Years ago 2/3
13 years ago เนมได้ยินเสียงรถที่จอดลงตรงลานจอดรถของบ้าน ก่อนจะวิ่งตึงตังลงมาจากชั้นบนเพราะรู้ว่าใครที่กลับบ้านมายามนี้
“พี่เอก อันนี้สวยป่าว”
คนเป็นน้องถามพลางชูสร้อยข้อมือสีเงินเส้นบางให้ดูเพื่อที่จะอวดว่าคุณพ่อซื้อให้ในวันเกิด
“อื้ม”
คนเป็นพี่ยิ้มให้น้องพร้อมกับตอบรับเสียงเบา เนมมองหน้าพี่ที่เหมือนไม่อยากจะสบตากันสักเท่าไหร่
“พี่เอก”
“ครับ”
เจ้าของวันเกิดวันนี้ก้มลงลูบสร้อยข้อมือตรงข้อมือซ้ายของตัวเองพร้อมกับถาม
“ทำไมอาทิตย์ที่แล้วไม่กลับบ้านเลย”
ช่วงนี้เนมไม่ค่อยได้เจอพี่เอกทั้งๆที่ตัวเองปิดเทอมกำลังรอผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่บ้านทั้งวัน เหมือนกับว่ายิ่งใกล้ยิ่งห่างกัน เอกมองหน้าน้องที่ซึมลงถนัดตา คนที่ก้มหน้าลงไหล่สั่นน้อยๆ เพราะคบกันมานานถึงรู้ว่าน้องกำลังงอแง เอกกำหมัดแน่นก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วดึงอีกคนมากอดไว้
“ร้องไห้ทำไมอ้วน”
พี่เอกกอดเนมไว้แน่น น้องเอื้อมมือขึ้นกอดตอบ
“ช่วงนี้พี่อ่านหนังสือหนักเลยไม่ค่อยได้กลับ”
พี่เอกโกหก เนมรู้ว่าพี่กำลังโกหกเพราะที่ผ่านมาไม่ว่าเนมจะทำอะไรพี่เอกก็ไม่เคยไปไกลจากกันเลย แต่เนมก็เลือกที่จะเงียบเนมไม่อยากให้พี่อึดอัดมากกว่าเดิม เนมไม่อยากให้พี่หายไปอีก
“คิดถึงอ้วนว่ะ”
พี่บอกก่อนจะก้มลงหอมแก้มนุ่ม เนมในวัย 18ปี ดูเป็นหนุ่มหล่อน่ารักแบบที่หลายๆคนชอบ แต่สำหรับพี่เอกแล้วเนมก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆที่วิ่งเอาน้ำมาให้ที่สนามบาสในตอนเลิกเรียน แต่ก่อนเอกมองเนมในฐานะคนรักแต่ตอนนี้กลับถูกยัดเยียดให้มองน้องในฐานะน้องชายร่วมด้วย แต่ไม่ว่าจะสถานะไหนเขาก็ทั้งหวงและห่วงเนมอยู่ดี
“พี่เอกไม่ได้โกรธเนมใช่ไหม”
เอกยิ้มน้อยๆก่อนจะส่ายหัว
“พี่จะโกรธอะไรอ้วนได้”
เนมยิ้มหวานก่อนจะเช็ดน้ำตา
“ก็พี่เอกหายไปหลายวัน เนมก็คิดว่า... ”
เอกยิ้มกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะบอก
“พอเนมขึ้นมหาลัยงานก็จะยุ่งแบบพี่นี่แหละ”
คนตัวเตี้ยกว่ายืดตัวขึ้นแล้วเอาปากแตะกับพี่ เอกก้มลงงับปากนิ่ม ที่สุดแล้วก็ลากกันไปจูบตรงโซฟาอยู่นาน มือของน้องกำลังเลื้อยเข้าไปในเสื้อเชิ้ตนิสิตของพี่ เอกจับข้อมือของอีกคนไว้ก่อนจะถอนใบหน้าออก เขากอดน้องไว้แน่น
“พี่เหนื่อยจังอ้วน”
เนมซบหน้าลงกับไหล่กว้างของอีกคนก่อนจะตบหลังพี่เบาๆ
“พี่เอกเก่งจะตาย ต้องสอบผ่านสิ”
เอกยิ้มอีกครั้งแบบไร้ความหมาย เพราะที่เหนื่อยคือเหนื่อยกับความรับผิดชอบชั่วดี ยิ่งนึกได้ว่าตัวเองจูบกับน้องชายก็ยิ่งแย่ ยิ่งกอดเนมไว้แบบนี้ก็ยิ่งแย่
“พี่เอานี่มาให้”
เอกบอกพร้อมกับผละตัวออกก่อนจะยื่นสร้อยข้อมือสีเงินเส้นบางที่เหมือนของคุณพ่อเกือบร้อยเปอร์เซ็นเว้นก็แต่จี้รูปหัวใจเล็กๆนั้น
“พ่อกับพี่เอกใจตรงกันเลยว่ะ”
เนมบ่นกับตัวเองก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นพี่ทำหน้าไม่ชอบใจ
“ของพ่อเนมจะใส่ไว้ตรงมือขวา แต่ของพี่เอกเนมจะใส่ไว้ตรงมือซ้าย”
“มือซ้ายอ้วนๆน่ะเหรอ”
เนมค้อนพี่มันก่อนจะพูดต่อ
“ใกล้หัวใจไง”
เอกโคลงหัวทุยของอีกคนเบาๆก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาที่เกือบจะได้เวลาที่พ่อกับแม่จะกลับมาแล้ว
