ตอนที่ 1“มีน จะไปแล้วจริงๆเหรอ”เสียงแหบโหยเอ่ยเรียกพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้าอย่างน่าสงสาร”ถ้ามีนไปแล้วอาจะอยู่กับใครล่ะ”
“มีนไปไม่นานหรอกครับอา เดี๋ยวช่วงปิดเทอมมีนก็กลับมาเยี่ยมอาได้”ผมอมยิ้ม ถอนหายใจเล็กน้อย พลางยกเป้ที่ใส่ของจำเป็นเอาไว้ขึ้นสะพายเมื่อเขาเริ่มประกาศให้ผู้โดยสารเข้าเกทได้แล้ว
“ฮึก!อาไม่อยากให้มีนไป”
“แต่ผมต้องไปนี่ครับอา ก็ผมเอ็นติดที่กรุงเทพ คุณ อินทร์เองก็ทำงานอยู่ที่นั่น ถ้าเป็นห่วงยังไง อาก็ถามไถ่เอากับคุณอินทร์ก็ได้”ผมขยับยิ้มบาง พลางคว้าตัวอาเข้ามากอด อ่ะ คิดว่าตอนนี้ทุกคนคงจะงงกันไปหมดแล้วใช่ไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น เอาเป็นว่าผมจะเล่าให้ฟังคร่าวๆแล้วกัน
หลังจากวันนั้น ที่ผมกับ ตรีดันไปได้ยินเรื่องแผนการของบอยกับชานมเข้า พวกเราก็ตัดสินใจว่าจะไปร้องคาราโอเกะแก้เครียดกัน
ในระหว่างทางที่เรากำลังไปยังห้างสรรสินค้าชื่อดังในกรุงเทพ ก็มีเด็กหนุ่มในชุดปอนๆเดินเข้ามาทักทั้งผมและตรีครับ
‘นายสองคน มีชะตาที่จะต้องแยกกัน’ผมหยุดกึก ในขณะที่ตรีพยายามลากให้ผมเดินต่อ
’พกเครื่องรางนี้ไว้ แล้วอะไรอะไรอาจจะดีขึ้น’จากนั้น เด็กหนุ่มก็เดินจากไปหายไปกับฝูงชนอย่างรวดเร็ว ทิ้งเอาไว้เพียง ที่ห้อยโทรศัพท์รูปตุ๊กตาแมวตัวกลมๆสองอันซึ่งมีชื่อผมกับตรีสลักเอาไว้อยู่
แม้จะสงสัยแต่ตอนนั้นพวกเราก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอกครับ แม้จะเก็บเอาไว้กับตัวแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
และวันนั้นเองหลังจากร้องคาราโอเกะเสร็จ โทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้นในเวลาเดียวกัน ทั้งของผมและของตรี และฝันร้ายที่สุดสำหรับพวกเราก็ได้เริ่มขึ้น…
'คุณพ่อคุณแม่ของคุณประสบอุบัติเหตุ อยู่ที่โรงพยาบาล LL ค่ะ'พ่อแม่ผมกับพ่อแม่ตรีที่ไปเที่ยวด้วยกัน เกิดออุบัติเหตุ รภพลิกคว่ำเสียชืวิตทั้งสี่คน ดังนั้น หลังจากงานศพแล้ว ตรีก็ถูกญาติฝ่ายพ่อเอาตัวไปเลี้ยงที่ต่างประเทศ โดยที่ยังได้ล่ำลาอะไรผมเลยแม้แต่นิดเดียว
ส่วนผม นอกจากเงินประกันชีวิตร่วมสองล้านที่พ่อกับแม่เหลือเอาไว้ให้แล้ว ทรัพย์สินทุกอย่างที่เหลือก็โดนญาติฝ่ายพ่อฮุบเอาไปจนหมด
ผมใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองร่วม ปี จนคุณอา นิล ญาติฝ่ายพ่อที่พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าหนีออกจากบ้านไปตั้งแต่อายุยังน้อยมาตามหาผม และพาไปอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นชีวิตผมก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ได้พบกับคุณอินทร์ซึ่งเป็นคนรักของอานิลและคนอื่นๆอีกมากมาย ตอนนี้ผมใช้ชีวิตอยู่ภาคเหนือครับ แล้วพอดีเอ็นติดที่มหาลัยชื่อดังในกรุงเทพ คณะกฏหมาย และตอนนี้คุณอาที่ติดผมแจก็กำลังโอดครวญไม่อยากให้ผมไปอยู่
“สัญญากับอานะว่าจะต้องมาเยี่ยมทุกๆปิดเทอมน่ะ ปีใหม่ก็ต้องกลับมาให้อาเห็นหน้าด้วย!
