วงล้อที่ยี่สิบห้า
ในคืนก่อนที่เขาลาจากผับกลับไปที่ทำงานเก่านั้น ภาสกรแทบไม่เชื่อสายตาว่าผู้จัดการสาขาที่มักนิ่งเฉยอยู่เป็นนิจ ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้านั้นรวมถึงเพื่อนร่วมงานหลายคนกลับจัดงานเล็ก ๆ เพื่อเลี้ยงส่งเขา สุดท้ายชายหนุ่มก็ทนไม่ไหวบ่อน้ำตาแตกจนร้องไห้กลางงานด้วยความตื้นตันใจ
“อ้าว ร้องไห้เสียแล้ว” จิณณ์ทักขึ้น
“ผมแค่ดีใจ ไม่คิดว่าทุกคนจะดีกับผมขนาดนี้ เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนเลี้ยงส่งผม”
“ที่ทำงานไม่เคยเลี้ยงส่งเลยเหรอ” พนักงานคนหนึ่งถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ครับ”
“ก่อนหน้านี้ทำงานที่ไหนมาล่ะ ทำนานหรือเปล่า” คนเดิมยังถามต่อ
“ทำที่คาสิโนประมาณหกเดือน” ภาสกรตอบตามอัตโนมัติ
“หกเดือน? ก็นานพอดูนะ หัวหน้าใจร้ายจังคนออกทั้งที่ต้องเลี้ยงสิหรือว่ามีเหตุสุดวิสัยหรือเปล่า”
“ก็..” ภาสกรอึกอัก พอเจอคำถามนี้เขาถึงกับไปต่อไม่ถูกเพราะมันมีเหตุเกิดขึ้นจริง
“ถามอะไรมากมาย อยากรู้เรื่องคนอื่นไปเสียหมด” โชคดีที่ผู้จัดการหน้านิ่งเข้ามาช่วยภาสกรได้ทันการณ์ คนถูกดุหน้าม่อยสลดลงนิดหนึ่ง ไม่กล้าถามซ้ำอีกกระทั่งขอตัวเดินเลี่ยงไปอีกทาง เมื่อเห็นคนช่างซักเดินออกไปแล้วจึงเตือนภาสกรด้วยความหวังดี “คุณกลับไปอยู่ที่คาสิโนอีกครั้งก็อย่าทำอะไรพลาดให้เกิดปัญหาเข้าอีกล่ะ”
“ครับผู้จัดการ ผมจะระวังให้มาก”
“อืม มีปัญหาหรือมีอะไรที่ไม่เข้าใจก็มาหาผมได้ตลอด ผมอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนหรอก”
“ขอบคุณครับ แต่จะเป็นการรบกวนผู้จัดการเกินไปหรือเปล่า”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ผมทำได้แค่แนะนำหรือสอนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจเท่านั้น ไม่ได้ลำบากอะไร”
“อ่า..ครับ”
“แต่ถ้ายังเกรงใจผม งั้นก็ช่วยผมเรื่องหนึ่งเป็นการตอบแทนแล้วกัน”
“ครับ ว่ามาเลย” ชายหนุ่มดีใจที่จะมีโอกาสช่วยเหลืออีกฝ่ายคืนกลับบ้าง
“ช่วยดูอาเฉินให้ผมหน่อย”
“ดู? เหรอครับ” ภาสกรฟังอย่างงุนงง ไม่เข้าใจ
“ใช่ ดู คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ช่วยดูเขาให้ผมหน่อยว่าอาเฉินสนิทกับใครอยู่หรือเปล่า”
