร์เอง ” และชี้นิ้วโป้งไปทางที่ภัทรนั่งรอมันอยู่โดยไม่ได้หันไปมอง


“ ไม่ได้! หนูเรียกพี่มา... ”


ผมว่าผมทนเพื่อนน้องฟิวคนนี้ไม่ไหวแล้วว่ะ...


“ มึงจะคุยไม่คุย ถ้าไม่คุย กูจะกลับ!! ”


ชี้หน้าและตวาดกลับเสียงดังก่อนที่จะพูดจบประโยค จ้องตาเพื่อนน้องด้วยแววตาเอาจริง หน้าของผมนิ่งสนิทและผมพร้อมทำร้ายผู้หญิงได้.. ถ้าทำตัวให้หมดหมดความอดทน


ทุกคนนิ่งสนิท เกิดเดธแอร์ขึ้นชั่วครู่ก่อนที่เพื่อนสาวน้องฟิวที่คอยปลอบจะดึงแขนเพื่อนตัวเองถอยออกมา


“ มึง กูว่าให้ฟิวเคลียร์ก่อนเหอะ ”


“ ฟิวแกว่าไง ” หันไปถามน้องฟิวที่นั่งเงียบมานาน แล้วน้องก็ค่อยๆพูดขึ้น


“ ...เราอยากคุย ”


ไอ้คิงกลอกตาสีหน้ารำคาญเต็มที่


“ เหอะ เรื่องของตัวเองแท้ๆ... ”


คิงไม่ได้ประชด มันว่าน้องตรงๆ มองหน้าด้วยแล้วเดินไปหาภัทร ขณะที่เพื่อนน้องขึงตามองคิงด้วยความโกรธ น้องกลับหลบสายทุกคน ก้มหน้าก้มตา จมูกแดง ตาช้ำอย่างน่าสงสาร


“ สัญญา.. ไม่ร้องแล้วนะ ” เพื่อนน้องคนที่หน้าจืดถาม ฟิวเงยหน้าขึ้นมา ส่ายหัวเบาๆก็ยิ้มเหนื่อยอ่อนตอบ


“ เอาน้ำตาที่ไหน ร้องจนร้องไม่ออกแล้ว ”


ผมหันไปมองทางอื่น รู้สึกได้ว่าเพื่อนน้องปรายสายตามองผมอย่างไม่พอใจแล้วก็เดินไปนั่งอีกโต๊ะ ไม่ใกล้ไม่ไกล


ผมว่านั่นไม่ใช่ความผิดผม.. ผมอยากบอกน้องอย่างนั้น แต่พอเหลือกันแค่สองคนจริงๆ ผมก็พูดไม่ออก


ประโยคแรกที่ผมได้พูดกับน้องจึงเป็นประโยคที่เหี้ยที่สุดที่ผมคิดได้


“ เป็นไงบ้าง ”


“ ... ”


“ โทษที... ”


น้องคงไม่รู้สึกมีความสุขแน่…


ขณะที่ผมกำลังคิดคำทักทายใหม่ น้องพูดขึ้นมาเสียงเบาไม่ต่างจากกระซิบ


“ พี่เชาอยากเลิกกับฟิวเหรอ ”


“ ... ”


“ ฟิวไม่อยากเลิกนะ ”


“ ไม่ชอบฟิวตรงไหนบอกฟิวได้มั้ย ฟิวจะเปลี่ยน ”


“ เรื่องของพี่เชากับพี่คิง ฟิวไม่รู้ไม่เห็นก็ได้ ”


“ หรือ.. ”


“ ฟิว ฟังพี่ ”


ผมหยุดประโยคน้องด้วยการพูดขัดทะลุกลางปล้อง ผมทำกับน้องขนาดนี้น้องยังไม่อยากเลิกกับผมอีก? น้องน่าสงสารที่มาชอบผม หรือกูพลาดที่มองเกมไม่ออก หาเรื่องใส่ตัวเองตั้งแต่แรกกันแน่วะ...


“ พี่ไม่ได้มีคนใหม่ กับคิงเราเป็นเพื่อนกัน แฟนมันนั่งอยู่นู่น แล้วฟิวก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย มันไม่มีใครผิดหรอกเรื่องนี้ ”


“ ถ้าฟิวไม่ผิดทำไมพี่เชาถึงอยากเลิกล่ะครับ ”


ว่าแล้ว...ว่าน้องต้องถาม


“ พี่แค่ไม่เหมือนเดิม ”


“ มะ..ไม่เหมือนเดิม.. คือยังไงเหรอครับ? ” สีหน้าน้องเจ็บปวด ตาแดงก่ำแต่กลั้นน้ำตาไว้ “ พี่เชา… มีคนใหม่ที่ไม่ใช่พี่คิงเหรอ... ”


“ พี่ไม่มีใหม่ มันแค่… จู่ๆ พี่ก็เปลี่ยนไป ความรู้สึกพี่ไม่เหมือนเดิมแล้วฟิว ”


น้องเงียบไปนาน อ้ำๆอึ้งๆจะพูดหลายครั้งจนรวบรวมความรู้สึกตัวก่อนจะระบายออกมา


“ พี่เชา…ไม่รักฟิวแล้วเหรอครับ ”


เฮ้อ… กูยังต้องตอบประโยคนี้อีกเหรอเนี่ย...


ที่จริงผมก็คิดได้ตั้งนานแล้วล่ะนะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อมานานได้ขนาดนี้ ผมไม่อยากให้น้องเสียใจ อย่างไรก็ตามมันก็เป็นการฝืนความรู้สึกผมเหมือนกัน ความสุขผมลดลงทุกครั้งพยายามฝืนตัวเองอยู่กับน้อง ผมว่าควรพูดความจริงสักที


“ อืม ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว ”


ความเงียบน่าอึดอัดเกิดขึ้น ผมไม่รู้จะพูดอะไร น้องฟิววก็เหมือนถูกดูดกลืนหายไปกับเดธแอร์ครั้งนี้ สีหน้าน้องแสดงความเจ็บปวดมากขึ้น ตาแดงก่ำน้ำตาไหลซึมถามผมด้วยริมฝีปากสั่นระริก


“ พี่เชาเคยรักฟิวจริงๆบ้างรึเปล่าครับ ”


“ ... ”


“ พี่เชาบอกว่าต้องการพื้นที่ส่วนตัว ฟิวเข้าใจ ฟิวให้ได้ แต่เพื่อนฟิวบอกว่ามันคือการปิดบัง ”


“ พี่เชาไม่โทรหา งานยุ่ง ฟิวเข้าใจ แต่สิ่งนั้นคือการละเลย ”


“ พี่เชาบอกว่าจะพาไปเจอป้า แต่ไม่เคยพาฟิวไปสักครั้ง ”


“ เหมือนฟิวไม่รู้จักพี่เชาจริงๆเลย ”


“ แค่รู้จักพี่เชา… เท่าที่พี่เชา...อนุญาต ”


“ อย่างนี้สำหรับพี่เชายังเรียกว่ารักอยู่มั้ย... ”


คราวนี้เป็นผมบ้างที่เงียบ เงียบแล้วใคร่ครวญคำตอบที่ดีที่สุดให้กับน้อง


“ พี่เคยรักฟิว ”


“ พี่ไม่เคยทำอะไรเพื่อใคร แต่พี่เคยทำเพื่อฟิว พี่เลิกบุหรี่ให้ฟิว พี่รับส่งฟิว พี่ดูแลเอาใจใส่ฟิวยิ่งกว่าใครทั้งนั้น เรื่องของฟิวมาเป็นที่หนึ่ง พี่เคยคิดแต่เรื่องฟิวในหัว  สำหรับพี่ นั่นคือความรัก แต่ถ้าฟิวยังไม่เชื่อ...พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูด ”


ที่ผมบอกน้องเป็นความจริงทั้งหมด ผมไม่เคยทำอะไรให้ใครมากเท่านี้มาก่อน ผมเคยมีแฟนแต่ก็ไม่เคยมี่ครั้งไหนที่ผมจริงจังในความสัมพันธ์เท่าตอนที่คบกับน้องฟิว อาจเป็นเพราะนิสัยน้องที่ทำให้ผมรู้สึกว่าต้องปกป้องดูแลเขาให้มากกว่าใคร ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม


ทว่าความจริงก็คือ… ผมไม่ใช่คนที่จะดูแลใครได้นานๆ


ผมเป็นคนขี้รำคาญ และไม่ได้มีความอดทนมากมาย เมื่อถึงจุดๆหนึ่งผมจึงรู้สึกเบื่อที่จะต้องคอยปกป้องดูแลน้องตลอด
รำคาญ...ที่น้องไม่ทำอะไรเอง


และหมดความอดทนกับความใสซื่อของน้อง ที่หลายๆครั้งความรู้สึกนี้มันแว่บขึ้นมาในหัว...


‘ เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอวะ ’


ผมเคยชอบความใสซื่อของน้องนะ แต่เวลานี้สิ่งที่ผมเคยชอบที่สุดกลับเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรำคาญที่สุด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
แต่ช่างแม่งเหอะ… มันเกิดขึ้นแล้ว


ผมยกแขนขึ้นมากอดอก เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเองเล่นอย่างเบื่อหน่าย แล้วพาลนึกไปถึงเหตุการณ์คืนปีใหม่ ต้นเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกกับน้องเปลี่ยนไป


ครั้งนั้นเราทะเลาะกันแรงที่สุด และเป็นครั้งที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกเราทั้งสองฝ่ายมากที่สุด...


ผมไปเที่ยว ดื่มหนัก ยอมรับว่ามึน แต่ไม่เมา เพราะผมจำเหตุการณ์ได้ชัดเจนทุกอย่าง น้องฟิวไปเข้าห้องน้ำแต่ไม่กลับมาสักทีผมเลยเข้าไปตาม แล้วเรื่องคลาสสิกที่สุดที่ผมไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะเกิดขึ้น...ก็เกิดขึ้น


น้องโดนลวนลาม กักเอาไว้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผมในฐานะแฟนเข้าไปช่วย แต่ไอ้เหี้ยเด็กแว๊นนั่นแม่งเมาแล้วกวนตีนผม ผมกับมันเลยซัดกัน กำลังนัวเนียกันอยู่ ผมเป็นต่อมันสัสๆ น้องฟิวแม่งเอาน้ำที่ไหนไม่รู้สาดผมกับมันทั้งถัง จากกรึ่มๆหน่อยสติผมกลับมาครบถ้วน ผมปล่อยไอ้เหี้ยเด็กแว๊นนั่นแล้วเดินออกมาโดยไม่มองหน้าน้องเลย


ผมโกรธ สั่นไปทั้งตัว ไม่เคยมีใครสาดน้ำใส่ผมมาก่อน… แล้วที่ทำนี่… ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลย… แต่ดูสิ่งที่กลับมา… มันใช่เหรอวะ!


น้องฟิวตามออกมา พยายามขอโทษ พยายามเอามือถือผมไปดูว่ามันเปียกน้ำมั้ย เสียรึเปล่า แต่ผมไม่พร้อม.. ตอนนั้นผมโกรธ...จนไม่อยากจะมองหน้าน้อง แต่น้องยังตามตอแยไม่เลิก ผมจึงระบายอารมณ์ด้วยการปาโทรศัพท์มือถืออัดใส่ผนัง


‘ มันพังแล้ว เห็นมั้ย?! ฟิวหยุดถามได้แล้ว!! ’


และก็เดินออกมา ขับมอเตอร์ไซค์กลับหอ เคาน์ดาวน์คนเดียวแม่ง…


หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นผมก็ถามตัวเองมาตลอด…


แม่งใช่เหรอวะ...คนนี้…. ถ้าใช่ทำไมผมถึง ‘ เบื่อ ’ ทำไมถึงเริ่มหน่ายกับพฤติกรรมของน้อง ซึ่งมันก็มีคำถามแบบนี้วูบขึ้นมาบ้างแล้วตั้งแต่ก่อนสิ้นปี ผมจึงอาศัยเหตุการณ์ในคืนปีใหม่นี้ห่างกับน้องสักพัก ตัดการติดต่อไปเลย ไม่ตอบแชท ไม่เจอหน้า… คิดอะไรคนเดียวไม่ออก… เพราะปกติผมไม่คุยเรื่องอะไรแบบนี้กับคิงอยู่แล้ว (อีกอย่างมันไม่ชอบน้องฟิวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ) ก็เลยตั้งกระทู้ถามเล่นๆ…


เพราะการตั้งกระทู้ถามนั่นรึเปล่า ถึงทำให้เรื่องบานปลายขนาดนี้?


อาจจะใช่… แต่ผมเองไม่ใช่เหรอที่เป็นทำ… ผิดที่ผมเองที่ปล่อยให้เรื่องบานปลายขนาดนี้ ไม่ตัดปัญหาตั้งแต่แรก


ผมว่าผมไม่น่าจีบน้องเลยว่ะ…


พิจารณามองน้องฟิวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามอีกครั้ง ยังไงๆ น้องก็ไม่ใช่สเป็คผม...


แล้วกูไปจีบเขาทำไมวะ... เหงาเหรอ..ก็ไม่นะ…


คิดไม่ออก… ช่างแม่ง….


“ ฟิว พี่ว่าเราจบกันด้วยดีเถอะนะ ”


ผมบอกน้อง และยิ้มให้ แม้ว่ามันจะเป็นยิ้มที่ผมรู้สึกว่าช่างตอแหลเหลือเกิน


น้องเม้มริมฝีปากเหมือนไม่อยากจะยอมรับ เอามือปิดหน้าตัวเองและร้องไห้จนไหล่สั่น มีเสียงสะอื้นหลุดออกมาบ้าง ผมจึงเงียบเพื่อให้เวลาน้องทำใจและรอว่าน้องจะพร้อมเมื่อไหร่


“ ฮึก..อึก..ครับ…. ”


น้องฟิวพูดสลับเสียงสะอื้น น้ำหูน้ำตาไหลเปื้อนมือออกมาจนผมต้องหาอะไรสักอย่างให้น้องใช้เช็ดหน้าเช็ดตา และสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดคือกระดาษทิชชู่ที่ได้มาพร้อมกับกาแฟแก้วเย็นชืด ผมจึงไม่ลังเลที่จะยื่นมันให้น้อง


“ ขอบคุณครับ...อึก... ” น้องรับไปเช็ดหน้าเช็ดตา… มองผมด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำตาเปรอะเปื้อนขอบตาไปหมด “ พี่เชา.. กลับเลยก็ได้นะ... ”


ผมเงียบและมองน้อง ท่าทางของน้องฟิวไม่โอเคเลย.. แต่ดีแล้วที่เขามากับเพื่อนผมจึงลุกขึ้นยื่นมือไปยีหัวน้องเบาๆ


“ งั้นพี่ไปแล้ว.. ดูแลตัเองดีๆนะ ” และถอยออกมามองน้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินไปหาคิงและภัทร ถึงตรงนั้นมันจะมีเรื่องน่าอึดอัดใจสำหรับผม แต่มันก็คงดีกว่าอยู่ที่เดิมกับน้องฟิวอยู่อย่างนี้... “ บาย ”


“ ฮึก...บายครับ..พี่เชา.. ”








--------------------------จบ(ภาคฟิว)--------------------------




ก่อนอื่นเลยต้องขอ.............. สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน :o8: ขอให้ปี 2559 เป็นปีที่ดี เป็นปีที่มีความสุข มีจิตใจที่เข้มแข็งและสุขภาพกายแข็งแรงค่ะ

เรากลับมาแล้วค่ะ หายไปนานสุดเลยรอบนี้... ไม่มีคำแก้ตัวใดๆค่ะนอกจากบอกว่าหายไปทำทีสิสมา....

จบเรื่องทีสิส มาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่าค่ะ จริงๆมีประเด็นหลายเรื่องเลยที่อยากตอบ แต่ส่วนใหญ่มันต้องพูดคุยกันยาว เพราะเกี่ยวกับบุคลิก-ลักษณะนิสัย และการถูกเลี้ยงดูมาของตัวละครแต่ละตัว ถ้าแบให้ดูทั้งหมดก็จะยาวมากๆๆๆ ดังนั้นเลยขอเคลียร์ประเด็นที่สำคัญและสั้นก่อนนะคะ

#ทีมเชา
อย่างทีเห็นคือเพื่อนรอบๆตัวเชาเมื่อเห็นว่ามีข่าวลือ/ข่าวไม่ดีเกิดขึ้นกับเชาก็รีบเข้าไปปกป้องทันที (ซึ่งเรารู้ๆกันอยู่ว่ามันเป็นเรื่องจริง) ประเด็นนี้ต้องการสื่อให้เห็นเรื่อง ' สังคมไทยให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้า และให้สิทธิพิเศษคนหน้าตาดีมากกว่าคนทั่วไป ' ค่ะ

เชาหน้าตาดี เป็นเดือนภาค และมันก็เฟรนด์ลี่ เป็นมิตรกับทุกคน มีอะไรก็ช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ (เหมือนจะ)สนใจคนรอบข้าง รู้จักเพื่อนเยอะแยะ และหลายๆคนก็รู้จักเชา ในสายตาของคนทั่วไปเชาจึงไม่ใช่คนไม่ดีเลย ใครจะไม่ชอบ? (แต่เรื่องนี้มันดำเนินเรื่องโดยเชา คนอ่านก็จะเห็นมุมมอง เห็นความคิดของมันว่าคิดอะไรอยู่จึงทำให้รังเกียจการกระทำของเชาที่ทำร้ายและไม่สนใจจิตใจคนอื่น)

อีกอย่างที่สำคัญคือ นอกจากหน้าตาดีแล้วเชายังเป็นคน ' ภาพลักษณ์ดีมาโดยตลอด '

จึงไม่มีใครเชื่อแน่ ว่าคนที่ตั้งกระทู้คือเชา... หรือต่อให้เชื่อ ก็จะมี ' ติ่งเชา ' มากมายที่ออกมาปกป้องโดยไม่สนใจเหตุผลใดๆทั้งสิ้น น่าเสียใจที่คนส่วนใหญ่เหล่านั้นเป็นผู้หญิงด้วยซิคะ... กระซิก....

ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากเพื่อนสาวพิทักษ์คุณธรรมของฟิว(ที่เรากล่าวถึงนิดหน่อยในตอนนี้... พยายามไม่แตะมากค่ะ เดี๋ยวตอนนี้จะยาวเกินไป.... T T) ออกมาแฉแล้วโดนขุดคุ้ยประวัติส่วนตัว แต่เพราะเธอเป็น nobody ไม่มีแฟนคลับ(หรือในที่นี้คือ ' ติ่ง ' ฮาา ) คอยปกป้อง ขี้เหร่แถมยังอ้วนอีก... คนก็เหยียบย่ำกันสนุกสนาน

น้องฟิวร้องไห้เยอะเกินไป ไม่ทำอะไรด้วยตนเอง
ใช่ค่ะ น้องร้องเยอะเกินไปจริงๆ เรายอมใจเลย... แต่ทุกคนลืมอะไรไปรึเปล่าคะ... น้องฟิวรักเชามาก รักอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ และคนเราหากถูกคนที่รักมากทำร้ายความรู้สึกเข้าบ่อยๆก็สามารถอ่อนแอได้ทั้งนั้นค่ะ ยิ่งเป็นเคสน้องฟิวที่มีลักษณะนิสัยเปราะบางและอ่อนแอแบบนี้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่...

ในตอนนี้น้องฟิวเก่งขึ้นแล้วนะคะ เก่งขึ้นนิดนึง... กล้าพูด...กล้าถาม...โดยที่รู้ว่าคำถามของตัวเองต้องทำให้เชาขัดใจแน่ๆ ซึ่งโดยพื้นฐานน้อง น้องเป็นคนเอาคนอื่นไว้เหนือตัวเอง ยิ่งเชา..น้องยิ่งทั้งกลัว..ทั้งเทิดทูนบูชา...

จบแล้วค่ะ... :-[ เราหวังว่าการกระทำของฟิวในตอนนี้จะแสดงความเข้มแข็ง/เด็ดเดี่ยวบางอย่างให้ทุกคนได้เห็นกันนะคะ อาจจะดูอ่อนแอเหมือนเดิม... แต่นี่ก็เต็มกลืนที่น้องจะรับได้แล้วค่ะ

ส่วนเชา... จนจบภาคฟิว.. มันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปัญหาของตัวเองคืออะไร 5555555 จริงๆเชามองเห็นค่ะ รู้ทุกอย่างว่าเกิดอะไรยังไง เข้าใจทุกอย่างด้วย แต่เพราะลักษณะนิสัยที่ ' ช่างแม่ง ' ของมัน ทำให้มันไม่เก็บอะไรมาคิดพิจารณาเลย กลายเป็นขาดความสนใจคนรอบข้าง บวกกับความเอาแต่ใจ เลยทำให้ดูเป็นคนเห็นแก่ตัว ซึ่งเชาอาจจะเห็นแก่ตัวจริงๆหรือไม่ก็ได้.. ยังมีภาคเชา...ให้ติดตามต่อค่ะ... //-\\ (ขายของอีกแล้วเรา แง๊..)

สำหรับมิสเตอร์เกรย์ เอ๊ย คุณ Grey Twilight อยากจะบอกว่าเราชอบและขอบคุณและปริ่มมากตั้งแต่คอมเม้นท์แรกของคุณค่ะ   เราไม่แน่ใจว่าเราจบแบบปลายเปิดหรือปิด.. sad end หรือ good end เพราะจุดมุ่งหมายของเราคือการเล่าช่วงชีวิตๆหนึ่งของเชาซึ่งจะเติบโตขึ้นอีกในอนาคตเท่านั้นเอง ดังนั้นก็.. คอมเม้นท์ได้เลยตามสะดวกค่ะ เราก็อยากอ่าน......  :o8:

สุดท้ายนี้ ขอบคุณคนอ่านทุกคน ทุกคอมเม้นท์ เราจำพวกคุณได้หมดเลยนะ :o8: ไม่ว่าจะด่าเชา ทีมฟิว ทีมคิง หรือยังไงก็ตามแต่ เต็มที่เลยค่ะ 5555 เราไม่โกรธไม่เคืองใดๆทั้งสิ้น เพราะแต่ละคนก็ทำตัวให้ได้รับกระแสตอบรับแบบนั้นเอง เราออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ทำให้พวกคุณอินกันได้ขนาดนี้ อิอิ

จบ -ภาคฟิว- แล้วนะ จุ้บๆ ไว้เจอกันใหม่ที่โพสเดิม... ภาคใหม่ค่าาา
มีอะไรอยากบอกก็บอกได้ ถามได้ pm ได้นะคะ

รัก.  :กอด1:

TBC.

หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 06-01-2016 19:10:46
ดีค่ะ
อย่างน้อยก็จบชัดเจนดี
อย่างนี้น้อยทั้งฟิวและเชา
ได้พูดในสิ่งที่อยากจะพูด
เข้าใจนะที่เชาอยู่เกิดรู้สึกแย่ๆกับน้อง เพราะสิ่งที่น้องทำ
เชาอาจจะเสียความรู้สึกมาก
แต่สิ่งที่ทำกับน้องมันก็เลวมากจริงๆนะ
และในตอนนี้ในเมื่อจบกันแล้ว
ขอให้น้องฟิว รักตัวเองมากๆ  และเข้มแข็งเร็วๆนะ




ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆสนุกมากๆเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-01-2016 19:29:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-01-2016 19:30:25
ขนาดคนอ่านอยู่ไกลกับฟิวตั้งเยอะ
ยังน้ำตาไหลไปกับความเสียใจของฟิวเลย
สรุปคือเชาเป็นหมาบ้า โดนน้ำก็เลยบ้าหนักไปใหญ่
น้องฟิวเลือกวิธีที่ละมุนที่สุดแล้ว ถ้าโหดกว่านี้
เชาอาจไม่ได้อยู่จนถึงวันที่มาบอกว่าไม่รักฟิวหรอก
เชาเคยถามฟิวบ้างมั้ยว่าจริงๆแล้วฟิวอยากสาดน้ำ
กับคนนั้นหรือสาดทั้งคู่ ฟิวอาจจะสาดพลาดไปก็ได้นี่
แต่อย่างว่าคนไม่รัก ทำอะไรก็ติดลบหมดน่ะแหล่ะ
แค่บอกรักยังฟังน่ารำคาญเลย จริงมั้ย
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 06-01-2016 21:42:05
จบแล้ว เคยเป็นแบบฟิวอยู่ช่วงหนึ่ง (หมายถึงที่เสียใจเรื่องความรักอะนะครับ) แต่ที่เสียใจเพราะความไม่รู้ ไม่ชัดเจนของความสัมพันธ์มากกว่า จริง ๆ การเลิกไปเลยอาจจะดีกว่าสำหรับฟิวนะ เลิกแล้วเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน

เข้าใจในสิ่งที่เชารู้สึก (เพราะคิดว่าตัวเองคล้ายเชามากกว่าฟิว) เชาเป็นคนประเภทภาพลักษณ์ดี หน้าตาดี เรียกว่าเป็นคนที่ถูกรักมากกว่าคนที่จะไปรักใคร คนแบบนี้ยากที่จะแคร์คนอื่น คนที่จะคบกับคนแบบนี้ได้นานคือคนประเภทที่ไม่แคร์เหมือนกัน ปล่อยให้มีอิสระแต่คอยห่วงอยู่ไกล ๆ มากกว่า

สุดท้ายการจากกันแบบนี้ เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 06-01-2016 22:11:00
เรื่องของฟิวจบแค่นี้เหรอ :impress2:

อยากอ่านเรื่องราวตัวเอกเป็นฟิว ฮี่ๆๆ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 06-01-2016 22:46:32
ตอนยังรัก ทำยังไง ก็จะรัก
ตอนเบื่อนัก รักทำไม ไม่ใหลหลง
ตอนไม่เบื่อ เชื่อทุกสิ่ง ทิ้งไม่ลง
ตอนไม่รัก บอกกูงง หลงทำไม

หุหุ
ไอ่หมาเชา พูดดูดี๊ดูดี
เริ่มเอง จบเอง
โคตรแมน..แมนแท้ๆเลยเมิง

+1 ให้คนแต่งนะจ๊ะ
หนุกดี


หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 06-01-2016 23:29:40
ชัดเจน จบคือจบ!!

สงสารฟิว เคยมีความรู้สึกนี้
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: yanggi ที่ 06-01-2016 23:56:56
จะมีทางที่เชาจะกลับมาง้อรึป่าว    ถ้าไม่ ...... ก็คงจบแล้วจริงๆ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 07-01-2016 17:44:39
โอเคครับ งั้นเรามาดูที่ตัวละครต่อไปที่น่าสนใจ

คิง... คิงเป็นตัวละครที่ผู้ชายมากครับ ทัศนคติแบบทำตัวเองร้องไห้เอง โง่เอง บัดซบเอง แล้วจะมาร้องไห้ทำซากอะไร คิงเป็นคนเรื่อยๆเฉื่อยๆเหมือนกันกับเชา อาจเพราะได้รับอิทธิพลมาครับ เป็นคนที่ไม่ใส่ใจความรู้สึกของใครหน้าไหนทั้งนั้น กระทั่งตัวเองก็ไม่พยายามจะใส่ใจกับความรู้สึกของตัวเอง เลยทำให้ดูเหมือนเป็นคนหยิ่ง ไม่แคร์ใคร ไม่ใส่ใจใคร อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าวุ่นวายกับกู มันน่ารำคาญ ถ้ามีแฟนเหรอ ก็ดี เรื่อยๆ ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าเลิกกัน เจ็บแล้วไง? ไม่มีทาง จะไม่ร้องไห้ กูจะไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น

นี่เป็นทัศนคติของผู้ชายสมัยดึกดำบรรพ์ครับ คล้ายๆพวก primitive raw male คือไม่สนใจความอ่อนโยน ศิลปะคือความไร้สาระ ความรู้สึกที่ลึกซึ้งคือสิ่งที่น่ารังเกียจและไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไปค้นคว้าหาความเข้าใจ อำนาจและความแข็งแกร่งเท่านั้นที่ควรเคารพบูชา เพศชายคือสัญลักษณ์แทนนิยามทุกอย่างของความดิบเถื่อนและไร้ปราณี ไม่จำเป็นต้องมีการเห็นอกเห็นใจ ทำอะไรก็ได้ตามความพึงพอใจ แสวงหาอำนาจและกำชัยโดยผ่านความสุขทางเพศสัมพันธ์

คนประเภทนี้มักจะแสดงว่าตัวเองไม่เคยล้ม แต่พอล้มจริงๆขึ้นมา จะล้มแรงครับ แล้วจะเสียศูนย์เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแพ้คนที่ 'ดีงามกว่า ฉลาดกว่า และจิตใจอ่อนโยนกว่า' เพราะมันจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิดไว้ทั้งหมด

เขายอมรับไม่ได้ที่จะแพ้คนที่เก่งกว่า ดีกว่า งดงามในตัวมากกว่า เขาคิดว่าผู้ชายที่เป็น 'ผู้ชาย' และประสบความสำเร็จ คือคนที่จะเป็นแบบข้างต้น  ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ครับ บนโลกนี้มีคนที่เก่งกว่าขึ้นมาเสมอ แต่คนที่จะกำความสำเร็จไว้ได้อย่างยั่งยืนคือคนที่คิดถึงผู้อื่นมากกว่า รอบคอบกว่า และมีวิสัยทัศน์ที่ดีกว่าครับ

มีวาทะนึงที่ดีจากเรื่อง Tomorrow Land ที่น่าสนใจมากนะครับ เขากล่าวไว้ว่า

'In this world, there are two wolfs fighting each other. One, is despair and darkness. Other, is light and hope. And which wolf win?'

'...The one that you feed it.'

ยิ่งคุณสาดสิ่งเติมเต็มสิ่งนั้นเข้าไปมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งจมดิ่งลงไปกับมันมากเท่านั้นครับ ข้อแตกต่างที่เห็นชัดคือ ความดีจะดึงคนขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือกัน แต่ความสิ้นหวังจะทำให้ผู้คนต่างไล่ฟาดฟันกันเพื่อแสวงหาอำนาจเบ็ดเสร็จ(absolute power)

ตอนที่คิงเป็นแฟนกับภัทร ภัทรเป็นคนดี พยายามเพื่อครอบครัว มีสิ่งดีๆเพื่อที่ส่งไปให้คนรอบข้าง มันขัดกับความพยายามที่จะเย็นชา ทัศนคติที่มองว่าความอ่อนโยนและเมตตาคือความอ่อนแอของคิง การคบกันถึงทำให้คิงรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่สิ่งที่พิสูจน์ว่าคิงเป็นคนที่ยังมีความดีหลงเหลืออยู่ คือการแสดงออกว่าเสียใจครับ

หลังจากเลิกกัน คิงพยายามจะบอกว่าตัวเองโอเค พยายามทำให้ทุกอย่างปกติ พยายามทำให้ 'ความคิด' ของเค้าถูกต้อง แล้วยิ่งเจอเชา เลยเข้ารกเข้าพงกันไปใหญ่ครับ มั่วซั่วไปกันใหญ่ เละเทะ

มันได้ถึงระดับนึงครับ จิตใจมนุษย์ยืดออกได้ถึงระดับนึง แต่เมื่อจุดสิ้นสุด คุณจะพังทลาย สังเกตง่ายๆครับ เราเห็นว่าสุดท้ายแล้วคิงรู้สึกเหงา ในบางครั้งเขากลับรู้สึกว่าเขาชอบตัวเองเมื่อตอนอยู่กับภัทร นั่นเพราะอะไร? เพราะข้างในจิตใจของคิง อาหารที่เคยป้อนให้กับหมาป่าสีดำ มันค่อยๆถูกเปลี่ยนให้เป็นอาหารที่จะป้อนให้กับหมาป่าสีขาว โดยฝีมือของภัทรครับ มันถึงทำให้คิงรู้สึกชอบตัวเองตอนนั้น รู้สึกว่ามีคนคอยช่วยเหลือ รู้สึกว่าตัวเองมีที่พึ่ง มันทำให้ความดีในตัวเขาขยาย แม้จะเล็กน้อย แต่มันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป

ผมไม่ค่อยชอบคำพูดของคิงนะ ตั้งแต่แรกแล้ว เขาดูเป็นคนหยาบ ฉลาด แต่หยาบกระด้าง ซึ่งมันทำให้เขาพลาดสิ่งดีๆในชีวิตไปมากจนน่าเสียดาย ยิ่งตอนล่าสุดยิ่งทำให้เราเห็นเขาได้ชัดครับ ผมก็ยังคงไม่ชอบพฤติกรรมและคำพูดเขาอยู่ดี ค่อนข้างไม่ใส่ใจคนจนน่าเกลียดเกินไป ทางแก้ไขก็หวังว่าภัทรจะเปลี่ยนการมองโลกและการดำเนินชีวิตของคนๆนี้ให้ได้ มันอาจยากลำบากและเหนื่อย แต่ผมเชื่อว่าภัทรเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น นี่เป็นทางแก้ปัญหาที่ดีครับ

ส่วนเชา.. ไม่รู้แฮะ ผมคิดว่าเขาไม่โตขึ้นเท่าไหร่นะครับ แล้วก็ยังค่อนข้างแปลกใจว่าคนอย่างเชาจะเติบโตขึ้นยังไง ก็เลยจะขอติดตามต่อไปครับ (ลงภาคต่อไปในนี้ต่อเลยก็ได้นะครับ จะได้ต่อเนื่อง)

แนะนำนิดนึงสำหรับเรื่องเชาครับ เห็นคนเขียนบอกว่าเราจะได้เห็นตัวละครเติบโตขึ้น อยากให้มันเป็น 'การเติบโต' จริงๆนะครับ ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าจะติหรืออะไร แต่อยากให้คุณคนเขียนลองอ่านทวนในตอบจบสุดท้ายจริงๆ แล้วนึกตามว่าการคิดแบบนี้ มันเป็นทัศนคติของคนที่เป็นผู้ใหญ่ เติบโตขึ้นแล้วจริงๆหรือเปล่า

เพราะการเติบโตทางความคิดไม่ใช่แค่ว่าสักๆแต่จะพูดเรื่องดีๆแล้วก็จบครับ การเติบโตจะทำให้คุณหวนรำลึกได้ ต้องเห็นภาพว่าเราจะมีแนวทางที่จะปรับปรุงตัวยังไง ต้องรู้ว่าเราจะชดเชยสิ่งที่ทำร้ายคนอื่นในอดีตไปอย่างไร (ซึ่งไม่ใช่แค่การไปขออโหสิกรรมตามที่ละครบอกนะครับ คือการขออโหสิกรรมมันเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ไม่ตอบโจทย์ให้ชัดเจนทั้งหมด มันดูไม่ใช่การกระทำของคนที่ชาญฉลาดและพยายามมากขึ้น) มันจะทำให้คุณมองโลกเปลี่ยนไป ฉลาดขึ้น รอบคอบขึ้น ใส่ใจมากขึ้น นี่เป็นสิ่งที่จะสะท้อนจากคนที่เติบโตขึ้นทางความคิดครับ

ด้านบนคือการเติบโตในเชิงบวก ที่เป็นการแก้ไขครับ จะทำให้จบแบบ Good End แต่ถ้าจะเป็นการเติบโตในเชิงลบที่จะสะท้อนตัวตน ก็ต้องจบแบบเข้า Sad End เพื่อให้สมกับเป็นวรรณกรรมสะท้อนสังคมครับ จบแบบเศร้าส่วนมากจะเป็นการที่ตัวละครจะจมลงกับความเลวร้ายนั้น สูญเสีย ไม่ได้รับความสุขอย่างแท้จริง และต้องใช้เวลาในการชดเชยบาปโดยที่ต้องหวนรำลึกถึงความผิดไปตลอดชีวิต เป็นนัยยะให้ย้ำเตือนถึงผู้อ่านที่ใคร่จะทำผิดโดยที่ไม่คำนึงถึงผลเสียใดๆตามฉบับวรรณกรรมสะท้อนสังคมครับ (แนวนี้เช่น เรื่องของน้ำพุ)

ส่วนฟิว... ฟิวน่าสงสารที่สุดสำหรับผมนะครับ แล้วที่น่าแปลกใจมากคือหลายๆคนดูจะไม่ค่อยใยดีกับฟิวสักเท่าไหร่ อย่างที่ผมเคยกล่าวไปในคอมเมนท์ที่แล้วครับ ความผิดส่วนมากมักไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่สังคมที่พยายามยัดการแก้ไขปัญหาแบบผิดๆใส่หัวเขาต่างหาก ต้องเข้มแข็ง ต้องทำใจ ต้องหมุนไปตามกระแสสังคมที่เลวร้าย ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องครับ การแก้ปัญหาของฟิวควรจะต้องเป็นไปในแบบเดียวกับการแก้ปัญหาของพุในเรื่อง Unbelievable Love ของคุณ rainbow67 ที่ผมเคยคอมเมนท์ไปครับ ใช้วิธีเดียวกันเลย

Guide him... Lead him... ไม่ต้องปกป้องเขา เพราะในที่สุดแล้วเขาจะแข็งแกร่งชึ้นเอง และเขาจะมีคนที่พร้อมจะปกป้องเขาเอง แต่คุณต้องจับมือเขา สอนเขา ถ้าคุณเก่ง ทำไมไม่พยายามแก้ไข ถ้าคุณฉลาด ทำไมไม่พยายามช่วย อย่าปล่อยให้มนุษย์ที่หลงผิดตะเกียกตะกายกันเองครับ เพราะคุณกำลัง feed the wrong wolf แล้วทำให้กระแสสังคมเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ

ผมคาดหวังจะเป็นอนาคตฟิวนะ ไม่ได้คาดหวังจะเห็นแฟน แต่คาดหวังจะเห็นคนที่จะมาเป็น Mentor ให้ฟิว และทำให้ฟิวเติบโตขึ้น เพราะแนวโน้มฟิวนี่ดีอยู่แล้วครับ เขาแค่ขาดทักษะการมองเห็นเส้นทางและการแก้ปัญหาที่ดี
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: Mom2maM ที่ 10-01-2016 00:45:30
อยากเห็นอนาคตเชาอ่ะ
เพราะมาสำรวจตัวเองดู
ลุงว่าลุงมีหลาย ๆ ส่วนที่เหมือนเชา

อยากรู้ว่าตอนจบ ศพสวยไหม
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: beegee ที่ 10-01-2016 23:13:44
ติดตามค่าาาาา
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ตอนที่18) "ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว" (06/01/16) จบภาคฟิว
เริ่มหัวข้อโดย: mojiiro ที่ 02-06-2016 09:07:13
อารมณ์คนยังรักกับคนหมดรักนี่แบบ โอยยย  :z3:
ฟิวก็เจ็บหนักส่วนเชาก็เหมือนไม่เหลือใยแล้วจริงๆ พี่มึงชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองไปไหม ลังเลหน่อยไหม
แล้วกับพายนี่ยังไง  :katai1:

หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) "ขอโทษค่ะที่หายไปนาน กลับมาแล้วค่ะ" (11/11/16)
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 11-11-2016 17:29:41

ต้องขอโทษทุกๆคนที่ติดตามอ่านด้วยนะคะ เราขอโทษจริงๆค่ะที่หายไปนานมาก มัวแต่วุ่นวายเรื่องของตัวเอง(ทีสิส,เรียนจบ,หางาน,ฯลฯ) ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ

มาพร้อมกับภาคเชา... ภาคนี้...อาจทำให้เพื่อนๆ รู้จักมันมากขึ้น....เกลียดมันมากขึ้น...และสมน้ำหน้ามันมากขึ้น อย่างไรก็ตามเราหวังว่ามันจะทำให้ทุกคน ' เข้าใจ ' มันมากขึ้นนะคะ สำหรับคิงเองก็เช่นกัน ทั้งคิงและเชาไม่ได้สมบูรณ์แบบ บอกตรงๆว่ามันนิสัยเสีย...ในแบบของตัวเอง และเห็นแก่ตัว...ในเรื่องความรัก...

ยังไงก็..ขอฝากเนื้อฝากตัวฝากหัวใจฝาก ' อาการของคนหมดรัก(ภาคเชา) ' ของเราไว้อีกครั้งนะคะ  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) "ขอโทษค่ะที่หายไปนาน กลับมาแล้วค่ะ" (11/11/16)
เริ่มหัวข้อโดย: Mom2maM ที่ 11-11-2016 22:18:15
ขอมากรี๊ดสาวแตกหน่อยได้ไหม

รอมานาน
กลับมาสักที

คิดถึงนะ
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 1 (14/11/16)
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 14-11-2016 17:03:46



ตอนที่ 1



หลักเลิกกับน้องฟิว ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเหมือนได้อิสระกลับคืนมา...



ผมเที่ยวหนัก เอาให้สาสมกับที่ไม่ได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนซะนานจนพวกมันเลิกชวนไปดื่มสักพักใหญ่ มีทั้งเพื่อนสมัยมัธยมปลาย และเพื่อนมัธยมต้นที่โรงเรียนนานาชาติสลับกันไปไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคืนวันศุกร์-เสาร์หรือเปล่า แม้ว่าช่วงนี้จะเข้าสู่มิดเทอมแล้ว ผมก็ยังเที่ยวอยู่ดี กลางวันไปติวหนังสือ อ่านหนังสือที่หอแซคบ้าง หอสมุดมหาลัยกับกลุ่มเพื่อนบ้าง พอตกกลางคืนผมก็เปลี่ยนชุดแล้วออกมาข้างนอก



“ เฮ้ย! ว่าไงวะ ไม่เจอมึงโคตรนานเลยอ่ะเชา ” ผมยกมือทักเพื่อนแล้วสวมกอดบุ๊ค มันชกไหล่ผมพลั่ก ผมเลยชกกลับด้วยแรงที่ไม่น้อยพอกัน



วันนี้ผมมาเจอไอ้บุ๊คเพื่อนสมัยเรียนอินเตอร์ ตอนนี้เหลือกันอยู่ไม่กี่คนเพราะที่เหลือไปเรียนต่างประเทศกันหมด เลยเหมือนผมมาเจอมันบวกแก็งค์มันที่เรียนมหาลัยเดียวกันแทน บุ๊คนัดผมมาที่ผับแถวทองหล่อ



“ เออ ก็นานจริง มึงแม่งหายหัวไปเลย ” เพื่อนมหาลัยเดียวกับเพื่อนผมอีกคนหนึ่งเสริมขึ้นมา ทำเอาผมหัวเราะร่วนเพราะเมื่อก่อนผมก็เที่ยวกับแก็งค์นี้บ่อยๆ



“ โทษทีๆ กูมีแฟน... ” ผมพูดจบมันก็ยิ้มเป่าปากส่งเสียงแซวเป็นอันว่าเข้าใจกันดี



“ แล้วตอนนี้เป็นไง ”



“ เลิกแล้วอ่ะดิ มาเที่ยวได้อย่างนี้จะเหลือเหรอวะ ฮ่าๆๆ ”



“ ประมาณนั้น ” ผมยักไหล่ตอบสบายๆ ไม่ได้ทุกข์ร้อน เพราะตามตรงการเลิกกับน้องฟิวได้ถือเป็นเรื่องที่ดี ผมไม่ต้องฝืนตัวเองต่อไป และน้องก็จะได้ไปเจอคนที่ดูแลเขาได้ดีกว่าผม หลายครั้งที่ผมคิดว่าเพราะผมไม่เด็ดขาด น้องจึงยังตัดใจไม่ได้และยึดติดอยู่กับผม… มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีและสงสารน้องมากทีเดียว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมไม่ได้รักน้องเหมือนเมื่อก่อนแล้ว…



“ น่ะ ถือว่ากลับมาฉลองความโสด ”  บุ๊คเข้ามาตบไหล่แล้วพาดแขนเอาไว้ อีกมือถือแก้วช็อตใส่ว๊อดก้ามาให้ “ เอาหน่อยเพื่อน… ชนครับ ”



ผมหัวเราะในลำคอ รับมาถือไว้ชนแก้วกับมัน และคนอื่นๆร่วมโต๊ะอย่างทั่วถึงก่อนจะกระดกดื่มพร้อมๆ กันรวดเดียวหมด
อื้มม… ความร้อนที่ไหลผ่านลำคอกับรสชาติคุ้นเคยของว๊อดก้านี่ทำให้ผมสะชื่นกะปรี้กะเปร่าขึ้นมาหน่อย พวกเราเริ่มคุยกันเสียงดังขึ้นเพราะเพลงที่เปิดมันชวนสนุกมากยิ่งขึ้น เริ่มแยกย้ายกันไปหาสาวที่เล็งเอาไว้ เข้าไปทำความรู้จัก ไปชวนคุย ขณะที่ผมไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ แค่แลกดื่มกับสาวชุดแดงครั้งนึงเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไปต่อกับเพื่อนผมอีกคนแล้ว ฮะๆ



“ บุ๊ค กูไปห้องน้ำหน่อยนะ ” ผมก้มไปตะโกนบอกบุ๊กแล้วเดินออกมาฉี่ เสร็จแล้วก็ยังยืนอยู่แถวนั้นเพื่อหยิบมือถือออกมาเช็คข้อความ ตรงนี้เสียงเพลงเบากว่าบริเวณอื่น มันทำให้ผมมีสมาธิมากขึ้น และหวังว่าตัวเองจะไม่หงุดหงิดง่ายๆ…



คิง : เชา มึงอยู่ไหน



คิงทักมาราวสิบนาทีที่แล้ว ผมคงรู้สึกโอเค คิดว่ามันเป็นห่วงผม ถ้าหากว่าในอินสตราแกรมของมันไม่ได้ลงรูปบรรยากาศในร้านโชว์ดนตรีสด กับเช็คอินโลเคชั่นเป็นร้านนั่งชิลด์ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหาลัยของภัทร แฟนเก่าที่มันกลับมาคบกันอีกครั้ง
ภัทรมันชอบบอกให้ไอ้คิงทำอะไรที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง เช่น การรายงานว่าตอนนี้แม่งทำอะไร อยู่ที่ไหน และคิงก็เชื่อแฟนมัน มันทักผมมาบ่อยขึ้น ปกติมันจะเป็นฝ่ายที่อ่านแล้วไม่ตอบ ทว่าคราวนี้เป็นทีของผม



คิง : ล็อกห้องได้เลย คืนนี้กูไม่กลับ



‘ อ่านแล้ว ’



บางที...เรื่องแบบนี้กูก็ไม่ได้อยากรู้ว่ะ…..