”อาของผมพูดอย่างแง่งอน ทำแก้มป่องไม่สมอายุ น่ารักจริงเชียว สมแล้วที่เป็นที่รักของ คุณอินทร์ น่ารักขนาดนี้ คุณอินทร์ไม่รักก็แปลกแล้ว
“ครับ ผมสัญญา อาไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คุณอินทร์เขาจัดการเรื่องที่พักอะไรให้มีนหมดแล้ว เดินทางสะดวก ไม่เปลี่ยว ใกล้แหล่งของกิน”
หลังจากล่ำลากันเสร็จ ซึ่งใช้เวลาไปนานมากๆ ผมก็เข้าไปในเกท เตรียมขึ้นเครื่องไปยังบ้านเกิดของผม อา…ไม่ได้กลับไปสองปีแล้วสินะ…
จะได้เจอกันอีกไหมนะ?
ตรี….“ครับ พี่ฟาง ถึงแล้วครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”เสียง ห้าวกรอกลงไปในโทรศัพท์ไม่ดังมากนัก สายตาคมภายใต้กรอบแว่นตาดำเหล่ไปมองร่างบางข้างกายที่กำลังมองดูสนามบินในเมืองไทยด้วยท่าทางตื่นเต้น”เล็กซ์เองก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ”
ทันทีที่เล็กซ์ หรือ อเล็กซ์ได้ยินชื่อของตัวเอง เจ้าตัวก็หอบร่างบอบบางไม่สมกับที่มีเชื้อสายครึ่งหนึ่งเป็นอเมริกัน เข้ามาใกล้ชายหนุ่มในทันที
“พี่ฟางโทรมาเหรอ”ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ทอประกายวิบวับอย่างสดใส รับกับเส้นผมสีบลอนด์ที่ได้ทางแม่มาเต็มๆเป็นอย่างดี”นี่ๆว่าไงล่ะ ทรี ขอฉันคุยกับพี่ฟางหน่อยสิๆ”ร่างสูงถอนหายใจ หลังจากฟังปลายสายฝากฝังอะไรเสร็จเรียบร้อยก็ส่งไอโฟนสี่เอสรุ่นล่าสุดไปให้เจ้าตัวเล็ก ซึ่งรับไปคุยอย่างร่าเริง
“ไม่ใช่ทรีนะ เล็กซ์ บอกกี่ทีแล้วว่าฉันชื่อตรี”ร่างสูงถอนหายใจรอบที่ล้านในรอบสามปี บ่นเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันอย่างอ่อนใจ
“นี่ ทรีๆ พี่ฟางฝากบอกว่า ‘ดูแลกันให้ดีล่ะ ที่นี่พี่ไม่มีเส้นสายอะไรมาก อย่าก่อเรื่องให้มากนัก’ด้วยล่ะ”อเล็กซ์ หัวเราพคิกคักกับคำเตือน ส่วนตรีได้แต่ถอนหายใจพลางเอามือใหญ่ตบปุๆไปยังหัวทุยๆสีทองของเล็กซ์ผู้แสนร่าเริงและไม่คิดอะไรมาก ก่อนจะลากทั้งกระเป๋าและเจ้าของกระเป๋าเดินทางเพื่อออกไปเรียกรถแท็กซี่หน้าสนามบิน
"นั่นแหละอย่างที่พี่ฟางบอก นานยเองก็ช่วยจำใส่สมองเอาไว้ด้วย อย่า-ก่อ-เรื่อง!!"ไม่วายอดย้ำให้ตัวแสบมันฟังอีกรอบไม่ได้
