≡▉≡ interstellar ♗ รัก➀ล้านปีแสงตอนที่ 15 ลมหายใจของเนตั้น "เอาล่ะ ที่ฉันเรียกทุกคนมาวันนี้เพราะฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบ" เจ้าของน้ำเสียงหยุดเว้นจังหวะ มองหน้าทีละคนที่นั่งอยู่รายรอบโต๊ะประชุม สีหน้าคนพูดดูเศร้าหมองและเครียดอย่างเห็นได้ชัด คงไม่ใช่ข่าวดีอย่างแน่นอน
"รัฐบาลกลางของดาวไวท์ทอลส่งสาส์นมาเตือนรัฐบาลของเราเป็นครั้งที่สองแล้ว เราต้องส่งมนุษย์ต่างดาวที่เราจับตัวมาคืนกลับสู่ดาวโลกให้เร็วที่สุด ไม่อย่างงั้นจะเจอมาตรการขั้นเด็ดขาด คิดว่าทุกคนคงรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร"
ทันที่ที่ผู้อำนวยการพูดจบ ทุกคนที่นั่งรายล้อมรอบโต๊ะก็นั่งนิ่ง มองหน้ากันไปมา เมื่อยังไม่มีใครแสดงความคิดเห็น ผู้อำนวยการจึงถอนหายใจสั้นๆ และแจ้งเรื่องสำคัญอีกเรื่อง
"ตอนนี้...มนุษย์ที่เราจับตัวมาจำนวนยี่สิบแปดคน เสียชีวิตจากการทดลองไปแล้วสองคน เสียชีวิตจากการปรับตัวไม่ได้อีกห้าคน และสูญหายบนยานอวกาศของเราอีกหนึ่งคน...อย่างที่พวกเราทราบ เพราะฉะนั้น...เรามีมนุษย์ต่างดาวเหลืออยู่เพียงยี่สิบคนที่จะต้องตัดสินใจว่าจะทดลองต่อ หรือจะส่งคืนกลับดาวโลกที่กาแล็กซี่เนบิวลา"
"ฉันว่า...เราส่งพวกเขากลับเถอะ" เนบิวลาโพล่งขึ้นมาหลังจากที่นั่งฟังอยู่สักพัก คนอื่นๆ หันมามองเป็นตาเดียวกัน โดยเฉพาะพิทอราที่เป็นหัวหน้าแต่กลับนั่งเงียบ
"แล้วนายคิดว่ารัฐบาลของเราจะยอมเหรอ" ผู้อำนวยการถามกลับ
"เรามีทางเลือกด้วยเหรอท่านผู้อำนวยการ พวกไวท์ทอลเตือนแล้ว ถ้าเราไม่ทำตามที่พวกมันต้องการ ทุกคนก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสู้พวกมันไม่ได้ครับ พวกมันสามารถฆ่าคนทั้งดวงดาวของเราได้แค่เสี้ยววินาที หรือแม้กระทั่งทำลายล้างดาวทั้งดวงให้หายในพริบตาก็ย้งได้เลย พวกมันเคยทำแบบนี้กับดาวดวงอื่นมาแล้ว พวกเราคงเคยเห็นมาแล้ว ในจักรวาลนี้ มีแค่ดาวทีมูลาพันเวเท่านั้นที่พวกมันไม่กล้าทำอะไร"
แม้เหตุผลของเนบิวลาจะน่าฟังสักแค่ไหน แต่ในฐานะคนที่ต้องไปเจรจาด้วยตัวเองก็หนักใจไม่น้อย
"พวกนายก็รู้ว่ารัฐบาลชุดนี้บ้าอำนาจมากแค่ไหน ก่อนหน้านี้ที่พวกนายคัดค้านเรื่องการทดลอง รัฐบาลก็ไม่ฟัง"
"แต่ครั้งนี้...รัฐบาลต้องฟังเรา เอาอย่างงี้ละกัน พวกเราขอตามผู้อำนวยการไปด้วย ถ้าพวกเราช่วยกันยืนยัน ท่านประธานาธิบดีต้องฟัง ไม่อย่างงั้นแล้ว...เรื่องที่ถูกปิดเป็นความลับจะต้องถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ รัฐบาลชุดนี้ก็จะอยู่ไม่ได้"
น้ำเสียงและสีหน้าจริงจังหนักแน่นของเนบิวลาทำให้ทุกคนฮือฮาทั้งโต๊ะ
"ฉันเห็นด้วย" อาเซนเจอร์ยกมือสนับสนุนอีกหนึ่งเสียง จากนั้นคนอื่นๆ ก็ยกมือสนับสนุนตาม
เนบิวลาหันไปยิ้มให้อาเซนเจอร์เป็นการขอบคุณ แม้ว่าเรื่องหัวใจอาจจะขัดแย้งกันบ้าง แต่พอเป็นเรื่องงาน อาเซนเจอร์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเสมอ
เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันอย่างนั้น ผู้อำนวยการจึงขัดไม่ได้ "เอาล่ะ งั้นฉันขอเวลาติดต่อกับทางสำนักประธานาธิบดีก่อน ถ้านัดหมายได้แล้วฉันจะแจ้งให้พวกเราทราบกันอีกที ในระหว่างนี้...ฉันจะขอให้ระงับการทดลองไว้ก่อน ถ้าจำเป็น ก็อาจจะต้องย้ายมนุษย์กลุ่มนี้ไปพักที่อื่นที่มีสภาพดีกว่านี้ ไม่งั้นมนุษย์ที่เหลืออาจจะตายทั้งหมดก่อนถูกส่งกลับก็ได้"