คิง : เป็นเชี่ยไร อ่านแล้วไม่ตอบ



‘ อ่านแล้ว ’



ผมพ่นลมหายใจ เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วลูบหน้าตัวเอง ความรู้สึกหน่วงๆ โหวงๆ เกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่คิงอยู่กับภัทร ผมพยายามคิดว่าสาเหตุจริงๆ มันมาจากอะไร แต่สุดท้ายผมก็คิดไม่ออกจึงเลิกคิด และปล่อยให้ตัวเองลืมๆ มันไป ทั้งที่่ลึกๆ แล้วผมคิดว่าตัวเองกลัวคำตอบนั้นมากกว่า



“ อ้าวเชา! มากับใครเนี่ย ” เสียงเรียกของผู้หญิงดังแข่งเสียงเพลงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามอง นกยูงเดินออกมาจากห้องน้ำและเกือบจะเดินผ่านผมไปแล้วแต่เธอก็เข้ามาทักเสียก่อน



“ อ้าว หวัดดีนกยูง ” ผมยิ้มให้นกยูง มองชุดเดรสสีเข้มที่เธอสวมอยู่อย่างไม่ชินตา ผมกับนกยูงเป็นเพื่อนร่วมคณะ แต่คนละภาค เราเจอกันในคณะบ้าง ผมเคยเห็นแต่นกยูงในชุดนักศึกษา มาเจออย่างนี้แปลกตาไปเลย “ เรามากับเพื่อน เธออ่ะ ”



“มากับเพื่อนเหมือนกัน มันเพิ่งเลิกกับแฟนอ่ะ แต่จะกลับแล้วเนี่ย ”



“ ทำไมล่ะ? ”



“ มันไปต่อแล้ว ตอนนี้เราเลยอยู่คนเดียว เซ็งมากอ่ะ กลับดีกว่า ” นกยูงบ่น ท่าทางดูหงุดหงิดเพื่อนพอควร เธอก้าวเท้าเดินแต่ก็ตัวเซเกือบล้มจากส้นสูงแบบส้นเข็ม ผมรีบคว้าแขนแล้วประคองนกยูงเอาไว้



“ แล้วกลับไงเนี่ย มีใครมารับมั้ย ”



“ ไม่ล่ะ กลับแท็กซี่ ป่านนี้ใครจะมารับ ”



“ อ้าว แล้วแฟนอ่ะ ”



“ แฟนอะไร ” นกยูงหัวเราะ “ เราไม่มี เราโสด ”



ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย เดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ ถึงนกยูงจะไม่ได้สวยแบบดาวคณะ แต่เธอก็ไม่ได้แย่ หรือดูเป็นสาวขี้เหร่ที่ไม่มีใครมาจีบ หรือถ้าจะไม่มีก็น่าจะเพราะไม่กล้ามากกว่า นกยูงเป็นลูกคุณหนู ดูเข้าถึงยากเกินไป… แต่ไม่ใช่สำหรับผมแน่นอน



“ โม้รึเปล่า อย่างเธอเนี่ยนะ ”



“ จริง เราไม่ใช่เธอนะ ” นกยูงแล่บลิ้นมองผมด้วยแววตาล้อเลียน ผมโดนเธอแซวเข้าให้แล้ว



ตั้งแต่ปี 1 จนถึงปี 3 เพื่อนผมไม่เคยเห็นผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคน ผมมีแต่คนคุย เราไปเที่ยวไปกินข้าวดูหนังด้วยกันบ้างแต่ไม่มีใครที่ประกาศตัวชัดเจน จะมีก็แค่น้องฟิวที่ผมจริงจังและคบมานานเกือบปี แต่ก็นั่นแหละ...ไม่มีใครรู้(นอกจากคิง) และตอนนี้ผมกับน้องก็จบกันแล้ว



“ เราก็โสด ” ผมพูดเสียงขึงขัง นกยูงเลิกคิ้วทำหน้าล้อเลียน ผมเลยเท้าแขนกับผนังก้มไปคุยกับนกยูงที่ถึงจะใส่รองเท้าส้นสูงแล้วก็ยังสูงแค่อก “ ไม่เชื่อเหรอ?”



“ เพื่อนเราบอกว่าเชาคนคุยเยอะ วันก่อนยังไปกินข้าวกับเด็กนิเทศฯอยู่เลย ”



“ ผิดคนเปล่า?” ผมหัวเราะ “ ช่วงนี้สอบ เอาเวลาที่ไหนไปกินข้าวกับสาวเล่า…”



นกยูงท่าทางไม่เชื่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอยู่ดี เธอส่งสายตาเชิญชวนผม...อย่างไม่ต้องสงสัย



“ เดี๋ยวไปส่ง ” ผมเปลี่ยนเรื่อง “ วันนี้เราเอารถมา ” เวลาผมไปกินข้าวกับนกยูง และถ้าผมไม่ได้เอารถไปเธอก็ขับรถไปส่งผมที่หอทุกครั้ง ครั้งนี้ผมเลยอาสาไปส่งเธอบ้าง ผมให้เวลานกยูงคิดไม่เร่งเร้า “ งั้นเอางี้ เรายังอยู่นี่อีกสักพัก… เปลี่ยนใจยังไงก็โทรบอกเราแล้วกัน ”



ผมยิ้มให้นกยูงแล้วถอยออกมา เดินกลับเข้าไปข้างในไปหาบุ๊ค



“ ไงมึง” มันนั่งดื่มอยู่คนเดียวที่โต๊ะ หน้าตาเซ็งๆ และสาวคนเมื่อกี้ก็หายไปแล้ว “ เป็นไรวะ?”



“ เชี่ยแม่งเซ็ง ผัวตาม ”



“ ตามมึง?”



“ ไอ้สัส!” บุ๊คตาค้อนขวาง ผมหัวเราะลั่น ก็แซวมันเล่น รู้หรอกว่ามันไม่ได้เป็น…



“ เออบุ๊ค เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ”



“ เอ้า! ทำไมรีบวะ..”



“ ไปส่งเพื่อน…บังเอิญเจอที่นี่ ” ถึงนกยูงจะยังไม่ตอบในทันที แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคำตอบจะเป็นไปทางไหน… สายตาเธอก็บอกผมซะชัดเจนขนาดนั้น



“ อ่อ…” มันมองผมด้วยสายตารู้ทัน ก่อนจะสะกิดถาม “ คนนั้นป่ะ ”



ผมมองตาม ใช่ นกยูงอยู่ตรงนั้น เธอเห็นผมแล้วก็ยกมือทัก ชี้ออกไปข้างนอก ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาดู ปรากฎว่านกยูงโทรมาแล้วแต่ผมไม่ได้รับสาย มุมปากผมยกขึ้นยิ้มนิดๆ



“ เออ คนนั้นแหละ ”



“ นั่นเพื่อนหวานหวานนี่หว่า?”



หวานหวานก็แก็งค์เที่ยว เปลี่ยนแฟนบ่อยไม่ซ้ำหน้า เป็นแฟนเก่าบุ๊ค และเพื่อนมันอีกหลายๆคน 



“ อ้าวเหรอ?”



“ เห็นว่าได้ง่ายกันทั้งแก็งค์ แต่มึงก็ระวังหน่อยแล้วกัน ไอ้เว่นตามจีบคนนี้อยู่ ”



“ เออได้ๆ ไว้ค่อยคุย ” ผมตบบ่าบุ๊ก “ ขอบใจมาก ” แล้วผมก็เดินไปหานกยูง ให้เธอไปรอหน้าร้าน ส่วนผมก็ไปเอารถและขับออกมารับเธอ ช่วงนี้ผมได้รถเบนซ์ตากลมของมัมมาใช้ ส่วนไอ้คิงใช้มอเตอร์ไซค์ผมอยู่ ผมให้มันยืมหมด ทั้งหมวกกันน็อคสองใบ เสื้อการ์ด ถุงมือ และของอย่างอื่น คิงกับผมใส่เสื้อผ้าไซส์ใกล้เคียงกัน ของในห้องใช้ด้วยกันได้เกือบหมด...



“ โทษที รอนานมั้ย? ” ผมจอดรถหน้าผับที่นกยูงยืนรออยู่ ปลดล็อกรถประตูข้างคนขับ ลดกระจกลงและชะโงกหน้ายิ้มให้เธอ หญิงสาวยิ้มไม่ตอบผม เปิดประตูเข้ามานั่งและก็คาดเข็มขัด ผมมองชายกระโปรงที่เลิกขึ้นมาจนถึงโคนขาขาวก่อนจะเบนสายตาขึ้นไปมองถนนก่อนจะออกรถ นกยูงท่าทางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ…



ระหว่างทางผมชวนเธอคุย มีจังหวะที่ต่างคนต่างเงียบบ้างเพราะผมไม่ได้เปิดเพลงในรถ แต่ไม่นานนกยูงก็ชวนคุยเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก เธอพูดเยอะกว่าปกติ อาจเพราะเพิ่งดื่มไปประมาณนึงช่วงดึก ไม่นานผมก็พานกยูงมาส่งถึงคอนโด เธออยู่ไม่ไกลจากทองหล่อเท่าไหร่ ยิ่งตอนดึกๆ แบบนี้ถนนโล่งยิ่งสบาย



“ ขอบใจที่มาส่ง เราไปแล้ว ฝันดี ”



“ เอ้ย..อย่าเพิ่งดินกยูง ” ผมแตะไหล่นกยูงไว้ก่อนที่เธอจะเปิดประตูรถ นกยูงหันกลับมาหาผม อมยิ้มนิดๆ และเมื่อเธอสบตาผมก็หลุบตาหนีอย่างมีจริต



“ อะไรเหรอ? ”



“ ดึกแล้ว ให้ขึ้นไปส่งที่ห้องเปล่า? ”



“ …..อื้อ เอาดิ ”
.
.
.




คิง : กูอยู่ร้านโจ๊กปากซอย เอาไรมั้ย



คิงส่งข้อความมาหาผมตอนหกโมงนิดๆ วันนี้สอบเช้า ไม่งั้นป่านนี้ผมยังนอนอยู่เลยด้วยซ้ำ…



ผมลูบหน้า คิดก่อนลงมือพิมพ์ตอบข้อความคิง



ผม : โจ๊กหมูเครื่องในใส่ไข่ พิเศษ’



ผมวางโทรศัพท์ ลุกขึ้นยืนและหยิบเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ข้างเตียงขึ้นมาสวม รีบหยิบโทรศัพท์และเขี่ยกุญแจรถ BMW ที่ห้อยด้วยพวงกุญแจชาแนลของนกยูงออกไป ผมหยิบกุญแจรถของผมตรงหัวเตียงขึ้นมาและออกมาจากคอนโดฯใหญ่โตของหญิงสาวโดยที่ไม่บอกกล่าว



ไว้ค่อยไลน์หาทีหลังแล้วกัน...



เช้าวันนี้อากาศขมุกขมัวเหมือนกับสภาวะอารมณ์ของผม มันมึนตึง หน่วงๆ โหวงๆ อธิบายไม่ถูก เพราะความจริงบางอย่างที่ผมเพิ่งจะรับรู้



เหี้ยเอ๊ย…!



เอาอีกแล้วกู หาเรื่องให้ตัวเอง…



แต่ใครจะไปคิด… ว่านกยูงจะยังซิง ในเมื่อเพื่อนนกยูงทั้งแก็งค์เที่ยว และไอ้บุ๊คก็บอกเอง ว่าเจอกับเพื่อนนกยูงบ่อย และพวกเธอก็ใช่ย่อยเหมือนกัน



ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผมกลัวนกยูงท้อง…แต่ผม...คงไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่ถ้านกยูงอยากให้ผมรับผิดชอบครั้งแรกของเธอ…และเข้ามายุ่งวุ่นวายกับผม...



เพิ่งหมดเรื่องน้องฟิวไปเอง...เพิ่งโสดไม่ถึงเดือน...หาบ่วงผูกคอตัวเองอีกแล้วกู...



ผมนั่งนิ่งอยู่หลังพวงมาลัยสักพัก ระบายลมหายใจเฮือกใหญ่...แล้วขับรถออกมาจากคอนโดฯนกยูง…



ช่างแม่ง...เรื่องมันเกิดไปแล้ว…



ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยแม่งไป…



โทรศัพท์ผมดังขึ้นสักพักหลังจากขับรถออกมา… ผมพลิกดู กะว่าถ้าเป็นเบอร์แปลกที่ไม่มีชื่อ...ผมจะไม่รับสาย แต่ปรากฎว่าเป็นไอ้คิง ผมจึงไม่ลังเลที่จะเลื่อนหน้าจอและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู



“ ฮัลโหล ว่าไง... ”



“ มึงตื่นเช้า… ” น้ำเสียงมันประหลาดใจ แต่ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง เลยตอบปัดไป



“ กูสอบเช้า แล้วไมมึงจะซื้อโจ๊กเข้ามา ”



“ กูกินอยู่ที่ร้านปากซอย ” ปกติมันไม่ค่อยกินข้าวเช้าด้วยซ้ำ อย่างมากก็ขนมปัง มันกินตอนเช้าเกินไปจะปวดท้องทั้งวัน



“ ... ” ผมคิดอะไรในใจเล็กน้อยและถามออกมา “ มึงยังอยู่กับภัทรใช่มั้ย ”



คิงไม่ตอบในทันที แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เส้นอารมณ์ของผมขาดผึง ผมไม่สามารถอดทนและหยุดตัวเองได้อีกต่อไป



“ กูไม่แดก”



“ ห๊ะ? ”



“ ถ้ามึงอยากโชว์ออฟเป็นคนดีต่อหน้ามันมึงก็ทำไป แต่อย่าใช้กูเพื่อสร้างภาพ ”



“ เชี่ยไรของมึงวะเชา ”



“ มึงแหละเป็นเชี่ยไร! มึงไม่แดกข้าวเช้า มึงไม่สนใจกูด้วยซ้ำ ซึ่งกูไม่อะไรเลยคิง แต่พอมันกลับมามึงก็เสือกจะเป็นคนดี เกิดเป็นห่วงกูขึ้นมาเหรอวะ? ตลกว่ะ! ”



“ ไอ้สัด กูไม่... ”



“ พอเหอะ กูรำคาญ ” ผมกดตัดสายทิ้งและออกรถต่อ..ถ้าหากเมื่อกี้ไม่ติดไฟแดงอยู่ผมคงขับรถชนท้ายรถคันหน้าสักคันไปแล้วด้วยความหงุดหงิด…และผมจะไม่แปลกใจเลยหากสุดท้ายตัวเองลงไปต่อยกับคู่กรณีที่มีอารมณ์เดือดดาลมากพอกัน






TBC.

 :L1: :pig4:



ขอบคุณนะคะ ยินดีที่ได้กลับมาเหมือนกันค่ะคุณ Mom2maM ดีใจที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 1 (14/11/16)
เริ่มหัวข้อโดย: Mom2maM ที่ 16-11-2016 00:13:20
มาต่อแล้วแบบนี้
ต้องไปติดต่อเจ๊สอง หรือแอดมินคนอื่นไหมอ่ะ
เรื่องของเราจะได้กลับไปอยู่หน้าหลักนิยาย
ไม่ใช่อยู่ในหมวดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 1 (14/11/16)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-11-2016 13:22:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 1 (14/11/16)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 02-01-2017 19:39:21
อ้าววว..มาอยู่กระทู้นี้นี่เอง
ถึงว่าไม่เห็น..ไม่เจอเรื่องนี้ นานล่ะ

แต่เข้ามาอ่านแล้วนะ
ยังเข้มข้นเหมือนเดิม

อ่านกี่ทีๆ อวัยวะที่ใช้เดินกระตุกทู๊กกกกที...ที่ได้อ่านเจอไอ่เชา
ก็มันเกลียดคนแบบนี้แบบฝังหุ่นไปแล้ว ทำไงได้นิ

จะรอวันที่อ่านแล้ว..พบว่าเชาผิดหวังประดาตาย
เค้าจะรอนะ รอวันที่สมน้ำหน้าตะเอง

รออยู่นะ
ฮ่าฮ่า

+1 ต้อนรับคนแต่ง กลับมาให้อ่านกันอีก
ขอร้องให้ลงจนจบนะ pls ชอบอ่านเรื่องนี้ จริงๆ
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 2 (28/01/17)
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 28-01-2017 02:06:46
ตอนที่2
ทำร้ายความรู้สึก




ผมเดินออกมาจากห้องสอบมิดเทอมวิชาสุดท้าย เพื่อนหลายคนร้องออกมาอย่างกับได้ปลดปล่อยยกภูเขาออกจากอก ผมพ่นลมหายใจยาวๆ หยิบกระเป๋าเป้หน้าห้องสอบขึ้นมาและสะพายมันลงไปข้างล่างเพื่อดูดบุหรี่สักตัว ผมหยิบซองออกมาจะเคาะ แต่ไม่มีเหลือสักมวนเลยขยำซองในมือและปามันทิ้งถังขยะแถวนั้น โชคดีที่เพื่อนอีกกลุ่มเดินเข้ามาผมจึงได้เข้าไปขอดูดตัวนึกและได้คุยกัน



“ มึงหาที่ฝึกงานยังวะ... ”



ซัมเมอร์ปี 3 ขึ้นปี 4 มีวิชาฝึกงานที่ต้องผ่าน สำหรับมหาวิทยาลัยผมมีทั้งแบบที่นักศึกษาหาที่ฝึกงานเอก และติดต่อไปยังสถานที่ที่มหาวิทยาลัยจัดหาเอาไว้ให้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างหลัง



“ อ่อ พ่อกูฝากให้ละ ”



“ รีบเหรอวะ ” ผมถาม ประหลาดใจ



“ มึงไม่รีบเหรอวะ ” มันถามกลับมา ทำให้ผมได้ฉุกคิด นี่ก็ปลายเดือนมีนาคมเข้าไปแล้ว ทางมหาลัยอนุญาตให้ส่งเอกสารสถานที่ฝึกงานเพื่อออกหนังสือภายในต้นเดือนเมษายน แต่ผมยังไม่ได้หางาน หรือหาข้อมูลอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว



“ มึงทำอะไร ”



“ โรงงานแถวระยองว่ะ ”



ผมอือออพยักหน้ารับคุยกับเพื่อนเรื่องฝึกงาน มันว่ามันจะถามให้ว่ามีตำแหน่งอะไรว่างให้ผมสามารถไปฝึกงานได้อีก ก่อนผมจะแยกออกไปกินชาบูกับพวกแก็งค์ไอ้เงาะและเพื่อนมันที่อยู่ภาคโยธา ไอ้แซคสอบเสร็จมันก็รีบกลับบ้านแล้ว เห็นว่าพ่อแม่เซอร์ไพรส์ ตอนนี้มารออยู่ที่หอ



รถเงาะจอดติดเครื่องกระพริบไฟอยู่ข้างทาง ผมเปิดประตูเข้าไปเห็นเด็กโยธาราว 6-7 คนนั่งกันอยู่เต็มรถฟอร์จูนเนอร์ที่เงาะเป็นคนขับ



“ ไงมึง ”



“ ไง… ”



ผมทักเงาะและทักทายเพื่อนๆ มันในรถที่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เบียดตัวเองเข้าไปนั่งและปิดประตูก่อนมันออกรถ



“ เอ๊ย เชา… โทรศัพท์มึงสั่นป่ะวะ? ” เพื่อนเงาะที่นั่งข้างผมถามออกมา ผมขยับตัว หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง หน้าจอสีดำสนิทแสดงหน้าต่างข้อความจากโปรแกรมแชท



นกยูง : สอบเสร็จรึยัง ไปดูหนังกัน




เป็นนกยูงที่ส่งข้อความมา ผมเลื่อนนิ้ว กดเคลียร์โนติฟิเคชั่นทั้งหมดกำลังจะเก็บโทรศัพท์ข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมา



คิง : วันนี้กูเอามอไซค์เข้าอู่นะ



เราไม่พูดอะไรกันสักคำตั้งแต่วันที่มันกลับมาจากหอภัทรและผมมาจากคอนโดฯนกยูง นี่ผ่านมาแล้วสองวัน และมันก็ส่งแค่ข้อความมาบอก...ว่าเอารถมอไซค์เข้าอู่…