ระหว่างทาง พวกเขาถูกจับตามองจากรอบด้าน ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นหล่อเหลาของคนตัวโต และความน่ารักของคนตัวเล็กซึ่งกำลังเดินเคียงคู่กันมาแม้เขาจะไม่ชอบใจนักที่เป็นจุดเด่น แต่ดูไอ้ตัวแสบข้างๆเขานี่มันจะชอบเอามากๆเพราะเที่ยวยิ้มให้คนไปตลอดสองข้างทางจนเขาต้องเร่งให้เดินเร็วๆ จนไม่ทันได้ดูทางข้างหน้าก่อนจะชนคนจนของกระจายโดยไม่ได้ตั้งใจ
โครม!!“ขอโทษครับ”ผมเอ่ยขอโทษคนแปลกหน้าที่มาเดินชนผมทั้งๆที่ผมไม่ได้ผิด แล้วจึงรีบเก็บข้าวของที่กองกระจายอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง เพราะนอกเกทคุณอินทร์กำลังรออยู่ ผมค่อนข้างจะเกรงใจคุณอินทร์เป็นพิเศษ เพราะคุณพี่เขาเล่นหน้าดุ ตาดุ นิสัยดุ ไม่รู้ว่าอานิลอยู่กับเขาไปได้ยังไง
“ผมต้องขอโทษด้วยครับ”เสียงทุ้มห้าวดังห่างจากผมไปไม่กี่คืบ ก่อนที่ชายหนุ่มแว่นตาดำ ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำจะคุกเข่าลงแล้วมาช่วยผมเก็บของ
“ทรี เกิดอะไรขึ้น?”ภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันดังขึ้น พร้อมเจ้าของเสียงที่นั่งยองๆมองดูผมกับคนแปลกหน้าที่มาเดินชนกำลังช่วยกันยัดของเข้ากระเป๋าผมอยู่
“….”คนที่อยู่ตรงหน้าผมนิ่งเงียบ เลือกที่จะช่วยผมเก็บของให้เสร็จเร็วๆมากกว่าหันไปตอบคำถามฝรั่งร่างเล็กที่เริ่มทำแก้มป่องด้วยความไม่พอใจ เห็นแล้วก็นึกถึงอานิลนิสัยคล้ายๆกันเลยแหะ
ด้วยความเอ็นดู เพราะอีกฝ่ายเหมือนอาตัวเอง ผมเลยเสียมารยาทตอบคำถามแทนเจ้าตัวไปซึ่งทำให้อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มสว่างเจิดจ้าให้ผม แล้วเริ่มชวนผมคุยอย่างเป็นมิตร
ทันทีที่เก็บของเสร็จ เด็กหนุ่มต่างชาติตั้งใจจะชวนผมไปกินข้าวด้วย แต่ผมก็ต้องปฏิเสธไปอย่างน่าเสียดายเพราะผมต้องไปจัดการธุระเรื่องที่เรียนและห้องพักให้เรียบร้อยก่อน
ซึ่งทันทีที่ผมปฏิเสธจบ คนชุดดำ(ผมดำ แว่นตาดำ เสื้อดำ กางเกงดำ รองเท้าดำ แต่ผิวขาวจัด)ก็จัดแจงลากหนุ่มฝรั่งที่ยังไม่ทันได้รู้จักชื่อออกไปทันที โดยไม่รอให้ผมกับเขาได้ล่ำลากันแถมยังบ่นเป็นภาษาอังกฤษรัวไปตลอดทาง
จะว่าไปแล้ว ผมรู้สึกคุ้นหน้าเจ้าหนุ่มชุดดำเมื่อกี้แปลกๆ เหมือนจะเคยเห็นที่ไหน แต่พอนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ก็เลยปล่อยมันไปแล้วเร่งเท้าเดินไปหาคุณอินทร์ทันที
นั่นไงครับคุณอินทร์ โดดเด่นมาแต่ไกลด้วย ชุดสูทยี่ห้อดัง และ รูปร่างและหน้าตา แค่ท่วงท่าการยืนก็ดูผู้ดีแล้ว จะไม่ให้เดินยังไงไหว?