"ฉันว่า...เรารีบดำเนินการย้ายให้เร็วที่สุดดีกว่าผู้อำนวยการ มนุษย์ต่างดาวที่เราจับมาตายไปแล้วห้าคน แค่นี้ก็ผิดมากพอแล้ว ถ้าปล่อยให้มีการตายมากกว่านี้ พวกเราจะชดเชยความสูญเสียนี้ได้ยังไง ที่ดวงดาวของเรามีบ้านพักสำหรับมนุษย์ต่างดาวอยู่ ให้พวกเขาไปพักที่นั่น อย่างน้อยได้กินอาหารดีๆ ได้เห็นแสงสว่าง ได้อยู่กับธรรมชาติ พวกเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไป และมีโอกาสได้กลับไปหาคนที่พวกเขารักที่ดาวโลกอีกครั้ง"
พิทอราที่นั่งเงียบอยู่ชิงสนับสนุนแนวคิดนี้ขึ้นมาก่อนใคร อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการแสดงภูมิบ้าง เห็นความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของเนบิวลาแล้วพิทอราก็อดหวั่นใจไม่ได้ ใครๆ ต่างก็คาดหวังว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะขึ้นมาแทนที่เขาในอนาคต ดูท่าทางจะเป็นจริงอย่างนั้นเสียด้วยสิ
"เดี๋ยวฉันจะทำเรื่องให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน" ผู้อำนวยการรับปากกลางที่ประชุม เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่าเขาจะไม่บิดพลิ้วอย่างแน่นอน
"เอาล่ะ นี่คือเรื่องสำคัญทั้งที่ฉันเรียกทุกคนมาประชุม ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของเราเป็นอย่างดี ฉันต้องขอโทษด้วยที่รบกวนเวลาพักผ่อนของหลายๆ คน แล้วก็อาจจะต้องรบกวนอีกรอบถ้าฉันสามารถนัดหมายกับท่านประธานาธิบดีได้ หวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมืออีกครั้ง ขอปิดการประชุม"
พอกล่าวจบ ผู้อำนวยการก็เดินดุ่มๆ ก้มหน้าออกไปจากห้องโดยไม่พูดจากับใครเลย คนที่เหลือค่อยๆ ทยอยตามกันออกไป บางส่วนยังต้องทำงานอยู่ที่สำนักงาน แต่ส่วนใหญ่คนที่ถูกเรียกมาประชุมครั้งนี้คือคืนที่เดินทางไปกับยานอวกาศและได้สิทธิ์พักผ่อนหนึ่งเสี้ยวฤดู
"ได้ข่าวว่าเธอเลิกกับแม่สาวน้อยอะเนดาแล้วเหรอ" อาเซนเจอร์ถือโอกาสเดินเข้ามาถามความคืบหน้าชีวิตของอดีตหนุ่มคู่ขาขณะที่กำลังจะออกไปจากห้อง
"ใช่...เธอรู้ได้ยังไง" เนบิวลาถามอย่างแปลกใจ
"รู้สิ พอดีฉันเจอสตรอนเทียตอนที่เธอไม่อยู่ ก็เลยถาม ว่าแต่...เธอหายไปไหนมาเหรอ"
"ฉันยังบอกไม่ได้หรอก เดี๋ยวเธอก็รู้"
อาเซนเจอร์พยักหน้าเข้าใจ "คนรักใหม่ของเธอเป็นใครกันแน่ ไม่เห็นเปิดตัวซะทีล่ะ"
"อีกไม่นานหรอก ขอให้ฉันจัดการเรื่องยุ่งๆ เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่ถูกจับตัวมาซะก่อนละกัน"
"ฉันละตื่นเต้นจริงๆ หวังว่าคงไม่ใช่ผู้ชายละกันนะ" อาเซนเจอร์ขำเบาๆ
เนบิวลาเอียงคอมอง ยิ้มมุมปาก
"แล้วถ้าฉันจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ"อาเซนเจอร์ยักไหล่ "ก็ไม่แปลกหรอก แต่ผิดคาดนิดหน่อย แต่ว่า...ฉันก็ยังรอเธออยู่นะ วันไหนเบื่อๆ ก็...มาหาฉันได้" อาเซนเจอร์ส่งสายตาวิบวับให้ชายหนุ่มตรงข้ามด้วยหวังว่าจะได้รับคำตอบอย่างที่เคยได้รับ
เนบิวลาหัวเราะร่วน เอามือล้วงกระเป๋า ยกยิ้มมุมปากให้ดูเท่ "ดูท่าทางฉันจะไม่เบื่อง่ายๆ แล้วน่ะสิอาเซนเจอร์"
