.....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 5 (18/08/17)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 5 (18/08/17)  (อ่าน 40139 ครั้ง)

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
คนมันไม่รักแล้ว ทำยังไงก็ไม่รัก ยิ่งคอยตามตื้ออีกฝ่ายก็ยิ่งติดลบ
ตัดใจเถอะฟิว เพื่อตัวเอง ตื้อไปก็เจ็บ ช่างเชามัน

เข้าใจอารมณ์ทั้งเชาทั้งฟิวเลย

อยากรู้ใครมันปั่นกระแส

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เชามีสันดานเหมือนกับหมา
ในนิทานอิสป เรื่องหมากับเงา

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ความโลภมากอยากได้ทุกสิ่ง…จะทำให้สูญเสียทุกสิ่งไป”

และผู้ที่อยากได้ในสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับตน สมควรที่จะสูญเสียสิ่งที่ตนมีอยู่
หรือสุภาษิตไทย “โลภมาก ลาภหาย” นั่นเอง

หุหุ
ไอ่หมาเชา

ออฟไลน์ Mom2maM

  • DRaMa ADdiCTeD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-9
อ่านตอนล่าสุด ดูท่าว่าเชาจะไม่อะไรกับน้องฟิวแล้วล่ะ ฟิวคงกลายเป็นคนอื่นแล้วจริงๆ

แถมยิ่งกลับไปอ่านบทนำอีกรอบ ตาเชายังใช้คำว่า "แฟน" เรียกได้เต็มปาก มันยิ่งจื๊ดว่ะ

หมดรักมันไม่ผิด เพราะมันเป็นความรู้สึก มันคืออารมณ์
แต่มันผิดตรงที่การจัดการอารมณ์ของตัวเอง
นี่เล่นตัดความสนใจออก ปล่อยฟิวไว้ ไม่บอกไปว่าหมดใจให้กัน
อีกฝ่ายมันเจ็บนะเฟ้ย

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ไม่ผิดและไม่แปลกกับสิ่งที่ฟิวทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร เพราะคนที่รักและจมไปกับห้วงความรู้สึกนั้นมันมักจะขาดสติยั่งคิดในสิ่งที่ควรและไม่ควรจะทำได้อยู่แล้ว

ส่วนเชา เชาไม่เคยรักฟิวเลย ยิ่งประโยคที่บอกว่าลองคบฟิวเพราะเบื่อและรำคาญนิสัยแบบผู้หญิง มันยิ่งชี้ชัดว่าตั้งแต่ต้นเชาไม่เคยรักฟิวเลย มันเป็นแค่ความอยากรู้อยากลองเท่านั้น และอย่างที่ผมเคยบอก ยิ่งมีพายมาเป็นตัวเปรียบเทียบ ฟิวยิ่งหมดทางสู้เลย

ความรู้สึกของเชาผมมองว่ามันเป็นความรู้สึกที่มันเกินเลยกับคิงนะ ไม่แน่ชัดว่าในแง่มุมไหน อาจจะเป็นแค่แง่มุมของคนที่เคยเป็นที่หนึ่งของเพื่อนที่สนิทกันมากๆ คนคุ้นเคยกัน ซึ่งพอมาวันนี้มันเปลี่ยนไป เชาเลยสับสนและหลุดไปกับเรื่องนี้มาก (มากกว่าฟิว เพราะเชาพูดถึงคิงมากกว่า)

อีกเรื่องนึงนะครับ คนเขียนแสดงนิสัยการแสดงความคิดเห็นบนโลกโซเชียลได้ดีครับ ขอชมเลย


ออฟไลน์ naamsomm

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
อ่านรวดเดียวจนตามทัน
เชาแม่งเลวจริง
เลวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ดีแล้วที่คิดได้ว่าหมดรัก
เลิกกันไปเลยค่ะ
จะได้จบๆกันซะที
น้องฟิว จะได้หลุดพ้น
#ขอโทษที่อินไปนิดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ armchair2535

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-2
ห้ามได้คู่กันเด็ดขาด  นี่เกลียดพระเอกมากกกก   ถ้าตอนจบให้คู่กันจะเกลียดนิยายเรื่องนี้มาก    ฟิวต้องเข้มแข็งนะ  กับผู้ชายพรรค์นี้คิดสะว่ามันเป็นเชื้อโรคก็พอ!!!!!!

ออฟไลน์ cherilnatcha

  • การเดินทางของความคิด. ชาร์ลี (c)
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
17
ไม่รักกันแล้วเหรอ




' พี่เชาเป็นคนตั้งกระทู้อันนี้จริงเหรอคับ '


ผมกดพิมพ์ข้อความพร้อมกับแนบลิงค์เว็บแคชของกระทู้นั้นไปให้พี่เชาด้วยมืออันสั่นเทา กัดริมฝีปากตัวเองและพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลซึมออกมาอีกรอบด้วยความเสียใจ


ข้อความของผมไม่ได้ขึ้นว่า ' อ่าน ' แต่ผมคิดว่าพี่เชาเห็นข้อความของผมแล้ว ผมนั่งจ้องมือถืออยู่อย่างนั้นเกือบสิบนาทีถึงมีข้อความตอบกลับมาจากพี่เชา

 
' เปล่า พี่ไม่ได้ทำ '

 
น้ำตาผมรื้ออยู่ที่ขอบตา กลั้นสะอื้นไว้ในลำคอแล้วใช้หลังมือปาดน้ำตาก่อนที่มันจะไหลลงมา ตาผมบวมช้ำ จมูกผมแดงไปหมด ผมเสียทิชชู่ไปหลายม้วน แต่ความเสียใจและน้ำตาของผมกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่ายๆ


ยิ่งได้เห็นพี่เชาตอบผมมาแบบนี้... ผมยิ่งปวดใจ


ผมรู้นิสัยพี่เชาดี ถ้าพี่เชาปฏิเสธ หากไม่มีหลักฐาน ให้ตายยังไงพี่เชาก็ไม่มีทางยอมรับ


ก่อนหน้านี้ผมปิดตาข้างเดียวมาโดยตลอดเพื่อให้ความรักของผมกับพี่เชาไปต่อได้ ผมรู้ว่าตั้งแต่เรามีปัญหากันคืนปีใหม่นั้น อะไรๆ ก็ไม่เหมือนเดิม แต่ผมก็พยายามไม่ใส่ใจ ลืมๆ มันไป และระมัดระวังตัวไม่ทำอะไรให้พี่เชาโกรธอีก


ได้แต่หวังว่าพี่เชาจะไม่เบื่อผม พี่เชาจะไม่ทิ้งผมไป...


คิดว่าต้องขาดใจตายแน่ๆ ถ้าผมไม่มีพี่เชา และช่วงอาทิตย์กว่าเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาก็พิสูจน์ความจริงกับผม...


ผมใจจะขาดจริงๆ นั่นแหละ...


แต่ก็ไม่ยักตาย...


ผมยังมีชีวิตอยู่ ยังไปเรียน กินข้าว ทำกิจกรรมกับเห็ดและปุ๊กได้เหมือนปกติ มีแค่ข้างในผมเท่านั้นที่รู้สึกว่างเปล่า


เห็ดกับปุ๊กเป็นห่วงผมยิ่งกว่าใคร ทั้งสองคนตัวติดกับผมตลอดเวลาในช่วงแรก กลัวว่าผมจะทำอะไรบ้าๆ ลงไป ทั้งคู่โกรธพี่เชามาก โดยเฉพาะเห็ดที่เป็นคนรักความยุติธรรมอยู่แล้ว ทันทีที่รู้ความจริงจากผม เห็ดก็เข้า log in ของตัวเองและทวงความยุติธรรมให้กับผม


ถ้าผมรู้ว่าเห็ดทำอะไรลงไปบ้างผมคงห้ามเห็ดไปแล้ว ทว่าความเป็นจริงคือผมไม่รู้อะไรเลย ผมเอาแต่ร้องไห้และก็ร้องไห้เสียใจ ทำไมพี่เชาถึงทำแบบนี้

 
ผม: พี่เชาไม่รักฟิวแล้วเหรอ

 
น้ำตาผมไหลอาบแก้มหลังจากที่พิมพ์ประโยคนี้ส่งไปให้พี่เชา หากเห็ดกับปุ๊กรู้ผมคงโดนดุยกใหญ่ หั้งคู่ห้ามไม่ให้ผมคุยกับพี่เชาเด็ดขาด และผมก็ทำมันได้มาตลอดที่เห็ดและปุ๊กอยู่กับผม


ทว่าวั้นนี้...ความโหยหาที่ผมอยากคุยกับพี่เชา อยากเจอหน้า อยากถามถึงเรื่องราวทั้งหมด มันถึงจุดๆ นึงที่ผมไม่อาจทนได้อีกต่อไป


พี่เชาอ่านข้อความผมแล้ว สักพักก็ตอบกลับมา

 
พี่เชา: ไปเอามาจากไหน

 
น้ำตาของผมยิ่งไหลพรั่งพรูมากยิ่งขึ้น สะอื้นไป ตอบข้อความของพี่เชาไป

 
ผม: พี่เชาไม่สนใจฟิวมาสักพักแล้ว
ผม: ก็พยายามคิดว่าพี่เชาคงยุ่ง ไม่มีเวลาให้กัน
ผม: แต่ตอนนี้ ฟิวรู้แล้วว่าพี่เชาไม่สนใจฟิวจริงๆ

 
พี่เชา: มันไม่ใช่อย่างนั้น

 
ผม: แล้วมันเป็นแบบไหน
ผม: พี่เชาให้พี่คิงสำคัญกว่าใคร
ผม: พี่เชาไปกับเพื่อนมากกว่าอยู่กับฟิว
ผม: ทุกคนคิดว่าพี่เชาโสด
ผม: พี่เชาบอกกับพี่เปิ้ลว่าพี่เชาไม่ได้เป็นเกย์
ผม: แล้วฟิวล่ะ บอกฟิวได้มั้ยฟิวเป็นอะไรกับพี่เชา

 
ทุกอย่างในหัวผมมันพรั่งพรูออกมาอย่างหยุดไม่ได้ ผมสะอื้นหนักจนหอบหายใจไม่ทัน มือสั่นปากสั่นไปหมด

 
พี่เชา: ฟิว พี่ไม่อยากคุยเรื่องนี้ในนี้ อยู่ไหน เดี๋ยวไปหา

 
ผม: พี่เชาไม่ต้องเสียเวลามาหรอกครับ
ผม: ปล่อยฟิวตายไปเลย
ผม: ไหนๆ ฟิวก็ไม่สำคัญแล้วนี่...

 
โทรศัพท์ผมแผดเสียงดังลั่นจนผมสะดุ้ง ผมคุ้ยมันออกมาจากกองผ้าห่ม หน้าจอขึ้นรูปพี่เชาเด่นชัด ผมปาดน้ำตาจากแก้ม กดตัดสาย


..!!!


มันดังขึ้นมาอีกรอบ พี่เชาโทรกลับ และผมก็กดตัดสายทิ้งอีก

 
พี่เชา: ฟิว อย่าทำแบบนี้
พี่เชา: รับสายพี่

 
" ฮึก..! "


พี่เชาต้องกำลังเดือดดาลอยู่แน่ๆ ผมสะอื้นน้ำตาไหลพี่เชาก็โทรกลับมาเป็นครั้งที่สาม


" ครับ...ฮึก.. ฟิวพูด... "


" ฟิวอยู่ไหน! " พี่เชาโมโหจริงๆ ด้วย เขากดเสียงต่ำ แค่ฟังแค่นี้ผมก็รู้แล้ว " อยู่หอหรืออยู่บ้าน พี่จะไปหา "


" พี่เชาไม่ต้องมาหรอก " ผมสะอื้นหนักกว่าเดิม เขาไม่สนใจผมแล้วทำไมต้องมาหาด้วย " ฮึก.. กลับไปหาพี่คิงเถอะครับ ฟิวเข้าใจแล้ว! "


" ฟิวอย่าเพิ่งตอนนี้ได้มั้ย บอกมาว่าอยู่ไหน หอหรือบ้าน! "


" ฮึก.. ฮึก..! ฮือๆ... " ยิ่งได้ยินเสียงพี่เชาแบบนี้ผมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ทำไมต้องตะคอกใส่กันด้วย ก็รู้ว่าโกรธ แต่.. ฮึก... แต่ไม่เห็นต้องทำ..ฮึก.. ขนาดนี้เลย...