“สวัสดีครับ”ผมเดินยิ้มเข้าไปทักทายอย่างทุกครั้ง ซึ่งก็ทำให้ใบหน้าเคร่งๆดุๆคลายลงบ้างเล็กน้อย คุณอินทร์ยิ้มบางๆให้ผม แล้วช่วยถือของไปที่รถ
“คอนโดของมีนชื่อ U-GO นะห้อง 342 นั่งรถไฟฟ้าแล้วเดินต่ออีกหน่อยก็ถึงมหาลัย”ผมรับฟังด้วยความตื่นเต้น โห คอนโดติดรถไฟฟ้า น่าจะแพงน่าดูอยู่
“เอ่อ แล้วค่าห้อง….”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันเป็นเจ้าของห้อง มีนแค่มาเช่าเท่านั้น ค่าเช่าห้องฉันก็ไปเก็บกับนิลเรียบร้อยแล้ว”คุณอินทร์ทำหน้าเจ้าเล่ห์แวบหนึ่ง เอ่อ..หวังว่าค่าเช่าห้องมันจะไม่แพงมากนะ…ผมเกรงใจอานิล
“ไม่ต้องห่วงหรอก มันเป็นอะไรที่นิลต้องจ่ายให้ฉันประจำอยู่แล้ว”ผมเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ อะไรที่ต้องจ่ายประจำอยู่แล้ว?แต่อานิลก็ไม่ได้เป็นลูกหนี้คุณอินทร์นี่นา?
“ช่างมันเถอะ ว่าแต่มีนเอาอะไรมาบ้างน่ะ เป้ใบเล็กนิดเดียว”ผมยิ้มแห้งๆ อยากจะบอกว่าผมเอามาแค่เสื้อผ้าของวันพรุ่งนี้ก็ของส่วนตัวนิดหน่อยเท่านั้น เพราะผมกะจะมาซื้อของใช้ส่วนตัวเอาที่นี่อยู่แล้ว เลยไม่ได้แพ็คอะไรมามาก เกิน เป้หนึ่งใบกับกระเป๋าใบเล็กๆห้อยเอวที่ใส่พวกมือถือกับกระเป๋าตังค์
“ก็ผมกะจะมาซื้อเอาใหม่ที่นี่ เลยเอาเสื้อผ้ามาแค่ของพรุ่งนี้น่ะครับ”คุณอินทร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เสื้อผ้าผมที่เชียงใหม่มันโทรมหมดแล้วครับ หาตัวที่ดีๆไม่ค่อยได้ เพราะผมดันเป็นพวกไม่ค่อยใส่ใจตัวเองเท่าไหร่เสื้อผ้าก็ธรรมดาไม่ได้ใส่ใจแฟชั่นอะไรเลยตั้งแต่พ่อกับแม่จากไป
ชีวิตผมช่วงหลังจากพ่อกับแม่ตาย เป็นอะไรที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงกับช่วงที่พวกท่านยังอยู่ ช่วงนั้น ผมไม่ได้สนิทแค่กับตรีคนเดียวหรอกครับ แต่ยังมีเพื่อนอีกสามคน พวกเราอยู่กันเป็นกลุ่ม ซึ่งล้วนเป็นหลุ่มที่รวมคนหน้าตาดีๆรู้จักแต่งตัวให้เข้ากับยุคสมัยและสภาพของตัวเอง เอาไว้ด้วยกันทั้งสิ้น
ไอ้พวกสามตัวนั้นก็มักจะคอยลากผมกับตรีไปซื้อเสื้อผ้าบ้าง เที่ยวเล่นบ้างตามประสาวัยรุ่นทั่วไป ต่างกับช่วงหลังจากที่ตรีหายไปจากชีวิตผมโดยสิ้นเชิง
ผมที่ต้องอยู่คนเดียว เช่าห้องพักเล็กๆในหอใกล้ๆโรงเรียนอยู่ เพราะบ้านเดิมผมไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป ใช้เงินอย่างตระหนี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำงานพิเศษในเซเว่นในช่วงเลิกเรียน โดย ยกเลิกพวกเรียนพิเศษ วิชาหลักๆอย่างวิทย์ คณิต ออกไป เหลือเอาไว้แต่พวกภาษากับดนตรี