“เดี๋ยวพี่ไปแล้วนะอ้วน”
เนมที่เมื่อกี้ยังยิ้มกว้างซึมลงถนัดตา เอกกอดน้องอีกครั้งเพื่อปลอบ
“ที่ม.งานเยอะมากเลย เดี๋ยวพี่กลับมานะ”
เนมพยักหน้ารับก่อนจะบอกเสียงเบา
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเนมสอบติดก็จะได้เจอพี่เอกบ่อยๆแล้ว”
***
“เออ เจ้าเอกว่าจะย้ายที่เรียนนะ เห็นว่าเรียนไม่ไหว”
พ่อโพล่งขึ้นมาในโต๊ะอาหารของเย็นวันนึง เนมขมวดคิ้วมองพ่อที่พูดด้วยท่าทางปกติ
“อ้าว แม่ก็นึกว่าพี่เอกชอบกีฬา”
แม่บอกด้วยท่าทางเสียดาย
“พ่อก็เสียดาย เรียนจะจบปี 2 แล้ว”
เนมรู้ว่าพี่เอกเป็นถึงนักกีฬามหาลัย พี่เอกมีความรับผิดชอบมากทั้งเรื่องกีฬาและเรื่องเรียน เป็นไปไม่ได้ว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้
“พี่เอกจะไปต่อที่ไหนอ่ะพ่อ”
เนมถาม คนเป็นพ่อเลี้ยงจ้องหน้าลูกชายคนเล็กก่อนจะส่ายหัว
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน ขอโทษเนมด้วยนะลูก พี่มันเอาแต่ใจไปหน่อย”
เนมส่ายหน้าแต่กำลังคิดเรื่องราวมากมายอยู่ในหัว ช่วงนี้พี่เอกไม่ค่อยกลับบ้าน เนมเจอล่าสุดคือสามอาทิตย์ที่แล้ว พี่บอกแค่อยากมาดูหน้าเนม พี่เอกผอมลงนิดหน่อย เนมกอดพี่ได้ไม่นานพี่ก็ต้องไป
“แล้วเนมไปมอบตัวทุนวันไหน”
แม่ถามลูกชายที่เก่งจนสอบทุนเรียนหมอได้
“เดือนหน้าครับ”
“เสียดายนะคะ เจ้าเนมตั้งใจอยากเข้าที่เดียวกับพี่เอกค่ะ”
แม่บอกเพราะรู้ว่าเนมพยายามมากที่จะเข้าเรียนที่เดียวกับพี่เอก ก่อนจะถามพ่อต่อเพราะไม่อยากให้ลูกชายคนเล็กซึมแบบนี้
“แล้วพี่เอก ไม่กลับบ้านเป็นเดือนแล้วนะคะ”
ในสายตาแม่เพราะเนมเป็นลูกคนเดียวตั้งแต่เด็ก แถมเป็นเด็กเรียนไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ พอได้มีพี่ชายถึงสนิทกับพี่เขามาก แม่เห็นว่าลูกๆสนิทกันก็ดีใจ
“ผมเจอเรื่อยๆ เจ้าเอกสบายดี เครียดเรื่องที่เรียนนิดหน่อยแต่คุยกันแล้ว ผมเข้าใจ”
พ่อตอบก่อนจะมองหน้าลูกคนเล็กที่มีแววผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
***
“แม่ พี่เอกล่ะ”
เนมถามในเย็นวันนึงตอนที่แม่กำลังรดน้ำต้นไม้ แม่มองต้นชมพู่ที่พี่เอกเป็นคนปลูกก่อนจะตอบ
“ยังไม่เจอเลยลูก พ่อเขาบอกว่าวันก่อนมาเอาของอยู่”
***
“แม่ครับ พี่เอกติดต่อมาไหม”
“ไม่เลยลูก จะสองเดือนแล้ว”
***
“แม่ พี่เอกอยู่ไหน พอรู้ไหม”
เนมถามแม่ไปพลางหอบเสื้อผ้าตัวเองที่ตากไว้หลังบ้านเข้ามาเก็บ
“พี่เขามาเก็บของไปแล้วลูก เมื่อวานตอนเนมไปมอบตัวที่มหาลัย”
เนมวางตระกร้าผ้าไว้ตรงห้องแต่ตัวก่อนที่จะเดินออกมาคุยกับแม่
“ไปไหน”
“เห็นบอกสอบติดแถวอีสานลูก แม่ถามแล้ว พี่เขาเหมือนไม่อยากบอก”
“อ่า...ครับ”
เนมยิ้มน้อยๆพร้อมกับกำหมัดแน่น พยายามมองโลกในแง่ดีเหมือนหลายๆเดือนที่ผ่านมาว่าเป็นเพราะพี่กำลังมีปัญหา พี่กำลังเครียดแต่สุดท้ายแล้วก็ถามแม่ในสิ่งที่ตัวเองคิดมาสักพัก
“พี่เอกเขาโกรธอะไรเนมหรือเปล่าแม่"
แม่เลิกคิ้วมองลูกชายที่หลังๆมานี่ซึมลงเพราะพี่ไม่อยู่
“พี่เอกจะโกรธเนมทำไม พี่เขาฝากของให้ลูกด้วย”