" แม่งเอ๊ย!! " สบถอีกคำแล้วก็ตัดสายทิ้ง ผมกำมือถือไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิมอย่างกับจะขาดใจ


ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้อยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีรูมเมทก็เปิดประตูเข้ามา เขามองหน้าผมและผงะไปเล็กน้อยด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพผม แดนก้าวเข้ามาในห้อง ไม่พูดอะไร ปลดเป้ตัวเองวางไว้บนเตียงแล้วเปิดคอม เสียบหูฟังเข้าหู


" ฮึก.. อึก.....ฮือออ!! "


ไม่รู้ทำไมพอเห็นรูมเมทตัวเองไม่สนใจผมถึงได้ร้องไห้เสียใจหนักขึ้นอีก ผมร้องไห้จนหายใจไม่หัน ตัวสั่นมือสั่นไปหมด ผมคิดว่าผมอยู่คนเดียวได้แล้ว ผมรบกวนห้องเห็ดมานานเกินไปแล้วผมควรกลับห้องตัวเอง แต่พี่เชาก็ไม่ยักติดต่อมา แดนรูมเมทผมก็ไม่ติดต่อผมเหมือนกัน ทั้งที่เราเป็นรูมเมทกันแท้ๆ


ใช่สิ ผมมันไม่สำคัญนี่ ทั้งพี่เชา ทั้งรูมเมทถึงได้ไม่สนใจผมเลย ฮึก..!


" เฮ้ย! ฟิว!! เป็นอะไร " แดนถามเสียงตกใจ เข้ามาดูอาการผมอย่างทำอะไรไม่ถูก


ปึงๆๆๆๆ!!!!


“ ฟิว เปิดประตู! ” พี่เชารัวเคาะประตูห้องเราเสียงดังจนแดนสะดุ้งตกใจ ถอยหนีห่างจากผมตาเหลือก


“ เฮ้ย! ฟิวไปทำอะไรไว้เนี่ย ” รูมเมทผมละล่ำละลักตื่นกลัว


ปึงๆๆๆๆ!!


“ แดนอย่าเปิด ” ผมขอร้อง เอื้อมมือจะจับตัวแดนไว้แต่อีกฝ่ายถอยหนี


“ ไม่เปิดไม่ได้! มึงบ้ารึเปล่า ทำอะไรไว้เคลียร์เองเลยนะ กูไม่เกี่ยว!! ”


แดนตรงไปที่ประตูแล้วเปิด พี่เชายืนอยู่หน้าประตู ร่างสูงใหญ่และใบหน้าถมึงทึง


“ โทษทีเสียงดัง ปี1รึเปล่า ”


“ ชะ..ใช่ครับพี่ แดน ปี1 สถาปัตย์ครับ ”


“ ขอเข้าไปคุยกับน้องชายหน่อยดิ ”


“ ครับพี่ ผมไปก่อนนะครับ... ” พูดจบแดนรีบเดินออกจากห้องทันที พี่เชาก้าวเข้ามาในห้อง ปิดประตูล็อกเดินมาหาผมที่เตียง


“ พี่มีเรื่องอยากคุยกับฟิว ”


“ แต่ฟิวไม่มี.. ฮึก... ”


“ ก็ฟิวเป็นแบบนี้ไงพี่เลยไม่อยากบอก ”


“ ฮึก.. แล้วพี่เชาคิดว่าฟิวโง่เหรอครับ ฟิวจะโง่จนดูไม่ออกขนาดนั้นเลยเหรอ ”


“ ... ”


“ ไม่อยากคุยกับพี่เชาแล้ว ฮือ.. ”


“ ฟิว ” พี่เชากดเสียงต่ำ


“ ก็ไม่สนใจกันแล้วนี่ พี่เชาไม่รักฟิวแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเลย ฟิวจะถอยเอง ฮึก.. ฮือ... ”


“ ฟิวอย่างี่เง่าดิ กระทู้นั้นพี่ยอมรับว่าเขียนก็ได้ แต่ก็เขียนเอามันไปงั้นพี่ไม่ได้คิดอะไร ”


ผมเอามือปิดหู ส่ายหน้า “ ไม่อยากได้ยิน พี่เชาจะทำอะไรก็แล้วแต่พี่เชาสิ ” พูดไปอย่างนั้น แต่ในใจผมเจ็บมาก เหมือนผม...ผมไม่มีคุณค่า


พี่เชาท่าทางอดกลั้นมาก เหมือนอยากเข้ามาจับผมเขย่าแต่เขาก็กำมือเอาไว้ระงับอารมณ์ตัวเอง


“ ฮึก..ฮือ... ” ผมน้ำตาไหล เอามือปาดออกป้อยๆ แต่มันก็ไม่หยุดสักที


“ แล้วฟิวจะเอายังไง ”


“ ฮิอ.. ”


“ เลิกร้องไห้แล้วตอบพี่ ฟิวจะเอายังไง จะให้พี่ทำยังไง! กระทู้อันนั้นพี่ก็แจ้งลบไปแล้ว แม่งเอาพี่ไปด่า เอารูปส่วนตัวพี่ไปประณาม คนซวยคือพี่ ไม่ใช่ฟิว!!! ”


ฮึก!


ตกใจกับเสียงตะคอก ผมหยุดร้องไห้สะอึกสะอื้นกะทันหัน พี่เชาตอนนี้กำลังน่ากลัว ความโกรธคุกกรุ่นรอการปะทุ


“ เรื่องเข้าใจผิดแค่นี้ฟิวอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่สิวะ ”


“ ฟิว.. ฟิวไม่รู้…. ”


พี่เชาหน้าบึ้งถมึงทึงขึ้นอีก เขาพยายามอย่างงเต็มที่เพื่อจะระงับอารมณ์ของตัวเอง หายใจเข้าออกแรงๆ หลายครั้งแล้วก็พูดว่า


“ พี่ว่าพี่ไม่ไหวแล้วว่ะ ฟิวจะเอายังไงไปคิดมาแล้วค่อยบอกพี่ ”




น้องฟิวใช้เวลาอีกสามวันกว่าจะโทรหาผม เรื่องข่าวเหี้ยนั่นซาไปแล้ว เด็กต่างภาคยังมีบ้างที่มองและสงสัย แต่การที่มีเด็กภาคผมทำ #ทีมเชา ขึ้นมา และแก้ต่างตามด่าคนที่ยังแชร์แคชกระทู้เก่าและกระทู้ใหม่ที่ตั้งมาเพื่อด่าผม จนกระทู้ใหม่อันนั้นปลิวไปเรียบร้อยทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมาก อย่างน้อยผมกลายเป็นที่รู้จักค่อนมหาลัย หรืออาจจะลามไปถึงมหาลัยอื่น เพราะมีคนนำรูปผมที่โดนแฉไปลงเพจผู้ชายเซอร์ที่มียอดไลค์มากกว่าแสน พายแคปจอเพจนั้นส่งมาแซวผมทางแมสเสจเฟสบุ๊ก(ทำให้ผมรู้ด้วยว่าเธอกดไลค์เพจนั้น555)


“ ฮัลโหล ” ผมรับสายน้องฟิว


“ ไอ้หน้าตัวเมีย! ” หลังจากคำนี้ มีเสียงผู้หญิงด่าผมมาอีกชุด ผมยังงงอยู่พอปะติดปะต่อได้ว่าอาจจะเป็นเพื่อนน้องฟิวใช้เบอร์น้องโทรเข้ามาเพื่อด่าผม


ผมเลยตัดสายทิ้งแม่ง


เบอร์น้องฟิวโทรเข้ามาอีกทันที คราวนี้ผมกดรับ และพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะทันพูดอะไรขึ้นมา


“ ขอคุยกับน้องฟิวหน่อย ”


“ พี่ยังมีหน้ามาขอคุยกับเพื่อนหนูอีกเหรอ!! ”


เอ๊า!


“ โคตรทุเรศ โคตรหน้าด้านเลยอ่ะ ” คราวนี้เป็นเสียงของผู้หญิงคนละคนกับที่ด่าผมตอนแรก “ รู้มั้ยว่าฟิวเข้าโรงพยาบาลเพราะพี่! ฟิวไม่สบายมากต้องเข้าพบจิตแพทย์ ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนไม่เป็นอันทำอะไรเพราะใคร!! เพื่อนหนูสูญเสียความมั่นใจในตัวเองหมดแล้ว คิดว่าตัวเองไม่มีค่า ”


ผมพ่นลมหายใจยาว พูดอีกครั้ง


“ ขอคุยกับฟิวหน่อย ”


“ ไม่ได้! ฟิวสภาพจิตใจไม่พร้อม พี่เชาคุยกับฟิวพี่ก็ทำให้เสียใจอีก พี่คุยกับหนูเนี่ยแหละ หนูรู้เรื่องหมดแล้ว ”


แม่งเอ๊ย เรื่องมากชิบหาย…


“ นี่เรื่องของพี่กับฟิว พี่ไม่อยากคุยกับคนอื่น ”


แปลง่ายๆ ว่ามึงเสือก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ตัว


“ งั้นพี่ก็สบายใจได้ เพราะหนูไม่ใช่คนอื่น ต่อไปถ้ามีอะไรกับฟิว พี่คุยผ่านหนู ”


โอ้โหไอ้เหี้ย! น่ารำคาญชิบหาย คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ ผู้พิทักษณ์คุณธรรมรึไงไอ้สัตว์


“ แล้วถ้าพี่อยากคุยตัวๆ ล่ะ ” ผมพูดอย่างหมดความอดทน


เรื่องน้องฟิวมันคาราคาซังนานเกินไปแล้ว ผมรำคาญอยากตัดให้มันจบๆ ไปสักที ยิ่งน้องมีเพื่อนนิสัยเยอะน่ารำคาญและขี้เสือกแบบนี้ยิ่งทำให้ผมไม่ลังเลเลย


“ ก็ได้ แต่พวกหนูจะไปด้วย! ”


“ เห้ย มากไปป่ะน้อง ”


“ ไม่มากไปหรอกค่ะ เทียบกับเรื่องเหี้ยๆ ที่ทำไว้ ” คราวนี้เป็นเสียงเดียวกันกับที่ด่าผมว่าหน้าตัวเมียตอนแรก


ถ้าอยู่ตรงหน้าแล้วเพื่อนน้องฟิวเป็นผู้ชายผมชกไปแล้ว ปากดีชิบหาย จากที่ผมไม่อยากใส่ใจมาเจอแบบนี้ทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ


“ สรุปจะมาด้วยใช่มั้ย ”


“ ค่ะ! เผื่อพี่ทำตัว ‘ หมาๆ ’ ใส่เพื่อนหนูอีกหนูจะได้ช่วยทัน ”


น้ำเสียงประชดประชันแบบนี้กวนส้นตีนชิบหาย กูไม่พูดไม่ด่าผู้หญิงไม่ได้แปลว่ากูไม่โมโห


“ วันเสาร์ที่ร้าน ” ผมบอกชื่อร้านกาแฟสาขาไกลจากมหาลัยและคนไม่ค่อยพลุกพล่าน


“ ไม่ค่ะ หนูจะนัดวัน-เวลาเอง แล้วพี่ก็ต้องพาคิง วิทยาปี4 รูมเมทพี่มาเคลียร์ด้วย! ”


“ มันเกี่ยวอะไร ”


“ ทำไมจะไม่เกี่ยวคะ ชู้พี่ทั้งคน!!! คิดว่าพวกหนูโง่เหรอที่จับไม่ได้เรื่องพี่กับรูมเมทน่ะ!!!! เสียใจด้วยนะคะเพราะพวกหนูมีหลักฐาน กระทู้ที่พี่ขวัญเพื่อนพี่เขียนไงล่ะคะ!! ”


กระทู้ไอ้เหี้ยขวัญที่ตั้งตอนที่ผมกับมันทะเลาะกันตอนนู้นน่ะนะ โห ไอ้เหี้ย!!! ไปกันใหญ่แล้ว





“ ปัญญาอ่อนว่ะ ”


ได้ยินเสียงไอ้คิงถอนหายใจผ่านตามสาย ผมกลอกตา เปลี่ยนใช้มือซ้ายถือโทรศัพท์แทน นั่งลงที่โต๊ะด้านนอกร้านกาแฟ
ผมไม่ตกลงที่จะให้ไอ้คิงมาด้วย เพราะรู้ว่ามันไม่มีทางมาตามนัดไร้สาระแบบนี้อยู่แล้ว แต่จู่ๆ วันนี้ตอนเช้ามันก็โทรมาหาผมจากห้องแฟนบอกว่ารู้เรื่องหมดแล้ว เดี๋ยวมันตามมาทีหลัง


“ อือ กูก็ว่างั้น มึงถึงไหนแล้ว? ” ตอนนี้บ่ายโมงกว่า ก่อนเวลานัดประมาณครึ่งชั่วโมง


“ เพิ่งแต่งตัวเสร็จ อีกครึ่งชั่วโมงถึง ”


“ เออ ”


“ เจอกัน ” แล้วมันก็ตัดสายทิ้งไป ผมวางโทรศัพท์กับโต๊ะและหยิบคาราเมลแมคคิอาโต้ขึ้นมาดื่ม คิดอะไรเรื่อยเปื่อย หยิบบุหรี่ออกมาดูด รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนเดินเข้ามาหาและหยิบกาแฟผมได้ดูดหน้าด้านๆ


ไอ้คิง


และ ภัทร ผู้ชายตัวสูงที่ผมเห็นเดินไปอีกทางจากปลายหางตา





-----------------------------

ลงตอนที่ 17 แล้วค่า อยากแจ้งคนอ่านด้วยว่า ตอนหน้าก็จะจบแล้ว ดีใจมาก 5555 เราก็งงๆ ค่ะ รู้ตัวอีกทีก็.. อ้าว ตอนหน้าจบภาคนี้แล้วเหรอ...