ตอนดึกๆหน่อย ก็ไปเล่นดนตรีตามร้านอาหาร ส่วนในช่วงวันหยุด ก็ไปทำงานเป็นเด็กเสริฟตามร้านอาหารในห้าง ช่วงนั้นผมไม่มีเวลาว่างไปเที่ยวกับเพื่อนเลยครับ ทำงานเก็บเงินตลอด เพื่อที่จะเก็บเงินเอาไว้เรียนภาษา กับจ่ายค่าเทอมที่แพงกว่าปกติอยู่มาก จนกระทั่งพบกับอานิลนั่นแหละครับ อานิลเลยรับมาอยู่ด้วยที่เชียงใหม่ ซึ่งอานิลทำสวนผลไม้อยู่ สภาพชีวิตผมถึงได้เริ่มดีขึ้นบ้าง แต่ผมก็ยังหางานพิเศษทำอยู่ดี เพื่อเป็นเงินเก็บ เผื่อซื้ออะไรจะได้ไม่ต้องขออานิล
“เอางี้ล่ะกัน วันนี้มีนก็เข้าไปจัดการจัดห้องให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวเฟอร์นิเจอร์จะมาส่งบ่ายๆวันนี้ พักผ่อนให้เต็มที่ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ ฉันจะพาไปซื้อของใช้”
“ไม่ต้องลำบากคุณอินทร์ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง ถึงยังไงผมก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด พอไปไหนมาไหนได้แหละครับ”ผมรีบปฏิเสธด้วยความเกรงอกเกรงใจ แค่นี้ก็รบกวนเขามาพออยู่แล้ว แถมงานคุณอินทร์ก็ออกจะยุ่ง เห็นอย่างงี้ แต่คุณอินทร์เป็นถึงประธานบริษัทยักษ์ใหญ่เชียว ไม่รู้ว่ามาพบรักกับอานิลสุดเปิ่นของผมได้อย่างไร
“ไม่ลำบากหรอก กรุงเทพมันเปลี่ยนไปมากนะ นิลเองก็ฝากฝังมีนไว้กับฉันจะปล่อยปละละเลยได้ยังไง”ผมตั้งท่าจะเถียงต่อ แต่คุณอินทร์หันมาทำตาดุใส่ ผมเลยหุบปากฉับแล้วหันไปขอบคุณในความเอื้อเฟื้อแทน
หลังจากฝ่าการจราจรติดขัดมาได้ ก็ถึงหน้าคอนโดเสียทีครับ ผมรีบบอกให้คุณอินทร์ส่งผมแค่ที่หน้าทางเข้า จะได้ไม่ต้องวนรถมาออกถนนหลักอีก
“งั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมารับตอน สิบเอ็ดโมงนะ ขอโทษด้วยที่วันนี้อยู่ช่วยจัดของไม่ได้”
“โธ่ แค่นี้ก็รบกวนมากพอแล้วครับ คุณอินทร์ ยังไงก็ต้องขอบคุณมากนะครับที่สละเวลามาแบบนี้” ผมรับคีย์การ์ดของห้องมา แล้วขอบคุณคุณอินทร์อีกครั้งก่อนที่คุณอินทร์จะขับรถออกไป
ผมแบกเป้ขึ้นบ่า สูดเอามลพิษในเมืองเข้าไปเต็มปอด
ชีวิตใหม่ในที่เก่าๆจะเป็นยังไงต่อไปกันนะ? >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
จบไปกับบทแรก หวังว่าทุกท่านคงจะชอบนะค่ะ
เดี๋ยวไม่วันนี้ดึกๆก็พรุ่งนี้จะมาต่อตอนที่สองค่ะ
รักน้องมีน น้องตรีก็ช่วยกันติชมด้วยน้า
ป.ล.แก้ไขเล็กน้อยนะค่ะ ใส่เข้าไปในเนื้อเรื่องแล้วค่ะว่า คุณอินทร์เป็นใคร ขอโทษด้วยค่ะที่ไม่ทันตรวจทานดูก่อน
คุณอินทร์เป็นคนรัหของอานิลนะเคอะ