Kเหอะ…



ผมอ่าน แต่ไม่ตอบข้อความมัน กดอินสตาแกรมเปิดดูอย่างอื่นเรื่อยเปื่อยแทน พายสอบเสร็จและลงรูปตัวเองที่อยู่ทะเลกับเพื่อนคณะนิเทศศาสตร์ ผมเห็นแล้วรู้สึกอิจฉาเป็นบ้า ทั้งที่เธอได้เที่ยวแล้วรวมถึงได้สถานที่ฝึกงานกับบริษัทค่ายเพลง พายเล่าให้ฟังหลายวันก่อน เราไปกินข้าวด้วยกันแล้วต่อด้วยดูหนังที่เธอบ่นว่าอยากดูมาตั้งแต่ตัวอย่างหนังถูกปล่อยออกมาเมื่อหลายเดือนก่อน



“ เชา มึงรู้จักพายด้วยเหรอวะ ” เพื่อนไอ้เงาะถามและชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ผมเมื่อผมเข้าโปรแกรมแชทสีเขียวทักไปแซวพายเรื่องที่เธอได้เที่ยวแล้ว ตาไวจริงๆ



ผมกำลังจะปฏิเสธ พายก็ส่งภาพเซลฟี่ที่ตัวเองทำหน้าตลกๆ มาและข้างหลังเป็นวิวทะเลหัวหิน



“ เออ ทำไมวะ?” ผมตอบเพื่อนเงาะด้วยน้ำเสียงปกติ กดปิดแจ้งเตือนแชทของนกยูงชั่วคราวก่อนที่เธอจะส่งอะไรมามากกว่านี้จนน่ารำคาญและเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงไว้เหมือนเดิม



“ เชี่ย จริงป่ะเนี่ย!! ” ไม่ใช่แค่เพื่อนเงาะที่ตกใจ เพราะไอ้เงาะเป็นคนโพล่งถามขึ้นมาเอง “ มึงรู้จักได้ไงวะ ”



“ พายอยู่หอเดียวกับกู หอเดียวกับมึงด้วยเหอะเชี่ยเงาะ มึงไม่เคยเดินสวนกับเขาบ้างเลยรึไง ” ผมเพิ่งรู้ได้ไม่นานว่าพายย้ายมาอยู่ห้องของเพื่อนเงาะที่ย้ายออกไป



“ เออ กูรู้ แต่ไม่ได้มีไลน์ ไม่ได้คุยแบบมึงนี่หว่า เชี่ยเอ๊ย! มึงจีบพายอยู่ป่ะวะ ถ้าไม่มึงแนะนำให้กูรู้จักหน่อยดิ ”



“ อ้าวไอ้สัด ตัดหน้ากู! ”



“ เดี๋ยวๆ ไอ้เติ้ล มึงมีเมียแล้วไม่ใช่เหรอวะ ”



“ เออะ! เออว่ะ กูลืม ”



“ เชี่ยเอ๊ยย! ”



แล้วประเด็นของผมกับพายก็ถูกบ่ายเบี่ยงไปยังเรื่องอื่นโดยที่ผมทำเป็นไม่รู้เรื่องและตามน้ำกับพวกมันไปจนเราถึงร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูราคาประหยัดไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ ที่นั่นผมเจอกับเพื่อนต่างภาคอีกกลุ่ม มีเด็กภาคเคมี ภาคเดียวกับนกยูงด้วย แต่ผมเดาว่าเธอคนนี้กับนกยูงไม่ได้คุยกัน ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันอย่างแน่นอน มื้อนี้จึงเป็นมื้อสบายๆ ของผม นั่งกินชาบูไปคุยไปกับพวกไอ้เงาะจนอิ่มแล้วก็แยกกลับหอ







ผมกลับมาถึงห้องช่วงค่ำๆ เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นคิงนั่งหน้าเครียดคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟา และพอมันเห็นผมเปิดประตูเข้ามาก็ลุกขึ้นและไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงด้านนอก ปิดประตูกระจกเพื่อไม่ให้ผมได้ยินเสียงสนทนากับปลายสาย



เออ เอาที่มึงสบายใจเลย!



ผมอยากตะโกนออกไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำ ผมกับมันไม่พูดกันอยู่ และบางครั้งผมก็รู้สึกว่าตัวเองมีความคิดแบบเด็กๆ คือถ้าใครเริ่มคุยก่อนแพ้ ผมแพ้ให้ไอ้คิงมาเยอะแล้ว และคราวนี้ผมจะชนะบ้าง



ผมโยนกระเป๋าใส่โซฟาตรงที่ๆ คิงนั่งอยู่เมื่อกี้เพื่อระบายอารมณ์ เดินไปล้มตัวนอนลงบนเตียงแรงๆ และพลิกตัวนอนหงาย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูแชท ผมเลื่อนจอไปสักครู่ก็เลื่อนกลับมาที่แชทของพายที่ผมยังค้างข้อความเธอที่ผมยังไม่ได้อ่านเอาไว้ ผมกดเข้าไปอ่านและก็คุยโต้ตอบกับเธอต่อเรื่องเรื่อยเปื่อยสัพเพเหระ มันมักจะเป็นอย่างนี้จนไม่ผมก็พายหมดเรื่องคุย เราจะหยุดคุยกันสักพัก แล้ววันสองวันต่อมา(หรืออาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ)ก็จะมีใครบางคนเปิดบทสนทนาใหม่



พายพิมพ์ผิดมากขึ้นๆ จนผมแปลกใจ สุดท้ายเธอคงหมดความอดทน กดวิดีโอคอลมาหาผม



“ ว่าไง... ” ผมยิ้มให้กล้อง ขณะที่หน้าจอทั้งหมดแสดงหน้าพายที่ยิ้มแก้มแดงปลั่ง ตาเยิ้มและแดงนิดๆ ผมมองเวลา นี่เพิ่งสามทุ่มแต่พายดื่มกับเพื่อนจนกรึ่ม แสดงว่าทริปทะเลที่หัวหินสนุกและไม่น่าเบื่ออย่างที่พายบ่นกับผมตอนแรก “ ยิ้มเลย เที่ยวทะเลสนุกอ่ะดิ…”



‘ ก็งั้นๆแหละ ’ พายแกล้งพูด



“ งั้นๆแต่ลงรูปถี่โคตรๆ อ่ะนะ ” ผมแกล้งถามและหัวเราะในลำคอ รู้สึกเอ็นดูพายอย่างบอกไม่ถูก



หญิงสาวกลอกตามองไปทางอื่นได้ไม่นานก็หลุดหัวเราะตามผม ไม่รู้เพราะตลกหรือเพราะเมากันแน่ ‘ โอ้ย เชาอย่ารู้ทันสิ…’ เธอว่า ยอมแพ้



“ แล้วเป็นไง สรุปนอนที่ไหน คอนโดฯ ปิงปองหรือมะนาว…”



คนแรกเป็นเพื่อนตุ๊ดอีกกลุ่มที่สนิทกับกลุ่มพาย ส่วนคนที่สองเป็นเพื่อนในกลุ่มพายเลยแต่พายไม่สนิทเท่าไหร่



ผมเคยเจอเพื่อนในกลุ่มพายคนนี้สองสามครั้ง เธอไม่ค่อยเกรงใจใคร เอาแต่ใจ และบางครั้งก็พูดโพล่งออกมาอย่างไม่รู้กาละเทศะ ครั้งล่าสุดเธอถามถึงเหตุการณ์ที่ผมโดนถล่มหน้าเฟสบุ๊คเรื่องกระทู้นั้น ทุกคนในโต๊ะเงียบกริบ รวมทั้งผมด้วย…



ตอนนั้นผมเหมือนโดนตบแรงๆ ผมหน้าชา ถึงจะยิ้มค้างอยู่เพราะเรื่องอะไรอย่างอื่นที่คุยกับกลุ่มเพื่อนพาย ผมกลับพูดไม่ออก ถึงไม่นานต่อมาผมจะเอาตัวรอดไปได้ แต่ผมก็ไม่พอใจเท่าไหร่ที่เพื่อนพายพูดถึงเรื่องนี้ คนอื่นๆ ในกลุ่มมาขอโทษผมทีหลัง โดยเฉพาะพาย...ที่ถึงกับใช้ของกินมาล่อ เธอบอกว่าจะเลี้ยงข้าว…เลี้ยงอาหารญี่ปุ่นผม ถ้าหากว่านั่นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นจากการกระทำของเพื่อนเธอ จนตอนนี้ผมยังแกล้งหยอกพายอยู่เลยว่าเมื่อไหร่พายจะพาผมไปกินปลาดิบที่ตึกแกรมมี่



‘ คอนโดฯ ปิงปอง ตอนนี้มะนาวโดนแบนแล้ว’ พายพูดทีเล่นทีจริง



“ จริงดิ..?” ผมถามไม่เชื่อเท่าไหร่ เพราะรอยยิ้มขี้เล่นของพาย



‘ ไม่จริงหรอ ’ รอยยิ้มขี้เล่นหายไปเล็กน้อย เธอเม้มริมฝีปากเหมือนชั่งใจอยู่ว่าจะเล่าดีหรือไม่เล่าดี อารมณ์เปลี่ยนไว ผมพยายามปรับตัวให้ทัน ‘ จริงๆ เรามีเรื่องมาปรึกษาอ่ะ ’



“ อ่าฮะ ” ผมขยับตัวเล็กน้อย นอนบนโซฟาดีๆ “ ว่ามา…”



ผมกับพายคุยกันบ่อย แต่ไม่บ่อยที่บทสนทนาจะกลายเป็นเรื่องอะไรที่ซีเรียสจริงจัง หรือพายมาขอคำปรึกษาอะไร ส่วนใหญ่เป็นการคุยกันเรื่องทั่วไป วันนี้ทำอะไรมา เจออะไรบ้าง เห็นอันนี้แล้วนึกถึง หรือไม่พายก็บ่นเรื่องเพื่อนบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่พายรู้สึกว่าเพื่อนหลายๆคนไม่ชอบเธอเพราะคิดว่าเธอเฟค...แต่ก็ยังพูดดีและทำดีกับพาย



และผมก็มักจะบอกพายไปทุกครั้ง สำหรับผม พายไม่ใช่คนแบบนั้น



‘ ก็เรื่องเดิมอ่ะ...แต่คราวนี้เป็นมะนาว มะนาวมาบอกกับปิงปิง ว่าเราเฟค…’ พายเงียบไป เธอถอนหายใจและมองไปอีกทาง เวลาปกติที่พายไม่เมา เธอคงไม่กล้าพูดกับผมขนาดนี้ ‘ ที่จริงว่าเราแรงกว่านี้อีก บอกว่าเราไปอ่อยรุ่นน้องนิติฯ แอบคุยกับแฟนคนอื่น…’



ผมเงียบ ไม่ได้พูดอะไร และรอให้พายพูดต่อ ถ้าหากไอ้คิงอยู่ตรงนี้ และได้ยินบทสนทนามันคงหัวเราะเยาะผม และบอกว่าไม่แปลกใจถ้าพายจะเป็นแบบที่เธอถูกกล่าวหา เพราะพายเฟรนด์ลี่ ขี้เล่น ไม่ถือตัว และเพราะรูปร่างของพายที่ดึงดูดด้วยที่ทำให้พายดูเป็นอย่างนั้น แต่ผมจะไม่เชื่อมัน เพราะคิงมันมักจะพูดประชดแดกดันผม หรือคนที่ผมคุยๆด้วยเป็นปกติอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ค่อยยุ่งกับผม เพราะมัวแต่อยู่กับภัทรตลอดเวลาก็ตาม



‘ บอกว่าเราเป็นเมียน้อยอาจารย์เล็ก…’



ตาพายแดงก่ำ เธอยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองเหมือนเกือบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ภาพจากกล้องพายสั่น และหมุนเป็นภาพอย่างอื่น เธอคงยกมือข้างนั้นขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเองด้วย



‘ เราไม่เข้าใจอ่ะเชา เราดูเป็นคนแบบนั้นเหรอ เราทรีตเพื่อนไม่ดีเหรอ หรือเราทำอะไรผิดไป ทำไมมะนาว ทำไมใครๆ มองว่าเราเป็นคนอย่างนั้นอ่ะ…’



พอกล้องหายสั่นและผมเห็นหน้าพายชัดๆ อีกครั้งผมถึงเห็นว่าเธอไม่ได้ร้องไห้ แค่เกือบ เสียใจ เครียด ผิดหวัง ใช่… แต่พายยังไม่ร้องไห้



‘ ตอนนี้ปิงปิงก็มองเราแปลกๆ เพื่อนหลายคนก็มองเราแปลกๆ คือเราไม่รู้คนอื่นคิดยังไง แต่เราไม่เข้าใจอ่ะทำไมเพื่อนเราไม่เข้ามาถามเรา...ไม่เชื่อเราเหรอ…’



ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกพาย



ผมเข้าใจดีด้วย ถึงสายตาสงสัยใครรู้ และการนินทากันแค่เพื่อจะเสือกเรื่องของคนอื่น



มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมโดนประนามจากกระทู้พันทิป คนไม่รู้จักจากที่ไหนนักหนาพร้อมใจกันฉีกผมเป็นชิ้นๆ ประนาม ด่าทอ นินทา เหมือนผมทำผิดอะไรกับอีกฝ่ายหนักหนา รู้ดีทุกเรื่อง… ยกเว้นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง



‘ เราไม่โอเค ไม่โอเคมากๆ เลยอ่ะเชา เราพยายามยิ้ม พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น… แต่มันไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งเราเฉย… ทุกคนยิ่งคิดว่าที่มะนาวพูดเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าเราปฏิเสธ…’



“ ‘ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง ก็อย่าร้อนตัวสิ ’ ใช่มั้ย…” ผมถามก่อนที่พายจะพูดจบ



พายกัดริมฝีปากตัวเอง เธอคงพูดไม่ออกแต่ก็พยักหน้าเป็นการยอมรับ



ผมเงียบ เพื่อหาคำพูดดีๆ ผมพอนึกออกว่าพายจะรู้สึกแย่แค่ไหน เพราะขนาดมันเกิดกับผมที่เป็นผู้ชาย ผมยังไม่รู้สึกโอเคเลย ยิ่งพายเป็นผู้หญิง และวิธีการแสดงออกของพายไม่ได้ทำให้ใครต่อใครเลิกนินทา มันคงยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่



“ เราเคยบอกแล้ว ” ผมพูดช้าๆ เพื่อให้พายตั้งใจฟังและได้ยินชัดๆ “ เราว่าพายไม่ใช่คนแบบนั้น ”



ผมไม่สบายใจที่เห็นใครก็ตามที่อยู่ตรงหน้าผมรู้สึกแย่… พายไม่สมควรได้รับการปฏิบัติแบบนี้ และถ้าผมจะทำอะไรให้พายสบายใจขึ้นได้ ผมก็อยากจะทำ ก่อนที่ความคิดผมจะถูกขัดด้วยอะไรบางอย่าง



ปึก!



หมอนบนโซฟาถูกปาใส่หน้า ผมปล่อยมือถือร่วงใส่อก หันไปมองคนทำอย่างไม่พอใจ



“ เชี่ย…!” ผมปัดหมอนลงพื้น



ไอ้คิงท่าทางอารมณ์เสีย มันคงหงุดหงิดใครมาแล้วก็มาลงที่ผม แต่มันยังไม่พูดอะไร ผมจึงรีบบอกพายว่าเดี๋ยวจะทักเธอกลับไปแล้ววางสาย ปิดกล้อง ก่อนจะหันไปถามเหตุผลกับมันอย่างไม่เข้าใจ



“ อะไรของมึงเนี่ย!”



“ ลุก ”



“ ห๊ะ?”



“ ลุกไอ้สัตว์!”



คิงหยิบหมอนที่พื้นแล้วฟาดมันกับหน้าผมราวกับผมทำผิดอะไรมาและมันโมโหผมมากจนไม่สามารถพูดคุยกันดีๆได้



“ เฮ้ย!!”



ผมตวาดใส่มัน ลุกขึ้นยืนปัดหมอนที่กำลังจะฟาดกับตัวผมอีกครั้งจนมันกระเด็นกระดอนไปทางอื่น



นี่แม่งอะไรกันวะเนี่ยย!!! ตอนแรกพายมาระบายเรื่องของเธอกับผม คราวนี้ไอ้คิงใช้ผมเป็นที่รองรับอารมณ์ของมันเนี่ยนะ!!!!



ผมรีบเข้าไปจับข้อมือจับแขนมันล็อคเอาไว้ก่อนที่มันจะบ้าเอาของอย่างอื่นที่อันตรายกว่าหมอนมาฟาดตัวผม ไอ้คิงโมโหกว่าเดิม มันพยายามสลัดผมออกและจะถีบผมด้วย ผมรีบหลบ ยื้อกับมันไปมาแล้วผลักมันล้มลงบนเตียงด้วยแรงที่มากกว่าก่อนจะถอยออกมาห่างไอ้หมาบ้าพอสมควร



รอยมือของผมที่แขนบนผิวขาวๆของไอ้คิงแดงขึ้นมา บ่งบอกว่าผมออกแรงกับมันมากขนาดไหน แต่ผมยังไม่สนใจ



“ เป็นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย!!!” ผมตวาด ให้มันมีสติ



“ มึงนั่นแหละเป็นเหี้ยอะไร!!! เห็นกูมีความสุขไม่ได้เหรอ!! ”



“ มึงพูดเรื่องอะไร? ” ผมงงแล้ว ไอ้คิงพูดจาไม่รู้เรื่อง แล้วผมไปขัดความสุขมันตอนไหน ให้ถูกคือมันไม่อยู่ให้ผมเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ



“ ตอนนั้นมึงคุยอะไรกับภัทร! ”



“ ตอนไหน ”



“ ก่อนกูเลิกกับมัน! มึงบอกมันว่าเดี๋ยวกูก็เบื่อ เดี๋ยวกูก็มีคนใหม่! ”



ผมเหวอไปหลายวินาทีก่อนจะระลึกได้ เรื่องนั้นเกิดขึ้นเป็นปีมาแล้ว ผมจำได้ว่าผมเคยคุยเรื่องไอ้คิงกับภัทร ตอนนั้นไปกินเลี้ยงวันเกิดใครสักคน เพื่อนสมัยมัธยม ไอ้คิงเอาภัทรไปด้วย ภัทรอยู่ในงาน ผมเข้าไปคุยกับมัน แต่คุยอะไรบ้างผมก็นึกไม่ออกแล้วจริงๆ ผมจำไม่ได้ แต่พอไอ้คิงพูดขึ้นมา ผมก็ชักจะนึกออกแบบเลือนลาง



“ เชี่ย! นั่นมันเรื่องนานมาแล้วรึเปล่าวะ แล้วที่กูพูดมันผิดตรงไหน ”



ที่จริงผมจำไม่ได้หรอกว่าพูดอะไรไปจริงๆ บ้าง แต่ผมอยากให้ไอ้คิงเจ็บ… ให้มัน ‘รู้สึก’ อะไรบ้าง ผมจะไม่ยอมรองรับอารมณ์ของมันแล้ว



“ ไอ้เหี้ยเชา!!”



“ เออ! กูก็เหี้ยในสายตามึงตลอดนั่นแหละ!! ”



“ มึงบอกภัทร มึงพูดได้ยังไงว่ากูเจ้าชู้ ว่ากูขี้เบื่อ… กูสันดานเสีย! ”



ไอ้คิงลุกขึ้นมา มันตะคอกใส่ผมจนเสียงขาดหายไปบางช่วง แต่มันไม่สนใจมันพูดต่อ แววตาเอาเรื่องและเจ็บปวด
แม่งคงเสียใจมาก… ที่คำไม่กี่คำของผมทำให้มันเลิกกับภัทรได้ หรือไม่ แม่งก็แค่หาแพะ หาคนผิด หาคนที่มันจะโทษ คนที่ทำลายความรักของมัน ทั้งๆ ที่ไอ้คิง มึงทำตัวเองทั้งนั้น...



“ ที่มึงพูดนั่นมันนิสัยมึงทั้งนั้น! ”



นิสัยกู…? นิสัยผม..?



“ ใช่เหรอวะคิง... ” ผมเบี่ยงตัวหลบชีทใกล้หัวเตียงที่ถูกปามา กระดาษพวกนั้นกระจายเต็มพื้น “ ใครกันแน่ มึงถามตัวเองดีๆ กับไอ้เหี้ยนั่นที่โรงเรียนเก่า เด็กม.ปลาย ไอ้เหี้ยภัทร หรือใครก็ตาม ใครเป็นคนบอกเลิกใครก่อนวะคิง! ”



ผมกับมันรู้จักกันมานาน รู้ว่ามันเป็นยังไง… ผมเคยเห็นด้านที่ดีที่สุดและก็แย่ที่สุดของคิงมาแล้ว และผมยอมรับได้ แม้แต่มัม...ที่เลี้ยงมันมายังไม่เคยเห็นนิสัยเสียของคิง และผมก็ไม่คิดว่ามัมจะรับได้ด้วย



“ มึงเคยคบใครนานๆได้บ้างวะ กับไอ้ภัทร ที่มึงคิดว่ามึงรักมันมาก มึงยังคบไม่ถึงปีเลย! ”



“ เพราะมึงไง! เพราะมึงทำให้กูเลิกกับภัทร!! ”



“ กูไม่ได้ทำ! มึงถอยห่างจากมันมาเอง มึงไม่คุยกับมันเอง มึงคิดไปเอง...ว่ามันทิ้งมึง ทั้งๆที่ควาทจริงแล้วมึงนั่นแหละทิ้งมัน! ”
ผมตะคอกตอกความจริงใส่หน้าไอ้คิง ความจริงที่ผมเห็นตลอดมา ตลอดเวลาที่มันจะเริ่มความสัมพันธ์กับใคร



“ มึงมันขี้ขลาด คิง…”



“ ….”