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาส่วนที่ลงอยู่เป็น " ภาคฟิว " ยังมี  " ภาคเชา " อีกประมาณ 7-9 ตอน (ถ้าเราคำณวนไม่ผิดค่ะ จั่วหัวเอาไว้ก่อน ยังไม่ลงมือเขียนจริง) ทีนี้ปัญหาอยู่ตรงภาคเชาเนี่ยเชาจะซวยเพราะผู้หญิงค่ะ ชีวิตถึงจะถึงจุดต่ำสุด และมีตอนจบที่(คาดว่า)ทำให้คนอ่าน และเราด้วย :-[ พอใจ+สะใจ แต่เนื้อหาหลักจะกลายเป็นชาย-หญิง ไป อาจมีชาย-ชายบ้าง ถ้ากล่าวถึงอดีตเชา-ฟิว หรือความสัมพันธ์เชา-คิงค่ะ เลยอยากถามความคิดเห็นว่าเราลงต่อเลยได้หรือไม่ (นับเป็นเรื่องเดิม เป็นอีกช่วงชีวิตนึงของตัวละครหลัก) หรือ นับเป็นเรื่องใหม่ (ลงไม่ได้)  :mew2:

แจ้งเรื่องสุดท้าย เราคิดว่าเราอยากรวมเล่มเรื่องนี้เก็บไว้ค่ะ
มีแบบสอบถามความสนใจแนบมาให้ รบกวนด้วยนะคะ http://goo.gl/forms/HQkq19yiDg
แจ้งล่วงหน้ามากๆๆๆๆค่ะ เพราะกว่าจะได้ตีพิมพ์จริงๆ ก็ปีหน้าเลยค่ะ (ยังมีภาคเชา, ภาคคิง และตอนพิเศษอีก)

ขอบคุณทุกๆการติดตามนะคะ  :กอด1:

ใกล้ถึงสุดปลายทาง(ภาคฟิว)แล้ว

ปล. เรามีภาพประกอบตัวละครที่วาดเอาไว้ ทำไว้เป็นลิงค์สำหรับดูต่อเพื่อไม่ให้เสียอรรถรสในการจินตนาการ ตามนี้เลยค่ะ
เชา-ฟิว เชา-ฟิว-คิง-ภัทร

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
สงสัยเราจะเป็นคนเดียวเสียละมั๊งที่รำคาญฟิว
ไม่ลุกมาทำอะไรเองเลย
ชีวิตทีคนทำให้ทุกอย่าง
ขนาดเรื่องของตัวเองแท้ๆยังให้เพื่อนที่เป็นผู้หญิงช่วย
นึกถึงตอนที่เสียใจกับเชาในห้องแล้วร้องไห้จะเป็นจะตาย
รูมเมทไม่สนใจก็จะตาย  เขาไม่มาง้อในทันทีก็จะตาย
จะฉะกับผู้ชายที่หลอกฟันก็ต้องให้เพื่อนผู้หญิงออกหน้า
เพื่อนสาวสองคนนั้นก็เกินไป  ระวังกรรมตามสนองก็แล้วกัน
เพราะต่อให้เชาเลว  ที่สองคนนั้นทำก็เกินไป
ไม่ได้ว่าฟิวเป็นผู้ชายแล้วจะร้องไม่ได้
แต่ว่าคนเราโตแล้วจะหญิงหรือชายก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง
ไม่ใช่รอให้คนอื่นมาจัดการให้ 
แบบนั้นเป็นภาระของคนอยู่รอบข้างค่ะ

ไม่ได้ว่าเชาดี   ก็รู้ๆกันอยู่แล้ว เชาจะโดนผู้หญิงหลอกหรือเพื่อนทิ้งก็ต้องโทษตัวเองแล้วแหละที่ทำอะไรแย่ๆลงไป   ท่าชะนีสองคนนั้นจะอัดคลิปแล้วเอาไปลงโซเชี่ยลเพื่อเปิดโปงเชาแล้วเชาจะไม่เหลืออะไรเลย  แต่ก็นะ  เพื่อนที่ติดตามในโลกโซเชี่ยลนั้นเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้นเอง  คิงเองก็ได้เจอแฟนแล้ว   เพื่อนอย่างขวัญก็ไม่น่าคบหาแต่อย่างใด  ที่ทำกับเชานั้นก็เพราะว่าขวัญเกลียดคิงแน่ๆถึงได้โยงคิงเข้ามาเกี่ยวด้วย  ไม่รู้ว่าแอบชอบคิงอยู่หรือเปล่า

คนเขียนๆการใช้โลกโซเชี่ยลได้เรียลดีค่ะ    ภาพประกอปนี่คิงเริ่ดมากๆ 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2015 23:27:44 โดย Freja »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ไม่เข้าใจว่าเชาจะถามฟิวทำไมว่าจะเอาอย่างไร
ทั้งๆที่คนตัดสินเรื่องนี้ไปแล้วคือเชา
ไม่กล้าบอกเลิกด้วยคำพูดเหรอ
กะจะให้ฟิวเป็นคนพูดมาเอง
แถมมีนัดเคลียร์กันอีก

รอลุ้นตอนต่อไปใจจะขาดแล้วนะ
รีบมาต่อเร็วๆ นะคะคนเขียน

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
คนที่ทำให้เราเจ็บที่สุด
ไม่ใช่เพราะคนอื่นที่มาทำร้าย
แต่คือการทำร้ายตัวเอง
นั่นล่ะ..เจ็บปวดที่สุด

เพราะดูเหมือนว่าตัวเอกในเรื่องนี้
เชา-คิง-ฟิว
ต่างก็เป็นคนทำร้ายตัวเองทั้งนั้น

ทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด
จากการกระทำของตัวเอง
เป็นคนลงมือกระทำ..ไม่ใช่เหรอ

+1 คนแต่ง
ดี๊ดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ฟิวนี่เอาแต่ร้องไห้ ผู้ชายนะเห้ย เป็นผมก็รำคาญว่ะ

คือเชานี่ก็อีกเรื่องนะ
แต่ขอพูดถึงฟิวละกัน..คือถ้าอีกฝ่ายจะส่งให้ฟิวตัดสินใจ ก็บอกไปเลยจะเอายังไง มาขนาดนี้แล้ว น่าจะคิดได้แล้ว
นี่เอาแต่ร้องไห้ ก็เป็นแบบที่เห็น คุยกันไม่รู้เรื่องอีก

และสุดท้ายมีให้เพื่อน ผญ ออกโรงอีก คือแบบ เห้ย เรื่องของตัวเองน๊า --*
แล้วที่เพื่อนพูดไม่ดี ก็เข้าใจนะอยากปกป้องเพื่อน แต่ก็ดูแย่ๆอะ
รอลุ้นตอนต่อไป หวังว่าจะจบกันได้

ออฟไลน์ Mom2maM

  • DRaMa ADdiCTeD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-9
ไม่เข้าใจว่าที่แต่ละคนบอกว่าฟิวร้องไห้มากไป
น้องเป็นผู้หญิงกันใช่หรือเปล่า
เลยบอกว่า ผู้ชายต้องไม่ร้องไห้

ฟิวส์เป็นเกย์นะ (เฮียก็เป็น)
จะร้องไห้ก็ร้องไปเถอะ
ร้องมากๆจนถึงจุดนึงมันก็ไม่ร้องเองแหล่ะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ยังไงก็สงสารฟิว

ออฟไลน์ Zxjmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เราเป็นอีกคนที่รำคาญฟิวและเพื่อนของฟิวมากตอนนี้
เพื่อนฟิวทำเหมือนรู้จักเลาดีมากกกกทั้งๆที่เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
กลวิธีของคุณคนแต่งถือว่ายอดเยี่ยมเลยนะครับ ต้องขอชมจากใจจริงเลย ความจริงก็ติดตามมาตั้งแต่ต้น และตั้งแต่ไปอ่านอีกเรื่อง (ผู้ชายคนนี้โดนทิ้ง และนี่คือสิ่งที่เขาทำ) มันทำให้ผมมั่นใจได้สิ่งหนึ่งครับ

ผู้แต่งวางแผนก่อนจะเขียน... และที่สำคัญ คิดแบบวางแผนได้ดีมากครับ

คิดในแง่นี้คือคิดแบบไตร่ตรอง คิดแบบละเอียดลึกซึ้ง มีการใคร่ครวญถึงความสมเหตุสมผลและความสมจริง มีการคำนึงถึงภาพลักษณ์บุคลาธิฐานและนัยยะของการกระทำและตัวละคร มันสะท้อนออกทางพล็อตและแนวทางดำเนินเรื่องนะครับ อย่างที่ผมบอกไปในคอมเมนท์แรกของเรื่องนี้(คอมเมนท์แรกนั่นอินมาก พูดเรื่องเชาล้วนๆ) ว่าผมสัมผัสได้ว่าโครงเรื่องเปิดมาแบบน่าสนใจ และเมื่ออ่านละเอียดก็เห็นว่ามีคุณค่าทางสังคมสูง เป็นวรรณกรรมสะท้อนบุคลิกของมนุษย์และสะท้อนสังคมได้อย่างร้ายกาจเลยครับ

อย่างไรก็ดี ข้อเสียส่วนมากของวรรณกรรมสะท้อนสังคมมักจะพลาด คือ วรรณกรรมนี้ไม่ได้สื่อถึงสิ่งสำคัญที่จะบ่งบอก 'การแก้ปัญหา' ความจริงแล้ว วรรณกรรมสะท้อนสังคมดั้งเดิมถูกสร้างขึ้นในสังคมที่คาดหวังไว้ว่าผู้รับสาส์นจะมีระดับวุฒิภาวะและความคิดสูงมากพอจะไตร่ตรองและพิจารณาถึงปัญหา รวมถึงแก้ไขมันได้อย่างถูกทำนองคลองธรรมครับ ซึ่งมันเป็นอุดมคติมาก ต้องพิจารณาถึงสิ่งแวดล้อมที่สาส์นของเราจะส่งออกไปถึงด้วย เช่น ถ้าแวดล้อมไปด้วยบุคลากรที่ยังไม่เก่งกาจหรือรอบคอบด้านความคิดมากพอ วรรณกรรมสะท้อนสังคมจะเป็นมีดอาบยาพิษอย่างร้ายกาจ สังเกตได้ว่าในประเทศจีน สื่อภาพยนตร์หรือละคร จะไม่เน้นสะท้อนสังคม แต่จะเน้นสร้างสรรค์ให้คนรักชาติมากกว่า เช่นเดียวกันกับประเทศญี่ปุ่น สื่อภาพยนตร์หรือละคร จะมีเน้นเสียดสีสังคมบ้าง หรือสะท้อนความจริงที่ดำมืด แต่ทุกเรื่องจะมีจุดเด่นของการ 'แก้ปัญหา' ได้ในที่สุด เขาจะใส่ทางแก้ปัญหาที่หลากหลายมาให้เพื่อให้ผู้รับสาส์นชมครับ