"โธ่..." อาเซนเจอร์ทำหน้าเสียดาย "ช่างเถอะ อ้อ...แล้วโครงการดวงอาทิตย์เทียมของเธอไปถึงไหนแล้วล่ะ"
"เพิ่งเริ่มเอง อีกสองสัปดาห์ฉันจะกลับมาทำต่อ ฉันขอตัวก่อนละกันนะ ฉันต้องรีบไป คนรักของฉันรออยู่"
ยังไม่ทันที่อาเซนเจอร์จะอ้าปากตอบรับ เนบิวลาก็เดินตัวปลิวออกไปเสียก่อน เพิ่งกลับมาจากดาวทีมูลาพันเวได้ไม่ถึงสิบช่วงงานก็โดนเรียกตัวมาประชุมเสียก่อน ดีที่ว่าเนบิวลาช่วยจัดการพาเนตั้นไปรายงานตัวต่อสำนักงานตรวจมนุษย์จากต่างดวงดาวแล้ว จึงได้บ้านหนึ่งหลังให้เนตั้นพักอยู่ ส่วนยานอวกาศจะถูกนำมาส่งให้ภายหลัง
ดาวแม็กโซนาเดียเข้าสู่ฤดูหนาวได้สองสามวันแล้ว ทันทีที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศก็ลดต่ำลงอย่างฉับพลัน จากอุณภูมิประมาณยี่สิบสองถึงยี่สิบสี่องศาเซลเซียสก็เหลือเพียงลบห้าถึงลบสิบองศา ทั้งนี้เป็นเพราะว่าดาวแม็กโซนาเดียโคจรเป็นวงรีรอบดวงอาทิตย์แบบไม่สมมาตรเล็กน้อย อุณหภูมิจึงลดอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว และอาจลดต่ำลงไปถึงลบหกสิบองศาในอีกหนึ่งเสี้ยวฤดูข้างหน้า
หิมะโปรยปรายลงมาปกคลุมต้นไม้ บ้านเรือน ทางเดินและสิ่งต่างๆ จนมองไปทางไหนก็เห็นแต่สีขาวโพลนเต็มไปหมด แม้จะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเนตั้นมากแค่ไหนเพราะไม่เคยเห็นหิมะมาก่อน แต่หนุ่มน้อยกลับได้แต่นั่งมองดูอยู่ในบ้านอย่างเงียบๆ เหงาๆ ในบ้านนี้ไม่มีชุดกันหนาวเลยเพราะยังไม่ได้ซื้อมาเตรียมไว้ เนตั้นจึงแค่ออกไปเดินดูแป๊บเดียวแล้วก็วิ่งกลับเข้ามาเพราะทนความหนาวไม่ไหว
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือนั่งเหม่อมองดูหิมะที่หล่นโปรยปรายผ่านกระจกใสอยู่ภายในบ้าน แม้ข้างนอกจะหนาวขนาดไหนแต่อากาศในบ้านกลับอุ่นสบายด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ถูกนำมาใช้ทำระบบฮีตเตอร์
จนกระทั่งใกล้เวลาอาหารก่อนนอน เงามืดๆ กลมๆ ก็ปรากฎอยู่ที่ลานจอดยานหน้าบ้าน ไม่นานนักก็เห็นยานอวกาศที่เนตั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดีดิ่งตัวลงมาจอดอย่างช้าๆ หนุ่มน้อยลุกขึ้นด้วยความดีใจและวิ่งไปรอที่หน้าประตูอย่างกระตือรือร้น
ทันทีที่ประตูเปิดออก เนตั้นก็ส่งรอยยิ้มให้หนุ่มตาคมที่เพิ่งมาถึงทันใด เนบิวลารีบเดินเข้ามาในบ้านแล้วตรงเข้ากอดผู้มายืนรออย่างรักใคร่พร้อมๆ กับประตูบ้านที่ปิดเองอัตโนมัติ
"คิดถึงเนตั้นที่สุดเลย อยู่คนเดียว...ไม่เป็นไรใช่ไหม"
เนตั้นไม่ตอบคำถาม แต่กอดและซุกตัวเข้าหาแน่น ช่วงหลังๆ มานี้ เนตั้นเพิ่งรู้ตัวว่าแทบจะขาดเนบิวลาไม่ได้ หนุ่มตาคมผู้นี้เปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่าง จะเรียกว่าเป็นลมหายใจก็คงไม่ผิดนัก เพราะเนบิวลาเป็นคนเพียงคนเดียวในจักรวาลนี้ที่เนตั้นรับรู้ได้ถึงความรักที่อีกคนมีให้อย่างจริงใจ
"คิดถึงฉันหรือเปล่า" เนบิวลาเปลี่ยนเป็นถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ
"คิดถึงสิ" เนตั้นสารภาพด้วยเสียงอู้อี้
"คิดถึงมากไหม"
"อือ" พอถูกถามย้ำ เนตั้นกลับตอบสั้นๆ คำเดียว เนบิวลาขำเบาๆ เมื่อเห็นอีกคนออกอาการเขินจนไม่กล้าบอกว่าคิดถึงมากหรือเปล่า แต่กอดแน่นซะขนาดนี้ ถึงไม่บอกก็คงรู้