“พี่เฉินสนิทกับคนอื่นด้วยเหรอครับ” ภาสกรพูดพลางคิดต่อ “เท่าที่ผ่านมานอกจากบอสหรือพี่คุณก็มีผู้จัดการนี่แหละครับที่พี่เฉินคุยด้วยมากที่สุดแล้ว”
“แต่เขาคุยกับผมน้อยกว่าที่คุยกับคุณแน่ ๆ” จิณณ์พูดตามที่ได้สัมผัสมา
“พี่เฉินไม่ได้สนิทกับใครหรอกครับ แต่ถ้าผู้จัดการอยากให้ผมช่วยดู ผมจะดูให้ครับ”
“ขอบใจมาก”
“ผมถามได้ไหมครับทำไมต้องดูพี่เฉินด้วย มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มี ผมแค่อยากรู้เท่านั้น ถ้าหากเขาสนิทกับใคร ผมจะได้เข้าใจทุกอย่างเสียที”
“เข้าใจอะไรครับ” เจ้าหนูจำไมยังสงสัยต่อไม่หยุด
“คุณไม่ต้องรู้หรอกภาสกร คืนนี้ก็กินดื่มให้เต็มที่ อย่างไรคืนนี้ก็เป็นคืนของคุณ อย่าปล่อยให้โอกาสดี ๆ แบบนี้ผ่านไปง่าย ๆ ล่ะ สนุกให้มาก ๆ ก่อนจะกลับไปเจองานหนักที่คาสิโน” ผู้จัดการทิ้งท้ายด้วยประโยคกำกวมก่อนจะตบบ่าภาสกรสองสามทีราวกับเป็นการปลอบใจแล้วเดินจากไปทันที
ภาสกรคนดีไม่กล้าขัดใจผู้จัดการหนุ่มทำตามที่อีกฝ่ายเต็มที่ครบครัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เขาไม่เคยดื่มก็ถูกคะยั้นคะยอให้ลองจิบชิมนั่นนิด ชิมนี่หน่อย สุดท้ายคนไม่เคยดื่มหนักก็ล้มพับเมาแอ๋ไม่เป็นท่า
“กว่าจะมารับเด็กของนายได้ ฉันรอจนรากแทบงอกแล้วรู้ไหม” พอเห็นเจ้าของผับมาถึงห้องเลี้ยงส่งผู้จัดการหนุ่มก็ต่อว่าอีกฝ่ายทันที บัดนี้ห้องนี้มีเพียงผู้จัดการกับภาสกรที่นอนหลับอยู่บนโซฟายาวเพียงสองคน
“พูดมาก” คนมาช้าไม่สนใจคำพูดเพื่อนสนิทกลับเดินเข้าไปประคองคนหลับไร้สติไม่รู้เรื่องรู้ราวขึ้นมาพิงที่อกของตัวเอง
“น่าทิ้งให้นอนอยู่ที่นี่คนเดียว” จิณณ์เห็นการกระทำแล้วอดหมั่นไส้อีกฝ่ายไม่ได้
“อย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว มันอันตราย”
“ครับ เจ้านาย ถ้าห่วงแบบนั้นปล่อยให้เขาดื่มเหล้าทำไม”
“เพราะมีนายอยู่ไงจิณณ์”
“ฉัน?”
“ฉันรู้ว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังและไม่ปล่อยให้พายเป็นอันตรายเด็ดขาด”
“เชื่อใจฉันเสียจริง” จิณณ์ยกยิ้ม
“บนโลกนี้คนที่ฉันเชื่อใจและไว้ใจมากที่สุดก็คือนาย”
“โอย ขนลุก อย่ามาพูดจาเลี่ยนให้ได้ยินอีก”
“หึ ไว้ฉันจะให้อาเฉินมาพูดให้นายฟังก็แล้วกัน” อรรควัสพูดอย่างรู้ทัน