ดังนั้น คำแนะนำของผมคือ ในภาคเชา ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ใส่การแก้ปัญหา หรือใส่แนวทางที่ทำให้เชาหลุดพ้นจากระบบความคิดที่ผูกมัด และทำให้เขากลายเป็นคนที่มีนิสัยไม่น่าคบหาในสังคมครับ เพราะผมรู้สึกว่าในภาคนี้(ฟิว) จุดประสงค์ของสาส์นไม่มีอะไรมากไปกว่าจะสะท้อนภาพการใช้โซเชีลเน็ตเวิร์ค(ซึ่งลุกลามใหญ่โต) ภาพลักษณ์ของเพศที่สามในวงกว้างของมหาวิทยาลัย(ที่ถูกแสดงออกมาในแง่ลบ) การขาดวิจารณญาณของบุรุษเพศในวัยรุ่น และปัญหาเชิงจิตใจของบุคลิกมนุษย์ประเภทต่างๆ มันเป็นวรรณกรรมเสียดสีสังคมที่ค่อนข้างชัดเจน แต่ผมว่าอาจจะหนักไปหน่อย

เพราะตัวเรื่องส่งนัยยะเนื้อหาในแง่ลบมากเกินไปครับ ขอพูดถึงเรื่องแรกก่อน ภาพลักษณ์เพศที่สามในวงมหาวิทยาลัยครับ เนื่องจากว่าตัวเอกในการดำเนินเรื่อง(เชา) มีปัญหาในเรื่องระบบความคิดที่ไม่เป็น neutral ดังนั้นจะทำให้มองโลกในแง่มุมที่มี bias เราจึงจะเห็นการตอบรับภาพลักษณ์เพศที่สาม[ในบริบทนี้หมายถึงการที่ชอบผู้ชายบางคนด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้สื่อถึงการเป็นสาวประเภทสองหรือมีรสนิยมในการชอบเพศชายเป็นพิเศษ]ในมุมเพื่อนของเชา ซึ่งเป็นนัยยะแสดงถึงการตอบรับของสังคมจริงพอสมควร เป็นนัยยะที่หนึ่งของพล็อตเรื่อง ซึ่งค่อนข้างหนัก(เพราะสื่อไปทางลบ)

นัยยะที่สอง การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค ข้อนี้ก็เช่นเดียวกัน การสะท้อนภาพการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างเพลิดเพลินและขาดความรอบคอบ ทำให้เกิดปัญหาลุกลามใหญ่โต แต่อย่างที่กล่าวไปแล้วครับ เชาเป็นคนที่มี bias ดังนั้น ทุกอย่างของโทนเรื่องจึงต้องกรองก่อน ภาพของ Social Bullying นั้นเป็นเรื่องจริงก็จริง แต่ต้องคำนึงด้วยว่า เชานั้น 'เขียนกระทู้เอง' และการเขียนแบบ 'ไม่คิด' ก็สมเหตุสมผลแล้วที่จะโดน Social Bullying ครับ เนื่องจากพฤติกรรมของเชาเองนั้นไม่น่าเป็นที่ยอมรับในสังคม อนึ่ง การปฏิเสธว่าไม่ได้เขียน ต่อหน้าฟิว อันนี้เป็นสิ่งที่สำหรับผม น่าเกลียดที่สุดเลยนะครับ เพราะว่ามันสื่อถึงการกระทำที่ไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำผิด ไม่ยอมรับในผลลัพธ์ที่ตัวเองทำลงไปแบบไม่คิดอะไร เป็นการปัดสวะและไม่รับผิดชอบอย่างสิ้นเชิงครับ ผมคิดว่าประเด็นของโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้น อยากให้มองเกี่ยวกับเรื่องของการตีแผ่ความจริงในแง่มุมหลายๆมุมมากกว่า(ซึ่งเป็นแนวทางของการแก้ให้มันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นในสังคมจริง) แต่ตัวเชาไม่สามารถยอมรับในจุดนี้ได้ จึงแสดงออกมาด้วยนิสัยส่วนตัวแย่ๆอย่างที่กล่าวไปข้างต้น

อีกเรื่องที่ผมงงๆครับ คือเรื่อง #ทีมเชา ผมไม่เข้าใจว่าการกระทำ(การออกมาปกป้องเพื่อนในสิ่งที่เพื่อนทำผิด)นี้มันแสดงนัยยะถึงอะไร แล้วก็ผมไม่คิดว่าการกระทำแบบนี้มันน่ายกย่องน่ะนะครับ เพราะเชาเขียนเอง โกหกเพื่อนด้วยว่าไม่ได้เขียน ทำให้เพื่อนต้องมานั่งแก้ข่าว(ซึ่งจริงๆเชาเป็นคนเขียน) เป็นการสร้างภาพลวงซึ่งเป็นบวกซ้อนภาพจริงซึ่งเป็นลบ ผมคิดว่ามันงงๆนิดหน่อยครับ ถ้าจะสื่อจุดนี้เป็นทางแก้ปัญหาของการเสียดสีสังคมในประเด็นโซเชียลเน็ตเวิร์ค ผมว่ามันเขวๆไปนิดหน่อยนะครับ

เรื่องสุดท้ายคือเรื่องฟิว (เรื่องเชาผมพูดไปในคอมเมนท์แรกแล้ว ขอละไว้นะครับ) ผมคิดว่าฟิวเป็นบุคลาธิฐานที่ผู้แต่งพยายามสื่อให้เห็นถึงความโดดเดี่ยวและความเปราะบางทางจิตใจของมนุษย์ครับ เนื่องจากเชาเป็น first fall in love ของฟิว ในทางจิตวิทยา มันจะฝังใจครับ อีกทั้งครอบครัวของฟิวเลี้ยงมาแบบค่อนข้างหวงแหน เป็นสภาพแวดล้อมในการเติบโตที่ค่อนข้างอ่อนไหว จึงทำให้ฟิวเห็นโลกในแง่มุมที่เป็นบวกมาตลอด ดังนั้นเขาจะรับมือกับโลกที่เป็นแง่มุมด้านลบไม่เป็นครับ เป็นเรื่องปกติที่ฟิวจะอยู่ไม่ได้เมื่อขาดเชา เพราะเขามองเชาเป็นหลักมั่นทางจิตใจ(existing resort) ของความรักไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ มันจึงทำให้ฟิวเป็นคนไม่ค่อยเติบโตในด้านวุฒิภาวะสักเท่าไหร่ครับ แต่สิ่งที่ผมอยากเห็นมากกว่า คือการที่ฟิวจะสามารถตั้งตัวหรือแก้ปัญหากับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ไปได้ยังไงครับ ผมอยากเห็นกระบวนการแก้ปัญหามากกว่าการสะท้อนภาพปัญหาโดยทิ้งปมเอาไว้น่ะครับ (แต่ถ้าผู้แต่งจบแบบปลายเปิดไว้ ผมอาจจะคอมเมนท์แนวทางการแก้ปัญหาของนัยยะทั้งหมดที่เปิดไว้ให้นะครับ)

เข้าใจว่าผู้เขียนจะทยอยสะท้อนภาพของช่วงชีวิตเชาว่าจะลงเอยยังไง แต่ผมคิดว่ามันมีประเด็นยิบย่อยรายทางที่น่าจะสื่อถึงการแก้ปัญหาร่วมไปด้วยน่ะครับ เพราะสุดท้ายการโฟกัสที่เชาก็อาจจะต้องสื่อถึงการแก้ปัญหาอยู่ดี หรือไม่เช่นนั้นอาจจะจบด้วยปลายเปิดแบบ Sad End เพื่อให้ครบถ้วนตามฉบับวรรณกรรมสะท้อนสังคมล้วนๆในอุดมคติครับ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เป็นเกย์ร้องไห้ได้นะ แต่ควรที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ใช่นิสัยแบบ ผญ จ๋าแบบฟิวเลย ไม่ไหวน่ะ นิสัยน่ารำคาญเกินไป

ถ้าคนเขียนจะลงก็ต่อในเรื่องนี้ล่ะครับ แต่เพิ่มภาคสองไว้สักหน่อยครับ

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
แวบมาสอดส่อง สารภาพว่าอยากอ่านต่อมาก แต่ขออ่านตอนจบแล้วทีเดียวเลยดีกว่า 5555
มันค้างคาา

ออฟไลน์ tepintpilai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สิ่งที่หล่อหลอมให้เป็นฟิว ไม่ว่าจะเป็นสภาพสังคม ครอบครัว การเลี้ยงดูหรือแม้กระทั่งเพื่อน ก่อนมาเจอเชา กำลังทำให้ฟิวเกิดภูมิต้านทานในร่างกายตัวเอง เหมือนเปิดมุมมอง เปิดโลกให้ฟิวเห็นว่าโลกบางทีมันก็โหดร้ายและไม่มีที่ยืนให้แก่ผู้ที่อ่อนแอ ตามกฎการ selection หลังจากนี้มันก็อยู่ที่ฟิวแหละว่าจะยืนด้วยขาตัวเองได้เมื่อไหร่ เลิกร้องไห้ ทำตัวให้คนอื่นเป็นห่วงได้ตอนไหน ไหนๆ ตัวเองก็รู้แล้วว่าร้องไห้แค่ไหนเจ็บยังไงก็ไม่ตาย โดยส่วยตัวเชื่อว่า คนแบบฟิว ถ้ายังไม่หลุดพ้น ก็คงจมปลัก ร้องไห้ และเข้าพบจิตแพทย์ วนลูปเป็น cycle ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าหลุดพ้นเมื่อไหร่ นางจะกลายเป็นคนที่เข็ดกะความรักหรือไม่ก็อาจจะรักตัวเองมากขึ้นก็ได้ ช่วงเวลาที่หลุดพ้นนี่ดิ น่ากลัวสำหรับคนอย่างฟิว

ส่วนเรื่องเพื่อนฟิว ดันเล่าในมุมมองของอิหมาเชาเชาไง มันเลยดูเหมือนเพื่อนนางขี้เสือก แต่จะบอกอย่างนึง คือ เรื่องบางเรื่อง ควรปล่อยให้เค้าสองคนเคลียร์กันเอง ถ้าเค้าจะเลิกกัน เราแค่มีหน้าที่ปลอบใจเพื่อน อยู่ข้างมัน คอยให้กำลังใจมัน เพราะถ้าวันใดที่เค้าคืนดีกัน เราจะกลายเป็นหมาทันทีนะ (หรือถ้าแค้นแทนเพื่อน จะจัดการแก้เกมส์ยังไง เอาให้เจ็บแสบ นั่นก็เป็นอีกเรื่องนึงหลังจากที่เค้าทั้งสองเลิกกัน.. บอกเลยว่าถ้าคนแบบเชา มาเจอคนจริง มันตายตั้งแต่ตั้งกระทู้ล่ะ สืบจาก ip address ง่ายจะตาย)

ส่วนเพื่อนผู้ภักดีและสตรีผู้หิวกล้วยของเชา ไม่ว่าจะคิงหรือใครก็แล้วแต่ นี่คนประเภทเดียวกัน ศีลเสมอกัน มักจะคบกันได้ หึหึ

ไม่ผิดที่ฟิวนางจะร้องไห้ประหนึ่งตัวเองอยู่ยุคมนฤดี สุวนันท์ นะ แต่ฟิวต้องไม่ลืมว่าตัวเองก็เป็น ผช ในมุมมองของคนนอกที่มองมา มันน่ารำคาญ เห็นแล้วมันอยากเดินไปตบกะโหลกสักป้าปสองป้าป แล้วจิกหัวขึ้นมาถามว่า กะพ่อแม่ตัวเองเคยร้องไห้เสียใจหนักแบบนี้ไหม เค้าทำให้เกิดมา ไม่ใช่เพื่อให้มึงมาร้องไห้ให้กับใครก็ไม่รุ้ที่มันไม่ได้รักมึงจริง อย่าโง่! (เมนเทอร์บีบอกมา)

อยากบอกฟิวว่า "รักตัวเองให้มากๆ ให้ได้เท่ากับที่พ่อแม่เค้ารัก"

โอ้ ลืมพูดถึง อิหมาพันธุ์เชาเชา ตัวละครสำคัญไปได้ไง อิอิ ไม่พูดอะไรมาก รอดูวันที่นางตกต่ำถึงขีดสุดจากผลกรรมที่นางได้ทำไว้กับฟิวและการโกหกคนอื่น... เวรกรรมสมัยนี้แบ่งตัวไวยิ่งกว่า high speed internet อี้กกก อิ 4G ที่ว่าแน่ ยังมองตาปริบๆ 555 ถ้ามาช้านี่พูดเลย เจอแบบจัดหนักจัดเต็มประหนึ่งเจอเบญจเพสชุดคอมโบ้

ไม่ผิดนะที่คนเราจะหมดใจก่อน แต่คนที่หมดใจก่อน ควรบอกกันตรงๆ ว่าไม่ได้รัก ไม่ใช่ไปตั้งกระทู้เพื่อเป่าประกาศ หึ!