เนมมองนาฬิกาของพี่ที่แม่่บอกว่าพี่ฝากไว้ให้ ก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนของตัวเอง นาฬิกาเรือนนี้เนมเคยให้พี่เป็นของขวัญตอนที่พี่เอกแข่งบาสเก็ตบอลชนะตอนม.6 เพราะเนมให้เหตุผลว่าพี่จะได้รู้ว่าเนมจะมาหาตอนไหน และเหตุผลที่คืนให้นี้เนมคิดว่าบางทีพี่คงไม่อยากเจอเนมอีกแล้ว
***
“พี่สิทธิ์ เนมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
12 years ago“ทำไมต้องรับน้องตั้งแต่วันแรกด้วยวะ กูอยากกลับหอ”
เด็กปีหนึ่งที่นั่งอยู่ในแถวรอรับน้องบ่นอุบเพราะอากาศตอนบ่ายสามโมงร้อนมากจริงๆ
“เห็นว่าปีนี้มีคนซิ่วมาจากกรุงเทพนะ เด็กทุนด้วย”
เพื่อนอีกคนว่า
“จริงเหรอ ใครวะมึง”
เนมที่นั่งติดอยู่กับสองคนนั้นยิ้มก่อนจะบอก
“เราเองอ่ะ”
สองคนนั้นดูตกใจ แต่ไม่ทันไรก็หันมาคุยด้วย
“มึงเหรอที่ซิ่วมาจากหมอ”
เนมพยักหน้าหงึกหงัก เพราะได้ยินข่าวลือของตัวเองมาตั้งแต่เช้าแล้วว่าเป็นเด็กอัจฉริยะบ้าง ย้ายบ้านมาบ้าง หนีมาเฟียมาบ้าง เลอะเทอะไปหมด
“อือ เราเอง"
“ไม่เสียดายเหรอวะ พ่อกูนี่เข็นไปเถอะ ขายบ้านส่งได้เลย แต่กูโง่”
เนมหัวเราะเพื่อนที่ดูตื่นเต้นก่อนจะตอบ
“เราแค่ชอบเรียนมาตั้งแต่เด็กเฉยๆ หนีมาเพราะเบื่อกรุงเทพ อยากได้อากาศดีๆ”
เนมว่า ทำเอาเพื่อนสองคนหัวเราะ
“เหี้ย ของจริงว่ะ อินดี้สัด”
เนมขำตาม ก่อนจะเริ่มแนะนำตัว
“เราชื่อเนม”
“กูชื่อโจ๊ก ไอ้นี่ชื่อแมน”
คนชื่อแมนยิ้มให้ ก่อนจะกระซิบถาม
“ทำไมมึงกับพี่เอกปี 2 นามสกุลเหมือนกันเลยวะ”
โจ๊กหันไปหาเพื่อนก่อนจะถาม
“เอกไหน”
“ประธานรุ่นปี 2 ไง นามสกุลยาวๆแปลกๆแถวนี้มีคนเดียว”
เนมยิ้ม
“บังเอิญมั้ง”
แมนขมวดคิ้วก่อนจะพูดต่อ
“ถ้างั้นบังเอิญไป พี่แกมาจากกรุงเทพเหมือนกัน ได้ข่าวว่าเป็นเด็กทุนกีฬาจะขึ้นปี 3แล้วแต่ซิ่วมา”
เนมยิ้มอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป
***
เปิดเทอมได้สักพักแล้วแต่เนมยังไม่ได้เจอพี่เอกแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆที่เนมตั้งใจเข้ารับน้อง เข้าประชุมเชียร์ จนถูกเลือกให้เป็นประธานรุ่นปี 1 แต่ประธานรุ่นปี 2 ก็ยังไม่โผล่หน้ามาด้วยซ้ำ คงเพราะว่าพี่เอกน่าจะรู้ถึงการมาของเนมตั้งแต่แรก ถึงได้ถอยร่นไปแบบนี้
“พี่ต่อ เปิดประตูหน่อย”
เนมมายืนรอหัวหน้าเชียร์ปี 2 ที่นัดเจอกันตอนสองทุ่มที่หอ พี่ต่อบอกว่าจะเอาตารางงานของสโมสรนักศึกษาให้ แต่เมื่อมาถึงประตูหอกลับล็อคสนิทแถมเคาะไปตั้งนานยังไม่มีคนมาเปิด คือตอนนี้เหลือแค่ถีบประตูแล้ว
“ใครวะ”
แต่ยังไม่ได้ทำอะไรรูมเมทของพี่ต่อก็ผลักประตูออกมา เนมรู้ดีว่าใครคือรูมเมทพี่ต่อ เพราะรู้ดีถึงได้มา
“มาหาพี่ต่อครับ”
เนมบอกประธานรุ่นปีสองที่ดูท่าทางตกใจเล็กน้อย แต่ไม่ทันไรก็ปรับสีหน้าให้เรียบเหมือนปกติ
“แต่จริงๆเนมอยากคุยกับพี่เอกด้วย”
เจ้าของห้องที่กะจะปิดประตูตั้งแต่เห็นหน้าน้องเลือกที่จะเปิดประตูห้องไว้ เพราะรูว่าถึงจะปิดเนมก็คงจะยืนรออยู่แบบนั้น
“มาทำไมที่นี่”
เอกถามเนมที่แค่เห็นผ่านๆตาก็รู้ว่าน้องผอมลง แก้มที่เคยกลมๆตอนนี้ซูบ หน้าตาของเนมเปลี่ยนไปเล็กน้อยถ้าเทียบกับปีที่แล้ว แต่ยังไงดวงตากลมโตของเนมก็ยังทำให้เนมน่ารักอยู่วันยังค่ำ
“แล้วทำไมจะมาไม่ได้ ก็ได้ทุนที่นี่”
คนเด็กกว่าว่า เอกมองออกไปนอกหน้าต่างที่ตอนนี้มืดสนิท ก่อนจะหันมาถามคนที่ไม่ได้เจอกันเกือบปีเต็ม
“มาทำไม!”