“ มึงเริ่มต้นกับใครใหม่ไม่ได้หรอก...เพราะเดี๋ยวมึงก็จะกลัว แล้วก็วิ่งหนีจากใครก็ตามที่มึงคบและมึงคิดว่ามึงรักมันมาก ”



ผมรู้สึกดี สาแก่ใจ ที่ทำให้ไอ้คิงเจ็บได้ มันนิ่งงัน ความโกรธแค้น หรืออารมณ์รุนแรงที่มันอาละวาดเมื่อกี้หยุดไปเฉยๆ



“ กูไม่แปลกใจเลย ถ้ามึงจะอยู่คนเดียว…”



คำพูดมากมายออกมาก่อนที่ผมจะทันได้คิด และครั้งนี้มันมากซะจนไม่มีอะไรหยุดผมได้แล้ว ผมรู้ตัวตลอดว่าผมไม่ได้หมายความอย่างที่พูด ผมรู้ว่าผมกำลังทำร้ายความรู้สึกไอ้คิงอยู่ แต่ผมไม่หยุด…



ผมพอใจ..ที่ไอ้คิงเป็นฝ่ายเจ็บ เป็นฝ่ายทรมาน เป็นฝ่ายที่รู้สึกแย่จากคำพูดของผมบ้าง



“ มึงจะไปไหน หรือจะอยู่ห้องก็ไป แต่คืนนี้กูไม่อยู่ ”



“....”



“ กูจะไปรับพาย…”




TBC.

สวัสดีปีใหม่จีนค่ะ.... เกือบสามเดือนเลยที่หายไป  :o8: แต่กลับมาแล้วนะคะ สัยญว่าไม่ทิ้งค่ะ แค่หายไปนานกว่าเดิมด้วยภาระ และเหตุผลหลักๆคือ เขียนไม่ออกค่ะ ไม่มีปัยหาอะไรเลยนอหจากเรื่องนี้ ต้องปรับอยู่สักพักกว่าจะกลับมาได้

ขอบคุณคนอ่านคุ้นเคยที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ ไม่มีคำไหนจะอธิบายได้เลยนอกจากซาบซึ้งมากๆและก็ดีมจมากๆ เราเองก็ต้องอัพเดทในนี้ต่อไปให้จบ อาจจะหายากกว่าเดิมหน่อยเวลาอัพเดท ยังไงก็ต้องขออภัยมาณ ที่นี้ด้วยนะคะเพราะความไม่รับผิดชอบของเราทำให้คนอื่นๆ ลำบาก ทั้งคุรแอดมิน โมดุ และคนอ่าน

 :o12:

ปีใหม่จีนนี้ก็...น่าจะคันกันมากขึ้นค่ะ เข้าใจความรุ้สึกอยากกระทืบเชาอย่างบอกไม่ถูกเลย  :o8: คิดเห็นยังไง บอกกันได้นะคะั

 :L1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 2 (28/01/17)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 31-01-2017 22:50:10
แม้แต่ความเป็นเพื่อน..ยังไม่อยากจะให้มันเลย

คนอะไร...รักแต่ตัวเอง
เห็นแก่ตัวชิ๊บ

มันสมควรแล้วล่ะ
ที่ในชีวิตที่เหลือ
จะไม่มีใครจริงจังด้วยเลย

อยู่คนเดียวไปเหอะ
อ้อ..ตายไปคนเดียวด้วยนะ

รักตัวเองนัก
ก็ลากไก่ไปกินในน้ำ..ให้อร่อย

ขอบคุณคนแต่ง
+1 ฮับ
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 3 (16/03/17)
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 16-03-2017 22:37:55
ตอนที่3

ถ้าจะให้เลือกสักคน




ผมถือกุญแจรถ หยิบกระเป๋าตังค์ มือถือและออกจากห้อง ไม่กลับมาทั้งคืนอย่างที่ตัวเองได้ลั่นวาจาเอาไว้ พายทักมาถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมแค่พิมพ์บอกเธอไปว่าให้รออยู่ที่นั่น ผมกำลังจะไปหา



นันยิ่งทำให้พายกระหน่ำส่งข้อความมาหาผม พอผมไม่ตอบข้อความเพราะกำลังสตาร์ทรถ และเปิดโลเคชั่นชายหาดแถวหัวหินที่พายลงรูปในอินสตราแกรมและซิงค์มันกับเฟสบุ๊คล่าสุด รูปพายกับวิวทะเลมีคนไลค์ประมาณ 300 คนได้ แต่ผมไม่สนใจ เพราะผมแค่เข้าไปเพื่อกดเปิดโลเคชั่นนั้นในกูเกิ้ลแมป



ตอนนั้นเองที่พายโทรเข้ามา โทรศัพท์ผมยังไม่ทันส่งเสียงดังดี ผมก็กดรับสาย



“ ว่าไง…” ผมว่า เอี้ยวตัวไปมองกระจกหลังและถอยรถออกจากซอง หมุนพวงมาลัยก่อนจะขยับมือเปลี่ยนเกียร์เป็นเดินหน้า แล้วขับรถออกจากที่จอดของหอพัก



‘ เชาหมายความว่ายังไง’ พายถาม เสียงตกใจร้อนรน



“ ก็ตามนั้น” ผมว่า แม้แต่ตัวเองยังไม่แน่ใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผมแค่รู้ว่า ตอนนี้ผมไม่อยากให้พาย...ที่กำลังเจอกับปัญหาต้องเผชิญกับมันคนเดียว



‘ จะมาหาเราที่หัวหินเหรอ?’ เธอยังถาม เหมือนยังไม่อยากเชื่อ ก่อนหน้านี้พายคงกรึ่ม เมาประมาณหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมว่าเธอสร่างแล้ว ที่จริงต้องบอกว่าสร่างตั้งแต่เธอเริ่มเล่าเรื่องที่เพื่อนเธอนินทาเธอให้ฟัง



“ ใช่ เราออกรถมาแล้ว…”



‘ เชา…’ เธอว่า เหมือนไม่รู้จะพูดอย่างไร ‘ ไม่ต้อง...ก็ได้…’


“ ไม่ได้ ” ผมว่า ขณะที่กำลังเลี้ยวรถออกจากซอยหอพัก “ พายบอกเราเอง ว่าตอนนี้ไม่โอเค ”


‘ แต่เราอยู่ตั้งหัวหิน…’


“ แค่หัวหิน เราขับรถไปชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแล้ว” ตอนนี้สามทุ่มกว่าเกือบสี่ทุ่ม ผมถึงหัวหินไม่เกินเที่ยงคืน


‘ เชา เราเกรงใจ…’



“ เราไม่อยากให้เธออยู่คนเดียว ”



ในหัวผมไม่มีความรู้สึกแอบแฝงอย่างอื่นเลยนอกจากเป็นห่วงพายจริงๆ ผมรู้ว่ามันทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ สักคนรู้สึกแย่ได้แค่ไหน และผมก็รู้ด้วยว่า ผู้หญิงทำร้ายกันเองได้แสบและเจ็บยิ่งกว่าอะไร ผมไม่ใช่ผู้หญิง ไม่เข้าใจว่าพวกเธอคิดอะไรอยู่ แต่อะไรที่ผมช่วยให้พายรู้สึกดีขึ้นได้ ผมก็อยากทำ…



‘ ….’



“ ชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว…” ผมว่า รู้ว่าพายไม่สามารถปฏิเสธผมได้



‘ ...ก็ได้ ’ พายตอบในที่สุด เธอพูดต่อ เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ‘ …….รีบมานะ ’






ผมมาถึงพายในอีกชั่วโมงถัดมา เพราะถนนโล่งและผมก็ขับเร็วกว่าปกติ ตอนนี้เวลาห้าทุ่มกว่าๆ ผมจอดรถหน้าคอนโดฯยี่สิบชั้นที่พายส่งโลเคชั่นมาให้ทีหลัง และเดินเข้าไปข้างในล็อบบี้ที่ผมบอกให้เธอรอผมตรงนั้นจนกว่าผมจะมา



พายไม่ได้อยู่ตรงล็อบบี้ ผมเดินหาไม่นานก็เห็นผู้หญิงผมยาวนั่งอยู่คนเดียวที่สระว่ายน้ำด้านหลังล็อบบี้ ผมจึงเดินเข้าไป
เธอนั่งริมสระน้ำคนเดียว เอาขาจุ่มน้ำ ไม่มีกระเป๋าหรืออะไรทั้งนั้นนอกจากโทรศัพท์ติดตัว พายกดโทรศัพท์เลื่อนหน้าจอไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอก็ยังไม่รู้ตัว จนกระทั่งผมเรียก



“ พาย”



พายสะดุ้ง หันมามองผม



“ เชา…” เธอฝืนยิ้มให้ หน้าตาเหนื่อยและอิดโรย แต่เธอดูดีใจ ที่ผมมาถึงสักที



ผมส่งยิ้มกลับอย่างเข้าใจความรู้สึกพาย ยื่นมือให้เธอดึงเพื่อลุกขึ้น



พายถอนหายใจยาว ก่อนจะพยักหน้า ยิ้มมากขึ้นและก็จับมือผม ผมดึงพายให้ลุกขึ้นจากน้ำ และเมื่อเธอลุกขึ้นยืนแล้วก็บีบมือเธอแน่นๆ ให้กำลังใจ



เวลาที่อ่อนแอ ใครๆ ก็อยากได้คนอยู่ข้างๆ ทั้งนั้น



“ ไปเอาของกัน เดี๋ยวเราไปส่ง ”



ผมไม่ได้ปล่อยมือพาย จูงมือเธอพาไปที่ลิฟต์และให้พายกดไปยังชั้นที่เพื่อนเธออยู่ เราไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาสักคำ



ผมเป็นคนเคาะประตูห้อง ไม่นานก็มีคนมาเปิด



“ โอ๊ยอีพาย… มาสักทีนะยะ ก็ว่ามึงหายไปไหน….ตั้งนาน…” ปิงปอง เพื่อนตุ๊ดของพายเป็นคนมาเปิดประตู เธอชะงักไปที่เห็นผมยืนอยู่ตรงนี้และพายจับมือผมอยู่ข้างหลัง



“ เรามารับพาย ขอเข้าไปเอาของหน่อยนะ…” ผมพูดแทนพาย และจูงมือพายเข้าไปข้างใน เพื่อนพายดูตกใจ รีบเบี่ยงตัวหลบ



“ อุ๊ย! เชิญค่ะๆ…”



มะนาวนั่งอยู่ตรงโซฟารับแขกกับเพื่อนอีกสามสี่คน พวกเธอหยุดคุยกันและหันมามองผมกับพายเขม็ง ผมมองกลับไป พวกเธอตกใจหลบสายตากันไปคนละทาง



“ เรารอนี่นะ…” ผมบอกพายและยิ้มให้เธอ พายพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้องๆ หนึ่งในหลายห้องโดยที่ไม่มองหน้าเพื่อนคนไหนทั้งนั้น



บิ๋ม เพื่อนสนิทในกลุ่มของพายเดินเข้ามาหาผม สีหน้าเธอไม่สบายใจและกังวล



“ เชา...คือ…”



“ เรารู้เรื่องหมดแล้ว ” ผมพูดก่อนที่บิ๋มจะพูดจบ น้ำเสียงผมเอาเรื่อง ผมรู้ว่าพวกเธอรู้ว่าถ้าผมโมโหขึ้นมาจะเป็นยังไง ทั้งเรื่องที่ผมชกกับไอ้ขวัญกลางห้องเลคเชอร์ (แน่นอนมันถูกเอาไปใส่สีตีไข่จนหาความจริงไม่ได้) หรือเรื่องที่ผมถีบโต๊ะในแลป ระเบิดกลางห้องเรียนใส่เพื่อนร่วมเซคทุกคนที่มองผมแปลกๆ ทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากให้ผมโกรธ โดยเฉพาะตรงนี้ที่มีแต่ผู้หญิง
บิ๋มไม่กล้าที่จะสบตาผม



“ มีอะไรก็มาถามดิ ไม่ใช่ทำแบบนี้ ” เอาเพื่อนไปนินทา ต่อหน้าพูดอย่าง ลับหลังพูดอีกอย่าง…



แม่ง… ผมไม่อยากด่าผู้หญิง



ทั้งห้องเงียบกริบ ผมจ้องเขม็งไปที่มะนาว เธอทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไร ส่วนคนอื่นๆ หน้าเจื่อนกันหมด



พายเปิดประตูออกมาจากห้องพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เธอมองรอบๆ อึดอัดใจ



ผมเอากระเป๋าพายมาถือไว้เองแล้วจูงมือพายออกไปจากห้อง พาเธอออกมาจากตรงนั้น






“ หิวรึเปล่า อยากกินอะไรมั้ย ”



ผมถามหลังจากที่เราขับรถออกมา ยังอยู่ในหัวหินแต่ไกลจากคอนโดฯเพื่อนพายมาแล้ว ผมไม่ได้ชวนพายคุยแบะพายก็ไม่พูดอะไรจนกระทั่งตอนนี้



“...”



“ ว่าไง?”



ถามซ้ำ แต่พายตอบกลับกันคนละเรื่อง



“ ขอบคุณนะ…”



ผมนิ่งไปนิด แล้วก็หัวเราะขำออกมา พายมองผมเหมือนทำหน้าไม่ถูก



“ ขำอะไร..”



“ ขำเธอ…” ผมว่า “ รู้ใช่มั้ยว่าตอบคนละเรื่องกับที่เราถามเลย…”



พายมองผม มุ่นคิ้วและเม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นยิ้มกว้างมากขึ้นและมากขึ้น



“ แล้วตกลงหิวมั้ย?”



“ ...หิว ” พายพูดในที่สุด “ เจอเซเว่นแล้วแวะให้ด้วย เราจะซื้อขนม ‘เยอะๆ’ เลย ”



“ อ้วนนะ กินขนมตอนดึก ”



“ ….” พายมองหน้าผม ตาค้อนนิดๆ ก่อนเบะริมฝีปาก “ เบิร์นได้ ”



“ ใช่เหรอ…?” ผมถาม แกล้งเลิกคิ้วสูงแล้วมองพาย เท่าที่ผมรู้จักพายมา พายไม่ใช่ผู้หญิงเฮลตี้ รักการออกกำลังกายขนาดนั้น



“ เราวิ่งนะ ” เธอพูดเสียงสูง เหมือนผมเพิ่งจะดูถูกเธออย่างมาก “ เชาเถอะ ออกกำลังกายบ้างหรือเปล่า ”



ได้ยินอย่างนั้นถึงกับหลุดขำ ไม่รู้ว่าพายดูไม่ออกหรือพยายามแกล้งไม่สนใจ เพราะหุ่นผมดูก็รู้ว่าออกกำลังกายหนัก ถึงมวลไขมันมากขึ้น ลีนกล้ามเนื้อไม่ชัดเท่าตอนปี 3 เทอมหนึ่ง ที่ผมเข้าฟิตเนสและคุมอาหาร(กว่าตอนนี้) แต่มันก็ไม่ดูแย่หรืออ้วนฉุเลย



“ ถามจริง?” ผมกระเซ้า มองพายล้อเลียน



พายมุ่ยหน้าแล้วกลอกตาไปทางอื่น ผมหัวเราะมากกว่าเดิม



“ โอเคๆ ก็ได้ ไว้วันไหนไปวิ่งกัน ตอนเช้าหรือเย็นดี?”



“ เชาวิ่งเช้าเหรอ?” พายถาม ท่าทางไม่เชื่อ



“ หึ ” ผมส่ายหน้า “ วิ่งเย็น เช้าเราไม่ตื่นหรอก ฮะๆๆๆๆ ”






อาทิตย์ถัดมา…



ผมเข้าไปพบอาจารย์ในคณะ เขาเรียกผมเข้าไปคุย ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร แต่ผมพอจะเดาได้ว่าเป็นเรื่องที่ผมกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งมหาลัย หรือไม่ก็เรื่องที่ผมยังไม่ส่งจดหมายเรื่องสถานที่ฝึกงาน



ผมไหว้เขา ลากเก้าอี่นั่งลงหน้าโต๊ะในห้องทำงานที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว



“ เชา คุณมีปัญหาอะไรที่ผมควรรับรู้หรือเปล่า?”



อาจารย์ก่อสอนวิชาเทอร์โมไดนามิก ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นญาติห่างๆ หลังจากเข้ามาเรียนที่นี่ ผมกับอาจารย์ก่อนามสกุลเดียวกัน ผมนับญาติไม่ค่อยถูก เพราะญาติฝั่งมัม ญาติฝั่งแม่ของผมเยอะเหลือเกิน รวมญาติกันทีทักทายจนเหนื่อย ผมดีใจที่มัมไม่ค่อยไปหรือพาผมไปงานรวมญาติ ส่วนหนึ่งเพราะผมบอกมัมว่าไม่อยากไป อีกส่วนคือผมเคยได้ยินผู้ใหญ่คุยกัน...เขาไม่นับญาติกับแม่ผมที่เป็นบ้านเล็กเศรษฐีแขกตุรกี…แต่กลับเอ็นดูผม และปฏิบัติกับผมค่อนข้างดี



“ ผมเป็นญาติคุณนะ ถ้ามีอะไรคุณก็บอกผมได้ ”



“ …”



“ อาจารย์หมายถึงเรื่องอะไรครับ?” ผมลองถาม



“ ป้าคุณ พี่นิ่ม เขาบอกผมว่าเป็นห่วงคุณเรื่องฝึกงาน ”



อ่อ…



“ คุณสนใจอยากฝึกที่บริษัทที่ไหนหรือเปล่า ผมดูเกรดคุณ ไม่เลว คะแนนภาษาอังกฤษคุณก็ดี ถ้าคุณอยากไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นหรือเยอรมัน ผมก็จะติดต่อให้ ”



ผมเงียบ นิ้วเคาะโต๊ะครุ่นคิด อาจารย์ก่อไม่ได้พูดอะไร เขาปล่อยให้ผมทำอะไรตามใจ บางทีผมก็คิดว่าที่ญาติผมเป็นอย่างนี้เพราะอะไร…



สงสารที่ผมเป็นลูกบ้านน้อย



ที่แม่แท้ๆของผมทิ้งผมไว้กับป้าตั้งแต่เด็ก



ที่ครอบครัวฝั่งพ่อไม่เคยมาดูดำดูดี



หรือเพราะมัม ป้าผม ที่นอกจากสามีจะเสียแล้ว ยังต้องมาเลี้ยงหลานด้วยตัวคนเดียว…



ผมไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวผมให้ใครฟัง… แม้แต่เพื่นสนิทก็ไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้



“ ผมต้องบอกคำตอบอาจารย์เมื่อไหร่ครับ? ”



ผมยังไม่อยากตัดสินใจตอนนี้ มันเร็วเกินไป ถ้าเลื่อนไปได้ ผมก็อยากให้เวลาตัวเองได้คิดก่อน



“ คุณส่งเอกสารเดือนเมษายน ถูกมั้ย ให้คำตอบผมก่อนเดดไลน์สักอาทิตย์แล้วกัน เดี๋ยวผมจัดการให้ ”



ง่ายดีว่ะ…



ผมไม่คิดว่าอาจารย์ก่อจะฝากงานให้ผม



“ ขอบคุณครับ ” ผมยกมือไหว้ “ ผมไปได้แล้วใช่มั้ย…”



อาจารย์ก่อไม่ตอบ เขาเริ่มพูดต่อ ผมจึงยังนั่งอยู่ที่เดิม รู้สึกตัวชานิดๆ เมื่อได้ยินเรื่องสิ่งที่อาจารย์ก่อพูดต่อไป



“ ผมได้ยินข่าวที่ไม่ดีเท่าไหร่เรื่องคุณ ”



“ …”



“ เรื่องมันเป็นมายังไง คุณบอกหน่อยได้มั้ย…”



อะไรทำให้ผมคิดว่าเขาจะไม่รู้เรื่องนี้วะ… หรืออย่างน้อยผมก็คิดว่าพวกอาจารย์จะไม่ใส่ใจเรื่องของนักศึกษา



ผมเอนหลังพิงเก้าอี้ อยากหยิบโทรศัพท์ออกมากดหรือทำอะไรก็ได้เพื่อไม่ให้อาจารย์ก่อพูดเรื่องนี้ต่อ



“ เชา ผมเข้าใจคุณนะ ผมก็เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน…”



ผมเรียบเรียงคำพูด พยายามคิดว่าเขาถามให้มัม หรือถามเพื่อแค่ตอบคำถามคนอื่นเกี่ยวกับญาติของตัวเองถูก



“ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ ” ผมว่าในที่สุด หลังยังพิงพนักพิงเก้าอี้อยู่ มือวางบนพนักวางแขน “ อาจารย์ได้ยินอะไรมา มันไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่ได้เป็นแบบที่เขาพูดกัน ”



แล้วผมก็ลุกขึ้นยืน คิดว่าผมคงไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว อาจารย์ก่อไม่ได้ว่าอะไร เราคุยกันนิดหน่อยและผมก็ออกมาจากห้อง



พายเงยหน้าขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงเปิดประตู เธอเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า เดินมาหาผม



“ เป็นไง อาจารย์ว่าอะไรรึเปล่า ซีเรียสมั้ย ” เธอถามอย่างเป็นห่วง



หลังจากวันที่ผมไปรับพายที่หัวหินเราก็ตัวติดกันมากขึ้น ยิ่งอยู่หอเดียวกันเจอกันก็ง่าย คุยกันก็ง่าย ผมได้เข้าห้องพาย และก็เห็นว่าในห้องพาย...มีอะไรที่ผมคาดไม่ถึงเหมือนกัน



มันคือตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่ที่กินพื้นที่บนเตียงไปมากกว่าครึ่ง ผมนึกไม่ออกเลยว่าหอเราไม่ได้จัดเตียงขนาดควีนไซส์ไว้ให้ พายจะนอนตรงไหน พายตั้งชื่อให้ด้วย มันชื่อ ‘ น้องสมชาย ’



และอีกอย่างก็คือ พายยังใช้สบู่แบบเดิมกับที่ไอ้คิงเคยมาเคาะประตูห้องขอยืมไปเมื่อเดือนสองเดือนก่อนอยู่



“ ไม่ได้ว่าอะไร ถามเรื่องฝึกงานเฉยๆ ” ผมตอบ ยักไหล่ “ หิวยังเธอ ไปหาอะไรกินกัน ”



“ อื้อ ”



พายเริ่มเข้าใกล้ผมมากขึ้น ขณะที่หลังจากผมทะเลาะกับคิงครั้งใหญ่วันนั้น มันก็ห่างออกไป จนตอนนี้ผมไม่เห็นมันกลับมานอนที่ห้องสามวันแล้ว



เราไปกินบุฟเฟต์ปลาดิบแถวอโศกและเดินเล่นที่ห้างตรงนั้น พายซื้อของนิดหน่อย ผมรอเธออยู่หน้าร้านเครื่องสำอาง รู้สึกเลยว่าตัวเองไม่ได้มาทำกิจกรรมแบบนี้นานมาก ตั้วแต่ช่วงเปิดเทอมใหม่ๆ ที่ผมไปกับน้องฟิว ตอนที่ยังไม่ได้บอกเลิกน้อง…



ตอนนี้ผมอยู่ในร้านเสื้อผ้า นั่งเล่นโทรศัพท์รอพายลองเสื้อ หน้าจอโชว์ข้อความจากโปรแกรมแชทไลน์ และโชว์ข้อความจากนกยูง…



ผมไม่ได้ตอบข้อความเธอสามสี่วันแล้ว ผมเลยกดเข้าไป



นกยูง : เชาอยู่ไหน
นกยูง : คืนนี้ไปปาร์ตี้วันเกิดหวานหวานมั้ย?