ถ้าจะลงต่อตอนไหมก็ลงในนี้ดีกว่า แล้วเปลี่ยนหัวกระทู้เอา เดี๋ยวขาดอรรถรสในการอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะ คุณเขียนได้ดี ทำให้มีอารณ์ร่วมได้ ขอชื่นชมจากใจเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2015 09:07:01 โดย tepintpilai »

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เกลียดไอ้เชา สมแล้วที่โดนด่าว่าหน้าตัวเมีย

ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับ มึงกลับไปเอาหัวมุดกระโปรงแม่มึงไป๊!!!

เดือดแทน ผู้ชายไรวะไม่แมนเลย (ขอโทษ ที่หยาบคาย)

ออฟไลน์ cherilnatcha

  • การเดินทางของความคิด. ชาร์ลี (c)
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
18
ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว




“ คุยเลยป่ะ ”


ผมขี้เกียจปล่อยให้เรื่องนี้ยืดเยื้อแล้ว น่ารำคาญ เพื่อนน้องฟิวทั้งสองคนจ้องผมกับคิงด้วยสายตาจงเกลียดจงชังแบบยังไงชาตินี้ก็ไม่มีทางญาติดีด้วย เออ… เรื่องของมึงเหอะ


“ ฟิวจะเอาไง? ”

ผมถามน้อง มองแค่เด็กหนุ่มตัวเล็กเพียงคนเดียว นั่นทำให้ผมนึกไปถึงตอนที่เจอกับน้องครั้งแรก ผมก็มาสั่งกาแฟกินรอน้องมาเรียนพิเศษด้วย น้องมาถึงงก็นั่งเงียบอยู่ตรงข้ามด้วยอาการตื่นกลัว ทำอะไรไม่ถูก


หากครั้งนี้ต่างกันตรงที่ผมมาเพื่อจบเรื่อง ไม่ได้เริ่มต้นใหม่…


“ นี่ยังกล้าถามอีกเหรอ! ” เด็กผู้หญิงอ้วนๆที่นั่งขนาบซ้ายเริ่ม ผมเบนสายตามามองเธอ และรุ่นน้องคนนี้ก็จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว


“ ไม่เสือกดิ ”


เสียงนิ่งๆของคิงพูดแทนสิ่งที่ผมคิดทั้งหมด ผมหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเอง รู้ว่ามันรำคาญ แต่ไม่คิดว่ามันจะพูดอะไรออกมา
น้องคนนี้หน้าตึง ตวัดสายตาค้อนขวางจ้องคิงแทน


“ พี่ว่าอะไรนะคะ ”


“ เรื่องของคนสองคน มึงเสือกอะไรเขา ”


และใบหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายของคิงก็ดูกวนตีนแต่ก็น่ากลัวอยู่ในทีพอตัวมากทีเดียว


ผมยกมือกุมขมับ รู้สึกปวกหัว ไม่รู้คิดถูกคิดผิด คิงมามันช่วยพูดในสิ่งที่ผมไม่อยากพูดให้น้องฟิวเข้าใจได้ แต่คำพูดและวิธีการไม่ต่างจากเอาน้ำมันราดใส่กองไฟของเพื่อนสาวพิทักษ์คุณธรรมของน้องเลย


“ หนูเสือกเรื่องเพื่อนยังดีกว่าพี่แล้วกัน ” น้องคนเดิมพูดเสียงดังใส่คิง “ เป็นมือที่สามความสัมพันธ์คนอื่น! ”


“ มึงพูดดีๆ นะ ”


“ หนูพูดไม่ถูกตรงไหน พี่นั่นแหละต้นเหตุทำให้เพื่อนหนูเสียใจ!! ”


“  ปัญญาอ่อนสัส มึงเสียใจเอง มึงร้องไห้เอง มึงโง่ทำตัวเองเองทั้งนั้น!!! ”


น้องฟิวถึงกับสะอึก เงยหน้าขึ้นมามองคิงทำให้สบตากับผมพอดี น้องตกใจมองเลิกลั่กไปทางอื่นแล้วก้มหน้าต่อไป ปล่อยให้เพื่อนสาวอีกคนกอดไหล่ลูบหลังปลอบ


ผมเห็นแล้วถอนหายใจ กลอกตามองทางอื่นเหนื่อยๆเซ็งๆ...


“ เชี่ยคิง ใจเย็น.. ”


แม่งเอ๊ย… นี่มันวันอะไรวะเนี่ย มึงเป็นเหี้ยอะไรกันไปหมด… กูจะนอยด์แดกแล้วได้อารมณ์เสียจริงๆก็วันนี้ล่ะ


“ กูเย็นอยู่ ”


เย็นชิบหาย เพื่อนกู… เฮ้อ!


“ เอางี้น้อง พี่ขอคุยกับฟิวสองคนได้มั้ย น้องจะไปไหนก็ไปๆ ” ผมโบกมือไล่อย่ารำคาญ “ ตั้งแต่มาฟิวได้พูดความรู้สึกตัวเองสักประโยคยัง น้องแย่งพูดหมดแล้วเอาแต่ด่า พี่ว่าแบบนี้แม่งไม่เรียกคุยว่ะ.. ”


ไม่รู้ว่าเพื่อนน้องฟิวแม่งไปเก็บกด กักเก็บความเกลียดผมมาจากไหน ทั้งที่เจอหน้าแม่งก็แค่ครั้งเดียว แถมไม่นานด้วยตอนที่ผมไปรับน้องและพาไปกินข้าวกับเพื่อนต่างคณะ


“ เกี่ยวแน่! เกี่ยวตั้งแต่เพื่อนพี่มารุมด่า รุมขุดเรื่องของหนูในเฟสแล้ว!!! ”


ห๊ะ?


“ อย่ามาตีเนียนไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่พี่แล้วเขาจะมาด่าหนูทำไม!! พี่แค้นนักเหรอที่หนูตั้งกระทู้ประจานพี่ทั้งที่มันก็เป็นเรื่องจริง เห็นอยู่ทนโท่!! ”


“ น้องพูดอะไร พี่ไม่เข้าใจ ”


น้องที่ด่าผมตั้งแต่แรกยันตอนนี้มีท่าทางโมโหมากขึ้นกว่าเดิม โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนเพื่อนอีกคนต้องจับเอาไว้


“ อ๋อ! ไม่รู้เรื่องเหรอ แล้วนีคือเหี้ยอะไร มันคืออะไร!! ”


น้องคนนั้นหยิบกระดาษปึกนึงออกมาโยนใส่หน้าผม…! ผมเบิกตากว้าง ตกใจ ไม่เคยมีคนทำแบบนี้ใส่ตัวเองมาก่อน


“ อีเหี้ย!! มึงเยอะไปแล้วนะ! ”


ไอ้คิงขึ้นแทน ผุดลุกขึ้นยืนแล้วขึ้นเสียงใส่ แม้แต่เพื่อนน้องฟิวก็ตกใจผงะไปข้างหลัง  ขณะที่ผมยังยืนนิ่ง แต่หน้าร้อนไปทั้งหน้า กระแสอารมณ์พุ่งพรวดขึ้นมาจนเกือบถึงจุดที่ทนไม่ไหว ผมมองทั้งสามคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามตาแข็ง แต่ยังข่มใจไม่ให้ระเบิดออกมา


“ คิง ”

กัดฟันพูดปรามมันเอาไว้ ข่มความรู้สึกไม่ให้เข้าไปต่อยผู้หญิง หยิบกระดาษที่มันปาใส่หน้ามาดู และกวาดสายตาอ่านคร่าวๆ


ในกระดาษเป็นการแคปหน้าจอเฟสบุ๊กของเพื่อนน้องฟิวคนที่ปากหมาใส่ผมมาตั้งแต่แรก ในนั้นน้องทั้งโดนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ประชดแดกดัน ขุดเอารูปเก่าๆมาล้อเลียนจนกลายเป็นเรื่องสนุกสนาน โดยเฉพาะเรื่องหน้าตาและรูปร่าง


“ ตอบหนูมาสิคะ พี่ไม่ทำแล้วใครจะทำ! ”


“ ไม่รู้ ”


ผมให้คำตอบที่ดีที่สุดได้แค่นั้น


“ กวนตีนคนอื่นไว้เยอะเองล่ะสิ! ”


ผมจับไหล่ไอ้คิงทันทีที่มันเริ่มปากหมา ถึงจะเป็นเรื่องจริง...แต่มันก็ไม่ควรพูดให้เรื่องแย่ไปกว่านี้


“ เชี่ยคิง เย็นหน่อยโว้ย.. ”


ถอนหายใจหนึ่งครั้ง หันไปมองทางแฟนมันที่นั่งมองอยู่เช่นกัน แต่ยังไม่เดินเข้ามาสีหน้าเป็นห่วงเพื่อนผมอย่างชัดเจนจนผมเบือนหน้าหนี


“ มึงไปอยู่ตรงนู้นก่อนไป กูเคลียร์เอง ” และชี้นิ้วโป้งไปทางที่ภัทรนั่งรอมันอยู่โดยไม่ได้หันไปมอง


“ ไม่ได้! หนูเรียกพี่มา... ”


ผมว่าผมทนเพื่อนน้องฟิวคนนี้ไม่ไหวแล้วว่ะ...