“อืม ค่อยน่าสนใจอยากฟังขึ้นมาหน่อย” จิณณ์มีสีหน้าที่พึงพอใจ “แล้วนึกยังไงถึงยอมให้เขาดื่มเหล้า”
จิณณ์พยักพเยิดใบหน้าไปยังร่างที่หลับไร้สติในอ้อมกอดบอสใหญ่
“นาน ๆ ทีน่าอีกอย่างเผื่อว่าจะฝึกได้บ้าง”
“แต่นายไม่ชอบเหล้าไม่ใช่เหรอไงอรรค แล้วให้เขาลองเนี่ยถ้าเกิดติดใจขึ้นมาล่ะจะทำอย่างไร”
“ฉันไม่ชอบเหล้าก็จริง แต่ฉันกับเขาก็เป็นคนละคนกัน ถ้าพายจะชอบ ฉันก็ไม่ว่าอะไร”
“ฉันอยากจะอัดเสียงให้คนทั้งโลกได้ยินว่าอรรควัสคนที่ไม่ยอมใครกลับตามใจผู้ชายคนหนึ่งง่าย ๆ แบบนี้” ผู้จัดการหนุ่มอดค่อนแคะเพื่อนรักไม่ได้
“ฉันจะไม่ทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง”
“เออ ให้มันได้อย่างนี้ ถ้าอะไรที่เกี่ยวกับภาสกรคงเป็นข้อยกเว้นสินะ”
“นายเข้าใจไม่ผิดหรอก” ในจังหวะที่พูดกับเพื่อนสนิท ทว่าดวงตาของอรรควัสกลับจ้องมองใบหน้าที่แดงเพราะพิษสุราด้วยความเอ็นดู
“ไม่คิดว่าในชีวิตนี้ฉันจะได้เห็นมุมนี้ของนาย เด็กคนนี้คงทำให้นายมีความสุขใช่ไหม รักษาเขาไว้ดีล่ะ ๆ ฉันเชื่อในสายตาว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กดี”
“ใช่ เขาเป็นเด็กดี” อรรควัสไม่ปฏิเสธ
“พาเขากลับไปคาสิโนคราวนี้ คิดว่าจะสะสางเรื่องที่ค้างคาได้ไหม”
“ฉันไม่แน่ใจ ทุกครั้งก็จับไม่ได้คาหนังคาเขาเลยสักที ที่ฉันให้พายกลับไปที่คาสิโน จริง ๆ แล้ว..”
“นายต้องการให้แน่ใจว่าภาสกรอยู่กับนายแล้วจะปลอดภัยมากกว่าอยู่กับคนอื่นอย่างนั้น...ใช่ไหม”
“จิณณ์..นายเข้าใจฉันเสมอ แต่อีกไม่นานหรอก คนที่ตั้งใจจะเล่นงานฉันมันต้องปรากฏตัวแน่ ๆ”
“มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้เสมอ ฉันคงไม่ต้องพูดประโยคที่ว่า ‘ไม่ต้องเกรงใจ’ ให้นายฟังหรอกนะ”
“ไม่ต้อง เพราะฉันไม่มีวันจะเกรงใจนาย” อรรควัสลุกขึ้นยืนพลางประคองร่างที่หลับขึ้นมาด้วย
“อืม”
“ฉันไปละ” บอสหนุ่มอุ้มคนเมาเตรียมจะออกไปจากห้อง แต่แล้วก็ถูกอีกฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้
“อีกอย่างหนึ่งนะอรรค”
“อะไร”
“ถนอมเขาหน่อย” จิณณ์มองภาสกร
“ทำไม”
“นายไม่รู้เหรอว่ารอยแดง ๆ ตรงต้นคอเขา” ผู้จัดการหนุ่มชี้ที่หลังคอตัวเองเป็นตัวอย่าง “รอยที่นายคิดว่าคอเสื้อจะปิดทำให้คนอื่นมองไม่เห็นน่ะ แท้ที่จริงแล้วมัน...”