และพิมพ์ข้อความตอบนกยูง…



ผม: หวานหวานชวนเราเหรอ



ผมถาม จงใจไม่ตอบคำถามแรกของนกยูง ผมกับหวานหวานรู้จักกันผ่านๆ แทบจะไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ ผมรู้แค่เธอเป็นแฟนเก่าเพื่อนผมที่โรงเรียนเก่าหลายๆคน ส่วนเธอก็แค่รู้ว่าผมเป็นเพื่อนของเพื่อนของเธอ



นกยูง: ชวนดิ
นกยูง: พวกบุ๊คก็ไปนะ



ไม่เห็นไอ้บุ๊คบอกผม ผมทักไลน์ไอ้บุ๊คไป



ผม: วันนี้วันเกิดหวานหวาน
ผม: มึงไปป่ะ



ไอ้บุ๊คอ่าน และก็ตอบข้อความผมทันที



บุ๊ค: ไปๆ ทำไมวะ



ผมเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม คิดว่าจะตอบอะไรมันดี แล้วก็กดพิมพ์ข้อความต่อ



ผม: นกยูงมาชวนกู
ผม: ไอ้เว่นจีบนกยูงถึงไหนแล้ววะ



ผมหวังว่ามันจะไม่รู้ว่าผมได้นกยูงไปแล้ว ไอ้เว่นค่อนข้างสนิทกับหวานหวาน บุ๊คบอกผมว่ามันเรียนคณะเดียวกับเธอ ที่จริงผมก็ไม่สนิทกับโอเว่นเท่าไหร่เหมือนกัน มันเป็นเพื่อนของเพื่อน เคยเรียนโรงเรียนเดียวกับผม แต่ผมลาออกก่อนที่มันจะเข้า



บุ๊ค: ก็เรื่อยๆว่ะ
บุ๊ค: นกยูงตามติดมึงแจเลยเหรอวะ
บุ๊ค: 555555



“ เชา เราเสร็จแล้วนะ ไปกันยัง?”



“...”



“ ...เชา?”



“ พาย คืนนี้ว่างมั้ย” ผมถาม “ เราอยากชวนไปด้วยกันหน่อย ”




---------------------------------------------



ตอนที่ 3 มาแล้วค่ะ แล้วเรื่องนี้ก็จะพังมากขึ้น... พังแบบพินาศจริงๆ :เฮ้อ:
ขอบคุณคนอ่านที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ

 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 3 (16/03/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Mom2maM ที่ 26-03-2017 01:16:14
รออย่างใจจดจ่อว่าเมื่อไหร่เชาว์จะรู้ตัวว่าผิด
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 4 (27/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 27-06-2017 22:20:13
ตอนที่ 4
แล้วจะต้องเสียใจ




หวานหวานเหมาร้านนั่งชิลล์บนดาดฟ้าตึกเอาไว้สำหรับจัดปาร์ตี้วันเกิดของเธอ ผมไม่แปลกใจเลยที่เปิดประตูลิฟต์ดาดฟ้าออกมาแล้วเห็นคนเกือบห้าสิบคนแน่นร้าน หวานหวานคนรู้จักเยอะ และตั้งแต่ผมรู้จักเธอมาจากบุ๊คมันจะแปลกมากกว่าถ้าหากหวานหวานจัดปาร์ตี้เล็กๆ



“ ป่ะ เดี๋ยวเราพาไปรู้จักเพื่อน ” ผมบอกพาย ดึงมือเธอให้เดินใกล้กันมากขึ้น พายกวาดตามองรอบๆ ดูไม่ได้ตื่นเต้นกับบรรยากาศอย่างนี้ ดูชอบด้วยซ้ำโดยเฉพาะเพลงที่ร้านนี้เปิด ผมบอกไม่ได้ว่ามันเป็นเพลงแนวไหนแต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่เพลงป๊อปดาษดื่น มีจังหวะสนุกๆ และดนตรีแหวกแนวแบบที่ผมไม่ค่อยได้ยินบ่อยๆ



ผมพาพายเดินไปทางมุมนึงของร้านที่เพื่อนผมยืนกันอยู่ ไอ้บุ๊คและคนอื่นๆ ยกมือทักผมและดูประหลาดใจมากที่ผมพาใครอีกคนมาด้วย พวกมันมองพายตาไม่กระพริบ ผมเห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้ ปล่อยมือพายแล้ววางมือบนไหล่เธอและชี้ไปที่เพื่อนผมทีละคน



“ พาย นี่ไอ้บุ๊ค เพื่อนเรา ” ผมว่า และก็แนะนำเพื่อนจนครบทุกคน พายยิ้มให้เพื่อนผมอย่างเป็นมิตรจนบางคนถึงกับเคลิ้มไป ผมเห็นแล้วไม่แปลกใจเพราะวันนี้พายโคตรสวย ตั้งแต่จูงมือเธอเข้ามา...ผมนับได้เกินห้าแล้วที่มองพายแบบไม่เกรงใจผม โอเว่นที่จีบนกยูงอยู่ก็อยู่ตรงนั้นด้วย จากตอนแรกที่มันเขม่นมองผม ท่าทางมันเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นพาย มันไม่ได้เข้ามาทักตบไหล่ผมสนิทสนมแบบเพื่อนหรอก แต่แค่มันไม่มองผมเหมือนอยากเข้ามาต่อยทุกครั้งผมก็โอเคแล้ว



ด้วยความที่พายเป็นคนเฟรนด์ลี่ ไม่นานเธอก็ได้เพื่อนคุย เป็นกลุ่มผู้หญิงที่เป็นเพื่อนเก่าห้องเดียวกับผม เธอเข้ามาทักผมเราไม่เจอกันนานโคตรๆ พอพายคุ้ยเคยกับกลุ่มผู้หญิงแล้วผมเลยหลบออกมาคุยกับไอ้บุ๊ค มันส่งซิกเรียกผมออกมาคุยหลายรอบ
“ ไงมึง ” ผมว่า ยักคิ้วให้มัน สั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์และนั่งคุยกับบุ๊คตรงบาร์



“ ไงเชี่ยอะไรล่ะ ไหนมึงบอกว่าเพิ่งเลิกกับแฟนไงวะ ไวชิบหาย... ” มันว่า สั่งเบียร์ขวดบ้าง



“ ก็เพิ่งเลิกไง... ”



ผมตอบแบบไม่ได้ช่วยอะไรบุ๊คเท่าไหร่ ว่าไปผมบอกเลิกน้องฟิวเมื่อไหร่วะ… ครบเดือนหรือยัง ไม่แน่ใจเลย อาจจะนานกว่าล่ะมั้ง



“ เออๆ แล้ววันนี้นกยูงเจอมึงยังวะ ” บุ๊คพูดแหย่ ผมแทบสำลักแก้วเครื่องดื่มที่เพิ่งยกขึ้นจิบ



“ สัด.. ” ผมว่า มองมันสายตาเชิงตำหนิแล้วใช้หลังมือถูกปาก



ผมเห็นนกยูงสองสามรอบแล้ว ร้านไม่ได้เล็กแต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่ผมก็หลบเธอมาได้จนถึงตอนนี้ นี่เป็นอีกสาเหตุเหมือนกันที่ผมไม่เข้าไปแสดงความยินดีกับหวานหวาน และเอาลิปสติกของขวัญวันเกิดที่ให้พายช่วยเลือกเมื่อตอนบ่ายให้เธอสักที
ไอ้บุ๊คหัวเราะชอบใจ มันเปลี่ยนเรื่องและวกกลับมาถามผมเรื่องพายอีกว่าผมกับเธอเจอกันได้ยังไง ผมเลยเล่าให้มันฟังถึงตอนที่สบู่ในห้องหมดแล้วไอ้คิงลงไปเคาะห้องพาย มันได้ยินแล้วยิ่งหัวเราะขำใหญ่โต บุ๊คก็รู้จักคิง ผมว่ามันจิตนาการตามออกว่าถ้าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นมันจะตลกและสะใจขนาดไหน ไม่บ่อยที่ไอ้คิงจะอยู่ในสภาพดูไม่จืด นี่เห็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้นานๆ ครั้งทีเดียว



พูดถึงคิงแล้ว สถานการณ์ระหว่างผมกับมันไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่… หลังจากผมใจเย็นลงแล้วผมรู้สึกเสียใจที่ทำแบบนั้นกับมัน ผมรู้สึกผิด รู้สึกว่าตัวเองโคตรเหี้ยเลยที่พูดแบบนั้นกับมัน ผมรู้ว่ามันเซนสิทีฟเรื่องนี้แค่ไหน… มันกลัวการอยู่คนเดียวตั้งแต่ที่พ่อกับแม่มันประสบอุบัติเหตุ



หลายครั้งที่ผมอยากขอโทษมัน แต่ผมก็พูดไม่ออก… และผมก็รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ไอ้คิงไม่คุยกับผม มันทำเหมือนผมไม่อยู่ในห้องด้วยซ้ำ นี่เป็นอีกเหตุผลเหมือนกันที่ทำให้ผมอยู่ห้องพายนานขึ้น ไปห้องพายบ่อยขึ้น



เพราะผมโคตรอึดอัด… เวลาอยู่ห้องกับไอ้คิงแค่สองคน…



ผมคุยกับบุ๊คค้างไว้เพราะเหลือบไปเห็นนกยูงอีกครั้ง ผมหยิบแก้วขึ้นมาแล้วหันหลังให้เธอ



“ กูไปก่อนนะ” และยกแก้วกระดกดื่มให้หมดก่อนจะรีบเดินไปทางอื่น คิดว่าคงสลัดนกยูงหลุดแล้วผมจึงเดินเข้าห้องน้ำ ทำธุระ ล้างมือล้างหน้าและก็เดินออกมา แต่แล้วผมถึงกับชะงักกึก



นกยูงยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ แสดงสีหน้าหลายอย่างออกมา ทั้งหงุดหงิด, ไม่พอใจ, และไม่เข้าใจ นกยูงพยายามยิ้มให้ผม มันไม่ได้ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาสักนิด



“ เราว่าแล้วว่าเราเห็นเชา ทำไมมาแล้วไม่เห็นบอกเลย ” เธอว่า เดินเข้ามาหาผม “ ไปกันๆ ไปอวยพรวันเกิดหวานหวานกับเราเลย.. ” นกยูงเข้ามาจับแขนผมและออกแรงดึง ผมเดินตามเธอไปอย่างเสียไม่ได้ นกยูงปล่อยมือจากแขนผม ผมเผลอนึกว่าตัวเองจะรอดแล้วแต่เธอกลับเปลี่ยนมาจับมือผมแทน นกยูงหันมายิ้มให้จนผมต้องปล่อยเลยตามเลย



แต่ก่อนที่นกยูงจะได้เข้าไปทักหวานๆไอ้บุ๊คก็เดินเข้ามาหาพวกเราซะก่อน



“ โห เชี่ยเชา มึงมาอยู่นี่เอง กูหาตั้งนาน ” มันว่า ทำเหมือนผมกับมันไม่ได้คุยกันเมื่อไม่ถึงสิบนาทีที่แล้ว “ มานี่กับกูเลยไอ้ห่า เพื่อนคิดถึงมึงมากอ่ะ ”



ไอ้บุ๊คกอดคอผมและก็ทำเนียนตกใจ “ อ้าว นกยูงว่าไง ” เชี่ย… ผมเกือบหลุดขำ หน้าตามันตอแหลชิบหาย “ โทษทีๆ กำลังจะไปไหนกับเชาป่ะเนี่ย ไม่ใช่ป่ะ งั้นเดี๋ยวเราสองคนมานะ ” แล้วมันก็ลากคอผมเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ไม่ทันฟังเสียงคัดค้านหรือมองหน้าเหวอๆของนกยูงด้วยซ้ำ



พ้นตรงนั้นแล้วผมถึงกับหลุดขำออกมา



“ เชี่ยบุ๊ค มึงแม่ง.. ”



“ กูเนียนมั้ยล่ะมึง มึงติดหนี้กูนะ คราวหน้าเลี้ยงเหล้าด้วย ”



“ เออๆๆ ” ให้เลี้ยงมากกว่าเหล้ายังได้เลย ผมนึกว่าจะไม่รอดแล้วเมื่อกี้ “ ขอบใจว่ะ ”



“ ไม่เป็นไรเพื่อน แต่เกือบไปแล้วนะมึงอ่ะ ไอ้เว่นแม่งจ้องมึงเขม็งเลย ” มันว่าลูบหลังผมขึ้นลงพลางทำหน้าสยอง บุ้ยไปทางโต๊ะอีกฝั่ง ผมมองตามสายตาไอ้บุ๊คไปเห็นโอเว่นกำลังมองผมอยู่ สายตามันไม่เป็นมิตรเอาซะเลย



ผมส่ายหน้าแล้วกลอกตามองทางอื่น จีบหญิงไม่ติดเองแล้วก็มาพาลผมเนี่ยนะ ตลกว่ะ ต่อให้มันเป็นเพื่อนไอ้บุ๊คผมก็เริ่มหงุดหงิดนิดๆแล้วเหมือนกัน



“ มึงเห็นพายป่ะ ”



“ พายเหรอ เห็นนะ นั่งอยู่กับแก็งค์สาวๆมั้ง อ่อ นั่นไงๆ ” มันชี้ไปที่กลุ่มสาวๆตรงนั้นที่กำลังนั่งดื่มนั่งคุยกันอยู่ท่าทางสนุก
“ เออ งั้นกูไปหาพายก่อน ขอบใจมากนะเพื่อน ” ผมตบไหล่มันและไม่ลืมบอก “ เรื่องไปดื่มมึงนัดกูมาอีกที ช่วงนี้กูว่างเรื่อยๆเลย ”



ไอ้บุ๊คยักคคิ้วกลับเป็นเชิงรู้แล้วและมันก็แยกเดินไปทางอื่น ส่วนผมตรงเข้าไปหาพายและก็ทักเพื่อนผู้หญิงที่ตัวเองรู้จัก



“ อ้าวเชา ว่าไง ”



“ นั่งด้วยดิ ” ผมยิ้มให้พวกเธอ และก็มองที่นั่งตรงโซฟาข้างพาย



“ โอ๊ย! จ้ะ!! ไม่ต้องมองเราขนาดนั้น ลุกแล้วค่ะลุกแล้ว ”



พวกเธอหัวเราะและก็ลุกให้ผมได้นั่งข้างพาย พายหันมาและมองผมนิดๆ ผมจึงเลิกคิ้้วกลับไปเป็นเชิงว่าตัวเองทำอะไรผิดเหรอ เธอพ่นเสียงหัวเราะแล้วก็ส่ายหน้า



“ นี่กำลังคุยกับพายอยู่พอดี เพิ่งรู้ว่าพายรู้จักกับเฮียฉันด้วย เป็นเพื่อนกันใช่ป่ะพาย ”



“ อื้ม รู้จักป้องตั้งแต่ปี 1 เลย ป้องมาจีบเพื่อนเรา ”



เชาปล่อยให้พายคุยกับสาวๆอีกสักพักก็ชวนเธอไปหาหวานหวานและเอาของขวัญวันเกิดให้เธอสักที ผมแบมือให้พายจับและก็จูงมือเธอเดินไปหาเจ้าของวันเกิดที่กำลังคุยกับเพื่อนอีกกลุ่มอยู่ท่าทางสนุก และที่สำคัญคือนกยูงก็อยู่ตรงนั้นด้วย



“ หวานหวาน แฮปปี้เบิร์ธเดย์ครับ ” ผมว่าและเอาถุงกระดาษสีดำแปะแบรนด์เด่นหราให้กับเจ้าของวันเกิด



“ หูยย ขอบคุณนะเชา ” เธอยิ้มหวานรับถุงของขวัญไปและก็เผื่อแผ่รอยยิ้มมาให้ถึงพาย “ พาใครมาด้วยเนี่ย ”



ผมยิ้มตอบเธอและกระชับมือพายดึงเธอให้มายืนใกล้กันมากขึ้น “ หวานหวานนี่พาย พายนี่หวานหวาน เจ้าของวันเกิด ”



“ เบิร์ธเดย์นะ มีความสุขมากๆ ” พายยิ้มน่ารักและอวยพรให้เหมือนกับหวานหวานเป็นเพื่อนคนหนึ่งของตัวเอง หวานหวานชวนพวกเราถ่ายรูปและก็ให้เพื่อนผู้หญิงอีกคนในกลุ่มช่วยถ่ายให้ ผมหันไปสบตานกยูงแว่บหนึ่ง เธอมองผมด้วยสายตาตัดพ้อและผิดหวัง ผมไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหลบสายตาของเธอ







ผมพาพายกลับราวๆเที่ยงคืน ผมดื่มไปนิดหน่อย มีชนแก้วกับเพื่อนบ้างแต่ไม่เมาเพราะรู้ว่ายังไงผมก็ต้องขับรถกลับอีก นิ้วผมเคาะพวงมาลัยขณะที่ฟังเพลงรักจังหวะช้าๆจากคลื่นวิทยุตอนดึก



“ ชอบเพลงนี้จัง ” พายพูดขึ้นมา เธอหันมามองผมพลางยิ้มเล็กน้อย ผมหันกลับมามองเธอและส่งยิ้มกลับ ผมหันไปมองถนนอีกครั้งเพิ่มเสียงให้จากปุ่มเพิ่มเสียงที่พวงมาลัย “ อันนี้วิทยุใช่มั้ย หรือเปิดแผ่น? ”



“ วิทยุน่ะ ” ผมตอบ ชี้ที่หน้าจอเล็กๆ มันมีเลขคลื่นวิทยุขึ้นอยู่



“ ก็ว่า ” หญิงสาวว่าเสียงกลั้วหัวเราะ ผมอดมองหน้าเธอไม่ได้ เวลาพายยิ้มมันดูน่ามอง และเวลาที่พายหัวเราะ เสียงหัวเราะของเธอฟังแล้วเหมือนออกมาจากใจและอยากจะยิ้มตาม



“ ทำไม ถ้าเป็นแผ่นจะเซอร์ไพรส์เหรอ? ”



“ นิดนึงนะ ” พายหัวเราะ “ เชาดูไม่ฟังเพลงแบบนี้อ่ะ ”



“ แล้วคิดว่าเราฟังเพลงแบบไหนล่ะ ” ผมแกล้งถามหยอดพายไปอีก “ เขาบอกว่ารสนิยมฟังเพลงจะบอกว่าเราเป็นคนนิสัยยังไงนะ พายคิดว่าเราเป็นคนยังไงล่ะ ”



“ นี่เราต้องเล่นเกมจิตวิทยาด้วยรึเปล่าเนี่ย หรือเกมทายใจแบบในเว็บ ” ถึงพายจะเบี่ยงเบนไปเรื่องอื่นแต่ท่าทางเธอไม่ได้ไม่อยากตอบคำถาม “ อืมม อย่างเชาอ่ะ เราว่าเชาต้องฟังเพลงร็อคแน่ๆ ”
ผมหัวเราะ “ แบบนี้ใครก็เดาได้ป่ะ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ฟังเพลงร็อคกันทั้งนั้น ”



“ เอ้า! หรือไม่จริงล่ะ ห้ามปฏิเสธนะว่าเชาไม่ฟัง Linking Park หรือ Maroon5 ”



“ มั่วแล้วๆ ” ผมส่ายหน้า “ ก็เคยฟัง แต่ไม่ได้ชอบขนาดนั้น เธอพูดเพราะรู้จักแค่สองวงอ่ะดิ ”



“ เปล๊า! ” พายเสียงสูง แต่สายตาเธอกึ่งค้อนกึ่งขำผม เธอตีแขนผมที่วางอยู่บนเกียร์ “ โอ๊ย.. อย่ามาล้อเลียนเราสิ ”



“ ไม่ได้ล้อเลย จริงจังสุดแล้วเนี่ย ”



“ เชื่อตายเลย ” เธอกลอกตาหนี ผมเห็นแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้



“ โอเคๆ เอาดีๆไม่เล่นแล้ว เพลงร็อคอ่ะถูก แต่เรื่องวงที่ชอบอ่ะไม่ถูกนะ ”



“ วงดนตรีมีตั้งเยอะ ใครจะไปเดาได้ ”



“ เรายังเดาเธอถูกเลย เธอชอบเพลงลุลา เรารู้ ”



พายเงียบ เม้มปากมองผมด้วยสายตาอึ้งๆ “ รู้ได้ไงอ่ะ ”



ไม่รู้ก็แปลกแล้ว.. พายแชร์เพลงศิลปินคนนี้บ้าง และก็ติดตามข่าวศิลปิน ล่าสุดเธอเพิ่งถ่ายรูปเซลฟี่กับศิลปินคนโปรดลงในอินสตาแกรมเมื่อเดือนก่อน



“ เราเก่ง ” ผมว่าและยักคิ้ว พายย่นคิ้วและมองผมแบบไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียวแต่สุดท้ายก็หลุดขำออกมา