“ มึงจะคุยไม่คุย ถ้าไม่คุย กูจะกลับ!! ”


ชี้หน้าและตวาดกลับเสียงดังก่อนที่จะพูดจบประโยค จ้องตาเพื่อนน้องด้วยแววตาเอาจริง หน้าของผมนิ่งสนิทและผมพร้อมทำร้ายผู้หญิงได้.. ถ้าทำตัวให้หมดหมดความอดทน


ทุกคนนิ่งสนิท เกิดเดธแอร์ขึ้นชั่วครู่ก่อนที่เพื่อนสาวน้องฟิวที่คอยปลอบจะดึงแขนเพื่อนตัวเองถอยออกมา


“ มึง กูว่าให้ฟิวเคลียร์ก่อนเหอะ ”


“ ฟิวแกว่าไง ” หันไปถามน้องฟิวที่นั่งเงียบมานาน แล้วน้องก็ค่อยๆพูดขึ้น


“ ...เราอยากคุย ”


ไอ้คิงกลอกตาสีหน้ารำคาญเต็มที่


“ เหอะ เรื่องของตัวเองแท้ๆ... ”


คิงไม่ได้ประชด มันว่าน้องตรงๆ มองหน้าด้วยแล้วเดินไปหาภัทร ขณะที่เพื่อนน้องขึงตามองคิงด้วยความโกรธ น้องกลับหลบสายทุกคน ก้มหน้าก้มตา จมูกแดง ตาช้ำอย่างน่าสงสาร


“ สัญญา.. ไม่ร้องแล้วนะ ” เพื่อนน้องคนที่หน้าจืดถาม ฟิวเงยหน้าขึ้นมา ส่ายหัวเบาๆก็ยิ้มเหนื่อยอ่อนตอบ


“ เอาน้ำตาที่ไหน ร้องจนร้องไม่ออกแล้ว ”


ผมหันไปมองทางอื่น รู้สึกได้ว่าเพื่อนน้องปรายสายตามองผมอย่างไม่พอใจแล้วก็เดินไปนั่งอีกโต๊ะ ไม่ใกล้ไม่ไกล


ผมว่านั่นไม่ใช่ความผิดผม.. ผมอยากบอกน้องอย่างนั้น แต่พอเหลือกันแค่สองคนจริงๆ ผมก็พูดไม่ออก


ประโยคแรกที่ผมได้พูดกับน้องจึงเป็นประโยคที่เหี้ยที่สุดที่ผมคิดได้


“ เป็นไงบ้าง ”


“ ... ”


“ โทษที... ”


น้องคงไม่รู้สึกมีความสุขแน่…


ขณะที่ผมกำลังคิดคำทักทายใหม่ น้องพูดขึ้นมาเสียงเบาไม่ต่างจากกระซิบ


“ พี่เชาอยากเลิกกับฟิวเหรอ ”


“ ... ”


“ ฟิวไม่อยากเลิกนะ ”


“ ไม่ชอบฟิวตรงไหนบอกฟิวได้มั้ย ฟิวจะเปลี่ยน ”


“ เรื่องของพี่เชากับพี่คิง ฟิวไม่รู้ไม่เห็นก็ได้ ”


“ หรือ.. ”


“ ฟิว ฟังพี่ ”


ผมหยุดประโยคน้องด้วยการพูดขัดทะลุกลางปล้อง ผมทำกับน้องขนาดนี้น้องยังไม่อยากเลิกกับผมอีก? น้องน่าสงสารที่มาชอบผม หรือกูพลาดที่มองเกมไม่ออก หาเรื่องใส่ตัวเองตั้งแต่แรกกันแน่วะ...


“ พี่ไม่ได้มีคนใหม่ กับคิงเราเป็นเพื่อนกัน แฟนมันนั่งอยู่นู่น แล้วฟิวก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย มันไม่มีใครผิดหรอกเรื่องนี้ ”


“ ถ้าฟิวไม่ผิดทำไมพี่เชาถึงอยากเลิกล่ะครับ ”


ว่าแล้ว...ว่าน้องต้องถาม


“ พี่แค่ไม่เหมือนเดิม ”


“ มะ..ไม่เหมือนเดิม.. คือยังไงเหรอครับ? ” สีหน้าน้องเจ็บปวด ตาแดงก่ำแต่กลั้นน้ำตาไว้ “ พี่เชา… มีคนใหม่ที่ไม่ใช่พี่คิงเหรอ... ”


“ พี่ไม่มีใหม่ มันแค่… จู่ๆ พี่ก็เปลี่ยนไป ความรู้สึกพี่ไม่เหมือนเดิมแล้วฟิว ”


น้องเงียบไปนาน อ้ำๆอึ้งๆจะพูดหลายครั้งจนรวบรวมความรู้สึกตัวก่อนจะระบายออกมา


“ พี่เชา…ไม่รักฟิวแล้วเหรอครับ ”


เฮ้อ… กูยังต้องตอบประโยคนี้อีกเหรอเนี่ย...


ที่จริงผมก็คิดได้ตั้งนานแล้วล่ะนะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อมานานได้ขนาดนี้ ผมไม่อยากให้น้องเสียใจ อย่างไรก็ตามมันก็เป็นการฝืนความรู้สึกผมเหมือนกัน ความสุขผมลดลงทุกครั้งพยายามฝืนตัวเองอยู่กับน้อง ผมว่าควรพูดความจริงสักที


“ อืม ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว ”


ความเงียบน่าอึดอัดเกิดขึ้น ผมไม่รู้จะพูดอะไร น้องฟิววก็เหมือนถูกดูดกลืนหายไปกับเดธแอร์ครั้งนี้ สีหน้าน้องแสดงความเจ็บปวดมากขึ้น ตาแดงก่ำน้ำตาไหลซึมถามผมด้วยริมฝีปากสั่นระริก


“ พี่เชาเคยรักฟิวจริงๆบ้างรึเปล่าครับ ”


“ ... ”


“ พี่เชาบอกว่าต้องการพื้นที่ส่วนตัว ฟิวเข้าใจ ฟิวให้ได้ แต่เพื่อนฟิวบอกว่ามันคือการปิดบัง ”


“ พี่เชาไม่โทรหา งานยุ่ง ฟิวเข้าใจ แต่สิ่งนั้นคือการละเลย ”


“ พี่เชาบอกว่าจะพาไปเจอป้า แต่ไม่เคยพาฟิวไปสักครั้ง ”


“ เหมือนฟิวไม่รู้จักพี่เชาจริงๆเลย ”


“ แค่รู้จักพี่เชา… เท่าที่พี่เชา...อนุญาต ”


“ อย่างนี้สำหรับพี่เชายังเรียกว่ารักอยู่มั้ย... ”


คราวนี้เป็นผมบ้างที่เงียบ เงียบแล้วใคร่ครวญคำตอบที่ดีที่สุดให้กับน้อง


“ พี่เคยรักฟิว ”


“ พี่ไม่เคยทำอะไรเพื่อใคร แต่พี่เคยทำเพื่อฟิว พี่เลิกบุหรี่ให้ฟิว พี่รับส่งฟิว พี่ดูแลเอาใจใส่ฟิวยิ่งกว่าใครทั้งนั้น เรื่องของฟิวมาเป็นที่หนึ่ง พี่เคยคิดแต่เรื่องฟิวในหัว  สำหรับพี่ นั่นคือความรัก แต่ถ้าฟิวยังไม่เชื่อ...พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูด ”


ที่ผมบอกน้องเป็นความจริงทั้งหมด ผมไม่เคยทำอะไรให้ใครมากเท่านี้มาก่อน ผมเคยมีแฟนแต่ก็ไม่เคยมี่ครั้งไหนที่ผมจริงจังในความสัมพันธ์เท่าตอนที่คบกับน้องฟิว อาจเป็นเพราะนิสัยน้องที่ทำให้ผมรู้สึกว่าต้องปกป้องดูแลเขาให้มากกว่าใคร ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม


ทว่าความจริงก็คือ… ผมไม่ใช่คนที่จะดูแลใครได้นานๆ


ผมเป็นคนขี้รำคาญ และไม่ได้มีความอดทนมากมาย เมื่อถึงจุดๆหนึ่งผมจึงรู้สึกเบื่อที่จะต้องคอยปกป้องดูแลน้องตลอด
รำคาญ...ที่น้องไม่ทำอะไรเอง


และหมดความอดทนกับความใสซื่อของน้อง ที่หลายๆครั้งความรู้สึกนี้มันแว่บขึ้นมาในหัว...


‘ เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอวะ ’


ผมเคยชอบความใสซื่อของน้องนะ แต่เวลานี้สิ่งที่ผมเคยชอบที่สุดกลับเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรำคาญที่สุด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
แต่ช่างแม่งเหอะ… มันเกิดขึ้นแล้ว


ผมยกแขนขึ้นมากอดอก เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเองเล่นอย่างเบื่อหน่าย แล้วพาลนึกไปถึงเหตุการณ์คืนปีใหม่ ต้นเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกกับน้องเปลี่ยนไป


ครั้งนั้นเราทะเลาะกันแรงที่สุด และเป็นครั้งที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกเราทั้งสองฝ่ายมากที่สุด...


ผมไปเที่ยว ดื่มหนัก ยอมรับว่ามึน แต่ไม่เมา เพราะผมจำเหตุการณ์ได้ชัดเจนทุกอย่าง น้องฟิวไปเข้าห้องน้ำแต่ไม่กลับมาสักทีผมเลยเข้าไปตาม แล้วเรื่องคลาสสิกที่สุดที่ผมไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะเกิดขึ้น...ก็เกิดขึ้น


น้องโดนลวนลาม กักเอาไว้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผมในฐานะแฟนเข้าไปช่วย แต่ไอ้เหี้ยเด็กแว๊นนั่นแม่งเมาแล้วกวนตีนผม ผมกับมันเลยซัดกัน กำลังนัวเนียกันอยู่ ผมเป็นต่อมันสัสๆ น้องฟิวแม่งเอาน้ำที่ไหนไม่รู้สาดผมกับมันทั้งถัง จากกรึ่มๆหน่อยสติผมกลับมาครบถ้วน ผมปล่อยไอ้เหี้ยเด็กแว๊นนั่นแล้วเดินออกมาโดยไม่มองหน้าน้องเลย


ผมโกรธ สั่นไปทั้งตัว ไม่เคยมีใครสาดน้ำใส่ผมมาก่อน… แล้วที่ทำนี่… ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลย… แต่ดูสิ่งที่กลับมา… มันใช่เหรอวะ!


น้องฟิวตามออกมา พยายามขอโทษ พยายามเอามือถือผมไปดูว่ามันเปียกน้ำมั้ย เสียรึเปล่า แต่ผมไม่พร้อม.. ตอนนั้นผมโกรธ...จนไม่อยากจะมองหน้าน้อง แต่น้องยังตามตอแยไม่เลิก ผมจึงระบายอารมณ์ด้วยการปาโทรศัพท์มือถืออัดใส่ผนัง


‘ มันพังแล้ว เห็นมั้ย?! ฟิวหยุดถามได้แล้ว!! ’


และก็เดินออกมา ขับมอเตอร์ไซค์กลับหอ เคาน์ดาวน์คนเดียวแม่ง…


หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นผมก็ถามตัวเองมาตลอด…


แม่งใช่เหรอวะ...คนนี้…. ถ้าใช่ทำไมผมถึง ‘ เบื่อ ’ ทำไมถึงเริ่มหน่ายกับพฤติกรรมของน้อง ซึ่งมันก็มีคำถามแบบนี้วูบขึ้นมาบ้างแล้วตั้งแต่ก่อนสิ้นปี ผมจึงอาศัยเหตุการณ์ในคืนปีใหม่นี้ห่างกับน้องสักพัก ตัดการติดต่อไปเลย ไม่ตอบแชท ไม่เจอหน้า… คิดอะไรคนเดียวไม่ออก… เพราะปกติผมไม่คุยเรื่องอะไรแบบนี้กับคิงอยู่แล้ว (อีกอย่างมันไม่ชอบน้องฟิวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ) ก็เลยตั้งกระทู้ถามเล่นๆ…


เพราะการตั้งกระทู้ถามนั่นรึเปล่า ถึงทำให้เรื่องบานปลายขนาดนี้?


อาจจะใช่… แต่ผมเองไม่ใช่เหรอที่เป็นทำ… ผิดที่ผมเองที่ปล่อยให้เรื่องบานปลายขนาดนี้ ไม่ตัดปัญหาตั้งแต่แรก


ผมว่าผมไม่น่าจีบน้องเลยว่ะ…


พิจารณามองน้องฟิวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามอีกครั้ง ยังไงๆ น้องก็ไม่ใช่สเป็คผม...


แล้วกูไปจีบเขาทำไมวะ... เหงาเหรอ..ก็ไม่นะ…


คิดไม่ออก… ช่างแม่ง….