“นายเห็นแล้วอย่างไร คงไม่ป่าวประกาศบอกใครอยู่แล้วมั้งจิณณ์ แค่นายคนเดียวฉันไม่ถือสา” ไม่ใช่จิณณ์คนเดียวที่เข้าใจอรรควัส แต่ในทางกลับกันอรรควัสก็เข้าใจจิณณ์เหมือนกัน รู้ใจอีกฝ่ายเป็นอย่างดีว่ากำลังจะสื่ออะไรโดยไม่ต้องรอพูดให้จบ
“ฉันถึงบอกไง ถนอมเขาหน่อย”
“ฉันถนอมเขาอยู่แล้ว ว่าแต่นายเถอะ อย่าอิจฉาสิคนมีความรักสิ หึ ไปละ” อรรควัสพูดทิ้งท้ายติดจะเย้ยหยันเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไปจริง ๆ เสียที ทันทีที่ได้ยินเสียงก่นด่าเสียงไล่หลังตามมา บอสหนุ่มถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน นาน ๆ ครั้งถึงจะได้ยินสักที
“ไอ้เพื่อนเลว จะไปไหนก็ไปเลยเว้ย”
‘ห้ามบอกใครเด็ดขาด’
ประโยคบอกเล่าเชิงคำสั่งที่ภาสกรได้รับรู้ก่อนจะกลับมาสู่ดินแดนน้ำพุบนสรวงสวรรค์ คาสิโนที่เขาโหยหาอยากกลับมานักหนา
“สักคนเดียวก็ไม่ได้เหรอครับ”
คนถูกถามกลับส่ายหน้าก่อนตอบเพื่อยืนยัน “ไม่ได้”
“แต่...”
“กฎสำคัญที่สุดบนชั้นวีไอพีคือห้ามบอกหรือเล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องทุกอย่างกับชั้นนั้นให้ใครฟัง”
“แต่..นน..เพื่อนผม”
“แน่ใจได้ไหมว่าเพื่อนไม่ใช่คนปากโป้ง”
“แน่ใจครับ” ภาสกรรีบพยักหน้าอย่างแรงโดยเร็ว
“แค่คนเดียว”
“ขอบคุณครับ”
“ห้ามเมาเหมือนเมื่อคืนก่อนอีก รู้ไหม” เมื่อจบเรื่องแรก อรรควัสจึงเปลี่ยนเรื่องใหม่
“ขอโทษครับ”
“ไม่ต้องขอโทษ ครั้งนี้มีจิณณ์ดูแลอยู่ ฉันเลยไม่ห่วง แต่อย่าให้มีครั้งหน้าอีก ดูแลตัวเองให้ดี”
“ผมจะไม่เมาแบบเมื่อคืนอีกแล้วครับ”
“พาย..”
“ครับคุณอรรค” ตอนนี้ภาสกรเริ่มชินกับการเรียกชื่ออีกฝ่ายแล้ว
“พาย” อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาซ้ำอีกครั้ง
“เรียกผมทำไมครับ”
“เปลี่ยนจากเรียกบอสมาเป็นชื่อฉันแล้ว คำว่าผมก็น่าจะเปลี่ยนเหมือนกัน”
“ผม?” ภาสกรขมวดคิ้วก่อนจะเริ่มแปรคำพูดของอีกฝ่ายกระทั่งเริ่มเข้าใจ “ผม..เอ่อ..”
“เธอมักแทนชื่อตัวเองกับคนที่สนิทด้วย และฉันคิดว่าเราน่าจะสนิทกันแล้ว..”
“...”
“หรือว่าไม่ใช่” อรรควัสพูดต่อแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาทำไมถึงฟังดูเครียดเคร่งกว่าปกติ
“ไม่ใช่ครับ พายไม่ได้คิดอย่างนั้น” ภาสกรรีบปฏิเสธ แต่ก็คร้านจะพูดต่อว่าเขามักแทนชื่อตัวเองกับคนที่สนิทก็จริงแต่ก็ใช้กับคนที่แก่กว่าด้วยเหมือนกัน
“อืม” อรรควัสดูมีสีหน้าที่พึงพอใจขึ้น นั่นก็ทำให้ภาสกรเบาใจ
เอาเป็นว่าถ้าอรรควัสต้องการให้เขาแทนชื่อตัวเองเพราะมาจากความสัมพันธ์ที่สนิทแน่นแฟ้น เขาก็จะคิดแบบนั้น จะไม่พยายามคิดว่าที่แทนชื่อตัวเองกับอีกฝ่ายเพราะบอสใหญ่นั้นแก่กว่าเขาก็แล้วกัน
และไม่ควรให้เจ้าของคาสิโนล่วงรู้ความคิดนี้ของเขาโดยเด็ดขาด น่ากลัวว่าหากรู้ขึ้นมาเขาอาจจะถูกไล่ออกได้โดยพลัน
อันที่จริงหลังจากตื่นขึ้นมาจากอาการภาพดับกลางคันในงานเลี้ยงแล้วภาสกรก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย มันไม่ใช่ห้องพักที่เขาอาศัยอยู่ที่ผับ ไม่ใช่ห้องห้าสิบสองที่เขาไปนอนอยู่หลายคืน แม้กระทั่งห้องที่เคยอยู่ที่คาสิโนก็ไม่ใช่แบบนี้
แล้วมันคือที่ไหน เขาอยู่ที่ไหนกันแน่
“ห้องฉันเอง” อากัปกิริยาของภาสกรไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของคนช่างสังเกต บอสใหญ่เห็นดวงตาคู่สวยมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยท่าทางแปลกใจ ก็พอจะทำให้เขาเดาออกได้บ้าง
“ห้องคุณอรรค?”