เพลงในวิทยุจบลงและเพลงใหม่ก็ขึ้นมา มันเป็นเพลงรักอีกเพลง หลายปีแล้วแต่ถูกเรียบเรียงและร้องใหม่โดยนักร้องผู้หญิง พายยิ่งยิ้มเข้าไปใหญ่ เธอเอนหลังพิงเบาะและหลับตาฟัง ดื่มด่ำไปกับเพลงและบรรยากาศเงียบๆ ตอนกลางคืน



“ พาย ”



“ หืม ”



“ เราถามอะไรเธอหน่อยดิ ”



“ อืมฮึ ”



“ วันนี้พายโอเคเปล่า ”



พายลืมตาขึ้นมาและหันมามองผมด้วยความแปลกใจ และประหม่านิดๆ “ โอเคดิ เชา..มีอะไรรึเปล่าเนี่ย? ”



“ ถ้าเราจะชวนออกมาข้างนอกบ่อยๆ ชวนไปกินข้าว ชวนไปดูหนัง ไปนั่งรถเล่นอ่ะ พายโอเคเปล่า ” ผมเหลือบมองเธอสลับกับมองถนน แยกข้างหน้าไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงพอดีผมจึงค่อยๆชลอรถจอด



พายเริ่มมีเซนส์จับสังเกตอะไรบางอย่างได้ แววตาที่เธอมองผมมันเปลี่ยนไป ทั้งเพลงและแสงไฟกับความเงียบสงบตอนกลางคืนสร้างบรรยากาศโรแมนติก เธอยิ้มเม้มริมฝีปาก และพยักหน้า



“ โอเคดิ ”



คราวนี้ผมเอามือที่วางอยู่บนเกียร์ไปกุมมือพาย ค่อยๆจับมือและยกมือเธอมาวางบนตักของผมเอง ผมมองสบตาพายไม่หลบ จ้องตาเธอนิ่งด้วยความแน่วแน่ ผมว่าผมตัดสินใจไม่พลาด



“ แล้วถ้าเราขอเป็นแฟนอ่ะ โอเคมั้ย? ”



พายยิ้มแก้มปริ เธอมองตาผมและก็หลบสายตาด้วยท่าทางเขินอาย ...ไม่มีทางที่คำตอบของพายจะเป็นการปฏิเสธผมได้อย่างแน่นอน







นกยูง : เชาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง



ผมเปิดอ่านข้อความของนกยูงหลังจากกลับมาถึงห้องและอาบน้ำเสร็จ เธอส่งข้อความมารัวไม่หยุดจนผมต้องกดปิดการแจ้งเตือนแชทของเธอไปด้วยความรำคาญ ผมเพิ่งแยกจากพายเมื่อกี้ ผมเดินไปส่งเธอที่ห้องและก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าการจับมือเลย



นกยูง : ทำไมเชาถึงมากับพายได้



นกยูง : รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่



นกยูง : เชา อ่านข้อความเราหน่อย



นกยูง : เชา ไม่อ่านเราจะโกรธจริงๆแล้วนะ



นกยูง : ทำไมเพื่อนเราถึงบอกว่าพายเป็นแฟนเชา มันเกิดอะไรขึ้น แล้วเราล่ะเชา




ในไลน์มีทั้งข้อความและคอลล์ไลน์ที่ผมไม่ได้รับสาย การแจ้งเตือนขึ้นเป็นร้อยกว่าในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง อะไรเธอจะส่งข้อความมาได้ถี่ขนาดนี้ ไม่เบื่อบ้างรึไงวะ… ผมคิดอย่างหงุดหงิด กำลังจะกดลบบทสนทนาเพื่อเคลียร์โนติฟิเคชั่นสีแดง ข้อความใหม่จากนกยูงก็ถูกส่งมา



นกยูง : เราอยู่หน้าหอเชาแล้ว มาหาเราได้มั้ย เราจะรออยู่นี่ทั้งคืนนี่แหละ



แม่ง… ผมไม่น่ายุ่งกับเธอตั้งแต่แรกเลย ไหนไอ้บุ๊คบอกว่ากลุ่มนกยูง กลุ่มหวานหวานพวกนี้เก็บแต้มไม่ใช่รึไง ทำไมนกยูงตามติดผมแจเฉยเลยวะ



ผมหยิบโทรศัพท์ กระเป๋าตังค์และกุญแจห้องก่อนจะเดินกลับลงไปข้างล่างหออีกครั้ง เมื่อผมเปิดประตูออกมามองไปทางาลาดจอดรถผมก็เห็นรถ BMW คันเดิมของนกยูงจอดดับเครื่องอยู่ นกยูงเปิดประตูลงมาจากรถ เธอเดินมาและยิ้มเหมือนดีใจที่เจอผม



“ เชา.. ”



แต่กลับกัน ผมไม่ดีใจเท่าไหร่ที่ได้เจอนกยูง



“ จะคุยเรื่องอะไร ” ผมถามเสียงห้วน ประหยัดถ้อยคำ “ นี่ตีสองกว่าแล้ว พรุ่งนี้เรามีเรียนเจ็ดโมง เธอก็ควรรีบกลับบ้านเหมือนกัน มันดึกแล้ว ”



“ ทำไมเชาพูดแบบนี้ล่ะ เราอุตส่าห์มาหานะ เรารอยูตั้งนาน! ”



ไม่ได้บอกให้เธอมาเลย ทั้งหมดนี่เธอทำเองตัดสินใจเองทั้งนั้น ผมคิดอย่างนี้แต่ไม่อยากพูด เพราะไม่ว่าผมจะพูดหรือไม่พูด นกยูงก็มองว่าผมผิดอยู่ดี



“ โอเค เราขอโทษ ” ผมถอนหายใจ “ ขึ้นรถไป เดี๋ยวเราขับไปส่งที่คอนโดฯ ”



นกยูงมีท่าทีสดใสขึ้นมา เธอเข้ามากอดผมแน่น “ ขอบคุณนะเชา ” บอกแล้วก็ผละออกมา ส่งกุญแจรถให้ผมก่อนจะเดินกอดแขนผมไปที่รถ ผมนั่งตำแหน่งคนขับแทน สตาร์ทเครื่อง ปรับเบาะรถและพนักพิงก่อนจะขับออกไป…



สุดท้ายผมก็นั่งแท็กซี่กลับหอตอนหกโมงเช้า ไปอาบน้ำแต่งชุดนักศึกษา หยิบซองฟอยล์สี่เหลี่ยมชิ้นใหม่ในเก๊ะออกมาใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์แทนที่ชิ้นเก่าที่ถูกใช้ไปเมื่อคืน



ผมหยิบชีทวิชานอกใส่กระเป๋า หากุญแจรถมอไซค์ด้วยความเคยชินเพราะตอนเช้าอย่างนี้ถ้าเอารถไปไม่มีที่จอดแน่ แล้วผมก็ต้องชะงัก เพิ่งนึกออกว่าคิงมันใช้มอเตอร์ไซค์อยู่ผมเลยวางกุญแจเอาไว้ที่เดิม เปิดประตูออกจากห้องไปเงียบๆอย่างไม่ต้องการรบกวนคิงที่นอนหลับคลุมโปงหันหลังให้ผมอยู่บนเตียง



เห็นวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านมาผมเลยโบกเรียกและบอกเขาว่าไปที่คณะแทน และอีกสิบนาทีผมก็ถึงตึกเรียน ผมหยิบเงินจ่ายค่ารถและเดินไปหาไอ้แซค ผมเห็นมันแว่บๆอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนหน้าตึก



“ เฮ้ย! มึง...กูมีเรื่องจะบอกว่ะ.. ” ผมทักและตบไหล่เรียกไอ้แซคที่นั่งเหม่ออยู่ วางกระเป๋าบนโต๊ะและนั่งลงตรงข้ามมัน ว่าจะบอกมันเรื่องที่ผมกับพายเป็นแฟนกันแล้ว แต่เห็นท่าทางมันหงอยมึนซึมผมเลยเปลี่ยนเป็นถามมันแทน “ เฮ้ย.. เป็นอะไรวะ ”



“ เปล่า.. ” ไอ้แซคส่ายหน้า แล้วก็มองผมเหมือนกำลังชั่งใจ ท่าทางลังเล



“ เป็นอะไรมึง มีเรื่องอะไรก็บอกกูดิ ”



“ ... ”



“ ว่าไง? ”



“ มึง.. ถ้ากูบอกมึงแล้วมึงสัญญาได้ป่ะวะว่ามึงจะไม่บอกใคร ”



ผมเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าแซคมันเป็นอะไร ท่าทางมันมีลับลมคมในและก็ลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมันอัดอั้นตันใจมาจากไหนก็ไม่รู้



“ ได้ดิ มีอะไรวะ ”



“ กู… กูอกหักว่ะเชา ” น้ำเสียงหมดอาลัยตายอยาก “ คนที่กูชอบเขามีแฟนแล้ว ”



อ้าวเชี่ย… เพื่อนผมไปชอบใครตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมผมไม่รู้เลย แล้วอีกอย่างแค่เรื่องที่มันอกหักต้องเป็นความลับอะไรขนาดนี้?



“ ใครวะ ” ผมเลิกคิ้วถาม เห็นพาวเวอร์แบงค์ของแซควางอยู่บนโต๊ะก็เพิ่งนึกออกว่าแบตโทรศัพท์ผมเหลืออยู่แค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น “ เออ กูยืมหน่อยนะ ” ไอ้แซคพยักหน้าแล้วผมก็เอาโทรศัพท์มาเสียบกับสายชาร์จของมันทันที



“ คิง ”



“ หือ? ”



“ คิง วิทยาฯปี3 รูมเมทมึงอ่ะเชา... ”



“ เฮ้ย! ” ผมตกใจ ไม่อยากเชื่อว่าแซคแม่งเป็น ผมเห็นมันไม่เคยมีแฟนจนถึงปี 3 ก็คิดว่ามันแค่เป็นพวกคุยเงียบๆ ไม่เปิดเผย เพราะไม่อยากให้คนรู้เยอะซะอีก “ เดี๋ยว แล้วมึงไปรู้จักมันได้ยังไง ” มันไปคุยกันตอนไหนวะ?!



“ รู้จักผ่านเพื่อนของเพื่อนอีกที เจนนี่อ่ะ แต่มึงไม่น่ารู้จัก... ” มันว่าแล้วก็ถอนหายใจ



ผมเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มตัวเอง… แซคเดาผิด เพราะผมรู้จักเจนนี่และกลุ่มเพื่อนกลุ่มนั้น ผมเคยคุยบ้าง เจนนี่เป็นเพื่อนสนิทไม่กี่คนของคิง แต่ผมไม่ได้สนิทมาก อย่างนึงคือสมัยเรียนอยู่คนละห้อง มหาลัยก็อยู่คนละที่ และอีกเหตุผลคือผมไม่ค่อย..ว่าไงดีล่ะ.. ผมรู้สึกคุยกับเกย์ที่สาวมากๆไม่ได้ ผมไม่ได้รังเกียจหรือเหยียดอะไร แต่แค่รู้สึกว่าไม่สามารถเป็นเพื่อนที่สนิทด้วยได้ ผมมีแต่เพื่อนผู้ชาย และพอเป็นผู้หญิง.. หรือใครก็ตามที่มีความเป็นเพศหญิงมันไม่เหมือนผู้ชาย… ผมไม่สามารถสนิทด้วยแบบนั้นได้



“ กูต้องทำยังไงวะเชา คิงถึงจะหันมาชอบกู... ”



“ ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ” ผมไม่ได้ตอบคำถามเพื่อน น้ำเสียงผมนิ่งจนตัวผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ ผมอยากรู้ว่าแซคมันไปรู้จักคิงตั้งแต่เมื่อไหร่และนานแค่ไหนแล้ว ผมไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตัวเองอย่างไร มันตื้อ มึนตึง และชาๆ ชั่ววูบหนึ่งที่ผมอยากกระชากคอแซคมาถามว่ามันมีอะไรกันหรือยัง แต่คิดอีกที… ผมว่าผมรู้คำตอบอยู่แล้ว



“ ก่อนปีใหม่ว่ะ ” มันพูดเสียงค่อย “ แต่ถ้ามึงจะถามว่ากูเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่… กูเป็นของกูตั้งนานแล้ว แต่กูไม่กล้าเปิด ที่บ้านกูเคร่ง.. แล้วไอ้เชี่ยขวัญแม่งยังเกลียดเกย์อีก.. แต่ช่างแม่งไปเหอะ ป่านนี้แม่งไม่นับเราเป็นเพื่อนแล้วมั้ง ”



ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร ยื่นมือไปตบไหล่มันและออกแรงบีบให้มันรู้ว่าอย่างไรซะผมก็อยู่กับมัน ไอ้แซคมันระบายเรื่องที่มันอัดอั้นในใจออกมา ผมตัดสินใจไม่เข้าเรียน ไลน์บอกกลุ่มสาวๆให้เช็คชื่อให้ผมและแซคก่อนจะจุดบุหรี่ดูด ปกติแซคมันไม่ดูดแต่คราวนี้มันกลับขอ ผมเลยยื่นมวนของตัวเองให้ มันคีบบุหรี่มือสั่น...



“ เชี่ยเอ๊ย.. ” ผมสบถ สงสารเพื่อนอย่างบอกไม่ถูก มันชอบผิดคนจริงๆ เพราะตั้งแต่ผมรู้จักคิงมา ถ้ามันบอกว่าไม่ก็คือไม่… และใครก็บังคับหรือทำให้มันเปลี่ยนใจไม่ได้



========================

ขอแจ้งว่ามีแผนรีไรท์ค่ะ สำนวนการเขียนหลุดลุ่ย ล้มระเนระนาด ปะติดปะต่อกับของเดิมยากพอสมควรเลย (แต่พล็อตยังเหมือนเดิมนะคะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่ะ) เราทะยอยรีไรท์แล้วและลงบางส่วนไว้ในเด็กดีด้วย ชื่อเรื่องเดิมเลยค่ะ สามารถติดตามได้อีกช่องทางนะคะ ยังไงก็... จะมาต่อให้จบแน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 4 (27/06/17)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-06-2017 10:43:49
ชอบมากเรื่องนี้
ดีใจได้อ่านต่อแล้ว

จะรออ่านต่อนะ
หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 5 (18/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 18-08-2017 23:50:55
ตอนที่ 5
อีโก้




วันนี้ผมมารับพายที่คณะนิเทศฯ ของเธอ พายนั่งอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิมที่นินทาและด่าว่าเธอสาดเสียเทเสียเมื่อตอนนั้น บิ๋ม เพื่อนสนิทพายที่ไม่ออกตัวปกป้องพายโบกมือให้พาย และพายก็โบกมือตอบก่อนจะปิดประตูรถ



“ อ้าว ดีกันแล้วเหรอ ” ผมถามขึ้นทันทีที่พายเข้ามาในรถ



“ ประมาณนั้น ” เธอยักไหล่ “ บิ๋มกับคนอื่นๆขอโทษเราแล้ว เราก็ไม่รู้จะโกรธไปทำไม ”



“ เธอใจดีไปรึเปล่า ถ้าเป็นเราคงไม่มองหน้าแล้วอ่ะ ” กับผมเรื่องไม่จบง่ายๆแค่นี้แน่ ผมรู้สึกโกรธแทนพายอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเธอดีแบบนี้ ยิ่งไม่สมควรเจออะไรแย่ๆแบบนั้น “ เพื่อนกันไม่ทำอย่างงี้หรอกนะพาย ”



“ เรารู้.. ” พายถอนหายใจ เธอหันมามองผมที่ชักสีหน้าหงุดหงิดออกมาเรื่อยๆแล้วก็ยิ้ม พายยื่นมือมาจับมือผม ใช้เสียงอ่อนทำให้อารมณ์ที่กำลังจะเดือดดาลของผมเย็นลง “ แต่ยังไงนั่นก็เพื่อนเรา และเราก็หายโกรธพวกมันแล้ว เราไม่พูดเรื่องนี้กันได้มั้ย? ”



พายยิ้มแล้วทำเสียงอ้อนจนผมต้องหัวเราะออกมา และไม่นานผมก็สามารถปล่อยผ่านเรื่องที่เกิดขึ้นไปได้ ยิ่งผมรู้จักพายผมยิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนใจเย็นและก็มีเหตุผล ไม่งี่เง่า



คราวนี้ผมว่าผมคิดถูกจริงๆที่ขอเธอเป็นแฟน



ผมพาพายไปกินข้าวและตามด้วยดูหนัง ผมเช็คโทรศัพท์ระหว่างเดินออกมาจากร้านอาหารไก่ทอดกรอบแบบเกาหลีที่พายชอบ มันทำให้ผมนึกถึงคนเกาหลีตัวจริงที่บอกว่าอาหารประเทศตัวเองไม่อร่อย (หรือที่ไอ้คิงเคยพูด มันว่าจืดชืดและไร้รสชาติเหมือนๆกันหมด คิงมันชอบอาหารไทย และที่มันชอบที่สุดคืออาหารไทยฝีมือมัม) ไอ้คิงไลน์มาหาผม และมีสองสายที่ผมไม่ได้รับ



คิง: มึงอยู่ไหน
คิง: แลกรถกับกู เดี๋ยวเอากุญแจเข้าไปให้
คิง: มึงอยู่คณะป่ะเนี่ย
คิง: Kเชา




และข้อความล่าสุดนั้นส่งมาเมื่อ 10 นาทีก่อนขณะที่ผมยังกินข้าวอยู่ ผมปล่อยมือพายที่จับกันอยู่ออก ใช้มือทั้งสองข้างพิมพ์คุยกับไอ้คิงให้รู้เรื่อง



ผม: อะไรของมึง
ผม: กูไม่อยู่ ออกมาดูหนัง
ผม: มึงจะเอารถไปทำไม




ข้อความของผมขึ้นว่าอ่านแล้วทันที ไอ้คิงไม่ตอบ มันโทรมาแทน



“ เธอเข้าโรงหนังก่อนเลย เดี๋ยวตามเข้าไป ” ผมบอกพาย



พายเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็ไม่ว่าอะไร เธอหยิบตั๋วหนังออกมาและฉีกหนึ่งใบส่งให้ผม ก่อนจะเดินเข้าโรงหนังคนเดียวอย่างไม่มีปัญหา พอเธอเดินไปแล้วผมถึงค่อยรับโทรศัพท์คิง



“ เออ ว่าไง ”



“ มึงอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวกูเอากุญแจมอไซค์เข้าไปแลก ”



“ ตอนนี้เลยเหรอ?” ผมว่า “ ตอนนี้ไม่ได้ กูมากับพาย ได้มอไซค์มากูจะไปส่งเขายังไง ”



“ ทำไม เมียมึงเป็นง่อยนั่งมอเตอร์ไซค์ไม่ได้รึไง?”



“ ไอ้สัส อย่าลามปาม ” ผมโมโห ผมหงุดหงิดทุกครั้งที่ไอ้คิงมันขึ้นเสียงใส่ ยิ่งมันว่าพายแบบนี้ผมยิ่งไม่ชอบใจ ปกติไอ้คิงมันมีลิมิต ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้มันไม่ชอบใจได้ถึงขนาดนี้



“ มึงเป็นเหี้ยอะไร ทำไมถึงจะเอารถขึ้นมา ”



มันก็ใช้มอเตอร์ไซค์ผมอยู่ ท่าทางมันชอบด้วย ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่มันต้องเอารถคืนไป



“ ... ” มันเงียบไปอึดใจหนึ่ง ผมคิดว่าประโยคถัดมาที่คิงพูดจะเป็นคำด่า แต่เปล่า “ กูจะไปหามัม จะได้พามัมออกไปกินข้าว ”



“ อ่อ ” จะว่าไปผมก็ไม่ได้กลับบ้านหลายอาทิตย์แล้วเหมือนกัน แต่ถ้าให้ผมกลับตอนนี้ผมคงยังไปด้วยไม่ได้ ไว้ผมค่อยไปวันอื่นก็แล้วกัน “ เออ ก็ได้ มึงมาเอาดิ ”



“ กูถึงหน้าโรงหนังแล้วกูไลน์หามึงอีกที... ” คิงพูดสั้นๆแล้วมันก็วางสายไป



ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและเดินเข้าไปหาพายในโรง พายกำลังนั่งกินป็อปคอร์นหัวเราะคิกคักกับตัวอย่างหนังรักโรแมนติกที่ฉายอยู่ก่อนหนังเริ่ม ผมยิ้มออกมา นั่งลงข้างๆแล้วเอนหัวซบไหล่เธอ พายเหลือบสายตามามองผมเล็กน้อย เธอแกล้งยื่นแก้วน้ำมาให้หลอดทิ่มปากผม



“ โอ๊ย! ” ผมแกล้งร้อง พายตกใจ หันมากระซิบขอโทษผมใหญ่ แต่พอเธอเห็นผมหลุดยิ้มขำเธอก็้ตีแขนผมแทน



“ เชา…” เธอดุเสียงขุ่น เวลาพายทำหน้าเง้างอนแล้วดูน่ารักจนผมอดยิ้มไม่ได้ พอเธอจะโวยวายออกมาอีกผมก็รีบเอามือจุ๊ปาก



“ อย่าเอ็ดไปสิเธอ คนอื่นดูหนังอยู่…” และพอผมพูดกระซิบไปแบบนั้นผมก็ได้สายตาเคืองแกมหมั่นไส้มาจากพาย เธอตีแขนผมอีกครั้งไม่แรงนักเหมือนจะบอกว่าฝากไว้ก่อน และเราทั้งคู่ก็ลุกยืนเมื่อเพลงสรรเสริญฯดังขึ้น



โทรศัพท์ผมสั่นอยู่ในกางเกงระหว่างที่หนังฉายไปได้สิบกว่านาที ผมล้วงหยิบมันออกมาและก็เห็นเบอร์ไอ้คิงที่โทรเข้ามา ไม่กี่วินาทีมันก็ตัดสาย คงแค่ยิงมาเฉยๆ “ เธอ เดี๋ยวเรามานะ.. ” ผมบอกพายและก็ค่อยๆเดินออกมา



พอผมเดินออกมาถึงหน้าโรงแล้วผมก็มองหาคิง แต่ไม่มีวี่แววของมันรออยู่ ผมเลยโทรฯหามันแทน เสียงสัญญาณดังสองครั้งและก็มีคนรับสาย



“ ฮัลโหล ”