ภาพจำของเนมที่มีต่อพี่เอกคือพี่เป็นคนอ่อนโยน พี่เอกไม่เคยตวาด ไม่เคยดุเนม คนเป็นน้องก้มหน้ามองพื้นก่อนจะถามด้วยเสียงเบาหวิว แต่ยังไงก็ได้ยินอยู่ดี
“พี่นั่นแหละ หนีมาทำไม”
เอกเงยหน้ามองเพดานพร้อมกับกำมือไว้แน่นเมื่อไหล่ของน้องกำลังสั่น เนมยังขี้แงอยู่เหมือนเดิม
“ทำอะไรของเนม ปีที่แล้วได้ทุนเรียนหมอไม่ใช่เหรอ”
เสียงของพี่อ่อนลง เอกพยายามสูดหายใจให้ลึกพร้อมกับถอยหลังออกไปอีกก้าว อย่างน้อยก็เพื่อกั้นระยะห่างตัวเองกับน้องไว้ เนมเงยหน้าขึ้นมามองพี่ด้วยดวงตาแดงก่ำ
“เนมคิดถึงพี่”
เอกเบือนหน้าหนี
“กลับไปซะ”
เนมส่ายหัว
“ไม่อยากเห็นหน้าเนมขนาดนั้นเลยเหรอ”
ตลอดเวลาหนึ่งปีเต็ม เนมเฝ้าถามตัวเองว่าทำไม เนมทำอะไรผิด ทำไมพี่ถึงหนีหายไป ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไมเต็มไปหมด และในที่สุดก็ได้แต่โทษตัวเองที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง เนมเลือกที่จะทิ้งทุนที่เรียนอยู่ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะมายืนต่อหน้าพี่เอกอีกครั้งแล้วถามว่าทำไมพี่ถึงได้ทิ้งเนมไป
“กลับบ้านไปเถอะ”
เนมส่ายหน้า น้ำตาหยดเล็กๆค่อยไหลลงที่แก้มใส เนมอยากจะถามพี่หลายอย่าง
“ไม่กลับ พี่เห็นเนมเป็นอะไรกันแน่ฮะ”
เอกหันหลังให้อีกคน เขาปวดหัวใจเหมือนมันจะหลุดออกมา ในขณะที่เนมกำลังถามว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เอกเองก็กำลังถามตัวเองอยู่ซ้ำๆว่าทำไมเรื่องบัดซบแบบนี้ถึงเกิดขึ้นกับเขา
“น้องไง”
เอกตอบด้วยเสียงเนียบนิ่งอย่างที่ไม่เคยทำกับน้อง ถึงไม่หันไปมองก็รู้ว่าเนมคงกำลังร้องไห้
“อะไร”
อาจจะเป็นเพราะพวกเขายังเด็ก ทางออกมันถึงได้เป็นแบบนี้
“เรามาเป็นพี่น้องกันเถอะ”
เนมเอาแต่วิ่งตามคำถามของตัวเองแต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เนมจะเตรียมใจรับคำตอบแบบนี้ เช่นเดียวกับพี่ที่วิ่งหนีจนไม่ทันคิดว่าหากน้องตามมาถึงตัวเขาจะทำยังไง
“ไม่เลิก เนมไม่เลิก”
คนเป็นน้องกอดพี่ไว้ในที่สุด เอกพยายามแกะมืออีกคนออกจากเอวตัวเอง
“กลับบ้านไป”
เสียงสะอื้นของน้องทำให้เขาหายใจแทบไม่ออก เอกบีบข้อมือของน้องที่สวมสร้อยข้อมือมีจี้รูปหัวใจสีเงินที่คุ้นตา ก่อนจะตัดใจกระชากออกจากตัว
“บอกให้ไปไงวะ!”
เนมมองหน้าพี่ผ่านตาที่พร่ามัวของตัวเอง
“เนมเจ็บ”
สายตาปวดร้าวของน้องทำให้คนเป็นพี่ถอยมือออก เอกมองมือของตัวเองก่อนจะมองหน้าของเนม ปลายจมูกโด่งของน้องแดงจัดเหมือนกับดวงตาที่น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
“เนม พี่...”
เสียงของคนเป็นพี่ขาดห้วงในขณะเดียวกันที่ประคูห้องถูกเปิดออก
“มีอะไรกันวะ”
ต่อมองคนสองคนสลับกัน ก่อนที่เนมจะเดินออกจากห้องไปด้วยน้ำตา ต่อมองหน้ารูมเมทตัวเองอย่างต้องการคำตอบ เอกนั่งลงบนเตียงพร้อมกับใบหน้าที่แดงจัดเหมือนคนควบคุมอารมณ์ไม่ได้
“มีเหี้ยอะไรกันวะ”
“ไม่มีอะไร”
ต่อมองเพื่อนที่ยกมือปาดน้ำตาตัวเองก่อนจะตัดสินใจเดินตามเนมออกไป
***
“เหี้ยเนม เมื่อคืนมึงไปเรื้อนห้องพี่เอกมาเหรอวะ ปีสองเขาลือกัน”
แมนถามเนมที่กำลังนอนฟุบลงกับโต๊ะหินอ่อนในบ่ายของวัน
“อือ มั้ง”
เนมตอบไม่เต็มเสียง โจ๊กที่ได้ยินข่าวมาเหมือนกันว่าประธานรุ่นสองรุ่นมีปัญหากันบอกบ้าง
“ระวังรับน้องพี่มันจะเล่นมึงหนักนะ”
เนมแค่นหัวเราะ
“เอาเถอะ”
“เออกูก็พึ่งเห็นหน้าประธานปี 2 หน้าตาไม่เหมือนมึงเลย”
อยู่ดีๆแมนก็โพล่งขึ้นมา เนมเงยหน้าขึ้นแล้วเลิกคิ้วมองเพื่อน
“จะเหมือนกูได้ไงวะ”
แมนกับโจ๊กมองหน้ากัน
“ก็พวกกูนึกว่าเป็นพี่น้องกัน”
“ไร้สาระ”
เนมบอกก่อนจะพุปหน้าลงที่โต๊ะเหมือนเดิม
***
ข่าวลือของประธานสองรุ่นบ้างก็ว่าแย่งผู้หญิงกัน เป็นพี่น้องที่แย่งมรดกกัน คนนึงเป็นลูกเมียหลวงอีกคนเป็นลูกเมียน้อย สาเหตุก็มาจากการที่เนมมายืนเคาะประตูห้องพี่เอกเกือบทุกวัน
“เปิดหน่อย เนมรู้นะว่าพี่เอกอยู่ข้างใน”
ปกติแล้วจะเป็นพี่ต่อมาเปิดเพราะถ้าพี่เอกรู้ว่าเป็นเนมพี่เอกก็จะขังตัวอยู่ในห้องน้ำบ้าง ปีนระเบียงชั้นสองออกไปบ้าง ถ้าพี่เอกยอมคุยกันเนมว่าเรื่องมันคงไม่ลือไปไร้สาระขนาดนั้นหรอก แต่วันนี้แปลกที่เป็นผู้หญิงมาเปิดประตู เนมขมวดคิ้วก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องที่มีเตียงสองชั้นตั้งไว้ที่มุมห้อง ที่นี่เป็นหอในมหาวิทยาลัยก็จริงแต่ก็ไม่ได้แยกชายหญิง
“พี่เอก”
เนมเดินเข้ามาถึงเตียงแล้วเห็นว่าพี่กำลังหลับ ท่อนบนที่เปลือยเปล่าเผยให้เห็นรอยจูบหลายรอยบนแผ่นอก เนมที่ในตอนแรกคิดว่าพี่ผู้หญิงที่ยืนมองอยู่ตอนนี้อาจจะเป็นเพื่อนพี่เอกกับพี่ต่อเริ่มทำตัวไม่ถูก เนมจำไม่ได้ว่าตัวเองน้ำตาไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมมือตัวเองตอนที่แตะไหล่พี่ถึงได้สั่นนัก
“เนม?”
เอกที่ดื่มไปตั้งแต่บ่ายแถมยังเมามากลืมตามองน้องที่ยืนมองกันอยู่นิ่งที่ข้างเตียง ...เนมร้องไห้อีกแล้ว... เอกที่ยังมึนกับฤทธิ์เหล้ามองรุ่นพี่ผู้หญิงที่หิ้วเข้ามาที่หอ มองน้องชายตัวเล็กที่กำลังทำตัวไม่ถูก ก่อนจะรู้ว่าร่างกายตัวเองเหลือเพียงบ็อกเซอร์
“มีอะไร”
เอกถามน้องด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อธิบายมา”
เนมถามเสียงสั่น ผู้หญิงคนเดียวในห้องเดินเบียดตัวเนมเข้ามาหยิบกระเป๋าที่วางไว้ปลายเตียง ก่อนจะถามเจ้าของห้อง
“ใครอ่ะ”
เอกเบือนหน้าหนีจากดวงตากลมโตที่มองตรงมาหากัน
“น้อง”
เนมที่ชาไปทั้งตัวใช้มือปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดออกจากแก้มตัวเองเบาๆ ผู้หญิงคนนั้นออกจากห้องไปแล้ว
“ทำไมทำแบบนี้วะ”
เนมถามคำถามที่อยากรู้มาตลอดหนึ่งปี สำหรับเนมแล้วพี่เอกเป็นทั้งหมดของชีวิต พี่เอกเป็นคนที่เนมรัก นอกจากแม่แล้วพี่เอกคือคนที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แล้ว
“เพราะที่บ้านใช่ไหม ทำไมวะ ทำไมเนมไม่รู้อะไรเลย”
คนเป็นพี่มองมือสั่นเทาของอีกคนที่กุมกันไว้แน่น เอกมองสร้อยข้อมือที่น้องสวมไว้ที่ข้อมือข้างซ้ายอย่างดี เขาหลับตาลงเพื่อไล่ความทรงจำต่างๆก่อนจะตอบ
“แค่เบื่อ ถึงหนีมาไง”
“โกหก!”
สำหรับเอกแล้วเนมเป็นเด็กที่ร่าเริง น่ารัก สิ่งที่เนมควรได้รับคือครอบครัวที่ดี ความรักที่ดี ไม่ใช่มายืนร้องไห้อยู่แบบนี้
“ไม่ได้โกหก”
เอกตอบ
“เกลียดเนมแล้วใช่ไหม”
เอกมองใบหน้าน่ารักที่มักจะยิ้มกว้างอยู่เสมอ เขายันตัวลุกขึ้นพร้อมกับตอบ
“อืม”
ถึงตอนนี้ไม่ได้มองน้องชัดแต่เอกก็รับรู้ได้ว่าน้องคงเสียใจและเกลียดเขามาก เนมดึงสร้อยออกจากข้อมือตัวเองโดยไม่ได้สนใจว่าจะโดนบาดรึเปล่า เอกยื่นมือเข้าไปใกล้น้องอย่างไม่รู้ตัว ถ้าเป็นปกติแล้วน้องคงวิ่งเข้ามกอดแล้วร้องไห้ แต่วันนี้กลับไม่ใช่อีกแล้ว
“อย่าเอามือที่จับคนอื่นมาจับเนม!”
“เนม...พี่”
คนเป็นน้องทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เนมร้องไห้แบบที่ไม่เคยร้องมาก่อน เนมคอยบอกตัวเองอยู่เสมอว่าพี่คงมีเหตุผลที่หนีหายไป เนมขอให้เป็นเหตุผลอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่พี่เอกไม่รักกันแล้ว
“ถ้า... ถ้าไม่รัก ก็บอกกันดีๆ”
เนมบอกอีกคนด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น เอกกำหมัดแน่นก่อนจะเรียกน้อง
“อ้วน พี่...”
ในระหว่างที่บรรยากาศทั้งหมดกำลังเลวร้ายจนนึกภาพไม่ออกว่าจะเดินไปทางไหนต่อ เจ้าของห้องคนอีกคนก็ผลักประตูเข้ามา
“เสร็จแล้วเหรอวะมึง ทีหลังไปเอากันที่อื่น”
ต่อกลืนทุกอย่างที่จะพูดลงในลำคอ ยืนมองเนมที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่ผนังอีกฝั่งด้วยความไม่เข้าใจ และมองเพื่อนตัวเองที่มีสภาพเหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปสะกิดเนมที่สะอื้นจนตัวโยน
“เนม เป็นอะไร”
ต่อถามรุ่นน้องที่นั่งกุมมือตัวเองทั้งที่ยังเลือดไหล ส่วนรูมเมทตัวเองสวมกางเกงแล้วก็ออกจากห้องไปโดยไม่ได้พูดอะไร
“เหี้ยอะไรอีกวะเนี่ย”
***
“ประชุมเชียร์ประธานรุ่นไม่โผล่ไปทั้งสองปีเลยไอ้ห่า”
ต่อกลับห้องมาในตอนเกือบสองทุ่มก่อนจะบ่นรูมเมทตัวเองที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงแบบไม่สนใจโลก
“ไอ้เนมมันป่วยยังมีเหตุผล มึงสิน่าโดนด่า”
ต่อว่าพร้อมกับเหลือบมองเพื่อนตัวเองและก็จริงอย่างที่คิด แค่ได้ยินชื่อเนมเอกก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“เนมเป็นอะไร”
”อยู่โรงบาลนู่น”
ต่อตอบตามจริง
“เป็นอะไร”
“ขับมอไซต์ลงทุ่ง ถลอกไปทั้งตัว ดีไม่มีอะไรหัก นี่กูว่าจะไปเยี่ยมมัน ไปไหม”
ต่อพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่คนฟังกลับขมวดคิ้วแน่น
“ไม่ล่ะ”
ต่อถอนหายใจก่อนจะมองสร้อยข้อมือเส้นเล็กที่เพื่อนเก็บไว้อย่างดีตรงหัวเตียงพร้อมกับรูปถ่ายของใครบางคนที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลตอนนี้ ต่อเห็นรูปนั้นมาตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เช่นเดียวกับที่เพื่อนไม่ยอมพูดอะไรเลยเหมือนกัน
***
“เป็นไงมั่งประธาน”
ต่อที่หิ้วข้าวกล่องเข้ามาในตอนเกือบสองทุ่มทักทายรุ่นน้องที่นอนเปื่อยเป็นผักแล้วหันมองซ้ายขวาที่ค่อนข้างเงียบ
“เพื่อนมึงล่ะ”
“กลับไปเมื่อกี้”
เนมตอบทั้งพยามยามมองไปข้างหลัง ต่อถอนหายใจก่อนจะบอก
“ถ้ามึงมองหาไอ้เอก มันไม่มา”
ต่อตอบก่อนจะนั่งลงข้างเตียงแล้วลูบหัวน้องมันเบาๆ
“กูว่าแค่ช้ำในมึงคงไม่ร้องไห้หรอกเนม”
รุ่นพี่ว่าเมื่อเห็นน้องมันเริ่มเช็ดน้ำตา
“พี่ต่อ”
“คิดซะว่ากูเป็นพี่อีกคนของมึงละกัน”
ต่อตบไหล่น้องเบาๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเนมเจ็บหรือเปล่าถึงได้โผเข้ามากอดแล้วร้องไห้อย่างกับว่ามีใครตาย ต่อแล้วลูบหลังน้องมันเบาๆ แม้ที่ผ่านมาจะเคยคุยกันแค่เรื่องงานและไม่ได้สนิทกันมากมาย เขาก็พร้อมจะฟัง และที่ร้องไห้มากมายขนาดนี้ตัวเนมเองคงมีเรื่องเสียใจอยู่ แถมเนมคงจะขวัญเสียด้วยที่ไม่มีใครมาเยี่ยมเลยนอกจากเพื่อน ต่อรู้ว่าเวลาล้มแล้วไม่มีใครอยู่ข้างกันเลยมันเจ็บแค่ไหน
“มึงร้องเลย หยุดร้องแล้วค่อยคุยกัน”
11 years ago“เนมกลุ่มเลขไฟฟ้ามึงครบยัง”
เนมเงยหน้ามองคนที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมสาขาและรูมเมทเดินเข้ามาถามในตอนที่ตัวเองกำลังกินข้าวไปอ่านชีทไป
“ยัง มีกูคนเดียวเนี่ย”
“กูกับไอ้แมนอยู่ด้วยนะ”
คนที่เป็นที่หนึ่งของสาขาพยักหน้ารับง่ายๆ เพราะขี้เกียจหาคนมาเข้ากลุ่มเหมือนกัน แต่ยังเคี้ยวข้าวไม่เท่าไหร่ไอ้แมนที่ว่าก็วิ่งมาตบหลังจนแทบจะสำลัก
“ไอ้ห่า เมื่อคืนพวกมึงทิ้งกูไว้ที่ร้านเหล้า”
โจ๊กขำก่อนจะบอก
“ก็ไอ้เหี้ยเนมแม่งเมาเป็นหมา เกือบโดนตีนพวกวิดคอม”
เนมที่เมื่อคืนแทบจะไม่มีสติลูบแขนตัวเองป้อยๆ
“ไอ้เหี้ยโจ๊กมันลากกูกลับหอเป็นขยะเลยไอ้ห่า ถลอกไปหมด”
เนมหันไปบอกแมนกับโจ๊กขำก่อนจะยื่นกระดาษให้
“ใครลายมือสวยๆเขียนรายชื่อกลุ่มเลขดิ๊ อาจารย์กมลจะตบเอาถ้าให้กูเขียน”
เนมรีบเสนอตัว
“กูไง”
แมนรีบดึงกระดาษไปก่อนจะเขียนเองพลางบ่น
“มึงเรียนเก่งอย่างเดียวเนม ลายมือมึงเหี้ย”
เนมหัวเราะก๊าก เพราะงานชิ้นที่แล้วโจ๊กปล่อยให้เนมทำแล้วโดนอาจารย์ตีกลับมาเพราะอาจารย์บอกว่าอ่านไม่รู้เรื่อง
“พี่เอกมองอะไรพวกมึงวะ กูเห็นตั้งแต่เดินมาแล้ว”
โจ๊กถาม เพราะสังเกตมาตั้งแต่เดินเข้าโรงอาหารมาแล้ว
“มองไอ้เหี้ยเนมมั้ง อริเขา”
แมนที่ก้มหน้าก้มตาเขียนรายชื่อสมาชิกในกลุ่มให้เพื่อนบอก เนมยักไหล่ แต่โจ๊กกลับสงสัย
“เกลียดเหี้ยอะไรวะ เรื่องตั้งแต่ปีหนึ่งเหรอ”
เรื่องที่ว่าเนมมันเมาแล้วไปเรื้อนใส่พี่เขากระจายไปทั่วทุกชั้นปี เห็นว่าตอนนั้นแลกหมัดไปคนละตุ๊บสองตุ๊บ
“เหรอวะ วันนั้นกูยังเห็นช่วยไอ้เนมตอนเมาอยู่เลย”
โจ๊กบอกแมน เนมเลิกคิ้วมอง แมนที่สงสัยเหมือนกันรีบถาม
“ช่วยอะไรวะ”
“พี่มันวิ่งมาดึงพวกเด็กวิดคอมข้างหลังไอ้เนมไง ไม่งั้นไอ้พวกห่านั่นวิ่งถึงตัวมึงแล้ว”
โจ๊กบอก เนมยักไหล่อีกครั้งก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อ
“กูยอมมึงเลยเนม เด็กทุนเหี้ยอะไรวะ เถื่อนสัด ดีเขาไม่ถอนทุนมึง"
แมนบ่น
“แบ๊วๆแดกไม่ได้”
เนมเคี้ยวข้าวไปพูดไป และแขกไม่ได้รับเชิญก็แวะมาที่โต๊ะ ไม่ใช่ใครแต่เป็นไอ้พี่ต่อที่ตอนนี้ขึ้นปี 3 ไปแล้ว พี่แกเดินมาจากโต๊ะเพื่อนตัวเองเพื่อมาหาเนมโดยเฉพาะ
“แบ๊วเหรอน้องเแก้ม!!”
พี่แกว่าเสียงดัง ดูก็รู้ว่าตั้งใจทำให้เนมอาย
“แก้มพี่มึงสิ”
“เหี้ยนี่”
พี่ที่ว่าตบปุลงบนไหล่น้องมันหนักๆ เนมบ่นบ้าง
“เนมจะไม่ติวให้พี่ต่อแล้ว”
และพอบอกแค่นั้นพี่ต่อก็รีบไหว้น้องปะหลก เรียกเสียงฮาครืนจากทั้งเพื่อนเนมและจากโต๊ะเพื่อนพี่มัน ยกเว้นแต่คนๆเดียวที่ยังหน้านิ่ง เนมเบือนสายตาหนีจากพี่เอกก่อนจะโดนพี่ต่อบีบนวดให้
“โทษนะแก้ม”
เนมมองพี่ต่อพร้อมกับบอก
“ไม่ยกโทษ”
“พี่มึงนี่เหมือนแฟนไอ้เนมนะบางที”
แมนบอกพี่ต่อที่นั่งลูบหัวลูบหางไอ้เนมอยู่ เห็นว่าสนิทกันมาตั้งปีหนึ่ง โจ๊กที่อยู่ห้องเดียวกับเนมยังไม่ได้ตัวติดกันขนาดพี่ต่อกับเนมมันเลย
“ไม่บางที หลายทีเลย”
โจ๊กบอก คนที่โดนหาว่าเป็นแฟนกันมองหน้ากัน เนมทำหน้าตาแบบคนหดหู่ในโชคชะตา ส่วนพี่ต่อรวบตัวรุ่นน้องแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“มาหอมหน่อยน้องเนม”
“ไอ้พี่ต่อ!”
เนมฟาดพี่ต่อไปหลายที เพื่อนๆในสาขาที่รู้จักคนทั้งคู่ดีนั่งขำ มีแค่คนเดียวที่ลุกออกจากโต๊ะเงียบๆ และเนมก็เห็นว่าเขาเดินออกไปด้วยท่าทางหัวเสียพอสมควร
***
“ไปไหนวะ”
เอกถามเพื่อนตัวเองที่ออกไปกินเหล้าตั้งแต่ค่ำพึ่งจะกลับมาถึงไม่ทันไรก็หยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์ออกไปอีกรอบ
“ไปส่งน้องแก้ม เห็นเดินมาตั้งแต่หลังม. บอกพวกไอ้แมนทิ้งมัน”
เอกเลิกคิ้วมองก่อนจะถาม
“แก้มไหน”
“ไอ้เนมไง”
“แล้วไปไงวะ”
ต่อแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องระหว่างคนสองคนก่อนจะตอบ
“มอไซต์มั้ง แม่งเมาเดินขาลาก ยิ่งน่ารักๆ โดนลากเข้าป่าซวยเลย”
ต่อมองเพื่อนตัวเองที่ดูร้อนรนอย่างเห็นนได้ชัด
“มึงชอบน้องมันเหรอวะ”
ต่ออมยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็พูดเรื่องที่พึ่งเจอมาให้เพื่อนฟัง
“เอ้อ กูไปร้านหลังม.มา เจอเด็กมึงนัวอยู่กับเด็กวิดคอม”
เอกพยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงอ่านหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดดังเดิม ต่อมองกองหนังสือตรงหัวเตียงของเอกแล้วก็มองไปยังรูปถ่ายใบเดิมก่อนจะสังเกตเห็นว่าสร้อยข้อมือที่เคยวางไว้หายไปอยู่บนข้อมือของคนบนเตียงแล้ว
“ขอบใจนะ”
ต่อว่าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเพื่อนขอบคุณเรื่องที่คาบข่าวกิ๊กมันมาบอกหรือเรื่องที่จะไปรับเนม แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าสร้อยข้อมืออันนั้นเป็นของใคร