“ ฟิว พี่ว่าเราจบกันด้วยดีเถอะนะ ”


ผมบอกน้อง และยิ้มให้ แม้ว่ามันจะเป็นยิ้มที่ผมรู้สึกว่าช่างตอแหลเหลือเกิน


น้องเม้มริมฝีปากเหมือนไม่อยากจะยอมรับ เอามือปิดหน้าตัวเองและร้องไห้จนไหล่สั่น มีเสียงสะอื้นหลุดออกมาบ้าง ผมจึงเงียบเพื่อให้เวลาน้องทำใจและรอว่าน้องจะพร้อมเมื่อไหร่


“ ฮึก..อึก..ครับ…. ”


น้องฟิวพูดสลับเสียงสะอื้น น้ำหูน้ำตาไหลเปื้อนมือออกมาจนผมต้องหาอะไรสักอย่างให้น้องใช้เช็ดหน้าเช็ดตา และสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดคือกระดาษทิชชู่ที่ได้มาพร้อมกับกาแฟแก้วเย็นชืด ผมจึงไม่ลังเลที่จะยื่นมันให้น้อง


“ ขอบคุณครับ...อึก... ” น้องรับไปเช็ดหน้าเช็ดตา… มองผมด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำตาเปรอะเปื้อนขอบตาไปหมด “ พี่เชา.. กลับเลยก็ได้นะ... ”


ผมเงียบและมองน้อง ท่าทางของน้องฟิวไม่โอเคเลย.. แต่ดีแล้วที่เขามากับเพื่อนผมจึงลุกขึ้นยื่นมือไปยีหัวน้องเบาๆ


“ งั้นพี่ไปแล้ว.. ดูแลตัเองดีๆนะ ” และถอยออกมามองน้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินไปหาคิงและภัทร ถึงตรงนั้นมันจะมีเรื่องน่าอึดอัดใจสำหรับผม แต่มันก็คงดีกว่าอยู่ที่เดิมกับน้องฟิวอยู่อย่างนี้... “ บาย ”


“ ฮึก...บายครับ..พี่เชา.. ”








--------------------------จบ(ภาคฟิว)--------------------------




ก่อนอื่นเลยต้องขอ.............. สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน :o8: ขอให้ปี 2559 เป็นปีที่ดี เป็นปีที่มีความสุข มีจิตใจที่เข้มแข็งและสุขภาพกายแข็งแรงค่ะ

เรากลับมาแล้วค่ะ หายไปนานสุดเลยรอบนี้... ไม่มีคำแก้ตัวใดๆค่ะนอกจากบอกว่าหายไปทำทีสิสมา....

จบเรื่องทีสิส มาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่าค่ะ จริงๆมีประเด็นหลายเรื่องเลยที่อยากตอบ แต่ส่วนใหญ่มันต้องพูดคุยกันยาว เพราะเกี่ยวกับบุคลิก-ลักษณะนิสัย และการถูกเลี้ยงดูมาของตัวละครแต่ละตัว ถ้าแบให้ดูทั้งหมดก็จะยาวมากๆๆๆ ดังนั้นเลยขอเคลียร์ประเด็นที่สำคัญและสั้นก่อนนะคะ

#ทีมเชา
อย่างทีเห็นคือเพื่อนรอบๆตัวเชาเมื่อเห็นว่ามีข่าวลือ/ข่าวไม่ดีเกิดขึ้นกับเชาก็รีบเข้าไปปกป้องทันที (ซึ่งเรารู้ๆกันอยู่ว่ามันเป็นเรื่องจริง) ประเด็นนี้ต้องการสื่อให้เห็นเรื่อง ' สังคมไทยให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้า และให้สิทธิพิเศษคนหน้าตาดีมากกว่าคนทั่วไป ' ค่ะ

เชาหน้าตาดี เป็นเดือนภาค และมันก็เฟรนด์ลี่ เป็นมิตรกับทุกคน มีอะไรก็ช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ (เหมือนจะ)สนใจคนรอบข้าง รู้จักเพื่อนเยอะแยะ และหลายๆคนก็รู้จักเชา ในสายตาของคนทั่วไปเชาจึงไม่ใช่คนไม่ดีเลย ใครจะไม่ชอบ? (แต่เรื่องนี้มันดำเนินเรื่องโดยเชา คนอ่านก็จะเห็นมุมมอง เห็นความคิดของมันว่าคิดอะไรอยู่จึงทำให้รังเกียจการกระทำของเชาที่ทำร้ายและไม่สนใจจิตใจคนอื่น)

อีกอย่างที่สำคัญคือ นอกจากหน้าตาดีแล้วเชายังเป็นคน ' ภาพลักษณ์ดีมาโดยตลอด '

จึงไม่มีใครเชื่อแน่ ว่าคนที่ตั้งกระทู้คือเชา... หรือต่อให้เชื่อ ก็จะมี ' ติ่งเชา ' มากมายที่ออกมาปกป้องโดยไม่สนใจเหตุผลใดๆทั้งสิ้น น่าเสียใจที่คนส่วนใหญ่เหล่านั้นเป็นผู้หญิงด้วยซิคะ... กระซิก....

ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากเพื่อนสาวพิทักษ์คุณธรรมของฟิว(ที่เรากล่าวถึงนิดหน่อยในตอนนี้... พยายามไม่แตะมากค่ะ เดี๋ยวตอนนี้จะยาวเกินไป.... T T) ออกมาแฉแล้วโดนขุดคุ้ยประวัติส่วนตัว แต่เพราะเธอเป็น nobody ไม่มีแฟนคลับ(หรือในที่นี้คือ ' ติ่ง ' ฮาา ) คอยปกป้อง ขี้เหร่แถมยังอ้วนอีก... คนก็เหยียบย่ำกันสนุกสนาน

น้องฟิวร้องไห้เยอะเกินไป ไม่ทำอะไรด้วยตนเอง
ใช่ค่ะ น้องร้องเยอะเกินไปจริงๆ เรายอมใจเลย... แต่ทุกคนลืมอะไรไปรึเปล่าคะ... น้องฟิวรักเชามาก รักอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ และคนเราหากถูกคนที่รักมากทำร้ายความรู้สึกเข้าบ่อยๆก็สามารถอ่อนแอได้ทั้งนั้นค่ะ ยิ่งเป็นเคสน้องฟิวที่มีลักษณะนิสัยเปราะบางและอ่อนแอแบบนี้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่...

ในตอนนี้น้องฟิวเก่งขึ้นแล้วนะคะ เก่งขึ้นนิดนึง... กล้าพูด...กล้าถาม...โดยที่รู้ว่าคำถามของตัวเองต้องทำให้เชาขัดใจแน่ๆ ซึ่งโดยพื้นฐานน้อง น้องเป็นคนเอาคนอื่นไว้เหนือตัวเอง ยิ่งเชา..น้องยิ่งทั้งกลัว..ทั้งเทิดทูนบูชา...

จบแล้วค่ะ... :-[ เราหวังว่าการกระทำของฟิวในตอนนี้จะแสดงความเข้มแข็ง/เด็ดเดี่ยวบางอย่างให้ทุกคนได้เห็นกันนะคะ อาจจะดูอ่อนแอเหมือนเดิม... แต่นี่ก็เต็มกลืนที่น้องจะรับได้แล้วค่ะ

ส่วนเชา... จนจบภาคฟิว.. มันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปัญหาของตัวเองคืออะไร 5555555 จริงๆเชามองเห็นค่ะ รู้ทุกอย่างว่าเกิดอะไรยังไง เข้าใจทุกอย่างด้วย แต่เพราะลักษณะนิสัยที่ ' ช่างแม่ง ' ของมัน ทำให้มันไม่เก็บอะไรมาคิดพิจารณาเลย กลายเป็นขาดความสนใจคนรอบข้าง บวกกับความเอาแต่ใจ เลยทำให้ดูเป็นคนเห็นแก่ตัว ซึ่งเชาอาจจะเห็นแก่ตัวจริงๆหรือไม่ก็ได้.. ยังมีภาคเชา...ให้ติดตามต่อค่ะ... //-\\ (ขายของอีกแล้วเรา แง๊..)

สำหรับมิสเตอร์เกรย์ เอ๊ย คุณ Grey Twilight อยากจะบอกว่าเราชอบและขอบคุณและปริ่มมากตั้งแต่คอมเม้นท์แรกของคุณค่ะ   เราไม่แน่ใจว่าเราจบแบบปลายเปิดหรือปิด.. sad end หรือ good end เพราะจุดมุ่งหมายของเราคือการเล่าช่วงชีวิตๆหนึ่งของเชาซึ่งจะเติบโตขึ้นอีกในอนาคตเท่านั้นเอง ดังนั้นก็.. คอมเม้นท์ได้เลยตามสะดวกค่ะ เราก็อยากอ่าน......  :o8:

สุดท้ายนี้ ขอบคุณคนอ่านทุกคน ทุกคอมเม้นท์ เราจำพวกคุณได้หมดเลยนะ :o8: ไม่ว่าจะด่าเชา ทีมฟิว ทีมคิง หรือยังไงก็ตามแต่ เต็มที่เลยค่ะ 5555 เราไม่โกรธไม่เคืองใดๆทั้งสิ้น เพราะแต่ละคนก็ทำตัวให้ได้รับกระแสตอบรับแบบนั้นเอง เราออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ทำให้พวกคุณอินกันได้ขนาดนี้ อิอิ

จบ -ภาคฟิว- แล้วนะ จุ้บๆ ไว้เจอกันใหม่ที่โพสเดิม... ภาคใหม่ค่าาา
มีอะไรอยากบอกก็บอกได้ ถามได้ pm ได้นะคะ

รัก.  :กอด1:

TBC.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2016 18:18:27 โดย cherilnatcha »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ naamsomm

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
ดีค่ะ
อย่างน้อยก็จบชัดเจนดี
อย่างนี้น้อยทั้งฟิวและเชา
ได้พูดในสิ่งที่อยากจะพูด
เข้าใจนะที่เชาอยู่เกิดรู้สึกแย่ๆกับน้อง เพราะสิ่งที่น้องทำ
เชาอาจจะเสียความรู้สึกมาก
แต่สิ่งที่ทำกับน้องมันก็เลวมากจริงๆนะ
และในตอนนี้ในเมื่อจบกันแล้ว
ขอให้น้องฟิว รักตัวเองมากๆ  และเข้มแข็งเร็วๆนะ




ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆสนุกมากๆเรื่องนี้นะคะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ขนาดคนอ่านอยู่ไกลกับฟิวตั้งเยอะ
ยังน้ำตาไหลไปกับความเสียใจของฟิวเลย
สรุปคือเชาเป็นหมาบ้า โดนน้ำก็เลยบ้าหนักไปใหญ่
น้องฟิวเลือกวิธีที่ละมุนที่สุดแล้ว ถ้าโหดกว่านี้
เชาอาจไม่ได้อยู่จนถึงวันที่มาบอกว่าไม่รักฟิวหรอก
เชาเคยถามฟิวบ้างมั้ยว่าจริงๆแล้วฟิวอยากสาดน้ำ
กับคนนั้นหรือสาดทั้งคู่ ฟิวอาจจะสาดพลาดไปก็ได้นี่
แต่อย่างว่าคนไม่รัก ทำอะไรก็ติดลบหมดน่ะแหล่ะ
แค่บอกรักยังฟังน่ารำคาญเลย จริงมั้ย

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
จบแล้ว เคยเป็นแบบฟิวอยู่ช่วงหนึ่ง (หมายถึงที่เสียใจเรื่องความรักอะนะครับ) แต่ที่เสียใจเพราะความไม่รู้ ไม่ชัดเจนของความสัมพันธ์มากกว่า จริง ๆ การเลิกไปเลยอาจจะดีกว่าสำหรับฟิวนะ เลิกแล้วเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน

เข้าใจในสิ่งที่เชารู้สึก (เพราะคิดว่าตัวเองคล้ายเชามากกว่าฟิว) เชาเป็นคนประเภทภาพลักษณ์ดี หน้าตาดี เรียกว่าเป็นคนที่ถูกรักมากกว่าคนที่จะไปรักใคร คนแบบนี้ยากที่จะแคร์คนอื่น คนที่จะคบกับคนแบบนี้ได้นานคือคนประเภทที่ไม่แคร์เหมือนกัน ปล่อยให้มีอิสระแต่คอยห่วงอยู่ไกล ๆ มากกว่า

สุดท้ายการจากกันแบบนี้ เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วล่ะ

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
เรื่องของฟิวจบแค่นี้เหรอ :impress2:

อยากอ่านเรื่องราวตัวเอกเป็นฟิว ฮี่ๆๆ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ตอนยังรัก ทำยังไง ก็จะรัก
ตอนเบื่อนัก รักทำไม ไม่ใหลหลง
ตอนไม่เบื่อ เชื่อทุกสิ่ง ทิ้งไม่ลง
ตอนไม่รัก บอกกูงง หลงทำไม

หุหุ
ไอ่หมาเชา พูดดูดี๊ดูดี
เริ่มเอง จบเอง
โคตรแมน..แมนแท้ๆเลยเมิง

+1 ให้คนแต่งนะจ๊ะ
หนุกดี



ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ชัดเจน จบคือจบ!!