ซึ่งไม่ใช่คิง



“ …”



“ คิงไปเข้าห้องน้ำ ฝากโทรศัพท์ไว้กับเรา นายออกมาหน้าโรงหนังแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวเราเดินไปหา ”



ผมเงียบไปชั่วครู่ เอ่ยตอบภัทร “ อืม เรายืนอยู่ข้างหน้าเลย ” และผมก็วางสาย



ความรู้สึกหงุดหงิดเกิดขึ้นมาอีกครั้ง



ผมหมั่นไส้ไอ้ภัทรตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า และค่อยๆ สะสมมากขึ้นกลายเป็นไม่ชอบหลังจากที่ตอนนั้นมันทำไอ้คิงเสียศูนย์ ยิ่งมันกลับมา...เหมือนกับตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ไอ้คิงก็ไม่เข็ด ไม่โกรธ ไม่หือไม่อืออะไรใดๆทั้งสิ้น ยอมภัทรหมด มันทำให้ผมโมโหไอ้เหี้ยนี่มาก...โมโหจนถ้าเห็นหน้ามันผมอยากจะเข้าไปชกมัน...หลายๆ ครั้ง ให้สาสมกับที่มันเคยทำไว้



ผู้ชายตัวสูงโย่งมีลักยิ้มเดินเข้ามา มันผงกหัวและยิ้มให้ผมเล็กน้อย “ หวัดดีเชา ” เป็นรอยยิ้มที่ผมเห็นแล้วไม่เคยชอบใจสักครั้ง และผมยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเสื้อการ์ดที่ผมสวมเวลาขี่มอเตอร์ไซค์และไอ้คิงยืมใช้พาดอยู่บนแขนมัน



ผมไม่เข้าใจว่าภัทรมันมีดีอะไร คิงมันถึงเฮิร์ทได้ขนาดนั้นตอนที่เลิกกัน และยังกล้าพาตัวเองกลับไปคบกับมัน กลับไปสู่จุดเดิมทั้งที่ไอ้เหี้ยนี่เคยทำให้มันเจ็บขนาดนั้น



สำหรับผม ภัทรแค่หน้าตาดีปานกลาง เทสต์เสื้อผ้าพอใช้ และดูติ๋มเกินกว่าที่จะเป็นแฟนคิง ผมเชื่อว่าเพื่อนผมสามารถหาแฟนได้ดีกว่านี้มาก…



“ นี่กุญแจ ” ผมพูดสั้นๆ หยิบกุญแจจากในกระเป๋ากางเกงส่งให้



“ ขอบใจ นี่ของนาย คิงฝากเราไว้แล้ว ” มันว่า ส่งเสื้อการ์ดกับกุญแจรถมอเตอร์ไซค์คืนมา “ หมวกกันน็อกเราฝากไว้ที่รับฝากของชั้นซูเปอร์นะ ส่วนป้ายฝากของอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ”



ผมพยักหน้ารับ เปิดกระเป๋าเสื้อและล้วงหยิบป้ายฝากของออกมาเช็คว่ามันอยู่ในนั้นจริงอย่างที่ไอ้ภัทรว่า ผมไม่มองหน้ามัน จนกระทั่งมันพูดขึ้น



“ นายมีอะไรกับเรารึเปล่าเชา ” น้ำเสียงของมันไม่ได้หงุดหงิดหรือกวนตีน และพอผมเงยหน้ามองมันกลับไป แววตาของไอ้เหี้ยนี่...ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความสงสัย



“ เปล่านี่..” ผมว่า และแปลกใจพอควรที่มันกล้าถาม ภัทรมันดูน่าจะเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบมีปัญหากับใครมากกว่าถามอะไรตรงๆอย่างนี้



“ นายไม่ชอบเรา ” มันพูดและเว้นวรรค “ ถ้าเราทำอะไรให้นายไม่ชอบ เราขอโทษ ”



ผมขบฟันและกำมือแน่นขึ้น ความหมั่นไส้ในตัวมันเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าทวีคูณ มันพูดเหมือนตัวเองเป็นคนดี เหมือนกำลังเล่นบทพระเอกอยู่



“ มึงไม่ต้องเป็นคนดีก็ได้ ไอ้เหี้ยคิงไม่ได้อยู่ตรงนี้ ”



ทั้งที่ไม่มีเหตุผลอะไรที่มันต้องสนใจว่าผมคิดอย่างไรกับมัน ในเมื่อมันเองก็ไม่ได้มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกับผม… ได้ยินคำขอโทษแบบนี้แล้วผมอยากจะอ้วก



ภัทรชะงักไปเล็กน้อย มันมองผมด้วยสายตาที่ผมเห็นแล้วอยากเข้าไปชกมันสักหมัด เหมือนกับผมเป็นคนที่กำลังเข้าใจมันผิดและมันเห็นใจผม แต่ก่อนที่ผมจะเข้าไปกระชากคอเสื้อมันเข้าจริงๆไอ้คิงก็เดินมาทางนี้ ผมพ่นลมหายใจและเบนสายตาไปมองเพื่อนตัวเองที่ไม่เห็นหน้าและไม่ได้รับข้อความอะไรจากมันทั้งสิ้นเกือบอาทิตย์



ไอ้คิงหน้าบึ้ง มันคงยังโกรธผมอยู่ แต่อย่างน้อยมันก็ยังทัก แปลว่ามันไม่ได้โกรธผมขนาดนั้นแล้ว



“ ได้กุญแจยัง ” มันถาม



“ อื้อ ได้แล้ว ” ผมตอบมัน ชูกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ให้ดู



“ จะไปหามัมเหรอ ” ผมถามต่อ มองมันและมองภัทร “ สองคน?”



ไอ้คิงเม้มริมฝีปาก แต่ก็พยักหย้ารับแทนคำตอบ ผมแปลกใจและจุกอย่างบอกไม่ถูก คิงมันจะเปิด มันจะพาภัทรไปเจอกับมัม…



ไม่ได้… นั่น ‘ครองครัว’ ผม ไอ้ภัทรไม่มีสิทธิ์ไปรู้จัก



“ มึงจะบอกมัมเหรอ ”



คิงลังเล ผมรู้ได้ในทันทีว่ามันเองก็ไม่มั่นใจว่าควรจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะมันเองก็รู้ว่าปฏิกิริยามัมจะเป็นยังไง



“ มัมรับไม่ได้หรอก ”



“ …”



“ มึงก็รู้ว่ามัมไม่ยอมรับเรื่องนี้ ”



ผมรู้จักมัมมากพอๆกับคิง มัมเป็นเหมือนแม่ของเราทั้งคู่ และคิงเองก็รู้ว่าต่อให้มัมเป็นคนมีเหตุผลมากแค่ไหน… ‘เรื่องนี้’ ไม่ใช่เรื่องที่มัมยอมรับได้



มัมเป็นคนมีเหตุผล และเปิดกว้างพอสมควร แต่กรอบจารีตประเพณีบางอย่างที่มัมยึดถือยังมองว่าผู้หญิงก็ควรจะคู่กับผู้ชาย… มัมไม่ได้รังเกียจเพศที่ 3 แต่มัมก็คงไม่ยินดี ถ้าเกิดมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว



สำหรับผม… เริ่มที่ความอยากลอง แต่ผมรู้ว่าสุดท้ายแล้วผมก็ชอบผู้หญิงอยู่ดี…



ขณะที่คิงกลับตรงกันข้าม มันไม่เคยชอบผู้หญิง






ค่ำวันเดียวกันนั้น นกยูงส่งข้อความมา สรรพนามที่นกยูงใช้เรียกผมเปลี่ยนไปหลังจากที่เธอคิดไปเองว่าผมคบกับเธอ


นกยูง: ยูไปดูหนังกัน เราอยากดูเรื่องนี้
นกยูง: (ส่งรูปแล้ว)
นกยูง: นะๆๆ เดี๋ยวเราซื้อตั๋ว




หนังที่นกยูงส่งมาคือหนังแนวผู้หญิง โรแมนติก-คอมเมดี้รอบดึก ผมเพิ่งเปิดอ่ายข้อความนกยูงหลังจากเดินไปส่งพายที่ห้องผมยังไม่ได้ตอบตกลง ไม่อยากไปเจอนกยูงเท่าไหร่



ผมลองใช้วิธีไม่พูด ไม่คุย ไม่ทัก นานๆตอบที ตอบครั้งละสั้นๆ และผมไม่เคยพูดกับนกยูงด้วยซ้ำว่าเราเป็นอะไรกัน… ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอยังไม่เก็ทสักที



ผมไม่อยากพูดตรงๆ เพราะมันก็จะเหี้ย… ไม่ต่างจากตอนเคลียร์กับน้องฟิว



แต่ถ้านกยูงยังไม่รู้ตัว ผมก็คงเลี่ยงไม่ได้



ผม: เราไม่ว่างอ่ะ
ผม:โทษทีนะ



นกยูง: อ้าววว ทำไมล่ะ



ผม: ปวดหัว
ผม: อยากนอน



นกยูง: แล้วยูเป็นอะไรมากมั้ย เดี๋ยวเราเข้าไปหา
นกยูง: ยูอยากกินอะไร เราซื้อข้าวซื้อยาเข้าไปให้



ผม: ไม่ต้องหรอก รูมเมทอยู่ มันไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวาย



นกยูง: อ้าวเหรอ… แย่จัง งี้เราก็ต้องดูหนังคนเดียวน่ะสิ
นกยูง: เราซื้อตั๋วแล้วด้วยเนี่ย ทำไงดี




อย่าโง่ได้มั้ยวะ เธอก็ชวนโอเว่น... มันตามจีบนกยูงอยู่ ท่าทางมันทำให้นกยูงได้ทุกอย่าง ไปดูหนังแค่นี้ทำไมมันจะไปให้ไม่ได้… ผมอยากบอกกับเธอตรงๆ แต่ก็ไม่ทำ เพราะรู้ว่าเธอแค่พูดไปอย่างนั้นเพราะอยากให้ผมไปด้วย นกยูงเริ่มทำตัวน่ารำคาญ.. เหมือนน้องฟิวไม่มีผิด



ผม: โทษที ปวดหัวอยากนอนจริงๆ
ผม: เราไปนอนก่อนนะ เริ่มง่วง
ผม: สงสัยยาออกฤทธิ์




ผมตัดสินใจโกหกเพื่อตัดบท นกยูงจะได้ไม่มาวุ่นวาย เธอพิมพ์อะไรต่อมาอีกผมก็ไม่มั่นใจ เพราะผมเปิดโหมดบล็อกเบอร์ ไปอาบน้ำแล้วนอนแม่ง






ตอนดึกๆผมได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง ผมงัวเงียสะลึมสะลือ



“ คิง เดินดีๆหน่อย ห้องน้ำอยู่ทางนี้… ”



ไฟห้องน้ำถูกเปิด แสงไฟลอดออกมา ไม่มากพอให้สว่างโร่แต่ก็เห็นเป็นเงาคนรางๆ ภัทรจับแขนคิงพาดบ่า มันพูดบอกกับเพื่อนผมที่เมาเละอย่างใจเย็น



“ อย่าเพิ่ง.. อดทน... ” มันยังไม่ทันพูดจบประโยคผมก็ได้ยินเสียงอ้วกเต็มสองหู ไอ้คิงคงอ้วกใส่ตัวมันไปเต็มๆ



ที่จริงคิงมันเป็นคนเมาที่ว่าง่าย เสียแต่ว่าถ้ามันอยากจะอ้วก มันก็อ้วกโดยไม่ดูว่าข้างหน้าเป็นคน, พื้น, โถส้วม, หรือกระถางต้นไม้ ผมไม่เคยโดนมันอ้วกใส่และก็ไม่อยากโดนด้วยเช่นกัน แม่งสกปรกจะตาย..



“ เลอะเต็มๆไหวมั้ยเนี่ย ”



“ อือ... ” เสียงไอ้คิงตอบ มันบ้วนน้ำลาย “ กูจะอาบน้ำ มึงไปรอข้างนอกดิ๊ ”



“ โอเค แน่นะว่าไหว ”



“ เออ ”



ไอ้ภัทรเปิดประตูห้องน้ำออกมา มันไม่ได้ใส่เสื้อ คงโดนไอ้คิงอ้วกใส่เมื่อกี้มันเลยถอดออก และเมื่อมันเห็นผมนั่งมองอยู่มืดๆบนเตียงมันก็ชะงักไป “ โทษที ทำให้ตื่นเหรอ? ”



“ เปล่า ” ผมพูดช้าๆ เสียงแหบเพราะเพิ่งตื่น “ ตื่นอยู่แล้ว เปิดไฟดิ ”



มันพยักหน้า เอื้อมมือไปที่สวิทช์ไฟและกดเปิดก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าซึ่งมีทั้งเสื้อของผมและคิงอยู่ในนั้น มันเปิดตู้ หยิบเสื้อยืดลายน่าเกลียดที่คิงเอาไว้ใส่นอนเท่านั้นออกมาสวม มันหยิบเสื้อกับกางเกงขาสั้นจากในตู้เช่นกัน ทั้งหมดนั่นมันรู้ได้ยังไงตัวไหนเป็นของคิง ตัวไหนเป็นของผม… เพราะเสื้อผ้าผมกับคิงใส่ตู้เดียวกัน และไซส์ใกล้เคียงกัน



ได้ของแล้วมันก็ปิดตู้ ไปยืนรอคิงหน้าห้องน้ำ ผมส่ายหน้า ไม่อยากสนใจพวกมันทั้งคู่ หยิบบุหรี่กับไฟแช็คไปจุดดูดที่ระเบียงคนเดียว ผมไม่อยากรู้สึกหงุดหงิดมากไปกว่านี้ เห็นแล้วมันขัดตาขัดใจไปหมด



“ มึงอิจฉาภัทรเหรอวะ ”



คิงมันเคยพูดเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่มันยังคบกับภัทรอยู่ครั้งก่อน ช่วงนั้นผมทะเลาะกับมันบ่อยไม่ต่างจากตอนนี้เลย และมันก็เริ่มดีขึ้นหลังจากผมคบน้องฟิว ผมรู้สึกสบายใจขึ้นหลังจากมีใคร ความสนใจผมไม่ได้ไปจดจ่ออยู่ที่คิง



“ ทำไมกูต้องอิจฉามันวะ? ” นั่นเป็นสิ่งที่ผมถามกลับไป หน้าชา ทั้งโกรธและก็ไม่เข้าใจ



“ มึงคิดว่ากูด้อยกว่าเหรอ ” ตอนนั้นผมเดินเข้าไปผลักไหล่มัน



“ เพราะมึงคิดว่ากูยังชอบมึงอยู่เหรอคิง ” ผมผลักไหล่มันอีก คราวนี้แรงกว่าเดิมจนคิงมันถอยหลังไปสองก้าว “ เข้าข้างตัวเองไปรึเปล่า? ”



ไอ้คิงอึ้ง มันเงียบไม่ตอบโต้ เพราะมันไม่คิดว่าผมจะพูดความจริงข้อนี้ออกมา ความจริงที่ว่าผมเคยชอบมัน และเราไม่พูดเรื่องนี้กันมาเป็นปีๆแล้ว



“ เพราะมึงปฏิเสธกู แต่มึงไม่ปฏิเสธมัน มึงเลยคิดว่ากูจะคิดว่ากูด้อยกว่ามันเหรอวะ? ”



“ ... ”



“ ตลกแล้วคิง มึงพูดเหมือนมึงไม่รู้จักกู ”




ผมไม่เคยรู้สึกด้อยกว่าคนอื่น ไม่เคยรู้สึกไม่ภาคภูมิใจในตัวเอง ความมั่นใจของผมมันมากจนเรียกได้ว่าเป็นอีโก้ ซึ่งสำหรับผม ‘อีโก้’ ไม่ใช่สิ่งไม่ดี มันเป็นสิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ผมทำอะไรมากขึ้น ให้ผมชอบการแข่งขัน ชอบอยู่ตรงกลางและมีเพื่อนรายล้อมรอบตัว อีโก้หรือความภาคภูมิใจในตัวเองนี้ทำให้ผมตัวใหญ่ขึ้นโดยที่ไม่ต้องไปกดขี่หรือข่มเหงใครที่ไหน



ครอบครัวผมพร้อมในแบบของผม มัมรักและดูแลผมได้ดีที่สุดจนผมไม่รู้สึกว่าการที่ป้าเป็นคนเลี้ยงดูมาและไม่มีพ่อแม่จะทำให้ผมรู้สึกขาด ผมไม่ได้ขัดสนหรือเดือดร้อนเรื่องเงิน…ผมไม่เคยลำบาก ผมชอบเล่นกีฬา และการเรียนผมก็ไม่ได้ห่วยเลย มันค่อนไปทางดีด้วยซ้ำ



ผมดูดบุหรี่เข้าไปเต็มปอดและปล่อยมันออกมาช้าๆ



“ ถ้าขนาดกูยังไม่รู้จักมึงอีกงั้นก็คงไม่มีใครแล้วล่ะเชา ”



คำพูดคิงเคยทำให้ผมจุกแค่ไหน ตอนนี้มันก็ยังเป็นอย่างนั้น… มันเคยเห็นทุกด้านในตัวผมแม้กระทั่งด้านที่แย่ที่สุดแม้แต่ผมเองก็ไม่อยากยอมรับ



“ มึงก็ยังเป็นมึง… มึงไม่เคยสนใจว่าใครจะคิดกับมึงยังไง ถ้ามึงพอใจจะทำ มึงก็จะทำ... ”



ผ่านมาแล้วเป็นปี แต่ผมยังจำทุกคำพูดของคิงได้แม่น ผมไม่เคยลืมความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนั้น



“ แต่ภัทรมันไม่ใช่ไง มันให้กู… ก่อนที่จะให้ตัวเอง... ”



ผมจุกจนพูดไม่ออก ชาทั้งใบหน้าและปลายนิ้ว ความรู้สึกผมเหมือนถูกทรยศโดยคนที่เรารักและไว้ใจ คิงมันไม่เคยรู้...ว่าคำพูดที่ตรงเกินไปของมันทำร้ายความรู้สึกผมแค่ไหน ผมแค่ไม่แสดงออก และแสดงกิริยาอย่างอื่นกลบเกลื่อนออกไป



ซึ่งสิ่งที่ผมเลือกทำก็คือการทำร้ายจิตใจมันกลับ ผมแค่นยิ้ม ผมต้องการเยาะเย้ย ต้องการถากถาง ยั่วให้มันโกรธ ให้มันโมโห



“ มึงบอกมันทำอะไรให้มึง แล้วมึงอ่ะ เคยทำอะไรให้ใครก่อนบ้างหรือเปล่า? เคยสนใจความรู้สึกคนอื่นจริงๆมั้ย ”



ผมรู้สึกเหมือนกำชัยชนะเอาไว้ในมือ สีหน้าไอ้คิงแย่ลง



“ มึงไม่เคยหรอกคิง… มึงก็เหมือนกูนี่แหละ ไม่ได้ต่างจากกูเลย ”



แววตามันแสดงความรู้สึกออกมามากเกินกว่าที่ผมต้องการ ผมควรจะพอแค่นี้… แต่อะไรบางอย่างข้างในตัวผมไม่หยุด มันยังทำต่อไปเรื่อยๆ



“ กูจะคอยดูว่าภัทรมันจะทนทำให้มึงได้มากแค่ไหน ”



ในตอนนั้นผมพูดออกไปด้วยแรงอารมณ์ ผมสะใจ พอใจที่ทำให้คิงรู้สึกแย่โดยที่ผมคิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นผมจะรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน ผมได้เห็นคิงอกหักครั้งแรกในชีวิต และมันรุนแรงอย่างที่ผมคาดไม่ถึงมาก่อน…



คิดว่าอย่างมันจะเข็ด ไม่กลับไปคบกับไอ้ภัทรอีก



คิงมันไม่ใช่คนโง่ มันห่างไกลคำว่าโรแมนติกและบูชาความรักแบบคนทั่วไป...



แต่ในตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้ว… คิงมันเริ่ม ‘รู้สึก’ หรือเป็นผมที่ ‘หยาบกระด้าง’ เกินไป



ถ้าการที่ไอ้ภัทรเป็นคนดีคือคำตอบของคิง แล้วทำไมการที่น้องฟิว ซึ่งก็เป็นคนดีมากพอๆกันถึงไม่ใช่คำตอบสำหรับผม? น้องยอมผมทุกอย่าง ทุ่มเทให้กับผมเต็มที่ และยังรักถึงผมจะทำตัวเหี้ยกับเขามากแค่ไหนก็ตาม...






-----------------------------------------------------------

ครุ่นคิดหน่อยก็ดีนะนาย...  :beat:

ตอนนี้ก็จะได้เห็นความคิดเชามากขึ้นนะคะ หวังว่าเราจะถ่ายทอดออกมาได้ ระบบความคิดมันซับซ้อนน่ะค่ะ จริงๆเป็นคนอ่อนแอแต่ต้องเข้มแข็ง ต้องหยาบแต่ลึกๆก็ต้องอ่อนไหวเหมือนกัน พอกำลังจะรู้เท่าทันความคิดตัวเอง อีโก้/อัตตาสูงปรี๊ดก็จะทำงานและปกป้องตัวเอง พอเริ่มจะคิดหาคำตอบ ความ 'ช่างแม่ง' ก็จะเกิดขึ้น(เพราะลึกๆกลัวคำตอบนั่นแหละค่ะ) เขียนให้รู้หมดก็ไม่ได้อีก เพราะเล่าจากสรรพนามบุรุษที่1 :katai1:

เช่นเดิมนะคะ ขอบคุณทุกการติดตาม และขอบคุณคนอ่านขาประจำที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหนค่ะ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 5 (18/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 20-08-2017 23:35:09
เพราะเมิงมัน "เหี้ย" ไง..เชา

"กูจะคอยดูว่าพายเค้าจะทนกับคนอย่างเมิงได้นานแค่ไหน"
หึหึ

อ่านไปอยากจะอ้วกใส่ไอ่เชาไป
แม่ง..ขยะแขยง สัดๆ
หัวข้อ: Re: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 5 (18/08/17)
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 22-08-2017 10:13:25
อ่านแล้วอึดอัด สงสารฟิว แต่ชื่นชมคนแต่งที่ตัวละครมีมิติมาก