“ใช่ ฉันพาเธอกลับมาที่คาสิโนแล้ว”
“เหรอครับ” ภาสกรพยักหน้าหงึกหงักเต็มไปด้วยความสงสัยจึงถามต่อ “แล้วทำไมคุณอรรคถึงพาผม เอ๊ย พายมาที่ห้องคุณล่ะครับ แล้วห้องผะ..พายอยู่ไหน”
คนถามทำท่าจะลุกขึ้นออกจากเตียงแต่ถูกแขนของอีกคนคว้าเอาไว้ได้เสียก่อน “ไม่มี”
“หมายความว่าไงครับ พายไม่ได้กลับมาทำงานที่นี่งั้นเหรอ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความผิดหวัง จนคนได้ยินรู้สึกได้ว่าเจ้าตัวกำลังตกใจพอควร
“ฟังฉันก่อน อย่าเพิ่งคิดเองเออเอง”
“ครับ” ภาสกรรับคำแต่สมองกลับสับสน ถ้าไม่ให้เขาทำงานที่คาสิโนแล้วพาเขากลับมาที่นี่ทำไม
“ห้องนี้คือห้องของเธอ”
“แต่..”
“ฟังฉัน” เจ้าของห้องตัวจริงบอกคนที่เตรียมจะค้านเสียงขรึม ถึงแม้บอสจะไม่ได้ใช้น้ำเสียงเหมือนเมื่อก่อนที่ภาสกรได้ยินแล้วหัวหด แต่ก็เป็นน้ำเสียงที่ค่อนข้างจริงจังจนเขายอมเชื่อฟังแต่โดยดี
“ครับ”
“ผู้ใหญ่กำลังพูดอยู่ห้ามแทรก” ถูกสอนไปอีกหนึ่งประโยค
“ขอโทษครับ”
“ขยับมานี่” ภาสกรไม่ได้อิดออดเขาพาตัวเองเข้าหาคนพูดอย่างว่าง่าย กระทั่งตกอยู่ในอ้อมกอดอีกฝ่าย อรรควัสจึงเริ่มพูดต่อ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธออยู่ที่ห้องนี้กับฉัน แล้วมะรืนนี้กลับไปทำงานที่ชั้นวีไอพี เข้าใจหรือเปล่า”
ภาสกรได้ยินเสียงคนพูดอยู่เหนือศีรษะ เขาตอบอู้อี้ว่าเข้าใจกับแผ่นอกของอีกฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจะพูดรู้เรื่องเสียงดังฟังชัดได้อย่างไรถ้าถูกกอดรัดแน่นขนาดนี้
“ให้พักที่นี่จะดีเหรอครับ” ชายหนุ่มยังติดใจ
“มีอะไรที่ไม่ดี หรือว่าไม่อยากอยู่กับฉัน”
“ไม่ใช่ครับ พายแค่กลัวคุณอรรคจะอึดอัดมากกว่าที่ให้ใครก็ไม่รู้มาอยู่ร่วมห้องด้วย”
“ถ้าเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันไม่มีทางยอมให้มาอยู่ห้องนี้กับฉันแน่ แต่ว่าเธอไม่ใช่ เธอเป็นมากกว่านั้น”
“คุณอรรค..”
“ถ้าหากเธอยังไม่เข้าใจอีก ฉันพูดให้ฟังชัด ๆ เอาไหม เผื่อว่าเธอจะเข้าใจเรื่องระหว่างฉันกับเธอได้มากขึ้น และไม่คิดแปลกประหลาดอีก”
“พายไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ตอนนี้พายมีแต่ความสุข จนทำให้กลัวว่าที่ผ่านมาพายกำลังฝัน พอตื่นขึ้นมาแล้วอาจพบว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”
อรรควัสจับนิ้วมือข้างหนึ่งของภาสกรขึ้นมาก่อนจะส่งนิ้วนั้นเข้าปากตัวเองแล้วกัดเบา ๆ พอให้รู้สึกเจ็บปวดแต่ไม่มากจนทนไม่ไหว
“เจ็บครับ”
“ถ้าเจ็บก็ไม่ใช่ฝัน”
“แต่พายเคยฝันนะครับ ในฝันก็เจ็บมากเหมือนกัน ตื่นขึ้นมาร้องไห้เลย” ภาสกรเล่าถึงความฝันที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองมานานแสนนานให้อีกฝ่ายฟัง
“ถ้ายังไม่เชื่อ จะให้ฉันพิสูจน์อย่างอื่นดีไหม” นิ้วมือของภาสกรยังอยู่ไม่ห่างจากริมฝีปากคนพูด จากที่ถูกกัดในทีแรกตอนนี้นิ้วมือนั้นกลับถูกดูดดึงเบา ๆ แทบทำให้ภาสกรร้อนฉ่าไปทั่วทั้งใบหน้า
“เชื่อครับ พายเชื่อแล้ว”
“น่าเสียดาย ทำไมเชื่อง่ายเหลือเกิน”
“แล้ววันนี้คุณอรรคไม่ไปทำงานเหรอครับ” หากพูดต่อไปต้องไม่พ้นตัวแน่ ภาสกรฉลาดรีบหาทางเอาตัวรอดโดยการเปลี่ยนเรื่องใหม่เสียเลย
“เปลี่ยนเรื่อง..”
“...”
“เอาละ เดี๋ยวฉันจะลงไปข้างล่างเสียหน่อย แล้วจะให้อาเฉินอยู่หน้าห้องเป็นเพื่อนเธอ ถ้ามีอะไรก็เรียกเขา ไม่ต้องไปเกรงใจ”
“ไม่เป็นไรครับคุณอรรค พายดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องลำบากพี่เฉินหรอกครับ”
“มันเป็นหน้าที่ ถ้าเกรงใจเขาก็ดูแลตัวเองให้ดี”
“ครับ”
“พอฉันลงไปแล้วก็อาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวอาเฉินจะเข้ามาหาเธออีกหนึ่งชั่วโมง มีหลายอย่างที่ต้องบอกให้เธอต้องรู้เพิ่มเติม และคืนนี้ไปเรียนกับอาจารย์สองคนนั้นด้วย ลืมหรือยัง”
“อะ..ครับ ไม่ลืม ๆ” เมื่ออรรควัสเตือนความจำ ภาสกรก็รับคำแต่ในใจหวาดหวั่น อาจารย์เฉินและอาจารย์คุน สอนโหดจะตายชัก คืนนี้เขาต้องคลานกลับห้องแทนการเดินแน่ ๆ
“ถ้าเธออยากรู้ตัวคนร้ายเร็ว ๆ อย่าลืมที่ฉันบอก ห้ามบอกใคร”
“ครับ พายจะไม่บอกใคร นอกจากนน”
“ตามใจเธอก็แล้วกัน เด็กดื้อ”
พูดจบอรรควัสก็เอามือวางลงบนกลุ่มผมหนานุ่มแล้วลุกออกไปจากห้องเงียบ ๆ ทิ้งความอบอุ่นแผ่ซ่านไว้กับภาสกร เขายิ้มด้วยความขวยเขินก่อนจะอุบอิบออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ไม่ดื้อสักหน่อย”
========================================
HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