"ไปเล่นหิมะกันไหมเนตั้น นายไม่เคยเห็นหิมะไม่ใช่เหรอ"
เนตั้นผละตัวออกอย่างรวดเร็ว ยิ้มแป้นด้วยความดีใจ "ไปสิ แต่ว่า...มันหนาวมากๆ เลย ฉันไม่มีเสื้อกันหนาวใส่ ในบ้านก็ไม่มีเลย"
"ฉันสั่งมาให้นายแล้ว นั่นไง มาพอดีเลย"
เนบิวลาบอกพลางชี้ให้ดูยานส่งของขนาดเล็กที่นำพัสดุมาส่งให้ที่แท่นรับของ กล่องสีเขียวๆ ที่วางอยู่บนแท่นค่อยๆ เลื่อนผ่านช่องรับของเข้ามาที่ตรวจสอบความปลอดภัย เมื่อผ่านการแสกนและพบว่าไม่มีอันตรายแล้ว กล่องดังกล่าวจึงเลื่อนผ่านช่องตรวจความปลอดภัยเข้ามาที่แท่นรับของข้างในบ้านอีกที
เนบิวลาเดินไปที่แท่นรับของดังกล่าวโดยมีเนตั้นวิ่งตามมาดูด้วย จากนั้นจึงกดรหัสลับในการซื้อที่ตัวกล่อง กล่องจึงเปิดออก เผยให้เห็นชุดกันหนาวสองชุดในนั้น แต่ละชุดประกอบด้วยเสื้อกันหนาวบางๆ ใสๆ กางเกงขายาว หมวกกันหนาว ถุงมือหนึ่งคู่และถุงเท้าอีกหนึ่งคู่ ทุกอย่างล้วนแต่ดูบางใสจนไม่คิดว่าจะกันความหนาวได้เลย ยกเว้นรองเท้าใส่ลุยหิมะที่ดูทึบและหนาหน่อย
พอรับของเสร็จแล้ว กล่องเขียวดังกล่าวก็เลื่อนออกไปข้างนอก ยานส่งของที่ยังลอยตัวรออยู่ก็ดูดกล่องนั้นขึ้นไป เพียงพริบตาเดียวยานขนาดเล็กก็หายไปด้วยความเร็วสูง
"นายใส่ถุงเท้า ถุงมือ จากนั้นก็สวมเสื้อตัวนี้เข้าไปนะ ปิดท้ายด้วยหมวกนี้" เนบิวลาบอกพลางชี้ของบนแท่นรับแต่ละชิ้นที่เนตั้นต้องใส่ให้ดูไปด้วย
"มันกันหนาวได้เหรอเนบิวลา ทำไมมันบางแล้วก็ใสอย่างงี้ล่ะ" เนตั้นทำหน้าฉงน พอหยิบถุงเท้ากับถุงมือมาดูแล้วก็ยิ่งไม่แน่ใจใหญ่ว่าจะกันหนาวได้จริง
"ได้สิ ชุดนี้ทอด้วยเส้นใยพิเศษ มันกันคลื่นความหนาวเย็นได้ดีมากๆ ทำจากใยของสัตว์ชนิดหนึ่งที่นี่ ในหน้าหนาว สัตว์ชนิดนี้จะทอใยกันหนาวออกมาหุ้มตัวไว้ พอพ้นหน้าหนาวมันก็จะทิ้งไป เราก็เลยไปเก็บเอามาทอเป็นชุดกันหนาว นายลองใส่ดูสิ เดี๋ยวนายก็จะรู้เอง มา...เดี๋ยวฉันใส่ให้ดู เห็นบางๆ อย่างนี้แต่มันเหนียวมากนะ"
ว่าแล้วเนบิวลาก็จัดการถอดรองเท้าของตัวเองออก หยิบถุงเท้าที่แสนบางมาใส่ให้ดูเป็นตัวอย่าง เนตั้นรีบทำตามอย่างไวเพราะความที่อยากออกไปเล่นหิมะเต็มแก่
เมื่อสวมชุดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สองหนุ่มใส่รองเท้าลุยหิมะเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะเดินแกมวิ่งออกไปข้างนอกตัวบ้านอย่างร่าเริงและตื่นเต้นด้วยกันทั้งคู่ แม้ว่าเนบิวลาเห็นหิมะจนชินแล้วก็ยังพลอยตื่นเต้นตามไปด้วย
"มันไม่หนาวจริงๆ ด้วย" เนตั้นบอกด้วยสีหน้าทึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าชุดที่บางใสจะกันความหนาวได้ดีขนาดนี้
"เห็นไหมล่ะ" เนบิวลาหันมายิ้ม
เนตั้นนั่งลงบนหิมะ เอามือกอบหิมะขึ้นมาแล้วก็โยนขึ้นไปบนอากาศ หิมะที่นี่แห้งและไม่จับตัวเป็นก้อน มันจึงฟุ้งกระจายคล้ายฝุ่นขาวๆ แล้วร่วงลงสู่พื้นตามเดิม หนุ่มน้อยหัวเราะร่าด้วยความชอบใจ แล้วก็กอบหิมะโยนขึ้นไปในอากาศอีกสองสามครั้ง
"วู้ววว"
เห็นเนตั้นเล่นเหมือนเด็กแล้วหนุ่มตาคมก็ยืนยิ้มมองดูอย่างเอ็นดู นี่แหละคือเสน่ห์ของเนตั้นที่ยากจะหาใครมาเทียบได้ ความใส บริสุทธิ์และไม่คิดซับซ้อนทำให้เนบิวลายิ่งหลงรัก คิดๆ ไปแล้วก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้เจอกัน ถ้าไม่ใช่เพราะจักรวาลลิขิตแล้วก็นึกไม่ออกเลยว่าพลังธรรมชาติใดกันที่จะทำให้สองคนที่อยู่ห่างกันแสนไกลมาเจอกันได้
"ไปเล่นตรงเนินเขาดีกว่าเนตั้น รองเท้าของเราออกแบบมาให้เล่นสกีได้ นายเคยเล่นสกีไหม" เนบิวลาถามพลางสาวเท้าเข้าไปใกล้
เนตั้นลุกขึ้นแล้วหันมายิ้ม ร้อยยิ้มพิมพ์ใจอย่างนี้ตราตรึงเข้าไปในหัวใจของผู้อยู่ใกล้จนหัวใจแทบจะหยุดเต้น เพราะเนตั้นไม่ได้ยิ้มแค่ใบหน้า แต่ทุกอย่างออกมาจากหัวใจที่บริสุทธิ์ ปราศจากการเสแสร้งใดๆ รอยยิ้มของเนตั้นจึงมีเสน่ห์น่าหลงใหล
"ไม่เคย" เนตั้นตอบพลางส่ายหน้า
"เดี๋ยวฉันสอนให้"
"โห...นายนี่เก่งสุดยอดเลยเนบิวลา ทำเป็นทุกอย่างเลย" เนตั้นชมอย่างจริงใจ
"เรื่องธรรมดา เด็กๆ ทุกคนบนดาวนี้เล่นสกีเป็นทุกคนนั่นแหละ"
"แต่ฉันว่านายต้องเล่นได้ไม่ธรรมดาแน่ๆ"
"งั้นก็ลองดู"
ว่าแล้วเนบิวลาก็วิ่งนำออกไป เนตั้นวิ่งตามไปอย่างไม่รอช้า เสียงหัวเราะพูดคุยกันดังได้ยินไปไกลหลายร้อยเมตร บ้านที่เนตั้นอยู่เป็นหมู่บ้านพิเศษที่จัดไว้สำหรับมนุษย์ต่างดาวที่ผ่านการตรวจสอบสถานะแล้ว แต่ละหลังอยู่ห่างกันไปหลายร้อยเมตร เนื่องจากดาวแม็กโซนาเดียมีขนาดใหญ่กว่าโลกจึงมีพื้นที่ใช้สอยมาก ตั้งแต่เปิดเสรีทางเพศและส่งเสริมให้เกิดเพศวิถีที่หลากหลาย อัตราการเพิ่มของประชากรจึงลดลงอย่างมาก ทำให้ดาวไม่แออัดและมีพื้นที่สำหรับที่พักอาศัยเพียงพอสำหรับทุกคน
หลังจากเล่นสกีจนเหนื่อย หนุ่มน้อยก็หมดแรงข้าวต้มเพราะกระดูกยังแข็งแรงไม่มากพอที่จะสู้กับแรงโน้มถ่วงของที่นี่ได้ไหว ขากลับจึงต้องขี่หลังเนบิวลากลับมา พอเดินมาได้สักพักจึงชวนคุยระหว่างเดินไปด้วย
"เสียดายจังเลยเนอะที่เราเอายานจากทีมูลาพันเวมาไม่ได้เลย"
"นายอยากขี่ไปเที่ยวให้ทั่วจักรวาลเหรอ" เนบิวลาหันไปมองข้างหลัง ยิ้มจางๆ แล้วหันกลับมา
"ใช่ คงสนุกดีนะ อีกอย่าง...ฉันก็อยากกลับไปดูที่ดาวโลกด้วย ไม่รู้ตอนนี้เป็นไงมั่ง"
"นายอยากกลับดาวโลกเหรอ" แม้เป็นเพียงการพูดปรารภ แต่เนบิวลากลับรู้สึกสะดุดใจเล็กน้อย
"อืม...ก็อยากกลับ แต่...ไม่ได้อยากกลับไปอยู่หรอก อยากไปเยี่ยมเฉยๆ"
"เหรอ...ทำไม่ไม่อยากกลับไปอยู่ล่ะ"
แม้เนบิวลาจะถามโดยอัตโนมัติตามบริบท แต่ก็เล่นเอาหนุ่มน้อยถึงกับเขินจนไม่กล้าตอบเลยทีเดียว
"อ้าว ทำไมไม่ตอบล่ะ ฉันอยากรู้จริงๆ นะ" เนบิวลาถามย้ำอีกรอบ
"ก็...ฉันอยากอยู่กับนายมากกว่า ที่ดาวโลก...ไม่มีใครรักฉันนี่"
เสียงตอบเบาๆ และติดๆ ขัดๆ บ่งบอกว่าคนพูดเขินปากไม่น้อย ส่วนคนฟังก็หัวใจพองโตและยิ้มอย่างมีความสุข
"อ้อ...จริงสินะ" เนบิวลาพยักหน้ารับรู้ไปด้วย
"นาย...เป็นทุกอย่างของชีวิตฉันเลย จริงๆ นะเนบิวลา ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"
แม้จะยังไม่ใช่คำว่ารัก แต่สิ่งที่เนตั้นพูดมาก็ช่างใกล้เคียงกับความรักเต็มที แค่นี้ เนบิวลาก็มีความสุขจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
"ขอบคุณนะเนตั้น" เนบิวลาไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านี้ หัวใจมันพองโตอิ่มเอมจนเกินกว่าจะสรรหาคำใดมาพูดได้ หนุ่มตาคมจึงเดินย่ำเท้าช้าๆ ไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร จนกระทั่งผ่านไปหลายอึดใจจึงเริ่มการสนทนาใหม่
"แล้วนายมีเพื่อนที่ดาวโลกหรือเปล่า"
"มีสิ มีอยู่คนหนึ่ง พักอยู่หอด้วยกัน ไม่รู้มันเป็งยังไงบ้างแล้วตอนนี้"
"นายคิดถึงเพื่อนเหรอ"
"ก็นิดหน่อย"
"อืม..." เนบิวลาหยุดคิดพร้อมกับหยุดเดิน "งั้นเราต้องหาเวลากลับไปที่ดาวทีมูลาพันเวอีกครั้งแล้วล่ะ จะได้ฝึกพลังจิตให้นิ่งกว่านี้ไง เผื่อคราวหน้าจะเอายานออกมาได้ ฉันจะได้พานายกลับไปเยี่ยมดาวโลกบ้าง ดีไหมเนตั้น"
"ดีสิ ฉันก็อยากไปอีกเหมือนกัน บางที...ฉันว่าเราไปอยู่ที่นั่นบ้างก็ดีเหมือนกันนะเนบิวลา เหมือนมีบ้านตากอากาศไว้พักผ่อนเลย แต่ว่า...ต้องฝึกจิตให้นิ่งกว่านี้ ไม่งั้นขายหน้าแย่เลย แอบนินทาให้เขาได้ยินไปทั่ว" เนตั้นพูดติดตลกในตอนท้าย เนบิวลาพลอยขำเบาๆ ไปด้วย
"เนบิวลา" เนตั้นหยุดเว้นจังหวะ สีหน้าครุ่นคิด เพราะดูเหมือนว่าสิ่งที่อยากถามอยู่นอกเหนือเหตุผลที่จะเข้าใจได้
"ถ้าเกิดว่าวันนึง...นายไม่เจอฉัน นายจะทำยังไง"เนบิวลาขมวดคิ้วสงสัยไปกับคำถาม รู้สึกใจหายลึกๆ และไม่เข้าใจว่าทำไมเนตั้นจึงถามอย่างนั้น
"ทำไม...นายจะหายไปไหนเหรอ นายหนีฉันไม่พ้นหรอก ไม่ว่านายจะอยู่ไกลแค่ไหนฉันก็จะตามหานายให้เจอ เชื่อฉันสิ"
"ถ้างั้น...นายต้องสัญญากับฉันนะ ถ้าฉันหายไป...นายต้องหาฉันให้เจอ เพราะว่า..." เนตั้นหยุดพูดคล้ายกับไม่แน่ใจบางอย่าง
"เพราะว่าอะไรเหรอ" เนบิวลาหันมาถามอย่างสงสัย
"ฉันจะเดินเองแล้วล่ะ เดี๋ยวนายเหนื่อย" เนตั้นเปลี่ยนเรื่อง เนบิวลาจึงย่อตัวลงเล็กน้อยให้เนตั้นลงยืนบนพื้นหิมะ
"ไปนอนคุยกันตรงนั้นดีกว่า" เนบิวลาชี้ไปทางเนินเขาที่ลาดลงไปเล็กน้อย
เนตั้นพยักหน้าเห็นด้วยแล้วเดินตามเนบิวลาที่เดินนำออกไปก่อน เพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึง สองหนุ่มนอนลงบนพื้นหิมะเคียงกัน มองฟ้าสีเขียวใสแล้วคุยกันต่ออย่างสบายอารมณ์
"ไม่รู้สิ ตอนนี้...ไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน ฉันก็มีแต่นาย ถ้าเกิดวันนึงนายไม่อยู่กับฉัน ฉันก็ไม่รู้จะเป็นยังไงเหมือนกัน"
"พูดอะไรอย่างงั้นล่ะเนตั้น"
เนตั้นเขยิบศีรษะขึ้นไปนอนบนหน้าอกของเนบิวลา หนุ่มตาคมยิ้มอย่างพอใจ ยิ่งนานวัน เนตั้นก็ยิ่งชอบคลอเคลียและคอยอยู่ใกล้ชิด บ่งบอกชัดเจนว่าหนุ่มน้อยติดเขามากขนาดไหน
"จริงๆ นะเนบิวลา ถ้าไม่มีนาย...ฉันก็คงไม่มีใครอีกแล้ว มันยังไงไม่รู้ ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ บอกไม่ถูกเหมือนกัน"
เนบิวลาลูบหมวกคลุมศีรษะของเนตั้นเบาๆ อย่างเอ็นดู "อย่าคิดมาก ถ้านายอยากอยู่กับฉัน ฉันก็จะอยู่กับนาย ฉันไม่ปล่อยให้นายหนีหายไปง่ายๆ หรอก เชื่อฉันสิ"
"เพราะนายรักฉันใช่ไหม" แม้จะรู้คำตอบดีแต่เนตั้นก็ยังมิวายถาม ลึกๆ ในใจแล้วเนตั้นก็ยังรู้สึกถึงความไม่มีคุณค่าและยังรู้สึกว่าตัวเองขาดความรักอยู่บ้าง เป็นผลพวงมาจากชีวิตในวัยเด็กนั่นเอง
"ใช่...เป็นเพราะฉันรักนาย" เนบิวลาเต็มใจที่จะบอกคำนี้เสมอ ไม่ว่าจะต้องบอกอีกกี่ครั้งก็ตาม แวบหนึ่งนึกสงสัยว่าเนตั้นรู้สึกรักเนบิวลาบ้างหรือยัง แต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะถาม เพราะคำนี้ควรเป็นคำที่เนตั้นควรบอกด้วยตัวเองมากกว่า
"สักวันหนึ่ง..ฉันจะรักนายนะเนบิวลา ฉันจะรักนายแน่ๆ"เนบิวลาไม่รู้สึกแปลกใจนักที่เนตั้นตอบอย่างนั้น แม้จะอยู่ด้วยกัน ใกล้ชิดกัน แต่เนบิวลาก็ไม่ได้เคยได้ยินคำว่ารักจากเนตั้นเลย กระนั้น เนบิวลาก็เชื่อว่าวันหนึ่งหัวใจของเนตั้นจะถูกเติมเต็มและรู้สึกถึงความมีคุณค่าของตัวเองได้อย่างแท้จริง วันนั้นแหละที่เนตั้นจะรู้จักความรัก
"ไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันรอนายได้เสมอ นายไม่ต้องกังวลนะ ขอให้ทุกอย่าง...เป็นไปตามธรรมชาติของมัน นายไม่ต้องฝืนใจ ไม่ต้องบังคับตัวเอง ความรัก...ต้องมาจากหัวใจของเราถึงจะเป็นความรักอย่างแท้จริง จริงไหม"
เนตั้นพยักหน้าเข้าใจ "ขอบคุณที่เข้าใจฉันนะเนบิวลา ว่าแต่...ฉันถามนายอย่างหนึ่งได้ไหม"
"ได้สิ นายอยากถามอะไรล่ะ" หนุ่มตาคมตอบรับโดยไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องลำบากใจที่จะตอบคำถามของหนุ่มน้อยผู้นี้
"ทำไม...นายถึง...เลือกฉัน ทำไมนาย...ไม่เลือก...อะเนดา" กว่าจะถามจนจบคำถามได้ก็ลากเสียงยาวจนแทบคางยาน "ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกว่า...การทิ้งคนๆ หนึ่งที่นายเคยรักมากๆ...ไม่น่าง่ายขนาดนี้ ฉันไม่รู้ว่านายพอจะบอกฉันได้หรือเปล่านะ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ถือซะว่าฉันไม่ได้ถามอะไรละกัน"
เจอคำถามยากอย่างนี้เข้าไป เนบิวลาก็ถอนหายใจยาวและคิดหนัก ก็จริงอย่างที่เนตั้นสงสัยนั่นแหละ การทิ้งคนรักคนหนึ่งที่เคยรักมากๆ ไม่น่าเป็นเรื่องง่าย แต่เนบิวลากลับแทบไม่ได้ใช้เวลาตัดสินใจเลยด้วยซ้ำ
"นายอยากรู้จริงๆ เหรอ" เนบิวลาถามย้ำ เนตั้นหันไปพยักหน้าด้วย
เนบิวลายังคงไม่เล่าทันที แต่ครุ่นคิดอยู่อีกครู่ใหญ่เลยทีเดียว "บนดาวดวงนี้นะเนตั้น ตราบใดที่คนสองคนยังไม่ได้ตัดสินใจจริงจังว่าจะอยู่ด้วยกัน เราก็ยังมีอิสระที่จะมองหาหรือมีความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ได้ เพราะยังมีสิทธิ์เลือกอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่เรายึดถือปฏิบัติตลอดมาและจะไม่ทำอย่างเด็ดขาดก็คือ...การแอบมีความสัมพันธ์กับเพื่อนของคนรัก เรื่องนี้...ถือว่ายอมรับไม่ได้อย่างเด็ดขาด ถ้าฉันทำอย่างงั้น...ฉันก็จะถือเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เอามากๆ เลยล่ะ คนที่นี่...เราให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนมากนะเนตั้น เราจะไม่หักหลังเพื่อน เพราะถ้ามีเพื่อนแล้วเราจะคบกันจนวันตาย"
"ฉันไม่เข้าใจ...นายหมายถึงอะไรเหรอเนบิวลา"
ไม่แปลกที่เนตั้นไม่เข้าใจ เนบิวลากลืนน้ำลายอึกใหญ่เพราะกำลังจะเปิดเผยความจริงที่แสนเจ็บปวดให้อีกฝ่ายรับรู้
"ก็เพราะว่า...อะเนดา...มีความสัมพันธ์กับเพื่อนของฉันน่ะสิ"เนตั้นรู้สึกตกใจไม่น้อยจนต้องลุกขึ้นนั่งและหันไปมองเนบิวลาที่นอนครุ่นคิดอย่างเต็มตา เพียงครู่เดียวเนบิวลาก็ลุกขึ้นนั่งบ้างพร้อมกับถอนหายใจยาว
"นายหมายถึงใคร อะเนดากับ..." ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่เนตั้นรู้สึกได้ว่าเพื่อนคนนั้นของเนบิวลาน่าจะหมายถึง...
"ใช่...สตรอนเทีย!" เนบิวลาพูดตอบเสียเอง "สองคนนั้น...แอบมีความสัมพันธ์กัน นี่ไง...ฉันถึงไม่ไว้ใจเขาอีกแล้ว ถึงฉันจะเคยรักเขามากแค่ไหน แต่ฉันจะไม่มีวันให้โอกาสผู้หญิงที่โกหกฉันเป็นอันขาด"
"เพราะอย่างงี้นี่เอง" เนตั้นพูดเสียงเบาจนเหมือนพูดกับตัวเอง ตอนอยู่ดาวโลก เนตั้นก็เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อนจึงเข้าใจความรู้สึกของเนบิวลาได้เป็นอย่างดี
"ช่างมันเถอะ มันผ่านไปแล้ว" หนุ่มตาคมบอกพลางยิ้มให้รู้ว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ
"แล้วนาย...จะทำยังไงกับสตรอนเทียล่ะ" เนตั้นไม่วายสงสัย เพราะดูเหมือนเนบิวลายังคงปฏิบัติต่อสตรอนเทียเหมือนเพื่อนตามเดิม
"สตรอนเทียเขาไม่ผิดหรอก ฉันเข้าใจว่าเพื่อนฉันไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่ได้เป็นคนเริ่ม คนเริ่มจริงๆ ก็คือ...อะเนดา"
"ทำไมนายถึงโทษผู้หญิงอย่างงั้นล่ะ" เนตั้นถามอย่างแปลกใจ เพราะที่ดาวโลก เรื่องนี้ไม่น่าเป็นสิ่งที่ผู้ชายควรพูด
"ทำไมเหรอ" เนบิวลาเอียงคออย่างสงสัย รู้สึกเหมือนตัวเองได้ทำอะไรบางอย่างที่ไม่ควรไปเสียแล้ว
"ไม่รู้สิ แต่ที่ดาวโลกของฉัน เราไม่ทำอย่างงั้นกันหรอก เราไม่ว่าผู้หญิงแบบนั้น"
"อ๋อ..." เนบิวลาลากเสียงยาว "แต่ที่นี่...เราพูดความจริงนะ ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าเพศไหนก็ตาม ถ้าทำไม่ถูกต้องก็ไม่มีข้อยกเว้นทั้งนั้น แล้วอีกอย่าง...ผู้หญิงที่นี่ไม่ใช่คนอ่อนแอนะเนตั้น แม้กระทั่งทางร่างกาย ผู้หญิงที่นี่ต่อสู้กับผู้ชายได้สบายๆ เลย นายอย่าเผลอไปมีเรื่องกับผู้หญิงเข้าล่ะ" เนบิวลาพูดติดตลกตอนท้าย
เนตั้นพยักหน้าเข้าใจ แม้ว่าจะเข้าใจได้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
"แล้วอย่างงี้ อะเนดาเขาจะโกรธฉันไหม ฉันรู้สึกว่าเขาโกรธฉันนะเนบิวลา เขาจะมาทำร้ายฉันหรือเปล่าล่ะ"
นั่นคือสิ่งที่เนบิวลาเองก็หวั่นใจ อะเนดามีแก๊งค์เพื่อนสาวอยู่กลุ่มหนึ่งที่ค่อนข้างหัวนักเลง ตอนที่เธอเรียนฝึกทักษะการดำรงชีวิตก็มักพาเพื่อนกลุ่มนี้ไปมีเรื่องกับผู้ชายบ่อยๆ หลังจากเปิดเสรีทางเพศแล้ว ดูเหมือนว่าผู้หญิงลดความอ่อนหวานลงไปมาก ความเกรงกลัวผู้ชายหายไปจนไม่หลงเหลือ ผู้หญิงที่นี่จึงไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่ดาวดวงอื่นที่มีวิวัฒนาการช้ากว่าจะเข้าใจได้
TBC