M ♠ M
23.5
‘หัวกระแทกหิน’
คือสิ่งที่ทำให้ความทรงของผมกลับคืนมา
ฟังดูตลก
แต่ตอนที่ผมกับพวกพี่คมกำลังหัดวิธีป้องกันตัวพื้นฐาน ไอ้คนหน้าประหลาด ที่ดูท่าทางจะพูดไทยไม่ได้ มันเผลอจับผมทุ่มผิดท่า
ผมก็เลย.....น็อคกลางอากาศไป
ตื่นมาอีกที
หัวผมปูด และปวดตุบๆ เหมือนกบาลจะแยกออกจากกัน มันปวดมากจนเวียนหัวตาลาย
พออาการทุเลาผมลืมตาถึงเห็นพี่คม ร้องโวยวายสำนึกผิด และบอกให้ผมห้ามบอกพี่เมฆเด็ดขาดว่าเกิดอะไรขึ้น
พี่คม...คนนี้ ผมเคยเห็นมาก่อน เคยสะกดรอยตามอยู่เป็นเดือน เขาคือมือขวาของคนชื่อเมฆ
คนชื่อเมฆ
ที่อยู่ในกลุ่มพวกค้าอาวุธเถื่อน
เป็นคนแรกในรายชื่อเลยมั้ง ถ้าจำไม่ผิด
ผมขมวดคิ้วพอสมองเริ่มลำดับเหตุการณ์จากเก่ามาใหม่
คนชื่อเมฆ...มันไม่ใช่คนที่ผมคลุกคลีอยู่ด้วยตอนนี้เหรอวะ?
“ผมไม่เป็นไรแล้วพี่คม เงียบเหอะ พี่ร้องโวยวายอย่างนี้ผมหนวกหู”
สิ้นเสียงผมพี่คมทำหน้าอึ้ง ผมยกมือแตะๆ แผลที่มีผ้าพัน ดูท่าเลือดจะหยุดไหลแล้ว
“ผมนอนนานไปกี่นาที?”
“นาทีมันเร็วไป สามชั่วโมงครับ น้องมายด์ยังเจ็บอยู่ไหม? พี่คมเข้าไปช่วยไม่ทัน พี่คมขอโทษนะ”
ผมพยักหน้าพลางแกะผ้าพันแผล
“น้องมายด์แกะทำไม!?” พี่คมถลาเข้ามาดึงมือผมออก
“ก็ไม่อยากให้พี่เมฆรู้ไม่ใช่เหรอครับ เลือดมันหยุดไหลแล้ว ไม่เป็นไรหรอก คงไม่ตายง่ายๆ” พี่คมทำหน้าอึ้งยิ่งกว่าเดิม
“เอ่อ พี่คมว่า.......น้องมายด์ดูแปลกๆ ไปนะ”
ผมยิ้ม
“อยู่กับพวกพี่นั่นแหล่ะทำให้ผมแปลกขึ้นทุกวัน” ผมก้าวลงจากเตียง สะบัดหัวสองสามทีไล่ความมึน ผมยืนนิ่งลำดับเหตุการณ์
อดีตกับปัจจุบันกลับตาลปัตร
ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี ?
ผมหันไปมองพี่คมที่ทำหน้ามึนงงสงสัย
แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า...คงต้องตามน้ำไปก่อน
“ฝึกต่อเถอะครับ” ผมบอกพี่คม... คนที่เมื่อก่อนเคยคิดจะยิงทิ้งมาแล้ว
“ฝึกได้ยังไงล่ะครับ น้องมายด์บาดเจ็บอยู่ เกิดเป็นหนักกว่าเดิมขึ้นมา พี่คมคงไม่ได้แก่ตายแน่เลยอ่ะ”
“แล้วพี่คมอยากตายแบบไหนเหรอ?”
พี่คมขมวดคิ้ว หน้าเสีย ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ
“พี่ว่าน้องมายด์หัวกระแทกแรงไปแน่นอนเบย อย่าถามแบบนี้สิจ๊ะ พี่ยังไม่ได้คิดจะตายเร็วๆ นี้หรอก”
“ขอโทษครับ ผมก็ถามไปอย่างนั้นพี่คมอย่าถือสาผมเลยนะ” พี่คมยิ้มแห้งพยักหน้า
“เอางี้ เดี๋ยวพี่สอนรหัสมอสให้ดีกว่า เอาไว้ใช้สื่อสารกับพวกเราด้วย เพราะบางคนมันพูดภาษาปรสิต เราต้องมีสื่อที่เป็นสากลไว้เป็นตัวช่วย”
“น่าสนุกดีนะครับ”
“ก็พี่คมสอนซะอย่าง”
ยังไม่มีคนรู้ว่าผมความจำเสื่อมสินะ
นอกจาก..................พี่เมฆ
ผมใช้เวลาสำหรับการศึกษารหัสมอสคิดเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นซะมากกว่า
ไม่จำเป็นต้องจำไอ้เรื่องที่สอนพวกนี้หรอก เพราะรู้อยู่แล้ว ผมสังเกตคนรอบตัว รู้สึกตื่นเต้นนิดๆ เพราะคนที่ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าใกล้สักครั้ง บัดนี้เดินวนไปเวียนมาไม่ไกล
พี่คม...
พี่เป็ด...
โซ่ ... ท้อป... ตัวเบิ้มทั้งนั้นนี่หว่า
เมื่อก่อนเคยเห็นแต่ในรูป ตัวจริง... ไอ้ท้อปผมเคยเห็นตอนมันกระทืบคนแล้ว น่ากลัวไม่เบา
พี่โซ่ เป็นคนสอนไอ้ท้อป ถึงไม่เคยเห็นแต่ก็น่าจะเก่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้วพี่เมฆล่ะ?
คนที่กำลังคิดถึงเดินผ่านมาพอดี
เมื่อก่อนผมโดนใครต่อใครพูดกรอกหูว่าพี่เมฆจัดการยากเกินไป ในเมื่อฆ่าไม่ได้ ก็หาทางให้เขามาเป็นพวกดีกว่า
คนที่เมื่อก่อนอยู่ไกลเกินเอื้อม แต่ตอนนี้....
ผมสามารถคุยกับเขาได้
จับเขาได้
ชอบเขาได้
มีสัมพันธ์กับเขาได้
ผมทำได้ยังไงวะ ?
นี่คือพี่เมฆ...ตัวจริง ตัวเป็นๆ ที่ใครต่อใครต่างพากันกลัวหัวหดจริงดิ?
เขาดูไม่ใช่คนอย่างนั้นเลย
ผมลองทดสอบเขานิดหน่อย...
ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่เคยได้ออกแรงอีกเลย กล้ามเนื้ออ่อนเหลวไปหมด ยังกับคนป่วยใกล้ตาย
ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องชกต่อย แต่ก็พอป้องกันตัวได้
ที่ถนัดจริงๆ น่าจะเป็นยิงปืน อะไรที่เกี่ยวกับปืนผมชอบหมด
ขณะที่ผมรัวกำปั้นและเท้าใส่ พี่เมฆรับไว้ได้หมด ถึงปากจะบอกห้าม แต่สังเกตจากสีหน้าเหมือนเขากำลังสนุกอยู่ เขาชอบกลั่นแกล้งผมต่างๆ นานา
แต่ผมก็ชอบเขา รักเขาเข้าไปแล้ว
พี่เมฆให้ผมเลือกระหว่าง แม่ กับ เขา...ซึ่งเป็น ‘ผัว’
คิดแล้วตลกเมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้
“ถ้าผมเลือกแม่ พี่เมฆจะฆ่าผมไหม?” ผมเริ่มสับสนตัวเอง ที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าชอบเขาจริงๆ แต่เรื่องแม่จะทำยังไง แล้วยังองค์กรบัดซบนั่นอีก ผมมีทางเลือกไหนบ้างวะ
“ให้ฆ่าคุณ ผมไปฆ่าหอยเอามาย่างกินดีกว่าไหม” พี่เมฆตอบคนละเรื่อง
“หอยย่างอ่ะ แดกอร่อย มีประโยชน์ คุณค่าจากทะเลทั้งนั้น อีกไม่นานหรอก เราจะได้ไปทะเลกันแล้ว เตรียมแหเอาไปหว่านหอยกินดีกว่ามาคิดเรื่องฆ่าฟัน ถึงคุณจะจำอะไรได้ แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผมแม้แต่นิดเดียว ผมยอมให้คุณปู้ยี้ปู้ยำจนกว่าจะพอใจ ขอแค่อย่าคิดถึงอดีตเห้ๆ เป็นพอ” พี่เมฆยกมือจับแก้มผมให้เงยหน้ามองเขา
ใจผมเต้นตึกตัก
“ผมทำน้ำจิ้มซีฟู๊ดอร่อยนะเว้ย”
“ครับ”
“คิดแค่ว่าคุณเป็นเมียผม แล้วก็รักผมมากก็พอ” จากหอยทะเลกลายเป็นเรื่องนี้ไปได้ยังไงก็ไม่รู้
“รักผมใช่ไหมล่ะ?” ผมพยักหน้า
“แล้วพี่เมฆล่ะ ยังไม่เคยพูดเลยนะว่ารู้สึกยังไงกับผม” เรื่องนี้เพิ่งนึกขึ้นได้สดๆ ร้อนๆ เลย
“บอกไปแล้วหนิ”
“ตอนไหนอ่ะ ไม่เห็นเคยได้ยิน” พี่เมฆยักไหล่ แล้วเดินไปนั่งตรงโขดหิน ผมมองตามอย่างรอคอย
“บอกไปแล้ว ไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง ถ้าจำไม่ผิด”
“ในฝันเหรอครับ ผมไม่เคยได้ยิน! อย่างมากสุดก็บอกให้ผมไปมองน้ำเองนะ”
“บอกแล้ว....เป็นภาษาสืบพันธุ์ ถ้าไม่เข้าใจมันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้นะครับ”
“พี่เมฆ!!” ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับคนแบบนี้เลยนะเนี่ย
รักเข้าไปได้ไงวะ!
อยู่ๆ เปลี่ยนขั้วจากศัตรูเป็นมิตร จากมิตรเป็นคนรักแบบนี้ทำผมปวดหัวไม่ใช่น้อย
ผมไม่ใช่คนที่จะลนลานเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
รอให้ผมเข้าใจอะไรมากกว่านี้ค่อยหาทางไปเจรจากับพวกแม่ดีกว่า ส่วนตอนนี้ก็ช่วยพี่เมฆทำงานไปก่อน
แต่...........
คนที่ผมจะช่วยจริงๆ มีแค่พี่เมฆคนเดียวเท่านั้นนะ
คนอื่นไม่เกี่ยว
ในความทรงจำ พวกไอ้ท้อปคือคนที่ฆ่าคนสำคัญของผม...
แต่พวกแม่ก็ใช้ความจำเสื่อมของผมเป็นเครื่องมือเหมือนกัน
โดยหลอกว่า... ‘เพลง’ ยังไม่ตาย
ทั้งที่ความจริง ‘เพลง’ ตายแล้ว
ผมจำใครไม่ได้เลยกลายเป็นไอ้โง่อยู่พักนึง
ช่างเถอะ
คิดถึงทะเลกับหอยย่าง น้ำจิ้มซีฟู๊ดฝีมือพี่เมฆดีกว่า
ไอ้ท้อปมีโครงการไปถล่มเกาะที่เก็บอาวุธของพวกไอ้นาจ
เกาะส่วนตัวกลางทะเลของใครบางคนที่ผมรู้จักดีพอสมควร...เสธกง ไอ้หมูอ้วนที่พวกพี่เมฆชอบพูดถึงบ่อยๆ
ความจริงผมไม่ชอบหน้ามันเท่าไหร่
เห็นทีไรก็อยากจะอาเจียนทุกที ไอ้นี่มันจิตไม่ปกติ บ้าอำนาจ บ้าเงิน บ้าเซ็กซ์ ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองกับพวกพ้องเท่านั้น ผมมันก็แค่ลูกเจี๊ยบตัวเล็กๆ ที่มันมีไว้ใช้งาน ที่ผมถูกยิงส่วนหนึ่งก็เพราะไปรู้ความลับของมันเข้า แต่เพราะความจำเสื่อมเลยไว้ชีวิต
บวกกับที่...ผมเคยเป็นคนโปรดของมัน
ขยะแขยงชะมัด
ผมยังไม่อยากให้คนอื่นสงสัยว่าอยู่ๆ ทำไมถึงเหี้ยมขึ้น ก็เลยต้องตามน้ำไปกับความไร้เดียงสาในสมัยก่อน ผมฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้นเท่าที่ทำได้ ส่วนเรื่องเตะต่อยหัดพอให้ประสาทมันตื่นตัวก็พอ เพราะอยู่ๆ จะให้เก่งขั้นเทพแบบคนอื่นคงเป็นไปไม่ได้ในระยะเวลาแค่นี้
ไอ้ท้อปเคลื่อนย้ายคนเป็นสองหน่วย เอ กับ บี
เอ คือ ต้องไปสอดแนม และดูต้นทาง เคลียร์ทางเท่าที่ทำได้เพื่อให้บีมาเป็นกำลังเสริม คือพี่เมฆ พี่เป็ด กับพวกคนแปลกสองคนที่ไม่พูดไทย อีกคนชื่อพี่มาก เป็นใบ้ เพราะโดนตัดลิ้น
ตอนแรกผมถูกจับแยกเพราะดูท่าจะเป็นตัวถ่วง ผมไม่อยากแยก เลยเล่าวีรกรรมเมื่อก่อนให้เขาฟังคร่าวๆ ว่าถึงจะเห็นผมดูบื้อๆ แบบนี้ผมก็ผ่านสนามจริงมาแล้วหลายครั้ง
พี่เมฆได้ฟังก็เลยเปลี่ยนใจ ช่วยพูดกับไอ้ท้อปให้...เราก็เลยได้นั่งเรืออีกลำไปยังเกาะเป้าหมายด้วยกัน
ลมทะเลตอนกลางคืนพัดตีหน้าผมแรงกว่าปกติเพราะความเร็วของสปีดโบ๊ท ผมเกาะกราบเรือมองคลื่นน้ำในความมืด โดยที่พี่เมฆตั้งหน้าตั้งตาย่างหอยบนเตาอย่างที่บอก เขามีความสามารถอะไรแปลกๆ จริงๆ แฮะ
“พี่เมฆผมมีไรจะบอก” ผมเดินไปนั่งข้างเขาพลางเขย่าแขนเสื้อ
“จะบอกรักอีกแล้วเหรอ พูดบ่อยไปป่ะ? อายคนอื่นเขาบ้างก็ได้” พี่เมฆพยักเพยิดหน้าไปยิ้มกับพี่เป็ดและพี่มากที่ฟังภาษาพูดออก
“ไม่ใช่สักหน่อย พูดก็พูดอยู่คนเดียว เลิกดีกว่า” ผมไม่บ้าบอแบบเดิมแล้วนะจะบอกให้
“รักมันไปก็มีแต่ซวยกับซวย นอกใจแม่งไปหาผัวใหม่เถอะ อนาคตยังอีกไกลน้องเอ๊ย กูว่ามึงหาได้ดีกว่าไอ้เหี้ยเมฆหลายเท่าอ่ะ” พี่เป็ดแนะนำพลางแกะหอยจิ้มน้ำจิ้มใส่ปากเคี้ยว
“พูดแบบนี้แล้วแดกหอยกูทำเข้อะไรครับ คายหอยกูมาเลยไอ้สัด” พี่เมฆทำท่าเอาเรื่อง แต่ผมดึงเขาออกมาจากวงเสียก่อน
“จะทำอะไรผม ต้องแก้ผ้าก่อนนะ” ผมย่นคิ้ว นี่ก็คิดได้แต่เรื่องเดียว
“ผมจะถามว่า...พี่เมฆจะเข้าไปบนเกาะยังไง ว่ายน้ำไปใช่ไหม?”
“คุณว่ายน้ำไม่เป็น ผมรู้ ไม่ต้องกลัว เรามีเป็ดอยู่ เดี๋ยวผมให้คุณขี่เป็ดไป เป็ดมันว่ายน้ำเก่ง”
“ผมจะบอกพี่เมฆว่า...ผมว่ายน้ำเป็นครับ” นี่คือเรื่องที่ผมจะบอกเขาหลังจากคิดทบทวนอะไรได้แล้ว
“มายด์” พี่เมฆหรี่ตาพูดเสียงหลง “นี่คุณหลอกผมเหรอ? คุณหลอกผมใช่ป่ะ?”
“เปล่านะครับ ผมเพิ่งจำได้ คือ...ผมกลัวน้ำเพราะตอนโดนยิงผมตกลงไปในน้ำแล้วจมลงไป หลังจากนั้นก็เลยเหมือนจะว่ายไม่ได้” สับสนแฮะ
“ใครแม่งยิงคุณวะ เดี๋ยวผมเช็คบิลให้”
“เป็นบอดี้การ์ดคนสนิทของเสธฯ กงอ่ะ”
“ใครวะ ไอ้ปกเหรอ เสร็จจากนี้ก่อนนะ อยากให้มันตายยังไง คุณคิดมาละกัน มันจะเป็นไอ้ยำยำจำโบ้ ไอ้โจโจ้ล่าข้ามศตวรรษ ไอ้หมัดข้าวเหนียวนึ่ง ไอ้บึงมรณะมาจากไหนก็ไม่คณามือผมหรอก” พี่เมฆพูดแบบมั่นใจ
ผมก็เชื่อมือเขานะ แต่ไม่ได้อยากให้มาฆ่าคนเพราะผม
“ผมไปได้ยินว่ามันจะฆ่ารัฐมนตรีคนหนึ่ง...ที่เป็นเพื่อนสนิทกันด้วยอ่ะครับ ก็เลยโดนสั่งเก็บ” ผมเล่าให้เขาฟังถึงสาเหตุ
“รัฐมนตรี...ที่เพิ่งลงนรกไป ก็ไอ้....หมามุ่ยน่ะเหรอ?” ผมพยักหน้า
พี่เมฆหัวเราะ
“แม่งผมก็คิดอยู่ว่าทำไมมันตายง่ายจัง ที่แท้หักหลังกันเอง”
“ผมไม่ได้อยู่ฝั่งไหนเป็นพิเศษ ทำงานให้ทั้งสองคน เสธฯกงมันเลยกลัวว่าผมจะเอาความลับไปบอกอีกคน”
“ไอ้เหี้ยนี่ก็สมควรตายอีกคน” พี่เมฆเสียงแข็งขึ้นมานิดหน่อย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงมันก็ต้องตาย”
ผมมองเขาตาปริบๆ ดูท่าเป้าหมายพี่เมฆก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่
อยากเห็นพี่เมฆเอาจริงจังแฮะ
“แล้วนี่ตามผมไป แน่ใจนะว่าเอาอยู่?” พี่เมฆเลิกคิ้วถามย้ำอีกครั้ง
“ผมยิงปืนแม่นนะ ถ้าห่วงนัก ผมเป็นสไนฯ ให้พี่ก็ได้”
“ห่วงจะโดนสอยร่วงก่อนอ่ะดิ ไม่ได้อยู่ใกล้กันซะด้วย”
“ผมไม่ได้บื้อขนาดนั้นหรอกน่ะ พี่เมฆนั่นแหล่ะอย่ามัวแต่เล่น นี่มาเสี่ยงตายนะเนี่ย ยังจะมานั่งกินสบายใจอยู่อีก”
“ผมก็เห็นนั่งแดรกเอร็ดอร่อยกันทุกคน มีแต่คุณนั่นแหล่ะคิดนกเงือกอะไรอยู่ได้”
ผมไปคิดนกเงือกตอนไหนวะ?
“เวลาแบบนี้มันต้องนั่งดูดาว เคล้าเสียงคลื่น โรแมนติกป่ะล่ะ นี่ถ้าไม่เกรงใจว่ารีบไป ผมจะบอกคนขับจอดเรือตกหมึกก่อนนะเนี่ย”
“อารมณ์พี่แม่งโคตรสุนทรีย์เลย” ผมประชด
“มายด์จ๋า มายด์ครับ พูดเพราะๆ สิครับ”
“ผมติดมาจากพี่นั่นแหล่ะ”
“ฮ่าๆ อย่าติดเยอะแล้วกัน แค่นี้พอแล้ว ให้อภัย”
ผมมองพี่เมฆเคืองๆ แล้วไม่รู้ทำไม ผมถึงอยากกอดเขาจัง
ผมตัดสินใจทำอย่างที่ใจคิดทันที ยกมือโอบเอวพี่เมฆ แล้วเอาหูแนบที่หน้าอกแข็งแรง
“หื่นอะไรกันวะครับ? อดใจไม่ไหวล่ะสิ ฮ่าๆ” พี่เมฆยกมือขยี้หัวผมแล้วกอดตอบแน่นๆ ผมเผลอยิ้มออกมา
“ถ้าแค่กอดเรียกหื่น แล้วที่พี่ทำกับผมล่ะเรียกว่าอะไร”
“เรียกว่า...เอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี”
“เอาอย่างอื่นใส่มากกว่า”
“ใจผมมันลงไปตรงนั้นหมดแล้วไง”
“ทะลึ่ง”
“คุณเริ่มก่อนนะ ฮ่าๆ”
“ผมรักพี่ได้ไงวะเนี่ย” ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง ไม่เคยถามตัวเองมาก่อน จนถึงตอนนี้...
“เป็นเมียผมมาตั้งนานยังไม่รู้อีกเหรอวะ เพราะผมมีแต่ความดีงามได้ ดีทั้งตัวทั้งหัวใจ หล่อบริสุทธิ์จนแม้แต่เทวดายังตกหลุมรัก”
“ชมตัวเองเอาโล่เลยนะพี่เนี่ย”
“แหม มายด์ครับ อย่าปฏิเสธความจริงเลย ตั้งแต่หายความจำเสื่อมนี่ชักต่อปากต่อคำเก่งขึ้นนะ”
“รำคาญเหรอ?”
“อืม” ผมชะงักกึก รีบปล่อยแขนทันที พี่เมฆกวนตีน!
“อืม ไม่รำคาญเลย ฟังให้จบก่อนดิ” พี่เมฆเดินมาดักหน้าแล้วคว้าผมเข้าไปกอดเหมือนเดิม
“ถ้าอืมมันก็คือตอบรับไปแล้ว อย่ามาแถ”
“โห... ปากดีจนน่าเอา...ยัด”
“เอาอะไรยัด พูดดีๆ นะ”
พี่เมฆหัวเราะแล้วก้มหน้าลงมาเอาปากกับจมูกชนแก้มผมแล้วกดลงอย่างแรง
“คุณไม่เอ๋อเหมือนเก่าก็ดีไปอีกแบบว่ะ สนุกดี”
“คิดแต่จะแกล้งผมล่ะสิ”
“คุณมันน่าแกล้งนี่หว่า น่า...อย่างอื่นด้วยนะ” พี่เมฆยิ้มกริ่มกวนตีน
“ทะลึ่งอีกและ” หน้าผมไม่หนาเหมือนเขานะ แล้วตำแหน่งผมก็ไม่ได้น่าภาคภูมิใจเท่าไหร่ด้วย
“ผมติดมาจากคุณนั่นแหล่ะ” พี่เมฆโยนผมอีกแล้ว
“ปกติผมเป็นคนใสๆ ไร้มลพิษนะ ตั้งแต่มีคุณเข้ามา รู้ไหม ผมใจแตกเลย”
ผมหน้าบึ้งใส่ เพราะไม่รู้จะเถียงยังไงดี เขาเล่นเอาเรื่องตัวเองมาโยนผมทั้งนั้นเลย
“ทำหน้าแบบนี้ อยากโดนจูบล่ะสิ” พี่เมฆยังไม่หยุดกวนประสาท
“ครับ รอมานานแล้ว” ผมท้าทายกลับ พี่เมฆเลิกคิ้วก้มหน้ามาจริงๆ
เหลือบมองปากกำลังจะแตะโดนกันแต่ผมได้ยินเสียงนี้ขึ้นมาก่อน
“เอ่อออออออออะ!!!!”
เสียงเรอไม่ดังแต่ไม่เบา
ผมอึ้งไปชั่วขณะกับกลิ่นหอย
“อุ่ย โทษๆ ผมควบคุมพลังตัวเองไม่อยู่อ่ะ”
“ไอ้พี่เมฆบ้า” แมร่งเรออัดหน้าผม
ค่ำคืนนี้ผมนอนหลับอย่างไม่เป็นสุข มันกังวล แล้วก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่ใกล้จะต้องไปเผชิญ
ผมเช็คปืนและอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ ส่วนพี่เมฆ กินอิ่มก็นอนหลับคร่อก
ชีวิตนี้จะไม่มีความกลัวอะไรกับเขาบ้างเลยใช่ไหม?
ผมหมั่นไส้ เลยเอามือไปบีบจมูกเขาส่ายไปมา
ผมรู้พี่เมฆไม่ใช่คนหลับลึกหรอก เขาแกล้งไม่สนใจแล้วนอนต่อต่างหาก
ผมนั่งมองเขาอยู่นาน มองแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
ผู้ชายอันตรายที่เขาร่ำลือกัน แท้จริงแล้ว... ออกจะปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล ใช่เลย นี่ล่ะนิยามพี่เมฆ
ถ้าไม่เถื่อน ก็ฮา รั่วสุดขีดอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมยกนิ้วเคาะรหัสสากลที่พี่คมบอกกับแขนพี่เมฆ
เคาะบอกเขาว่า
‘นอนไม่หลับ กอดหน่อยสิ’
พี่เมฆเล่นตัวแกล้งนิ่งนาน แต่สักพักเขาก็กางแขนออกมา ทั้งที่ตายังหลับอยู่
ผมอมยิ้มก่อนทิ้งตัวลงนอนในอ้อมกอดอุ่นของเขา
เรือมาถึงใกล้ฝั่งตอนกลางดึก พี่เป็ดเข้ามาเอาเท้าเขี่ยให้พี่เมฆตื่น แล้วบอกให้พวกเราเตรียมตัว
“ยังจะมีอารมณ์หวานแหววกันอีกนะพวกมึง สองนาทีเก็บของให้เสร็จเลยนะ จะลงน้ำกันแล้ว”
“หาห่วงยางให้มายด์ด้วยนะ” พี่เมฆบอกพลางอ้าปากหาว
“ห่วงยางพ่อมึงสิไอ้เหี้ย” พี่เป็ดไม่เสียเวลาต่อปากต่อคำ เขาเดินออกไปทันที
“แมร่งเอ๊ย เหี้ยเต็มหน้ากูเลย” พี่เมฆลุกขึ้นหาของ
“ใช้อันไหนดีวะมายด์ เลือกไม่ถูกว่ะ” พี่เมฆมองปืนในกระบะที่ขนมาอย่างคิดหนัก
เรื่องแบบนี้มันต้องเตรียมตัวมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเลือก!
ผมขี้เกียจจะบ่น เพราะเดี๋ยวเขาจะพานอกเรื่อง
“อยากใช้แบบไหนล่ะครับ?” ผมก็มีความรู้เรื่องนี้พอสมควรนะ
“อันที่ยิงรัวๆ เลือกให้หน่อยละกัน ผมขอนอนต่อห้านาที”
“อย่า!!! ห้ามนอน พี่เป็ดให้แค่สองนาที”
“หยวนๆ น่ะ”
“พี่เมฆ!!!”
ผมเลือกปืนพก กับปืนกลให้เขาอย่างละกระบอก เพราะพี่เมฆบอกว่าจะไม่ยอมพกเยอะให้เป็นภาระ ผมว่าเขาทำงานประมาทมากเลย แต่ทำไมถึงอยู่รอดปลอดภัยได้จนทุกวันนี้ก็ไม่รู้
“เชรด เมียกูเป็นมือสไนฯ” พี่เมฆมองปืนที่ผมเตรียมไว้อย่างทึ่งๆ
“ฮาร์ทช็อตเท่านั้นอ่ะผม” ผมยืดบ้าง
“ของผม Ass shot เล็งอัดตูดเท่านั้น เอาให้แมร่งปวดขี้แล้วขี้ไม่ได้ ทรมานตายเลย”
“ผมว่ามันคงไม่ได้ขี้แล้วแหล่ะ” คงตายซะก่อน
“พก UZI ไปด้วย อันนี้ไม่หนักมาก” พี่เมฆมองๆ แล้วหยิบปืนกลกระบอกนึงส่งมาให้ผม
“อย่างอื่นก็ไปหาเอาข้างหน้า มีเยอะให้เลือกสรร เลือกกันไม่หวาดไม่ไหวเลยล่ะคุณ”
ก็นั่นมันแหล่งซ่องสุมอาวุธเลยนี่นา...
พอเราเตรียมตัวเสร็จ ก็ออกไปหาพี่เป็ดที่หัวเรือ
“กูจะทวนอีกครั้ง ตามแผน พวกเราลงน้ำแล้วไปขึ้นฝั่งอีกประมาณห้าร้อยเมตร ทิศตะวันตกจะมีป้อมพวกมันอยู่ ป้อมเล็กเก็บพวกฟืนกับเชื้อเพลิง อย่าเผลอทำไฟไหม้ล่ะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง”
“แล้วจะได้แดรกข้าวเช้าเมื่อไหร่?” พี่เมฆถาม พี่เป็ดได้แต่ส่งสายตาเชือดเฉือนมาให้เป็นคำตอบ
“ใช้ห่วงยางไปก่อนนะ มันต้องว่ายไกล เดี๋ยวพอใกล้ถึงค่อยถอดทิ้ง” พี่เมฆหยิบเสื้อชูชีพสีทึมๆ ส่งให้ผม
เพิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นห่วงจริงๆ ก็คราวนี้ ผมทำตามโดยไม่โต้แย้งอะไร เพราะไม่ชัวร์ว่าตัวเองจะทนว่ายน้ำในที่มืดได้ไกลจริงๆ
“เอาดีๆ นะมึง ถ้าใครทำพลาดกูไม่เลี้ยงไว้แน่” พี่เป็ดยังคงไม่มั่นใจผมเหมือนเดิม เห็นมาขู่หลายทีแล้ว
“ขู่หาพี่มึงเหรอ ไม่มีเชี้ยไรทำ ก็ไปขุดปลวกแดรกซะไป” พี่เมฆไล่ด้วยสีหน้ารำคาญ
เมื่อก่อนผมคงทนดูถูกได้ เพราะไม่มีน้ำยาจะไปสู้ใครเขาได้จริงๆ
แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ผมก็มีดีของผมเหมือนกันนะ!
H
งานยุ่งมากกกกๆ กลับบ้านก็น็อคแล้ว ไม่มีเวลาพิมเลยค่ะ เพิ่งจะว่าง ขอโทษด้วยนะคะ
เดี๋ยวตอนหน้าจะพาไปบู๊แล้ว ไปกับพี่เมฆก็คงไม่พ้นบู๊แบบรั่วๆ เหมือนเดิมนั่นแหล่ะ