สงสารฟิว เคยมีความรู้สึกนี้

ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
จะมีทางที่เชาจะกลับมาง้อรึป่าว    ถ้าไม่ ...... ก็คงจบแล้วจริงๆ

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
โอเคครับ งั้นเรามาดูที่ตัวละครต่อไปที่น่าสนใจ

คิง... คิงเป็นตัวละครที่ผู้ชายมากครับ ทัศนคติแบบทำตัวเองร้องไห้เอง โง่เอง บัดซบเอง แล้วจะมาร้องไห้ทำซากอะไร คิงเป็นคนเรื่อยๆเฉื่อยๆเหมือนกันกับเชา อาจเพราะได้รับอิทธิพลมาครับ เป็นคนที่ไม่ใส่ใจความรู้สึกของใครหน้าไหนทั้งนั้น กระทั่งตัวเองก็ไม่พยายามจะใส่ใจกับความรู้สึกของตัวเอง เลยทำให้ดูเหมือนเป็นคนหยิ่ง ไม่แคร์ใคร ไม่ใส่ใจใคร อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าวุ่นวายกับกู มันน่ารำคาญ ถ้ามีแฟนเหรอ ก็ดี เรื่อยๆ ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าเลิกกัน เจ็บแล้วไง? ไม่มีทาง จะไม่ร้องไห้ กูจะไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น

นี่เป็นทัศนคติของผู้ชายสมัยดึกดำบรรพ์ครับ คล้ายๆพวก primitive raw male คือไม่สนใจความอ่อนโยน ศิลปะคือความไร้สาระ ความรู้สึกที่ลึกซึ้งคือสิ่งที่น่ารังเกียจและไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไปค้นคว้าหาความเข้าใจ อำนาจและความแข็งแกร่งเท่านั้นที่ควรเคารพบูชา เพศชายคือสัญลักษณ์แทนนิยามทุกอย่างของความดิบเถื่อนและไร้ปราณี ไม่จำเป็นต้องมีการเห็นอกเห็นใจ ทำอะไรก็ได้ตามความพึงพอใจ แสวงหาอำนาจและกำชัยโดยผ่านความสุขทางเพศสัมพันธ์

คนประเภทนี้มักจะแสดงว่าตัวเองไม่เคยล้ม แต่พอล้มจริงๆขึ้นมา จะล้มแรงครับ แล้วจะเสียศูนย์เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแพ้คนที่ 'ดีงามกว่า ฉลาดกว่า และจิตใจอ่อนโยนกว่า' เพราะมันจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิดไว้ทั้งหมด

เขายอมรับไม่ได้ที่จะแพ้คนที่เก่งกว่า ดีกว่า งดงามในตัวมากกว่า เขาคิดว่าผู้ชายที่เป็น 'ผู้ชาย' และประสบความสำเร็จ คือคนที่จะเป็นแบบข้างต้น  ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ครับ บนโลกนี้มีคนที่เก่งกว่าขึ้นมาเสมอ แต่คนที่จะกำความสำเร็จไว้ได้อย่างยั่งยืนคือคนที่คิดถึงผู้อื่นมากกว่า รอบคอบกว่า และมีวิสัยทัศน์ที่ดีกว่าครับ

มีวาทะนึงที่ดีจากเรื่อง Tomorrow Land ที่น่าสนใจมากนะครับ เขากล่าวไว้ว่า

'In this world, there are two wolfs fighting each other. One, is despair and darkness. Other, is light and hope. And which wolf win?'

'...The one that you feed it.'

ยิ่งคุณสาดสิ่งเติมเต็มสิ่งนั้นเข้าไปมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งจมดิ่งลงไปกับมันมากเท่านั้นครับ ข้อแตกต่างที่เห็นชัดคือ ความดีจะดึงคนขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือกัน แต่ความสิ้นหวังจะทำให้ผู้คนต่างไล่ฟาดฟันกันเพื่อแสวงหาอำนาจเบ็ดเสร็จ(absolute power)

ตอนที่คิงเป็นแฟนกับภัทร ภัทรเป็นคนดี พยายามเพื่อครอบครัว มีสิ่งดีๆเพื่อที่ส่งไปให้คนรอบข้าง มันขัดกับความพยายามที่จะเย็นชา ทัศนคติที่มองว่าความอ่อนโยนและเมตตาคือความอ่อนแอของคิง การคบกันถึงทำให้คิงรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่สิ่งที่พิสูจน์ว่าคิงเป็นคนที่ยังมีความดีหลงเหลืออยู่ คือการแสดงออกว่าเสียใจครับ

หลังจากเลิกกัน คิงพยายามจะบอกว่าตัวเองโอเค พยายามทำให้ทุกอย่างปกติ พยายามทำให้ 'ความคิด' ของเค้าถูกต้อง แล้วยิ่งเจอเชา เลยเข้ารกเข้าพงกันไปใหญ่ครับ มั่วซั่วไปกันใหญ่ เละเทะ

มันได้ถึงระดับนึงครับ จิตใจมนุษย์ยืดออกได้ถึงระดับนึง แต่เมื่อจุดสิ้นสุด คุณจะพังทลาย สังเกตง่ายๆครับ เราเห็นว่าสุดท้ายแล้วคิงรู้สึกเหงา ในบางครั้งเขากลับรู้สึกว่าเขาชอบตัวเองเมื่อตอนอยู่กับภัทร นั่นเพราะอะไร? เพราะข้างในจิตใจของคิง อาหารที่เคยป้อนให้กับหมาป่าสีดำ มันค่อยๆถูกเปลี่ยนให้เป็นอาหารที่จะป้อนให้กับหมาป่าสีขาว โดยฝีมือของภัทรครับ มันถึงทำให้คิงรู้สึกชอบตัวเองตอนนั้น รู้สึกว่ามีคนคอยช่วยเหลือ รู้สึกว่าตัวเองมีที่พึ่ง มันทำให้ความดีในตัวเขาขยาย แม้จะเล็กน้อย แต่มันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป

ผมไม่ค่อยชอบคำพูดของคิงนะ ตั้งแต่แรกแล้ว เขาดูเป็นคนหยาบ ฉลาด แต่หยาบกระด้าง ซึ่งมันทำให้เขาพลาดสิ่งดีๆในชีวิตไปมากจนน่าเสียดาย ยิ่งตอนล่าสุดยิ่งทำให้เราเห็นเขาได้ชัดครับ ผมก็ยังคงไม่ชอบพฤติกรรมและคำพูดเขาอยู่ดี ค่อนข้างไม่ใส่ใจคนจนน่าเกลียดเกินไป ทางแก้ไขก็หวังว่าภัทรจะเปลี่ยนการมองโลกและการดำเนินชีวิตของคนๆนี้ให้ได้ มันอาจยากลำบากและเหนื่อย แต่ผมเชื่อว่าภัทรเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น นี่เป็นทางแก้ปัญหาที่ดีครับ

ส่วนเชา.. ไม่รู้แฮะ ผมคิดว่าเขาไม่โตขึ้นเท่าไหร่นะครับ แล้วก็ยังค่อนข้างแปลกใจว่าคนอย่างเชาจะเติบโตขึ้นยังไง ก็เลยจะขอติดตามต่อไปครับ (ลงภาคต่อไปในนี้ต่อเลยก็ได้นะครับ จะได้ต่อเนื่อง)

แนะนำนิดนึงสำหรับเรื่องเชาครับ เห็นคนเขียนบอกว่าเราจะได้เห็นตัวละครเติบโตขึ้น อยากให้มันเป็น 'การเติบโต' จริงๆนะครับ ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าจะติหรืออะไร แต่อยากให้คุณคนเขียนลองอ่านทวนในตอบจบสุดท้ายจริงๆ แล้วนึกตามว่าการคิดแบบนี้ มันเป็นทัศนคติของคนที่เป็นผู้ใหญ่ เติบโตขึ้นแล้วจริงๆหรือเปล่า

เพราะการเติบโตทางความคิดไม่ใช่แค่ว่าสักๆแต่จะพูดเรื่องดีๆแล้วก็จบครับ การเติบโตจะทำให้คุณหวนรำลึกได้ ต้องเห็นภาพว่าเราจะมีแนวทางที่จะปรับปรุงตัวยังไง ต้องรู้ว่าเราจะชดเชยสิ่งที่ทำร้ายคนอื่นในอดีตไปอย่างไร (ซึ่งไม่ใช่แค่การไปขออโหสิกรรมตามที่ละครบอกนะครับ คือการขออโหสิกรรมมันเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ไม่ตอบโจทย์ให้ชัดเจนทั้งหมด มันดูไม่ใช่การกระทำของคนที่ชาญฉลาดและพยายามมากขึ้น) มันจะทำให้คุณมองโลกเปลี่ยนไป ฉลาดขึ้น รอบคอบขึ้น ใส่ใจมากขึ้น นี่เป็นสิ่งที่จะสะท้อนจากคนที่เติบโตขึ้นทางความคิดครับ

ด้านบนคือการเติบโตในเชิงบวก ที่เป็นการแก้ไขครับ จะทำให้จบแบบ Good End แต่ถ้าจะเป็นการเติบโตในเชิงลบที่จะสะท้อนตัวตน ก็ต้องจบแบบเข้า Sad End เพื่อให้สมกับเป็นวรรณกรรมสะท้อนสังคมครับ จบแบบเศร้าส่วนมากจะเป็นการที่ตัวละครจะจมลงกับความเลวร้ายนั้น สูญเสีย ไม่ได้รับความสุขอย่างแท้จริง และต้องใช้เวลาในการชดเชยบาปโดยที่ต้องหวนรำลึกถึงความผิดไปตลอดชีวิต เป็นนัยยะให้ย้ำเตือนถึงผู้อ่านที่ใคร่จะทำผิดโดยที่ไม่คำนึงถึงผลเสียใดๆตามฉบับวรรณกรรมสะท้อนสังคมครับ (แนวนี้เช่น เรื่องของน้ำพุ)

ส่วนฟิว... ฟิวน่าสงสารที่สุดสำหรับผมนะครับ แล้วที่น่าแปลกใจมากคือหลายๆคนดูจะไม่ค่อยใยดีกับฟิวสักเท่าไหร่ อย่างที่ผมเคยกล่าวไปในคอมเมนท์ที่แล้วครับ ความผิดส่วนมากมักไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่สังคมที่พยายามยัดการแก้ไขปัญหาแบบผิดๆใส่หัวเขาต่างหาก ต้องเข้มแข็ง ต้องทำใจ ต้องหมุนไปตามกระแสสังคมที่เลวร้าย ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องครับ การแก้ปัญหาของฟิวควรจะต้องเป็นไปในแบบเดียวกับการแก้ปัญหาของพุในเรื่อง Unbelievable Love ของคุณ rainbow67 ที่ผมเคยคอมเมนท์ไปครับ ใช้วิธีเดียวกันเลย

Guide him... Lead him... ไม่ต้องปกป้องเขา เพราะในที่สุดแล้วเขาจะแข็งแกร่งชึ้นเอง และเขาจะมีคนที่พร้อมจะปกป้องเขาเอง แต่คุณต้องจับมือเขา สอนเขา ถ้าคุณเก่ง ทำไมไม่พยายามแก้ไข ถ้าคุณฉลาด ทำไมไม่พยายามช่วย อย่าปล่อยให้มนุษย์ที่หลงผิดตะเกียกตะกายกันเองครับ เพราะคุณกำลัง feed the wrong wolf แล้วทำให้กระแสสังคมเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ

ผมคาดหวังจะเป็นอนาคตฟิวนะ ไม่ได้คาดหวังจะเห็นแฟน แต่คาดหวังจะเห็นคนที่จะมาเป็น Mentor ให้ฟิว และทำให้ฟิวเติบโตขึ้น เพราะแนวโน้มฟิวนี่ดีอยู่แล้วครับ เขาแค่ขาดทักษะการมองเห็นเส้นทางและการแก้ปัญหาที่ดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2016 17:52:10 โดย Grey Twilight »

ออฟไลน์ Mom2maM

  • DRaMa ADdiCTeD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-9
อยากเห็นอนาคตเชาอ่ะ
เพราะมาสำรวจตัวเองดู
ลุงว่าลุงมีหลาย ๆ ส่วนที่เหมือนเชา

อยากรู้ว่าตอนจบ ศพสวยไหม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด